โลกเปลี่ยน ไทยต้องปรับ ทางเลือกใหม่ของการเมืองไทย ก้าวข้ามความขัดแย้ง สานพลังประชาราษฎร์ ร่วมสร้างชาติให้ยั่งยืน

ผู้เขียน: pprpadmin

พล.อ.ประวิตร’ ห่วงประชาชนพื้นที่ปลายเจ้าพระยารับมวลน้ำเพิ่ม เร่งหน่วยงานผันน้ำเข้าทุ่งพร้อมแผนเบี่ยงน้ำลดผลกระทบน้ำท่วมขัง

,

พล.อ.ประวิตร’ ห่วงประชาชนพื้นที่ปลายเจ้าพระยารับมวลน้ำเพิ่ม
เร่งหน่วยงานผันน้ำเข้าทุ่งพร้อมแผนเบี่ยงน้ำลดผลกระทบน้ำท่วมขัง

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และคณะผู้บริหารเดินทางลงพื้นที่ภาคกลาง จ.ชัยนาท และ อยุธยา เพื่อติดตามสถานการณ์น้ำพื้นที่ลุ่มเจ้าพระยาตอนล่าง หลังเพิ่มปริมาณการระบายน้ำเขื่อนเจ้าพระยา โดยรับฟังสถานการณ์น้ำพื้นที่ลุ่มเจ้าพระยาตอนล่าง จากศูนย์บริหารจัดการน้ำส่วนหน้า ณ สำนักงานชลประทานที่ 12 อ.สรรพยา จ.ชัยนาท โดยมี นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง พล.อ.ชัยชาญ ช้างมงคล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม และนายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ส.ส.จังหวัดชัยนาท พรรคพลังประชารัฐ นายวิรัช รัตนเศรษฐ สมาชิกพรรคพลังประรัฐ ร่วมติดตามลงพื้นที่ด้วย โดยมีประชาชนชาวจังหวัดชัยนาทร่วมต้อนรับและขอหอมแก้มให้กำลังใจ นำพวงมาลัยผ้าขาวม้า ผ้าขาวม้าผูกเอว และให้กำลังใจพล.อ.ประวิตร

สำหรับภาพรวมปริมาณน้ำปี 2565 มากกว่า ปี 2564 โดยใกล้เคียงกับปี 2554 อันเกิดจากมรสุมและพายุที่พาดผ่านไทยหลายลูก ปริมาณน้ำยม น่านและปิงรับน้ำมากขึ้น ส่งผลการบริหารการระบายน้ำเจ้าพระยา โดยศูนย์อำนวยการน้ำส่วนหน้า จ.ชัยนาท ได้พิจารณาให้ความสำคัญควบคุมความสมดุลไม่ให้กระทบพื้นที่อุทกภัยวงกว้าง

พล.อ.ประวิตร’ ได้ขอบคุณเจ้าหน้าที่จากทุกหน่วยงาน ที่สนับสนุนรับมือสถานการณ์น้ำและช่วยเหลือประชาชนที่ประสบอุทกภัยในพื้นที่ พร้อมทั้งสั่งการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ( สทนช. )จังหวัด กรมชลประทาน กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ร่วมกันติดตาม 13 มาตรการในการรับมือฤดูฝน โดยขอให้พิจารณาเร่งเบี่ยงน้ำจากแม่น้ำป่าสัก เข้าคลองระพีพัฒน์ออกทะเลโดยตรง รวมทั้งขอให้หน่วยน้ำเหนือเขื่อนเจ้าพระยา ลงทุ่งรับน้ำในพื้นที่ จ.นครสวรรค์ และให้ผันน้ำเข้าทุ่งรับน้ำ 10 ทุ่งที่จัดเตรียมไว้ เพื่อลดปริมาณน้ำลงพื้นที่ภาคกลางตอนล่าง และขอให้เร่งระบายน้ำท่วมขังออกจากพื้นที่ชุมชน เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน โดยให้ สทนช.เร่งขับเคลื่อนแผนป้องกันและแก้ปัญหาน้ำท่วมและน้ำแล้งควบคู่กันไป เพื่อแก้ปัญหาน้ำระดับพื้นที่และกักน้ำไว้เพื่อการเกษตรในฤดูแล้ง พร้อมทั้ง กำชับให้กรมชลประทานเร่งก่อสร้างคลองระบายน้ำหลากบางบาล – บางไทร ให้เร็วขึ้น เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำ จว.อยุธยา ให้เป็นรูปธรรมโดยเร็ว

พร้อมทั้งขอให้กระทรวงมหาดไทย โดยทุกจังหวัด ที่ประสบอุทกภัย กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และ กระทรวงการคลัง ร่วมพิจารณามาตรการช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบให้ทั่วถึง และประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทราบโดยทั่วถึง ในการบริหารจัดการสมดุลน้ำไปพร้อมกัน พร้อมกับขอบคุณเจ้าหน้าที่ทุกฝ่าย ที่ร่วมบริหารจัดการน้ำและลงดูแลช่วยบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน จากนั้นในบ่ายวันเดียวกัน พล.อ.ประวิตร’และคณะ ได้เดินทางลงพื้นที่ อ.เสนา จว.อยุธยา ตรวจติดตามสถานการณ์น้ำในพื้นที่วัดโบสถ์


ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 3 ตุลาคม 2565

" รมช อธิรัฐ “ ลงพื้นติดตามสถานการณ์น้ำท่วม อ.ประทาย จากอิทธิพลพายุไต้ฝุ่น 'โนรู' พร้อมวางแผนบริหารจัดการน้ำร่วมกับพื้นที่ รับมือฝนตกต่อเนื่อ เยี่ยมเยียนประชาชนที่ประสบภัยน้ำท่วม"

” รมช อธิรัฐ “ ลงพื้นติดตามสถานการณ์น้ำท่วม อ.ประทาย จากอิทธิพลพายุไต้ฝุ่น ‘โนรู’ พร้อมวางแผนบริหารจัดการน้ำร่วมกับพื้นที่ รับมือฝนตกต่อเนื่อ เยี่ยมเยียนประชาชนที่ประสบภัยน้ำท่วม”

,

วันที่ 1 ตุลาคม 2565 ดร.อธิรัฐ รัตนเศรษฐ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม พร้อมด้วย นายฐนัญญ์ภพ ดาราย ปลัดอาวุโสอำเภอประทาย นางคมขำ ปองนาน นายกเทศมนตรีตำบลประทาย นายชัยยุทธ โคตรสมบัติ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลหนองค่าย และผู้นำท้องที่ ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำท่วม อ.ประทาย จ.นครราชสีมา และเยี่ยมเยียนให้กำลังใจพี่น้องประชาชนที่ประสบภัยน้ำท่วมจากอิทธิพลของพายุ “โนรู” ณ ถนนบ้านไร่ริมบึง – บ้านนางิ้ว เทศบาลตำบลประทาย และ บ้านโคกเพชร ต.หนองค่าย กรณีน้ำท่วมบึงกระโตนและไหลออกมาท่วมชุมชนบริเวณบ้านกระโตน บ้านไร่ ในเทศบาลตำบลประทาย และบ้านโคกเพชร โดยในเบื้องต้น

ปภ.เขต 5 นครราชสีมา นำชุดรถปฏิบัติการสูบน้ำท่วม/ขัง พร้อมติดตั้งเครื่องสูบน้ำขนาดใหญ่ อัตราสูบ 54,000 ลิตร/นาที จำนวน 1 ชุดอบต.ประทาย ได้ดำเนินการติดตั้งเครื่องสูบน้ำ
– ขนาด 8 นิ้ว จำนวน 1 เครื่อง ในเขตเทศบาลตำบลประทาย
– ขนาด 6 นิ้ว จำนวน 1 เครื่อง เขตบ้านนางิ้ว
เพื่อสูบน้ำที่ท่วมขังผิวการจราจร และพื้นที่ชุมชน และสูบน้ำกลับเข้าไปใน “บึงกระโตน” เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน

ทั้งนี้ ตนได้สั่งการกำชับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เฝ้าระวังสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และเตรียมพร้อมมาตรการช่วยเหลือประชาชน ดังนี้

1. การช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน
1.1 ให้อำเภอ และ อปท. ประชาสัมพันธ์ เฝ้าระวัง สำรวจเส้นทางน้ำ หากพื้นที่ใดพบว่ามีปริมาณน้ำเพิ่มขึ้น ให้เร่งดำเนินการเสริมแนวคันดิน กระสอบทราย พร้อมจัดเวรยามเฝ้าระวังตลอดเวลา
1.2 ให้ทุกหน่วยงานประชาสัมพันธ์และให้ข้อมูลที่ถูกต้องกับประชาชน กรณีการระบายน้ำในอ่างเก็บน้ำ และคำนึงถึงภัยแล้งที่อาจจะเกิดขึ้นด้วย
1.3 ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง มอบถุงยังชีพ น้ำดื่ม อาหารแก่ผู้ประสบภัย
1.4 ให้แขวงทางหลวงนครราชสีมา แขวงทางหลวงชนบทนครราชสีมา สนับสนุนเครื่องมือ เครื่องจักรให้กับ อปท. เช่น กรณีคอสะพานชำรุด หากมีน้ำท่วมขังให้ดำเนินการตามมาตรการของหน่วยงาน และให้แจ้งจังหวัดเพื่อประชาสัมพันธ์ต่อไป

2. การเยียวยาฟื้นฟูในพื้นที่หลังเกิดภัย
2.1 ให้อำเภอ และ อปท.ดำเนินการสำรวจความเสียหายบ้านเรือนที่อยู่อาศัย เพื่อดำเนินการช่วยเหลือตามระเบียบฯ และหลักเกณฑ์
2.2 ด้านการเกษตร พืช ประมง ปศุสัตว์ ดำเนินการสำรวจความเสียหายหลังน้ำลด ช่วยเหลือเยียวยา ตามระเบียบฯ และหลักเกณฑ์

" รมช อธิรัฐ “ ลงพื้นติดตามสถานการณ์น้ำท่วม อ.ประทาย จากอิทธิพลพายุไต้ฝุ่น 'โนรู' พร้อมวางแผนบริหารจัดการน้ำร่วมกับพื้นที่ รับมือฝนตกต่อเนื่อ เยี่ยมเยียนประชาชนที่ประสบภัยน้ำท่วม" " รมช อธิรัฐ “ ลงพื้นติดตามสถานการณ์น้ำท่วม อ.ประทาย จากอิทธิพลพายุไต้ฝุ่น 'โนรู' พร้อมวางแผนบริหารจัดการน้ำร่วมกับพื้นที่ รับมือฝนตกต่อเนื่อ  เยี่ยมเยียนประชาชนที่ประสบภัยน้ำท่วม" " รมช อธิรัฐ “ ลงพื้นติดตามสถานการณ์น้ำท่วม อ.ประทาย จากอิทธิพลพายุไต้ฝุ่น 'โนรู' พร้อมวางแผนบริหารจัดการน้ำร่วมกับพื้นที่ รับมือฝนตกต่อเนื่อ  เยี่ยมเยียนประชาชนที่ประสบภัยน้ำท่วม" " รมช อธิรัฐ “ ลงพื้นติดตามสถานการณ์น้ำท่วม อ.ประทาย จากอิทธิพลพายุไต้ฝุ่น 'โนรู' พร้อมวางแผนบริหารจัดการน้ำร่วมกับพื้นที่ รับมือฝนตกต่อเนื่อ  เยี่ยมเยียนประชาชนที่ประสบภัยน้ำท่วม" " รมช อธิรัฐ “ ลงพื้นติดตามสถานการณ์น้ำท่วม อ.ประทาย จากอิทธิพลพายุไต้ฝุ่น 'โนรู' พร้อมวางแผนบริหารจัดการน้ำร่วมกับพื้นที่ รับมือฝนตกต่อเนื่อ  เยี่ยมเยียนประชาชนที่ประสบภัยน้ำท่วม" " รมช อธิรัฐ “ ลงพื้นติดตามสถานการณ์น้ำท่วม อ.ประทาย จากอิทธิพลพายุไต้ฝุ่น 'โนรู' พร้อมวางแผนบริหารจัดการน้ำร่วมกับพื้นที่ รับมือฝนตกต่อเนื่อ  เยี่ยมเยียนประชาชนที่ประสบภัยน้ำท่วม" " รมช อธิรัฐ “ ลงพื้นติดตามสถานการณ์น้ำท่วม อ.ประทาย จากอิทธิพลพายุไต้ฝุ่น 'โนรู' พร้อมวางแผนบริหารจัดการน้ำร่วมกับพื้นที่ รับมือฝนตกต่อเนื่อ  เยี่ยมเยียนประชาชนที่ประสบภัยน้ำท่วม" " รมช อธิรัฐ “ ลงพื้นติดตามสถานการณ์น้ำท่วม อ.ประทาย จากอิทธิพลพายุไต้ฝุ่น 'โนรู' พร้อมวางแผนบริหารจัดการน้ำร่วมกับพื้นที่ รับมือฝนตกต่อเนื่อ  เยี่ยมเยียนประชาชนที่ประสบภัยน้ำท่วม" " รมช อธิรัฐ “ ลงพื้นติดตามสถานการณ์น้ำท่วม อ.ประทาย จากอิทธิพลพายุไต้ฝุ่น 'โนรู' พร้อมวางแผนบริหารจัดการน้ำร่วมกับพื้นที่ รับมือฝนตกต่อเนื่อ  เยี่ยมเยียนประชาชนที่ประสบภัยน้ำท่วม" " รมช อธิรัฐ “ ลงพื้นติดตามสถานการณ์น้ำท่วม อ.ประทาย จากอิทธิพลพายุไต้ฝุ่น 'โนรู' พร้อมวางแผนบริหารจัดการน้ำร่วมกับพื้นที่ รับมือฝนตกต่อเนื่อ  เยี่ยมเยียนประชาชนที่ประสบภัยน้ำท่วม" " รมช อธิรัฐ “ ลงพื้นติดตามสถานการณ์น้ำท่วม อ.ประทาย จากอิทธิพลพายุไต้ฝุ่น 'โนรู' พร้อมวางแผนบริหารจัดการน้ำร่วมกับพื้นที่ รับมือฝนตกต่อเนื่อ  เยี่ยมเยียนประชาชนที่ประสบภัยน้ำท่วม" " รมช อธิรัฐ “ ลงพื้นติดตามสถานการณ์น้ำท่วม อ.ประทาย จากอิทธิพลพายุไต้ฝุ่น 'โนรู' พร้อมวางแผนบริหารจัดการน้ำร่วมกับพื้นที่ รับมือฝนตกต่อเนื่อ  เยี่ยมเยียนประชาชนที่ประสบภัยน้ำท่วม"

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 1 ตุลาคม 2565

รมว.ชัยวุฒิ ขอเชื่อมั่น พล.อ. ประยุทธ์ นายกฯขับเคลื่อนรัฐบาล ดูแลประชาชนต่อเนื่อง พล.อ.ประวิตร ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำภาคกลางจันทร์นี้

,

รมว.ชัยวุฒิ ขอเชื่อมั่น พล.อ. ประยุทธ์ นายกฯขับเคลื่อนรัฐบาล ดูแลประชาชนต่อเนื่อง พล.อ.ประวิตร ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำภาคกลางจันทร์นี้

นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม พร้อมคณะ ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำภาคกลาง ที่ จ.สิงห์บุรี พร้อมประชุมติดตามสถานการณ์ ร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัด และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ก่อนที่ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี จะเดินทางไปตรวจราชการ พื้นที่ภาคกลาง ในวันจันทร์นี้

โดย นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กล่าวว่า นำความห่วงใย จากพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี มาให้กำลังใจ และติดตาม สถานการณ์ น้ำท่วมซึ่งพลเอกประวิตร จะลงพื้นที่ ภาคกลางในวันจันทร์นี้

โดย นายชัยวุฒิ กล่าวเพิ่มเติมว่า จากสถานการณ์น้ำท่วมในปัจจุบันมีผลกระทบในหลายพื้นที่ วันนี้ได้ลงพื้นที่จังหวัดสิงห์บุรี เพื่อติดตามความพร้อมในการรับมือสถานการณ์ ‘พายุโนรู’ รวมถึงสถานการณ์น้ำในลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งได้หารือกับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวเนื่องเร่งจัดการ ตั้งแต่การให้หน่วยงานและเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ รวมถึงชุดปฏิบัติการฝ่ายปกครอง หน่วยแพทย์ พยาบาล เข้าถึงประชาชนที่อยู่ในพื้นที่รับผลกระทบจากพายุและน้ำท่วมขัง โดยหากที่พักอาศัยของครอบครัวใดประสบเหตุจากน้ำท่วมหนัก ก็จะมีหน่วยงานเข้าดูแลและเร่งพาไปศูนย์พักพิงที่จัดเตรียมไว้ ได้กำชับให้เตรียมนำ้ อาหาร ยารักษาโรค ห้องนำ้เคลื่อนที่

ขณะเดียวกัน ก็เร่งให้ติดตั้งเครื่องสูบนำ้เพื่อระบายนำ้ออกจากพื้นที่ชุมชน หากพื้นที่ใดประสบเหตุน้ำท่วมหนัก ก็จะเร่งการเปิดทางระบายน้ำท่วมขังโดยทันที ส่วนภายหลังเหตุการณ์คลี่คลายแล้ว ทั้งนี้หาก สถานการณ์คลี่คลายแล้ว ทางรัฐบาลได้มีก็เตรียม มาตรการเยียวยาช่วยเหลือประชาชนให้เร็วที่สุดด้วยพร้อมกับ ฝากประชาชนว่า รัฐบาลทำงานต่อขอให้มั่นใจใน พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ว่าท่านตั้งใจช่วยเหลือ พี่น้องประชาชนอย่างเต็มที่ และ ขอร้องกลุ่มที่ออกมาเคลื่อนไหวทางการเมืองในขณะนี้ว่า ขอให้เห็นใจ ประชาชน ที่ประสบอุทกภัย ขอให้รัฐบาลได้ทำงานเต็มที่ ในการรับมือนำ้ท่วมช่วยเหลือพี่น้องประชาชนจะดีกว่า การออกมาเคลื่อนไหวทางการเมือง ในขณะที่กฎหมายเลือกตั้งยังไม่เสร็จ

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 30 กันยายน 2565

พล.อ.ประวิตร’ กำชับหน่วยงานรัฐ เข้มมาตรการประมงผิดกฎหมาย ย้ำหยุดการกระทำทุจริตเรียกรับประโยชน์สร้างความเชื่อมั่นตามกฎ IUU

,

พล.อ.ประวิตร’ กำชับหน่วยงานรัฐ เข้มมาตรการประมงผิดกฎหมาย
ย้ำหยุดการกระทำทุจริตเรียกรับประโยชน์สร้างความเชื่อมั่นตามกฎ IUU

วันที่ 30 กันยายน 2565 พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายประมงแห่งชาติ ครั้งที่ 4/65 เพื่อติดตามเสริมประสิทธิภาพการขับเคลื่อนมาตรการป้องกันและแก้ปัญหาการทำประมงผิดกฎหมายให้ดียิ่งขึ้น โดย พล.อ.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกประจำ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่าที่ประชุมติดตามความคืบหน้า แนวทางและมาตรการในการพัฒนาการประมงของไทยให้ปลอดสัตว์น้ำและสินค้าสัตว์น้ำที่มาจากการทำประมง IUU โดยมีการให้ความรู้กับเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงานทุกระดับมากขึ้น การลดการใช้โฟมหรือวัตถุที่ก่อให้เกิดไมโครพลาสติก สืบเนื่องจากผลการประชุมระหว่างไทยกับสหภาพยุโรป ที่เน้นให้ไทยยังคงดำเนินการแก้ไขปัญหาในมิติต่างๆของการประมงตามหลักวิทยาศาสตร์และหลักสากล เพื่อนำไปสู่ความยั่งยืนของการทำประมงต่อไป รวมทั้งการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมกุ้งไทย ที่มุ่งเพิ่มผลผลิต 80,000 ตัน ในปี 66 และ (ร่าง) แผนพัฒนาด้านการประมงในพื้นที่แม่น้ำโขงอย่างยั่งยืน ปี 66-70

ทั้งนี้ที่ประชุมยังเห็นชอบ มาตรการเพิ่มประสิทธิภาพการแจ้งเป้า ตรวจสอบและดำเนินคดีเรือที่ต้องสงสัย ซึ่งกำหนดหน่วยปฏิบัติงาน ขั้นตอนการดำเนินงานและกรอบเวลาในแต่ละขั้นตอนที่ชัดเจนขึ้น และเห็นชอบการบังคับใช้กฎหมายกับการทำประมงที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งมอบหมายให้ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเล ( ศร.ชล.) กองทัพเรือ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรมศุลกากร กรมเจ้าท่า กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กรมการจัดหางาน กรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน กรมประมงและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง นำไปปฏิบัติอย่างเคร่งครัด รวมทั้งเห็นชอบแนวทางการถอนรายชื่อเรือประมงทำประมงผิดกฎหมายออกจากบัญชี

พล.อ.ประวิตร’ ได้กำชับ ศร.ชล.และทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ยังต้องทำงานหนักร่วมกัน ดำรงความเข้มงวดกวดขันมาตรการต่างๆในการป้องกันและแก้ไขการทำประมง IUU อย่างจริงจังต่อเนื่องกันไป รวมทั้งทำงานร่วมกับต่างประเทศอย่างใกล้ชิด พร้อมย้ำต้องไม่มีคอรัปชั่น เอื้อหรือเรียกรับประโยชน์จากเจ้าหน้าที่และทุกหน่วยงานอย่างเด็ดขาด โดยจะต้องมีการกำกับตรวจสอบและประเมินมากขึ้น เพื่อมิให้สถานะการทำประมงของประเทศ กลับไปสู่จุดต่ำสุด ที่ละเลยการปฏิบัติจากหน่วยที่มีอำนาจหน้าที่ดังเช่นที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะมาตรการบังคับใช้กฎหมาย ทั้งนี้ขอให้พัฒนาบุคลากรในแต่ละองค์กรให้มีความเข้าใจและมีความสามารถสูงขึ้น เพื่อพัฒนาประสิทธิภาพการทำประมงให้ถูกต้องตามหลักสากล และเป็นการช่วยรักษาฟื้นฟูทรัพยากรทางทะเลที่ยั่งยืนร่วมกันในทุกภาคส่วน

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 30 กันยายน 2565

พล.อ.ประวิตร ผลักดัน “กองทุนดีอี” ต่อยอด 5G เส่งเสริมเศรษฐกิจ-สังคม อนุมัติใช้เทคโนโลยีส่งเสริมการศึกษาภาคประชาชนตามนโยบายรัฐบาล

,

พล.อ.ประวิตร ผลักดัน “กองทุนดีอี” ต่อยอด 5G เส่งเสริมเศรษฐกิจ-สังคม
อนุมัติใช้เทคโนโลยีส่งเสริมการศึกษาภาคประชาชนตามนโยบายรัฐบาล

นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน พร้อมด้วย นายสิงห์ทอง ลาภพิเศษพันธุ์ เอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงโตเกียว นายสุรชัย ชัยตระกูลทอง ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงแรงงาน นายบุญชอบ สุทธมนัสวงษ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน น.ส.สดุดี กิตติสุวรรณ อัครราชทูตที่ปรึกษา (ฝ่ายแรงงาน) และคณะ เข้าพบ นายคาโตะ คัทซึโนบุ (Mr.KATO Katsunobu) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข แรงงาน และสวัสดิการ ญี่ปุ่น เพื่อแสดงความยินดีในโอกาสที่เข้ารับตำแหน่งใหม่ และขอบคุณที่กระทรวงสาธารณสุข แรงงาน และสวัสดิการญี่ปุ่นได้ให้การสนับสนุนกระทรวงแรงงานในด้านต่างๆ และทั้งสองฝ่ายยินดีจะสนับสนุนภารกิจที่เกี่ยวข้องร่วมกัน ณ ห้องรับรองกระทรวงสาธารณสุข แรงงาน และสวัสดิการ ประเทศญี่ปุ่น

นายสุชาติ กล่าวว่า กระทรวงแรงงานขอขอบคุณรัฐบาลญี่ปุ่นที่ดูแลแรงงานไทยเป็นอย่างดี โดยเฉพาะในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 กระทรวงแรงงานมีสำนักงานแรงงานในประเทศญี่ปุ่นตั้งอยู่ในกรุงโตเกียว ทำหน้าที่ขยายตลาดแรงงานและคุ้มครองแรงงานไทยในประเทศญี่ปุ่น รวมถึงประสานงานกับกระทรวงสาธารณสุข แรงงาน และสวัสดิการ ญี่ปุ่น

“และในวันนี้เปิดโอกาสให้เข้าเยี่ยมคารวะเพื่อหารือข้อราชการด้านแรงงาน และขอบคุณที่ได้ดำเนินการตามความตกลงด้านแรงงาน ได้แก่ บันทึกความร่วมมือ (เอ็มโอยู) โครงการฝึกปฏิบัติงานทางเทคนิคในญี่ปุ่น และเอ็มโอยูด้านข้อมูลพื้นฐานเพื่อการจัดระบบและการพำนักของแรงงานที่มีทักษะเฉพาะ รวมทั้งขอบคุณที่ให้ความร่วมมือในการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ในการร่วมกันพัฒนาทักษะแรงงานไทย การขยายตลาดแรงงานไทยในญี่ปุ่น โดยกระทรวงแรงงานของญี่ปุ่นยินที่กระทรวงแรงงานของไทยจะสนับสนุนให้มีคนไทยเข้าไปฝึกงานและทำงานในสาขาทักษะเฉพาะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสาขาผู้ดูแลผู้สูงอายุ ซึ่งกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน (กพร.) มีความพร้อมในการจัดหลักสูตรฝึกอบรมในสาขาที่ญี่ปุ่นมีความต้องการ” นายสุชาติ กล่าว

ทั้งนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าวว่า ปัจจุบันรัฐบาลมีนโยบายสำคัญที่จะส่งเสริมให้แรงงานไทยมีโอกาสทำงานในต่างประเทศมากขึ้น ในส่วนของประเทศญี่ปุ่นเมื่อปี 2564 มีแรงงานไทยแจ้งความประสงค์จะมาทำงานที่ญี่ปุ่น จำนวน 3,867 คน มากเป็นอันดับ 4 รองจากอิสราเอล เกาหลีใต้ และไต้หวัน แสดงให้เห็นว่า ญี่ปุ่นเป็นตลาดสำคัญที่แรงงานไทยต้องการจะมาทำงาน ซึ่งกระทรวงแรงงานมีความพร้อมที่จะขยายตลาดแรงงานไทยในประเทศญี่ปุ่น ทั้งการพัฒนาทักษะแรงงานไทยให้มีคุณสมบัติทั้งทักษะอาชีพและภาษาตามที่ญี่ปุ่นกำหนด

นายสุชาติ กล่าวว่า กระทรวงแรงงานยังได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากสำนักงานมาตรฐานแรงงาน ซึ่งเป็นหน่วยงานในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข แรงงาน และสวัสดิการ ญี่ปุ่น ที่ให้ความคุ้มครองแรงงานไทยในประเทศญี่ปุ่น ในเรื่องการให้คำปรึกษาการช่วยเหลือและตรวจเยี่ยมผู้ฝึกปฏิบัติงานด้านเทคนิคและแรงงานไทย นอกจากนี้ ยังได้รับความร่วมมือในการประสานแลกเปลี่ยนข้อมูลเพื่อการจัดทำความตกลงประกันสังคม ซึ่งอยู่ระหว่างการหารือให้สามารถดำเนินการสำเร็จลุล่วงอันจะเป็นประโยชน์แก่ผู้ประกันตนต่อไปด้วย

ด้าน นายคาโตะ คัทซึโนบุ กล่าวว่า ในนามรัฐบาลญี่ปุ่นขอบคุณท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานของไทยและคณะที่ได้เข้าเยี่ยมคารวะกระชับความร่วมมือด้านแรงงานในวันนี้ แรงงานไทยมีส่วนสำคัญอย่างมากในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมของญี่ปุ่น เนื่องจากปัจจุบันมีคนไทยมาฝึกปฏิบัติงานทางเทคนิคและมีแรงงานไทยเดินทางมาทำงานในประเทศญี่ปุ่นเป็นจำนวนมาก ส่วนประเด็นข้อหารือต่างๆ ในวันนี้จะได้ประสานความร่วมมือกันอย่างใกล้ชิดต่อไป


ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 29 กันยายน 2565

“รมว.สุชาติ” สานความร่วมมือรัฐบาลญี่ปุ่นด้านแรงงาน เปิดเจรจาขยายตลาดแรงงาน-สวัสดิการความคุ้มครอง

,

“รมว.สุชาติ” สานความร่วมมือรัฐบาลญี่ปุ่นด้านแรงงาน
เปิดเจรจาขยายตลาดแรงงาน-สวัสดิการความคุ้มครอง

นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน พร้อมด้วย นายสิงห์ทอง ลาภพิเศษพันธุ์ เอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงโตเกียว นายสุรชัย ชัยตระกูลทอง ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงแรงงาน นายบุญชอบ สุทธมนัสวงษ์ ปลัดกระทรวงแรงงาน น.ส.สดุดี กิตติสุวรรณ อัครราชทูตที่ปรึกษา (ฝ่ายแรงงาน) และคณะ เข้าพบ นายคาโตะ คัทซึโนบุ (Mr.KATO Katsunobu) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข แรงงาน และสวัสดิการ ญี่ปุ่น เพื่อแสดงความยินดีในโอกาสที่เข้ารับตำแหน่งใหม่ และขอบคุณที่กระทรวงสาธารณสุข แรงงาน และสวัสดิการญี่ปุ่นได้ให้การสนับสนุนกระทรวงแรงงานในด้านต่างๆ และทั้งสองฝ่ายยินดีจะสนับสนุนภารกิจที่เกี่ยวข้องร่วมกัน ณ ห้องรับรองกระทรวงสาธารณสุข แรงงาน และสวัสดิการ ประเทศญี่ปุ่น

นายสุชาติ กล่าวว่า กระทรวงแรงงานขอขอบคุณรัฐบาลญี่ปุ่นที่ดูแลแรงงานไทยเป็นอย่างดี โดยเฉพาะในช่วงการแพร่ระบาดของโควิด-19 กระทรวงแรงงานมีสำนักงานแรงงานในประเทศญี่ปุ่นตั้งอยู่ในกรุงโตเกียว ทำหน้าที่ขยายตลาดแรงงานและคุ้มครองแรงงานไทยในประเทศญี่ปุ่น รวมถึงประสานงานกับกระทรวงสาธารณสุข แรงงาน และสวัสดิการ ญี่ปุ่น

“และในวันนี้เปิดโอกาสให้เข้าเยี่ยมคารวะเพื่อหารือข้อราชการด้านแรงงาน และขอบคุณที่ได้ดำเนินการตามความตกลงด้านแรงงาน ได้แก่ บันทึกความร่วมมือ (เอ็มโอยู) โครงการฝึกปฏิบัติงานทางเทคนิคในญี่ปุ่น และเอ็มโอยูด้านข้อมูลพื้นฐานเพื่อการจัดระบบและการพำนักของแรงงานที่มีทักษะเฉพาะ รวมทั้งขอบคุณที่ให้ความร่วมมือในการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ในการร่วมกันพัฒนาทักษะแรงงานไทย การขยายตลาดแรงงานไทยในญี่ปุ่น โดยกระทรวงแรงงานของญี่ปุ่นยินที่กระทรวงแรงงานของไทยจะสนับสนุนให้มีคนไทยเข้าไปฝึกงานและทำงานในสาขาทักษะเฉพาะ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสาขาผู้ดูแลผู้สูงอายุ ซึ่งกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน (กพร.) มีความพร้อมในการจัดหลักสูตรฝึกอบรมในสาขาที่ญี่ปุ่นมีความต้องการ” นายสุชาติ กล่าว

ทั้งนี้ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน กล่าวว่า ปัจจุบันรัฐบาลมีนโยบายสำคัญที่จะส่งเสริมให้แรงงานไทยมีโอกาสทำงานในต่างประเทศมากขึ้น ในส่วนของประเทศญี่ปุ่นเมื่อปี 2564 มีแรงงานไทยแจ้งความประสงค์จะมาทำงานที่ญี่ปุ่น จำนวน 3,867 คน มากเป็นอันดับ 4 รองจากอิสราเอล เกาหลีใต้ และไต้หวัน แสดงให้เห็นว่า ญี่ปุ่นเป็นตลาดสำคัญที่แรงงานไทยต้องการจะมาทำงาน ซึ่งกระทรวงแรงงานมีความพร้อมที่จะขยายตลาดแรงงานไทยในประเทศญี่ปุ่น ทั้งการพัฒนาทักษะแรงงานไทยให้มีคุณสมบัติทั้งทักษะอาชีพและภาษาตามที่ญี่ปุ่นกำหนด

นายสุชาติ กล่าวว่า กระทรวงแรงงานยังได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากสำนักงานมาตรฐานแรงงาน ซึ่งเป็นหน่วยงานในสังกัดกระทรวงสาธารณสุข แรงงาน และสวัสดิการ ญี่ปุ่น ที่ให้ความคุ้มครองแรงงานไทยในประเทศญี่ปุ่น ในเรื่องการให้คำปรึกษาการช่วยเหลือและตรวจเยี่ยมผู้ฝึกปฏิบัติงานด้านเทคนิคและแรงงานไทย นอกจากนี้ ยังได้รับความร่วมมือในการประสานแลกเปลี่ยนข้อมูลเพื่อการจัดทำความตกลงประกันสังคม ซึ่งอยู่ระหว่างการหารือให้สามารถดำเนินการสำเร็จลุล่วงอันจะเป็นประโยชน์แก่ผู้ประกันตนต่อไปด้วย

ด้าน นายคาโตะ คัทซึโนบุ กล่าวว่า ในนามรัฐบาลญี่ปุ่นขอบคุณท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานของไทยและคณะที่ได้เข้าเยี่ยมคารวะกระชับความร่วมมือด้านแรงงานในวันนี้ แรงงานไทยมีส่วนสำคัญอย่างมากในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมของญี่ปุ่น เนื่องจากปัจจุบันมีคนไทยมาฝึกปฏิบัติงานทางเทคนิคและมีแรงงานไทยเดินทางมาทำงานในประเทศญี่ปุ่นเป็นจำนวนมาก ส่วนประเด็นข้อหารือต่างๆ ในวันนี้จะได้ประสานความร่วมมือกันอย่างใกล้ชิดต่อไป


ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 29 กันยายน 2565

พล.อ.ประวิตร เห็นใจผู้ชุมนุม ยินดีรับฟังข้อเรียกร้อง เปิดทำเนียบให้ตัวแทนเข้าพบหาทางออกร่วมกัน เร่งแก้ปัญหาหนี้สิน ที่ทำกิน ลดความเหลื่อมล้ำ ขอบคุณ ชุมนุมด้วยความสงบ ยืนยัน รัฐบาลไม่ทอดทิ้ง

พล.อ.ประวิตร เห็นใจผู้ชุมนุม ยินดีรับฟังข้อเรียกร้อง เปิดทำเนียบให้ตัวแทนเข้าพบหาทางออกร่วมกัน เร่งแก้ปัญหาหนี้สิน ที่ทำกิน ลดความเหลื่อมล้ำ ขอบคุณ ชุมนุมด้วยความสงบ ยืนยัน รัฐบาลไม่ทอดทิ้ง

,

เมื่อ 28 ก.ย.65 ,16.30 น. พล.ท.พัชร์ชศักดิ์ ปฏิรูปานนท์ ผช.โฆษก รอง นรม. เปิดเผยว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รอง นรม. รักษาราชการแทน นรม. ได้เปิดโอกาสให้ นายประพาส โง่กสูงเนิน ประธานสภาเครือข่ายประชาชนอีสาน (อสส.) และสภาประชาชน 4ภาค พร้อมตัวแทนกลุ่มผู้ชุมนุมรวม 15คน เข้าพบ ณ ห้องรับรอง 1 ทำเนียบรัฐบาล ซึ่งเป็นกลุ่มผู้ชุมนุม ที่ปักหลักชุมนุมอยู่ในขณะนี้ บริเวณพื้นที่ ถ.ราชดำเนิน และถ.พิษณุโลก จำนวน ประมาณ 20,000 คน โดยนายประพาสฯ ได้ยื่นหนังสือเพื่อขออนุญาตเข้าพบ พล.อ.ประวิตรฯ และชี้แจงปัญหาความเดือดร้อนของพี่น้องผู้ชุมนุม ทุกกลุ่ม ทั้งเรื่องหนี้สิน ที่ดินทำกิน และปัญหาความเหลื่อมล้ำทางสังคม เช่นผู้ร่วมพัฒนาชาติไทย และคนพิการ เป็นต้น เพื่อขอให้รัฐบาลพิจารณาหาแนวทางแก้ไขปัญหาร่วมกัน ภายใต้กฎหมาย อย่างเหมาะสมและเป็นธรรม

พล.อ.ประวิตร ได้กล่าวแสดงความเห็นใจ และความห่วงใยต่อกลุ่มผู้ชุมนุม พร้อมได้ขอบคุณผู้ที่มาชุมนุมกัน ด้วยความสงบ ซึ่งตนเข้าใจดีถึงความรู้สึกของทุกคน นอกจากจะได้รับความเดือดร้อนจากปัญหาต่างๆแล้วยังต้องเดินทางจากบ้านมาไกล และต้องมาพักอาศัยในเขตเมืองที่ไม่คุ้นเคยกับวิถีชีวิตตนเอง เนื่องจากมีความจำเป็น เพื่อเรียกร้องขอความช่วยเหลือจากรัฐบาล ทั้งนี้ พล.อ.ประวิตร ได้ยินดีรับฟังปัญหาความเดือดร้อน พร้อมข้อเสนอ/ข้อเรียกร้องของผู้ชุมนุมทุกกลุ่ม โดยรับปากจะรีบนำไปหารือในรัฐบาลเพื่อ เร่งแก้ปัญหาขจัดความเดือดร้อนให้กับพี่น้องประชาชน ให้ได้ยุติ ที่เป็นธรรม โดยเร็วที่สุด ต่อไป

พล.อ.ประวิตร เห็นใจผู้ชุมนุม ยินดีรับฟังข้อเรียกร้อง เปิดทำเนียบให้ตัวแทนเข้าพบหาทางออกร่วมกัน เร่งแก้ปัญหาหนี้สิน ที่ทำกิน ลดความเหลื่อมล้ำ ขอบคุณ ชุมนุมด้วยความสงบ ยืนยัน รัฐบาลไม่ทอดทิ้ง พล.อ.ประวิตร เห็นใจผู้ชุมนุม ยินดีรับฟังข้อเรียกร้อง เปิดทำเนียบให้ตัวแทนเข้าพบหาทางออกร่วมกัน เร่งแก้ปัญหาหนี้สิน ที่ทำกิน ลดความเหลื่อมล้ำ ขอบคุณ ชุมนุมด้วยความสงบ ยืนยัน รัฐบาลไม่ทอดทิ้ง พล.อ.ประวิตร เห็นใจผู้ชุมนุม ยินดีรับฟังข้อเรียกร้อง เปิดทำเนียบให้ตัวแทนเข้าพบหาทางออกร่วมกัน เร่งแก้ปัญหาหนี้สิน ที่ทำกิน ลดความเหลื่อมล้ำ ขอบคุณ ชุมนุมด้วยความสงบ ยืนยัน รัฐบาลไม่ทอดทิ้ง พล.อ.ประวิตร เห็นใจผู้ชุมนุม ยินดีรับฟังข้อเรียกร้อง เปิดทำเนียบให้ตัวแทนเข้าพบหาทางออกร่วมกัน เร่งแก้ปัญหาหนี้สิน ที่ทำกิน ลดความเหลื่อมล้ำ ขอบคุณ ชุมนุมด้วยความสงบ ยืนยัน รัฐบาลไม่ทอดทิ้ง

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 28 กันยายน 2565

พปชร.ติวเข้ม ส.ส. ชี้แจงข้อปฏิบัติตามกฎ กกต. เตรียมพร้อมรักษากฎก่อนเลือกตั้ง 180 วัน

,

พปชร.ติวเข้ม ส.ส. ชี้แจงข้อปฏิบัติตามกฎ กกต. เตรียมพร้อมรักษากฎก่อนเลือกตั้ง 180 วัน

วันที่ 28 กันยายน 2565 – ดร.พัชรินทร์ ซำศิริพงษ์ โฆษกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เปิดเผยว่า พรรคได้จัดประชุมชี้แจงและทำความเข้าใจในประกาศกฎระเบียบของ กกต. ตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2562 เพื่อให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรมีความเข้าใจและพร้อมปฏิบัติตามกฎหมาย โดยมีนายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ในฐานะเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) พร้อมด้วยนายไพบูลย์ นิติตะวัน รองหัวหน้าพรรคฝ่ายกฎหมาย เข้าร่วมประชุมในครั้งนี้ ซึ่งในที่ประชุมมีนายอนันต์ ผลอำนวย ส.ส.จังหวัดกำแพงเพชร เขต 3 ในฐานะประธานกรรมาธิการกิจการสภาผู้แทนราษฎรเข้าร่วมให้ข้อมูลหลังจากที่เข้าร่วมประชุมกับคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ก่อนหน้านี้ เพื่อให้เกิดความชัดเจนในข้อปฏิบัติให้เป็นไปตามขอบเขตของกฎหมายที่กำหนดไว้ ซึ่งในการประชุมของพรรคในวันนี้ มี ส.ส. และสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ เข้าร่วมประชุมกันอย่างพร้อมเพียง

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 28 กันยายน 2565

“พล.อ.ประวิตร”เคาะงบหนุนพัฒนาศักยภาพกีฬาทั้งประเทศ นำวิทยาศาสตร์การกีฬาสู่การเตรียมความพร้อมนักกีฬาสู่สนามแข่งขัน

,

“พล.อ.ประวิตร”เคาะงบหนุนพัฒนาศักยภาพกีฬาทั้งประเทศ

นำวิทยาศาสตร์การกีฬาสู่การเตรียมความพร้อมนักกีฬาสู่สนามแข่งขัน

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้เป็นประธานการประชุม”กองทุนกีฬา” สนับสนุนงบให้ สมาคมและกีฬาจังหวัด ทั่วประเทศ มุ่งพัฒนานักกีฬา ต่อเนื่อง เน้นยกระดับมาตรฐานมวยไทย สู่สากล ควบคู่สวัสดิการ/ความปลอดภัย ย้ำ ใช้วิทยาศาสตร์การกีฬา ให้เต็ม โดย พล.ท.พัชร์ชศักดิ์ ปฏิรูปานนท์ ผู้ช่วยโฆษก รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประวิตร ได้กล่าวแสดงความยินดี กับ ดร.ก้องศักด ยอดมณี ที่ได้รับความเห็นชอบ จาก คณะรัฐมนตรีให้ ดำรงตำแหน่ง ผู้ว่าการกีฬาแห่งประเทศไทย ต่ออีก 1สมัย(วาระ 4ปี) และได้มอบนโยบายในขับเคลื่อนการพัฒนาการกีฬา ให้มีความก้าวหน้า อย่างต่อเนื่อง ต่อไป

ทั้งนี้จากในการประชุมได้รับทราบผลการให้การสนับสนุนของกองทุน ประจำปี2565 วงเงิน 4,204 ล้านบาท และรับทราบรายงานการสนับสนุนงบประมาณ โครงการอุปกรณ์กีฬา กิจกรรมกีฬา และวิทยาศาสตร์การกีฬา แก่สมาคมกีฬาแห่งจังหวัด อาทิ โครงการจัดซื้ออุปกรณ์กีฬา จำนวน 50จังหวัด โครงการจัดกิจกรรมกีฬา จำนวน 31จังหวัด และโครงการนักวิทยาศาสตร์การกีฬาของสมาคมกีฬาแห่งจังหวัด จำนวน 77จังหวัด เป็นต้น รวมถึงรับทราบรายงานโครงการพัฒนากีฬามวยไทยให้มีความนิยมและมีมาตรฐานเดียว โดยร่วมกับสหพันธ์กีฬามวยไทยที่ IOC รับรอง

นอกจากนี้ยังได้เห็นชอบการปรับกรอบวงเงินการสนับสนุนระบบการพัฒนานักกีฬาสู่ความเป็นเลิศ ทั้งในระดับชาติ นานาชาติ และปรับเพิ่มเติมการสนับสนุนการจัดการแข่งขันกีฬาอาชีพ เพื่อสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจ และการสนับสนุนอุปกรณ์กีฬามวยและเวทีมวยมาตรฐาน สำหรับการแข่งขันและการฝึกซ้อมเพิ่มเติม จากที่กกท.ได้ดำเนินการแล้วในปี64 เพื่อให้นักกีฬามวย มีความปลอดภัย ลดการบาดเจ็บ การสูญเสียชีวิต และเป็นการกำกับเวทีมวยให้ได้มาตรฐาน ทั่วประเทศ ตามที่สหพันธ์ (IFMA) กำหนด รวมทั้งได้เห็นชอบการสนับสนุนเงินรางวัลให้แก่นักกีฬา ผู้ฝึกสอน และสมาคม จำนวน 9รายการ จาก 8สมาคมกีฬา เป็นเงิน 10,038,000 บาท เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจ ให้กับนักกีฬาและเจ้าหน้าที่ ในการสร้างผลงาน และชื่อเสียงประเทศชาติให้ดียิ่งขึ้น ต่อไป

พล.อ.ประวิตร ยังได้เน้นย้ำ ผู้จัดการกองทุนกีฬา ให้เร่งดำเนินการตามมติ ในวันนี้ โดยเคร่งครัด อย่างถูกต้องตามกฏหมาย ภายในกรอบเวลาที่กำหนด พร้อมกำชับ กกท.ให้บริหารงบประมาณเป็นไปตามวัตถุประสงค์ ของกองทุน ให้เกิดประโยชน์สูงสุด อย่างมีประสิทธิภาพ และเน้นการใช้วิทยาศาสตร์การกีฬา เพิ่มศักยภาพนักกีฬา อย่างเต็มที่ เพื่อพัฒนาการกีฬาของไทยให้มีผลงานก้าวหน้า และสามารถสร้างความสุขให้คนไทย ได้ต่อเนื่อง ต่อไป


ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 28 กันยายน 2565

ส.ส.พปชร. ตรวจจุดเสี่ยงริมแม่น้ำเจ้าพระยา วางแนวกระสอบทรายป้องกันน้ำท่วมบ้านเรือนปชช.

,

ส.ส.พปชร. ตรวจจุดเสี่ยงริมแม่น้ำเจ้าพระยา
วางแนวกระสอบทรายป้องกันน้ำท่วมบ้านเรือนปชช.

นายจักรพันธ์ พรนิมิตร ส.ส.กทม. เขตบางพลัด-บางกอกน้อย พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวว่า ได้ลงพื้นที่สำรวจบริเวณเชิงสะพานกรุงธน (ซังฮี้) และแนวตลิ่งแม่น้ำเจ้าพระยา ในพื้นที่เขตบางพลัด กรุงเทพฯ ซึ่งเป็นพื้นที่และจุดเสี่ยงที่อาจจะเกิดปัญหาน้ำท่วมได้ เนื่องจากป็นจุดที่น้ำในแม่น้ำเจ้าพระยาไหลทะลักผ่านแนวกั้นชั่วคราวของกทม.เข้าท่วมพื้นที่บริเวณนี้ในปี 2564 ซึ่งบางจุดมีความลึกของน้ำมากกว่า 1 เมตร

การลงพื้นที่ในครั้งนี้ เพื่อเตรียมความพร้อมรับมือและป้องกันน้ำท่วมบ้านเรือนประชาชนที่พักอาศัยติดกับแนวแม่น้ำเจ้าพระยาในพื้นที่บางพลัด โดยได้ประสานสำนักการระบายน้ำกทม. เพื่อนำกระสอบทรายมาเรียงเป็นกำแพงกั้น โดยอาศัยเทคนิคการวางกระสอบทรายครอบชั้นนอกของกระสอบไว้อีกชั้นหนึ่งและใช้ผ้าใบคลุมทับ เพื่อเพิ่มความแข็งแรงของแนวกระสอบ นอกจากนี้ ยังได้วางกระสอบทรายในจุดที่มีรอยรั่วริมเขื่อนบริเวณชุมชนวังเจ้าพร้อม ซอยจรัญสนิทวงศ์ 66/1 และจุดอื่นๆ อีกด้วย

“ในช่วงสัปดาห์ก่อนได้ประสานสำนักงานเขตบางพลัด เข้าลอกท่อระบายน้ำในชุมชนวัดภคินีนาถ เชิงสะพานกรุงธน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำในชุมชนช่วงฝนตกหนักอีกด้วย”

#พรรคพลังประชารัฐ #พลังประชารัฐ #PPRP #จักรพันธ์ พรนิมิตร
Twitter : https://twitter.com/PPRPofficial


ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 27 กันยายน 2565

พล.อ.ประวิตร รับช่วย"คุณยายสมบูรณ์" ชาวดำเนินสะดวก มอบ ผวจ.ราชบุรี เร่งดำเนินแก้ปัญหาที่อยู่อาศัยให้ถูกต้อง

พล.อ.ประวิตร รับช่วย”คุณยายสมบูรณ์” ชาวดำเนินสะดวกมอบ ผวจ.ราชบุรี เร่งดำเนินแก้ปัญหาที่อยู่อาศัยให้ถูกต้อง

,

เมื่อ 26 ก.ย.65 พล.ท.พัชร์ชศักดิ์ ปฏิรูปานนท์ ผช.โฆษก รอง นรม. เปิดเผยว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รอง นรม. รักษาราชการแทน นรม. ได้สั่งการแล้วไปยัง ผวจ. และนายก อบจ.ราชบุรี ให้เร่งดำเนินการช่วยเหลือคุณยาย สมบูรณ์ มีทะนาน อายุ 85 ปี ซึ่งมีฐานะยากจน และมีสภาพความเป็นอยู่ที่น่าเวทนา ต้องทำมาหากินเลี้ยงชีพโดยลำพัง ด้วยการนำกล้วยไปขายโดยการพายเรือไปตามลำคลองพื้นที่ อ.ดำเนินสะดวก จ.ราชบุรี และเกือบประสบอุบัติเหตุจากน้ำรั่วซึมเข้าในเรือ อย่างรวดเร็ว โชคยังดีมีชาวบ้านได้มาพบเห็นเหตุการณ์ และเข้าให้ความช่วยเหลือได้ทัน ตามที่เป็นข่าวไปแล้ว ในวันนี้

ภายหลังทราบว่า ปัจจุบัน คุณยายสมบูรณ์ ต้องใช้ชีวิตอย่างน่าลำเค็ญ เนื่องจากฐานะความยากจน และไม่มีใครดูแล โดยคุณยายอาศัยอยู่กับพี่สาว ซึ่งมีอายุมากถึง 99 ปี และมีสภาพนอนป่วยอยู่ที่บ้าน และยังต้องประสบกับปัญหาการถูกผู้มีอิทธิพลหลอกให้ขายที่ดิน ซึ่งเป็นที่ดินมรดก กว่า100ปี พร้อมให้โอนกรรมสิทธิ์ โดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ อย่างไม่ได้รับความเป็นธรรม ตั้งแต่ปี 2563 เป็นต้นมา คุณยาย สมบูรณ์ ซึ่งครั้งหนึ่งได้เคยจะขอความช่วยเหลือ จาก พล.อ.ประวิตร มาแล้วตั้งแต่ปี 2563 โดยตั้งใจเขียนจดหมายจะขอความช่วยเหลือ แต่ครั้งนั้นจดหมายของคุณยายไปไม่ถึง พล.อ.ประวิตร โดยไม่ทราบสาเหตุ

และในวันนี้ทันที ที่ พล.อ.ประวิตร ได้รับทราบข่าวเรื่องความทุกข์ยากของคุณยายสมบูรณ์ จึงได้สั่งการในทันที ให้ ผวจ.ราชบุรีและนายก อบจ. พร้อมด้วยท้องถิ่น เร่งลงไปให้ความช่วยเหลือคุณยาย อย่างดีที่สุดในทุกเรื่อง และให้คุณยายผ่านพ้นวิกฤตชีวิตครั้งนี้ไปให้ได้ ด้วยความเป็นธรรม และยั่งยืน ควบคู่กับการยกระดับคุณภาพชีวิต ของคุณยาย กับพี่สาวที่กำลังล้มป่วยอยู่ในขณะนี้ ให้ดีที่สุด โดยเร็ว

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 26 กันยายน 2565

“อธิรัฐ” สั่งการกรมเจ้าท่าเตรียมรับมือพายุไต้ฝุ่น “โนรู” เข้าไทย 28 ก.ย. – 1 ต.ค. นี้

, ,

“อธิรัฐ” สั่งการกรมเจ้าท่าเตรียมรับมือพายุไต้ฝุ่น “โนรู” เข้าไทย 28 ก.ย. – 1 ต.ค. นี้

นายอธิรัฐ รัตนเศรษฐ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า จากประกาศกรมอุตุนิยมวิทยา พายุ “โนรู” ฉบับที่ 4 ลงวันที่ 26 ก.ย.65 พายุไต้ฝุ่น “โนรู” บริเวณด้านตะวันออกของประเทศฟิลิปปินส์ คาดว่าจะเคลื่อนขึ้นฝั่งบริเวณประเทศเวียดนามตอนกลางในวันที่ 28 ก.ย.65 ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย จะมีกำลังแรงขึ้น โดยจะส่งผลกระทบทำให้ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง รวมทั้ง กทม.และปริมณฑล ภาคตะวันออก และภาคใต้ มี “ฝนตกหนัก” หลายพื้นที่ และมีฝนตกหนักมากบางแห่งกับมีลมแรง ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่มในช่วงวันที่ 28 ก.ย. – 1 ต.ค.65

สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยจะมีกำลังแรงขึ้น โดยทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ส่วนบริเวณอ่าวไทยตอนล่างทะเลมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร

นายอธิรัฐ กล่าวว่า จากสถานการณ์ดังกล่าว ตนจึงได้สั่งการให้กรมเจ้าท่า โดยสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาค ที่ 1-7 และ สำนักงานพัฒนาและบำรุงรักษา ทางน้ำ 1-8 ทั่วประเทศ เตรียมการรับมือพายุไต้ฝุ่นโนรู ดังนี้
1. จัดตั้งศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัย กรมเจ้าท่า
2. เตรียมความพร้อมเจ้าหน้าที่ รถ เรือ อุปกรณ์การช่วยเหลือผู้ประภัย
3.จัดเจ้าหน้าที่รับแจ้งเหตุประจำศูนย์และให้กำชับเจ้าหน้าที่เตรียมความพร้อมสนับสนุนให้ความช่วยเหลือประชาชนตลอด 24 ชั่วโมง
4. ออกประกาศให้ระมัดระวังการเดินเรือ ช่วงวันที่ 27 ก.ย. – 1 ต.ค.65 โดย
– เรือที่มีความยาวต่ำกว่า 12 เมตร ไม่ควรออกจากฝั่งหรืองดการเดินเรือ
– เรือที่มีความยาวมากกว่า 12 เมตร ให้ใช้ความระมัดระวังการเดินเรือในระยะนี้
และให้ตรวจสอบความพร้อมของตัวเรือ เครื่องยนต์เรือ ตลอดจนเตรียมเครื่องมือและอุปกรณ์ประจำเรือและอุปกรณ์ช่วยชีวิตต่าง ๆ ให้พร้อมใช้งานและให้ผู้โดยสารสวมเสื้อชูชีพตลอดเวลาขณะอยู่ในเรือ

นายอธิรัฐ กล่าวอีกว่า ตนได้กำชับให้หน่วยงานเฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์น้ำและสภาพอากาศจากกรมอุตุนิยมวิทยาอย่างใกล้ชิดตลอดเวลา รวมถึงบูรณาการร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อให้ความช่วยเหลือประชาชนได้ทันท่วงที

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 26 กันยายน 2565