โลกเปลี่ยน ไทยต้องปรับ ทางเลือกใหม่ของการเมืองไทย ก้าวข้ามความขัดแย้ง สานพลังประชาราษฎร์ ร่วมสร้างชาติให้ยั่งยืน

ป้ายกำกับ: พรรคพลังประชารัฐ

“ชัยวุฒิ” ขึ้นเวทีปราศรัยเชียงใหม่ หนุนเทคโนโลยีเข้าถึงเกษตรกร มุ่งสร้างรายได้มั่นคง เร่งปราบปรามอาชญากรรมเทคโนโลยี สู่สังคมปลอดภัย

,

“ชัยวุฒิ” ขึ้นเวทีปราศรัยเชียงใหม่ หนุนเทคโนโลยีเข้าถึงเกษตรกร
มุ่งสร้างรายได้มั่นคง เร่งปราบปรามอาชญากรรมเทคโนโลยี สู่สังคมปลอดภัย

เมื่อวันที่ 19 มีนาคม 2565 พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) จัดเวทีปราศรัยใหญ่ภาคเหนือ จ.เชียงใหม่ นำโดย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ คณะผู้บริหาร และว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.จังหวัดเชียงใหม่ ร่วมขึ้นเวทีปราศรัย โดยมี นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ กรรมการบริหารพรรค นายวิรัช รัตนเศรษฐ รองหัวหน้าพรรค ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า ประธานภาคเหนือพรรคพลังประชารัฐ นายบุญสิงห์ วรินทร์รักษ์ กรรมการบริหารพรรค นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ กรรมการยุทธศาสตร์และนโยบายพรรค และนายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ กรรมการยุทธศาสตร์และนโยบายพรรค มีประชาชนพื้นที่จังหวัดภาคเหนือตอนบนเข้าร่วมจำนวนมากถึง 7,200 คน ที่มาจากจังหวัดเชียงใหม่ น่าน ลำพูน แพร่ แม่ฮ่องสอน และจังหวัดลำปาง เป็นต้น บรรยากาศเต็มไปด้วยความอบอุ่นประชาชนมารอต้อนรับและรอฟังนโยบายของ พล.อ.ประวิตร และคณะผู้บริหาร ที่จะนำเสนอทุกนโยบายที่จะทำประโยชน์ให้กับประชาชน มุ่งสู่การยกระดับคุณภาพชีวิตของชาวเชียงใหม่ให้ดีขึ้น โดยเฉพาะนโยบายบัตรประชารัฐ 700 บาทต่อเดือน และนโยบายเพิ่มเบี้ยผู้สูงอายุ ตั้งแต่อายุ 60 ปี เพิ่มเป็น จำนวน 3,000 บาทต่อเดือน อายุ 70 ปี ขึ้นไปเพิ่มเป็น จำนวน 4,000 บาทต่อเดือน และอายุ 80 ปี ขึ้นไปเพิ่มเป็น จำนวน 5,000 บาทต่อเดือน ตลอดจนนโยบายการแก้ปัญหาที่ทำกิน บริเวณอาคารยิมเนเซียม สนามกีฬาสมโภชน์ 700 ปี จังหวัดเชียงใหม่

ด้านนายชัยวุฒิ กล่าวกับพี่น้องประชาชนว่า พรรคฯ ได้ผลักดันให้พี่น้องประชาชนเข้าถึงเทคโนโลยีสมัยใหม่ เพื่อให้ทันต่อการเปลี่ยนแปลงของโลกดิจิทัล โดยสามารถให้เป็นเครื่องมือเพื่อสร้างอาชีพและรายได้ให้มากขึ้น เนื่องจากเศรษฐกิจปัจจุบันต้องอาศัยเทคโนโลยีร่วมกันขับเคลื่อน โดยเฉพาะการจำหน่ายสินค้าเกษตรผ่านระบบออนไลน์ ในพื้นที่บนดอยซึ่งมีพืชผลไม้ทางการเกษตรเป็นที่ต้องการของตลาด เช่น อะโวคาโด ที่นำออกมาขายได้มากขึ้น

“แม้ขณะนี้คนไทยมีโมบายแบงก์กิ้ง หรือระบบการจ่ายเงินพร้อมเพย์ที่ทันสมัยที่สุดในโลก ทำให้การขายของออนไลน์และเศรษฐกิจฟื้นฟูมาก แต่เรื่องมิจฉาชีพเราต้องระมัดระวังมากขึ้น เรื่องการโอนเงินผ่านโมบายแบงก์กิ้ง เพราะขณะนี้มีกลุ่มแก๊งคอลเซ็นเตอร์หลอกลวง จึงขอเตือนพี่น้องประชาชนให้ระวัง ในฐานะที่กำกับดูแลกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เร่งปราบปราม ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาในการร่วมรัฐบาลได้มีการจับกุมจำนวนมาก ซึ่ง พล.อ.ประวิตร มีความห่วงใยและได้หารือมาโดยตลอด โดยวันนี้เรามีมาตรการใหม่ ออกพระราชกำหนดกฎหมายใหม่ พ.ร.ก.ปราบอาชญากรรมออนไลน์ โดยการปิดบัญชีทางการเงินของคนร้าย อายัดบัญชีทันที ซึ่งถ้าพี่น้องประชาชนโดนหลอกสามารถแจ้งเลขบัญชีที่ธนาคารได้เพื่อปิดบัญชี ไม่ให้คนร้ายดำเนินการทางธุรกรรมได้” นายชัยวุฒิ กล่าว

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 19 มีนาคม 2566

“ธรรมนัส” ชูนโยบาย พปชร.สร้างความเข้มแข็งคนฐานราก ขอบคุณพี่น้องชาวเหนือที่ยังรักกันเหมือนเดิม ย้ำดูแลสวัสดิการ-กินดีอยู่ดี

,

“ธรรมนัส” ชูนโยบาย พปชร.สร้างความเข้มแข็งคนฐานราก
ขอบคุณพี่น้องชาวเหนือที่ยังรักกันเหมือนเดิม ย้ำดูแลสวัสดิการ-กินดีอยู่ดี

เมื่อวันที่ 19 มีนาคม 2566 ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา พรรคพลังประชารัฐ ในฐานะประธานภาคเหนือพรรคพลังประชารัฐ กล่าวปราศรัยบนเวทีอาคารยิมเนเชี่ยมสนามกีฬาสมโภชเชียงใหม่ 700 ปี จังหวัดเชียงใหม่ ว่า ตนทราบว่ามีพี่น้องชาวเชียงใหม่มานั่งรอพรรคพลังประชารัฐอย่างคับคั่งเหมือนเช่นปี 62 เพื่อมารอฟังการปราศรัยของผู้บริหารพรรค ตนตั้งใจมาหาชาวเชียงใหม่ แต่วันนี้มีพายุโซนร้อนเข้าที่จังหวัดเชียงใหม่ ก็เข้าใจได้ที่อาจจะไม่ได้เจอกันครบทุกคน ล่าสุด ได้ไปปราศรัยกับพี่น้องชาวจังหวัดเชียงรายมา ประมาณ 10,000 คน ท่ามกลางอากาศที่ร้อนมาก แต่พี่น้องก็ยังมีใจมาให้การต้อนรับ และสนับสนุนพวกเรา

“การเลือกตั้งครั้งนี้ทุกพรรคการเมืองมีนโยบายที่ดี เพื่อให้เกิดประโยชน์กับพี่น้องประชาชน แต่พรรคพลังประชารัฐพูดเสมอว่า เราเป็นพรรคของประชาชน ชื่อพรรคก็บอกชัดเจนอยู่แล้วว่า เป็นการรวมกันของพลังของคน 2 กลุ่ม นั่นก็คือ การร่วมพลังของประชาชนทั้งแผ่นดินทั้ง 77 จังหวัด ภายใต้การดูแลของรัฐ ก็คือรัฐบาล ประเทศไทยของเรามีโครงสร้างเป็นฐานพิระมิด เริ่มจากฐานรากหญ้า คือ พี่น้องประชาชน นโยบายที่พรรคนำเสนอออกมา คือ ต้องการทำให้คนฐานรากมีความเข้มแข็ง เช่น บัตรประชารัฐ ที่จะมีการเพิ่มเงินจากมูลค่า 300 เป็น 700 บาท ทันทีเมื่อพรรคพลังประชารัฐเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลบริหารประเทศ” ร.อ.ธรรมนัส

นอกจากนี้ ยังมีนโยบายดูแลผู้สูงอายุ 345 678 ที่ทุกวันนี้ผู้สู่งอายุได้รับอยู่ที่ 600 ถึง 1000 บาท แต่หลังการเลือกตั้งครั้งนี้ พรรคพลังประชารัฐ พร้อมดูแลผู้สูงอายุ 60 ปี เอาไปเลย 3,000 บาท 70 ปี 4,000 บาท และ 80 ปีขึ้นไป 5,000 บาท การสร้างความเข้มแข็งให้กับคนฐานรากต่อสิ่งสำคัญที่สุดที่พรรคพลังประชารัฐตั้งใจทำ เพราะเราต้องการสร้างความเข้มแข็งให้กับกลุ่มเปราะบาง และพรรคจะดูแลราคาพืชผลทางการเกษตร ที่สำคัญของชาวภาคเหนือ ทั้งราคาลำไย ที่ได้มีการต่อสู้อย่างต่อเนื่อง เพื่อช่วยเหลือพี่น้องเกษตรกร โดย พล.อ.ประวิตร ให้การสนับสนุนเพราะท่านมีความห่วงใยพี่น้องประชาชนทุกกลุ่ม เพื่อต้องการให้กินดีอยู่ดีอย่างยั่งยืน

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 19 มีนาคม 2566

สกลธี”มั่นใจ พปชร.” ทำจริง ทำเร็ว ทำทันที ” ลั่น กองทุนประชารัฐพัฒนาประเทศ พร้อมพัฒนากรุงเทพฯ ให้ดีขึ้นกว่าเดิม

,

สกลธี”มั่นใจ พปชร.” ทำจริง ทำเร็ว ทำทันที ” ลั่น กองทุนประชารัฐพัฒนาประเทศ พร้อมพัฒนากรุงเทพฯ ให้ดีขึ้นกว่าเดิม

เมื่อเวลา 18.51 น. นายสกลธี ภัททิยกุล หัวหน้าทีมกทม.พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวปราศรัยบนเวที”พลังใหม่ พลังกรุงเทพ พลังประชารัฐ”ว่า พรรคพลังประชารัฐไม่ใช่แค่ ทำงาน ทำงาน ทำงาน แต่เรา “ทำจริง ทำเร็ว ทำทันที”และพร้อมสานงานที่ทำเอาไว้ และก่องานใหม่ ไม่ต้องเรียนรู้งาน

“พรรคพลังประชารัฐมี กองทุนประชารัฐพัฒนาประเทศ 3 แสนล้านบาท ที่จะพัฒนากรุงเทพฯ ขอเพียงแค่ประชาชนให้โอกาสผู้สมัครของพรรคเราได้เข้าไปลงมือทำ โดยเรามั่นใจว่าจะทำกรุงเทพฯให้ดีกว่านี้ได้แน่นอน เพราะเรามีพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคของเรา เป็นผู้จัดการตัวจริงที่อยู่เบื้องหลังการทำงาน จนทำให้รัฐบาลอยู่มาได้ถึง4 ปี ผลงานที่ทุกคนรู้กันดีก็คือ แก้หนี้นอกระบบ และแก้ปัญหาน้ำ”

นายสกลธี กล่าวต่อว่า กทม.มีดีหลายอย่าง ทั้งพื้นที่เกษตร ของดีชุมชนต่าง ๆ และการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม และที่ดีกว่านั้นคือ พลังใหม่ทั้ง 33 คน ที่มาเสนอตัวให้พี่น้องประชาชนได้เรียกใช้ เราขอเพียงแค่โอกาสเป็นเบอร์หนึ่งในใจของคนกรุงเทพฯ และเราจะผลักดันสิ่งเหล่านี้เป็นนโยบายทำเพื่อประชาชนอย่างแน่นอน

ทั้งนี้นายสกลธี แนะนำผู้สมัครทั้ง 33 เขต ประกอบด้วย เขต 1 พระนคร ป้อมปราบศัตรูพ่าย สัมพันธวงศ์ ดุสิต บางรัก นายสฤษดิ์ ไพรทอง, เขต 2 สาทร ราชเทวี ปทุมวัน นายพณิชย์ วิทยาภัทร์, เขต 3 บางคอแหลม ยานนาวา น.ส.ชญาภา ธารดำรงค์ , เขต 4 คลองเตย วัฒนา นายภูวกร ปรางภรพิทักษ์

เขต 5 ห้วยขวาง วังทองหลาง นายกานต์ กิตติอำพน ,เขต 6 ดินแดง พญาไท ร.อ.รชฏ พิสิษฐบรรณกร , เขต 7 บางซื่อ ดุสิต ร.ต.อ.วัฒนรักษ์ อำนรรฆสรเดช, เขต 8 จตุจักร หลักสี่ นายรังสรรค์ กียปัจจ์ , เขต 9 บางเขน จตุจักร หลักสี่ นายปราโมทย์ เพ็ชรฤทธิ์ , เขต 10 ดอนเมือง ภญ.สุชาดา เวสารัชตระกูล

เขต 11 สายไหม น.อ. บัญชาพล อรัณยะนาค, เขต 12 บางเขน สายไหม ลาดพร้าว ภญ.นพวรรณ หัวใจมั่น , เขต 13 ลาดพร้าว วังทองหลาง นายภักดีหาญส์ หิมะทองคำ , เขต 14 บางกะปิ วังทองหลาง น.ส. นฤมล รัตนาภูบาล , เขต 15 คันนายาว บึงกุ่ม น.ส.ณิรินทร์ เงินยวง ,เขต 16 คลองสามวา นายกิติภูมิ นีละไพจิตร, เขต 17 หนองจอก คลองสามวา นายศิริพงษ์ รัสมี
เขต 18 หนองจอก มีนบุรี ลาดกระบัง นายพีระพงษ์ รัสมี , เขต 19 มีนบุรี สะพานสูง นางนาถยา แดงบุหงา ,เขต 20 ลาดกระบัง นายบุญรุ่ง เต๋งจงดี, เขต 21 ประเวศ สะพานสูง น.ส.แพรว กิจสุวรรณ, เขต 22 สวนหลวง ประเวศ นายรัฐภูมิ โตคงทรัพย์ ,เขต 23 พระโขนง บางนา นายตรีสิทธิ์ ศิริวรรณ

เขต 24 คลองสาน ธนบุรี ราษฎรบูรณะ นายศันสนะ สุริยะโยธิน , เขต 25 ทุ่งครุ ราษฎร์บูรณะ นายระพีพัฒน์ สุเมธโชติเมธา , เขต 26 จอมทอง บางขุนเทียน นายสุวัฒน์ ม่วงศิริ , เขต 27 บางบอน บางขุนเทียน นายสาโรจน์ ซึ้งไพศาลกุล ,เขต 28 หนองแขม บางบอน จอมทอง นายมานพ มารุ่งเรือง , เขต 29 บางแค หนองแขม นายเอกชัย ผ่องจิตร์ , เขต 30 บางแค ภาษีเจริญ นายสิทธิโชค คล้อยแสงอาทิตย์, เขต 31 ทวีวัฒนา ตลิ่งชัน น.ต.นิธิ บุญยรัตกลิน ,เขต 32 บางกอกน้อย บางกอกใหญ่ ภาษีเจริญ ตลิ่งชัน ธนบุรี น.ส.บุณณดา สุปิยพันธุ์ และเขต 33 เขตบางพลัด บางกอกน้อย นายคมสัน พันธุ์วิชาติกุล

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 18 มีนาคม 2566

มิ่งขวัญ”ชู แคมเปญ”น้ำมันเพื่อประชาชน”ลดเบนซิน-ดีเซล ลุยลดค่าครองชีพ ลดต้นทุนการผลิตสร้างเศรษฐกิจไทยเข้มแข็ง

,

มิ่งขวัญ”ชู แคมเปญ”น้ำมันเพื่อประชาชน”ลดเบนซิน-ดีเซล ลุยลดค่าครองชีพ ลดต้นทุนการผลิตสร้างเศรษฐกิจไทยเข้มแข็ง

เมื่อเวลา 18.20 น.นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ คณะกรรมการขับเคลื่อนนโยบายพรรคพลังประชารัฐ กล่าวปราศรัยบนเวที”พลังใหม่ พลังกรุงเทพ พลังประชารัฐ”ว่า พลังประชารัฐมีแคมเปญเรื่องราคาน้ำมัน ซึ่งจะเป็นแคมเปญที่ส่งให้พรรคพลังประชารัฐ เข้าไปนั่งอยู่ในใจของประชาชนทุกคย โดยราคาพลังงานจะสามารถปรับลงลด เพื่อช่วยประชาชนได้ ซึ่งเรามีแนวคิดที่จะรื้อโครงสร้างราคาน้ำมัน โดยจะปรับลด 1 ปี นับตั้งแต่เราเป็นรัฐบาล และเมื่อเป็นรัฐบาลแล้ว ช่วง 3-4 เดือนแรก จะมีคณะกรรมการขึ้นมาปรับโครงสร้างใหญ่ คือ ภาค 2 ที่จะดำเนินการ ซึ่งการปรับลดสามารถทำได้ เมื่อเราเป็นรัฐบาล เพื่อลดรายจ่าย ค่าเดินทาง การขนส่งสินค้า
ที่สำคัญที่สุด คือ ลดต้นทุนการผลิตสินค้า ทุกขั้นตอนลดอัตราเงินเฟ้อ และจะทำให้ราคาสินค้า อุปโภคบริโภคของประชาชนถูกลง หากโครงสร้างถูกปรับเปลี่ยน จะสามารถลดราคาน้ำมันเบนซิน ลงได้ประมาณลิตรละ 18 บาท และลดราคาน้ำมันดีเซล ลงประมาณลิตรละ 6 บาท

“หากนำเอาราคาน้ำมันในวันที่ 17 ก.พ.ที่ผ่านมา มาอ้างอิง โดยที่ราคาน้ำมันเบนซิน อยู่ที่ลิตรละ 44.06 เมื่อปรับลงประมาณ ลิตรละ 18.07 บาท คนไทยจะได้ใช้น้ำมันเบนซินที่ราคาลิตรละ 25.99 บาท เช่นเดียวกับราคาน้ำมันดีเซล ที่ปัจจุบันราคา 34.44 ต่อลิตร เมื่อปรับลดลงประมาณลิตรละ 6.37 บาท คนไทยก็จะได้ใช้น้ำมันดีเซลที่ราคาลิตรละ 28.07 บาท ทั้งนี้ การลดราคาน้ำมันด้วยมาตรการดังกล่าวประมาณ 1 ปี จะมีมาตรการอื่น ที่จะทำให้ประชาชนคนไทยทั้งประเทศได้ใช้น้ำมันอย่างมีความสุข”

“ผมจะบอกว่า ปรัชญาของการเก็บภาษีอากร คือ เสมอภาค เท่าเทียม มีเงินมากเสียมาก น้อยก็ตามอัตราส่วน แต่ปรัขญาที่สำคัญที่สุขต้องทอนคืนเป็นความสุขให้พี่น้องประชาขน ดังนั้น แคมเปญเรื่องน้ำมันจะขับเคลื่อนยให้พรรคพลังประชารัฐให้เข้าไปนั่งในหัวใจของพี่น้องประชาชน ถ้าอยากได้น้ำมันราคานี้ อยากได้ต้องรักพลังประชารัฐให้มากๆ เข้าคูหากาคะแนนให้เรา รักทั้งคนรักทั้งพรรค

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 18 มีนาคม 2566

“พล.อ.ประวิตร”ขอโอกาสคนกรุงฯ นำความรัก ความสามัคคีมาสู่ประเทศชาติ หมดเวลาจะทะเลาะกัน ย้ำ พร้อม แก้ไขปัญหาทุกเรื่องให้ กทม.ดีขึ้น

,

“พล.อ.ประวิตร”ขอโอกาสคนกรุงฯ นำความรัก ความสามัคคีมาสู่ประเทศชาติหมดเวลาจะทะเลาะกัน ย้ำ พร้อม แก้ไขปัญหาทุกเรื่องให้ กทม.ดีขึ้น

เมื่อเวลา 19.20 น.พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ กล่าวปราศรัยบนเวที”พลังใหม่ พลังกรุงเทพ พลังประชารัฐ”ว่า ก่อนอื่นขอสวัสดีพี่น้อง ชาวกรุงเทพมหานคร และพี่น้องชาวไทยที่รักทุกคน ผมรู้สึกดีใจ และอบอุ่นที่ได้มาอยู่ท่ามกลางพี่น้องทุกท่านในวันนี้ ซึ่งเป็นการปราศรัยในกรุงเทพฯครั้งแรก ของผม วันนี้ผมมาพร้อมกับผู้บริหารและสมาชิก พรรคพลังประชารัฐ รวมถึงว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม.ทั้ง 33 คน เพื่อยืนยันให้พี่น้องมั่นใจว่าพวกเราพร้อมแล้ว ที่จะทำงานรับใช้ กรุงเทพมหานคร

พล.อ.ประวิตร กล่าวต่อว่า พรรคพลังประชารัฐตระหนักดีว่า กรุงเทพมหานครเป็นศูนย์รวม เป็นหน้าตา และศักดิ์ศรีของประเทศ เราต้องช่วยกันดูแล รักษา ให้สะอาด สวยงาม ปลอดภัย น่าอยู่ น่าอาศัย น่าที่จะมาท่องเที่ยว ผมและพรรคพลังประชารัฐ จะมุ่งมั่น ทำงาน ร่วมมือกับทุกฝ่ายเพื่อพัฒนา และแก้ไขปัญหาทุกเรื่อง ที่เป็นประโยชน์ กับ คนกรุงเทพฯ ปัญหาต่าง ๆ ทั้งในเรื่อง การจราจร ติดขัด ปัญหา ความปลอดภัย สิ่งแวดล้อม มลพิษ PM 2.5 การขาด พื้นที่สีเขียวน้ำท่วม น้ำเน่าเสีย ระบบขนส่งมวลชน ปัญหายาเสพติด และปัญหาอื่นๆ อีกมากมาย

“พรรคพลังประชารัฐจะแก้ไขปัญหาเหล่านี้โดยเร็ว พร้อมกับนำนโยบายที่เป็นประโยชน์มามอบให้กับ พี่น้องประชาชน ทั้งในเรื่อง บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ การลดราคา น้ำมัน แก๊ส ไฟฟ้า สร้างงาน สร้างอาชีพ สร้างรายได้ดูแลคนไทย ทุกช่วงวัย ทั้งเบี้ยผู้สูงอายุ แม่ และเด็ก ดูแลผู้พิการ ผู้ด้อยโอกาส อย่างเท่าเทียมเพื่อลดช่องว่าง ความเหลื่อมล้ำ ความไม่เป็นธรรมในสังคม ขอให้ พี่น้องประชาชนให้โอกาส พรรคพลังประชารัฐพวกเราอาสาที่จะนำความรัก ความสามัคคีมาสู่ประเทศชาติ ของเราหมดเวลาที่เราคนไทยจะมาทะเลาะกันเองแล้วพวกเราคนไทย ต้องจับมือกันนำพาประเทศ ก้าวไปข้างหน้าเพื่อความสุขของคนไทยทุกคน”

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 18 มีนาคม 2566

ศ.ดร.นฤมล”เตรียมผลักดันกรุงเทพฯเป็นศูนย์การกลุ่มสื่อสารและดิจิตอล เชื่อ การท่องเที่ยวยังไปได้อีกไกล ขอโอกาส”พลังใหม่”เข้าไปเพิ่มพลังเศรษฐกิจ เพิ่มพลังชีวิตให้กับทุกคน

,

ศ.ดร.นฤมล”เตรียมผลักดันกรุงเทพฯเป็นศูนย์การกลุ่มสื่อสารและดิจิตอล เชื่อ การท่องเที่ยวยังไปได้อีกไกล ขอโอกาส”พลังใหม่”เข้าไปเพิ่มพลังเศรษฐกิจ เพิ่มพลังชีวิตให้กับทุกคน

เมื่อเวลา 18.40 น.ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เหรัญญิกพรรคพลังประชารัฐ กล่าวปราศรัยบนเวที”พลังใหม่ พลังกรุงเทพ พลังประชารัฐ”ว่า ตนขอเป็นตัวแทนผู้สมัครทั้ง 33 คน มาบอกเล่าว่า เราได้ทำอะไรกันมาบ้าง ทุกคนมีพลังและอยากจะเปลี่ยนผ่าน นำพาสิ่งดีๆ มาสู่พี่น้องชาวกรุงเทพฯของเรา โดยผู้สมัครของเราอยากจะเพิ่มพลังให้คนกรุง โดยเรื่องที่พี่น้องประชาชนต้องการให้เราแก้คือ ปัญหาเศรษฐกิจ เราก็พร้อมที่จะตอบสนองต่อความต้องการของทุกคน

ศ.ดร.นฤมล กล่าวต่อว่า เราจะกระจายเพิ่มรายได้ให้กับคนทุกกลุ่ม และลดค่าของชีพ ลดค่าใช้จ่ายเพื่อเป็นการเพิ่มเงินในกระเป๋า ทุกคนจะต้องมีเงินเหลือเพิ่มขึ้นกรุงเทพมหานครเป็นเมืองเศรษฐกิจหลักของประเทศ ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ ร้อยละ 25 มาจากกรุงเทพมหานคร ไม่ว่าจะเป็นอุตสาหกรรมค่าปลีกและค้าส่ง อุตสาหกรรมท่องเที่ยว อุตสาหกรรมภัตตาคารอุตสาหกรรมโรงงาน อุตสาหกรรมขนส่งและอุตสาหกรรมสื่อสาร โดยเราจะผลักดันให้กรุงเทพฯเป็นศูนย์การของกลุ่มสื่อสารและดิจิตอล โดยการดึงกลุ่มดิจิตอล โนมาด( Nomad)เข้ามาอาศัย เพื่อขยายตัวอุตสาหกรรม โดยการท่องเที่ยวยังขยายตัวได้อีกมาก เราจะต้องดันนักท่องเที่ยวให้เที่ยวทั่วกรุงเทพ และสนับสนุนผู้ประกอบการในอุตสาหกรรม เพื่อผลักดันและขยายเศรษฐกิจ

“กรุงเทพของเราได้รับการโหวตเป็นอันดับหนึ่งในกลุ่มของดิจิตอล โนมาด( Nomad) ว่าเป็นเมืองที่ดีที่สุด เมื่อดูจากคะแนนของผ่านชุมชนออนไลน์ โดยเฉพาะกลุ่มของดิจิตอลโนมาด( Nomad) นักท่องเที่ยวเหล่านี้ไม่ใช่มาอยู่เมืองไทยเพียงแค่วันหรือสองวัน แต่พวกเขามาอยู่นานเป็นเดือน เป็นปี โดยพวกเขาต้องการที่จะมาเที่ยวในเชิงวัฒนธรรม อยากจะรู้จักชีวิต ความเป็นอยู่ของคนในพื้นที่ และนำวัฒนธรรมเหล่านี้ไปสร้างแรงบันดาลใจในงานสร้างสรรค์ของเขา”

ศ.ดร.นฤมล กล่าวต่อว่า กรุงเทพมหานครมีย่านที่มีชื่อเสียงมากมาย ที่จะสามารถสร้างรายได้ให้กับพี่น้องในทุกชุมชน ในทุกเขต นอกจากการเพิ่มพลังเศรษฐกิจแล้วเราจะเพิ่มพลังชีวิต ซึ่ง กรุงเทพมหานครมีจำนวนประชากรกว่า 5.5 ล้านคน แต่หากกลุ่มประชากรที่เข้ามาอาศัยถึง 11 ล้านคน หากเพิ่มประชากรแฝง อาจมากถึง 15 ล้านคน สิ่งสำคัญคือเมืองใหญ่อย่างเดียวไม่พอแต่เมืองต้องมีสภาพแวดล้อมที่พร้อมรองรับการอยู่อาศัยของผู้คน พลังประชารัฐจะมอบคุณภาพชีวิตที่ดีให้แก่ประชากรที่อยู่และเข้ามาอาศัย โดยการพัฒนาแรงงานให้มีคุณภาพ เราจะมีกลุ่มพัฒนาทักษะ ทุกเขต มีการเรียนฟรี อบรมฟรี รวมถึงสนับสนุนการจ้างงาน และเป็นสื่อกลางระหว่างเอกชนและแรงงาน

ทั้งนี้ ศ.ดร.นฤมล กล่าวทิ้งท้ายว่า พรรคพลังประชารัฐ ขอโอกาสให้พลังใหม่ ทั้ง 33 คนของเรา ได้เข้าไปช่วยเพิ่มพลังให้กับพี่น้อง กทม.เพิ่มพลังเศรษฐกิจ เพิ่มพลังชีวิตให้กับทุกคน

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 18 มีนาคม 2566

“สันติ”ชู นโยบาย วางผังเมืองใหม่ตอบโจทย์ปชช. แก้ปัญหาลดความแออัด ลดต้นทุนค่าขนส่งสร้างศก.ประเทศ

,

“สันติ”ชู นโยบาย วางผังเมืองใหม่ตอบโจทย์ปชช.
แก้ปัญหาลดความแออัด ลดต้นทุนค่าขนส่งสร้างศก.ประเทศ

เมื่อเวลา 17.50 น.นายสันติ พร้อมพัฒน์ เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ กล่าวปราศรัยบนเวที”พลังใหม่ พลังกรุงเทพ พลังประชารัฐ”ว่า พรรคพลังประชารัฐจะก้าวข้ามความขัดแย้ง เพื่อนำไปสู่ความสามัคคีของคนในชาติ ลดความเหลื่อมล้ำในทุกรูปแบบ วันนี้พลังประชารัฐมีความตั้งใจที่จะส่งตัวแทนของพรรคครบทุกเขตทั่ว กทม. เพื่อที่ผู้สมัครของเราจะได้ลงไปรับใช้ รับฟังปัญหา เพื่อนำมาแก้ไข และพัฒนาให้ทันกับยุคสมัย

“เรามีความตั้งใจที่จะพัฒนากรุงเทพมหานครให้ก้าวทันนวัตกรรมของโลก รูปแบบการบริหารจัดการ กทม.ที่มีพื้นที่แออัด จึงทำให้การพัฒนาของกรุงเทพมหานครเป็นไปอย่างคนละทิศละทาง ดังนั้น พรรคพลังประชารัฐจึงได้ส่งผู้สมัครของเราลงไปทำงานในทุกเขต ว่าจะดำเนินการอย่างไรในเรื่องการวางผังเมือง พี่น้องประชาชนจะรู้ว่าการเดินทางในการใช้ชีวิตประจำวันเผชิญกับรถติดบนท้องถนน ก็เป็นเพราะการวางผังเมืองที่ไม่เคยวางให้สอดคล้องกับประชาชน แต่เป็นการวางโดยตอบสนองผู้มีอำนาจภายในประเทศเท่านั้น แต่หลังการเลือกตั้งครั้งนี้ หากผู้แทนฯของเราได้เข้าไปทำงานผังเมืองพวกนี้จะต้องมีการเปลี่ยนแปลง

นายสันติ ยังกล่าวต่อว่า พรรคของเราจะพัฒนารถไฟฟ้าให้ครอบคลุมทุกเส้นทาง ทุกพื้นที่ และที่สำคัญเราจะต้องมีบริการ Shuttle Bus เพื่อลดการใช้รถยนต์รถส่วนตัว เพื่อความสะดวกในการเดินทางให้กับประชาชน จากหมู่บ้านจะนำท่านมาส่งที่สถานีรถไฟฟ้าและจากสถานีไปถึงที่บ้าน ทำให้เกิดความอบอุ่นในครอบครัว

“เราจะแออัดการกระจายความเจริญจากกรุงเทพมหานคร สู่จังหวัดชานเมือง เพื่อประชาชนคนทำงานจะไม่ต้องเดินทางไกลในการมาทำงานอุตสาหกรรมต่างๆ ที่มีความจำเป็น ก็จะต้องขยายสถานที่ตั้งออกไป”

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 18 มีนาคม 2566

“อุตตม” ชูนโยบาย พปชร.เพิ่มประกันชีวิตบัตรประชารัฐ วงเงิน 200,000 บาทต่อราย เดินหน้าตั้งกองทุนประชารัฐ ปลดภาระ สร้างรายได้ แก้หนี้ ให้ทุกคน

,

“อุตตม” ชูนโยบาย พปชร.เพิ่มประกันชีวิตบัตรประชารัฐ วงเงิน 200,000 บาทต่อราย เดินหน้าตั้งกองทุนประชารัฐ ปลดภาระ สร้างรายได้ แก้หนี้ ให้ทุกคน

เมื่อเวลา 17.30 น.นายอุตตม สาวนายน ประธานจัดทำนโยบาย กล่าวว่า วันนี้มาเปิดเวที”พลังใหม่ พลังกรุงเทพ พลังประชารัฐ”ใหญ่นำโดยหัวหน้าพรรค พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ผู้ และ ว่าที่ผู้สมัครของพรรคมากันครบทุกเขต เพื่อแสดงเจตจำนงว่าจะมาทำงานด้วยความมุ่งมั่นเพื่อพี่น้องชาวกทม.และประเทศไทย โดยแสดงเจตจำนงว่า เราจะทำงานอย่างมุ่งมั่น เพื่อพี่น้องประชาชนชาวกรุงเทพและทุกจังหวัดของประเทศไทย กทม.ต้องเป็นหัวขบวน เพื่อเป็นศุนย์กลางของเกือบทุกกิจกรรม ถ้าให้นำไปเทียบกับนานาประเทศแล้ว ต้องบอกว่ากรุงเทพของเราไม่น้อยหน้าประเทศไหน

“ผมขอพูดถึงนโยบายเพื่อชาว กทม.อย่าง กรุงเทพ +5 คือพื้นที่ กทม.บวกกับ นครปฐม นนทบุรี ปทุมธานีสมุทรปราการ และฉะเชิงเทรา และ กรุงเทพฯต้องเป็นศูนย์กลางพัฒนา 360 องศา รวมถึงการกระจายความแออัดจาก กทม.ไปยังจังหวัดปริมณฑลที่มีของดีไม่ว่าจะเป็นสถานที่ท่องเที่ยว สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ รวมถึงแหล่งอาหารขนาดใหญ่ ที่เตรียมรอให้เราไปพัฒนา ทั้งนี้ เราจะสร้างเศรษฐกิจย่าน กทม.10 ย่านนำร่องไม่ว่าจะเป็นเขตลาดพร้าว เขตประเวศ เพื่อยกระดับและพัฒนาศักยภาพของพื้นที่ โดยการดึงจุดเด่นของแต่ละพื้นที่ออกมา โดยมีการเชื่อมโยงการคมมนาคมที่สะดวกและรวดเร็ว เพื่อเป้าหมายในการเติมเต็มความสุขให้กับคนเมืองให้ได้”

นายอุตตม กล่าวต่อว่า พรรคพลังประชารัฐจะตั้งกองทุนประชารัฐ เพื่อปลดภาระ เพิ่มรายได้ และสร้างโอกาส แก้หนีัให้เบ็ดเสร็จ เติมทุนใหม่ แล้วเสริมทักษะ ในกรอบวงเงิน 300,000 ล้านบาท เพื่อนำมาแก้หนี้ให้เบ็ดเสร็จ โดยกองทุนจะมีการให้กู้ยืมเพื่อประกอบอาชีพยกตัวอย่างเช่น การกู้เงินจำนวน 50,000 บาท จะใช้เวลาผ่อน 7 ปี ซึ่งจะตกวันละ 24 บาท โดยดอกเบี้ยไม่เกินร้อยละ 5

นอกจากนี้ เราจะลงทุนพัฒนาในย่านเศรษฐกิจ และมีการจัดทุนตั้งต้นให้กับธุรกิจสตาร์ทอัพ รวมไปถึงการพัฒนาการค้าขายในรูปแบบแฟรนไชส์ พรรคพลังประชารัฐ ยังมีนโยบายดูแลค่าใช้จ่าย เช่นจะช่วยค่าใช้จ่ายตั้งแต่ตั้งครรภ์ถึงหกขวบ โดยกลุ่มคนนี้จะมีประมาณ 266,000 คน และยกเว้นภาษีบุคคลธรรมดาผู้มีรายได้ไม่เกิน 500,000 บาทต่อปีทุกอาชีพ รวมถึฝบ้านหลังแรกสามารถนำค่าผ่อนบ้านมาลดภาษีได้ 200,000 บาท ทั้งนี้ ในส่วนของบัตรประชารัฐ 700 บาทต่อเดือนที่ประชาชนคงจะทราบกันไปแล้ว แต่เราจะมีการเพิ่มการใช้บัตรให้ครอบคลุม เช่น ค่าน้ำ ค่าไฟฟ้า ค่าเดินทางสาธารณะ วินมอเตอร์ไซค์ แท็กซี่ และอื่นๆ เพื่อให้ความสะดวกสบายกับประชาชนมากขึ้น และเราจะมีการประกันชีวิตในวงเงิน 200,000 บาทต่อราย ฟรี

วันนี้ไทยอยู่ในจุดพลิกผัน เราต้องช่วยปรับเปลี่ยนประเทศ เพื่อเร่งแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าให้พี่น้อง และเร่งวางรากฐานการพัฒนาสู่อนาคตที่ยั่งยืนให้ลูกหลาน แต่จะทำเช่นนี้พปชร. เชื่อว่ากทม.ต้องเป็นหัวขบวนนำการเปลี่ยนแปลง พลิกฟื้นประเทศไทย และ โฉมประเทศไทย โดยให้กรุงเทพเป็นหัวขบวน ทำไมต้องกรุงเทพฯ เพราะเราเป็นจุดศูนย์กลางของกิจกรรมทั้งหลาย โดยเฉพาะในเชิงเศรษฐกิจ วัฒนธรรมและอื่นๆ มีการคมนาคมที่หลากหลาย เราเป็นเมืองที่เรียกว่ามหานคร มีประชากรรวมๆ 10 กว่าล้านคน เทียบกับทั่วโลกขนาดเราไม่น้อยหน้า แต่เรายังไม่ได้ใช้ของที่เรามีเต็มศักยภาพ

วันนี้ไทยอยู่ในจุดพลิกผัน เราต้องช่วยปรับเปลี่ยนประเทศ เพื่อเร่งแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าให้พี่น้อง และเร่งวางรากฐานการพัฒนาสู่อนาคตที่ยั่งยืนให้ลูกหลาน แต่จะทำเช่นนี้พปชร. เชื่อว่ากทม.ต้องเป็นหัวขบวนนำการเปลี่ยนแปลง พลิกฟื้นประเทศไทย และ โฉมประเทศไทย โดยให้กรุงเทพเป็นหัวขบวน ทำไมต้องกรุงเทพฯ เพราะเราเป็นจุดศูนย์กลางของกิจกรรมทั้งหลาย โดยเฉพาะในเชิงเศรษฐกิจ วัฒนธรรมและอื่นๆ มีการคมนาคมที่หลากหลาย เราเป็นเมืองที่เรียกว่ามหานคร มีประชากรรวมๆ 10 กว่าล้านคน เทียบกับทั่วโลกขนาดเราไม่น้อยหน้า แต่เรายังไม่ได้ใช้ของที่เรามีเต็มศักยภาพ

วันนี้พรรคขอนำเสนอ เรื่องแรก คือ กรุงเทพ+5 (นครปฐม นนทบุรี ปทุมธานี สมุทรปราการ และ ฉะเชิงเทรา) สู่มหานครแห่งเอเชีย นั่นคือการพัฒนาอย่างยึดโยง มีศูนย์กลางที่กรุงเทพ แล้วบวกกับปริมณฑล นำศักยภาพแต่ละแห่งมาเสริมกันให้เต็ม เริ่มจากรุงเทพที่มีของดีล้นเหลือ เราจะพัฒนาพื้นที่แต่ละย่าน โดยยึดถืออัตลักษณ์ของแต่ละย่าน ส่งเสริมให้เกิดการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของไทย และ ระดับเอเชีย เป็นมหานครที่คนต่างประเทศอยากเข้ามาค้าขายลงทุน

จากนั้นเรายึดโยงกับปริมณฑลรอบๆ เช่น นครปฐม มีจุดเด่นที่มหิดล ศาลายา ที่มีความก้าวหน้าระดับโลก เราทำให้พื้นที่ย่านนั้นให้เป็นเมืองแห่งนวัตกรรมด้านของเทคโนโลยีอาหาร ชีวภาพ แม้โรบอติก ที่มหิดลถนัด ขณะที่สมุทรปราการ ฉะเชิงเทรา เป็นพื้นที่ค้าขาย ลงทุน เราก็ต่อยอดอุตสาหกรรมใหม่ รถไฟฟ้า อีคอมเมิร์สเกิดได้เลย ส่วน ปทุมธานี นนทบุรี อากาศดี ทำเป็นเมืองที่อยู่อาศัยชั้นนำ นี่เป็นเพียงตัวอย่าง เราสามารถคิดพัฒนาเชื่อมโยง กระจายความแออัดจากรกรุงเทพออกไป สุดท้ายเติมความสุขให้คนเมือง ทำแล้วต้องมีความสุข เราจะทำยังไง พูดแล้วเหมือนฝัน ยืนยันว่าพปชร.ทำได้จริง

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 18 มีนาคม 2566

พปชร.ยกทัพใหญ่ ปราศรัยลานคนเมือง เปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม.33เขต “สนธิรัตน์”ประเดิมเปิดเวทีคนแรก ลั่น พร้อมแก้ปัญหาฝุ่น PM 2.5 เพื่อคนกรุง

,

พปชร.ยกทัพใหญ่ ปราศรัยลานคนเมือง เปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม.33เขต “สนธิรัตน์”ประเดิมเปิดเวทีคนแรก ลั่น พร้อมแก้ปัญหาฝุ่น PM 2.5 เพื่อคนกรุง

พรรคพลังประชารัฐ ได้เปิดเวทีปราศรัยที่ลานคนเมือง ศาลาว่าการ กทม.ภายใต้ชื่อ”พลังใหม่ พลังกรุงเทพ พลังประชารัฐ”นำโดย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ พร้อมด้วย นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คลัง และเลขาธิการพรรค,นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ,ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เหรัญญิก,นายสกลธี ภัททิยกุล หัวหน้าทีมว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ.นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ ประธานยุทธศาสตร์การเมือง,นายอุตตม สาวนายน ประธานจัดทำนโยบาย,นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์

โดย พรรคพลังประชารัฐได้เปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม.ทั้ง 33 เขต ประกอบด้วย เขต 1 พระนคร สัมพันธวงศ์ ดุสิต บางรัก นายสฤษดิ์ ไพรทองิ, เขต 2 สาทร ราชเทวี ปทุมวัน นายพณิชย์ วิทยาภัทร์, เขต 3 บางคอแหลม ยานนาวา น.ส.ชญาภา ธารดำรงค์ , เขต 4 คลองเตย วัฒนา นายภูวกร ปรางภรพิทักษ์

เขต 5 ห้วยขวาง วังทองหลาง นายกานต์ กิตติอำพน ,เขต 6 ดินแดง พญาไท ร.อ.รชฏ พิสิษฐบรรณกร , เขต 7 บางซื่อ ดุสิต ร.ต.อ.วัฒนรักษ์ อำนรรฆสรเดช, เขต 8 จตุจักร หลักสี่ นายรังสรรค์ กียปัจจ์ , เขต 9 บางเขน จตุจักร หลักสี่ นายปราโมทย์ เพ็ชรฤทธิ์ , เขต 10 ดอนเมือง ภญ.สุชาดา เวสารัชตระกูล

เขต 11 สายไหม น.อ. บัญชาพล อรัณยะนาค, เขต 12 บางเขน สายไหม ลาดพร้าว ภญ.นพวรรณ หัวใจมั่น , เขต 13 ลาดพร้าว วังทองหลาง นายภักดีหาญส์ หิมะทองคำ , เขต 14 บางกะปิ วังทองหลาง น.ส. นฤมล รัตนาภูบาล , เขต 15 คันนายาว บึงกุ่ม น.ส.ณิรินทร์ เงินยวง ,เขต 16 คลองสามวา นายกิติภูมิ นีละไพจิตร, เขต 17 หนองจอก คลองสามวา นายศิริพงษ์ รัสมี
เขต 18 หนองจอก มีนบุรี ลาดกระบัง นายพีระพงษ์ รัสมี , เขต 19 มีนบุรี สะพานสูง นางนาถยา แดงบุหงา ,เขต 20 ลาดกระบัง นายบุญรุ่ง เต๋งจงดี, เขต 21 ประเวศ สะพานสูง น.ส.แพรว กิจสุวรรณ, เขต 22 สวนหลวง ประเวศ นายรัฐภูมิ โตคงทรัพย์ ,เขต 23 พระโขนง บางนา นายตรีสิทธิ์ ศิริวรรณ

เขต 24 คลองสาน ธนบุรี ราษฎรบูรณะ นายศันสนะ สุริยะโยธิน , เขต 25 ทุ่งครุ ราษฎร์บูรณะ นายระพีพัฒน์ สุเมธโชติเมธา , เขต 26 จอมทอง บางขุนเทียน นายสุวัฒน์ ม่วงศิริ , เขต 27 บางบอน บางขุนเทียน นายสาโรจน์ ซึ้งไพศาลกุล ,เขต 28 หนองแขม บางบอน จอมทอง นายมานพ มารุ่งเรือง , เขต 29 บางแค หนองแขม นายเอกชัย ผ่องจิตร์ , เขต 30 บางแค ภาษีเจริญ นายสิทธิโชค คล้อยแสงอาทิตย์, เขต 31 ทวีวัฒนา ตลิ่งชัน น.ต.นิธิ บุญยรัตกลิน ,เขต 32 บางกอกน้อย บางกอกใหญ่ ภาษีเจริญ ตลิ่งชัน ธนบุรี น.ส.บุณณดา สุปิยพันธุ์ และเขต 33 เขตบางพลัด บางกอกน้อย นายคมสัน พันธุ์วิชาติกุล

เมื่อเวลา 17.20 น.นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ ประธานยุทธศาสตร์การเมือง พรรคพลังประชารัฐ ได้กล่าวปราศรัยว่า พรรคพลังประชารัฐเป็นพรรคการเมืองที่ตนก่อตั้งขึ้นตั้งแต่ปี 61 และ คน กทม.ก็ให้ความไว้วางใจกับพรรคของเรา การเลือกตั้งครั้งนี้พรรคพลังประชารัฐได้คัดสรรผู้สมัครคุณภาพทั้ง 33 เขต มาผสมกับผู้สมัครรุ่นเก๋าที่จะมาร่วมใจกันเปลี่ยนแปลงกรุงเทพมหานครให้ดีขึ้น ครั้งนี้ถือเป็นเวทีเป็นไม้แรก ของขุนพลพลังประชารัฐกทม. ซึ่งในวันนี้เป็นวันที่ประกาศเปิดตัวทั้ง 33 เขต มั่นใจถึงความพร้อมทั้งตัวบุคคลและนโยบาย ตนขึ้นเวทีเป็นคนแรกเพื่อบอกว่า พปชร.ในอดีตที่พี่น้องกทม.ให้ความไว้วางใจ มีสส.กทม.12 คน ตนจึงเป็นสัญลักษณ์ว่าในอดีตที่พี่น้องให้กำลังใจนั้น วันนี้มาเชื่อมโยงให้การเลือกตั้งครั้งนี้สำเร็จ ซึ่งพรรคคัดผู้สมัครคุณภาพ 33 เขต ผสมผสานระหว่างผู้สมัครตัวเก๋า และ รุ่นใหม่ที่จะเป็นขวัญใจพี่น้องกทม.

” แน่นอนว่า ปัญหาของ กทม. ที่นับวันจะรุนแรงขึ้น คือเรื่องมลภาวะทางอากาศ หรือฝุ่น PM 2.5 ที่กำลังสร้างปัญหาให้กับผู้สูงอายุรวมไปถึงเด็ก ก่อให้เกิดอาการเจ็บป่วยทางระบบหายใจมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นพรรคประชารัฐจะนำอากาศบริสุทธิ์ กลับคืนมาให้กับคนไทยทุกคน เรื่องการแก้ปัญหาฝุ่น PM 2.5 คือปัญหาเร่งด่วน เพราะถือเป็นปัจจัยสำคัญของคนทุกชนชั้น ขอให้ทุกคนไว้วางใจผู้สมัครของพรรคพลังประชารัฐ เลือกพวกเขาเข้ามาเป็นตัวแทนของพี่น้องประชาชนทุกคนทั้ง 33 เขต เพราะพลเอกประวิตรหัวหน้าพรรคของเรา ได้ประกาศเอาไว้แล้วว่า หากได้เข้ามาเป็นรัฐบาลปัญหาฝุ่น PM 2.5 จะต้องได้รับการแก้ไขทั้งพื้นที่ กทม.และทั่วประเทศ

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 18 มีนาคม 2566

พล.อ.ประวิตร’นำทีม พปชร.เปิดเวทีใหญ่ปราศรัยนราธิวาส นำคืนความสงบหนุนพัฒนาเศรษฐกิจใน 3 จ.ชายแดนใต้

,

พล.อ.ประวิตร’นำทีม พปชร.เปิดเวทีใหญ่ปราศรัยนราธิวาส นำคืนความสงบหนุนพัฒนาเศรษฐกิจใน 3 จ.ชายแดนใต้

เมื่อเวลา 17.15 น. พรรคพลังประชารัฐได้เปิดเวทีปราศรัย ที่สวนมิ่งขวัญประชา อ.สุไหงโกลก จ.นราธิวาส นำโดยพล.อประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ พร้อมด้วย นายวิรัช รัตนเศรษฐ ส.ส. บัญชีรายชื่อ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ,ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า โดยมี นายสัมพันธ์ มะยูโซ๊ะ กรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) และ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดนราธิวาส และว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เขต 5 จ.นราธิวาส,นายแพทย์แวมาฮาดี แวดาโอะ หรือ หมอแว ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.พปชร.เขต 1 จ.นราธิวาส,นายฮามีร ซารีคาน ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.พปชร.เขต 4 และ นายอามินทร์ มะยูโซะ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.พปชร.เขต 2 จ.นราธิวาส ให้การต้อนรับ

พล.อ.ประวิตร กล่าวปราศรัยว่า พรรคพลังประชารัฐของเรา ใจถึงพึ่งได้ ผมเป็นคนพูดไม่เก่ง แต่สามารถทำงานทุกอย่างได้รวดเร็วตามความต้องการของพี่น้องประชาชนได้อย่างแน่นอน ผมมาที่นี่ในวันนี้เพราะต้องการสร้างความมั่นใจให้กับทุกคนว่า ผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคพลังประชารัฐทุกคนพร้อมแล้วทั้ง 400 เขต โดยเราได้พิจารณาคัดสรรคนดี มีความตั้งใจจริงที่จะเข้ามาทำงานให้กับพี่น้องทุกคน

“พรรคพลังประชารัฐให้ความสำคัญกับการแก้ไขปัญหาความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้มาโดยตลอด ซึ่งระยะเวลา 4 ปีที่ผ่านมา ผมได้ทำหน้าที่ประธานคณะกรรมการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (คปต.) ก็ได้พยายามทำทุกอย่างเพื่อยกระดับความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชนภาคใต้ทุกคน ซึ่งจะเห็นได้ว่า 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ได้มีการพัฒนา ก้าวหน้าในหลายเรื่อง เช่น เรื่องน้ำ ผมได้พยายามทำทุกอย่างให้ประชาชนอยู่ดีกินดี มีน้ำกินน้ำใช้ และเพื่อการเกษตร นำมาซึ่งเศรษฐกิจที่ดีขึ้น”

พล.อ.ประวิตร กล่าวต่อว่า ในส่วนปัญหาความสงบที่เคยขึ้นรัฐบาลก็ได้แก้ไขจนปัญหาลดลงไปได้ส่วนหนึ่งแล้ว ขอให้ทุกคนเชื่อมั่นว่ารัฐบาลสามารถดำเนินการจัดการให้เกิดความสงบขึ้นภายในประเทศไทยได้ อย่างไรก็ตาม พรรคพลังประชารัฐมีนโยบายที่จะกำหนดพื้นที่ลดความรุนแรง และยกเลิก พรก.ฉุกเฉิน ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ให้ได้ภายในปี 2570 เราจะทำให้พี่น้องอยู่ได้อย่างสงบสุขด้วยความเข้าใจร่วมกัน ไม่ว่าจะนับถือศาสนาใด ทุกคนก็คือคนไทย

“ทุกคนที่อยู่ที่นี่ต้องมีงาน มีเงิน มีรายได้ มีความหวัง มีโอกาส ทุกคนต้องเท่าเทียมกันโดย โดยที่มีการบังคับใช้กฎหมายอย่างเป็นธรรม พรรคพลังประชารัฐ จะผลักดันธุรกิจส่งออกอาหารฮาลาลไปทั่วโลก รวมถึงส่งเสริมการปลูกพืชพลังงาน อาหารสัตว์ และจะผลักดันให้เขตเศรษฐกิจใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ คู่ขนานไปกับ 3 รัฐของประเทศมาเลเซีย เราจะต้องเท่าเทียมกับเขา ถ้าพรรคพลังประชารัฐได้เข้ามาเป็นรัฐบาลอีกครั้งเราจะทำทุกอย่างเพื่อประชาชนใน3 จังหวัดชายแดนภาคใต้”

ทั้งนี้ พล.อ.ประวิตร ได้กล่าวแนะนำ และฝากว่าที่ผู้สมัครของพรรคพลังประชารัฐ พร้อมระบุว่าขอให้เลือกพรรคพลังประชารัฐ เพื่อเข้าไปเป็นตัวแทนของพวกท่าน เพราะบุคคลเหล่านี้จะเข้าไปทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนดีขึ้น ถึงแม้ผมพูดไม่เก่ง แต่ผมทำงานได้เพื่อประชาชน อนาคตรอเราอยู่ข้างหน้า ผมถือโอกาสวันนี้มอบความรักและความปรารถนาดีให้กับทุกคน ขอให้เชื่อมั่นในความรักความสามัคคีเชื่อมั่นในความปรารถนาดีต่อบ้านเมืองของเรา โดยเฉพาะอย่างยิ่งพรรคพลังประชารัฐมีความปรารถนาดีต่อพ่อแม่พี่น้อง ต่อประเทศชาติ เพื่อให้ประเทศของเราเกิดความสงบสุข มีความมั่นงคง และประชาชนมีความสุข

สำหรับบรรยากาศเวทีปราศรัยเป็นไปอย่างคึกคัก โดยพล.อ.ประวิตรได้เดินพบปะ ทักทายประชาชน พร้อมถ่ายรูป อย่างเป็นกันเอง โดยประชาชนที่มารอรับต่างถือป้ายข้อความ นายกฯ คนที่ 30 มาแล้ว, ประชารัฐ 700 และเรารักลุงป้อม รวมถึงมีการส่งเสียงเชียร์ให้เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ให้ได้

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 18 มีนาคม 2566

“ดร.ศันสนะ” ลุยธนบุรี-คลองสาน ผลักดัน “สวัสดิการผู้สูงวัย” เพิ่มเบี้ยยังชีพแบบขั้นบันได ให้สูงวัยอย่างมีคุณค่า ชราอย่างมีศักดิ์ศรี

,

“ดร.ศันสนะ” ลุยธนบุรี-คลองสาน ผลักดัน “สวัสดิการผู้สูงวัย” เพิ่มเบี้ยยังชีพแบบขั้นบันได ให้สูงวัยอย่างมีคุณค่า ชราอย่างมีศักดิ์ศรี

ดร.ศันสนะ สุริยะโยธิน ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. กทม. เขตธนบุรี-คลองสาน พรรคพลังประชารัฐ ลงพื้นพบปะประชาชนในพื้นที่เขตธนบุรี-คลองสาน เพื่อรับฟังปัญหาความเดือดร้อน และนำเสนอนโยบายของพรรคพลังประชารัฐ โดยเฉพาะนโยบายสวัสดิการผู้สูงอายุ ซึ่งได้มีการปรับเพิ่มเบี้ยแบบขั้นบันไดให้ผู้สูงอายุในรูปแบบ 3 4 5 และ 6 7 8 โดยผู้สูงอายุ 60 ปี ขึ้นไป จะได้รับเบี้ยยังชีพเพิ่มเป็น 3,000 บาท อายุ 70 ปี ขึ้นไป จะได้รับเบี้ยยังชีพเพิ่มเป็น 4,000 บาท และ อายุ 80 ปี ขึ้นไป จะได้รับเบี้ยยังชีพเพิ่มเป็น 5,000 บาท

“ผู้สูงวัยนั้นถือว่าเป็นร่มโพธิ์ร่มไทรของลูกหลาน เป็นผู้ที่ได้ทำประโยชน์ดูแลประเทศชาติมายาวนาน และในช่วงชีวิตปั้นปลายก็จำเป็นที่ต้องได้รับการดูแลให้เต็มที่ ให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี โดยไม่ให้เป็นภาระลูกหลาน พรรคพลังประชารัฐจึงผลักดันนโยบายเพิ่มเบี้ยผู้สูงวัย เพื่อให้เป็นผู้สูงวัยอย่างมีคุณค่า ชราอย่างมีศักดิ์ศรี” ดร.ศันสนะ กล่าว

นายศันสนะ กล่าวต่อว่า ตลอด 4 ปีที่ผ่านมา ตั้งแต่ปี 62 ถึง 66 ตนได้ลงพื้นที่ติดตาม เยี่ยมเยียนกลุ่มผู้สูงวัยและผู้พิการมาโดยตลอดไม่เคยทอดทิ้งกัน ซึ่งในรอบ 4 ปีนี้พบว่ามีผู้สูงวัยที่ตนเคยได้ไปเยี่ยมเสียชีวิตไปจำนวนมาก ทั้งจากภาวะปกติ และจากการติดเชื้อโควิด-19 จึงเห็นว่ามาตรการการดูแลผู้สูงวัยให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นนั้นเป็นสิ่งที่สำคัญที่ภาครัฐจะต้องให้ความสำคัญ

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 17 มีนาคม 2566

“พล.อ.ประวิตร”ติดตามงานจ.ชายแดนใต้ดันสู่ศูนย์กลางอาหารฮาลาล มุ่งพัฒนาเศรษฐกิจใต้มั่นคง ชาวบ้านแห่ต้อนรับเชียร์นั่งนายกคนที่ 30

,

“พล.อ.ประวิตร”ติดตามงานจ.ชายแดนใต้ดันสู่ศูนย์กลางอาหารฮาลาล
มุ่งพัฒนาเศรษฐกิจใต้มั่นคง ชาวบ้านแห่ต้อนรับเชียร์นั่งนายกคนที่ 30

เมื่อ 17 มี.ค.66 พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รอง นรม. พร้อมด้วย รมช.กห. และคณะ ได้ลงพื้นที่ภาคใต้ เพื่อไปปฏิบัติราชการในการประชุมสัญจร คณะกรรมการยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้.หรือ(กพต.)และติดตาม โครงการสำคัญตามแผนงาน พื้นที่ 3 จชต. โดย พล.ท.พัชร์ชศักดิ์ ปฏิรูปานนท์ ผู้ชาวยโฆษกรองนายกรัฐมนตรีกล่าวว่าพล.อ.ประวิตร ได้เป็นประธานพิธี เปิดศูนย์การเรียนรู้ฟาร์มมาตรฐานการเลี้ยงวัว ตามกรอบระเบียงเศรษฐกิจฮาลาล จังหวัดชายแดนใต้และมอบพันธุ์กระถิน ,หญ้าเนเปียร์ ให้แก่เกษตรกร โดยได้กล่าวเปิดงาน ในฐานะประธาน กพต. ที่ต้องการสร้างอาชีพ เศรษฐกิจ และรายได้แก่ประชาชนในพื้นที่ ให้อยู่ดีกินดี และเป็นศูนย์กลางการผลิตอาหารฮาลาล ของโลกมุสลิม ต่อไป

จากนั้น ได้พบปะพี่น้องประชาชน ที่มาให้การต้อนรับ อย่างอบอุ่นและเป็นกันเอง พร้อมทั้งได้ทำการมอบผ้าละหมาด และอินทผาลัมแก่ผู้แทน หน่วยงาน/องค์กร ในพื้นที่ 5 จชต. บริเวณห้องโถงอาคาร ม.ราชภัฎยะลา ซึ่งได้มีผู้แทนกล่าวขอบคุณ ในโอกาสที่ท่านให้การช่วยเหลือและสนับสนุนโครงการต่างๆ ต่อจากนั้น พล.อ.ประวิตร ได้เป็นประธานการประชุม คณะกรรมการยุทธศาสตร์การพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (กพต.)ครั้งที่ 2/2566 ณ ห้องประชุมเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา ม.ราชภัฎยะลา โดยได้เห็นชอบโครงการสำคัญ เพื่อการพัฒนาพื้นที่ จชต.ได้แก่โครงการพัฒนาสวนสาธารณะพรุบาโกย ให้เป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ และเอ็นเตอร์เทนเม้นท์ คอมเพล็กซ์ (Yala City Tower Entertainment Complex) ,โครงการยกระดับ จ.ยะลา ให้เป็นเมืองแห่งกีฬา จชต. (SPORT COMPLEX) และโครงการพัฒนาโครงข่ายทางหลวงแผ่นดิน (แนวเส้นทางใหม่-อุโมงค์บ้านกระป๋อง) ระยะทาง 1.4 ก.ม.

ทั้งนี้ พล.อ.ประวิตร ได้กล่าวชื่นชม กพต.,หน่วยงานด้านความมั่นคง และหน่วยงานอื่นๆที่เกี่ยวข้อง พร้อมด้วยประชาชนในพื้นที่ จชต. ที่ได้ให้ความร่วมมือ ช่วยกันคิด ช่วยกันทำ จนสามารถแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนต่างๆของประชาชน อย่างได้ผล และมีความก้าวหน้าด้วยดีที่ผ่านมา ซึ่งรัฐบาลจะเร่งผลักดันให้บรรลุผลสำเร็จตามประสงค์ของประชาชน โดยเร็วที่สุด เพื่อให้พี่น้องคนไทยทุกคน ทุกศาสนาในพื้นที่ จชต.ได้มีความอยู่ดีกินดีร่วมกัน ในสังคมที่มีความสงบสุข ร่มเย็น ภายใต้พหุวัฒนธรรม อย่างยั่งยืน ตลอดไป

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 17 มีนาคม 2566