โลกเปลี่ยน ไทยต้องปรับ ทางเลือกใหม่ของการเมืองไทย ก้าวข้ามความขัดแย้ง สานพลังประชาราษฎร์ ร่วมสร้างชาติให้ยั่งยืน

หมวดหมู่: กิจกรรม ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า

“ธรรมนัส” ผนึก “นฤมล” ชูนโยบายจัดที่ดินทำกินเพื่อคนสุราษฎร์

, ,

“ธรรมนัส” ผนึก “นฤมล” ชูนโยบายจัดที่ดินทำกินเพื่อคนสุราษฎร์ พร้อมส่งผู้สมัครลงครบทุกเขต กระจายทัพ พปชร. ช่วย ปชช.

ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) พร้อม ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เหรัญญิกพรรคฯ พบปะสมาชิกพรรค และว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.สุราษฎร์ธานี เขต 1-6 เพื่อเป็นตัวแทนของพรรคพลังประชารัฐ ทำหน้าที่ในการขับเคลื่อนนโยบาย และนำความเดือดร้อนของประชาชนส่งต่อการแก้ปัญหาอย่างตรงจุด โดยเฉพาะการแก้ปัญหาที่ทำกิน และราคาพืชผลทางการเกษตร ซึ่งเป็นอาชีพที่สำคัญของคนสุราษฎร์

วันที่ 30 พ.ย. 64 เวลา 11.30 น. ที่โรงแรมแก้วสมุย จ.สุราษฎร์ธานี ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) พร้อมด้วย ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เหรัญญิกพรรค พร้อม ส.ส.ของพรรค ได้เดินทางมาให้กำลังใจในการประชุมการเลือกตัวแทนพรรคพลังประชารัฐ เขต 1-6 เพื่อเป็นตัวแทนในการทำงานของพรรคในฐานะปากเสียงของประชาชนชาวสุราษฎร์ เพื่อเสนอต่อกรรมการนโยบายพรรคในการแก้ปัญหาความเดือดร้อนได้อย่างรวดเร็ว และตรงเป้าหมาย โดยมีสมาชิกพรรคในภาคใต้ 14 จังหวัด ให้การร่วมต้อนรับอย่างพร้อมเพรียง ภายใต้มาตรการป้องกันโควิด-19 อย่างเคร่งครัด

ร.อ.ธรรมนัส ได้ขึ้นเวทีพร้อมกล่าวต้อนรับว่าที่ตัวแทนเขต 1-6 พร้อมขอบคุณทุกคน ทั้งชาวสุราษฎร์ธานี และตัวแทนสมาชิกพรรคทุกคน ที่ให้การต้อนรับเป็นอย่างดี ตั้งแต่ที่สนามบิน ซึ่งทำให้เห็นว่าการทำงานที่ผ่านมาของตนเองมีผลทำให้ทุกคนเกิดความเชื่อใจ ซึ่งถือเป็นสัญญาณที่ดีในการที่จะรวมพลังในการได้รับความไว้วางใจในการเป็นตัวแทนของประชาชนในฐานะฝ่ายรัฐบาลอีกครั้ง โดยเป้าหมายหนึ่งเดียวคือการแก้ปัญหาความเดือดร้อนของพี่น้องฐานราก ที่ถือเป็นพลังสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศไทยมากที่สุด ที่ส่วนใหญ่ทำอาชีพเกษตรกรรมซึ่งเป็นรายได้ของประเทศ แต่กลับต้องเจอสภาวะผลผลิตตกต่ำไม่ได้ราคา โดยเฉพาะภาคใต้ที่ส่วนใหญ่มีอาชีพปลูกปาล์มและยางพารา ที่ยังต้องประสบปัญหาส่งผลต่ออาชีพรายได้ และปากท้อง

ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ตนเองเคยได้รับการร้องเรียนจากพี่น้องประชาชนใน อ.ชัยบุรี จ.สุราษฎร์ธานี ที่อาศัยอยู่ในที่ดิน สปก. ไม่มีบ้านเลขที่ ทำให้น้ำ ไฟ เข้าไม่ถึง เมื่อทราบเรื่องและได้ลงพื้นที่จึงได้ดำเนินการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการทันที ซึ่งปัจจุบันพื้นที่ตรงนี้หลายเป็นพื้นที่ของความเจริญ นั่นจึงทำให้เชื่อว่าการมีตัวแทน ส.ส.แต่ละเขตเป็นส่วนสำคัญที่จะทำให้พรรคพลังประชารัฐ สามารถเข้าถึงปัญหาของประชาชนได้อย่างทั่วถึง ไม่ใช่เพียงแค่การมองภาพรวมของจังหวัด แต่ต้องมองให้ลึกลงไปยังความเดือดร้อน โดยเฉพาะการลดขั้นตอนการทำงานของรัฐบาลที่ทำให้การช่วยเหลือเป็นไปอย่างล่าช้า

“ผมเชื่อว่าครอบครัวพลังประชารัฐ จะสามารถสร้างพลังพัฒนาสุราษฎร์ธานี ทั้ง 6 เขต จะช่วยทำให้พี่น้องฐานราก อิ่มท้อง มีอาชีพ มีรายได้ มีชีวิตที่ดีขึ้น”

ศ.ดร. นฤมล ยืนยันว่า พรรคพลังประชารัฐพร้อมส่งตัวแทนผู้สมัคร ส.ส.สุราษฎร์ธานีลงทุกเขต ตั้งเป้าหมายไม่ว่าในอนาคตตนเอง และ ร.อ.ธรรมนัส จะมีตำแหน่งทางการเมืองหรือไม่ ก็จะยังเดินหน้าแก้ปัญหาเรื่องที่ดินทำกินให้กับชาวบ้านต่อไป เพราะเป็นปัญหาใหญ่ที่ไม่มีใครแก้ได้ แต่ที่ผ่านมา ร.อ.ธรรมนัส ก็ดำเนินการอย่างเต็มความสามารถเพื่อยึดคืนที่ดินจากนายทุนกลับมาให้พี่น้องประชาชนได้มีที่ทำกิน รวมถึงบัตรสวัสดิการรัฐ ที่จะดูแลตั้งแต่ในครรภ์มารดาจนถึงเชิงตะกอน ในการแก้ปัญหาความยากจนอย่างยั่งยืน และการแก้ปัญหาของสินค้าทางการเกษตรที่จะต้องมีการตลาดนำ มีตลาดส่งออก และการแปรรูปสินค้า

“ไม่ได้ต้องการอำนาจ ไม่ได้ต้องการผลประโยชน์ แต่เราต้องการมาแก้ปัญหาเพื่อประชาชนอย่างแท้จริง ด้วยเป้าหมายเดียวกันคือการแก้ปัญหาอย่างไรให้ประชาชนอยู่ดีกินดีแบบยั่งยืน”

ที่มา : facebook.com/PPRPThailand/
เมื่อวันที่ : 30 พฤศจิกายน 2564

“บิ๊กป้อม” มอบ “ธรรมนัส-ประสาน” แก้ปัญหาชาวบ้านห้วยน้ำหิน อ.นาน้อย จ.น่าน

, ,

“บิ๊กป้อม” มอบ “ธรรมนัส-ประสาน” แก้ปัญหาชาวบ้านห้วยน้ำหิน อ.นาน้อย จ.น่าน ที่ถูกจับกุมและถูกดำเนินคดี และไร้ที่ทำกินจากผลกระทบจากนโยบายทวงคืนผืนป่าเมื่อปี 2558 ย้ำเร่งรัดช่วยเหลือโดยเร็ว

วันที่ 29 พฤศจิกายน 2564 เวลาประมาณ 13.00 น. ที่บริเวณหน้าศาลากลางจังหวัดน่าน
พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรค พปชร. ได้พบปะกับตัวแทนสหพันธ์เกษตรกรภาคเหนือ (สกน.) จ.น่าน และชาวบ้านห้วยน้ำหิน อ.นาน้อย จ.น่าน ที่ได้รับผลกระทบจากนโยบายทวงคืนผืนป่าเมื่อปี 2558 มีผู้ถูกจับกุมและถูกดำเนินคดีได้รับความเดือดร้อนไม่มีที่ทำกิน โดยพลเอก ประวิตร ได้มอบหมายให้ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) และในฐานะประธานกรรมการยุทธศาสตร์ภาคเหนือพปชร.เป็นตัวแทนรับหนังสือร้องทุกข์เพื่อหาแนวทางช่วยเหลือตามขั้นตอน

จากนั้น ร้อยเอกธรรมนัส และ นายประสาน หวังรัตนปราณี ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำ พล.อ. ประวิตร
วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้ร่วมประชุมกับตัวแทนตัวแทนสหพันธ์เกษตรกรภาคเหนือ และ
ชาวบ้านห้วยน้ำหิน อ.นาน้อย พร้อมข้าราชการที่เกี่ยวข้องเพื่อรับฟังปัญหา ซึ่งทราบว่า จนถึงขณะนี้ผู้ถูกจับกุมและถูกดำเนินคดีดังกล่าวนั้น คดียังไม่มีความคืบหน้า แม้พนักงานสอบสวนพื้นที่จังหวัดน่าน ได้ทำสำนวนและมีความเห็นสั่งไม่ฟ้องไปยังพนักงานอัยการ จ.น่านแล้ว แต่ชาวบ้านได้รับการประสานว่า อัยการส่งหนังสือกลับให้ตำรวจมีการสอบคดีเพิ่ม ทำให้ชาวบ้านกังวลในกระบวนการแก้ไขปัญหาล่าช้า สร้างความเดือดร้อนให้ประชาชนที่ไม่มีที่ดินทำกินดังกล่าว

ร้อยเอก ธรรมนัส กล่าวว่า เบื้องต้นพลเอกประวิตร ได้มอบหมายให้ตนเอง ในฐานะที่ดูแลพื้นที่ภาคเหนือ 8 จังหวัด ให้ประสานงานร่วมกับนายประสาน หวังรัตนปราณี ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำ พล.อ. ประวิตร
วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เพื่อเร่งหาแนวทางประสานงานกับหน่วยงานราชการในพื้นที่เพื่อแก้ไขปัญหาให้ชาวบ้านห้วยน้ำหิน อ.นาน้อย โดยเร็ว

“เรื่องนี้ผมได้ติดตามมาตลอด ตั้งแต่ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดน่านท่านเก่า ซึ่งดำเนินการตามขั้นตอนกระบวนการสั่งไม่ฟ้องและส่งสำนวนให้อัยการ แต่เนื่องจากตามกฎหมายต้องดำเนินการอย่างรัดกุมรอบคอบ ทางอัยการจังหวัดจึงได้ให้ทางตำรวจสอบสวนให้รัดกุม ซึ่งท่านรองนายกฯ ประวิตร ได้มอบหมายให้ฝ่ายกฎหมาย คือท่านประสาน กำกับดูแลอย่างใกล้ชิดแล้ว ดังนั้นผมเอง ในฐานะที่ดูแลภาคเหนือ 8 จังหวัด และได้รับมอบหมายให้ช่วยดูแลกับท่านประสาน เพื่อเร่งดำเนินการแก้ปัญหา เพราะทราบดีว่าเรื่องนี้ล่าช้ามานานพอสมควร ทำให้พี่น้องที่ถูกดำเนินคดีได้รับความเดือดร้อน ซึ่งผมได้พูดคุยกันกับประธานพีมูฟและกรรมการมาตลอด จึงขอให้สบายใจ จึงขอฝากทางรองผู้ว่าฯ, นายอำเภอนาน้อย และตำรวจภูธรจังหวัดน่าน และตำรวจท้องที่ เพื่อการขับเคลื่อน ซึ่งจะไม่ปล่อยให้ล่าช้า เราจะเร่งช่วยเหลือให้อย่างจริงจัง โดยเร็วที่สุด” ร้อยเอก ธรรมนัส กล่าว

ที่มา : facebook.com/PPRPThailand/
เมื่อวันที่ : 29 พฤศจิกายน 2564

ธรรมนัส-นฤมล เปิดสาขา พปชร.ขอนแก่น ผนึกทีม ส.ส. ขับเคลื่อนนโยบาย

, ,

ธรรมนัส-นฤมล เปิดสาขา พปชร.ขอนแก่น ผนึกทีม ส.ส.ขับเคลื่อนนโยบายสู้ศึกเลือกตั้ง

“ธรรมนัส-นฤมล” นำคณะลุยอีสานไม่หยุด ล่าสุด ร่วมประชุมจัดตั้งสาขาพรรคและคณะกรรมการสาขาพรรคพลังประชารัฐ จังหวัดขอนแก่น เขตเลือกตั้งที่ 1 ย้ำร่วมมือเป็นหนึ่งเดียว มีความเข้มแข็ง สามัคคีกัน เพื่อผลักดันขับเคลื่อนนโยบายพรรคฯ เตรียมสู้ศึกเลือกตั้งครั้งหน้า และมั่นใจกวาดที่นั่ง ส.ส.เพิ่มมากขึ้น

วันที่ 20 พฤศจิกายน 2564 ณ ห้องประชุมเทศบาลเมืองศิลา ตําบลศิลา อําเภอเมืองขอนแก่น จังหวัดขอนแก่น ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) พร้อมด้วย ,ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เหรัญญิก พรรคฯ,นายเอกราช ช่างเหลา ส.ส.ระบบบัญชีรายชื่อ พปชร.ในฐานะประธานยุทธศาสตร์พรรคฯภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน, นายวัฒนา ช่างเหลา และ นายสมศักดิ์ คุณเงิน ส.ส.ขอนก่น พปชร. ร่วมประชุมเพื่อจัดตั้งสาขาพรรคพลังประชํารัฐ จังหวัดขอนแก่น เขตเลือกตั้งที่ 1 โดยสมาชิกพรรคฯที่มีภูมิลําเนาในเขตเลือกตั้ง มารายงานตัว และลงทะเบียนเข้าประชุมเป็นจำนวนมาก ภายใต้มาตรการป้องกันโควิด-19 อย่างเข้มงวด

ทั้งนี้ ที่ประชุมได้ดำเนินการคัดเลือกสาขาพรรคกํารเมืองจังหวัดขอนแก่น เขตเลือกตั้งที่ 1 ตามลำดับ ทั้งการคัดเลือกคณะกรรมการสาขาพรรคฯ กำหนดไม่น้อย กว่า 7 คน โดยให้ที่ประชุมลงมติแบบเปิดเผย(ยกมือ) ก่อนจะเลือกตําแหน่งหัวหน้าสาขา ซึ่งสมาชิกเสนอชื่อผู้ที่สมควรได้รับเลือกเป็นหัวหน้า และมีผู้รับรองเกินกว่า 2 คน ให้ที่ประชุมลงมติโดยการเปิดเผยเช่นกัน จากนั้นเลือกรองหัวหน้า เลขานุการ เหรัญญิก และนายทะเบียนสมาชิกสาขา ให้สมาชิกเสนอชื่อผู้ที่สมควรได้รับเลือก เป็นนายทะเบียนสมาชิก พร้อมผู้ช่วยนายทะเบียน โดยทุกตำแหน่งดังกล่าว ให้สมาชิกเสนอชื่อผู้ที่สมควรได้รับเลือก โดยมีผู้รับรองเกินกว่า 2 คน ให้ที่ประชุมลงมติโดยการเปิดเผยเช่นเดียวกัน เมื่อขั้นตอนเสร็จสิ้นแล้ว ก็มีการกำหนดสถานที่ตั้งสาขาพรรคการเมืองจังหวัดขอนแก่น เขตการเลือกตั้งที่ 1 และสรุปผลการประชุมพร้อมข้อเสนอแนะกํารขับเคลื่อนของสาขาพรรคการเมือง ซึ่งบรรยากาศเป็นอย่างเรียบร้อย

ด้านร้อยเอก ธรรมนัส ได้กล่าวในโอกาสพบปะกับผู้แทนสาขาพรรคการเมืองจังหวัดขอนแก่น เขต เลือกตั้ง ที่ 1 และสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ ช่วงหนึ่งว่า ขอชื่นชมและยินดีกับการดำเนินการ จัดตั้งสาขาพรรคพลังประชํารัฐ จังหวัดขอนแก่น เขตเลือกตั้งที่ 1 และคณะกรรมการสาขาพรรคที่เป็นไปอย่างเรียบร้อย สะท้อนความรักสามัคคีของสมาชิกพรรคฯ ที่จะร่วมกันขับเคลื่อนพัฒนาพรรคไปในทิศทางเดียวกันและสอดคล้องกับนโยบายของพรรค ที่มีท่านพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ที่เน้นย้ำต้องการเห็นความเข้มแข็ง เป็นหนึ่งเดียวของสมาชิกรวมถึงส.ส.ทุกคน เพื่อจะได้ร่วมกันผลักดันนโยบายบายของพรรค ที่ยึดมั่นเชิดชูในสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และมุ่งทำงานเพื่อแก้ปัญหาความเดือดร้อนให้พี่น้องประชาชนอยู่ดีกินดี มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ซึ่งพรรคได้ทำงานหนักผ่านกลไกของรัฐ ในฐานะแกนนำของรัฐบาล เพื่อขับเคลื่อนนโยบายให้มีผลสำเร็จเป็นรูปธรรมเพื่อประโยชน์ของประชาชน และประเทศชาติมาอย่างต่อเนื่อง

“การจัดตั้งสาขาพรรคพลังประชํารัฐ จังหวัดขอนแก่น เขตเลือกตั้งที่ 1 และคณะกรรมการสาขาพรรคในวันนี้ ถือว่ามีความสำคัญมาก เพราะขอนแก่นถือเป็นเมืองหลวงของภาคอีสาน ภาคอีสานจะเจริญหรือไม่ให้ดูที่ขอนแก่น และภาคอีสาน ถือว่ามีประชากรส่วนใหญ่ของประเทศ มีส.ส. ตามรัฐธรรมนูญเก่าถึง 132 ที่นั่ง การที่จะยกระดับพัฒนาภาคอีสาน จึงจำเป็นต้องพัฒนาขอนแกน่ให้เจริญก่อน ดังนั้นพรรคจึงให้ความสำคัญดังกล่าว และการจัดตั้งสาขาพรรคพลังประชํารัฐ จังหวัดขอนแก่น เขตเลือกตั้งที่ 1 วันนี้ จึงเป็นการเตรียมความพร้อมในการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึงในอนาคต ซึ่งตามระยะเวลาของรัฐบาลที่เหลือปีกว่าๆ ผมในฐานะแม่บ้านของพรรค และ ส.ส.ของพรรค จะทำงานร่วมกันกับ ส.ส.ของพรรคและคณะทำงานทุกฝ่ายอย่างเข้มข้นต่อไป จึงขอให้ทุกคนมีความมั่นใจในนโยบายของพรรคฯ ในการเลือกตั้งครั้งหน้า ภายใต้การนำของท่านหัวหน้าพรรค ที่มีเป้าหมายทำงานเพื่อชาติบ้านเมืองและพี่น้องประชาชน ซึ่งท่านหัวหน้าพรรคฯ ได้เน้นย้ำมาตลอดว่า ทุกคนต้องเป็นหนึ่งเดียวกัน เดินไปข้างหน้า เพื่อความเป็นปึกแผ่นของพรรคฯและเป็นที่พึ่งพาได้ของประชาชนต่อไป ” ร้อยเอก ธรรมนัส กล่าว

ขณะที่ ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เหรัญญิก พรรคฯ ได้เน้นย้ำเช่นกันว่า ขอให้ตัวแทนแทนพรรคและสมาชิกพรรคฯมั่นใจว่าภายใต้การนำของ พล.อ.ประวิตร พรรค พปชร.จะได้รับความไว้วางใจจากประชาชน และมีชัยชนะเพิ่มมากขึ้นแน่นอน จึงพร้อมเปิดโอกาสให้ ส.ส.ของพรรคฯแสดงศักยภาพอย่างเต็มที่ เพื่อร่วมกันขับเคลื่อนนโยบายพรรค ทั้งบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ที่มีประโยชน์ต่อประชาชน และช่วยกันพัฒนาบ้านเมืองอย่างเข้มแข็งต่อไป

ร้อยเอกธรรมนัส ยังให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน ด้วยว่า วันนี้พรรคฯมีการประชุมเพื่อหาตัวแทนและเลือกสาขาระดับภาค จากก่อนหน้านี้มีตัวแทนสาขาภาคเหนือและภาคใต้แล้ว จึงดำเนินการในส่วนภาคอีสานที่จังหวัดขอนแก่นในวันนี้ ซึ่งทุกอย่างก็เป็นไปอย่างเรียบร้อย ตามวัตถุประสงค์ของพรรค

ที่มา : facebook.com/PPRPThailand/
เมื่อวันที่ : 20 พฤศจิกายน 2564

“บิ๊กป้อม” ห่วงใย เกษตรกรผู้ปลูกลำไย ที่ได้รับผลกระทบของโรคโควิด-19

,

“บิ๊กป้อม” ห่วงใย เกษตรกรผู้ปลูกลำไย ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคโควิด-19 ทำให้ราคาลำไยตกต่ำขณะที่ต้นทุนสูงขึ้น สั่งด่วน ‘ธรรมนัส’ ลงพื้นที่เชียงราย เพื่อนำข้อเรียกร้องขอเยียวยา
ไร่ละ 2,000 บาท เสนอรัฐบาลทันที

วันที่ 13 พฤศจิกายน 2564 เวลา 10.30 น. ณ บริเวณลานอนุสาวรีย์ศาลสมเด็จพระนเรศวรมหาราช อำเภอแม่สรวย จังหวัดเชียงราย ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นประธานในการประชุมผู้นำเกษตรกรผู้ปลูกลำไยภาคเหนือ 8 จังหวัด โดยมี นายมานพ จินะนา ประธานสภาอาชีพเกษตรกร (สอก.) กล่าวรายงาน และนำคณะ รวมถึงตัวแทนเกษตรกรชาวสวนลำไยภาคเหนือ 8 จังหวัด ได้แก่ เชียงใหม่ ลำพูน เชียงราย พะเยา ลำปาง แพร่ น่าน และแม่ฮ่องสอน ให้การต้อนรับเป็นจำนวนมาก

โดย ร้อยเอก ธรรมนัสฯ กล่าวว่า พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ที่มีความห่วงใยพี่น้องชาวสวนลำไยภาคเหนือ 8 จังหวัด ที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคโควิด-19 ทำให้ราคาลำไยตกต่ำ ขาดแคลนแรงงาน การส่งออกลำไยมีปัญหา ปุ๋ยยามีราคาแพง ทำให้ต้นทุนสูงขึ้น จึงมอบหมายให้ตนเอง มาพบปะพี่น้องเกษตรกรชาวสวน ซึ่งเปรียบเสมือน พี่น้องร่วมสายเลือด ‘คนเมืองลูกข้าวนึ่ง’ ณ สถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ ซึ่งลำไย คือ ‘เส้นเลือดใหญ่’ ของชาวภาคเหนือ มายาวนาน ดังนั้นเส้นเลือดใหญ่นี้ จะต้องได้รับการดูแล ฟูมฟักและพัฒนาลำไยให้เป็นพืชเศรษฐกิจหลักของภาคเหนือ เราต้องทำให้ได้

โดยวันนี้ ยังได้รับหลักฐานประจักษ์ชัด คือการลงลายมือชื่อของสมาชิกสภาอาชีพเกษตรกร(สอก.) ภาคเหนือทั้ง 8 จังหวัด มากถึง 111,000 รายชื่อ เพื่อขอทราบผลการเยียวยาไร่ละ 2,000 บาท และการเสนอร่างกฎหมาย พ.ร.บ. ลำไย พ.ศ….อีกด้วย

ร้อยเอก ธรรมนัสฯ ยืนยันว่า จะเร่งนำข้อเสนอของสภาอาชีพเกษตรกร นำเสนอต่อพลเอก ประวิตรฯ โดยด่วนที่สุด เพื่อพิจารณาและประสานหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้องเพื่อเยียวยาพี่น้องเกษตรกรชาวสวนลำไย ไร่ละ 2,000 บาท เพื่อใช้เป็นต้นทุนในการผลิตลำไยฤดูกาลใหม่นี้ โดยคาดว่าจะดำเนินการให้แล้วเสร็จโดยเร็ว เพื่อเป็นของขวัญปีใหม่ 2565 ให้แก่เกษตรกรชาวสวนลำไย และในฐานะเลขาธิการพรรค แกนนำรัฐบาล จะนำเสนอกฎหมาย พ.ร.บ.ลำไยให้รัฐสภาดำเนินการต่อไป

“ผมพร้อมเสมอที่จะรับฟังปัญหาทั้งด้านเกษตร ด้านเศรษฐกิจ และด้านอื่น ๆ ในทุกมิติ เพราะทุกข์ของเกษตรกรคือทุกข์ของแผ่นดิน ผมสำนึกเสมอว่าผมคือเลือดเนื้อเชื้อไขของลูกข้าวนึ่ง ผมและคณะพร้อมแก้ไขทุกปัญหาให้เกษตรกรพ้นทุกข์ และผมพร้อมจะนำพวกเราเดินทางร่วมกันก้าวไปข้างหน้า เพื่อชีวิตที่ดีกว่าต่อไป” ร้อยเอก ธรรมนัสฯ กล่าว

ด้าน นายมานพ จินะนา ประธานสภาอาชีพเกษตรกร(สอก.) กล่าวว่า เกษตรกรชาวสาวลำไยภาคเหนือ 8 จังหวัด มีเครือข่ายทั้งสิ้น 115 เครือข่าย ครอบคลุมทุกจังหวัด จำนวนสมาชิกมากกว่า 250, 000 ครอบครัว พื้นที่ปลูกรวมกันมากกว่า 1.2 ล้านไร่ มีผลผลิตรวมกันมากกว่า 1 ล้านตัน และในนาม สภาอาชีพเกษตรกร ของชาวสวนลำไยภาคเหนือได้ดำเนินการขอรับการช่วยเหลือเยียวยาภายหลังฤดูการเก็บเกี่ยว ตั้งแต่เดือน กรกฎาคม-กันยายน 2564 เนื่องจากได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคโควิด -19 ทำให้ราคาลำไยตกต่ำ ขาดแคลนแรงงาน การส่งออกลำไยมีปัญหา ปุ๋ยยามีราคาแพง ชาวสวนลำไยขาดทุนอย่างแสนสาหัส และได้นำปัญหาดังกล่าวเสนอต่อ คณะกรรมาธิการแก้ไขปัญหาราคาผลิตผลเกษตรกรรมสภาผู้แทนราษฎร พร้อมยื่นหนังสืขอความช่วยเหลือเยียวยาต่อผู้ว่าราชการจังหวัดใน 8 จังหวัดภาคเหนือ เมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 2564 ที่ผ่านมา และในวันนี้พวกเราผู้นำเกษตรกรผู้ปลูกลำไยได้รวบรวมรายชื่อ 111,000 รายชื่อ เพื่อนำเสนอต่อ ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ในฐานะพรรคแกนนำหลักของรัฐบาล เพื่อขอทราบคำตอบดังนี้
1. เรื่องการเยียวยาให้เกษตรกรผู้ปลูกลำไยไร่ละ 2,000 บาท ไม่เกิน 25 ไร่ ในฤดูกาล ปี 2564 นี้ จะได้รับการเยียวยาเมื่อใด เพื่อที่จะได้นำเงินไปเป็นตันทุนการผลิตลำไยคุณภาพในฤดูกาล ปี 2565 ต่อไป
2. พวกเราขอนำรายชื่อผู้นำ สมาชิกและครอบครัวจำนวน 111,000 รายชื่อ พร้อมกับ (ร่าง) พ.ร.บ.ลำไย พ.ศ….เสนอต่อพรรคการเมืองและรัฐบาล เพื่อพิจารณาดำเนินการในกระบวนการทางรัฐสภาโดยด่วนที่สุดต่อไป ให้สมกับคำว่า “ลำไยคือ พืชเศรษฐกิจของภาคเหนือ ข้าวภาคกลาง ยางภาคใต้ ลำไยภาคเหนือ”

“ทางสภาอาชีพเกษตรกร ขอขอบคุณ และขอส่งกำลังใจทั้งหนึ่งแสนหนึ่งหมื่นดวงเป็นกำลังใจให้ท่านผ่านอุปสรรค์ทั้งปวง และให้ท่าน ร้อยเอก ธรรมนัส พรหมเผ่า “ลูกข้าวนึ่ง” ที่กล้าหาญและพร้อมเป็นผู้นำการเปลี่ยนแปลงในทางก้าวหน้ามาสู่ภาคเหนือของเราอย่างเป็นรูปธรรม มีเอกภาพ มีผลงานที่จับต้องได้ โดยเฉพาะการเยียวยาชาวสวนลำไยไร่ละ 2,000 บาท ซึ่งในปีที่ผ่านมา ท่านได้ช่วยเหลือพวกเราในวงเงินสูงกว่า 3,400 ล้านบาท เราเชื่อมั่นใน สโลแกนของพรรค “ใจถึงพึ่งได้” และให้ความเชื่อมั่นในเลขาธิการพรรค ‘พูดคำไหน คำนั้น พร้อมกันนี้ขอขอบคุณท่านและคณะผ่านไปยังรัฐบาล ที่มองเห็นปัญหาสำคัญของเกษตรกรผู้ปลูกลำไยภาคเหนือ และได้ให้การช่วยเหลือเป็นเบื้องต้นมาโดยลำดับ การเยียวยาเป็นการ “ต่อลมหายใจ และสร้างโอกาส” การตรากฎหมาย พ.ร.บ.ลำไย คือหัวใจของเกษตรกร” นายมานะ กล่าว

ที่มา : www.facebook.com/PPRPThailand/
เมื่อวันที่ : 13 พฤศจิกายน 2564