โลกเปลี่ยน ไทยต้องปรับ ทางเลือกใหม่ของการเมืองไทย ก้าวข้ามความขัดแย้ง สานพลังประชาราษฎร์ ร่วมสร้างชาติให้ยั่งยืน

หมวดหมู่: ข่าวกิจกรรม

ส.ส. ไผ่ ลิกค์ เผยคืบหน้าการสร้างบ้านให้ “น้องปุยฝ้าย” นักเรียนเรียนดีฐานะยากจน

,

ส.ส. ไผ่ ลิกค์ เผยคืบหน้าการสร้างบ้านให้ “น้องปุยฝ้าย” นักเรียนเรียนดีฐานะยากจน ที่มีความกตัญญู พร้อมขอบคุณหลายภาคส่วนร่วมให้การช่วยเหลือ

นายไผ่ ลิกค์ ส.ส. เขต 1 กำแพงเพชร พปชร. เผยถึงความคืบหน้าการให้ความช่วยเหลือ น.ส. บุญญาพร ทองทุ่ง (น้องปุยฝ้าย) อายุ 17 ปี นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 โรงเรียนหนองกองพิทยาคม ตำบลนาบ่อ อำเภอเมือง จังหวัดกำแพงเพชร ซึ่งเป็นนักเรียนดีฐานะยากจน อาศัยในบ้านที่สภาพทรุดโทรม และมีความกตัญญู จนมีหลายภาคส่วนให้การช่วยเหลือนั้น

ล่าสุด ได้มอบหมายทีมงาน พร้อมด้วยผู้ใหญ่บ้าน รองปลัด อบต. นาบ่อคำ ทีมงานกองช่าง อบต. นาบ่อคำ คณะครูโรงเรียนนาบ่อคำพิทยาคม พร้อมสื่อมวลชนร่วมติดตามความคืบหน้าการเตรียมการสร้างบ้านให้น้องปุยฝ้าย โดยขณะนี้ได้มีการปรับพื้นที่ วางแปลนบ้าน จัดหาทีมช่าง และเตรียมดำเนินการก่อสร้าง โดยจะเริ่มดำเนินการได้ทันที ซึ่งจะมีการยกเสาเอก นวันที่ 9 ธันวาคมนี้ วันนี้ทุกฝ่ายร่วมกันพูดคุยวางแผนเพื่อให้ทุกอย่างสำเร็จตามเป้าประสงค์ที่จะพัฒนาคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ของ น้องปุยฝ้าย ให้ดีขึ้น

ทั้งนี้ ต้องขอขอบคุณทุกฝ่าย ที่ประสานเข้ามาและให้การช่วยเหลือครอบครัวของน้องปุยฝ้าย มาในครั้งนี้ ขอบคุณที่ร่วมแรงร่วมใจกันเพื่อสานฝันให้กับครอบครัวหนึ่งครอบครัวเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีในทุกๆวัน ทางทีมงาน ส.ส. ไผ่ ลิกค์ ยังคงยินดีให้การช่วยเหลือพี่น้องประชาชนในทุกๆด้าน พี่น้องมีปัญหาเรียกใช้ไหว้วาน ส.ส. ไผ่ ลิกค์ และทีมงานได้เสมอ

#เพราะปัญหาของท่านคืองานของเรา
#สสไผ่ลิกค์ใจถึงพึ่งได้

ที่มา : facebook.com/PPRPThailand/
เมื่อวันที่ : 4 ธันวาคม 2564

ส.ส. จักรพันธ์ รองประธาน กมธ.ตปท.ร่วมหารือเอกอัครราชทูตเนปาล

,

ส.ส. จักรพันธ์ พปชร.รองประธาน กมธ.ตปท.ร่วมหารือเอกอัครราชทูตเนปาล กระชับความสัมพันธ์ระดับรัฐบาล รัฐสภาผนึกการค้า-ลงทุนระหว่างประเทศ

ส.ส. จักรพันธ์ พปชร. รองประธานคณะ กมธ.การต่างประเทศ ร่วมต้อนรับ พร้อมหารือความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ประเทศ ขับเคลื่อนการค้าการลงทุนในอนาคต

เมื่อวันที่ 2 ธ.ค. 2564 นายจักรพันธ์ พรนิมิตร ส.ส. กทม. เขต 30 พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะรองประธานกรรมาธิการการต่างประเทศสภาผู้แทนราษฎร ร่วมต้อนรับ นายคเณศ ประสาท ธกาล
(H.E. Mr. Ganesh Prasad Dhakal) เอกอัครราชทูตเนปาลประจำประเทศไทย ในโอกาสเข้าแนะนำตัวอย่างเป็นทางการ พร้อมหารือความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ประเทศ เพื่อร่วมกันขับเคลื่อนเศรษฐกิจ การค้า การลงทุนในอนาคตร่วมกัน ณ สัปปายะสภาสถาน

ทั้งนี้ได้มีการสนทนาในประเด็นต่าง ๆ อาทิ ความสัมพันธ์อันดีระหว่างกันทั้งในระดับรัฐบาล ระดับรัฐสภา และการกระชับความสัมพันธ์ผ่านกลุ่มมิตรภาพสมาชิกรัฐสภา และเรื่องของการค้า การลงทุน โดยทางประเทศเนปาลต้องการให้นักลงทุนไทย เข้าไปลงทุนในเนปาลมากขึ้น ตลอดจนนำเข้าสินค้าประเภทชา และพรมจากเนปาล ในการนี้เอกอัครราชทูตเนปาลประจำประเทศไทยได้เชิญคณะกรรมาธิการ เดินทางไปเยือนเนปาลเมื่อสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) คลี่คลายลงแล้วด้วย

ที่มา : facebook.com/PPRPThailand/
เมื่อวันที่ : 4 ธันวาคม 2564

“อธิรัฐ นำความห่วงใยจากนายกรัฐมนตรี สั่งการช่วยเหลือผู้ประสบภัยภาคใต้”

,

“อธิรัฐ นำความห่วงใยจากนายกรัฐมนตรี สั่งการช่วยเหลือผู้ประสบภัยภาคใต้ พร้อมติดตามสถานการณ์น้ำใกล้ชิด”

นายอธิรัฐ รัตนเศรษฐ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ตามที่ท่านพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม มีความห่วงใยถึงสถานการณ์อุทกภัยและผู้ประสบภัยในพื้นที่ภาคใต้และได้สั่งการให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มที่ ตนจึงได้สั่งการให้กรมเจ้าท่าตั้งศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยจำนวน 3 ศูนย์ เพื่อส่งเจ้าหน้าที่พร้อมยานพาหนะ เรือ ถุงยังชีพและน้ำดื่ม เข้าให้ความช่วยเหลืออย่างต่อเนื่องตั้งแต่วันที่ 25 พฤศจิกายน – วันที่ 3 ธันวาคม 2564 ในพื้นที่ 2 จังหวัดที่เกิดน้ำท่วม ได้แก่ จังหวัดชุมพร ที่อำเภอหลังสวน ในพื้นที่ตำบลนาพญา ตำบลบางมะพร้าว ตำบลปากน้ำ ตำบลบ้านพร้าว และจังหวัดสุราษฎร์ธานี ที่อำเภอไชยยา ในพื้นที่ตำบลเวียง โดยส่งกำลังเจ้าหน้าที่รวม 30 นาย พร้อมเรือ 8 ลำ รถ 8 คัน นำถุงยังชีพจำนวน 710 ชุด อาหาร 400 กล่อง และน้ำดื่ม 6,100 ขวด มอบให้แก่ผู้ประสบภัยในพื้นที่แล้ว

ทั้งนี้ ตนได้เน้นย้ำให้กรมเจ้าท่าโดยศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย สำรวจสภาพระดับน้ำในพื้นที่และยังคงให้เฝ้าติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด พร้อมจัดเตรียมความพร้อมทั้งรถ เรือ และชุดถุงยังชีพ เพื่อใช้ในการออกช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ต่อไป

ที่มา : facebook.com/PPRPThailand/
เมื่อวันที่ : 4 ธันวาคม 2564

“พล.อ. ประวิตร” หนุนเพิ่มผืนป่าเศรษฐกิจสร้างประโยชน์ให้ปชช. อนุรักษ์พื้นที่สีเขียว

,

“พล.อ. ประวิตร” หนุนเพิ่มผืนป่าเศรษฐกิจสร้างประโยชน์ให้ปชช. อนุรักษ์พื้นที่สีเขียว ตั้งเป้า ลดก๊าซเรือนกระจกเป็นศนูย์ ปี 2065

เมื่อวันที่ 3 พ.ย. ที่ทำเนียบรัฐบาลพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศแห่งชาติ ครั้งที่ 5/2564 ตั้งเป้าขยายพื้นที่ป่าอนุรักษ์ป่าเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น เดินหน้าลดก๊าซเรือนกระจกตามนโยบายรัฐ เป็นศูนย์ปี 2065 เพิ่มปริมาณพื้นที่สีเขียว ประชาชนใช้ประโยชน์ เพื่อประกอบอาชีพ ควบคู่รักษาสิ่งแวดล้อม ลดโลกร้อน เพิ่มแหล่งต้นน้ำ

พลเอก ประวิตร กล่าวว่า ตามยุทธศาสตร์ระยะยาวในการพัฒนาแบบปล่อยก๊าซเรือนกระจกต่ำของประเทศไทย กำหนดเป้าหมายการดูดกลับก๊าซเรือนกระจก มีมาตรการสำคัญ ได้แก่ การปลูกและฟื้นฟูป่าอนุรักษ์ การปลูกป่าเศรษฐกิจ การเพิ่มพื้นที่พื้นที่สีเขียว และการป้องกันการบุกรุกป่าและเผาป่า ทั้งนี้ การประชุมคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 19 ตุลาคม 2564 มีมติเห็นชอบ (ร่าง) ยุทธศาสตร์ระยะยาวในการพัฒนาแบบปล่อยก๊าซเรือนกระจกต่ำของประเทศไทย ซึ่งกำหนดเป้าหมายการดูดกลับก๊าซเรือนกระจกของประเทศ ภายใต้ยุทธศาสตร์ระยะยาวฯ ที่ 120 ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า ณ ปี พ.ศ. 2580 โดยการดูดกลับก๊าซเรือนกระจกมีบทบาทสำคัญต่อการบรรลุเป้าหมายการมุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน ภายในปี ค.ศ. 2050 และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ ในปี ค.ศ. 2065 ตามที่ประเทศไทยแถลงการณ์ไว้ที่การประชุม COP26 ณ เมืองกลาสโกว์ สหราชอาณาจักร

พล.อ. ประวิตรกล่าวว่า ทั้งนี้ที่ประชุมได้มีมติเห็นชอบการแต่งตั้งคณะอนุกรรมการการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศด้านการขับเคลื่อนและบริหารจัดการคาร์บอนเครดิตจากมาตรการการดูดกลับก๊าซเรือนกระจกของประเทศ โดยมี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นประธานอนุกรรมการฯ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รวม 30 คน ทำหน้าที่กำหนดแนวทาง หลักเกณฑ์กลไกหรือมาตรการส่งเสริมการปลูกป่าอนุรักษ์ ป่าเศรษฐกิจ และพื้นที่สีเขียวในเขตเมืองและชนบท ในการจัดสรรพื้นที่ปลูก อนุรักษ์ และฟื้นฟู รวมทั้งการแบ่งปันผลประโยชน์ระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน และภาคประชาชน

พล.อ. ประวิตรกล่าวว่า นอกจากนี้ที่ประชุมเห็นชอบให้กระทรวงมหาดไทย มอบหมายผู้ว่าราชการจังหวัด และกลุ่มจังหวัดทั่วประเทศไทย ร่วมเตรียมการจัดประชุมภาคีการขับเคลื่อนการปฏิบัติงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของไทย (Thailand Climate Action Conference : TCAC) ในเดือนมิถุนายน 2565 มุ่งเน้นการมีส่วนร่วมของพื้นที่ และร่วมกล่าวถ้อยแถลงคำมั่นสัญญาร่วมกันในลักษณะแถลงการณ์ร่วม/เป้าหมายการทำงานร่วมระหว่างภาครัฐ เพื่อแสดงวิสัยทัศน์ด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ รวมทั้งนำเสนอผลงานหรือโครงการที่มีความโดดเด่นในระดับจังหวัดหรือกลุ่มจังหวัด ทั้งด้านการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและการปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และแนวคิดการดำเนินการเพื่อยกระดับการแก้ไขปัญหาภูมิอากาศให้บรรลุเป้าหมายความเป็น
กลางทางคาร์บอนภายในปี ค.ศ. 2050 และบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ได้
ในปี ค.ศ. 2065

ที่มา : facebook.com/PPRPThailand/
เมื่อวันที่ : 3 ธันวาคม 2564

“ไทยสามัคคีทำดีด้วยใจ” ส.ส.ยุทธนา พปชร. ลุยเยี่ยมพบปะพี่น้องประชาชนต่อเนื่อง

,

“ไทยสามัคคีทำดีด้วยใจ” ส.ส.ยุทธนา บัญชีรายชื่อ พปชร. จ.สุพรรณบุรี ลุยเยี่ยมพบปะพี่น้องประชาชนต่อเนื่อง

ส.ส. พร้อมทีมงานลงพื้นที่ ต.หัวนาและ ต.หัวเขา อ.เดิมบางนางบวช จ.สุพรรณบุรี พบปะพี่น้องประชาชน-วิสาหกิจชุมชนเกษตรกรผู้ปลูกอ้อยแปลงใหญ่ พร้อมตรวจเยี่ยมศูนย์พักคอย และโครงการผันน้ำเข้าอ่างเก็บน้ำ เพื่อสำรองน้ำเพื่อเกษตรกรในช่วงฤดูแล้ง

นายยุทธนา โพธสุธน สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) พร้อมทีมงานลงพื้นที่ตรวจเยี่ยม ต.หัวนาและ ต.หัวเขา อ.เดิมบางนางบวช จ.สุพรรณบุรี โดยมี กำนันแดง ผญ.ประเทือง ผญ.นู ให้การต้อนรับและนำลงพื้นที่ ทั้งการไปตรวจเยี่ยม ศูนย์พักคอย (หัวนา) ตรวจเยี่ยมโครงการผันน้ำเข้าอ่างเก็บน้ำ พื้นที่ 100ไร่ ความจุ1ล้าน ล.บ.ม. เพื่อสำรองน้ำเพื่อเกษตรกรในช่วงฤดูแล้ง (หัวนา)

นอกจากนี้ ส.ส.ยุทธนา พร้อมคณะยังได้ไปตรวจเยี่ยมวิสาหกิจชุมชนเกษตรกรผู้ปลูกอ้อยแปลงใหญ่ หนองอีดอกโมเดล (หัวนา), ตรวจเยี่ยมสระเก็บน้ำ (หัวเขา) และได้สอบถามพูดคุยกับพี่น้องประชาชนถึงปัญหาต่างๆ ในชุมชนเพื่อนำไปปรับปรุง แก้ไข และพัฒนาต่อไป

#ไทยสามัคคีทำดีด้วยใจ

ที่มา : facebook.com/PPRPThailand/
เมื่อวันที่ : 3 ธันวาคม 2564

“ด้วยความห่วงใย” ส.ส. นิพันธ์ มอบตัวแทนร่วมกับผู้นำชุมชนลงพื้นที่

,

“ด้วยความห่วงใย” ส.ส.นิพันธ์ เขต1 พปชร.จ.ตรัง มอบตัวแทนร่วมกับผู้นำชุมชนลงพื้นที่ นำถุงยังชีพไปมอบให้พี่น้องและครัวเรือนที่ได้รับผลกระทบโควิด-19

นายนิพันธ์ ศิริธร สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดตรัง เขต1 พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการป้องกันปราบปรามการฟอกเงินและยาเสพติดสภาผู้แทนราษฎร ได้มอบหมายภารกิจให้ตัวแทนร่วมกับผู้นำชุมชนลงพื้นที่หมู่ที่ 4 บ้านหนองบัว ตำบลนาตาล่วง อำเภอเมืองตรังนำถุงยังชีพไปมอบให้กับพี่น้องและครัวเรือนที่ประสบกับวิกฤตโควิด19 จำนวน 8 ครัวเรือน นอกจากนี้ ยังมอบหมายภารกิจให้ตัวแทนลงพื้นที่หมู่ที่ 2 บ้านคลองขุด ตำบลหนองตรุด อำเภอเมืองตรังนำถุงยังชีพไปมอบให้กับพี่น้องและครัวเรือนที่ประสบกับวิกฤตโควิด19 จำนวน 4 ครัวเรือน และยังให้ตัวแทนลงพื้นที่ชุมชนต้นสมอ เขตเทศบาลนครตรังนำถุงยังชีพไปมอบให้กับพี่น้องและครัวเรือนที่ประสบกับวิกฤตโควิด19 จำนวน 12 ครัวเรือน อีกด้วย นายนิพันธ์ เผยว่าในโอกาสนี้ ขอเป็นกำลังใจให้บุคลากรทางการแพทย์ ผู้นำชุมชน อสม.และพี่น้องทุกท่านทุกครัวเรือนได้ผ่านพ้นวิกฤตโควิด19ไปด้วยกัน

#พลังประชารัฐ
#พปชร

ที่มา : facebook.com/PPRPThailand/
เมื่อวันที่ : 3 ธันวาคม 2564

“ครอบครัวรัตนเศรษฐ” ขอบคุณทุกสายธารน้ำใจ ร่วมช่วยเหลือชาวโคราช

,

“ครอบครัวรัตนเศรษฐ” ขอบคุณทุกสายธารน้ำใจ ร่วมช่วยเหลือชาวโคราช ให้บรรเทาความเดือดร้อนจากอุทกภัยและคลี่คลายลงไปได้

นางทัศนียา รัตนเศรษฐ ส.ส.เขต 7 จังหวัดนครราชสีมา พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เผยว่า ในนามของ “ครอบครัวรัตนเศรษฐ” ขอขอบพระคุณทุกสายธารน้ำใจที่ช่วยเหลือชาวโคราช ให้ความทุกข์จากอุทกภัยได้ถูกบรรเทาและคลายลงไปได้

โดยตลอดระยะเวลากว่า 3 เดือนที่ผ่านมา หลายพื้นที่ของประเทศไทย โดยเฉพาะในจังหวัดนครราชสีมาเกิดฝนตกหนักจากอิทธิพลของพายุเตียนหมู่ คมปาซุ และหมาเหล่า ส่งผลให้บ้านเรือนและไร่นาของประชาชนถูกน้ำท่วมได้รับความเสียหาย หลายหน่วยงานทั้งภาครัฐและเอกชน มูลนิธิ องค์กรการกุศล และเหล่าจิตอาสา รวมถึงครอบครัวรัตนเศรษฐ ได้ร่วมลงพื้นที่ให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่วันที่ 29 กันยายน – 26 พฤศจิกายน 2564 รวมกว่า 50,000 ครัวเรือน

ทั้งนี้ ล่าสุด ทางครอบครัวรัตนเศรษฐและทีมงาน ยังลงพื้นที่อำเภอคง จังหวัดนครราชสีมา เยี่ยมให้กำลังใจกับพี่น้องประชาชนผู้ประสบอุทกภัย พร้อมทั้งมอบถุงยังชีพเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้กับประชาชนตามจุดต่างๆ ทั้งวัดบ้านโคกแปะ ต.เทพาลัย วัดบ้านหนองพรานปาน ต.เทพาลัย “ด้วยความห่วงใยจาก ครอบครัวรัตนเศรษฐและทีมงาน”

ที่มา : facebook.com/PPRPThailand/
เมื่อวันที่ : 3 ธันวาคม 2564

ส.ส. สุรชาติ ร้องโยธาธิการ-ผังเมืองแก้ปัญหาน้ำเซาะตลิ่ง ทำถนนริมแม่น้ำน่าน

,

ส.ส. สุรชาติ ร้องโยธาธิการ-ผังเมืองแก้ปัญหาน้ำเซาะตลิ่ง ทำถนนริมแม่น้ำน่าน-น้ำยมทรุดกระทบเส้นทางสัญจรปชช.จ.พิจิตร

ส.ส.สุรชาติ ศรีบุศกร ส.ส.เขต 3 พปชร.จ.พิจิตร ร้องกรมโยธาธิการและผังเมือง เร่งแก้ปัญหาน้ำกัดเซาะตลิ่ง ทำถนนทรุดเสียหายริมแม่น้ำน่าน-แม่น้ำยม พื้นที่ อ.บางมูลนาก และ โพธิ์ทะเล ชี้ชาวบ้านเดินทางสัญจรยากลำบากในขณะนี้
วันที่ 2 ธันวาคม 2564 นายสุรชาติ ศรีบุศกร ส.ส.เขต 3 พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) จังหวัดพิจิตร ได้หารือในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ผ่านไปยังกรมโยธิการและผังเมือง โดยระบุว่า เนื่องด้วยชาวบ้านวิถีชีวิตริมแม่น้ำได้รับผลกระทบจากปัญหาน้ำกัดเซาะตลิ่ง ซึ่งตลิ่งดังกล่าวก็ใช้เป็นถนนสำหรับสัญจรมาระหว่างหมู่บ้านด้วย โดยในส่วน อ.บางมูลนาก ที่มีแม่น้ำน่านไหลผ่าน และมีประชาชนในเขตตำบลหอไกร รวมตัวกันยื่นหนังสือถือนายกเทศมนตรีหอไกร ซึ่งจากการลงพื้นที่จริงพบว่า ถนนมีความเสียหายจริงทุกปี ตั้งแต่ปี 2560 รวม 4 ปีต่อเนื่อง ซึ่งปัจจุบันถนนที่ทรุดตัวลงต่ำกว่าระดับถนนจริง กว่า 1.5 เมตร โดยพบว่า พื้นที่หมู่ 4 เสียหายหาย 500 เมตร หมู่ 2 เสียหาย 300 เมตร และหมู่ 1 เสียหาย 200 เมตร รวม 849 หลังคาเรือน

จุดที่ 2 ของแนวร่วมแม่น้ำน่านเช่นกัน ซึ่งตลิ่งทรุดตัวลงทุกปี ท้องถิ่นก็ใช้งบประมาณ ใช้ไม้และดินมาทำพนังกั้นน้ำทุกปี แต่ก็เป็นการแก้ที่ปลายเหตุ ประชาชนจึงยื่นหนังสือถึงนายกเทศมนตรี ตำบลเนินมะกอก เมื่อลงพื้นที่จริงพบว่า พื้นที่ทรุดตัวเสียหาย 1,100 เมตร มีประชากรอาศัย 700หลังคาเรือน หากน้ำล้นตลิ่งจะสร้างความเสียหายให้กับบ้านเรือน และเกษตรกรรมพื้นที่เศรษฐกิจทั้งหมด

และจุดที่ 3 คือ เป็นเขตอำเภอโพธิ์ทะเล จุดที่ตลิ่งทรุดตัวเป็นพื้นที่หมู่ 3 ตำบลโพธิ์ทะเล ลักษณะเป็นถนนคอนกรีตริมแม่น้ำยม และเกิดความเสียหายทรุดระยะทาง 300 เมตร สร้างความเดือดร้อนให้ประชาชนที่ใช้เส้นทางรวม 300 หลังคาเรือน จึงขอหารือผ่านไปยังกรมโยธาธิการและผังเมือง มาสำรวจและออกแบบ เพื่อจัดสรรงบประมาณ ในพื้นที่ 5 จุดของ 2 อำเภอต่อไป

ที่มา : facebook.com/PPRPThailand/
เมื่อวันที่ : 2 ธันวาคม 2564

“พล.อ. ประวิตร” ชู 5จี ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย มั่นใจดันเศรษฐกิจดิจิทัลยุคใหม่

,

“พล.อ. ประวิตร” ชู 5จี ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย มั่นใจดันเศรษฐกิจดิจิทัลยุคใหม่โตเพิ่ม 5.5 เท่า

พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีเปิดงานสัมมนา “5G THAILAND BIG MOVE” โดยมีนาย ชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และแขกผู้มีเกียรติ เข้าร่วมในพิธี

พล.อ. ประวิตร กล่าวว่า ในนามของรัฐบาล มีความยินดีและเป็นเกียรติอย่างยิ่ง ที่ได้มาเป็นประธานเปิดงานสัมมนา “5G THAILAND BIG MOVE” ในวันนี้ และได้เห็นภาพความร่วมมือร่วมใจแน่นแฟ้น เข้มแข็งของหน่วยงานของรัฐ ได้แก่ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (DES) สำนักงาน กสทช. ร่วมด้วยภาคเอกชนในอุตสาหกรรมโทรคมนาคม และภาคประชาชน ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นกลุ่มขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย รอบปีที่ผ่านมา วิกฤติการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ส่งผลกระทบไปทั่วโลก เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในการใช้ชีวิต การทำธุรกิจแบบเดิมไม่สามารถคงอยู่ได้ ท่ามกลางความท้าทายและความผันผวนของโลกที่เปลี่ยนไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิงทุกประเทศต้องปรับตัว เทคโนโลยีดิจิทัลได้เข้ามามีบทบาทสำคัญและกลายเป็นตัวขับเคลื่อนหลักเพื่อต่อสู้กับโลกที่ผันผวนอยู่ตลอดเวลาท้าทายยุทธศาสตร์ของชาติที่ต้องเปลี่ยนและปรับให้สอดรับกับโลกยุคใหม่ ประเทศไทยได้ชื่อว่าเป็นประเทศที่มีความก้าวหน้าและเรียนรู้เทคโนโลยีใหม่ๆ ปรับตัวรับความท้าทายของโลกได้ดี เป็นประเทศแรกในอาเซียนที่มีการใช้เทคโนโลยี 5จี ที่กำลังกลายเป็นกลไกหลักในการปรับโครงสร้างระบบเศรษฐกิจไปสู่เศรษฐกิจดิจิทัล พลิกโฉมประเทศ เสริมศักยภาพในกลุ่มอุตสาหกรรมหลัก ทั้งด้านการผลิต ด้านการเงิน ด้านการสาธารณสุข และด้านการเกษตร รัฐบาลมีนโยบายนำเทคโนโลยี 5จี ไปใช้ต่อยอดให้เกิดประโยชน์กับประชาชนคนไทยทั่วประเทศ เพื่อลดความเหลื่อมล้ำในสังคมไทย และรองรับการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ด้วยการเข้าถึงบริการสาธารณสุข เกษตรอัจฉริยะ ยกระดับการศึกษา คุณภาพชีวิต และการสร้างงานสร้างรายได้ รวมถึงการขับเคลื่อนเศรษฐกิจชุมชน โดยให้ประชาชนสามารถเข้าถึงเทคโนโลยี 5จี ได้ด้วยตนเอง จะนำไปสู่การพัฒนาที่ยั่งยืนจากระดับท้องถิ่นสู่ระดับชาติได้ต่อไปเทคโนโลยี 5จี จะมีความสำคัญมากต่อการการพัฒนาประเทศในโลกวิถีใหม่

พล.อ. ประวิตร กล่าวว่า รัฐบาลมีความพยายามผลักดันให้เทคโนโลยี 5จี เกิดการใช้งานอย่างเป็นรูปธรรมในกลุ่มอุตสาหกรรมหลักของประเทศ เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้เกิดกับระบบเศรษฐกิจโดยภาพรวม และเป็นฐานรากที่มั่นคงของเศรษฐกิจไทยในอนาคต พยายามผลักดันให้เทคโนโลยี 5จี เป็นกลไกในการพลิกโฉมประเทศ ดึงดูดการลงทุนจากทั่วโลกสนับสนุนโอกาสให้กับธุรกิจต่างๆ สร้างโอกาสการแข่งขัน ด้วยโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัลที่แข็งแกร่งของไทย วันนี้เริ่มมองเห็นศักยภาพของการนำเทคโนโลยีดิจิทัลเข้าเสริมประสิทธิภาพการทำงานในส่วนงานต่างๆ โดยดันให้ประเทศไทยกลายเป็นศูนย์กลางด้านเทคโนโลยีดิจิทัลที่ตอบโจทย์การเติบโตในอนาคต คาดการณ์ว่าเทคโนโลยี 5จี จะสร้างเม็ดเงินได้มากกว่า 6.5 แสนล้านบาท และ 5จี จะช่วยเพิ่มมูลค่าจีดีพีให้กับประเทศไทย 5.5 เท่า ภายในปี 2578 แสดงให้เห็นว่าเทคโนโลยี 5จี มีส่วนสำคัญอย่างยิ่งต่อการพัฒนาเทคโนโลยี เพื่อการพัฒนาประเทศไทย ให้กลายเป็นศูนย์กลางของเมืองอัจฉริยะแห่งภูมิภาคอาเซียนได้อย่างแท้จริง ขอให้การจัดสัมมนาในวันนี้ บรรลุผลสำเร็จตามวัตถุประสงค์ทุกประการ เป็นก้าวที่สำคัญของการพลิกโฉมเศรษฐกิจไทยรูปแบบใหม่ที่ขับเคลื่อนด้วยนวัตกรรม

ที่มา : facebook.com/PPRPThailand/
เมื่อวันที่ : 2 ธันวาคม 2564

ส.ส. กานต์กนิษฐ์ ลงพื้นที่เช็คความพร้อมสถานที่ตรวจโควิดเชิงรุกให้นักเรียน-ผู้ปกครอง

,

ส.ส. กานต์กนิษฐ์ ลงพื้นที่เช็คความพร้อมสถานที่ตรวจโควิดเชิงรุกให้นักเรียน-ผู้ปกครอง

นางสาวกานต์กนิษฐ์ แห้วสันตติ ส.ส. พรรคพลังประชารัฐ กทม. เขต 1 เดินทางมาตรวจเช็คความพร้อมของสถานที่เพื่อ เตรียมตัว ทำการตรวจเช็คโควิด เชิงรุก ให้กับนักเรียน ผู้ปกครอง และบุคลากร ของ รร. เบญจมราชาลัย ในพื้นที่เขตพระนคร จำนวนกว่า 2,000 คน เพื่อเตรียมความพร้อมในการเปิดเรียน อยากอุ่นใจให้กับผู้ปกครองและ นักเรียน นอกจากนั้นแล้ว ที่โรงเรียนเบญจมราชาลัย ยังมีมาตรการที่ เข้มงวด ในแนวทางสาธารณสุขให้ทุกท่านที่อยู่ในโรงเรียนปฏิบัติอย่างเข้มงวด

ที่มา : facebook.com/PPRPThailand/
เมื่อวันที่ : 2 ธันวาคม 2564

ประธาน กมธ.กิจการสภาฯ ลงพื้นที่ดูงานวิทยุรัฐสภาพิษณุโลก

,

ประธาน กมธ.กิจการสภาฯ ลงพื้นที่ดูงานวิทยุรัฐสภาพิษณุโลก ดันใช้ดิจิทัลกระจายข่าวสาร – นโยบายรัฐให้ปชช. ถูกต้องทั่วถึง

เมื่อวันที่ 30 พ.ย. 2564 นายอนันต์ ผลอำนวย สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดกำแพงเพชร เขต 3 พรรคพลังประชารัฐ และประธานคณะกรรมาธิการกิจการสภาผู้แทนราษฎร ได้เดินทางพร้อมด้วย
นางสุพรรณี ชีวะไทย ผู้อำนวยการสถานีวิทยุกระจายเสียงและวิทยุโทรทัศน์รัฐสภาและ นายชัยวัฒน์
ชายเกตุ ผู้บังคับบัญชากลุ่มงานเทคนิค ลงพื้นที่เพื่อดูการบริหารจัดการสถานีรัฐสภาเครือข่ายที่จังหวัดพิษณุโลก (สวท.พิษณุโลก) พร้อมหารือร่วมกับทางคณะผู้บริหารของสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทยถึงแนวทางการบริหารงานพร้อมดูพื้นที่อาคารและอุปกรณ์เครื่องส่งวิทยุกระจายเสียงวิทยุรัฐสภาในเครือข่าย จ.พิษณุโลกที่พื้นที่เขาสมอแคลง อ.วังทอง จ.พิษณุโลก

ทั้งนี้นายอนันต์ได้ ขอบคุณสำนักงานประชาสัมพันธ์เขต 4 ที่สนับสนุนบุคคลากรดูแลสถานีวิทยุกระจายเสียงรัฐสภาเครือข่ายจังหวัดพิษณุโลกในคลื่นความถี่ 92.25 เมกะเฮิรตซ์ นับเป็นสถานีวิทยุของรัฐสภาที่สมบูรณ์แบบที่สุดพร้อมชื่นชมการทำงานของสวท.พิษณุโลกที่เป็นต้นแบบการนำเทคโนโลยีดิจิทัลและสื่อสมัยใหม่มาประยุกต์ใช้เพื่อกระจายข้อมูลข่าวสารให้ประชาชนทุกกลุ่มรับทราบอย่างถูกต้องและทั่วถึง และสร้างความเข้าใจนโยบายรัฐ ส่วนฝ่ายนิติบัญญัติประชาชนต้องก้าวตามทัน หากทำได้ทุกจังหวัด หูตาประชาชนจะกว้างไกลมากขึ้น

ที่มา : facebook.com/PPRPThailand/
เมื่อวันที่ : 2 ธันวาคม 2564

3 ส.ส. เพชรบุรี ต้อนรับพลเอกประวิตร ประธานเปิดสัมมนาเชิงปฏิบัติการฯ

, ,

3 ส.ส. เพชรบุรี ต้อนรับพลเอกประวิตร ประธานเปิดสัมมนาเชิงปฏิบัติการเพิ่มประสิทธิภาพ
หน่วยงานพิทักษ์เด็กและสตรี!!!

ส.ส.สุชาติ (เปี๊ยก) อุสาหะ จังหวัดเพชรบุรี เขต 3 ส.ส.กฤษณ์ แก้วอยู่ จังหวัด เพชรบุรี เขต 1 และ ส.ส.สาธิต อุ๋ยตระกูล จังหวัดเพชรบุรี เขต 2 พรรคพลังประชารัฐ ร่วมงานพร้อมให้การต้อนรับ
พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ประธาน เปิดการสัมมนาเชิงปฏิบัติการเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพให้แก่ผู้บริหารและผู้ปฏิบัติงานของศูนย์พิทักษ์เด็ก สตรี ครอบครัวป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์และภาคประมง ของ ตำรวจประจำปีงบประมาณ 2565 ณ โรงแรมดุสิตธานี อ.ชะอำ จ.เพชรบุรี

ทั้งนี้ พลเอกประวิตร ยังได้เน้นย้ำว่า โครงการดังกล่าว ถือเป็นวาระแห่งชาติที่ต้องสร้างความเชื่อมั่นให้กับพี่น้องประชาชน ซึ่งนับเป็นจุดยืนของรัฐบาลในการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ ที่ต้องร่วมกันทำงานหนัก จริงจัง และต่อเนื่องกว่าที่เป็นอยู่ โดยยึดผู้เสียหายเป็นศูนย์กลาง และเร่งค้นหาเพื่อช่วยเหลือเหยื่อที่ตกค้าง และคุ้มครองตามหลักสิทธิมนุษยชนโดยเฉพาะเด็กและสตรี ที่ถูกกักขัง หน่วงเหนี่ยวและถูกบังคับข่มขืนทรมานจิตใจ

โดยที่ผ่านมาการปราบปรามและจับกุมในคดีค้ามนุษย์ ลดลงอย่างชัดเจนต่อเนื่อง แต่พบว่ารายงานสถานการณ์การค้ามนุษย์ มีการปรับเปลี่ยนรูปแบบออนไลน์มากขึ้น การคัดแยกเพื่อค้นหาผู้เสียหายบังคับใช้แรงงานหรือการบริการ ยังไม่ได้มาตรฐานและยังพบปัญหาทุจริตของเจ้าหน้าที่ซึ่งปล่อยปละละเลยทั้งพื้นที่ชายแดนและพื้นที่ชั้นใน ที่ทุกหน่วยงานต้องเข้มรับผิดชอบกำกับดูแลมากขึ้น

ที่มา : facebook.com/PPRPThailand/
เมื่อวันที่ : 2 ธันวาคม 2564