โลกเปลี่ยน ไทยต้องปรับ ทางเลือกใหม่ของการเมืองไทย ก้าวข้ามความขัดแย้ง สานพลังประชาราษฎร์ ร่วมสร้างชาติให้ยั่งยืน

ป้ายกำกับ: พรรคพลังประชารัฐ

“ศ.ดร.นฤมล” เปิดเวทีประชาชนระดมความคิดผ่าปัญหาทุกมิติ ผนึกว่าที่ผู้สมัครพปชร. ร่วมปลดล็อก ทลายเจนสะท้อนปัญหาขับเคลื่อนประเทศ

,

“ศ.ดร.นฤมล” เปิดเวทีประชาชนระดมความคิดผ่าปัญหาทุกมิติ
ผนึกว่าที่ผู้สมัครพปชร. ร่วมปลดล็อก ทลายเจนสะท้อนปัญหาขับเคลื่อนประเทศ

ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เหรัญญิกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เปิดเผยว่า ในวันนี้ (16 มีนาคม 2566) พรรคพลังประชารัฐ ร่วมกับว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม. ประกอบด้วย ร.ต.อ.วัฒนรักษ์ อำนรรฆสรเดช ดร.บุณณดา สุปิยพันธุ์ นายนิธิ บุญยรัตกลิน และนายกานต์ กิตติอำพน ตัวแทนประชาชนจากคนทุกช่วงวัยและคนรุ่นใหม่ แลกเปลี่ยนความคิดเห็นผ่าน เวที Workshop “ปลดล็อก ทลายGen ร่วมคิด ระดมทำ” เพื่อขยายผลและนำไปสู่การยกระดับคุณภาพชีวิตให้กับประชาชน และมองภาพอนาคตของประเทศไทยนับจากนี้ไป โดยให้ทุกคนแสดงความคิดเห็นร่วมกันที่จะก้าวข้ามความขัดแย้งไปอย่างไร ที่นำพาประเทศไปข้างหน้า สู่การพัฒนาเศรษฐกิจที่ยั่งยืน ถือเป็นนโยบายหลักของพรรค ซึ่งครั้งนี้เป็นการรับฟังจากทุกฝ่ายอย่างแท้จริง ผ่านทุกเจนเนอเรชั่นรวมเป็นพลังใหม่ ที่สะท้อนเสียงผ่านว่าที่ผู้สมัครของพรรค ไปสู่การรวบรวมข้อเสนอไปสู่การจัดทำนโยบาย เพื่อให้เกิดการแก้ไข และช่วยเหลือพี่น้องประชาชนได้ในทุกมิติ ซึ่งพรรคจะมีเวทีให้กับประชาชนร่วมกับว่าที่ผู้สมัครร่วมหาแนวทางในประเด็นต่าง ๆ โดยในครั้งหน้าจะเป็นเรื่องแนวทางการยกระดับเศรษฐกิจชุมชน เพื่อจะนำไปสู่การสร้างรายได้ที่ยั่งยืน

ทั้งนี้ในการระดมความคิดเห็นครั้งนี้ พรรคได้เห็นความสำคัญใน 4 มิติ 1.มิติทางการเมือง ทุกฝ่ายมีความเห็นที่แตกต่างกันได้ โดยพร้อมเปิดให้ทุกฝ่ายและคนรุ่นใหม่เข้ามามีส่วนร่วมแสดงความคิดเห็นเพื่อนำไปสู่การหาข้อสรุประบบประชาธิปไตย 2. มิติทางด้านวัฒนธรรมจะต้องมีความหลากหลายทางด้านศาสนา และวัฒนธรรม ที่จำเป็นต้องรับฟังและนำมาสู่แนวทางการทำนโยบายให้ตอบโจทย์กับทุกช่วงวัย 3.มิติทางด้านเศรษฐกิจ จะต้องมีนโยบายให้เข้าถึงตั้งแต่ระดับครัวเรือน ชุมชน และ สังคม ให้สามารถสร้างรายได้ที่มั่นคง 4.มิติทางสิ่งแวดล้อม พรรคพร้อมที่จะประสานกับหน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง เพื่อจะนำไปสู่การช่วยเหลือและแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมให้กับทุกพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบไม่ว่าเรื่องมลพิษที่เกิดขึ้น

“ขอบคุณทุกภาคส่วนที่เข้าร่วมแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในครั้งนี้ รวมถึงการลงพื้นที่เพื่อสำรวจปัญหาต่าง ๆ และความต้องการของประชาชน ของว่าที่ผู้สมัครของพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งข้อสรุปในครั้งนี้จะนำไปสู่การกำหนดนโยบายของพรรคที่มาจากเสียงสะท้อนภาคประชาชนอย่างแท้จริง ซึ่งพรรคฯ พร้อมจะเดินหน้าเปิดเวทีแลกเปลี่ยนความคิดเห็นอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เข้าถึงการช่วยเหลือและนำไปสู่การกำหนดนโยบายในการพัฒนาด้านต่าง ๆ ได้อย่างแท้จริงและให้เกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืน” ศ.ดร.นฤมลกล่าว

ด้านนายนิธิ กล่าวว่า สิ่งที่ได้จากการทำกิจกรรมในวันนี้ก็คงจะเป็นการตอกย้ำว่า สังคมไทยยังมีเรื่องของความคิดเห็นที่แตกต่างในหลากหลายมิติ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการเมือง รวมถึงความคิดเห็นที่แตกต่าง ในช่วงวัยต่าง ๆ สำหรับคนรุ่นใหม่และรุ่นเก่า จริงอยู่ว่าภาพของความขัดแย้งอาจจะไม่ได้รุนแรง หรือแบ่งสีแบ่งขั้วเหมือนในอดีต แต่ปัญหาทุกวันนี้ซึมลึกและซ้ำซ้อนกระจายออกไปในวงกว้างในสังคม ลึกลงไปจนถึงระดับครอบครัว

“ความต้องการของประชาชนในตอนนี้ คือ ต้องการเห็นประเทศไทยเป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว อยากเห็นอนาคตของลูกหลานได้โตมาในประเทศที่ชื่อว่า เป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว เพราะเราย่ำอยู่กับประเทศที่กำลังพัฒนามานานแล้ว ด้านคนรุ่นใหม่ก็อยากเห็นความเป็นอยู่ที่ดี ความยุติธรรมในสังคมระบบราชการที่เป็นที่พึ่ง ที่หวังให้กับสังคมได้ เราต้องยอมรับความคิดเห็นที่แตกต่างซึ่งกันและกัน คนรุ่นใหม่นำประสบการณ์จากคนรุ่นเก่า มาร่วมกันพัฒนาประเทศ”นายนิธิ กล่าว

ด้าน ดร.บุณณดา กล่าวว่า ประเทศไทยมีความแตกต่างหลากหลายของวัฒนธรรม ในเรื่องที่เราจะก้าวความขัดแย้งด้วยกัน เราจะก้าวข้ามอย่างไร เราจะก้าวข้ามไปสู่การพัฒนาที่มีส่วนร่วมร่วมกันได้อย่างไร วันนี้มีภาคประชาชน ผู้นำของชุมชน รวมถึงน้อง ๆ ในชุมชน และผู้สูงอายุ เรียกได้ว่ามีความแตกต่างกันในช่วงวัย ความเชื่อ และความไม่เข้าใจกันในหลายหลายเรื่อง สิ่งที่เรา หาทางออกร่วมกัน และอยากจะนำเสนอเป็นนโยบายก็คือ เราจำเป็นแล้วหรือไม่ ที่เราจำเป็นต้องมีหลักสูตรการเรียนรู้การอยู่ร่วมกัน ที่อาจจะต้องบรรจุเข้าไปการเรียนการสอนของกระทรวงศึกษาธิการเลยหรือไม่ โดยมีเป้าหมายนำพาประเทศไปสู่สันติสุข

ร.ต.อ.วัฒนรักษ์ กล่าวต่อว่า วันนี้ปัญหาสิ่งแวดล้อมได้สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนในหลายหลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องฝุ่น เรื่องน้ำ เรื่องพันธุ์พืช และสัตว์น้ำ ที่กลายเป็นเรื่องเทรนด์ของคนรุ่นใหม่ ปัญหาอย่างหนักในตอนนี้คือ ปัญหาเรื่องฝุ่น ที่คนไทยเกือบครึ่งประเทศกำลังประสบปัญหาเรื่องนี้อยู่ สิ่งที่เราต้องทำ คือการสร้างความตระหนักต่อสาธารณะ เราจำเป็นต้องปลูกฝังคนไทยตั้งแต่ในช่วงวัยเด็ก เหมือนเช่นหลาย ๆ ประเทศ จนทุกคนมีสำนึกในการรักษ์โลก เริ่มต้นจาก การคัดแยกขยะ ที่สามารถเริ่มต้นได้กับทุกคน ทุกวัย ทุกเพศ เราก็จะได้สิ่งแวดล้อมที่ดีขึ้นได้ รวมไปถึงขยะเหล่านี้ก็ยังกลายเป็นรายได้ให้กับคนในชุมชนได้ด้วย

ด้านนายกานต์ กล่าวว่า สตรีทฟู้ด ถือเป็นจุดเด่น และจุดขายให้กับการท่องเที่ยวของประเทศไทย ซึ่งอาหารสตรีทฟู้ดมีกระจายอยู่หลายพื้นที่ใน กทม.ดังนั้น หากเราดึงร้านเหล่านี้ออกมารวมกันเป็นดาต้าฮับเพื่อเป็นฐานข้อมูลให้กับนักท่องเที่ยวต่างชาติ และในประเทศให้สามารถเข้าถึงสถานที่ท่องเที่ยวเหล่านี้ได้ง่าย ก็จะเป็นการเพิ่มและกระจายรายได้ไปในพื้นที่ต่างๆได้กว้างขวางมากขึ้น

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 16 มีนาคม 2566

“พล.อ.ประวิตร”นำทีม พปชร.เปิดตัว “ธีระชัย-กรกสิวัฒน์”ร่วมทีมเศรษฐกิจ ย้ำ มีทีมแข็งแกร่ง พร้อมแก้ปัญหาให้ประชาชนให้อยู่ดีกินได้

,

“พล.อ.ประวิตร”นำทีม พปชร.เปิดตัว “ธีระชัย-กรกสิวัฒน์”ร่วมทีมเศรษฐกิจ
ย้ำ มีทีมแข็งแกร่ง พร้อมแก้ปัญหาให้ประชาชนให้อยู่ดีกินได้

เมื่อเวลา 15.30 น. ที่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรค พร้อมด้วย นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง ในฐานะเลขาธิการพรรค นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ ประธานยุทธศาสตร์การเมือง พรรคพลังประชารัฐ ร่วมเปิดตัวทีมเศรษฐกิจของพรรค ได้แก่นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และ ดร.ม.ล.กรกสิวัฒน์ เกษมศรี นักวิชาการอิสระด้านพลังงาน

พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า พรรคพลังประชารัฐมีความยินดีที่ได้ทีมเศรษฐกิจทั้ง 2 ท่าน ที่มีความสามารถทั้งด้านเศรษฐกิจ และพลังงาน ที่พร้อมทำงานเพื่อพรรค และนำประโยชน์มาสู่ประชาชนเป็นสำคัญ ต้องขอบคุณที่มาร่วมทำงาน พรรคพลังประชารัฐยินดีต้อนรับทั้ง 2 ท่านเป็นอย่างยิ่ง ซึ่งตอนนี้ทุกคนคงเห็นแล้วว่า เรามีทีมเศรษฐกิจเพียงพอแล้ว เราพร้อมแก้ปัญหาให้บ้านเมือง ให้ประชาชนให้สามารถอยู่ดีกินได้ และยกระดับความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นได้ ฝากสื่อมวลชนช่วยบอกเพื่อนฝูงว่าพรรคเรามีทีมเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง พร้อมทำงานเพื่อประเทศชาติ และประชาชน

ด้านนายสันติ กล่าวว่า ทั้ง 2 ท่าน เป็นบุคคลากรที่มีความรู้ความสามารถอย่างที่ทราบกันอยู่แล้ว โดยนายธีรชัย เป็นอดีตรมว. คลัง และ ดร.มล.กรกสิวัฒน์ มีความเชี่ยวชาญด้านพลังงาน และหลาย ๆ เรื่อง ซึ่งทั้ง 2 ท่านมีอุดมการณ์ที่จะเข้ามาช่วยพรรคผลิตนโยบาย และแนวคิดเศรษฐกิจเพื่อประชาชน เพื่อให้พรรคเป็นที่หวังของประชาชนในการพัฒนาด้านต่าง ๆ ให้สำเร็จ อย่างไร ก็ตาม เมื่อหัวหน้าพรรคได้เป็นนายกฯ ทุกนโยบายเราจะทำทันที และเห็นผลทันที

ด้านนายธีระชัย กล่าวว่า ตนขอขอบคุณท่าน พล.อ.ประวิตร ที่ได้กรุณาเชิญให้ตนเข้ามาร่วมทำงานกับพรรคพลังประชารัฐ สาเหตุที่ตนตัดสินใจตอบรับ ก็เพราะเห็นว่าบ้านเมืองกำลังจะเผชิญปัญหาใหญ่ในอีก 3-4 ปีข้างหน้า ส่วนหนึ่งจากปัญหาภูมิรัฐศาสตร์ของโลกซึ่งจะเป็นคลื่นลูกใหญ่ที่ซัดมาชายฝั่งประเทศไทย ทั้งในด้านเศรษฐกิจ และในด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ อีกส่วนหนึ่งจากปัญหาที่สะสมกันมาหลายปี เช่น ปัญหาเศรษฐกิจการเงินโลก รวมถึง การบริหารประเทศต้องเพิ่มนโยบายที่เน้นทำให้ประชาชนมีความเข้มแข็งในตัวเอง และต้องเพิ่มได้นโยบายที่ขจัดความขัดแย้ง และการเปิดรับฟังปัญหาและความคิดเห็นของประชาชนอย่างแท้จริง ต้องคิดออกไปนอกกรอบเดิม ๆ รวมทั้งต้องป้องกันไม่ให้นายทุนเข้ามาใช้ข้าราชการเป็นเครื่องมือในการหาประโยชน์ส่วนตน ทำให้ภาพลักษณ์ด้านธรรมาภิบาลของประเทศตกต่ำ ฟื้นไม่ขึ้น และสังคมขาดความเป็นธรรม

“ผมได้พิจารณาแล้วเห็นว่า พรรคที่จะแก้ปัญหาได้ ก็คือพรรคพลังประชารัฐ เพราะจะมีโอกาสทำงานเพื่อประชาชน สร้างสมดุลระหว่างนายทุนกับประชาชน และเป็นนโยบายที่ทำได้จริง ไม่สุดกู่ รวมถึงนโยบายขจัดความขัดแย้งทางการเมืองให้ได้ ก็สอดคล้องกับแนวคิดของตน ผมจึงเข้ามาในพรรค เพื่อจะนำเสนอนโยบายที่เกิดผลประโยชน์ต่อประชาชน ที่จะทำได้จริง ที่จะสร้างสมดุลประชาชนกับนายทุน ที่จะปราศจากผลประโยชน์ครอบครัวเจ้าของ และเป็นนโยบายที่จะมองกว้างไกล เพื่อจะให้เป็นทางเลือกแก่ประชาชน”

ในส่วน ดร.ม.ล.กรกสิวัฒน์ กล่าวว่า ตนขอขอบคุณท่านหัวหน้าพรรค พล.อ.ประวิตร และผู้บริหารพรรคพลังประชารัฐทุกท่าน ที่ได้กรุณาเชิญให้ตนเข้ามาร่วมงานกับพรรค ตนทราบว่า พรรคพลังประชารัฐมีความตั้งใจไม่ใช่แค่การลดราคาพลังงานแบบฉาบฉวย แต่จะเป็นการปรับโครงสร้างราคาพลังงานทั้งระบบอย่างจริงจัง ซึ่งเมื่อตนได้พูดคุยกับพลเอกประวิตร พบว่า ท่านมีความใจกว้างที่จะรับฟังความเห็นที่ตนนำเสนอ และพร้อมที่จะแลกเปลี่ยนความคิดเห็นอย่างเต็มที่

“ผมมั่นใจว่าหากพรรคพลังประชารัฐได้เป็นรัฐบาล นโยบายที่พรรคจะทำให้ประชาชน จะมีผลเปลี่ยนแปลงชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนให้ดีขึ้นได้อย่างแน่นอน เพราะยึดหลักการที่ว่า พลังงานของประชาชน เพื่อประชาชน ตามที่พรรคมีเจตจำนง”

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 15 มีนาคม 2566

พปชร. เปิดเวทีสะท้อนปัญหาถกสุขภาพประชาชน ร่วมค้นหาทางออก เดินหน้ายกระดับคุณภาพชีวิต

,

พปชร. เปิดเวทีสะท้อนปัญหาถกสุขภาพประชาชน ร่วมค้นหาทางออก เดินหน้ายกระดับคุณภาพชีวิต

วันที่ 15 มีนาคม 2566 นายรัฐภูมิ โตคงทรัพย์ ทีมโฆษกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร. ) และภญ.นพวรรณ หัวใจมั่น ว่าที่ผู้สมัครส.ส.กทม.เขตบางเขน ร่วมการเสวนาเพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในหัวข้อ “สานพลัง เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิต” โดยหน่วยงานสาธารณสุข ประกอบด้วย นายแพทย์จิรวัฒน์ เชี่ยวเฉลิมศรี อาจารย์อายุรแพทย์โรคภูมิแพ้และภูมิคุ้มกันทางคลินิก ศูนย์การแพทย์ปัญญานันทภิกขุ ชลประทาน มหาวิทยาลัยศรนีนครินทร์วิโรฒ และศ.ดร.ศิวัช พงษ์เพียจันทร์ ผู้อำนวยการศูนย์วิจัยและพัฒนาการป้องกันและจัดการภัยพิบัติ ผู้เชี่ยวชาญด้านสิ่งแวดล้อม ร่วมถ่ายทอดความรู้การดูแลสุขภาพให้กับประชาชน ซึ่งในครั้งนี้มีประชาชนเข้ามาร่วมรับฟังแนวทางการแก้ไขปัญหาและการป้องกันอย่างถูกวิธี

โดยนายรัฐภูมิ เปิดเผยว่า หลังจากที่ได้รับการร้องเรียนถึงปัญหาจากผลกระทบการแพร่ระบาดเชื้อโควิด-19 ที่ผ่าน มีผลต่อการดำรงชีวิตที่ต้องเผชิญต่อปัจจัยเสี่ยงในโรคภัยต่างๆ เช่น ภูมิแพ้ ซึ่งมาจากเรื่องสุขภาพและสภาวะอากาศที่มีการเปลี่ยนแปลง

เวทีครั้งนี้เป็นการเปิดรับฟังความคิดเห็นของประชาชนในเรื่องปัญหาสุขภาพที่เกิดขึ้นและมีผลต่อการดำเนินชีวิตและปากท้องในการประกอบอาชีพ จึงเชิญผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์เฉพาะทางมาให้ความรู้และแนวทางการปฏิบัติตัว ทั้งด้านการป้องกันส่วนบุคคล และระดับชุมชนที่จะหาเครื่องมือในการป้องกันหรือบรรเทาปัญหาสุขภาพ ที่จะนำไปสู่แนวทางการช่วยเหลือให้ตรงจุด สอดรับกับแนวทางของพรรคในการดูแลความเป็นอยู่ของประชาชนทุกกลุ่มโดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง ซึ่งเป็นนโยบายของพรรคในการลดความเหลื่อมล้ำทางสังคม และก้าวข้ามความขัดแย้ง พัฒนาทุกพื้นที่

“เราจะรวบรวมข้อมูล และข้อเสนอแนะ ปัญหาของประชาชนในทุกด้าน เพื่อนำเสนอต่อพรรค เพื่อให้เป็นข้อมูลเพิ่มเติมในการวิเคราะห์ปัญหาเพื่อช่วยเหลือประชาชนในเชิงพื้นที่ให้สอดรับกับบริบทและวิถีชีวิตของประชาชน” นายรัฐภูมิ กล่าว

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 15 มีนาคม 2566

ประกาศ เรื่องการรับสมัครเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ

,

ประกาศ เรื่องการรับสมัครเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 15 มีนาคม 2566

ประกาศ เรื่องการรับสมัครเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบแบ่งเขตเลือกตั้ง

,

ประกาศ เรื่องการรับสมัครเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบแบ่งเขตเลือกตั้ง

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 15 มีนาคม 2566

“รองวิรัช”ขอบคุณ “นายกรัฐมนตรี”-พล.อ.ประวิตร”แทน กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน หลัง ครม.มีมติเพิ่มเงินค่าตอบแทน เชื่อ สร้างขวัญกำลังใจในการทำงาน

,

“รองวิรัช”ขอบคุณ “นายกรัฐมนตรี”-พล.อ.ประวิตร”แทน กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน หลัง ครม.มีมติเพิ่มเงินค่าตอบแทน เชื่อ สร้างขวัญกำลังใจในการทำงาน

นายวิรัช รัตนเศรษฐ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวถึงกรณีที่คณะรัฐมนตรี เห็นชอบเพิ่มเงินค่าตอบแทนกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน แพทย์ประจำตำบล สารวัตรกำนัน ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านฝ่ายปกครอง และผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านฝ่ายรักษาความสงบว่า ตนในฐานะที่ได้ทวงถาม และติดตามเรื่องนี้ให้กับกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน มาโดยตลอด ต้องขอขอบคุณพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ที่ได้เล็งเห็นความสำคัญ และช่วยกันผลักดันเรื่องนี้จนประสบความสำเร็จ

“ทั้งกำนันและผู้ใหญ่บ้าน ต่างก็มีส่วนสำคัญในการดูแลป้องกันความปลอดภัยในชีวิตของประชาชน ให้เกิดความปลอดภัยสูงสุด และยังมีปัญหาอื่นๆในพื้นที่ ๆ จะต้องดูแลแก้ไข เช่น ปัญหาภัยแล้ง ปัญหาน้ำท่วม และความเป็นอยู่ในชีวิตประจำวันของประชาชนอีกหลายอย่าง การเพิ่มค่าตอบแทนดังกล่าวจะสร้างขวัญและกำลังใจในการทำหน้าที่อย่างมีประสิทธิภาพต่อไป”

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 14 มีนาคม 2566

“รองวิรัช”เดินหน้าเปิด4 เวทีปราศรัยใหญ่ตามแผนเดิม เพิ่มเงินบัตรประชารัฐรับเงินประกันเสียชีวิตไม่เกิน200,000 บาท

,

“รองวิรัช”เดินหน้าเปิด4 เวทีปราศรัยใหญ่ตามแผนเดิม
เพิ่มเงินบัตรประชารัฐรับเงินประกันเสียชีวิตไม่เกิน200,000 บาท

นายวิรัช รัตนเศรษฐ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เปิดเผยว่าในการประชุมคณะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคพลังประชารัฐ ได้มีการกำหนดแผนเปิดเวทีปราศรัยใหญ่ ใน4 เวทีจะจัดขึ้นก่อนยุบสภา โดยในวันที่ 17มี.ค. 2566 จัดที่เภอสุไหงโกลก จ.นราธิวาส และในวันที่ 18 มี.ค.จะทำการเปิดปราศรัยที่กทม. ที่ลานคนเมือง โดยมีนายสกลธี ภัททิยกุล กรรมการบริหารพรรค หนึ่งในผู้รับผิดชอบ กทม.ส่วนวันที่ 19 มี.ค. 2566 เปิดเวทีที่อำเภอแม่ริม จ. เชียงใหม่ เวลา 15.00น.และ ที่จ. เชียงราย ในช่วงเย็น ซึ่งจะแจ้งสถานที่อีกครั้ง

นอกจากนี้ที่ประชุมยังได้มีการพูดถึงนโยบาย ในส่วนของบัตรประชารัฐ จำนวน 17 ล้านคน จะมีการเพิ่ม ในเรื่องของการประกันค่าเสียชีวิต วงเงินไม่เกิน 200,000 บาท เพื่อเพิ่มในส่วนของสวัสดิการประชารัฐ และจะเริ่มโครงการนี้ทันที หลังจากพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ได้มาเป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งจะทำให้บัตรนี้มีคุณค่ามากยิ่งขึ้น และสามารถดูแลประชาชน ได้อย่างเต็มที่ ส่วนวิธีการรับเงิน จะผ่านร้านอเนกประสงค์ ที่ดำเนินการอยู่แล้วเพื่อให้ง่ายต่อการรับสิทธิของประชาชน

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 14 มีนาคม 2566

“นิธิ” ว่าที่ผู้สมัครพปชร.ลงพื้นที่รับฟังเสียงชาวทวีวัฒนา พบปัญหาไร้คนดูแล-แก้ไข ลั่นถ้าได้รับโอกาสไม่ทำให้ผิดหวัง

,

“นิธิ” ว่าที่ผู้สมัครพปชร.ลงพื้นที่รับฟังเสียงชาวทวีวัฒนา
พบปัญหาไร้คนดูแล-แก้ไข ลั่นถ้าได้รับโอกาสไม่ทำให้ผิดหวัง

นาวาตรี นิธิ บุญยรัตกลิน ว่าที่ผู้สมัครสมาชิกสภาราษฎร พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เขตทวีวัฒนา กรุงเทพฯ เปิดเผยว่า เหตุผลที่ตนตัดสินใจร่วมงานกับพรรคพลังประชารัฐ เพราะนโยบายของพรรคที่มุ่งมั่นเรื่องปากท้องของคนไทย โดยเฉพาะในเรื่องของสวัสดิการประชารัฐต่างๆ เช่น บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เรื่องที่ดินทำกิน แก้ปัญหาน้ำแล้ง และยังมีความตั้งใจที่จะพัฒนาประเทศไทย ทำการเมืองอย่างสร้างสรรค์ ก้าวข้ามความขัดแย้ง

“ประเทศไทยไปได้ไกลกว่านี้ วันนี้ผมตัดสินใจก้าวสู่เส้นทางการเมือง ด้วยความตั้งใจที่จะพัฒนาประเทศไทย ทำการเมืองสร้างสรรค์ ก้าวข้ามความขัดแย้ง รวมพลังคนรุ่นใหม่ พร้อมนำประสบการณ์จากคนรุ่นเก่ามาร่วมกัน เพื่อสร้างอนาคตของประเทศไทย” นายนิธิ กล่าว

น.ต.นิธิ กล่าวต่อว่า ตนได้ลงพื้นที่พบปะประชาชนในพื้นที่เขตทวีวัฒนา กรุงเทพฯ อย่างต่อเนื่อง เพื่อรับฟังปัญหาและข้อเสนอแนะต่างๆ จากชาวบ้านในพื้นที่ และนำมาใช้เป็นฐานข้อมูลในการแก้ไขปัญหา บำบัดทุกข์และบำรุงสุข เพื่อสร้างคุณภาพชีวิตให้ดีขึ้น ทั้งนี้ ในพื้นที่ยังต้องการให้แก้ไขปัญหาในด้านสาธารณูปโภค เช่น ผู้สูงอายุ มลภาวะทางอากาศ ค่าแรง สัญญาณอินเทอร์เน็ต ฯลฯ

นอกจากนี้ น.ต.นิธิ ยังเปิดเผยด้วยว่า การลงพื้นที่ทำให้ตนได้สัมผัสกับปัญหาอย่างใกล้ชิด จากการพูดคุยและรับฟังปัญหาต่างๆ ชาวบ้านในพื้นที่จำนวนมากกล่าวกับตนว่า ที่ผ่านมาไม่เคยมีใครมาสนใจ หรือมาไตร่ถามปัญหาของพวกเขา ทำให้ตนมีความตั้งใจว่า ถ้าหากได้รับโอกาสจากพี่น้องประชาชน ตนจะทำหน้าที่ด้วยความใส่ใจ จริงใจ และตั้งใจที่จะแก้ปัญหาให้กับชาวบ้านอย่างจริงจัง เพราะยังมีประชาชนรอคอยการช่วยเหลืออีกมาก

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 14 มีนาคม 2566

“ดร.ผึ้ง-เกณิกา”เผย”พล.อ.ประวิตร”คือเหตุผลที่เข้าร่วมงาน พปชร. ชี้ เป็นนักการเมืองปิดทองหลังพระ แก้ปัญหาให้ปชช. มั่นใจ จะนำความสงบคืนให้คนไทย

,

“ดร.ผึ้ง-เกณิกา”เผย”พล.อ.ประวิตร”คือเหตุผลที่เข้าร่วมงาน พปชร.
ชี้ เป็นนักการเมืองปิดทองหลังพระ
แก้ปัญหาให้ปชช. มั่นใจ จะนำความสงบคืนให้คนไทย

ดร.เกณิกา อุ่นจิตร์ ทีมโฆษกพรรค และว่าที่ผู้สมัครสมาชิกสภาราษฎร (ส.ส.) สระบุรี เขต 3 พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ให้สัมภาษณ์ถึงการเข้าร่วมงานกับพรรคพลังประชารัฐว่า ตนเคยร่วมงานกับพรรคไทยสร้างไทย ก่อนลาออกมาเพื่อทำโครงการของตัวเองเพื่อประชาชน ชื่อว่า “อาสาพลังผึ้ง” ช่วยเหลือเด็ก สตรี ผู้สูงอายุ ไม่ว่าจะเป็นกรณีโดนทำร้าย หรือโดนเอาเปรียบ ซึ่งระหว่างนั้น พรรคพลังประชารัฐ ได้เข้ามาช่วยเหลือหลายกรณีที่ของกลุ่มอาสา โดยไม่ต้องการเครดิตอะไรเลย ตนจึงมองว่าพรรคนี้มีความน่าสนใจ จึงทำให้เริ่มเปิดใจกับพรรคพลังประชารัฐ

ดร.เกณิกา กล่าวต่อว่า ตนคือคนรุ่นใหม่ที่เลือกเดินสู่เส้นทางการเมือง ด้วยความคิดที่ว่า ลงมือทำด้วยตัวเอง และรับใช้ประชาชนเอง ไม่มีชื่อเสียง ไม่ได้มาจากครอบครัวตระกูลดัง หลักในการทำงานก็คือ ยึดหลักประชาธิปไตย และรับฟังคนทุกกลุ่ม และช่วงที่ผ่านมาฃความขัดแย้งทำให้การเมืองไม่สามารถแก้ไขปัญหาให้กับประชาชนได้อย่างแท้จริง แต่เมื่อตนได้ติดตามการทำงานของพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ จึงพบว่า พลเอกประวิตร ไม่ใช่นักการเมืองแบบที่เคยเจอ

“การทำงานของพลเอกประวิตรที่ช่วยเหลือประชาชนอย่างแท้จริง และมีหลายกรณีที่ท่านเข้าไปช่วยแก้ปัญหา แบบปิดทองหลังพระ ไม่เคยหิวแสง และสิ่งสำคัญคือ ท่านมีความประนีประนอม สามารถพาประเทศไทยก้าวข้ามความขัดแย้งได้ การลงมือทำงานทุกเรื่องของพลเอกประวิตรเห็นได้เป็นรูปธรรม จึงไม่แปลกใจเลยว่า ทำไมทุกจังหวัดที่ท่านลงไปพบพี่น้องประชาชน ทุกคนถึงรักท่าน”ดร.เกณิกา กล่าว

ดร.เกณิกา กล่าวว่า ตนมีความมั่นใจในการลงรับสมัครเลือกตั้งกับพรรคพลังประชารัฐ เพราะโฟกัสไปที่ปัญหาของแต่ละกลุ่ม และมีนโยบายที่ครอบคลุมทุกเพศทุกวัย ส่วนตัวคิดว่า ตัวเองอยู่กึ่งกลาง มีความเป็นคนรุ่นใหม่ แต่ก็ยังใกล้เคียงกับวัยผู้ใหญ่ ฉดังนั้นจะเข้าใจทั้งวัยรุ่นและผู้ใหญ่ จึงมีความผสมผสาน และมีเป้าหมายที่จะมาแก้ไขปัญหาให้ประชาชนอย่างแท้จริง

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 14 มีนาคม 2566

พปชร.เข้าใจ เข้าถึง ทำได้จริง เพื่อคนกทม !!! อาสาจากคนรุ่นใหม่ ร่วมแก้ไขปัญหาชุมชน สร้างที่อยู่มั่นคง สู่ “บ้านประชารัฐ 360 องศา”

,

พปชร.เข้าใจ เข้าถึง ทำได้จริง เพื่อคนกทม !!! อาสาจากคนรุ่นใหม่ ร่วมแก้ไขปัญหาชุมชน สร้างที่อยู่มั่นคง สู่ “บ้านประชารัฐ 360 องศา”

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 14 มีนาคม 2566

“ตรีนุช” เดินหน้าแก้หนี้ครูภาคตะวันออก ตั้งเป้า 4,252 ล้านบาท มั่นใจลดหนี้ครูไทยได้จริง

,

“ตรีนุช” เดินหน้าแก้หนี้ครูภาคตะวันออก ตั้งเป้า 4,252 ล้านบาท มั่นใจลดหนี้ครูไทยได้จริง

กระทรวงศึกษาธิการ จัดงานมหกรรมการเงินเพื่อครูไทย “Unlock a Better Life” สร้างโอกาสใหม่เพื่อชีวิตครูไทยที่ดีกว่า ครั้งที่ 2 ในภาคตะวันออก ระหว่างวันที่ 11-12 มีนาคม พ.ศ.2566 ณ มหาวิทยาลัยบูรพา วิทยาเขตสระแก้ว จังหวัดสระแก้ว สำหรับครูในภาคตะวันออก 8 จังหวัด ได้แก่ สระแก้ว ปราจีนบุรี นครนายก จันทบุรี ตราด ชลบุรี ฉะเชิงเทรา และระยอง โดยตั้งเป้าหมายแก้ไขปัญหาหนี้สินครูในภูมิภาคนี้กว่า 4,252 ล้านบาท เพื่อให้ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษามีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

นางสาวตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ กล่าวว่า ตามที่รัฐบาลได้ตั้งเป้าหมายแก้ไขหนี้ภาคครัวเรือนนั้น กระทรวงศึกษาธิการที่มีบทบาทในการดูแลสวัสดิการและสวัสดิภาพแก่ครูและบุคลากรทางการศึกษา ได้เร่งรัดการขับเคลื่อนตามนโยบายแก้ไขปัญหาหนี้สินครูและบุคลากรทางการศึกษาอย่างเต็มที่ ด้วยกลไกเจรจาลดดอกเบี้ยกับสหกรณ์ออมทรัพย์ครู การปรับโครงสร้างหนี้กับสถาบันการเงิน การจัดตั้งสถานีแก้หนี้ร่วมช่วยแก้ปัญหาลดหนี้สิน และการให้ความรู้ทางด้านวินัยการเงินและการลงทุน เพื่อสร้างความแข็งแรงให้กับครูไทยได้มีสุขภาพทางการเงินที่ดี โดยได้ดำเนินการจัดงานมหกรรมการเงินเพื่อครูไทยในส่วนกลาง เมื่อช่วงสิ้นปี 2565 และขยายผลสู่ทั่วประเทศด้วยงานมหกรรมการเงินเพื่อครูไทย 4 ภูมิภาค ซึ่งได้จัดขึ้นครั้งแรกที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ สำหรับกลุ่ม 4 จังหวัด ได้แก่ กาฬสินธุ์ ร้อยเอ็ด มหาสารคาม และขอนแก่น ซึ่งสามารถช่วยแก้ไขปัญหาหนี้ครูแบบพุ่งเป้าที่กลุ่มลูกหนี้วิกฤติได้กว่า 784,661,570.43 บาท

นางสาวตรีนุช เทียนทอง กล่าวต่อว่า สำหรับการจัดงานมหกรรมการเงินเพื่อครูไทย สำหรับครูไทยภาคตะวันออกในครั้งนี้ ตั้งเป้าหมายช่วยเหลือครูที่มีปัญหาหนี้สินกว่า 2,000 ราย จำนวนมูลหนี้ประมาณ 4,252 ล้านบาท โดยเป็นกลุ่มลูกหนี้วิกฤติ 205 ราย จำนวนมูลหนี้ประมาณ 173.4 ล้านบาท ซึ่งจะพุ่งเป้าหมายให้ความช่วยเหลือกลุ่มลูกหนี้วิกฤติเป็นสำคัญ เนื่องจากเป็นกลุ่มที่ต้องการความช่วยเหลืออย่างเร่งด่วนที่สุด โดยที่ผ่านมา กระทรวงศึกษาธิการมีการจัดการแก้ไขปัญหาหนี้ครูอย่างเต็มที่ เช่น การเจรจาขอลดดอกเบี้ยจากสหกรณ์ออมทรัพย์ครูที่เป็นเจ้าหนี้รายใหญ่ของครูทั้งประเทศ การตั้งสถานีแก้หนี้ครูที่เข้ามาเป็นกลไกช่วยเหลือครูในระดับเขตพื้นที่ ฯลฯ ซึ่งได้ดำเนินการมาก่อนหน้านี้แล้ว ทำให้เป้าหมายการแก้ไขปัญหาหนี้ครูในภูมิภาคนี้โดยเฉพาะกลุ่มลูกหนี้วิกฤติมีจำนวนไม่มาก การจัดงานมหกรรมการเงินเพื่อครูไทยในครั้งนี้ จึงเป็นการจัดการปัญหาหนี้ในเชิงรุก ที่จะช่วยให้ครูในกลุ่มที่ยังต้องการความช่วยเหลือสามารถเข้าถึงสิทธิประโยชน์ทางการเงินสำหรับครูมากยิ่งขึ้น ซึ่งเชื่อมั่นว่า การดำเนินการนี้จะช่วยลดหนี้ให้ครูไทยที่มีปัญหามานานได้จริง เพื่อให้ครูไทยมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น มีความรู้ทางการเงินที่ดี และสามารถปฏิบัติหน้าที่ในการถ่ายทอดองค์ความรู้และจัดการเรียนการสอนได้อย่างมีประสิทธิภาพ อีกทั้งเป็นการเสริมสร้างขวัญและกำลังใจในการปฏิบัติงาน และเป็นการยกระดับมาตรฐานวิชาชีพครู

​สำหรับกิจกรรมภายในงาน จะมีการให้บริการเจรจาไกล่เกลี่ยหนี้ที่อยู่ระหว่างขั้นตอนของการฟ้องร้องดำเนินคดีและการปรับโครงสร้างหนี้กับสหกรณ์ออมทรัพย์ครูและสถาบันการเงิน สำหรับลูกหนี้ครูกลุ่มวิกฤติและกลุ่มทั่วไป เพื่อหาทางแก้ไขปัญหาหนี้สินครูให้มีเงินเดือนเหลือสุทธิหลังหักชำระหนี้ไม่น้อยกว่าร้อยละ 30 และควบคุมยอดหนี้ใหม่ไม่ให้เกินความสามารถในการชำระหนี้ โดยพันธมิตรสถาบันการเงินได้มอบสิทธิพิเศษช่วยเหลือลูกหนี้ครูกลุ่มวิกฤติ ทั้งผู้กู้และผู้ค้ำประกัน ที่เข้าร่วมงานมากมาย เช่น กรณีปิดบัญชี พิจารณายกเว้นดอกเบี้ยผิดนัดและดอกเบี้ยค้างชำระเป็นพิเศษ กรณีผ่อนชำระ พิจารณาขยายเวลาไม่เกิน 10 ปี ตั้งพักดอกเบี้ยค้างชำระ, ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเป็นพิเศษ 3 ปีแรก, ผ่อนชำระได้ตามเงื่อนไข ยกเว้นดอกเบี้ยผิดนัดทั้งจำนวนดอกเบี้ยค้างชำระเป็นพิเศษ กรณีปลดภาระหนี้ค้ำประกัน เงินต้นคงเหลือแบ่งชำระตามจำนวนผู้ค้ำประกัน, ยกเว้นดอกเบี้ยค้างชำระให้เป็นพิเศษ, ยกเว้นค่าใช้จ่ายอื่น เป็นต้น นอกจากนี้ ยังมีการให้บริการวางแผนและให้คำปรึกษาการออม การกู้ยืม และการลงทุน รวมถึงการอบรมให้ความรู้ด้านการเงินและการบริหารจัดการหนี้สิน สำหรับกลุ่มลูกหนี้ครูทั่วไปและครูที่ยังไม่มีหนี้ เพื่อป้องกันการเกิดหนี้เสียใหม่ในอนาคตและเป็นการจัดการแก้ไขปัญหาหนี้สินให้แก่ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาแบบครบวงจร.

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 11 มีนาคม 2566

“รองวิรัช” ขออภัยชาว จ.เชียงราย จำเป็นต้องเลื่อนปราศรัย เลี่ยง ‘พายุฤดูร้อน’ ถล่ม สัญญา เราได้พบกันแน่นอน

,

“รองวิรัช”ขออภัยชาว จ.เชียงราย จำเป็นต้องเลื่อนปราศรัย เลี่ยง ‘พายุฤดูร้อน’ ถล่ม สัญญา เราได้พบกันแน่นอน

10 มีนาคม 2566 นายวิรัช รัตนเศรษฐ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.)เปิดเผยว่า จากการที่พรรคได้หนดแผนการเปิดเวทีปราศรัยที่จังหวัดเชียงรายของพรรคพลังประชารัฐ นำโดย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐในวันที่ 12 มี.ค.นี้นั้น ล่าสุดจากการติดตามสภาพภูมิอากาศในพื้นที่ในขณะนี้ การปราศรัยดังกล่าวจำเป็นต้องเลื่อนออกไปก่อน เนื่องจากประกาศของกรมอุตุนิยมวิทยา มีพายุฤดูร้อนบริเวณภาคเหนือของประเทศไทย กินพื้นที่ตั้งแต่ จังหวัดเชียงราย ลำปาง พะเยา น่าน แพร่ อุตรดิตถ์ และเพชรบูรณ์ ซึ่งส่งผลให้การทำกิจกรรมปราศรัย ไม่สามารถดำเนินการได้ ในช่วงระหว่างวันที่ 12 – 14 มีนาคม 2566 ทำให้ทางพรรคต้องคำนึงถึงความปลอดภัยในการเดินทางของพี่น้องประชาชน เป็นไปด้วยความเหมาะสม

“ ทางพรรคกราบขออภัยพี่น้องชาวเชียงรายทุกท่านที่ไม่สามาถไปพบปะกับพี่น้องได้ ด้วยสภาวะอากาศไม่เอื้ออำนวย ในการจัดเวทีกลางแจ้ง ทำให้พรรคจำเป็นต้องเลื่อนออกไปก่อน แต่ขอให้มั่นใจว่า ในเร็ว ๆ นี้เราจะลงไปพบกับทุกคนอย่างแน่นอน ทั้งนี้ขอให้ประชาชนในจังหวัดเชียงราย รวมไปถึงภาคเหนือทุกท่านระมัดระวังพายุฤดูร้อนดังกล่าว และขอให้ติดตามข่าวสารจากทางภาครัฐอย่างใกล้ชิดด้วย”

ทั้งนี้ในส่วนเวทีปราศรัยทั้ง 4 ภาคในจังหวัด “ จ.นราธิวาส กรุงเทพมหานคร และที่จ.เชียงใหม่ ยังเป็นไปตามกำหนดการเดิมอยู่

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 10 มีนาคม 2566