โลกเปลี่ยน ไทยต้องปรับ ทางเลือกใหม่ของการเมืองไทย ก้าวข้ามความขัดแย้ง สานพลังประชาราษฎร์ ร่วมสร้างชาติให้ยั่งยืน

ป้ายกำกับ: พรรคพลังประชารัฐ

“ชัยวุฒิ” ควง “ฟิล์ม” ปราศรัยเขตสวนหลวง ชูนโยบายลดค่าครองชีพ พร้อมวลีเด็ด “กระแสพรรคนั้นอยู่ไม่นาน แต่ถ้าเลือกคนที่ทำงาน ผมจะอยู่กับพ่อแม่พี่น้องตลอดไป”

,

“ชัยวุฒิ” ควง “ฟิล์ม” ปราศรัยเขตสวนหลวง ชูนโยบายลดค่าครองชีพ พร้อมวลีเด็ด “กระแสพรรคนั้นอยู่ไม่นาน แต่ถ้าเลือกคนที่ทำงาน ผมจะอยู่กับพ่อแม่พี่น้องตลอดไป”

นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ พร้อมกับนายรัฐภูมิ โตคงทรัพย์ ผู้สมัคร ส.ส. กรุงเทพมหานคร เขต 22 เบอร์ 1 พรรคพลังประชารัฐ ได้ลงพื้นที่ปราศรัยกับพี่น้องชาวสวนหลวง ที่ศูนย์ยีซา ซอยปานเหล็ง โดยการปราศรัยในครั้งนี้ นายชัยวุฒิ ได้ขอบคุณพี่น้องชาวสวนหลวงที่สนับสนุนพรรคพลังประชารัฐ และมั่นใจว่าเขตนี้ฟิล์มจะได้รับการเลือกจากประชาชน ได้เป็น ส.ส. เขตสวนหลวง

นายชัยวุฒิ กล่าวถึงนโยบายลดค่าครองชีพว่า ปัจจุบันสินค้ามีราคาแพงเพราะพลังงานมีราคาสูงมาก ทางพรรคจึงมีนโยบายเร่งด่วนในการลดค่าครองชีพให้กับประชาชน ด้วยการลดค่าไฟฟ้าเหลือหน่วยละ 2.50 บาท ลดค่าแก๊สเหลือถังละ 250 บาท ลดค่าน้ำมันเบนซินลงลิตรละ 18 บาท ดีเซลลดลงลิตรละ 6 บาท และยังมีนโยบายช่วยเหลือประชาชนที่มีรายได้น้อย อย่างบัตรสวัสดิการแห่งรัฐที่เพิ่มเงินเป็น 700 บาท

นายชัยวุฒิ กล่าวต่อว่า นโยบายก้าวข้ามความขัดแย้ง จะทำให้บ้านเมืองสงบสุขประเทศเดินไปข้างหน้า มีนักท่องเที่ยว มีนักธุรกิจมาลงทุน มีการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานต่าง ๆ ให้กับประชาชนชาวกรุงเทพมหานครอยู่อย่างมีความสุข เราคิดต่างกันได้ เราเห็นต่างกันได้ แต่เราต้องทำให้บ้านเมืองสงบสุข เลือกพรรคพลังประชารัฐให้ “ลุงป้อม” ก้าวข้ามความขัดแย้งไปด้วยกันให้ได้นะครับ พรรคพลังประชารัฐมีอุดมการณ์ชัดเจน สิ่งที่เป็นประโยชน์ต่อบ้านเมือง มีประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชนทางพรรคเห็นด้วย แต่ถ้าจะไปเปลี่ยนสิ่งใดทำให้บ้านเมืองเสียหาย ทำให้ประชาชนแตกแยก ทำให้ลูกหลานในอนาคตของเราเดือดร้อน พรรคพลังประชารัฐจะไม่ยอมเด็ดขาด นี่คืออุดมการณ์สำคัญของพรรคพลังประชารัฐที่จะมีอยู่ตลอดไป

ด้านนายรัฐภูมิ กล่าวว่า ทุกคนไม่ต้องห่วงโตมาต้องมั่งคงใครที่มีรายได้ไม่ถึง 5 แสนบาทไม่ต้องเสียภาษี พร้อมชูนโยบายสวัสดิการผู้สูงอายุ “3 4 5 6 7 8″ โดยผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไปจะได้รับ 3,000 บาท อายุ 70 ปีขึ้นไป จะได้รับ 4,000 บาท และอายุ 80 ปีขึ้นไปจะได้รับ 5,000 บาท อีกทั้งบัตรสวัสดิการรัฐหรือบัตรประชารัฐ ที่เมื่อก่อนได้รับ 300 บาท ถ้าพลังประชารัฐได้เป็นรัฐบาลจะเพิ่มเป็น 700 บาทต่อเดือน ทั้งนี้ฟิล์มยังได้ขอกำลังใจจากพี่น้องประชาชนเขตสวนหลวง และทิ้งวลีเด็ดส่งท้ายว่า “วันนี้กระแสพรรคนั้นอยู่ไม่นาน แต่ถ้าทุกคนเลือกคนที่ทำงาน ผมจะอยู่กับพ่อแม่พี่น้องตลอดไป” พร้อมเชิญชวนประชาชนออกมาใช้สิทธิ ใช้เสียงเลือกตั้งในวันที่ 14 พฤษภาคมนี้ เป็นกำลังใจให้ฟิล์ม บัตรสีม่วงกาเบอร์ 1 เลือกฟิล์ม รัฐภูมิ โตคงทรัพย์ เขต 22 ส่วนใครชื่นชอบนโยบายพรรคพลังประชารัฐ บัตรสีเขียวกาเบอร์ 37

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 8 พฤษภาคม 2566

พปชร. เดินสายปราศรัยทั่วเมืองสองแคว “สันติ”นำทัพขอเสียง ผู้สมัคร2 เขต ส่ง “ลุงป้อม” ทำภารกิจนายกฯให้ประเทศ พร้อมทำสงครามกับความยากจนดันเป็นวาระแห่งชาติ ปชช. รอฟังข่าวดีทุกนโยบายทำทันที

,

พปชร. เดินสายปราศรัยทั่วเมืองสองแคว “สันติ”นำทัพขอเสียง ผู้สมัคร2 เขต ส่ง “ลุงป้อม” ทำภารกิจนายกฯให้ประเทศ
พร้อมทำสงครามกับความยากจนดันเป็นวาระแห่งชาติ ปชช. รอฟังข่าวดีทุกนโยบายทำทันที

8 พฤษภาคม 2566 พรรคพลังประชารัฐ เดินสายปราศรัยใหญ่ ที่จังหวัดพิษณุโลก นำโดย นายสันติ พร้อมพัฒน์ เลขาธิการพรรค นายวราเทพ รัตนากร คณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรค นายชาญกฤช เดชวิทักษ์ โฆษกคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรค โดยเริ่มจากเวทีแรก ที่ ลานพระบรมรูปพ่อขุนศรีอินทราทิตย์ อำเภอนครไทย และจุดที่สอง ที่ ลานวัดสุพรรณพนมทอง อำเภอวังทอง ช่วยนายเอกพงษ์ กุญเจริญ ผู้สมัคร ส.ส.พิษณุโลก เบอร์ 1 เขต 5 และ นายหัสนัยน์ สอนสิทธิ์ ผู้สมัคร ส.ส.พิษณุโลก เบอร์ 7 เขต 3

นายสันติ กล่าวปราศรัยทั้ง 2 เวทีว่า รู้สึกดีใจที่พี่น้องชาวจังหวัดพิษณุโลกให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น และขอฝากผู้สมัครทั้ง 2 คนที่มีคุณภาพของ พปชร. ไว้เป็นตัวแทนพี่น้องที่พร้อมดูแลและพัฒนาจังหวัดพิษณุโลก เรามีความตั้งใจให้พี่น้องกินดีอยู่ดี นโยบายที่สำคัญที่สุด ของพรรคพลังประชารัฐที่จะส่งถึงพี่น้องประชาชน คือนโยบายก้าวข้ามความขัดแย้ง หากชุมชนมีความสามัคคี เป็นหนึ่งเดียวกัน การคิดไม่เหมือนกัน เป็นเรื่องปกติ แต่ขออย่าขัดแย้งกัน เพราะความขัดแย้งจะทำให้การพัฒนาของบ้านเราไม่เจริญ และเมื่อก้าวข้ามความขัดแย้งไปได้แล้ว ก็จะนำไปสู่การก้าวข้ามความยากจน

วันนี้เรามุ่งมั่นที่จะเลือกผู้แทนของเรา มาเป็นตัวแทน นำเสนอปัญหาของพี่น้องประชาชนเสนอต่อรัฐบาล เพื่อแก้ไขปัญหาความยากจนให้กับชาวพิษณุโลก เพราะ พื้นที่จังหวัดพิษณุโลก เป็นเมืองเกษตร ทั้งข้าว ข้าวโพด และผลไม้ชนิดต่างๆ ถ้าพัฒนาขึ้นมาเป็นกลุ่มภาคการเกษตร ที่มีตัวแทนจำหน่าย วางแผนในการเพาะปลูก ก็จะทำให้ได้ราคามากยิ่งขึ้น และมีประสิทธิภาพ และเรื่องน้ำที่พี่น้องประชาชน มีความต้องการ ซึ่งพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค ได้ทำพื้นที่กักเก็บน้ำในแม่น้ำ เพื่อให้หน้าแล้ง สามารถกักเก็บน้ำได้ไว้ใช้ทำการเกษตร ในช่วงน้ำหลาก และสำรวจพื้นที่ที่เป็นแอ่งน้ำสำรองขุดลอกคูคลอง เพื่อให้สามารถกักเก็บน้ำได้มาใช้ในการเกษตรฤดูแล้ง

นายสันติ กล่าวย้ำถึงบัตรประชารัฐของพี่น้อง ที่พรรคพลังประชารัฐ จะผลักดันให้เกิดขึ้นเพื่อให้ทุกท่านนำเงินไปใช้ดำรงชีวิต ซึ่งหากพลเอกประวิตร ได้เป็นรัฐบาล จะเพิ่มบัตรประชารัฐ 300 เป็น 700 บาทในทันที นอกจากนี้ เราจะเติมทุนตั้งต้นเพื่อประกอบอาชีพคนละ 30,000 บาท โดยผ่านการฝึกกอบรมและเพิ่มทักษะการประกอบอาชีพเมื่อผ่านแล้วจะได้ทุนตั้งต้นทันทีในการประกอบอาชีพค้าขาย เพื่อสร้างรายได้ ให้กับ ครอบครัว โดยไม่ต้องไปกู้ยืม นอกจากนี้ยังห่วงผู้สูงอายุซึ่งผู้ถือบัตรประชารัฐ ยังมีประนโยบายประกันชีวิตอีก 200,000 บาท

วันนี้ตนมารับรองว่าทุกนโยบายที่พรรคพลังประชารัฐ นำเสนอ สามารถทำได้จริง และจะทำทันทีเมื่อเป็นรัฐบาล ตนขอฝากเลือกเบอร์ 37 เลือกพรรคพลังประชารัฐ เลือกพลเอกประวิตร เข้าไปทำทันที สำหรับนโยบายเหล่านี้ ที่กล่าวมาทั้งหมด

ขณะที่นายชาญกฤช ปราศรัยว่า พลเอกประวิตร ได้ประกาศสงครามกับความยากจน เงินในกระเป๋าจะต้องมีมากขึ้น สิ่งที่เราจะทำทันที คือประกาศลดราคาเบนซินทันที และราคาน้ำมันดีเซล ถ้าลุงป้อม ได้ขึ้นมาเป็นนายกฯ จะประกาศลง 6 บาทต่อลิตรทันที ก๊าซหุงต้ม จะลดลงเหลือ 250 บาทต่อถัง และจะลดค่าไฟหน่วยละ 4.70 บาท นี่คือ สิ่งที่เราจะทำสงครามกับความยากจน ให้เห็นเป็นรูปธรรม ปรับลดพลังงานทั้งระบบ มาฟังข่าวดีได้เลยเมื่อพลเอกประวิตรได้เป็นนายกฯ และการปรับโครงสร้างหนี้ทันทีใน 100 วันเมื่อเป็นรัฐบาล ทั้งในและนอกระบบโดยการผลักดันให้เป็น วาระแห่งชาติ รัฐบาลจะเข้ามาเจรจากับเจ้าหนี้ ทั้งในระบบและนอกระบบ โดยทำทันที เช่นพักเงินต้น ลดดอกเบี้ย และย้ายจากธนาคารเก่า ไปสู่ธนาคารใหม่

พี่น้องที่ปลูกพืชทางการเกษตร ต้องใช้ปุ๋ยในการดูแลพืชผล พรรคพลังประชารัฐ จะมาช่วยพี่น้องคนละครึ่ง ในการชำระค่าปุ๋ย พร้อมจัดตั้งกองทุนปุ๋ยประชารัฐ เมื่อลุงป้อมเป็นนายกฯ

นายชาญกฤช ย้ำว่า ลุงป้อมมีลักษณะเด่น คือ เดินช้า คิดเร็ว และตัวเบา คือที่เดินช้า เพราะมีปัญหาเรื่องเส้นประสาท แต่เป็นคนที่คิดเร็ว แก้ปัญหาให้พี่น้องประชาชนอย่างรวดเร็ว แม้อาจจะเดินช้า แต่สมองแก้ปัญหาเร็ว และลุงป้อมหูไม่เบา มีการไตร่ตรองอย่างรอบคอบ และสิ่งสุดท้ายลุงป้อม ตัวเบา ไม่มีครอบครัวไม่มีภรรยาและลูก บั้นปลายของชีวิตของลุงป้อมตั้งใจ ที่จะทำให้กับพี่น้องประชาชน สามารถก้าวข้ามความขัดแย้ง และก้าวข้ามความยากจน และทำภารกิจให้กับประเทศชาติ ซึ่งลุงป้อมแม้ขาไม่ดี แต่เดินทางไปทั่วประเทศทั้ง 77 จังหวัด เพื่อแก้ปัญหากับพี่น้องประชาชนไม่ว่าจะเป็นเรื่องหนี้นอกระบบ ที่ทำกิน แหล่งน้ำ นี่คือว่าที่นายกฯ ที่พี่น้องสบายใจได้ ว่าพร้อมและไม่มีห้วงเวลาไหน ไม่คิดถึงพี่น้องประชาชน อยากฝากพี่น้องประชาชนเป็นกระบอกเสียงให้พรรคพลังประชารัฐ ไปฝากญาติพี่น้อง ในวันที่ 14 พฤษภาคม ขอให้ไตร่ตรองให้ดี ลุงป้อมได้ประกาศสงครามกับความยากจน และก้าวข้ามความขัดแย้ง

ด้านนายวราเทพ วราเทพ กล่าวย้ำถึงนโยบาย มีเราไม่มีแล้ง มีน้ำไม่มีจน มีที่ทำกินไม่มีจน ซึ่งหากพี่น้องมีปัญหาเรื่องที่ดิน และเรื่องน้ำ ต้องเลือกพรรคพลังประชารัฐ ทุกพรรคการเมืองหาเสียง อยากจะแก้ไขปัญหาเรื่องเอกสารสิทธิ์ที่ดิน เรื่องสปก. พร้อมยืนยันว่า คนที่ทำได้แน่นอน คือพลเอกประวิตร เพราะมีประสบการณ์ ดังนั้น พิษณุโลก 5 เขต เราขอยกทีม ประกอบด้วยผู้สมัคร ทั้ง 5 เขตของจังหวัดพิษณุโลกนาย อดุลวิทย์ วิวัฒน์ธนาฒย์ หมายเลข 11 เขต 1 นาย ศิริชิน หาญพิทักษ์พงศ์ หมายเลข 4 เขต 2 นาย หัสนัยน์ สอนสิทธิ์ หมายเลข 7 เขต 3 นาย อัศวิน นิลเต่า หมายเลข 7 เขต 4 นาย เอกพงษ์ กุลเจริญ หมายเลข 1 เขต 5

อย่างไรก็ตามช่วงเย็นวันนี้พรรคพลังประชารัฐ จะปราศรัยใหญ่ ที่อำเภอพรหมพิราม เป็นเวทีที่ 3 โดยมีพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค นำการปราศรัย ซึ่งถือเป็นโค้งสุดท้ายของเวทีการหาเสียงที่มีความเข้มข้น และคึกคัก

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 8 พฤษภาคม 2566

“ผู้กองธรรมนัส”ปลุกคนพะเยา สร้างพลังร่วมพัฒนาบ้านเมืองให้เจริญยิ่งขึ้น หยุดยืมจมูกคนอื่นหายใจ ขออาสาเข้าสภาฯช่วยแก้ไขปัญหาให้ ปชช. เข้าคูหากาเบอร์ 6 37

,

“ผู้กองธรรมนัส”ปลุกคนพะเยา สร้างพลังร่วมพัฒนาบ้านเมืองให้เจริญยิ่งขึ้น หยุดยืมจมูกคนอื่นหายใจ ขออาสาเข้าสภาฯช่วยแก้ไขปัญหาให้ ปชช. เข้าคูหากาเบอร์ 6 37

ที่บริเวณสนามกีฬาตำบลเชียงแรง อ.ภูซาง จ.พะเยา ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ผู้สมัคร ส.ส.เขต 1 เบอร์ 6 จังหวัดพะเยา พปชร.และในฐานะประธานยุทธศาสตร์เลือกตั้งภาคเหนือ นำคณะผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ อาทิ นายไพรัตน์ ตันบรรจง พร้อมทีมงานผู้ช่วยหาเสียง ได้มาร่วมกันพบปะประชาชนและปราศรัยหาเสียงช่วยนายอนุรัตน์ ตันบรรจง (ออม)ผู้สมัคร ส.ส.เขต 2 เบอร์ 6 พปชร.จังหวัดพะเยา ซึ่งมีประชาชนจากหลายตำบลของอำเภอภูซาง มาให้กำลังใจและร่วมรับฟังการปราศรัยอย่างเนืองแน่น

ร้อยเอกธรรมนัส กล่าวทักทายประชาชนช่วงหนึ่งว่า ขอบคุณทุกท่านที่มาให้กำลังใจตนเองและผู้สมัคร ส.ส.ทั้งแบบเขต คือน้องออม อนุรัตน์ ตันบรรจง เบอร์ 6 และผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ ที่พร้อมใจกันมาพบปะพ่อแม่พี่น้องทุกคนในวันนี้ ตนเองขอยืนยันว่าในนามพรรคพลังประชารัฐ เรามีแต่นโยบายดีๆ มีประโยชน์ต่อชีวิตความเป็นอยู่ของพ่อแม่พี่น้องทุกคน ซึ่งผู้ปราศรัยหลายท่านได้กล่าวไปหมดแล้ว ทั้งบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ที่มีอยู่แล้วก็จะเพิ่มเป็น 700 บาท และผู้ถือบัตรยังมีประกันชีวิตอีก 200,000 บาท ตลอดจนการดูแลผู้สูงอายุ ที่จะมีเบี้ยยังชีพแบบขั้นบันได ตั้งแต่อายุ 60 ปี เพิ่มเป็นจำนวน 3,000 บาทต่อเดือน อายุ 70 ปี ขึ้นไป เพิ่มเป็นจำนวน 4,000 บาทต่อเดือน และอายุ 80 ปีขึ้นไป เพิ่มเป็นจำนวน 5,000 บาทต่อเดือน

“พี่น้องครับ วันนี้เดือดร้อนจากค่าครองชีพที่สูงขึ้น ทั้งน้ำมัน แก๊ส ไฟฟ้าแพง ขณะที่ราคาข้าว ราคายาง ราคาพืขผลผลิตของเราถูก ใช่หรือไม่ ดังนั้นทางพรรคฯ จะช่วยแบ่งเบาภาระดังกล่าว ทั้งจะลดราคาน้ำมัน ราคาแก๊ส และค่าไฟฟ้าลง ในทันที ที่เข้ามาเป็นรัฐบาล โดยลดราคาน้ำมันดีเซล 6.30 บาทต่อลิตร เบนซิน 18 บาทต่อลิตร รวมทั้งยังมีมาตรการลดราคาแก๊สให้เหลือ 250 บาทต่อถัง ที่สำคัญ คือ ลดค่าไฟฟ้าครัวเรือนให้เหลือ 2.50 บาทต่อหน่วย เท่านั้นยังไม่พอเราจะแก้ปัญหาที่ดินทำกิน เปลี่ยน ส.ป.ก. เป็นโฉนด ใครที่มีเอกสาร คทช.ก็จะเปลี่ยนเป็น สปก.4-01 อีกด้วย แบบนี้ดีหรือไม่ครับ”

ร้อยเอกธรรมนัส ยังกล่าวว่า วันนี้ตนมาเชิญชวนชาวภูซาง เป็นเครือข่ายของคนพะเยา สร้างพลังของชาวพะเยาไม่ต้องยืมจมูกคนอื่นมาหายใจ ชาวพะเยาเราจะสนับสนุนลูกหลานคนพะเยา เพื่อร่วมกันพัฒนาบ้านเมืองให้เจริญยิ่งขึ้น ซึ่งตลอด 4 ปีที่ผ่านมา ตนเองได้ทำงานให้เห็นผลงานชัดเจนทั้งการผลักดันงบประมาณมาพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานถนนหนทางให้สะดวกปลอดภัยมากขึ้นไปทุกทิศทางของพะเยา ดังนั้นในการเลือกตั้งวันที่ 14 พฤษภาคม นี้ ขอให้พร้อมใจกันไปกาบัตรสีม่วงเบอร์ 6 และบัตรสีเขียวเบอร์ 37 หรือจดจำง่ายๆ เป็นเลขสามตัวคือ 6 37 เราจะร่วมพัฒนาเมืองพะเยา ซึ่งเป็นเมืองเล็กๆ ทางภาคเหนือให้มีชื่อเสียง เจริญก้าวหน้ามากยิ่งขึ้น

ด้านนายอนุรัตน์ กล่าวเสริมว่า ขออย่าลืมว่า วันที่ 14 พฤษภาคมนี้ เข้าคูหากาเบอร์ 6 ตนเองจะทุ่มเท ใช้สรรพกำลังทุกอย่าง ใช้ความคิดความอ่าน ใช้มันสมองที่มี ทำงานรับใช้พ่อแม่พี่น้องของเรา ให้ดีที่สุด ชาวบ้านส่วนใหญ่บอกว่า 4 ปีที่ผ่านไปความทุกข์ความลำบากยังไม่ได้รับการแก้ไข ดังนั้นช่วง 4 ปีจากนี้ ตนเองขออาสาเข้าไปช่วยแก้ไขปัญหาให้ประชาชนด้วยความจริงใจ

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 8 พฤษภาคม 2566

ไปป์ ภูวกร ปรางภรพิทักษ์ ผู้สมัคร ส.ส. กทม เขต 4 พลังประชารัฐ ร่วมสนับสนุนนโยบายความเท่าเทียมทางเพศในศึกเลือกตั้ง 2566

,

ไปป์ ภูวกร ปรางภรพิทักษ์ ผู้สมัคร ส.ส. กทม เขต 4 พลังประชารัฐ ร่วมสนับสนุนนโยบายความเท่าเทียมทางเพศในศึกเลือกตั้ง 2566

ไปป์ ภูวกร ปรางภรพิทักษ์ ผู้สมัคร ส.ส. เขตวัฒนา-คลองเตย เบอร์ 8 พรรคพลังประชารัฐ ร่วมกิจกรรมเสวนา “ทอม ทรานส์ ผู้ชายข้ามเพศ ทรานส์มาสคิวลีน ในศึกเลือกตั้ง 2566” เมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม 2566 ณ เดอะ ฟอร์ท สุขุมวิท 51 กทม. ร่วมกับผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่มีอัตลักษณ์เพศหลากหลาย ได้แก่ ณธีภัสร์ กุลเศรษฐสิทธิ์ (เตอร์) พรรคก้าวไกล กฤศ ธรรมสโรช (จิมมี่) พรรคเสมอภาค รณกฤต หะมิชาติ (แซม) พรรคเพื่อชาติ และ ณัฏฐ์ มงคลนาวิน (นัตเต้) พรรคภูมิใจไทย

ทั้งนี้ ไปป์ กล่าวว่า ‘ขออาสาเป็นตัวแทนคนรุ่นใหม่ในพรรค เพื่อรับฟัง สร้างความเข้าใจเรื่องความหลากหลาย ว่าไม่ใช่ของเพศหลากหลายเท่านั้น แต่ของทุกคน ผมอยากเป็นตัวแทนประสานคนภายในพรรคและความเข้าใจเรื่องความไม่เท่าเทียมทางเพศ ให้กว้างขึ้น’

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 8 พฤษภาคม 2566

“พล.อ.ประวิตร”ขอเซลฟี่กับชาวตรัง บอก อยากเก็บภาพทุกคนที่มีความสุข ทันทีที่เป็นรัฐบาลชาวตรังต้องหัวเราะดังกว่านี้ ลั่น แก้ไขราคาน้ำมันปาล์มมา 7 ปี จากนี้ไปราคาจะมีความเสถียรภาพ

,

“พล.อ.ประวิตร”ขอเซลฟี่กับชาวตรัง บอก อยากเก็บภาพทุกคนที่มีความสุข ทันทีที่เป็นรัฐบาลชาวตรังต้องหัวเราะดังกว่านี้ ลั่น แก้ไขราคาน้ำมันปาล์มมา 7 ปี จากนี้ไปราคาจะมีความเสถียรภาพ

พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.)เปิดเวทีปราศรัยใหญ่ภาคใต้ที่ ลานพระบรมราชานุสาวรีย์ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 (ศาลากลางจังหวัดตรัง) นำโดย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ และคณะกรรมการบริหารพรรค ประกอบด้วย ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เหรัญญิก พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะผู้ดูแลกำกับการเลือกตั้งพื้นที่ กทม.,นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ ประธานยุทธศาสตร์การเมือง และนายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ ทีมเศรษฐกิจพรรคพลังประชารัฐ พร้อมด้วยผู้สมัครของพรรคพลังประชารัฐ ประกอบด้วย นายนิพันธ์ ศิริธร ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ,นายกิตติพงศ์ ผลประยูร เขต 1 เบอร์ 3 ,นายทวี สุระบาล เขต 2 เบอร์ 6 ,พ.ต.ท.นัทธพงศ์ ใจสมุทร เขต 3 เบอร์ 1 และ พ.ต.อ.บรรลือ ชูเวทย์ เขต 4 เบอร์ 4

โดย พล.อ.ประวิตร กล่าวปราศรัยว่า ตนและพรรคพลังประชารัฐพร้อมจะรับใช้ชาวจังหวัดตรังทุกคน เราเลือกคนดีและคนเก่งมาเป็นผู้แทนของประชาชน จึงขอให้เลือกผู้สมัครของพลังประชารัฐทั้ง 4 เขต และเลือกพรรคพลังประชารัฐเบอร์ 37 บัตรสีเขียว วันนี้ตนอยากให้คนไทยรักกัน เป็นหนึ่งเดียวกัน เพื่อที่จะก้าวข้ามความขัดแย้ง และความยากจนไปด้วยกัน ขอให้เชื่อมั่นในพรรคพลังประชารัฐและผู้สมัครทั้ง 4 คนที่ยืนอยู่ตรงนี้

พล.อ.ประวิตร กล่าวต่อว่า ตนดูแลและแก้ปัญหาราคาน้ำมันปาล์มมา 7 ปี โดยราคาขยับขึ้นจากบาทกว่า ไปเป็น 7 บาท ซึ่งปัจจุบันก็อยู่ประมาณ 5-6 บาท ทันทีที่พรรค พปชร.เป็นรัฐบาล ตนจะทำให้เกิดความเสถียรเพื่อให้ชาวจังหวัดตรังอยู่ดีกินดีขึ้น ปัญหาราคายางตกต่ำจะต้องหมดไป ซึ่งขอยืนยันว่า นโยบายแก้ไขปัญหาราคายาง และราคาปาล์ม ของพรรค พปชร.สามารถทำได้จริง และเราพร้อมทำทันที

“เราจะมาช่วยกันเพื่อพัฒนาประเทศ โดยมีเป้าหมายให้ชาวจังหวัดตรังได้อยู่ดีกินดี ซึ่งตามนโยบายของพรรคพลังประชารัฐ เราต้องการให้คนไทยทุกคนมีความสุข
เราจะทำให้เมืองตรังเป็นเมืองอัจฉริยะ เราจะพัฒนาเรื่องการท่องเที่ยวให้กับพื้นที่นี้ เพื่อให้เกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืนต่อไป ทุกคนที่นี่ต้องได้รับการดูแลอย่างเท่าเทียมกัน เราจะสร้างงานสร้างรายได้ให้กับพี่น้องชาวจังหวัดตรัง เพื่อให้เกิดการพัฒนาและแก้ไขปัญหาการเลือกตั้งครั้งนี้มีความสำคัญมาก ผมขอฝากพรรคพลังประชารัฐและผู้สมัครของพรรคไว้กับชาวตรังทุกคนด้วย”

พล.อ.ประวิตร กล่าวต่อว่า วันพรุ่งนี้ เป็นวันเลือกตั้งล่วงหน้า ขอให้ทุก ๆ คนไปใช้สิทธิ์เลือกตั้ง อย่าลืมกาเบอร์ 37 รวมถึงผู้สมัครทั้ง 4 เขตของพรรคพลังประชารัฐ ขอให้เราเข้าไปทำหน้าที่แทนพี่น้องประชาชนในสภา และพรรคประชารัฐพร้อมที่จะดูแลประชาชนให้มีความเจริญรุ่งเรือง ให้ทุกคนมีคุณภาพชีวิตที่ดี อยู่ดีกินดี และมีความสุขตลอดไป

ด้าน ศ.ดร.นฤมล กล่าวปราศรัยว่า นโยบายของพรรคพลังประชารัฐ เราจะเข้ามาดูแลประชาชน ไม่ว่าจะเป็นบัตรพลังประชารัฐ ที่ตอนนี้ให้อยู่ใบละ 300 จะได้เพิ่มเป็นใบละ 700 บาท พร้อมให้ประกันชีวิตเพิ่มอีก 200,000 บาท รวมถึงเราจะแก้ปัญหาให้เกษตรกรทั้ง 8 ล้านครอบครัว มีเกษตรกร 8 ล้านครอบครัวซึ่งเป็นครอบครัวใหญ่ พรรคพลังประชารัฐ หลังจากการจัดตั้งรัฐบาลแล้ว เราจะเติมเงินให้ครอบครัวละ 30,000 บาท ส่วนเรื่องการดูแลกลุ่มเปราะบางกลุ่มผู้สูงอายุ 3 4 5 และ 6 7 8 โดยผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไปจะได้รับ 3,000 บาท อายุ 70 ปีขึ้นไป จะได้รับ 4,000 บาท และอายุ 80 ปีขึ้นไปจะได้รับ 5,000 บาท ถ้าชาวจังหวัดตรังอยากจะได้ทุกอย่าง วันพรุ่งนี้ซึ่งเป็นวันเลือกตั้งล่วงหน้า และวันที่ 14 พ.ค.การเลือกตั้งครั้งนี้มีบัตร 2 ใบ บัตรสีม่วงขอให้เลือกผู้สมัครจากพรรคพลังประชารัฐทั้ง 4 เขต ส่วนบัตรสีเขียวก็ให้กาเบอร์ 37 พรรคพลังประชารัฐ

ด้านนายสนธิรัตน์ กล่าวปราศรัยว่า คนใต้มีหัวใจ 4 ห้อง มีพรรคการเมืองในดวงใจ 4 พรรค แต่วันนี้ผมอยากขอพี่น้องชาวตรัง มีหัวใจห้องเดียวเลือกพรรคเดียวคือพรรคพลังประชารัฐ ให้ ส.ส.ของพรรคพลังประชารัฐทั้ง 4 เขต และวันนี้พรรคพลังประชารัฐเหมาะสมที่สุดที่จะเปลี่ยนผ่านสถานการณ์ทั้งหมด เราเป็นพรรคที่มีหัวหน้าพรรคที่มีบารมี มีประสบการณ์ พูดจากับทุกพรรคได้มากที่สุด พี่น้องชาวใต้ต้องตัดสินใจเลือกด้วยยุทธศาสตร์พรรคเดียว พร้อมใจกันเทคะแนนเสียงให้อยู่กับพรรคเดียว แล้วให้พรรคนั้นเป็นหลัก นั่นคือพรรคพลังประชารัฐ

อย่างไรก็ตาม ช่วงหนึ่งของการปราศรัย พล.อ.ประวิตรได้ระบุว่า อยากจะถ่ายรูปเซลฟี่กับชาวจังหวัดตรังด้วยมือถือของตนเอง พร้อมกับยกมือถือของตัวเองขึ้นมาถ่ายด้วย และกล่าวว่า อยากถ่ายรูปตอนที่ทุกคนหัวเราะ อย่างมีความสุข ผมจะจำภาพเหล่านี้เอาไว้ และเมื่อผมได้เป็นรัฐบาลแล้ว ผมเชื่อมั่นว่า ท่านจะหัวเราะได้ดังกว่านี้แน่นอน

ทั้งนี้ หลังจบการปราศรัย มีเด็กผู้ชายขึ้นไปขอถ่ายรูปและให้กำลังใจ บอกรัก”ลุงป้อม” และขอให้ลุงป้อมเป็นนายกรัฐมนตรีด้วย

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 6 พฤษภาคม 2566

ตัวตึง “ชัยวุฒิ” งง วัยรุ่นปลื้มดีเบต ขอฟังความคิด ก่อนตัดสินใจเลือ“สนธิรัตน์” ลุยเมืองตรัง พบปะเกษตรกรปาล์มน้ำมันต่อเนื่อง ย้ำ “พปชร.” พร้อมฟื้นนโยบาย B10 – ส่งเสริมไบโอเจ็ท ตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษปาล์มน้ำมัน เพื่อขับเคลื่อนแก้ปัญหาเกษตรกรครบวงจรกตั้ง

,

“สนธิรัตน์” ลุยเมืองตรัง พบปะเกษตรกรปาล์มน้ำมันต่อเนื่อง ย้ำ “พปชร.” พร้อมฟื้นนโยบาย B10 – ส่งเสริมไบโอเจ็ท ตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษปาล์มน้ำมัน เพื่อขับเคลื่อนแก้ปัญหาเกษตรกรครบวงจร

วันที่ 6 พ.ค. 2566 ที่โรงแรมวัฒนาพร พาร์ค อ.เมืองตรัง จ.ตรัง นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ ประธานยุทธศาสตร์การเมือง พรรคพลังประชารัฐ พบปะพูดคุยกับตัวแทนกลุ่มเกษตรกรปาล์มน้ำมัน จ.ตรัง จำนวนกว่า 60 คน โดยนายสนธิรัตน์ กล่าวว่า ตนมองว่าปาล์มน้ำมันเป็นเหมือนทองคำ ปาล์มน้ำมันยังมีอนาคตที่ดีมาก เพราะกระแสพลังงานสีเขียวกำลังมา การส่งออกต่าง ๆ ต้องมาจากพลังงานสะอาด รวมถึงเครื่องบินทั้งโลกที่ใช้น้ำมันเครื่องบินปีละ 70 ล้านลิตร แต่ยังหาพลังงานสะอาดไม่เจอ ซึ่งปัจจุบันมีเพียงน้ำมันอาศยานชีวภาพหรือไบโอเจ็ทที่ผลิตได้จากปาล์มน้ำมัน อ้อย และมันสำปะหลัง ที่ผ่านมาเกษตรกรที่ปลูกปาล์มน้ำมันจะประสบปัญหาราคาปาล์มตกต่ำทุกปี หากสต็อกน้ำมันปาล์มเกิน 3 แสนแสนตัน อย่างไรก็ตามปัญหานี้ประเทศไทยแก้ได้ไม่ยาก เพราะตนรู้ว่าจะแก้ปัญหาอย่างไร จากประสบการณ์ที่ตนเคยเป็นทั้งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ตนเข้าใจกลไก ราคา และแนวทางแก้ปัญหาตรงนี้เป็นอย่างดี ซึ่งตนเคยทำมาแล้วสมัยดำรงตำแหน่ง เคยทำให้ราคาปาล์มน้ำมันขึ้นไปถึงกิโลกรัมละ 12 บาท เป็นความสุขที่ตนยังจำได้ดี

นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า พรรคพลังประชารัฐมีความพร้อม และมีนโยบายที่ชัดเจน แต่เราไม่ทำเรื่องการประกันรายได้ เพราะไม่ยั่งยืน แต่เราจะแก้ปัญหาให้เบ็ดเสร็จผ่านนโยบายไบโอเจ็ท โดยผลักดันผ่านเขตเศรษฐกิจพิเศษปาล์มน้ำมันที่จะสนับสนุนเรื่องกำแพงภาษีต่าง ๆ หากเกิดเขตเศรษฐกิจพิเศษขึ้น จะเกิดโรงงานไบโอเจ็ทขึ้นทันที เรื่องนี้ตนขับเคลื่อนมานานแล้ว มีช่องทางที่จะทำ มีนักลงทุนที่สนใจ และสามารถทำได้ทันที แต่นโยบายระยะสั้นที่ต้องทำทันทีคือการลดต้นทุนการผลิต และการสร้างรายได้เพิ่มให้กับเกษตรกร ซึ่งเรามีนโยบายปุ๋ยคนละครึ่ง และโครงการปุ๋ยสั่งตัด รวมถึงให้ทุนการเพาะปลูกของเกษตรกรครัวเรือนละ 30,000 บาท ครอบคลุม 8 ล้านครัวเรือน ตลอดจนการยกระดับเกษตรกรสู่สมาร์ทฟาร์มเมอร์ให้เกษตรกรเป็นอาชีพที่มีความยั่งยืน

“ปาล์มน้ำมันเป็นหัวใจสำคัญของพรรคพลังประชารัฐ พรรคการเมือง และนักการเมืองที่ดีต้องมีคำตอบให้กับประชาชน การหาเสียงที่ดีต้องไม่ขายฝัน แต่ขายความจริง ต้องดูว่านโยบายทำได้หรือไม่ และคนที่จะทำนั้น ทำเป็นหรือไม่ หากพรรคพลังประชารัฐได้เป็นรัฐบาล สิ่งที่ผมทำแน่ ๆ คือสานต่อนโยบายน้ำมันดีเซลล์ B10 ราคาปาล์มน้ำมันต้องไม่ต่ำกว่า 6 บาท ไปจนถึง 12 บาทก็ยังได้ ผมเป็นนักการเมืองที่ทำอะไรแล้วเน้นทำอย่างยั่งยืน และยกระดับรายได้ให้กับพี่น้องเกษตรกรได้จริง” นายสนธิรัตน์ กล่าว

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 6 พฤษภาคม 2566

ปักหมุดเชียงราย ! ‘ผู้กองธรรมนัส’ นำทีมลุยหาเสียงช่วยผู้สมัคร ส.ส.พปชร.เชียงราย ช่วงโค้งสุดท้าย ย้ำขอให้ “เลือกคนที่มาดูแลรับใช้ประชาชน ไม่ใช่เป็นเจ้าคนนายคน”

,

ปักหมุดเชียงราย ! ‘ผู้กองธรรมนัส’ นำทีมลุยหาเสียงช่วยผู้สมัคร ส.ส.พปชร.เชียงราย ช่วงโค้งสุดท้าย ย้ำขอให้ “เลือกคนที่มาดูแลรับใช้ประชาชน ไม่ใช่เป็นเจ้าคนนายคน”

เมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม 2566 ณ บริเวณโดมเอนกประสงค์ สำนักงานเทศบาลเมืองพาน จังหวัดเชียงราย พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) ได้จัดเวทีปราศรัยหาเสียง นำโดย ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ผู้สมัคร ส.ส.เขต 1 เบอร์ 6 จังหวัดพะเยา พปชร.และในฐานะประธานยุทธศาสตร์เลือกตั้งภาคเหนือ พร้อมด้วย ดร.ธนสาร ธรรมสอน ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ ร่วมพบปะประชาชนและปราศรัยแนะนำนโยบายพรรค โดยมีประชาชนในพื้นที่อำเภอพาน อำเภอป่าแดด ตำบลห้วยสัก ตำบลดอยลาน มาคอยให้กำลังใจและรับฟังการปราศรัยกว่า 5,000 คน บรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก

ร้อยเอกธรรมนัส กล่าวช่วงหนึ่งว่า วันนี้มาขอบอกเล่านโยบายดี มีประโยชน์และสำคัญต่อการดำรงชีวิตของประชาชนทุกท่าน ซึ่งภายใต้นโยบายหลักคือก้าวข้ามความขัดแย้ง ก้าวข้ามความยากจน นั้น เรายังจะดูแลแก้ปัญหาที่ดินทำกิน เปลี่ยน ส.ป.ก. เป็นโฉนด ใครที่มีเอกสาร คทช.ก็จะเปลี่ยนเป็น สปก.4-01 เพื่อใช้ประโยชน์ในที่ดินอย่างเต็มที่ ขณะเดียวกันยังจะแบ่งเบาภาระค่าครองชีพ โดยลดราคาน้ำมัน ราคาแก๊ส และค่าไฟฟ้าลงในทันที ที่เข้ามาเป็นรัฐบาล โดยลดราคาน้ำมันดีเซล 6.30 บาทต่อลิตร เบนซิน 18 บาทต่อลิตร รวมทั้งยังมีมาตรการลดราคาแก๊สให้เหลือ 250 บาทต่อถัง ที่สำคัญ คือ ลดค่าไฟฟ้าครัวเรือนให้เหลือ 2.50 บาทต่อหน่วย และลดค่าไฟฟ้าภาคอุตสาหกรรมเหลือ 2.70 บาทต่อหน่วย

นอกจากนี้ ยังมีการสานต่อเรื่องบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 700 บาท และผู้ถือบัตรยังมีประกันชีวิตอีก 200,000 รวมถึงยังจะช่วยลดต้นทุนการผลิตช่วงเก็บเกี่ยวผลผลิต ให้พ่อแม่พี่น้องเกษตรกร ไร่ละ 2,000 บาท จำนวน 15 ไร่ อีกด้วย เรายังดูแลผู้สูงอายุ ด้วยเบี้ยยังชีพแบบขั้นบันได ตั้งแต่อายุ 60 ปี เพิ่มเป็นจำนวน 3,000 บาทต่อเดือน อายุ 70 ปี ขึ้นไป เพิ่มเป็นจำนวน 4,000 บาทต่อเดือน และอายุ 80 ปีขึ้นไป เพิ่มเป็นจำนวน 5,000 บาทต่อเดือน และยังมีนโยบายอีกมากมาย ที่ผู้สมัคร ส.ส.ได้ช่วยกันปราศรัยไปแล้ว ทั้งหมดนี้ทางพรรคฯ พร้อมทำทันทีหลังได้จัดตั้งรัฐบาล จึงขอฝากให้พ่อแม่พี่น้องทุกท่านถึงเวลาตัดสินใจเปลี่ยนมาเลือกคนใหม่ซึ่งเป็นผู้สมัคร ส.ส.ของพรรค ที่เป็นลูกหลานของท่านเข้าไปเป็นปากเป็นเสียงและช่วยพัฒนาบ้านเมืองให้ดีขึ้น

จากนั้น ร้อยเอกธรรมนัส ได้แนะนำตัวผู้สมัคร ส.ส.จังหวัดเชียงราย ประกอบด้วย เขต 1 นายศรัณย์พัส ศรีสวัสดิ์ เบอร์ 7 เขต 2 นางวันดี ราชชมภู เบอร์ 7 เขต 3 พ.ต.อ.รัฐพล น้อยช่างคิด เบอร์ 5 เขต 4 นายเกียรติศักดิ์ อุดขา เบอร์ 8 เขต 5 นายพันธวัช ภูผาพันธกานต์ เบอร์ 2 เขต 6 นายระพิน เตมียะ เบอร์ 3 และ เขต 7 นายบุญเกิด ร่องแก้ว เบอร์ 10 นอกจากนี้ยังได้แนะนำผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ นางมลธิชา ไชยบาล, นายวัชรพงษ์ ปิโย และนายพิษณุ เขื่อนเพชร ที่มาร่วมพบปะประชาชนอีกด้วย

“ที่สำคัญ สำหรับเขต 4 ได้แก่อำเภอพาน อำเภอป่าแดด ตำบลห้วยสัก ตำบลดอยลาน นี้ขอให้ไว้วางใจ “เกียรติศักดิ์ อุดขา” เบอร์ 8 ซึ่งเป็นเหมือนตัวแทนของผม ที่ส่งมาดูแลรับใช้พ่อแม่พี่น้องทุกท่าน ไม่ใช่มาเป็นเจ้าคนนายคนอย่างเด็ดขาด วันที่ 14 พฤษภาคม นี้อย่าลืมไปกาเบอร์ 8 นะครับ เราต้องกล้าเปลี่ยนเพื่อให้คนใหม่คนนี้ มาสร้างบ้านแปงเมืองของเราให้ดีกว่าเดิมครับ”

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงเช้าของวันนี้ ร้อยเอกธรรมนัส พร้อมด้วยนายเกียรติศักดิ์ ผู้สมัคร ส.ส.เขต 4 เชียงราย เบอร์ 8 ได้ขึ้นรถแห่ปราศรัยหาเสียงรอบตลาดเช้า อำเภอพาน และรอบเทศบาลเมืองพาน ซึ่งมีเสียงตอบรับจากประชาชนตลอดสองข้างทางเป็นอย่างดี

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 6 พฤษภาคม 2566

ตัวตึง “ชัยวุฒิ” งง วัยรุ่นปลื้มดีเบต ขอฟังความคิด ก่อนตัดสินใจเลือกตั้ง

,

ตัวตึง “ชัยวุฒิ” งง วัยรุ่นปลื้มดีเบต ขอฟังความคิด ก่อนตัดสินใจเลือกตั้ง

นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ได้ร่วมพูดคุยแลกเปลี่ยนกับกลุ่มตัวแทนเยาวชน ณ อาคาร 100 ปี คณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย โดยแลกเปลี่ยนแนวคิดมุมมองทางการเมือง และเรื่อง เทคโนโลยีดิจิทัลในมุมมองของเยาวชน ผ่านตัวแทนเยาวชนจากหลายหลายสังกัด ทั้งนิสิตคณะวิศวกรรมศาสตร์ จุฬาฯ, เยาวชนผู้ก่อตั้ง Ku blockchain , กลุ่มเยาวชน Core Team มหิดล StartUp , กลุ่ม Digital Youth Network , กลุ่ม Young Business Guide และ สภาเด็กพัฒนาเยาวชนกรุงเทพฯ
.
นายชัยวุฒิ กล่าวถึงความรู้สึกว่า ดีใจที่เห็นเยาวชนรุ่นใหม่ให้ความสนใจที่จะเปิดใจ รับฟังความคิดเห็นทางการเมือง ก็เป็นสิ่งที่ดีเราก็ได้มาพูดคุยกัน อย่างน้อยก็เป็นรุ่นพี่รุ่นน้องสถาบันเดียวกันได้ มาฟังความคิดเห็นรุ่นน้องด้วยก็ยินดี ส่วนจะรักใครเลือกใครก็เป็นสิทธิ์ของเราอยู่แล้ว เห็นต่างกันได้ คุยกันได้ ทำงานร่วมกันได้ครับ ด้านตัวแทนนักศึกษาวิศวะฯ จุฬา กล่าวว่าจริง ๆ มันก็สำคัญที่จะฟังที่ Base ของประชาธิปไตย มันไม่ใช่เริ่องของการโหวตอย่างเดียว มันคือเรื่องของการฟังความคิดเห็นที่แตกต่าง เราก็พูดกันตรง ๆ ว่าอาจจะไม่ใช่ target เลย พวกเราก็มีในใจ มันก็สำคัญมาก ๆ ที่เราจะต้องฟังจากทุกเสียง เพราะว่ามันก็ไม่มีไอเดียที่ไม่ดี เห็นด้วยกับเพื่อน ๆ เพราะว่าเราต้องฟังจากหลาย ๆ มุมมอง เพราะเราจะได้มองจากหลายมุมมอง ได้มีส่วนในการคิด ได้มีส่วนในการ Develop มาดูกันครับ พ่อเลือกพลังประชารัฐ พ่อลังเลอยู่ ระหว่างพลังประชารัฐกับประชาธิปัตย์ พ่อผมก็น่าจะพลังประชารัฐเหมือนกัน
.
นอกจากนี้ น้อง ๆ มีความสนใจเกี่ยวกับเรื่องเทคโนโลยี ถือว่าเป็นสิ่งที่ดีมากครับ เพราะเรื่องดิจิทัลถือเป็นเรื่องใหม่ ที่เราสามารถทำและแข่งกับชาติอื่น ๆ ทั้งในเชิงการประกอบธุรกิจ StartUp ซึ่งเยาวชนไทยเราไม่แพ้ใครอยู่แล้ว โดยใช้เงินทุนไม่มาก แต่อาจสร้างกำไรได้มหาศาล เรื่องนี้คิดว่าถ้าเราให้ความรู้และสร้างเครือข่ายหาเงินทุนให้เยาวชนได้ ถือเป็นแนวทางที่ดี ทั้งนี้กระทรวงดิจิทัลฯ ได้เริ่มต้นปรึกษากันว่ามีแนวโน้มที่จะจัดตั้งกองทุนโดยผ่านระบบมหาวิทยาลัย ส่วนตัวมองว่าทางรัฐบาลต้องลงมาช่วยเติมทุนคนละครึ่ง หรือนำบริษัทเอกชนมาช่วยสนับสนุน
.
นาย ชัยวุฒิ ยังกล่าวอีกด้วยว่า ทางพรรคพลังประชารัฐมีแนวทางที่อยากจะพัฒนา ที่ผ่านมา ในฐานะที่ดูเเลกระทรวงดิจิทัล ก็ได้สนับสนุน เข้ามาช่วยเยาวชนในการเริ่มต้นทำธุรกิจ อาจจะเป็นการนำเงินทุนเข้ามาช่วย แต่จะต้องมีการแก้กฎหมายก่อน เพื่อจะได้สนับสนุนได้อย่างเต็มที่
.
ทั้งนี้ตัวแทนเยาวชนรายหนึ่ง ได้ตั้งคำถามถึงแนวทางการป้องกันปัญหาจากกลุ่มมิจฉาชีพออนไลน์ หรือ แก๊งค์คอลเซ็นเตอร์ เพื่อป้องกันไม่ให้ประชาชนถูกหลอก
.
โดยนายชัยวุฒิ ตอบว่า วันนี้ยอมรับและก็เสียใจ ในเรื่องของระบบดิจิทัลบางส่วน ที่รัฐบาลเข้าไปควบคุมแก้ไขอะไรได้ไม่มาก เพราะรัฐบาลไม่สามารถเข้าไปตรวจสอบหรือสอดส่องได้ว่าประชาชนคุยอะไรกัน หรือมีการแลกเปลี่ยนค้าขายอะไรกันบ้างผ่านทางออนไลน์ จึงมีคนนำเทคโนโลยีไปใช้ในทางที่ผิดกฎหมาย แต่ก็จะรีบปรับและแก้ไขปัญหาตรงนี้ โดยการสร้างระบบให้สามารถบล็อกบัญชีโอนเงิน ให้ได้เร็วขึ้น เช่น บัญชีม้าต่าง ๆ ให้หมดไป เพื่อความสบายใจของพี่น้องคนไทยทั้งประเทศ
.
สุดท้ายได้ฝากถึงเยาวชน จากประสบการณ์การทำงานที่ผ่านมา ซึ่งแต่ล่ะวันจะมีเรื่องใหม่เข้ามาตลอด ทั้งเรื่อง AI เรื่อง blockchain ที่ถือเป็นเรื่องของอนาคต แต่ก็ยังมีเรื่องที่น่าเป็นห่วงที่สุดเพราะมีหลายคนยังตามไม่ทัน คนไทยบางคนยังเข้าไม่ถึงในเทคโนโลยีใหม่ ๆ เราควรสร้างเครือข่ายให้คนเข้ามาร่วมเยอะ ๆ เพราะเด็กไทยเก่ง ๆ มีเยอะมาก แต่ขาดเงินทุนสนับสนุน โดยที่ผ่านมา มีการสนับสนุนจากภาครัฐ แต่ยังน้อยไป และควรสร้างบรรยากาศการลงทุนในประเทศให้เอื้อกับการทำธุรกิจ ลดกฎระเบียบให้น้อยลงและปลอดภัยมากขึ้น ทำให้นักลงทุนมีความเชื่อมั่น และการลดภาษี เพื่อดึงดูดชาวต่างชาติให้เข้ามาทำธุรกิจในประเทศไทย ดึงเม็ดเงินลงทุนเข้ามาหมุนเวียน นำไปต่อยอดและพัฒนาประเทศต่อไป
สำหรับบรรยากาศการพูดคุยกันเป็นไปอย่างสนุกสนานน้อง ๆ กลุ่มนี้ได้ติดต่อมาที่ทีมงาน ของคุณชัยวุฒิ เพื่อนัดเจอที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย จากนั้น พอนายชัยวุฒิไปถึง น้อง ๆ ก็ชวน พูดคุย เเละให้ลองขี่สกูตเตอร์ไฟฟ้า หลังจากนั้นก็พาไปพบกับน้อง ๆ เยาวชนคนรุ่นใหม่ที่มาจากหลากหลายสถาบัน ซึ่งนายชัยวุฒิ ก็แปลกใจเพราะไม่คิดว่า จะมีน้อง ๆ มารอฟังเเละพูดคุยด้วย เยอะขนาดนี้ หลังการพูดคุย เเลกเปลี่ยน ความคิดเห็น น้อง ๆ ก็ได้มอบ ภาพวาด เป็นกำลังใจ ให้ กับ นายชัยวุฒิ ด้วย

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 6 พฤษภาคม 2566

“พล.อ.ประวิตร” ผลักดันนโยบายปฏิรูประบบสาธารณสุขแบบครบวงจร ทันสมัย- ทั่วถึง – เท่าเทียม ตั้งแต่ต้นถึงปลายทาง ลดภาระค่าใช้จ่ายในระยะยาว ดันประเทศไทยก้าวสู่เมืองหลวงแห่งความมั่นคงด้านสุขภาพ

,

“พล.อ.ประวิตร” ผลักดันนโยบายปฏิรูประบบสาธารณสุขแบบครบวงจร ทันสมัย- ทั่วถึง – เท่าเทียม ตั้งแต่ต้นถึงปลายทาง ลดภาระค่าใช้จ่ายในระยะยาว ดันประเทศไทยก้าวสู่เมืองหลวงแห่งความมั่นคงด้านสุขภาพ

นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ ประธานยุทธศาสตร์การเมือง พรรคพลังประชารัฐ เปิดนโยบายพรรคหลักของพรรคพลังประชารัฐ เพื่อผลักดันให้ประเทศไทยก้าวเข้าสู่การสร้าง Medicopois เมืองหลวงแห่งความมั่นคงด้านสุขภาพ ด้วยการปฏิรูปบริการสาธารณสุขแบบครบวงจร ตามนโนบายของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ที่ให้ยึดประชาชนเป็นศูนย์กลาง ส่งเสริมสุขภาพและป้องกันก่อนป่วย ไม่ให้เกิดโรคร้ายแรง ด้วยการดูแลสุขภาพในระดับปฐมภูมิ ลดค่าใช้จ่ายของพี่น้องประชาชนและลดค่าใช้จ่ายของรัฐบาลในระยะยาว หากเจ็บป่วยก็สามารถเข้าถึงการรักษาได้อย่างรวดเร็วด้วยเทคโนโลยีทันสมัยใกล้บ้าน

สำหรับนโยบายการใช้เทคโนโลยีดิจิตอลที่ทันสมัยจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการบริการทางสุขภาพ เช่น Telemedicine พาหมอไปหา เอายาไปส่ง และ Health Link ระบบคลังข้อมูลผู้ป่วยป่วยที่ไหน สามารถรักษาตัวที่นั่น ในกรณีฉุกเฉิน เร่งด่วน เพื่อการเข้าถึงประวัติการรักษาของคนไข้ได้ไม่ต้องเสียเวลาเดินทาง หรือสั่งตรวจวินิจฉัยซ้ำ

ระบบข้อมูลนี้ ยังเชื่อมโยงถึงระบบฐานข้อมูลเพื่อการจัดการทรัพยากรทางสาธารณสุข เช่น การกระจายยาและเวชภัณฑ์ รวมถึงการเบิกจ่ายของกองทุนต่างๆ ทำให้ลดภาระงานของบุคลากรในการลงข้อมูลซ้ำซ้อน ทำให้มีเวลาในการดูแลผู้ป่วยมากขึ้น

รวมไปถึงการยกระดับมาตรฐานของ รพ.สต. ให้มีคุณภาพเทียบเท่าโรงพยาบาลขนาดใหญ่ หากเจ็บป่วย เข้ารับการวินิจฉัยและรักษาได้ที่ รพ.สต. ใกลับ้านทุกแห่ง มีเทคโนโลยีช่วยเชื่อมต่อการรักษา จากรพ.สต. ถึงโรงพยาบาลใหญ่ ให้มีบทบาทมากขึ้น ทั้งการคัดกรองโรคและส่งเสริมสุขภาพเชิงรุก พร้อมจัดสรรงบประมาณลงสู่ชุมชนเพื่อส่งเสริมสุขภาพอย่างครบวงจร

พร้อมสนับสนุนทุนการศึกษาสำหรับบุตรหลาน อสม. หรือเด็กในชุมชน ให้ได้เรียนแพทย์ เรียนพยาบาล เพื่อกลับมาดูแลพ่อแม่พี่น้องในบ้านเกิดตามมาตรการเชิงรุกป้องกันก่อนป่วย และขยายหมอชุมชน หรือ อสม. ให้เพียงพอกับประชาชนในพื้นที่

สอดคล้องกับการผลิตและฝึกอบรมอาสาสมัครบริบาลท้องถิ่น เพื่อดูแลผู้สูงอายุติดเตียงที่มีอาการ หนัก 200,000 คน ทั่วประเทศ และมีแนวโน้มจะเพิ่มจำนวนมากขึ้นอย่างรวดเร็ว เร่งผลิตและฝึกอบรมอาสาสมัครบริบาลท้องถิ่นจำนวน 100,000 คน เพื่อดูแลผู้สูงอายุติดเตียงและติดบ้าน จำนวน 500,000 – 1,000,000 คน มีการปรับค่าตอบแทน รวมทั้งสนับสนุนอุปกรณ์ทางการแพทย์ เช่น เครื่องดูดเสมหะ ที่นอนลม เครื่องผลิตออกซิเจน อุปกรณ์ทำแผลสายสวน

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 6 พฤษภาคม 2566

ธรรมนัส -บุญสิงห์’ นำทีมลุยหาเสียงช่วย ‘ออม อนุรัตน์ ตันบรรจง’ ผู้สมัคร ส.ส.เขต 2 เบอร์ 6 พปชร. จ.พะเยา ปลุกใจถึงเวลาต้องกล้าเปลี่ยน เลือกคนใหม่มีพลังเต็มเปี่ยม ร่วมสร้างบ้านแปงเมือง

,

ธรรมนัส -บุญสิงห์’ นำทีมลุยหาเสียงช่วย ‘ออม อนุรัตน์ ตันบรรจง’ ผู้สมัคร ส.ส.เขต 2 เบอร์ 6 พปชร. จ.พะเยา ปลุกใจถึงเวลาต้องกล้าเปลี่ยน เลือกคนใหม่มีพลังเต็มเปี่ยม ร่วมสร้างบ้านแปงเมือง

เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม 2566 ณ บริเวณลานโรงสีกิตติยะเอ็นเตอร์ไพร์ส ตำบลทุ่งรวงทอง อำเภอจุน จังหวัดพะเยา พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.)นำโดยร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ผู้สมัคร ส.ส.เขต 1 เบอร์ 6 จังหวัดพะเยา พปชร.และในฐานะประธานยุทธศาสตร์เลือกตั้งภาคเหนือ พร้อมด้วยนายบุญสิงห์ วรินทร์รักษ์ ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะกรรมการบริหารพรรค พปชร. นางสาวธนพร ศรีวิราช ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ และนายไพรัตน์ ตันบรรจง ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อพร้อมทีมงานผู้ช่วยหาเสียง ได้มาร่วมกันพบปะประชาชนและปราศรัยหาเสียงช่วยนายอนุรัตน์ ตันบรรจง (ออม)ผู้สมัคร ส.ส.เขต 2 เบอร์ 6 พปชร.จังหวัดพะเยา ซึ่งบรรยากาศเป็นไปด้วยความคึกคัก มีประชาชนมารอต้อนรับให้กำลังใจและร่วมรับฟังการปราศรัยเป็นจำนวนมาก

ร้อยเอกธรรมนัส กล่าวช่วงหนึ่งว่า วันนี้ดีใจที่ได้มาพบปะพ่อแม่พี่น้องทุกท่าน จึงถือโอกาสมาขอคะแนนจากทุกท่านให้น้องออม หรือ อนุรัตน์ ตันบรรจง ผู้สมัคร ส.ส.เขต 2 เบอร์ 6 ของพรรคฯ เพื่อเข้าไปเป็นปากเป็นเสียงแทนทุกท่านและจะได้ช่วยกันพัฒนาบ้านเมืองของเราให้ดียิ่งขึ้น และช่วยดูแลแก้ปัญหาปากท้อง เรื่องน้ำ เรื่องที่ดินทำกิน ตลอดจน เรื่องราคาพืชผลการเกษตรต่างๆ ที่สร้างความเดือดร้อนอย่างมากในช่วงที่ผลผลิตออกสู่ตลาด โดยเฉพาะลิ้นจี่ ลำไย เป็นต้น

“พี่น้องครับ การเลือกตั้งเมื่อปี 62 ผมได้เป็น ส.ส.ในเขต 1 พะเยา และมีโอกาสเป็นรัฐมนตรีช่วยว่ากระทรวงเกษตรฯ รวมถึงเป็นเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ ดูแลพื้นที่ภาคเหนือนั้นผมได้ผลักดันงบประมาณต่างๆ ลงมาพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานจังหวัดพะเยาของเรา ทั้งถนนหนทาง สาธารณูปโภคต่างๆให้สะดวกปลอดภัยมากขึ้น ถนนที่มาจากดอกคำใต้ เข้ากิ่วแก้ว จุนไปสุดเชียงคำ ออกปูซาน เข้าเชียงของ ทำในยุคที่ผมเป็นรัฐมนตรี ไม่ใช่ ส.ส.ของเชียงรายหรือใครที่มาอวดอ้าง นอกจากนี้ ยังมีการผลักดันสร้างรถไฟทางคู่ จากเด่นชัย งาว มาเข้าพะเยา จนไปเชียงของ จนตอนนี้สร้างมาถึงแม่กาแล้ว ยังมีโครงการสร้างสนามบินพะเยา ที่ตนแองผลักดัน และจะเริ่มดำเนินการก่อสร้างในปี 2567 ที่ ตำบลดอนศรีชุม อำเภอดอกคำใต้ เหล่านี้ล้วนเป็นผลงานที่เห็นชัดเจน ดังนั้นจากนี้พ่อแม่พี่น้องต้องกล้าตัดสิน ต้องกล้ารับสิ่งใหม่ๆ ต้องกล้าเปลี่ยนแปลง เพื่อพัฒนาบ้านเมืองเราให้เจริฐก้าวหน้า มิฉะนั้นก็จะจมอยู่กับปัญหาเดิม ถึงเวลาแล้วต้องเปลี่ยนใช่หรือไม่ ดังนั้น วันที่ 14 พฤษภาคม นี้ ขอให้ไว้วางใจเลือกเบอร์ 6 เพื่อให้เป็นตัวแทนทุกท่าน ทำงานประสานกันกับตนเอง เพื่อมาแก้ปัญหาให้พี่น้อง เราต้องเปลี่ยน เปลี่ยนของเก่าเราไม่เอา เราต้องการเปลี่ยนใช่หรือไม่”

ทั้งนี้ เมื่อร้อยเอกธรรมนัส ได้ถามว่าต้องการเปลี่ยนหรือไม่ ประชาชนที่มานั่งฟังปราศรัย ต่างพร้อมใจกันส่งเสียงพร้อมชูมือว่า “เปลี่ยน เปลี่ยน เปลี่ยน” ซึ่งร้อยเอกธรรมนัส ได้กล่าวขอบคุณ ทุกคน พร้อมชูมือของ นายอนุรัตน์ เพื่อแสดงความขอบคุณและตอบรับพลังน้ำใจของประชาชนอีกด้วย

หลังจากนั้น นายบุญสิงห์ และนายอนุรัตน์ ได้สลับกันขึ้นปราศรัยแนะนำนโยบายของพรรค ที่ยึดหลักก้าวข้ามความขัดแย้ง ก้าวข้ามความยากจน แก้ปัญหาที่ดินทำกิน เปลี่ยน ส.ป.ก. เป็นโฉนด ใครที่มีเอกสาร คทช.ก็จะเปลี่ยนเป็น สปก.4-01 นอกจากนี้ ยังแบ่งเบาภาระค่าครองชีพ โดยลดราคาน้ำมัน ราคาแก๊ส และค่าไฟฟ้าลงในทันที ที่เข้ามาเป็นรัฐบาล โดยลดราคาน้ำมันดีเซล 6.30 บาทต่อลิตร เบนซิน 18 บาทต่อลิตร รวมทั้งยังมีมาตรการลดราคาแก๊สให้เหลือ 250 บาทต่อถัง ที่สำคัญ คือ ลดค่าไฟฟ้าครัวเรือนให้เหลือ 2.50 บาทต่อหน่วย และลดค่าไฟฟ้าภาคอุตสาหกรรมเหลือ 2.70 บาทต่อหน่วย นอกจากนี้ยังมีการสานต่อเรื่องบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 700 บาท และผู้ถือบัตรยังมีประกันชีวิตอีก 200,000 รวมถึงยังจะช่วยลดต้นทุนการผลิตช่วงเก็บเกี่ยวผลผลิต ให้พ่อแม่พี่น้องเกษตรกร ไร่ละ 2,000 บาท จำนวน 15 ไร่ อีกด้วย เรายังมีเบี้ยผู้สูงอายุ แบบขั้นบันได ตั้งแต่อายุ 60 ปี เพิ่มเป็นจำนวน 3,000 บาทต่อเดือน อายุ 70 ปี ขึ้นไป เพิ่มเป็นจำนวน 4,000 บาทต่อเดือน และอายุ 80 ปีขึ้นไป เพิ่มเป็นจำนวน 5,000 บาทต่อเดือน นโยบายดูแลทุกช่วงวัย แม่ บุตร ธิดา ประชารัฐ รวมไปถึง 3 นโยบายสำคัญสร้างรายได้เกษตรกร คือเติมเงินทุนช่วยเหลือเกษตรกรครัวเรือนละ 30,000 บาท ปุ๋ยคนละครึ่ง คือรัฐช่วยเหลือค่าปุ๋ย 50% และเพิ่มเงินช่วยเหลือต้นทุนค่าเก็บเกี่ยวข้าวให้ชาวนาไร่ละ 2,000 บาท ไม่เกิน 15 ไร่ ทั้งหมดนี้ล้วนแต่มีประโยชน์และช่วยเหลือประชาชนได้อย่างแท้จริง และทางพรรคฯ พร้อมทำทันทีหลังได้จัดตั้งรัฐบาล

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 6 พฤษภาคม 2566

“สนธิรัตน์” ฟิตปราศรัยเมืองภูเก็ต เปรียบหัวใจชาวใต้มี 4 ห้อง อ้อนต้องทำให้เหลือห้องเดียว ย้ำ “พลังประชารัฐ” พร้อมนำพาประเทศก้าวข้ามขัดแย้ง

,

“สนธิรัตน์” ฟิตปราศรัยเมืองภูเก็ต เปรียบหัวใจชาวใต้มี 4 ห้อง อ้อนต้องทำให้เหลือห้องเดียว ย้ำ “พลังประชารัฐ”
พร้อมนำพาประเทศก้าวข้ามขัดแย้ง

วันที่ 5 พ.ค. 2566 ที่อาคารยิมเนเซียม (สะพานหิน) อ.เมือง จ.ภูเก็ต นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ ประธานยุทธศาสตร์การเมือง พรรคพลังประชารัฐ ร่วมเวทีปราศรัยใหญ่ช่วยผู้สมัคร ส.ส. ภูเก็ต ทั้ง 3 เขต ประกอบด้วย นายจิรายุส ทรงยศ เขต 1 เบอร์ 6 นายสุทา ประทีป ณ ถลาง เขต 2 เบอร์ 4 และนายนัทธี ถิ่นสาคู เขต 3 เบอร์ 2 โดยนายสนธิรัตน์ กล่าวปราศรัยตอนหนึ่งว่า หากเป็นสมัยก่อนตนไม่กังวลใจ เพราะคนใต้เป็นปึกแผ่น เลือกพรรคเก่าแก่ แต่บรรยากาศการเมืองเปลี่ยนไปแล้ว พี่น้องมีหัวใจ 4 ห้อง แบ่งให้สี่พรรคการเมือง ห้องแรกพรรคเก่าแก่อย่างพรรคประชาธิปัตย์ พรรคที่สองคือพรรคที่ขณะนี้ทำทุกอย่างเพื่อยึดภาคใต้คือพรรคภูมิใจไทย พรรคที่สามคือพรรคที่แตกออกจากพรรคพลังประชารัฐ คือพรรครวมไทยสร้างชาติ และพรรคที่สี่คือพรรคที่พี่น้องเคยให้ความไว้วางใจคือพรรคพลังประชารัฐ วันนี้พรรคทั้งสี่พรรคเข้าไปอยู่ในหัวใจคนใต้ทั้ง 4 ห้องหัวใจ ซึ่งหัวใจคนใต้คือหัวใจที่รักบ้านเมือง ยามบ้านเมืองมีปัญหา คนใต้คือที่พึ่งพิง เหนื่อยยากต่อสู้พาประเทศผ่านพ้นวิกฤติไปได้

“การเลือกตั้งครั้งนี้เป็นการเลือกตั้งที่สำคัญที่สุด ผมตั้งใจมาบอกพี่น้องว่าเวลากู้ชาติบ้านเมืองมาถึงอีกแล้ว ต้องทำให้หัวใจพี่น้องเหลือห้องเดียว ยึดมั่นเส้นทางเดียว ถ้าแตกเป็น 4 ห้อง อนาคตลมกำลังเปลี่ยนทิศ หลังเลือกตั้งมีแนวโน้มไม่ราบรื่น มีความขัดแย้ง ผมอยากบอกว่ามีพรรคการเมืองเพียงพรรคเดียวใน 4 พรรคนี้ ที่เป็นพรรคที่เหมาะสมที่สุดกับสถานการณ์ที่ไม่ต้องการให้ประเทศเกิดความขัดแย้ง นั่นคือพรรคพลังประชารัฐ ดังนั้น หากพี่น้องต้องการก้าวข้ามความขัดแย้ง ไม่อยากเห็นบ้านเมืองเผชิญกับวิกฤต ต้องช่วยกันเลือกผู้สมัคร ส.ส. ภูเก็ตจากพรรคพลังประชารัฐ ทั้ง 3 เขต” นายสนธิรัตน์ กล่าว

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 5 พฤษภาคม 2566

แฟนคลับพปชร.เฮ รับ”พล.อ.ประวิตร”เยือนภูเก็ตกึกก้องสเตเดียม อ้อนขอ พปชร.ยกจังหวัด ผลักดัน”ภูเก็ต”เป็นเมืองท่องเที่ยวพิเศษ ดูแลอย่างเท่าเทียม

,

แฟนคลับพปชร.เฮ รับ”พล.อ.ประวิตร”เยือนภูเก็ตกึกก้องสเตเดียม อ้อนขอ พปชร.ยกจังหวัด ผลักดัน”ภูเก็ต”เป็นเมืองท่องเที่ยวพิเศษ ดูแลอย่างเท่าเทียม

พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.)เปิดเวทีปราศรัยใหญ่ภาคใต้ จังหวัดภูเก็ต ณ อาคารยิมเนเซี่ยมนครภูเก็ต 4,000ที่นั่ง นำโดย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ประกอบด้วย นายสันติ พร้อมพัฒน์ เลขาธิการพรรค ,นายวิรัช รัตนเศรษฐ รองหัวหน้าพรรค,ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เหรัญญิกพรรคพลังประชารัฐ ในฐานะผู้ดูแลกำกับการเลือกตั้งพื้นที่ กทม.,นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงษ์ ประธานยุทธศาสตร์การเมือง และนายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ ทีมเศรษฐกิจพรรคพลังประชารัฐ พร้อมด้วยผู้สมัครของพรรคพลังประชารัฐ ประกอบด้วย เขต 1 นายจิรายุส ทรงยศ ,เขต 2 นายสุทา ประทีป ณ ถลางและ เขต 3 นายนัทธี ถิ่นสาคู

พล.อ.ประวิตร กล่าวปราศรัยบนเวทีว่า ตนอบอุ่นใจที่ได้รับการต้อนรับจากชาวภูเก็ตเป็นอย่างดี ขอขอบคุณทุกคนที่มาด้วยใจ สามัคคี รวมใจเป็นหนึ่งเดียว วันนี้ตนอยากให้คนไทยรักกัน เป็นหนึ่งเดียวกัน เพื่อที่จะก้าวข้ามความขัดแย้ง และความยากจนไปด้วยกัน ขอให้เชื่อมั่นในพรรคพลังประชารัฐและผู้สมัครทั้ง 3 คน 3 เขต ที่ยืนอยู่ตรงนี้

“เมื่อเรามีความรัก ความสามัคคีกันแล้ว เราก็จะพัฒนาประเทศให้เจริญรุ่งเรือง ประชาชนอยู่ดีกินดี และมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น นโยบายของพรรคพลังประชารัฐต้องการทำให้ประชาชนมีความสุข และขอยืนยันว่านโยบายของพรรคเราทำได้จริงและทำได้ทันทีที่เราเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล โดยมีผมเป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งถ้าอยากให้ผมเป็น ก็ขอให้เลือกพรรคพลังประชารัฐ บัตรสีเขียว เบอร์ 37 ”

พล.อ.ประวิตร กล่าวต่อว่า ผู้สมัครของพรรคพลังประชารัฐทั้ง 3 เขตจะเข้ามาแก้ปัญหาให้กับพี่น้องชาวภูเก็ต ทั้งในเรื่องการจัดสรรที่ดิน สปก. การเปลี่ยนที่ดิน สปก.ให้เป็นโฉนด และพรรคพลังประชารัฐจะกระตุ้นเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว โดยผลักดันให้ภูเก็ตเป็นเมืองท่องเที่ยวพิเศษ รวมถึงผลักดันเขตเศรษฐกิจพิเศษอันดามัน

“เราจะแก้ปัญหารถติด การจราจรติดขัดในเมือง รวมถึงแก้ปัญหาเรื่องประมงชายฝั่ง เพราะภูเก็ตเป็นเมืองท่องเที่ยวระดับชาติ ทำรายได้เข้าประเทศมามากมาย แต่รายได้ของคนภูเก็ต ยังไม่ดีเท่าที่ควร ระบบสาธารณูปโภค ยังไม่พอกับความต้องการ ถนนยังแคบไฟฟ้ายังตก บางพื้นที่น้ำยังขาดแคลน สิ่งต่างๆเหล่านี้ต้องได้รับการแก้ไขโดยพรรคพลังประชารัฐ”พล.อ.ประวิตร กล่าว

พล.อ.ประวิตร ยังกล่าวถึงโรงเรียนและโรงพยาบาลของรัฐ จะต้องได้มาตรฐานสากล เนื่องจากภูเก็ตเป็นเมืองนานาชาติ ชาวภูเก็ตต้องได้รับการดูแลอย่างเท่าเทียมลดความเหลื่อมล้ำ และความไม่เป็นธรรม พปชร.จะสร้างงานสร้างรายได้ รวมถึงทบทวนกฎหมายที่ล้าสมัยเช่นกฎหมายสิ่งแวดล้อมรวมไปถึง พรบ.อาคาร และต้องมีการพัฒนาสนามบิน ถนน และระบบขนส่งมวลชนให้ดียิ่งขึ้นด้วย ที่พูดมาวันนี้ ทั้งหมดคือสิ่งที่พรรคพลังประชารัฐจะทำทันที

จากนั้นเมื่อพล.อ.ประวิตร ปราศรัยจบก็ได้ปิดเวทีทันที โดยใช้เวลาอย่างกระชับ เพราะจะต้องเดินทางไปร่วมงานสวดอภิธรรมศพบิดาของนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ที่อำเภอท้ายเหมือง จังหวัดพังงาต่อไป

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่าบรรยากาศเวทีวันนี้มีประชาชนมารอฟังการปราศรัยของพรรคพลังประชารัฐเต็มความจุของอาคาร โดยมีป้ายไฟ ป้ายเชียร์ให้กำลังใจ พล.อ.ประวิตร ให้เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 จำนวนมาก พร้อมกับมีประชาชนส่งเสียงตะโกนคำว่า”ลุงป้อมสู้ ๆ และขอให้เป็นนายกฯด้วย

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 5 พฤษภาคม 2566