โลกเปลี่ยน ไทยต้องปรับ ทางเลือกใหม่ของการเมืองไทย ก้าวข้ามความขัดแย้ง สานพลังประชาราษฎร์ ร่วมสร้างชาติให้ยั่งยืน

หมวดหมู่: กิจกกรม ส.ส. สกลธี ภัททิยกุล

สกลธี ควง บุณณดา ปราศรัยชูนโยบายปากท้องเพื่อพี่น้องย่านฝั่งธน พร้อมย้ำจุดยืนไม่ร่วมกับพรรคการเมืองที่จะแก้ไข ม.112

,

สกลธี ควง บุณณดา ปราศรัยชูนโยบายปากท้องเพื่อพี่น้องย่านฝั่งธน พร้อมย้ำจุดยืนไม่ร่วมกับพรรคการเมืองที่จะแก้ไข ม.112

เมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม 2566 นายสกลธี ภัททิยกุล กรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ และหัวหน้าทีมผู้สมัคร ส.ส.กรุงเทพฯ ของพรรคฯ ลงพื้นที่ลานออกกำลังกายชุมชนวัดโมลีฯ ใต้สะพานข้ามคลองบางกอกใหญ่ เขตบางกอกใหญ่ กรุงเทพฯ ร่วมกับ ดร.บุณณดา สุปิยพันธุ์ ผู้สมัคร ส.ส.เขตเลือกตั้งที่ 32 เขตบางกอกน้อย (เฉพาะแขวงศิริราช) เขตบางกอกใหญ่ เขตภาษีเจริญ (ยกเว้นแขวงบางหว้า แขวงบางด้วน และแขวงคลองขวาง) เขตตลิ่งชัน (เฉพาะแขวงบางเชือกหนัง) เขตธนบุรี (เฉพาะแขวงวัดกัลยาณ์ แขวงหิรัญรูจี และแขวงบางยี่เรือ) หมายเลข 6 เพื่อพบปะประชาชน พร้อมชูนโยบายหลักของพรรคประชารัฐเพื่อชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีของพี่น้องย่านฝั่งธน

​นายสกลธีกล่าวว่า ในย่านนี้จะเป็นหมุดหมายการท่องเที่ยวแห่งใหม่ เพราะมีความน่าสนใจที่เป็นชุมชนริมแม่น้ำเจ้าพระยา มีเรื่องราวในชุมชนมากมายที่สามารถนำมาสร้าง Story ดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างประเทศได้ แต่ยังขาดการสนับสนุนจากรัฐและท้องถิ่นอย่างยั่งยืน เพราะงบประมาณไม่เพียงพอ ซึ่งพรรคพลังประชารัฐจะนำกองทุนประชารัฐ 3 แสนล้านมาช่วยพัฒนาจุดนี้เพิ่มขึ้นได้ ซึ่งจะทำให้เกิดการสร้างงานสร้างรายได้ให้คนในพื้นที่นี้ต่อไป

“พรรคพลังประชารัฐย้ำมาตลอดว่าเรามีจุดยืนที่จะไม่ร่วมกับพรรคการเมืองที่จะแก้ไข ม.112 เพราะเรื่องนี้ไม่ได้ทำให้ประชาชนรวยขึ้นหรือจนลง ควรมองไปที่นโยบายที่จะทำให้ความเป็นอยู่ของทุกคนดีขึ้น ดังนั้นถ้ามีเงื่อนไขว่าถ้าจะร่วมตั้งรัฐบาลกับเขาแล้วต้องเอาอันนี้ด้วย แล้วทำให้ประเทศลุกเป็นไฟ เราไม่เอาแน่นอน รวมถึงเรื่องนโยบายที่เอาไปใช้แล้วประเทศล่มจมทางเศรษฐกิจ เราก็ไม่เอาเหมือนกัน”

​ด้าน ดร.บุณณดา สุปิยพันธุ์ กล่าวว่า พล.อ.ประวิตรมีจุดยืนที่ชัดเจนเรื่องการก้าวข้ามความขัดแย้ง และสามารถนำพาประเทศให้เดินไปข้างหน้าได้โดยไม่ทำให้เกิดการกระทบกระทั่งกัน แม้ลุงป้อมจะโดนบูลลี่ล้อเลียนในโลกโซเชี่ยลอย่างไร ก็ไม่เคยตอบโต้ และบอกสมาชิกพรรคไม่ให้ตอบโต้ ขัดแย้ง และสาดโคลนใส่กัน เพราะท่านเห็นคนรุ่นใหม่เป็นเหมือนลูกหลาน สิ่งที่ลุงป้อมคิดมีเพียงแต่จะทำให้ลูกหลาน ทำให้ประเทศชาติเท่านั้น จึงอยากขอฝากทุกคนในเขตเลือกตั้งที่ 32 บัตรสีม่วงกาเบอร์ 6 บัตรสีเขียวทั่วประเทศกาเบอร์ 37 ด้วย เพื่อความสุขสงบของชาติและเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีของพี่น้องประชาชน

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 9 พฤษภาคม 2566

“สกลธี” ลงพื้นที่ชุมชนพลโยธิน24 ชูนโยบายรถEV รับส่งคนไปสถานีรถไฟฟ้า มั่นใจปักธงเขตนี้ได้

,

“สกลธี” ลงพื้นที่ชุมชนพลโยธิน24 ชูนโยบายรถEV รับส่งคนไปสถานีรถไฟฟ้า มั่นใจปักธงเขตนี้ได้

เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2566 นายสกลธี ภัททิยกุล กรรมการบริหารและหัวหน้าทีมผู้สมัคร ส.ส.กทม.พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ลงพื้นที่บริเวณชุมชนซอยพหลโยธิน 24 ร่วมกับ นายรังสรรค์ กียปัจจ์ ผู้สมัครรับเลือกตั้งหมายเลข 7 เขตเลือกตั้งที่ 8 เขตหลักสี่ (ยกเว้นแขวงตลาดบางเขน) เขตจตุจักร (ยกเว้นแขวงจันทรเกษมและแขวงเสนานิคม) เพื่อพบปะพี่น้องประชาชน

นายสกลธี กล่าวว่า การลงพื้นที่ในวันนี้เพื่ออธิบายให้ประชาชนเข้าใจถึงนโยบายสวัสดิการผู้สูงอายุ ‘3-4-5-6-78’ โดยผู้สูงอายุที่อายุ 60 ปีขึ้นไปจะได้รับเบี้ยผู้สูงอายุ 3,000 บาท/เดือน อายุ 70 ปีขึ้นไปจะได้รับ 4,000 บาท/เดือน และอายุ 80 ปีขึ้นไปจะได้รับ 5,000 บาท/เดือน และนโยบายลดค่าครองชีพ โดยการลดราคาน้ำมันเบนซิน 18 บาทต่อลิตร ลดราคาน้ำมันดีเซล 6.30 บาทต่อลิตร แก๊สหุงต้ม (15 กก.) เหลือถังละ 250 บาท ค่าไฟฟ้าจากราคา 4.77 บาทต่อหน่วย เหลือ 2.50 บาทต่อหน่วย ซึ่งประชาชนหลายคนก็ให้ความสนใจในนโยบายดังกล่าวมาก

นายสกลธี ยังกล่าวอีกว่าบริเวณโซนนี้เป็นศูนย์กลางของการเดินทางและเป็นพื้นที่ประชาชนอยู่กันหนาแน่น อีกทั้งอยู่ใกล้สถานีรถไฟฟ้าหลายสายทั้งในเขตจตุจักรและเขตหลักสี่ ซึ่งในอนาคตบริเวณตรงนี้ก็จะเป็นเหมือนจุดเปลี่ยนถ่ายการคมนาคม ดังนั้นทาง พปชร.มีนโยบายที่จะเข้ามาดูแลเรื่องรถรับส่งไฟฟ้า (EV) เพื่อระบายคนไปยังสถานีรถไฟฟ้าได้ง่ายขึ้น อีกทั้งช่วยลดปริมาณการใช้รถส่วนตัวและปัญหาการจราจรติดขัดอีกด้วย

พื้นที่ตรงนี้ตนมาความคาดหวังอย่างมาก เนื่องจากตรงนี้เป็นเขตเก่าที่เคยเป็น ส.ส. ตอนตนลงผู้ว่าฯ กทม. ก็ได้คะแนนเป็นรองแค่คุณชัชชาติ อีกทั้งผู้สมัครในโซนนี้ทั้ง 2 ท่าน คือนายรังสรรค์และนายอนันตชาติก็มีประสบการณ์และทำงานหนักอยู่ในพื้นที่มาตลอดเกือบ 20 ปี อีกทั้งนโยบายของพรรคที่ตอบโจทย์ประชาชน ก็คิดว่าตรงนี้เรามีโอกาสได้รับความไว้วางใจจากพี่น้องประชาชน

ด้าน นายรังสรรค์ กียปัจจ์ ผู้สมัครรับหมายเลข 7 กล่าวว่า ตนมีความมุ่งมั่นและประสบการณ์ในพื้นที่มายาวนาน มั่นใจว่าได้รับความไว้วางใจจากพี่น้องประชาชนให้เข้ามาสานต่อพัฒนาพื้นที่เขตนี้ต่อไป

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 2 พฤษภาคม 2566

“สกลธี” ลงพื้นที่ริมชายฝั่งทะเลบางขุนเทียน อาสาแก้ปัญหาน้ำทะเลกัดเซาะ-พัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยว มั่นใจ “ลุงป้อม”ไม่มีปัญหาถือครองหุ้น

,

“สกลธี” ลงพื้นที่ริมชายฝั่งทะเลบางขุนเทียน อาสาแก้ปัญหาน้ำทะเลกัดเซาะ-พัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยว มั่นใจ “ลุงป้อม”ไม่มีปัญหาถือครองหุ้น

​เมื่อวันที่ 26 เมษายน 2566 นายสกลธี ภัททิยกุล กรรมการบริหารและหัวหน้าทีมผู้สมัคร ส.ส.กทม.พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) พื้นที่สำรวจชายฝั่งทะเล เขตบางขุนเทียน กรุงเทพฯ ร่วมกับ นายอนุชาญ กวางทอง ผู้สมัครรับเลือกตั้ง เขต 26 เขตบางขุนเทียน (เฉพาะแขวงท่าข้าม) เขตจอมทอง (ยกเว้นแขวงบางขุนเทียน) หมายเลข 3 พร้อมลงเรือสำรวจแนวน้ำทะเลกัดเซาะชายฝั่งและพบแกนนำชาวบ้านเพื่อรับทราบถึงปัญหาพร้อมชี้แจงแนวทางแก้ไข

​นายสกลธีกล่าวว่า ปัญหาตรงนี้ที่พบคือเรื่องปัญหาน้ำทะเลกัดเซาะชายฝั่งและถนนสัญจร ซึ่งงบประมาณของท้องถิ่นอย่างเดียวไม่สามารถทำได้ ทั้งนี้ นโยบายพรรค พปชร.จะมีกองทุนประชารัฐ 3 แสนล้านบาท เข้ามาช่วยอุดหนุนท้องถิ่นเพื่อช่วยพัฒนาถนนและทำแนวเขื่อนป้องกัน พร้อมกับพัฒนาพื้นที่ตรงนี้เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ยังยืนเพื่อให้ประชาชนมีรายได้ต่อไป

​“ตรงนี้มีศักยภาพที่จะพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญ เพียงแต่ที่ผ่านมายังไม่มีการเข้ามาช่วยสนับจากภาครัฐอย่างเพียงพอ ผมมั่นใจว่าด้วยนโยบายและความตั้งใจของผม เราจะทำให้ตรงนี้เป็นจุดท่องเที่ยวแห่งใหม่และจะแก้ปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งให้กับพี่น้องชาวบางขุนเทียนได้”

​ส่วนกรณี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ถือครองหุ้นของบริษัท อาจเข้าข่ายตามลักษณะต้องห้ามของการเป็นผู้สมัคร ส.ส. นายสกลธีกล่าวว่า ในส่วนนี้ไม่เป็นห่วงเพราะเท่าที่ทราบท่านไม่เคยซื้อหุ้นในส่วนนี้เลย แต่ท่านก็ปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการกฎหมาย ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบได้อย่างเต็มที่

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 26 เมษายน 2566

“สกลธี” มั่นใจ พปชร.ไม่มีปัญหาหุ้นสื่อ

,

“สกลธี” มั่นใจ พปชร.ไม่มีปัญหาหุ้นสื่อ

​เมื่อวันที่ 25 เมษายน 2566 นายสกลธี ภัททิยกุล กรรมการบริหาร และหัวหน้าทีมผู้สมัคร ส.ส.กทม.พรรคพลังประชารัฐ ลงพื้นที่สวนเสรีไทย เขตบึงกุ่ม กรุงเทพฯ ร่วมกับ “อ้น” ณิรินทร์ เงินยวง ผู้สมัครรับเลือกตั้ง เขต 15 (คันนายาว-บึงกุ่ม) หมายเลข 8 เพื่อพบปะประชาชน

​โดย น.ส.ณิรินทร์กล่าวว่า สวนเสรีไทยนี้เป็นหนึ่งในสวนตัวอย่างของ กทม.ที่ไม่ต้องมีขนาดใหญ่มาก แต่เข้าถึงง่าย ใกล้กับหมู่บ้านแหล่งชุมชน ผู้สูงอายุสามารถเดินออกกำลังรอบสวนได้ มีความปลอดภัยเพราะมี รปภ.ดูแลตลอด ตนจึงอยากให้มีการสร้างสวนแบบนี้เพิ่มขึ้นอีกหลายแห่งใน กทม.

​นายสกลธีกล่าวว่า เป็นนโยบายของพรรคพลังประชารัฐที่ต้องเพิ่มพื้นที่สีเขียวใน กทม. โดยเฉพาะการสร้างสวนขนาดเล็กที่ประชาชนสามารถเดินถึงได้ภายใน 15 นาที แต่งบประมาณของท้องถิ่นอย่างเดียวไม่สามารถทำได้ พรรคพลังประชารัฐจึงจะตั้งกองทุนประชารัฐ 3 แสนล้านบาทขึ้นเพื่อมาช่วยท้องถิ่นพัฒนาพื้นที่ ซึ่งเป็นนโยบายสำคัญของพรรค

​“ปัญหาด้านสาธารณสุขต้องแก้ที่ต้นเหตุ ไม่ต้องรอป่วยแล้วไปโรงพยาบาลเพื่อรักษาโรค แต่เราอยากให้ทุกคนมีสุขภาพดีตั้งแต่ต้น พรรคจึงมีนโยบายส่งเสริมให้ทุกคนออกกำลังกาย และเชื่อมข้อมูลกับสมาร์ทวอชหรือโทรศัพท์มือถือ นำข้อมูลการออกกำลังกายมาแลกของรางวัลจากรัฐบาล เช่น ส่วนลดค่าน้ำค่าไฟ หรือการลดภาษีได้”

​เมื่อถามถึงการตอบรับจากประชาชนในพื้นที่ นายสกลธีกล่าวว่า ก่อนหน้านี้ นายทิวา เงินยวง เป็น ส.ส.น้ำดี มีผลงานมากมาย เมื่อมีทายาทอย่าง น.ส.ณิรินทร์มาอาสาดูแลพี่น้องประชาชนต่อ ทุกคนจึงให้การตอบรับเป็นอย่างดี
​“ส่วนกรณีที่ กกต.กำลังพิจารณาคุณสมบัติของผู้สมัคร ส.ส.หลายคน เรื่องการถือครองหุ้นนั้น ยืนยันว่าทั้ง พล.อ.ประวิตรและพรรคพลังประชารัฐทำตามที่กฎหมายระบุอยู่แล้ว ส่วนการตีความก็ให้เป็นหน้าที่ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง”

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 25 เมษายน 2566

“สกลธี” ควง “บุณณดา” เบอร์6 ลงพื้นที่ฝั่งธนขอเสียง ปชช. ชูกองทุนประชารัฐ3แสนล.-สร้างรายได้ให้ชุมชน

,

“สกลธี” ควง “บุณณดา” เบอร์6 ลงพื้นที่ฝั่งธนขอเสียง ปชช. ชูกองทุนประชารัฐ3แสนล.-สร้างรายได้ให้ชุมชน

นายสกลธี ภัททิยกุล กรรมการบริหารและหัวหน้าทีมผู้สมัคร ส.ส.กทม.พรรคพลังประชารัฐ (พปชร. ) ลงเรือที่ท่าวัดอรุณ เข้าคลองบางกอกใหญ่ เยี่ยมชมพระพุทธรูปองค์ใหญ่วัดปากน้ำภาษีเจริญ และขึ้นท่าตลาดน้ำคลองบางหลวงเดินหาเสียงชูนโยบายกองทุนประชารัฐ 3 แสนล้านพัฒนาย่านท่องเที่ยวฝั่งธน ร่วมกับ ดร.บุณณดา สุปิยพันธุ์ ผู้สมัคร ส.ส.เขตเลือกตั้งที่ 32 หมายเลข 6 เป็นผู้สมัคร 5 เขต 11 แขวง ประกอบไปด้วย เขตบางกอกใหญ่ เขตธนบุรี (เฉพาะแขวงบางยี่เรือ วัดกัลยาณ์ หิรัญรูจี) เขตภาษีเจริญ (ยกเว้นแขวงบางหว้า บางด้วนและคลองขวาง) เขตตลิ่งชัน (เฉพาะแขวงบางเชือกหนัง) เขตบางกอกน้อย (เฉพาะแขวงศิริราช) เป็นการเพบปะประชาชน พร้อมชูนโยบายพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวริมคลอง เพื่อสร้างรายได้ที่ยั่งยืน ให้ชุมชน

“โซนฝั่งธนนี้มีจุดท่องเที่ยว วัดวาอาราม คลองเล็กคลองน้อย วิถีชีวิตชุมชน ร้านอาหารอร่อยมากมายสามารถพัฒนาให้ดีกว่านี้ได้แน่นอน ถ้าเลือกทีม กทม.พลังประชารัฐเข้าไปทำงานพัฒนาด้วยกองทุนประชารัฐ 300,000 ล้านบาท ซึ่งสามารถอุดช่องว่างเรื่องงบประมาณท้องถิ่นที่ไม่เพียงพอต่อการพัฒนาซึ่งกรุงเทพฯ มีวัตถุดิบที่ดีมากอยู่แล้ว แค่ขาดคนที่รู้จริง และขาดงบประมาณที่จะเข้าไปพัฒนา ผมขอฝาก ดร.เอ๋ เขตเลือกตั้งที่ 32 เบอร์ 6 ซึ่งเป็นคนฝั่งธน ตั้งใจเข้าไปพัฒนาฝั่งธนบุรีให้เป็นแหล่งเศรษฐกิจที่มั่นคงและยั่งยืน

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 22 เมษายน 2566

สกลธี – ฟิล์ม รัฐภูมิ ลงพื้นที่วัดย่านาค – ชุมชนหลังสถานีรถไฟหัวหมาก ชู “ซอฟต์พาวเวอร์” แหล่งท่องเที่ยวชุมชน

,

สกลธี – ฟิล์ม รัฐภูมิ ลงพื้นที่วัดย่านาค – ชุมชนหลังสถานีรถไฟหัวหมาก ชู “ซอฟต์พาวเวอร์” แหล่งท่องเที่ยวชุมชน

วันที่ 9 เมษายน 2566 นายสกลธี ภัททิยกุล กรรมการบริหารและหัวหน้าทีมผู้สมัคร ส.ส.กรุงเทพฯ พรรคพลังประชารัฐ ร่วมกับนายรัฐภูมิ โตคงทรัพย์ หรือ “ฟิล์ม รัฐภูมิ” ผู้สมัคร ส.ส.กทม. เขตเลือกตั้งที่ 22 (สวนหลวง-ประเวศ) หมายเลข 1 ลงพื้นที่วัดมหาบุศย์และชุมชนหลังสถานีรถไฟหัวหมาก พร้อมชูนโยบายพัฒนาแหล่งท่องเที่ยวชุมชน
นายสกลธี กล่าวว่า การลงพื้นที่ครั้งนี้ทำให้มั่นใจว่าจะสามารถใช้กองทุนประชารัฐ 3 แสนล้านบาท ช่วยพัฒนากรุงเทพฯ ให้ดีขึ้นอย่างแน่นอน โดยเฉพาะการสร้างแหล่งท่องเที่ยว จุดเช็คอินให้กระจายให้ทั่วทุกเขตใน กทม. ไม่ต้องไปกระจุกอยู่ในพื้นที่ชั้นในอย่างสุขุมวิท เยาวราช หรือถนนข้าวสาร ซึ่งในพื้นที่เขตสวนหลวง เขตประเวศ มีจุดที่ฟิล์ม-รัฐภูมินำเสนออยากทำเป็นจุดท่องเที่ยวท้องถิ่นที่ยั่งยืน แต่ใช้งบ กทม.ทำอย่างเดียวคงไม่ได้เพราะงบประมาณจำกัด รัฐบาลกลางต้องเข้าไปช่วย เช่น เพิ่มเส้นทางเดินเรือ เพิ่มสิ่งอำนวยความสะดวกให้นักท่องเที่ยวหรือการแก้ปัญหาน้ำท่วมในพื้นที่ ทั้งนี้จะทำให้การทำงานของรัฐบาลกลางและท้องถิ่นอย่าง กทม.แนบแน่นขึ้น ตรงกับที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ย้ำเสมอว่าเราจะมาทำงานให้คนไทยทุกคน

ขณะที่นายรัฐภูมิ โตคงทรัพย์ หรือ “ฟิล์ม รัฐภูมิ” ” ผู้สมัคร ส.ส.กทม. เขตเลือกตั้งที่ 22 (สวนหลวง-ประเวศ) หมายเลข 1 กล่าวเสริมว่า เราต้องใช้กองทุนประชารัฐ 3 แสนล้าน สร้าง Soft Power ให้เกิดขึ้น โดยในเขตสวนหลวง-ประเวศ มีทุนที่ดีอย่างย่านาค ซึ่งเป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยวทั่วโลก โดยเฉพาะชาวจีนที่เข้ามาไหว้ย่านาคปีละหลายแสนคน โดยตนจะไม่ทำเพียงจุดเดียว แต่จะใช้นโยบาย “สวนหลวง Number 1” โปรโมท “สถานที่ท่องเที่ยว 9 ที่ : 7 วัด 1 มัสยิด 1 ศาลเจ้า” ซึ่งสามารถเดินทางเข้าถึงได้ทั้งทางรถ-ทางเรือ ดึงนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติเข้าเขตสวนหลวง ซึ่งตนมั่นใจว่าจะทำสำเร็จได้ไม่เกิน 9 เดือน
“การพบพี่น้องประชาชนในฐานะผู้สมัคร ส.ส. ต่างจากตอนเป็นนักร้อง ตอนเป็นนักร้องคนจะเข้ามากรี๊ด มาถ่ายรูป แต่ตอนเป็นนักการเมืองจะมีคนมากอดร้องไห้ขอให้ช่วยเหลือ ตนดีใจที่คุณสกลธีและพรรคพลังประชารัฐให้โอกาส ตนมั่นใจว่าจะสามารถเข้ามาช่วยให้เขาหายทุกข์และทำให้เขามีความสุขได้ แต่จะได้หรือไม่ได้ขึ้นอยู่กับความเมตตาของพี่น้องประชาชนด้วย”

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 10 เมษายน 2566