โลกเปลี่ยน ไทยต้องปรับ ทางเลือกใหม่ของการเมืองไทย ก้าวข้ามความขัดแย้ง สานพลังประชาราษฎร์ ร่วมสร้างชาติให้ยั่งยืน

เดือน: สิงหาคม 2024

“ลุงป้อม“นำโชคให้ทัพนักกีฬาไทย บุกปารีส”เชียร์ดุเดือด ปรบมือทุกจังหวะ ส่งกำลังใจติดขอบมา 2 สนาม ยังไร้พ่าย แถมพลิกโค่นมือหนึ่งของโลกได้สำเร็จ

,

“ลุงป้อม“นำโชคให้ทัพนักกีฬาไทย บุกปารีส”เชียร์ดุเดือด ปรบมือทุกจังหวะ ส่งกำลังใจติดขอบมา 2 สนาม ยังไร้พ่าย แถมพลิกโค่นมือหนึ่งของโลกได้สำเร็จ

พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ ประธานคณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทยในพระบรมราชูปถัมภ์ เดินทางออกจากประเทศไทยตั้งแต่เย็นวันที่ 1 ส.ค.ไปยังกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส เพื่อไปให้กำลังใจนักกีฬาของประเทศไทยที่เข้าร่วมการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก ครั้งที่ 33 ซึ่งมีนักกีฬาทีมชาติไทยเข้าร่วมการแข่งขันมากเป็นประวัติการณ์ จำนวน 51 คน 17 ชนิดกีฬา

ทันทีที่ไปถึง พล.อ. ประวิตร ได้เข้าชมการแข่งขันกีฬาแบดมินตัน ประเภทชายเดี่ยว ซึ่ง วิว-กุลวุฒิ วิทิตศานต์ พบกับ ฉือหยู่ฉี มืออันดับ 1 ของโลกจากประเทศจีน และทุกครั้งที่กุลวุฒิทำคะแนนได้ ก็จะได้รับเสียงปรมมือและ กำลังใจจาก พล.อ. ประวิตร จนในที่สุดนักกีฬาทีมชาติไทยสามารถเอาชนะมือวางอันดับหนึ่งของโลกจากประเทศจีย เข้ารอบ 4 คนสุดท้ายได้ สร้าความภาคภูมิใจและความดีใจของคนไทยทั้งประเทศ รวมถึง พล.อ. ประวิตร ที่เก็บอาการความยินดีเอาไว้ไม่อยู่ ถึงขั้นยิ้มแก้มปริ พร้อมอวยพรขอให้กุลวุฒิได้รับเหรียญทอง เพื่อสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทย พร้อมขอให้คนไทยร่วมให้กำลังใจกุลวุฒิให้ประสบความสำเร็จในนัดต่อไป

วันถัดมา “บิ๊กป้อม”ก็ยังเดินสายให้กำลังใจนักกีฬาชาวไทยแบบติดขอบสนาม โดยได้เข้าชมการแข่งขันมวยสากลหญิง รอบก่อนรองชนะเลิศ (8คนสุดท้าย)ซึ่งเป็นพบกันของ นักมวยหญิงไทย“จันทร์แจ่ม สุวรรณเพ็ง”รุ่น 66 กิโลกรัม กับนักชกประเทศตุรกี “บิ๊กป้อม”ได้ส่งเสียงเชียร์ และปรบมือในจังหวะสำคัญของการออกอาวุธ อย่างดุเดือด ตื่นเต้น และนักชกไทยก็ไม่ทำให้ผิดหวัง สามารถเอาชนะคู่ต่อสู้ทะลุเข้าสู่รอบชิงเหรียญทอง ได้อย่างน่าชื่นชม

พล.ต.ท.ปิยะ ต๊ะวิชัย โฆษกพรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า วันนี้“ลุงป้อม”ของเรา ยังไม่มีคำว่าผิดหวัง หลังทุกแม๊ตซ์ที่ไปเชียร์นักกีฬาไทยยังไม่พบคำว่าพ่ายแพ้ แถมยังพลิกโผเอาชนะคู่แข่งแบบเหนือความคาดหมาย จนหลายมองว่า หรือลุงป้อมจะเป็น“มาสคอต”นำโชคให้กับทัพนักกีฬาไทย หรืออีกนัยหนึ่ง ก็น่าจะมาจากการสนับสนุนและเอาใจใส่ของผู้ใหญ่ในบ้านเมือง สร้างขวัญและกำลังให้กับนักกีฬา จนสามารถคว้าเหรียญกลับมาให้คนไทยได้ชื่นชมสำเร็จ พล.ต.ท.ปิยะฯ กล่าวยืนยันว่า พล.อ.ประวิตรฯ ไม่กังวลปัญหาในพรรคแต่อย่างใด ท่านยังเป็นผู้ใหญ่ที่ทุกคนเคารพรัก ตอนนี้ ยังคงเดินหน้าทุ่มเทแรงกายแรงใจเชียร์ให้ นักกีฬาของไทยคว้าชัยโอลิมปิก 2024 และนำเหรียญทองมาฝากพี่น้องคนไทยให้มากที่สุด อยากให้คนไทยรวมใจส่งแรงใจเชียร์นักกีฬาไทยด้วยครับ

ที่มา: https://www.chadthukkrasae.com/2024/08/blog-post_4.html?m=1
วันที่: 5 สิงหาคม 2567

“วิว-กุลวุฒิ” คว่ำ“ลีซิเจีย“ ทะลุชิงเหรียญทองโอลิมปิก 2024 เติมความสุขให้คนไทย พล.อ.ประวิตร ตามเชียร์ขอบสนาม ภูมิใจสุดๆ วิวเลือดนักสู้

,

“วิว-กุลวุฒิ” คว่ำ“ลีซิเจีย“ ทะลุชิงเหรียญทองโอลิมปิก 2024 เติมความสุขให้คนไทย พล.อ.ประวิตร ตามเชียร์ขอบสนาม ภูมิใจสุดๆ วิวเลือดนักสู้

เมื่อ 4 ส.ค.67 ,15.50น. (เวลาประเทศไทย) มีการแข่งขันกีฬาแบดมินตัน ประเภทชายเดี่ยว รอบรองชนะเลิศ รายการโอลิมปิก ปารีส-2024 ณ สนามกีฬา Porte de La Chapella Arena กรุงปารีสประเทศฝรั่งเศส น้องวิว-กุลวุฒิ วิทิตศานต์ พบกับ Lee Zii Jia นักแบดมินตัน มืออันดับ 7 ของโลก จากประเทศมาเลเซีย

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ประธานคณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ พร้อมด้วย นายธนา ไชยประสิทธิ์ รองประธานฯและหัวหน้านักกีฬา ,นายศรัณย์ เจริญสุวรรณ เอกอัครราชทูตฯและภริยา, คุณหญิงปัทมา ลีสวัสดิ์ตระกูล คณะกรรมการไอโอซี และนายกสมาคมกีฬาแบดมินตันแห่งประเทศไทยฯ,พล.อ.คณิต สาพิทักษ์ และพล.อ.ณัฐ อินทรเจริญ ได้เดินทางมาชมการแข่งขัน และให้กำลังใจน้องวิว ต่อเนื่องเพื่อติดตามผลงานจากแมตช์ก่อนหน้าที่น้องวิวสามารถเอาชนะนักแบดมินตัน มือหนึ่งของจีนมาได้อย่างเด็ดขาด 2เซ็ทรวด สำหรับนัดนี้ หากน้องวิว เอาชนะคู่ต่อสู้จากมาเลเซีย จะทำให้ได้เข้าชิงเหรียญทองทันที ซึ่งในวันนี้ พล.อ.ประวิตร และคณะได้เข้าชมการแข่งขัน เกาะขอบสนามด้วยความตื่นเต้น และเต็มเปี่ยมด้วยกำลังใจที่จะมอบให้น้องวิว อีกแมตช์ เพราะเป็นแมตช์ที่สำคัญยิ่งที่จะทำให้คนไทยทั้งประเทศมีความสุขและ ภาคภูมิใจอีกครั้ง ซึ่งน้องวิว ก็ทำได้ตามที่คาดหวังสามารถเอาชนะนักตบลูกขนไก่จากมาเลเซีย ได้อย่างขาดลอย 2เซ็ตรวด ด้วยเลือดนักสู้ของคนไทยอย่างแท้จริง ที่ทำให้ผู้ชมในสนามแข่งขันและทั่วโลกเห็นถึงความมุ่งมั่น ความสามารถ และความแข็งแกร่งของนักกีฬาทีมชาติไทย ในวันนี้

พล.อ.ประวิตร ได้ส่งเสียงเชียร์พร้อมปรบมือให้กำลังใจ ตลอดเวลาที่ชมการแข่งขันของน้องวิว ในบรรยากาศที่เต็มไปด้วยเสียงเชียร์ของแต่ละฝ่ายในสนามเนื่องจากเป็นนัดตัดเชือก ก่อนชิงชนะเลิศ ซึ่งกำลังใจของนักกีฬาสำคัญมาก ทั้งจากกองเชียร์ในสนามและนอกสนามของคนไทยที่รับชมทางทีวีถ่ายทอดสด จากประเทศไทย กระทั่งน้องวิว ได้รับชัยชนะในที่สุด ด้วยสกอร์ 21:14 และ 21:15 สามารถเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศได้เป็นผลสำเร็จ นับเป็นความภาคภูมิใจของคนไทยที่น้องวิว พร้อมด้วยทีมสตาฟโค้ช และสมาคมกีฬาแบดมินตันฯ ที่ได้ร่วมกันสร้างผลงานอันล้ำค่าให้กับคนไทยได้ชื่นชมและมีความสุขเพิ่มขึ้น ซึ่งตนจะติดตามและให้กำลังใจอีกความสำเร็จของน้องวิว ในแมตช์สำคัญต่อไปด้วย

ภายหลัง เสร็จสิ้นการแข่งขัน พล.อ.ประวิตร ได้พบกับน้องวิวและได้กล่าวแสดงความยินดีอีกครั้ง ที่น้องวิวสามารถนำชัยชนะมาให้คนไทยทั้งประเทศได้สำเร็จซึ่ง พล.อ.ประวิตร จะได้ติดตามผลงานและเป็นกำลังใจให้น้องวิวประสบความสำเร็จและสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศชาติในแมตช์ชิง ต่อไป

 

 

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 4 สิงหาคม 2567

บิ๊กป้อม ชื่นชม กุลวุฒิ เข้าตัดเชือก ปัดตอบคำถามทัพไทยจะได้กี่เหรียญ

,

บิ๊กป้อม ชื่นชม กุลวุฒิ เข้าตัดเชือก ปัดตอบคำถามทัพไทยจะได้กี่เหรียญ

“บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ​ ประธานคณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทยฯ ที่เดินทางมายังกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส เพื่อร่วมเชียร์นักกีฬาโอลิมปิกเกมส์ของไทย และเข้ามาชมการแข่งขันแมตช์ที่ “วิว”​ กุลวุฒิ วิทิตศานต์​ นักแบดมินตัน มือ 8 ของโลก ระเบิดฟอร์ม โค่น ฉี ยู่ฉี มือ 1 ของโลก จากจีน 2-0 เกม พร้อมกับผ่านเข้ารอบตัดเชือกแบดมินตัน ชายเดี่ยว โอลิมปิกเกมส์​ 2024 ได้ออกมากล่าวด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม พร้อมชื่นชม กุลวุฒิ หลังจบแมตช์การแข่งขันกับผู้สื่อข่าว

ทั้งนี้ ”บิ๊กป้อม”​ เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ”ตนต้องแสดงความดีใจกับ วิว ด้วย ที่สามารถเอาชนะนักกีฬามือ 1 ของโลก ได้ และอยากขอให้ทุกคนเป็นกำลังใจให้วิวอีก 2 แมตช์​ เพื่อได้เหรียญทองโอลิมปิกเกมส์ต่อไป ต้องขอบคุณคนไทยทุกคนที่ให้กำลังใจกับน้องวิวครับ”​

เมื่อผู้สื่อข่าวถามอีกว่า ในความคิดเห็นส่วนตัว คิดว่าในกีฬาโอลิมปิกเกมส์​ 2024 ทัพนักกีฬาไทยจะได้กี่เหรียญในโอลิมปิกเกมส์รอบนี้ พลเอก ประวิตร ตอบกลับสั้นๆว่า “ผมยังไม่รู้หรอก แล้วผมจะรู้ได้ยังไง“​ ก่อนที่จะเดินหันหลังออกจากวงสัมภาษณ์ไปในทันที

ที่มา: มติชนออนไลน์… อ่านข่าวต้นฉบับได้ที่ : https://www.matichon.co.th/sport/olympic2024/news-olympic2024/news_4715461#google_vignette
วันที่: 2 สิงหาคม 2567

“สส.จำลอง” กระทุ้งกระทรวงพาณิชย์ ประกันราคามันสำปะหลัง 3 บาทต่อกก. แจงต้นทุนเกษตรกรยังถึงจุดไม่คุ้มทุน หวั่นผู้ปลูกมันฯรายได้ติดลบกระทบอาชีพ

,

“สส.จำลอง” กระทุ้งกระทรวงพาณิชย์ ประกันราคามันสำปะหลัง 3 บาทต่อกก.
แจงต้นทุนเกษตรกรยังถึงจุดไม่คุ้มทุน หวั่นผู้ปลูกมันฯรายได้ติดลบกระทบอาชีพ

นายจำลอง ภูนวนทา สส.กาฬสินธุ์ เขต 3 พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.)กล่าวหารือในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรถึงสถานการณ์ปัญหามันสำปะหลังว่า ได้ลงพื้นที่ไปตรวจสอบพบว่า ราคารับซื้อมันสำปะหลังตกต่ำที่สุดในรอบ 9 ปี โดยต้นทุนการผลิตของผู้ปลูกมันสำปะหลัง ไม่คุ้มกับราคาต้นทุน ปัจจุบันจังหวัดกาฬสินธุ์ราคามันสำปะหลังอยู่ที่ 1 บาทกว่า ไม่ถึง 2 บาท ซึ่งต้นทุนการผลิต จุดคุ้มทุนอยู่ที่ 3 บาท เพราะต้องมีค่าไถ 750 บาทต่อไร่ ,ค่าพันธุ์ 500 บาทต่อไร่,ค่าปลูก 800 บาทต่อไร่,ค่าดายหญ้า 800 บาทต่อไร่,ค่าปุ๋ย ค่าแรง 1,100 บาทต่อไร่,ค่าไถกลบไถเบิก 500 บาทต่อไร่,ค่ารักษาโรคใบด่าง โรคใบหยิก 200 บาท,ค่าโดรนฉีดยาอีกไร่ละ 100 บาท,ค่าเก็บผลผลิตไร่ละ 600 บาท

นายจำลอง กล่าวต่อว่า ส่วนค่าเช่าที่ธนารักษ์สำคัญ ในพื้นที่ท้ายเขื่อนห้วยเม็กหนองกุงศรีท่าคันโท ที่อยู่ท้ายเขื่อนลำปาว ปีไหนที่น้ำหลาก เขาเก็บน้ำเยอะก็ปรากฏว่า น้ำท่วมแต่ไม่ได้รับการชดเชย เรื่องนี้อยากให้รัฐบาลตระหนักว่า ถ้าพี่น้องเกษตรกรปลูกมันสำปะหลังอยู่ท้ายเขื่อนถูกน้ำท่วมก็ให้ชดเชยด้วย ทั้งนี้ ค่าใช้จ่ายรวมเบ็ดเสร็จอยู่ที่ 7,185. 65 บาท นี่คือต้นทุน ปัจจุบันนี้ถ้ากิโลละ 2 บาท ไร่ละประมาณ 3 ตันคิดเป็น 6,000 บาทจะติดลบอยู่ 1,185.65 บาท เกษตรกรผู้ปลูกมันสําปะหลังติดลบ ส่งผลต่อผลผลิตเสียหาย

“ผมมีวิธีแก้ไขคือ ลดต้นทุนการผลิตและขอกราบเรียนนโยบายรัฐบาลที่แพลนออกมาว่าปุ๋ยขึ้นราคา จริงๆแล้วเป็นประโยชน์ เป็นการลดต้นทุนปุ๋ย ที่ผ่านมาปุ๋ยถุงละ 60 บาท ปัจจุบันนี้ถุงละ 1,000กว่าบาท รวมถึง ประกันราคามันสำปะหลังเกษตรกรผู้ปลูกมัน 3 บาทต่อกิโลกรัม นอกจากนี้ พี่น้องที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม แต่ไม่ได้รับการชดเชยในการเช่าที่ธนารักษ์ ซึ่งควรจะชดเชยให้เขา เพราะธนารักษ์เอาค่าเช่ากับเขาไปแล้ว”นายจำลอง กล่าว

นายจำลอง กล่าวต่อว่า หากย้อนไปในอดีต ปัญหาราคาสำปะหลัง ถึงขั้นมีการปิดรัฐสภาที่ถนนอู่ทองใน เพราะพี่น้องเกษตรกรเกิดความเดือดร้อนจึงเกิดความวุ่นวาย จึงขอให้กระทรวงพาณิชย์ช่วยเหลือเยียวยาในการประกันราคามันสำปะหลังให้กับพี่น้องเกษตรกรอย่างน้อยกิโลกรัมละ 3 บาท ถึงจะมีกำไรและจุดคุ้มทุนอยู่ตรงนั้น

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 1 สิงหาคม 2567

“อัครแสนคีรี” เสนอการบริหารจัดการ “เขื่อนลำปะทาว” จ.ชัยภูมิ แก้น้ำท่วม น้ำแล้ง ซ้ำซาก

,

“อัครแสนคีรี” เสนอการบริหารจัดการ “เขื่อนลำปะทาว” จ.ชัยภูมิ
แก้น้ำท่วม น้ำแล้ง ซ้ำซาก

นายอัครแสนคีรี โล่ห์วีระ สส.ชัยภูมิ เขต 7 พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.)กล่าวหารือในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรถึงแนวทางในการเพิ่มประสิทธิภาพในการบริหารจัดการเขื่อนลำปะทาว ทั้งเขื่อนบนและเขื่อนล่าง เพื่อให้สอดคล้องกับความต้องการของพี่น้องประชาชน เพราะช่วงนี้เป็นช่วงฤดูน้ำหลาก ในหลายจังหวัดได้เกิดวิกฤตน้ำท่วม เช่น จังหวัดตาก จังหวัดกาญจนบุรี ซึ่งจังหวัดชัยภูมิ ถือเป็นจังหวัดหนึ่งที่มีวิกฤตน้ำท่วมในรอบ 3 ปีที่ผ่านมา และปีนี้คาดว่ามีปริมาณน้ำฝนสูงขึ้นตั้งแต่กลางเดือนสิงหาคมจนถึงเดือนกันยายน 1 ในสาเหตุที่น้ำท่วมเทศบาลเมืองหนัก 3 ปีติดต่อกัน เกิดจากวิกฤตน้ำล้นเขื่อนลำปะทาวล่าง ผนวกกับน้ำที่ไหลมาจากอำเภออื่นๆ มาบรรจบกัน จึงทำให้เกิดน้ำท่วมหนักส่งผลเสียต่อมูลค่าทางเศรษฐกิจจำนวนมาก

นายอัครแสนคีรี กล่าวต่อว่า จากสถิติพบว่าช่วงฤดูน้ำหลากน้ำจะไหลเข้าเขื่อนบนราว 4-5.4 ล้านลูกบาศก์เมตร/วัน ในส่วนของเขื่อนล่างน้ำจะไหลเข้าตั้งแต่ 1.69 ถึง 7.6 ล้านลูกบาศก์เมตร/วัน ในขณะที่ปริมาณน้ำที่สามารถพร่องออกไปได้สูงสุดอยู่เพียงแค่ 3 แสนลูกบาศก์เมตร/วัน ซึ่งที่จริงแล้วถ้าเราบริหารจัดการเขื่อนลำปะทาวได้อย่างมีประสิทธิภาพจะสามารถช่วยบรรเทาเหตุน้ำท่วมในเทศบาลเมืองและยังเพิ่มปริมาณน้ำให้กับพื้นที่แห้งแล้ง เช่น อำเภอแก้งคร้อ

“ผมขอเสนอไปยังกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและกรมชลประทาน รวมถึงจังหวัดชัยภูมิ ควรจัดตั้งคณะกรรมการบริหารน้ำเขื่อนลำปะทาว ร่วมกันหลายฝ่าย เพื่อบริหารน้ำสำหรับการเกษตรแล้วก็อุปโภคบริโภครวมถึงการบรรเทาอุทกภัยน้ำท่วมไม่ใช่แค่การผลิตกระแสไฟฟ้าเท่านั้น เพื่อแก้ปัญหาระยะสั้นเขื่อนล่างควรเร่งพร่องน้ำก่อนฤดูน้ำหลาก ควรติดตั้งระบบสูบจากเขื่อนล่าง ขึ้นเขื่อนบน โดยเมื่อน้ำใกล้ล้นเขื่อนล่างให้สูบไปเก็บไว้ที่เขื่อนบน แล้วพร่องออกทางอำเภอแก้งคร้อให้มากขึ้น ซึ่งจะบรรเทาน้ำในเทศบาลเมือง น้ำท่วมรวมถึงเพิ่มปริมาณน้ำให้กับพื้นที่แห้งแล้งในอำเภอแก้งคร้อ สุดท้ายควรเพิ่มประตูระบายน้ำ สำหรับเขื่อนล่าง เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการพร่องน้ำเพราะปัจจุบันพร่องได้แค่ 300,000 ลูกบาศก์เมตร/วัน ในขณะที่ปริมาณน้ำ สามารถเข้ามาสูงสุดถึง 7 ล้านลูกบาศก์เมตร/วัน เท่ากับไม่ถึงไม่ถึง 3 วันน้ำก็ล้นเขื่อนล่างเข้าไปท่วมเทศบาลเมือง”นายอัครแสนคีรี กล่าว

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 1 สิงหาคม 2567