โลกเปลี่ยน ไทยต้องปรับ ทางเลือกใหม่ของการเมืองไทย ก้าวข้ามความขัดแย้ง สานพลังประชาราษฎร์ ร่วมสร้างชาติให้ยั่งยืน

ป้ายกำกับ: พรรคพลังประชารัฐ

“พล.อ.ประวิตร”เตรียมกำลังพลสู้ศึกเลือกตั้ง ปี66 มั่นใจพร้อมเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลตอบโจทย์ปัญหา ปชช.

,

“พล.อ.ประวิตร”เตรียมกำลังพลสู้ศึกเลือกตั้ง ปี66
มั่นใจพร้อมเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลตอบโจทย์ปัญหา ปชช.

วันที่ 1 มีนาคม 2566 เวลา 16.00 น. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) พร้อมด้วย นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ในฐานะเลขาธิการพรรค นายวิรัช รัตนเศรษฐ รองหัวหน้าพรรค ร่วมแถลงข่าวเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. จำนวน 50 คน และกล่าวต้อนรับว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เลือดเก่า และ ส.ส.เลือดใหม่ ที่มีอุดมการณ์เดียวกันและเป็นบุคคลที่มีคุณภาพ พร้อมที่จะเป็นตัวแทน พปชร. ซึ่งจะมีการทำงานเพื่อประชาชนอย่างเข้มแข็งอีกครั้งหนึ่งและบรรยากาศเป็นไปด้วยความคึกคัก ณ ที่ทำการพรรคพลังประชารัฐ

พล.อ.ประวิตร ได้กล่าวขอบคุณ ส.ส.เก่าของพรรคทุกคนที่อยู่ร่วมกันมาตลอดสี่ปี รวมถึงขอบคุณว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ที่ย้ายมาจากพรรคการเมืองอื่นที่มาร่วมทำงานกับพรรคเรา และผู้สมัครหน้าใหม่ทุกคนที่มาสร้างชื่อเสียงให้กับพรรคต่อไป ในวันนี้รู้สึกตื้นตันใจ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ส.ส.เก่าที่ยังอยู่ร่วมกับพรรคและไม่ไปไหน

“ถือเป็นโอกาสที่ดีอีกวันหนึ่งที่เราได้เปิดตัวผู้สมัครทั้งหน้าใหม่ หน้าเก่าที่ไม่ย้ายไปอยู่กับพรรคการเมืองอื่นถึงแม้เราจะโดนดูดไปเยอะ แต่ก็ไม่เป็นไร พรรคเราถือว่าเป็นพรรคที่โดนดูด ส.ส.ไปมากที่สุด แต่เราก็มีความเข้มแข็งที่จะจับมือกันทำเพื่อประชาชนและประเทศชาติต่อไป” พล.อ.ประวิตร กล่าว

สำหรับผู้สมัครที่ย้ายมาจากพรรคอื่น พปชร.ยินดีต้อนรับทุกคน เพราะทุกคนถือเป็นกำลังสำคัญของพรรค และคาดหวังว่าจะได้ ส.ส.มากเป็นอันดับหนึ่ง เพราะการเลือกตั้งเมื่อปี 62 เราได้ ส.ส.มากเป็นอันดับที่ 2 แต่จะได้เท่าไหร่ก็ขึ้นอยู่กับทุกคนที่จะร่วมกันทำงาน

พล.อ.ประวิตร กล่าวต่อว่า ยินดีที่จะรับใช้ทุกคนที่เข้ามาสู่บ้านพลังประชารัฐโดยผู้สมัครหน้าใหม่สามารถถาม ส.ส.ทุกคนได้ว่า ตนดูแลพวกเราทุกคนอย่างไร และยืนยันว่าตนเองจะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลังเลยแม้แต่คนเดียว และขอฝากความหวังไว้กับทุกคนในการที่จะเป็น ส.ส.ของพรรคเข้าไปทำหน้าที่แทนประชาชนในปี 66 โดยพรรคจะเป็นผู้นำในการจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งทุกอย่างขึ้นอยู่ที่ผู้สมัครทุกคน ตนก็ต้องขอฝากเอาไว้ด้วย

ด้านนายสันติ กล่าวว่า เป็นอีกวันหนึ่งที่กรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ ได้มาต้อนรับว่าที่ผู้สมัครทุกคนทั้ง ส.ส.ปัจจุบัน และผู้สมัครใหม่ โดยทุกคนที่อยู่ที่นี่เป็นคนที่มีอุดมการณ์จะทำงานเพื่อประชาชนและเป็นตัวแทนของประชาชนเพื่อที่จะทำงานพัฒนาในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข โดยจะพัฒนาให้ประเทศไทยทันกับทั่วโลก และเพิ่มศักยภาพการแข่งขันให้กับเยาวชนลูกหลานของเรา

สำหรับว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ที่เปิดตัวครั้งนี้ ประกอบด้วย กทม. คือ นายศิริพงศ์ รัศมี ส.ส.กทม. กำแพงเพชร ได้แก่ นายไผ่ ลิกค์ ส.ส.กำแพงเพชร นายเพชรภูมิ อาภรณ์รัตน์ ส.ส.กำแพงเพชร นายอนันต์ ผลอำนวย ส.ส.กำแพงเพชร นายปริญญา ฤกษ์หร่าย ขอนแก่น คือ นายสมศักดิ์ คุณเงิน ส.ส.ขอนแก่น นายบัลลังก์ อรรณนพพร ส.ส.ขอนแก่น มาจากพรรคเพื่อไทย จ.ฉะเชิงเทรา คือ นายอรรถกร ศิริลัทธยากร ส.ส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ฉะเชิงเทรา จ.ตรัง คือ นายนิพนธ์ ศิริธร ส.ส.ตรัง จ.นครราชสีมา ได้แก่ นายเกษม ศุภรานนท์ ส.ส.นครราชสีมา นายทวิรัฐ รัตนเศรษฐ ส.ส.นครราชสีมา นายอธิรัฐ รัตนเศรษฐ ส.ส.นครราชสีมา นางทัศนียา รัตนเศรษฐ ส.ส.นครราชสีมา นางทัศนาพร เกษเมธีการุณ ส.ส.นครราชสีมา

จ.นครศรีธรรมราช ได้แก่ นายรงค์ บุญสวยขวัญ ส.ส.นครศรีธรรมราช นายสัณหพจน์ สุขศรีเมือง ส.ส.นครศรีธรรมราช นายอาญาสิทธิ์ ศรีสุวรรณ ส.ส.นครศรีธรรมราช จ.นราธิวาสคือ นายสมพันธ์ มะยูโซ๊ะ ส.ส.นราธิวาส จ.พะเยา ได้แก่ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา นายจิรเดช ศรีวิราช ส.ส.พะเยา จ.พิจิตร คือ พรชัย อินทร์สุข ส.ส.พิจิตร จ.เพชรบูรณ์ ได้แก่ น.ส.พิมพ์พร พรพฤฒิพันธุ์ ส.ส.เพชรบูรณ์ นายจักรัตน์ พั้วช่วย ส.ส.เพชรบูรณ์ นางวันเพ็ญ พร้อมพัฒน์ ส.ส.เพชรบูรณ์ นายเอี่ยม ทองใจสด ส.ส.เพชรบูรณ์

จ.ภูเก็ต ได้แก่ นายสุทา ประทีป ณ ถลาง ส.ส.ภูเก็ต นายนัทธี ถิ่นสาคู ส.ส.ภูเก็ต จ.แม่ฮ่องสอน คือ นายปัญญา จีนาคำ ส.ส.แม่ฮ่องสอน จ.ยะลาคือ นายอาดิลัน อาลีอิสเฮาะ ส.ส.ยะลา จ.ราชบุรี คือ นางบุญยิ่ง นิติกาญจนา ส.ส.ราชบุรี นายชัยทิพย์ กมลพันธุ์ทิพย์ ส.ส.ราชบุรี พรรคประชาธิปัตย์ นายจตุพร กมลพันธุ์ทิพย์ จ.สมุทรสาคร คือ น.ส.จอมขวัญ กลับบ้านเกาะ ส.ส.สมุทรสาคร จ.สระแก้ว ได้แก่ น.ส.ตรีนุช เทียนทอง ส.ส.สระแก้ว นายสุรศักดิ์ ชิงนวรรณ์ ส.ส.สระแก้ว จ.สระบุรี คือ น.ส.กัลยา รุ่งวิจิตรชัย ส.ส.สระบุรี จ.สิงห์บุรีคือ นายโชติวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ ส.ส.สิงห์บุรี

จ.สมุทรปราการ ได้แก่ นายจาตุรนต์ นกขมิ้น นายฐาปกรณ์ กุลเจริญ ส.ส.สมุทรปราการ นายอัครวัฒน์ อัศวเหม ส.ส.สมุทรปราการ นายกรุงศรีวิไล สุทินเผือก ส.ส.สมุทรปราการ น.ส.ภริม พูลเจริญ ส.ส.สมุทรปราการ นายแสน บานแย้ม ที่ปรึกษา รมช.เกษตรและสหกรณ์ นายยงยุทธ สุวรรณบุตร ส.ส.สมุทรปราการ นายต่อศักดิ์ อัศวเหม ส.ส.บัญชีรายชื่อ และนายวรพร อัศวเหม จ.ชลบุรี ได้แก่ นายสรัลชา ศรีชลวัฒนา ร.อ.จองชัย วงศ์ทรายทอง ส.ส.ชลบุรี นายประมวล เอมเปีย นายโอฬาร์ ปัญญปิติพัฒน นายบรรจบ รุ่งโรจน์ นายนิพนธ์ แจ่มจรัส นายสะถิระ เผือกประพันธุ์ ส.ส.ชลบุรี และนายสรวุฒิ เนื่องจำนงค์ ส.ส.ชลบุรี น.ส.กวินนาถ ตาคีย์ อดีต ส.ส.ชลบุรี

จ.ชัยนาท คือ นายธนบดี คุ้มชนะ อดีตนายก อบจ.ชัยนาท จ.ชัยภูมิ ได้แก่ นายสุขสันต์ ชื่นจิตร และนายอัครแสนคีรี โล่วีระ จ.สุรินทร์ ได้แก่ นายสิตกวิน เตียวเจริญโสภา นายเสรษฐิพณ แท่นดี จ.นครราชสีมา คือ นายณัฐพล ชวนกระโทก จ.ขอนแก่นคือ นายพิพัฒน์พงศ์ พรหมนอก จ.พิจิตร ได้แก่ นางณริยา บุญเสรฐ นายเอกวิชญ์ เรืองมาลัย และจ.กระบี่ คือ นายอนันต์ เขียวสด จ.สุพรรณบุรี คือ นายยุทธนา โพธสุธน ส.ส.บัญชีรายชื่อ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.สุพรรณบุรี จ.ปัตตานี คือ นายอันวาร์ สาละ อดีต ส.ส.ปัตตานี

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 1 มีนาคม 2566

“สนธิรัตน์”ร่วมเวทีถก”อนาคตพลังงานไทย” ย้ำพปชร.ทำเพื่อประชาชนหยุดประโยชน์กลุ่มทุน

,

“สนธิรัตน์”ร่วมเวทีถก”อนาคตพลังงานไทย”
ย้ำพปชร.ทำเพื่อประชาชนหยุดประโยชน์กลุ่มทุน

“สนธิรัตน์” ชี้ ปฏิรูปพลังงานต้องมีเจตจำนงทางการเมืองที่ชัดเจน ยก “บิ๊กป้อม” ผู้นำการเปลี่ยนแปลงนโยบายพลังงาน พิสูจน์ 37 วันนั่งรักษาการณ์ ประกาศนโยบาย “Net Metering” เผยนโยบายพลังงาน “พปชร.” ฟื้น “โรงไฟฟ้าชุมชน – รื้อโครงสร้างราคาพลังงาน – สานต่อ EV” ผลักดันตั้งองค์กรจัดการทรัพยากรพลังงานของชาติ หยุดประโยชน์กลุ่มทุน

วันที่ 28 ก.พ. 2566 ที่หอประชุมศรีบูรพา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ (ท่าพระจันทร์) นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ กรรมการยุทธศาสตร์เศรษฐกิจ และการเมือง พรรคพลังประชารัฐ ร่วมโชว์วิสัยทัศน์ด้านพลังงาน ในงานเสวนา พรรคการเมืองตอบประชาชน “อนาคตพลังงานไทย” ที่จัดขึ้นโดยเครือข่ายประชาชนปฏิรูปพลังงาน

โดยนายสนธิรัตน์ กล่าวว่า พลังงานคือปัญหาใหญ่ของประเทศไทย นโยบายพลังงานจะเป็นนโยบายที่ชี้ขาดการเลือกตั้งครั้งหน้า เพราะพลังงานเป็นต้นทุนชีวิต และเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งจะปฏิรูปพลังงานไทยได้ต้องมีเจตจำนงทางการเมืองที่แข็งกล้า และชัดเจน และที่สำคัญ คือผู้นำของพรรคที่จะมาเป็นนายกรัฐมนตรี ต้องมีความกล้าที่จะเปลี่ยนแปลงนโยบายพลังงาน ซึ่งตรงนี้พิสูจน์ แล้วว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เป็นผู้นำที่กล้าเปลี่ยนแปลงนโยบายพลังงานจากการนั่งรักษาการนายกรัฐมนตรีเพียง 37 วัน โดยการประกาศเรื่อง Net Metering ซึ่งที่ผ่านมาการส่งเสริมโซล่าเซลล์ ไม่เคยประสบความสำเร็จ ไม่เคยถึงประชาชน แต่หากสานต่อเรื่อง Net Metering ก็จะทำให้เกิดขึ้นได้จริง

นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า ในสมัยที่ตนเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ได้ทำนโยบายพลังงานที่มุ่งเน้นผลประโยชน์ของประชาชนเป็นที่ตั้งมาหลายเรื่อง ได้แก่ การตั้งคณะทำงานเพื่อพลังงานที่เป็นธรรม การดำเนินการลดราคาหน้าโรงกลั่น 50 สตางค์ การคืนค่ามัดจำมิเตอร์ไฟฟ้า และการผลักดันนโยบายโรงไฟฟ้าชุมชน แต่น่าเสียดายตนทำได้เพียง 1 ปี หลังจากออกมานโยบายต่าง ๆ ก็ไม่ได้คืบหน้า โดยเฉพาะเรื่องโรงไฟฟ้าชุมชน ซึ่งเป็นนโยบายที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางของพี่น้องประชาชน ผ่านมา 2 ปี ยังไม่ก่อเกิดผลลัพธ์ของพลังงานประชาชน อย่างที่คาดหวัง อย่างไรก็ตาม นโยบายทั้งหมดจะยังคงเป็นนโยบายที่พรรคพลังประชารัฐจะสานต่ออย่างแน่นอน

นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า นโยบายพลังงานที่พรรคพลังประชารัฐจะขับเคลื่อน จะเป็นนโยบายพลังงานของประชาชน เพื่อประชาชน โดยจะครอบคลุมการบูรณาการ การแก้ปัญหาให้มีความเป็นธรรมอย่างรอบด้าน ทั้งเรื่องน้ำมัน ไฟฟ้า และก๊าซธรรมชาติ เช่น การปฏิรูปโครงสร้างราคาน้ำมัน ยกเลิกราคาสมมติ ทำความร่วมมือกับเอกชนแก้ไขสิ่งที่มีความไม่เป็นธรรมซ่อนอยู่ ซึ่งต้องดูว่าเอาเปรียบประชาชนตรงไหน และอย่างไร การผลักดันเปลี่ยนผ่านเข้าสู่ยานยนต์ EV ผลักดันการแปลงรถยนต์สันดาบให้เป็นรถยนต์ไฟฟ้าด้วยการสนับสนุนของรัฐ เพื่อส่งเสริมการใช้รถ EV และเร่งสร้างแรงจูงใจการใช้รถ EV รวมถึงการผลักดันให้ประเทศไทยเป็นศูนย์กลางของยานยนต์ไฟฟ้า นอกจากนี้ ยังจะมีการบริหารจัดการพืชพลังงานให้สอดรับกับกระแส Green Energy ของโลก เช่น การส่งเสริมการใช้พืชพลังงานผลิตน้ำมันเครื่องบิน หรือที่เรียกว่า Biojet

นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า ขณะที่ด้านไฟฟ้า จะผลักดันนโยบายไฟฟ้าของประชาชน เพื่อประชาชน เช่น ต่อยอดนโยบายโรงไฟฟ้าชุมชน การส่งเสริมโซล่าภาคประชาชน และ Net Metering เพื่อให้ประชาชนเป็นทั้งผู้ผลิตพลังงานใช้เอง และเป็นผู้ขายพลังงาน สร้างรายได้ทั้งในส่วนของครัวเรือนและชุมชน นอกจากนี้ นายสนธิรัตน์ ยังให้ความเห็นต่อการแก้ปัญหาเรื่องค่าไฟฟ้าแพง โดยแนะให้หยุดการทำสัญญาโรงไฟฟ้าใหม่ เพื่อไม่ให้ปริมาณสำรองไฟฟ้าเพิ่มขึ้น และเป็นภาระค่าไฟฟ้าที่มาจากค่าพร้อมจ่ายให้กับพี่น้องประชาชน

“จะแก้เรื่องไฟฟ้าส่วนเกิน ค่าไฟฟ้าส่วนเกินวันนี้คือสัญญาที่ทำไปแล้ว สิ่งแรกที่ท่านต้องเรียกร้อง และพูดให้ดังคือคัดค้านการเซ็นต์สัญญาโรงไฟฟ้าใหม่ตั้งแต่บัดนี้ เพื่อไม่ให้ค่าไฟฟ้าส่วนเกินเพิ่มขึ้นมาจากการที่กลุ่มเอกชนจะเซ็นต์สัญญาไฟฟ้าใน 2-3 เดือนก่อนการเลือกตั้ง ไม่อย่างนั้นค่าไฟฟ้าส่วนเกินจะเพิ่มขึ้นตลอดเวลา” นายสนธิรัตน์ กล่าว

นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า ส่วนเรื่องการบริหารจัดการก๊าซธรรมชาตินั้น ก๊าซของชาติ ประชาชน ต้องได้รับประโยชน์ก่อนภาคอุตสาหกรรมจะต้องมีการปรับโครงสร้างราคาก๊าซให้เป็นธรรม ซึ่งราคาก๊าซหุงต้มเป้าหมายราคา 350 บาทต่อถังมีความเป็นไปได้ สุดท้ายสิ่งที่จะต้องทำคือการจัดตั้งองค์กรจัดการทรัพยากรพลังงานของชาติ เพื่อให้การบริหารจัดการทรัพยากรทางพลังงานของชาติถูกจัดการเพื่อประโยชน์ของชาติ และประชาชน ไม่ปล่อยให้ตกอยู่ในมือของกลุ่มทุน

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 1 มีนาคม 2566

“เลขาสันติ ควง รองวิรัช”ระดมว่าที่ผู้สมัครเสริมอาวุธ ชูนโยบายเพื่อปชช. เน้นลงพื้นที่เข้าถึงนโยบายทำได้จริง เพื่อเลือกพปชร. ชู พล.อ.ประวิตร นั่งนายกฯ

,

“เลขาสันติ ควง รองวิรัช”ระดมว่าที่ผู้สมัครเสริมอาวุธ ชูนโยบายเพื่อปชช.
เน้นลงพื้นที่เข้าถึงนโยบายทำได้จริง เพื่อเลือกพปชร. ชู พล.อ.ประวิตร นั่งนายกฯ

นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง และเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ นายวิรัช รัตนเศรษฐ รองหัวหน้าพรรค ได้ร่วมให้ความรู้และอบรม เตรียมความพร้อมว่าที่ผู้สมัครทั่วประเทศ ในการลงพื้นที่ เพื่อเสนอนโยบายของพรรคที่ได้ออกมา 5 นโยบาย ทั้งนโยบายเพิ่มเงินสวัสดิการบัตรประชารัฐ ทบทวนกฎเกณฑ์และเตรียมความพร้อม
เรื่องกฎหมาย และนโยบายพรรค สู่พี่น้องประชาชนในพื้นที่ทั่วประเทศ

นายสันติกล่าวว่า พรรคได้ออกนโยบาย เพื่อให้ว่าที่ผู้สมัคร ไปทำความเข้าใจกับพี่น้องประชาชน เพื่อให้พรรคเข้าถึงใจ และมีความเชื่อมั่นว่าพรรค ที่นำโดยพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรค ได้ทำนโยบาย เพื่อช่วยเหลือประชาชนและลดความเหลื่อมล้ำให้ประชาชนได้อย่างแน่นอน ตั้งแต่นโยบายเพิ่มเงินช่วยเหลือในบัตรประชารัฐ นโยบายที่ทำกิน นโยบายน้ำ ที่หัวหน้าพรรคได้ดำเนินมาตลอด 4 ปีที่ดำรงตำแหน่งในรัฐบาล และนโยบายล่าสุด นโยบายจากครรภ์มารดา สู่บุตร ธิดา ประชารัฐ “แม่ บุตร ธิดา ประชารัฐ”
หากเลือก พปชร.ได้จัดตั้งรัฐบาล และยกมือในสภาผู้แทนเพื่อให้พล.อ.ประวิตร เป็นนายก เราจะทำทันที

นอกจากนี้ ยังได้ย้ำให้ว่าที่ผู้สมัครลงพื้นที่อย่างเข้มแข็ง รับฟังปัญหาที่เกิดขึ้นในท้องถิ่น เพื่อนำมาสู่การทำนโยบาย เพื่อให้สามารถแก้ไขปัญหาของพี่น้องประชาชนได้อย่างแท้จริง และมองเห็นอนาคต ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญว่าที่ผู้สมัครต่างรู้ถึงปัญหาในแต่ละพื้นที่เป็นอย่างดี ซึ่งเป็นเครื่องชี้ชัดว่าพรรคเรามีความจริงใจกับประชาชน และที่สำคัญตัวว่าผู้สมัครจะเป็นตัวช่วยสร้างพรรคได้เป็นอย่างดี

อย่างไรก็ตามนโยบายใหม่ที่ออกมา เพื่อดูแลผู้สูงวัย และนโยบายดูแลสตรีมีครรภ์และเด็ก เพราะขณะนี้ประเทศไทยกำลังเข้าสู่สังคมผู้สูงวัย และจำนวนเด็กเกิดน้อยลง เพราะด้วยค่าครองชีพที่สูงขึ้น ทำให้ค่าเลี้ยงดูสูง พปชร.เห็นความสำคัญในเรื่องนี้ เพื่อที่จะส่งเสริมในการเพิ่มจำนวนประชากรของประเทศอย่างมีคุณภาพ ให้กับประชาชน และที่สำคัญจะส่งเสริมให้โรงพยาบาลระดับตำบลมีแพทย์ โดยการให้จังหวัดมีการตั้งกองทุนเพื่อจัดหาเด็กเรียนดีในจังหวัดเข้าเรียนแพทย์ และกลับมาทำงานในท้องถิ่นตนเอง เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายการเดินทาง ให้กับประชาชนในพื้นที่ห่างไกล และลดความแออัดของโรงพยาบาลขนาดใหญ่

นายวิรัชกล่าวว่า การอบรมเพิ่มเติมให้กับว่าที่ผู้สมัครตั้งแต่รุ่น 1-4 เพื่อมารับทราบนโยบายเพิ่มเติม เพื่อลงพื้นที่ รวมทั้งรับฟังความเห็นของว่าที่ผู้สมัครไปรับฟังปัญหาของพี่น้องประชาชน เพื่อมาแลกเปลี่ยนข้อมูล ในการหาเสียง เพราะระยะเวลาการเลือกตั้งกำลังจะมาถึงอีกไม่นานนี้

“การจัดอบรบครั้งนี้ จึงเป็นการเพิ่มเครื่องมือให้กับว่าที่ผู้สมัคร และมาทำความเข้าใจในนโยบายของพรรคที่จะนำเสนอต่อพี่น้องประชาชนในพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็นนโยบาย ป้อม 700 มีน้ำไม่มีแล้ง ไม่มีจน มีที่ทำกินไม่มีจน นโยบายดูแลผู้สูงอายุ 3-4-5-6-7-8 และนโยบายแม่-บุตร -ธิดา ประชารัฐ วันนี้ เราให้เครื่องมือเพื่อไปบอกกับประชาชน”

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 1 มีนาคม 2566

“พล.อ.ประวิตร” ขยาย พรก.ฉุกเฉิน ต่อ 3เดือน ปรับลดพื้นที่ อ.มายอ ผ่านเกณฑ์ กำชับเตรียมดูแลช่วงการเลือกตั้ง พร้อมขอบคุณเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงาน ทุ่มเท เสียสละ เพื่อส่วนรวม

,

“พล.อ.ประวิตร” ขยาย พรก.ฉุกเฉิน ต่อ 3เดือน ปรับลดพื้นที่ อ.มายอ ผ่านเกณฑ์ กำชับเตรียมดูแลช่วงการเลือกตั้ง พร้อมขอบคุณเจ้าหน้าที่ปฏิบัติงาน ทุ่มเท เสียสละ เพื่อส่วนรวม

1 มี.ค.66 พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุม คณะกรรมการบริหารสถานการณ์ฉุกเฉิน (กบฉ.) ครั้งที่ 1/2566 ที่มูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อ 5 จังหวัด โดยพล.ท.พัชร์ชศักดิ์ ปฏิรูปานนท์ ผช.โฆษก รอง นรม. กล่าวว่า โดยที่ประชุมได้รับทราบ ผลการปฎิบัติงานตาม พรก.ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 ห้วง 20 ธ.ค.65 -23 ก.พ.66 และแนวโน้มสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในพื้นที่ 3 จชต. หลังจากนั้นได้ร่วมกันพิจารณาเห็นชอบ ตามที่ กอ.รมน.ภาค4 เสนอโดยขอให้ปรับลดพื้นที่ อ.มายอ จ.ปัตตานี ออกจากพื้นที่การประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงตามพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินฯ เนื่องจากผ่านเกณฑ์การประเมินผล และขอให้นำ พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักรฯ มาบังคับใช้แทน พร้อมเห็นชอบ ขยายเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงใน 3 จชต. ยกเว้น อ.ศรีสาคร ,อ.สุไหงโก-ลก ,อ.แว้ง และอ.สุคิริน จ.นราธิวาส ยกเว้น อ.ยะหริ่ง ,อ.มายอ ,อ.ไม้แก่น และอ.แม่ลาน จ.ปัตตานี และ จ.ยะลา ยกเว้น อ.เบตง ,อ.กาบัง ออกไปอีก 3เดือน ตั้งแต่ 20 มี.ค.66 ถึง 19 มิ.ย.66 โดยเป็นการขยายเวลา ครั้งที่ 71 เพื่อให้เกิดความต่อเนื่องในการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ ป้องกันและระงับยับยั้งสถานการณ์ให้ได้ อย่างทันท่วงที และมีประสิทธิภาพ รวมทั้งจะเป็นประโยชน์ต่อการดูแลรักษาความสงบ ความปลอดภัยในชีวิต และทรัพย์สินของพี่น้องประชาชนในพื้นที่ ด้วย

พล.อ.ประวิตร ได้กำชับ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ,ตำรวจภูธรภาค 9 เร่งหามาตรการทางกฎหมายปกติ ทดแทน พรก.ฉุกเฉิน เพื่อสร้างบรรยากาศเชิงบวกในพื้นที่ และให้สอดรับกับทิศทางของกระบวนการพูดคุยเพื่อสันติสุข พร้อมเน้นย้ำ ฝ่ายความมั่นคง ประสานการปฏิบัติในการรักษาความปลอดภัย และเฝ้าระวังติดตามความเคลื่อนไหวของผู้ก่อเหตุรุนแรง ทั้งในและนอกพื้นที่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงที่จะมีการเลือกตั้ง ซึ่งจะต้องเตรียมการดูแลให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย ด้วย

พล.อ.ประวิตร ยังได้ขอบคุณกำลังพลทุกนาย ของฝ่ายความมั่นคงในพื้นที่ ที่ได้ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความทุ่มเท เสียสละ เพื่อส่วนรวม สามารถรักษาความสงบเรียบร้อยในพื้นที่ได้เป็นอย่างดี กระทั่งปรับลด อ.มายอ จ.ปัตตานี เป็นอำเภอที่10 ได้เป็นผลสำเร็จ

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 1 มีนาคม 2566

การรับสมัครผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ

,

การรับสมัครผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 1 มีนาคม 2566

การรับสมัครผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบแบ่งเขตเลือกตั้ง

,

การรับสมัครผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบแบ่งเขตเลือกตั้ง

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 1 มีนาคม 2566

“รมว.ชัยวุฒิ” โชว์ศักยภาพ ขับเคลื่อนดิจิทัลไทยเวทีเทคโนโลยีโลก หนุนป้องกันปราบปรามอาชญากรรมไซเบอร์ดันไทยเป็นหนึ่งในอาเซียน

,

“รมว.ชัยวุฒิ” โชว์ศักยภาพ ขับเคลื่อนดิจิทัลไทยเวทีเทคโนโลยีโลก หนุนป้องกันปราบปรามอาชญากรรมไซเบอร์ดันไทยเป็นหนึ่งในอาเซียน

นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ได้เดินทางเข้าร่วมการประชุม GSMA Ministerial Programme ระหว่างวันที่ 27 กุมภาพันธ์ – 1 มีนาคม 2566 เมืองบาร์เซโลนา ราชอาณาจักรสเปน ซึ่งการประชุมดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของงาน Mobile World Congress 2023 (MWC2023) นับเป็นงานประชุมนานาชาติและนิทรรศการด้านการสื่อสารไร้สายและเทคโนโลยีดิจิทัลที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยเมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2566 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ได้เข้าร่วมการประชุมโต๊ะกลมระดับรัฐมนตรี ในหัวข้อ Innovation underpins the creation of new digital products and services and their application in the digital economy ซึ่งประเทศไทยได้รีบเกียรติจากคณะกรรมการ GSMA ให้กล่าวปาฐกถาเเสดงความเห็น โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลของไทย ได้นำเสนอนโยบายและแผนระดับชาติว่าด้วยการพัฒนาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม พ.ศ. 2561 – 2580 ซึ่งมีเป้าหมายในการขับเคลื่อนประเทศไปสู่การเป็น Digital Thailand และกล่าวถึงบทบาทของเทคโนโลยีปัจจุบันที่จะช่วยให้บรรลุเป้าหมายได้ อาทิ เทคโนโลยี Big Data, AI และ Blockchain นอกจากนี้ ยังได้เผยแพร่โครงการที่สำคัญของไทยที่มีการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาขับเคลื่อน อาทิ Smart City Thailand และ Thailand Digital Valley รวมถึงเน้นย้ำนโยบายของรัฐบาลไทยในการป้องกันและปราบปราม Online scams และ แก๊งคอลเซนเตอร์

โดยในช่วงบ่าย Mr. Sigve Brekke CEO ของ บริษัท เทเลนอร์ กรุ๊ป ได้ขอเข้าพบหารือกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงฯ เพื่อนำเสนอการดำเนินงานขององค์กร และการดำเนินธุรกิจในภูมิภาคเอเชีย รวมถึงประเทศไทย และได้กล่าวขอบคุณรัฐบาลไทยที่ให้การสนับสนุนภาคเอกชนมาโดยตลอด และพร้อมจะหาแนวทางความร่วมมือที่จะเป็นประโยชน์ต่อผู้ใช้บริการในประเทศไทยต่อไป

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 28 กุมภาพันธ์ 2566

“มีลุงป้อม ไม่มีแล้ง”!!! “พล.อ.ประวิตร” หนุนโครงการน้ำบาดาล จ.ตรัง ช่วยชุมชนให้มีน้ำดื่มฟรี ลดรายจ่ายครัวเรือน

,

“มีลุงป้อม ไม่มีแล้ง”!!! “พล.อ.ประวิตร” หนุนโครงการน้ำบาดาล จ.ตรัง ช่วยชุมชนให้มีน้ำดื่มฟรี ลดรายจ่ายครัวเรือน

เมื่อ 27 ก.พ.66 ,16.00น. พล.ท.พัชร์ชศักดิ์ ปฏิรูปานนท์ ผช.โฆษก รอง นรม. เปิดเผยว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รอง นรม. พร้อมด้วย รมว.ศธ. ,รมช.กห. และคณะ ได้เดินทางไปปฏิบัติราชการต่อเนื่องจากช่วงเช้า-บ่าย ซึ่ง พล.อ.ประวิตร ได้เป็นประธานการประชุม กพต. และพบปะผู้นำศาสนา-ชุมชนในพื้นที่ จ.สตูล ต่อจากนั้นในช่วงเย็น พล.อ.ประวิตร และคณะได้เดินทางต่อไปยัง จ.ตรัง เพื่อติดตามโครงการพัฒนาน้ำบาดาลเพื่อความมั่นคงระดับชุมชน ณ บ้านพรุท่อม ต.นาโต๊ะหมิง อ.เมือง จ.ตรัง โดยมีนายขจรศักดิ์ เจริญโสภา ผวจ.ตรัง ให้การต้อนรับ พร้อมรายงานภาพรวมในพื้นที่ของจังหวัด ต่อด้วย รองเลขาฯสทนช. นำเสนอแผนงานด้านทรัพยากรน้ำและการคาดการณ์สถานการน์น้ำในพื้นที่ภาคใต้ และรองอธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาล ได้รายงานสรุปโครงการพัฒนาน้ำบาดาล เพื่อความมั่นคงระดับชุมชน ซึ่งเป็นโครงการน้ำบาดาลเพื่ออุปโภค-บริโภค งป.ปี65 ความลึกเจาะ 90 ม.ได้ปริมาณน้ำ กว่า 20 ลบ.ม./ชม. ช่วยประชาชนประหยัดค่าใช้จ่ายจากที่เคยซื้อน้ำดื่มได้ปีละ 1.8ล้านบาท 500 ครัวเรือน

จากนั้น พล.อ.ประวิตร ได้มอบนโยบายที่สำคัญแก่ สทนช. ให้เร่งบูรณาการหน่วยงาน ติดตาม 10 มาตรการรองรับฤดูแล้ง อย่างเคร่งครัด พร้อมกำชับ จังหวัด กรมทรัพยากรน้ำบาดาล และกรมชลประทาน เร่งสำรวจพื้นที่เสี่ยงและจัดหาแหล่งน้ำสำรอง ทั้งบนดิน ใต้ดิน รองรับความต้องการใช้น้ำในอนาคต เพื่อยกระดับความมั่นคงด้านน้ำ พร้อมทั้งสร้างการรับรู้ ความเข้าใจแก่ประชาชนให้ทั่วถึง จากนั้นได้พบปะกับพี่น้องประชาชนที่มาให้การต้อนรับเป็นจำนวนมาก และรับฟังข้อคิดเห็นจากชาวบ้าน อย่างใกล้ชิด สร้างความประทับใจให้กับประชาชน และรู้สึกดีใจ ที่ท่านใจดี ให้ความเป็นกันเอง ไม่ถือตัว โดยมีมวลชนจำนวนมาก เชียร์ให้กำลังใจ เพราะเห็นถึง ความทุ่มเท ตั้งใจ เสียสละ ทำงานหนักเพื่อประชาชน อย่างแท้จริง และอยากให้ท่านเป็นนายกฯ คนต่อไปด้วย

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 27 กุมภาพันธ์ 2566

พล.อ.ประวิตร พบปะชาวบ้านอุดร-หนองคาย-เลย เร่งรัดแผนจัดการน้ำ ย้ำ อีสานต้องไม่มีพื้นที่แล้งอีกต่อไป มั่นใจเกษตรกรมีน้ำใช้อย่างเพียงพอ

,

พล.อ.ประวิตร พบปะชาวบ้านอุดร-หนองคาย-เลย เร่งรัดแผนจัดการน้ำ ย้ำ อีสานต้องไม่มีพื้นที่แล้งอีกต่อไป มั่นใจเกษตรกรมีน้ำใช้อย่างเพียงพอ

วันนี้ (24 ก.พ.) เมื่อเวลา 11.30 น. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะ ผอ.กอนช. พร้อมด้วย รมช.คลัง และคณะ ได้เดินทางไปตรวจราชการในพื้นที่ จ.อุดรราชธานี, จ.หนองคาย และจ.เลย เพื่อติดตามสถานการณ์น้ำและการดำเนินงานพัฒนาแหล่งน้ำ เพื่อแก้ไขปัญหาภัยแล้งและน้ำท่วม ในพื้นที่ทั้ง 3 จังหวัด

โดยในช่วงเช้า เดินทางไปยัง โรงเรียนภูพานวิทยา ต.ขอนยูง อ.กุดจับ จ.อุดรฯ มีนาย วันชัย คงเกษม ผู้ว่าราชการจังหวัด. ให้การต้อนรับและรับฟังการบรรยายสรุปภาพรวมการบริหารจัดการน้ำ ในพื้นที่ จ.อุดรฯ จากเลขาฯ สทนช. ซึ่ง จ.อุดรฯ มีพื้นที่ส่วนใหญ่อยู่ในลุ่มน้ำโขงตะวันออกเฉียงเหนือ และลุ่มน้ำชี รัฐบาลได้ให้การสนับสนุนโครงการแก้ไขปัญหาภัยแล้ง และน้ำท่วม อย่างต่อเนื่อง ได้แก่ โครงการปี 61-65 ประชาชนได้รับประโยชน์ 55,586 ครัวเรือน จากงบกลางปี65 ได้รับประโยชน์ 1,045 ครัวเรือน งบบูรณาการฯ ปี66 จะได้รับประโยชน์ 6,955 ครัวเรือน งบตามแผนปฏิบัติการปี 67 ประชาชนจะได้รับประโยชน์ 53,175 ครัวเรือน และโครงการสำคัญอีก 6แห่ง ประชาชนจะได้รับประโยชน์ 43,500 ครัวเรือน

จากนั้น พล.อ.ประวิตร ได้มอบนโยบายให้ สทนช. กรมชลประทาน และจังหวัด เร่งบูรณาการบริหารจัดการน้ำให้ไปในทิศทางเดียวกัน โดยเฉพาะ 10 มาตรการฤดูแล้ง ให้เข้มงวดตามนโยบาย พร้อมเร่งรัดโครงการอ่างเก็บน้ำห้วยเชียง (ตอนบน) เพื่อช่วยยกระดับความมั่นคงด้านน้ำ ให้ชาวบ้านและเกษตรกรให้มีน้ำใช้อย่างเพียงพอ ตลอดปี ยั่งยืน

พล.อ.ประวิตร ยังได้เดินพบปะ และรับฟังข้อคิดเห็นจาก พี่น้องประชาชนที่มาให้การต้อนรับจำนวนมาก อย่างใกล้ชิด ด้วยบรรยากาศที่เป็นกันเอง พร้อมขอถ่ายรูปเซลฟี่กับ พล.อ.ประวิตร เป็นที่ระลึก สร้างความประทับใจให้กับชาวบ้าน ที่มาร่วมกิจกรรมในโอกาสนี้ นอกจากนั้น พล.อ.ประวิตร ยังได้ยืนยันกับชาวบ้าน ว่าจะไม่ให้มีพื้นที่ประสบภัยแล้งในอีสาน อีกต่อไป ซึ่งได้มีกลุ่มชาวบ้านถือป้ายชูให้กำลังใจลุงป้อม และ อยากหนุนให้เป็นนายกฯของคนอีสานด้วย

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 24 กุมภาพันธ์ 2566

“รมช.สันติ” เปิดลิส ปชช.ได้บัตรสวัสดิการประชารัฐ 14.5 ล้านคน ดีเดย์ 1 มี.ค.นี้ประกาศชื่อกลุ่มผู้มีรายได้น้อย

,

“รมช.สันติ” เปิดลิส ปชช.ได้บัตรสวัสดิการประชารัฐ 14.5 ล้านคน
ดีเดย์ 1 มี.ค.นี้ประกาศชื่อกลุ่มผู้มีรายได้น้อย

นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ในที่ประชุมคณะกรรมการกองทุนประชารัฐสวัสดิการฯ ครั้งที่ 2/2566 มีการรายงานให้ทราบว่า มีผู้ลงทะเบียนเพื่อรับสิทธิแห่งรัฐ หรือบัตรคนจน ทั้งหมด 22 ล้านคน และพบว่า มีประชาชนกรอกข้อมูลไม่ครบ 1.2 ล้านคน เมื่อส่งข้อมูลให้กรมการปกครองตรวจสอบ ไม่ผ่านคุณสมบัติ 1 ล้านคน รอบแรกจึงมีผู้ผ่านคุณสมบัติ 19 ล้านคน และได้ส่งข้อมูลให้กับหน่วยงานราชการ 6 หน่วยงานเพื่อไปตรวจสอบ ทั้งเรื่องทรัพย์สิน ที่ดิน บัญชีเงินฝาก พบว่าไม่ผ่านคุณสมบัติ 5 ล้านคน ทำให้เหลือผู้ผ่านเกณฑ์ 14.5 ล้านคน

“จะมีการประกาศรายชื่อผู้ผ่านคุณสมบัติรับสิทธิบัตรคนจน 14.5 ล้านคน ในวันที่ 1 มีนาคม 2566 ซึ่งผู้ที่ผ่านเกณฑ์สามารถยืนยันตัวตนภายใน 30 วัน และสามารถใช้ได้จริงในเดือนเมษายน 2566 ส่วนผู้ที่ไม่ผ่านเกณฑ์สามารถยื่นอุทธรณ์ที่ธนาคารกรุงไทย ภายใน 60 วัน หลังมีการประกาศรายชื่อ คาดว่าผลการอุทธรณ์จะทราบในช่วงเดือนพฤษภาคม 2566 เมื่อผู้ที่ยื่นอุทธรณ์ผ่านเกณฑ์แล้วจะได้รับสิทธิบัตรคนจนย้อนหลังตั้งแต่เดือนเมษายน 2566” นายสันติ กล่าว

อย่างไรก็ตามธนาคารกรุงไทยเป็นผู้รับตรวจสอบในการเป็นฐานข้อมูล และไม่ได้ให้รายละเอียดของผู้ที่ไม่ผ่านสิทธิกับกระทรวงการคลัง เนื่องจากกลัวจะผิดพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล หรือพีดีพีเอ ดังนั้นกระทรวงการคลังจึงต้องประกาศผู้ที่ผ่านเกณฑ์ 14.5 ล้านคน ก่อนเพื่อไม่ให้คนส่วนใหญ่เดือดร้อน ส่วนผู้ที่ไม่ผ่านเกณฑ์สามารถใช้สิทธิในการยื่นอุทธรณ์กับธนาคารกรุงไทย

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 24 กุมภาพันธ์ 2566

“ดร.ศันสนะ” ลุย เขตธนบุรี-คลองสาน พร้อมพัฒนายกระดับ ศักยภาพพื้นที่ เตรียมต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ดึงรายได้เข้าสู่ชุมชนสร้างศก.ประเทศ

,

“ดร.ศันสนะ” ลุย เขตธนบุรี-คลองสาน พร้อมพัฒนายกระดับ ศักยภาพพื้นที่
เตรียมต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ดึงรายได้เข้าสู่ชุมชนสร้างศก.ประเทศ

ดร.ศันสนะ สุริยะโยธิน ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวถึงสถานการณ์การท่องเที่ยว ว่า ภายหลังจากจีนเปิดประเทศ และประเทศไทยคือจุดหมายปลายทางหลักที่นักท่องเที่ยวจีนจำนวนมากให้ความสนใจที่จะเดินทางมา ซึ่งถือว่ามีความสำคัญกับการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจของประเทศไทย ที่จะมีเม็ดเงินจำนวนมากไหลเข้าสู่ประเทศ และยังจะเป็นโอกาสในการสร้างรายได้ให้กับประชาชนในพื้นที่ต่างๆ

ดร.ศันสนะ กล่าวต่อว่า ตนมองว่าการที่นักท่องเที่ยวจีนและอีกหลายประเทศเริ่มกลับเข้ามาในครั้งนี้เป็นโอกาสที่ดีกับการท่องเที่ยวของไทย ที่จะทำให้เกิดเม็ดเงินไหลเข้าสู่ประเทศจำนวนมาก เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ หลังจากที่การท่องเที่ยวไทยต้องหยุดชะงักไปเพราะสถานการณ์โควิดมาหลายปี

“เพื่อเป็นการเตรียมความพร้อม ทั้งสถานที่ท่องเที่ยวและประชาชนในพื้นที่ ผมจึงมีนโยบายเพื่อพัฒนาพื้นที่ในเขตธนบุรีและคลองสาน รวมถึงพื้นที่ทั่วทุกเขตในกรุงเทพฯให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวหลัก เพื่อสร้างอาชีพ และสามารถสร้างรายได้ให้กับพี่น้องในพื้นที่ รวมทั้งยังเป็นการผลักดัน softpower ด้านการท่องเที่ยวและทุนทางวัฒนธรรม ให้เกิดเป็นของดีฝั่งธนฯ โดยได้มีสร้างองค์ความรู้ภาษาจีน การจัดอบรมภาษาจีน การทำป้ายแหล่งท่องเที่ยวภาษาจีน รวมทั้งจัดอาสาสมัครไกด์ภาษาจีน เพื่อนำเที่ยวจุดต่างๆ ที่น่าสนใจทั่วกรุงเทพฯ โดยเฉพาะฝั่งธนบุรีที่เป็นดินแดนแห่งประวัติศาสตร์ยาวนาน”

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 24 กุมภาพันธ์ 2566

“ตรีนุช” มั่นใจจังหวัดสระแก้วสร้างนวัตกรรมการศึกษาตอบโจทย์พื้นที่ พร้อมดึงทุกภาคส่วนวางระบบศึกษาสอดรับความต้องการในพื้นที่

,

“ตรีนุช” มั่นใจจังหวัดสระแก้วสร้างนวัตกรรมการศึกษาตอบโจทย์พื้นที่ พร้อมดึงทุกภาคส่วนวางระบบศึกษาสอดรับความต้องการในพื้นที่

วันนี้ (23 ก.พ. 66) นางสาวตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) กล่าวเปิดประชุม “การขับเคลื่อนพื้นที่นวัตกรรมการศึกษาจังหวัดสระแก้ว สู่การพัฒนาที่ยั่งยืน” ว่า จังหวัดสระแก้วเป็นหนึ่งในจังหวัดที่ได้รับการคัดเลือกให้เป็นพื้นที่นวัตกรรมการศึกษา ที่จะต้องการปฏิรูปการบริหารการศึกษา เพื่อยกระดับคุณภาพการศึกษา สร้างโอกาสและลดความเหลื่อมล้ำด้านการศึกษา ให้คนไทยได้เรียนรู้อย่างเต็มศักยภาพ สอดคล้องกับบริบทและความต้องการของพื้นที่ ตั้งเป้าให้พื้นที่หรือจังหวัดจัดระบบการศึกษาด้วยตนเอง เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของพื้นที่ ทั้งมิติเศรษฐกิจ สังคม และมุ่งหวังให้โรงเรียนพัฒนาตนเอง ยกระดับคุณภาพการศึกษาอย่างต่อเนื่อง พร้อมให้ทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมทั้ง ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และภาคประชาสังคม เพื่อนำร่องการกระจายอำนาจ และ ให้อิสระแก่หน่วยงานทางการศึกษา เพื่อให้เกิดความคล่องตัวในการบริหารจัดการ และพัฒนาคุณภาพการศึกษา อย่างมีประสิทธิภาพ

รมว.ศธ. กล่าวอีกว่า จังหวัดสระแก้วได้รับการประกาศในราชกิจจานุเบกษา กำหนดให้เป็นพื้นที่นวัตกรรมการศึกษา และมีการแต่งตั้งคณะกรรมการขับเคลื่อนพื้นที่นวัตกรรมการศึกษาจังหวัดสระแก้ว โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธาน มีสถานศึกษาจากทุกสังกัด จำนวน 73 แห่ง หรือ เท่ากับ 1 ใน 4 ของสถานศึกษาทั้งหมดในจังหวัดสระแก้ว สมัครเข้าเป็นสถานศึกษานำร่อง ซึ่งตนขอชื่นชมสถานศึกษาทุกแห่งที่สมัครเข้าเป็นสถานศึกษานำร่องนับเป็นความท้าทายต่อตัวเอง และเป็นความกล้าหาญ ที่พร้อมสร้างการเปลี่ยนแปลงด้านการศึกษาให้เกิดขึ้น โดยที่ผ่านมาผู้ว่าราชการจังหวัด ทีมงานการศึกษาในพื้นที่ หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ก็ได้ริเริ่มสิ่งดีๆ ด้านการศึกษาให้แก่จังหวัดมากมาย มีการขับเคลื่อนการศึกษา เช่น โครงการพาน้องกลับมาเรียน รวมถึงการดำเนินจัดการศึกษาช่วงสถานการณ์โควิด-19 ได้อย่างโดดเด่น และการที่จังหวัดสระแก้วได้รับการคัดเลือกให้เป็นพื้นที่นวัตกรรมการศึกษา ก็ถือเป็นโอกาสทองของจังหวัดที่จะสร้างการเปลี่ยนแปลงให้เกิดสิ่งใหม่ๆ ให้ทุกภาคส่วนสามารถมีส่วนร่วมในการกำหนดทิศทางและยกระดับคุณภาพการศึกษาจังหวัด

“อย่างไรก็ตามช่วงเปลี่ยนผ่านสู่การกระจายอำนาจทางการศึกษา ให้อิสระกับหน่วยงานในพื้นที่ โดยไม่มีข้อจำกัดด้านกฎระเบียบ ผู้เกี่ยวข้องทุกฝ่ายอาจต้องพบเจอปัญหา อุปสรรคการดำเนินงาน และอาจมีข้อคิดเห็นที่ไม่ตรงกันเกิดขึ้น จึงอยากให้ทุกฝ่ายมองเห็นถึงเป้าหมายทางการศึกษาร่วมกัน คือประโยชน์ที่จะเกิดขึ้นกับเด็กๆ มีการเปิดกว้างทางความคิด มีความเป็นผู้นำ สร้างเอกภาพ เป็นทีมเวิร์ค เพื่อดำเนินงานให้บรรลุเป้าหมาย และขอฝากให้คณะกรรมการขับเคลื่อนของจังหวัดสระแก้ว ใช้ประสบการณ์ที่มีร่วมกับประสบการณ์ในการทำงานของพื้นที่นวัตกรรมรุ่นแรกของทีมส่วนกลาง ทำให้พื้นที่นวัตกรรมการศึกษาของสระแก้วสามารถสร้างนวัตกรรมที่ตอบโจทย์ของพื้นที่และขับเคลื่อนได้อย่างมีประสิทธิภาพ อย่างก้าวกระโดด และความสำเร็จในการยกระดับคุณภาพศึกษาของจังหวัดสระแก้ว จะนำมาขยายผลเพื่อเป็นต้นแบบให้กับจังหวัดอื่นๆ ทั่วประเทศได้ต่อไป” นางสาวตรีนุช กล่าว.

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 23 กุมภาพันธ์ 2566