โลกเปลี่ยน ไทยต้องปรับ ทางเลือกใหม่ของการเมืองไทย ก้าวข้ามความขัดแย้ง สานพลังประชาราษฎร์ ร่วมสร้างชาติให้ยั่งยืน

หมวดหมู่: ข่าวกิจกรรม

“ส.ส.จอมขวัญ” จี้กรมทางหลวง-ทางหลวงชนบทเร่งซ่อมผิวถนน

, ,

“ส.ส.จอมขวัญ” จี้กรมทางหลวง-ทางหลวงชนบทเร่งซ่อมผิวถนน กระทบเส้นทางสัญจรของชาว จ.สมุทรสาครหลังเผชิญน้ำท่วม

นางสาวจอมขวัญ กลับบ้านเกาะ ส.ส.สุมทรสาคร เขต 3 พรรคพลังประชารัฐ กล่าวหารือในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ถึงปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนในพื้นที่ ต.หลักสาม, ต.ยกกระบัตร, ต.หนองสองห้อง ในพื้นที่ อ.บ้านแพ้ว และ ต.บางโทรัด ในพื้นที่ อ.เมือง จ.สมุทรสาคร ที่ได้รับความเดือดร้อนจากน้ำท่วมผิวถนน ได้แก่ ทางหลวงหมายเลข 3274 ในพื้นที่ ต.หลักสาม และ ต.บางโทรัด ระยะทาง 6,178 เมตร โดยขอให้ยกระดับคันทางในส่วนที่น้ำล้นขึ้นท่วมผิวทางในช่วง กม.ที่ 5+272 ถึง กม.ที่ 6+178 พร้อมปรับระดับผิวทางที่เกิดความเสียหายและทรุดตัวระหว่าง กม.ที่ 0+000 ถึง กม.ที่ 5+272

นอกจากนี้ ยังขอให้กรมทางหลวงชนบทดำเนินการปรับปรุงผิวแอสฟัลติกคอนกรีต (Asphaltic Concrete) พร้อมระบบท่อระบายน้ำ ถนนสาย สค. 3010 แยกทางหลวงหมายเลข 375 บ้านโคกวัดดอนสมุทรสาคร บริเวณหมู่ที่ 1 ต.หนองสองห้อง อ.บ้านแพ้ว จ.สมุทราสาคร ช่วง กม.ที่ 7+200 ถึง กม.ที่ 9 +000 ระยะทาง 1,800 เมตร

ทั้งนี้ ถนนทั้ง 2 เส้นนี้เกิดน้ำท่วมที่ซ้ำซาก กระทบต่อการสัญจรของประชาชนในพื้นที่เป็นอย่างมาก โดยเฉพาะในช่วงฝนตกและน้ำทะเลหนุน จึงขอเรียนผ่านท่านประธานสภาฯ ไปยังกรมทางหลวงและกรมทางหลวงชนบท กระทรวงคมนาคม ได้โปรดพิจารณาดำเนินการซ่อมบำรุงถนนดังกล่าว ตามที่ประชาชนร้องอย่างเร่งด่วน เนื่องจากประชาชนได้รับความเดือดร้อนเป็นอย่างมาก

ที่มา : facebook.com/PPRPThailand/
เมื่อวันที่ : 1 ธันวาคม 2564

ส.ส. กรณิศ เสนอ การไฟฟ้าเบรกเพิ่มค่าไฟฟ้ารอบบิล ม.ค. – เม.ย. ปี 65

, ,

ส.ส. กรณิศ เสนอ การไฟฟ้าเบรกเพิ่มค่าไฟฟ้ารอบบิล ม.ค. – เม.ย. ปี 65 วอนลดค่าใช้จ่ายปชช. หลังเจอผลกระทบโควิดยาว 2 ปี รายได้ลด – ตกงาน

นางกรณิศ งามสุคนธ์รัตนา ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ กล่าวหารือในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ในประเด็น หาแนวทางลดภาระค่าใช้จ่ายจากค่าไฟฟ้าที่ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นในช่วงต้นปี 2565 ด้วยสภาวะที่ประชาชนต้องแบกรับภาระจากผลกระทบการแพร่ระบาดโควิด-19 ตลอด 2 ปีที่ผ่านมา ทำให้มีรายได้ลดลง ไม่มีงานทำ ขณะที่ค่าใช้จ่ายยังคงเดิม แม้ว่ารัฐบาลออกจะมาตรการช่วยเหลือ แต่ยังไม่สามารถครอบคลุมค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น และจากการที่คณะกรรมการกิจการพลังงาน หรือ กกพ. มีมติให้ตรึงค่าไฟฟ้าผันแปรในรอบเดือนมกราคม – เมษายน 2565 โดยเรียกเก็บ 1.39 สตางค์ต่อหน่วย ทำให้อัตราค่าไฟฟ้าเรียกเก็บจากประชาชนอยู่ 3.78 บาทต่อหน่วย เพิ่มถึง 4.63 % จากงวดปัจจุบันอยู่ที่ 3.61 บาทต่อหน่วย การขึ้นค่าไฟฟ้า ในภาวะยากลำบาก เช่นนี้ ในฐานะที่ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เป็นรัฐวิสาหกิจ และมีผลการดำเนินงานที่ดี ในแต่ละปี จึงมีความต้องการให้เข้ามาช่วยเหลือประชาชน ในสภาวะที่ได้รับผลกระทบอยู่

ทั้งนี้ จะมีสาเหตุในหลายปัจจัยที่เข้าใจได้ว่า ค่าไฟฟ้าที่ปรับเพิ่มสูงขึ้น มาจากปัจจัยต่างๆ ทั้ง อัตราแลกเปลี่ยนที่ค่าเงินบาทอ่อนตัว การนำเข้าเชื้อเพลิงจากต่างประเทศ พลังงานน้ำลดลงตามฤดูกาล การผลิตไฟฟ้าจากถ่านหินลิกไนต์ ตามแผนที่โรงไฟฟ้าต้องถูกปลดออกจากระบบ ในส่วนของโรงไฟฟ้าแม่เมาะ ทำให้การเดินเครื่องโรงไฟฟ้าที่มีต้นทุนเชื้อเพลิงราคาต่ำลดลง รวมถึงราคาก๊าซธรรมชาติที่เป็นเชื้อเพลิงหลัก ในการผลิตไฟฟ้าปรับตัวสูงขึ้น ตามราคาน้ำมันขาขึ้นในตลาดโลก ดังนั้นในสภาวะเช่นนี้ ขอให้การไฟฟ้าพิจารณาปรับลดราคาค่าไฟฟ้าให้อีกครั้ง เพื่อช่วยเหลือประชาชน

ที่มา : facebook.com/PPRPThailand/
เมื่อวันที่ : 1 ธันวาคม 2564

“ธรรมนัส” ผนึก “นฤมล” ชูนโยบายจัดที่ดินทำกินเพื่อคนสุราษฎร์

, ,

“ธรรมนัส” ผนึก “นฤมล” ชูนโยบายจัดที่ดินทำกินเพื่อคนสุราษฎร์ พร้อมส่งผู้สมัครลงครบทุกเขต กระจายทัพ พปชร. ช่วย ปชช.

ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) พร้อม ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เหรัญญิกพรรคฯ พบปะสมาชิกพรรค และว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.สุราษฎร์ธานี เขต 1-6 เพื่อเป็นตัวแทนของพรรคพลังประชารัฐ ทำหน้าที่ในการขับเคลื่อนนโยบาย และนำความเดือดร้อนของประชาชนส่งต่อการแก้ปัญหาอย่างตรงจุด โดยเฉพาะการแก้ปัญหาที่ทำกิน และราคาพืชผลทางการเกษตร ซึ่งเป็นอาชีพที่สำคัญของคนสุราษฎร์

วันที่ 30 พ.ย. 64 เวลา 11.30 น. ที่โรงแรมแก้วสมุย จ.สุราษฎร์ธานี ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) พร้อมด้วย ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เหรัญญิกพรรค พร้อม ส.ส.ของพรรค ได้เดินทางมาให้กำลังใจในการประชุมการเลือกตัวแทนพรรคพลังประชารัฐ เขต 1-6 เพื่อเป็นตัวแทนในการทำงานของพรรคในฐานะปากเสียงของประชาชนชาวสุราษฎร์ เพื่อเสนอต่อกรรมการนโยบายพรรคในการแก้ปัญหาความเดือดร้อนได้อย่างรวดเร็ว และตรงเป้าหมาย โดยมีสมาชิกพรรคในภาคใต้ 14 จังหวัด ให้การร่วมต้อนรับอย่างพร้อมเพรียง ภายใต้มาตรการป้องกันโควิด-19 อย่างเคร่งครัด

ร.อ.ธรรมนัส ได้ขึ้นเวทีพร้อมกล่าวต้อนรับว่าที่ตัวแทนเขต 1-6 พร้อมขอบคุณทุกคน ทั้งชาวสุราษฎร์ธานี และตัวแทนสมาชิกพรรคทุกคน ที่ให้การต้อนรับเป็นอย่างดี ตั้งแต่ที่สนามบิน ซึ่งทำให้เห็นว่าการทำงานที่ผ่านมาของตนเองมีผลทำให้ทุกคนเกิดความเชื่อใจ ซึ่งถือเป็นสัญญาณที่ดีในการที่จะรวมพลังในการได้รับความไว้วางใจในการเป็นตัวแทนของประชาชนในฐานะฝ่ายรัฐบาลอีกครั้ง โดยเป้าหมายหนึ่งเดียวคือการแก้ปัญหาความเดือดร้อนของพี่น้องฐานราก ที่ถือเป็นพลังสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศไทยมากที่สุด ที่ส่วนใหญ่ทำอาชีพเกษตรกรรมซึ่งเป็นรายได้ของประเทศ แต่กลับต้องเจอสภาวะผลผลิตตกต่ำไม่ได้ราคา โดยเฉพาะภาคใต้ที่ส่วนใหญ่มีอาชีพปลูกปาล์มและยางพารา ที่ยังต้องประสบปัญหาส่งผลต่ออาชีพรายได้ และปากท้อง

ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ตนเองเคยได้รับการร้องเรียนจากพี่น้องประชาชนใน อ.ชัยบุรี จ.สุราษฎร์ธานี ที่อาศัยอยู่ในที่ดิน สปก. ไม่มีบ้านเลขที่ ทำให้น้ำ ไฟ เข้าไม่ถึง เมื่อทราบเรื่องและได้ลงพื้นที่จึงได้ดำเนินการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการทันที ซึ่งปัจจุบันพื้นที่ตรงนี้หลายเป็นพื้นที่ของความเจริญ นั่นจึงทำให้เชื่อว่าการมีตัวแทน ส.ส.แต่ละเขตเป็นส่วนสำคัญที่จะทำให้พรรคพลังประชารัฐ สามารถเข้าถึงปัญหาของประชาชนได้อย่างทั่วถึง ไม่ใช่เพียงแค่การมองภาพรวมของจังหวัด แต่ต้องมองให้ลึกลงไปยังความเดือดร้อน โดยเฉพาะการลดขั้นตอนการทำงานของรัฐบาลที่ทำให้การช่วยเหลือเป็นไปอย่างล่าช้า

“ผมเชื่อว่าครอบครัวพลังประชารัฐ จะสามารถสร้างพลังพัฒนาสุราษฎร์ธานี ทั้ง 6 เขต จะช่วยทำให้พี่น้องฐานราก อิ่มท้อง มีอาชีพ มีรายได้ มีชีวิตที่ดีขึ้น”

ศ.ดร. นฤมล ยืนยันว่า พรรคพลังประชารัฐพร้อมส่งตัวแทนผู้สมัคร ส.ส.สุราษฎร์ธานีลงทุกเขต ตั้งเป้าหมายไม่ว่าในอนาคตตนเอง และ ร.อ.ธรรมนัส จะมีตำแหน่งทางการเมืองหรือไม่ ก็จะยังเดินหน้าแก้ปัญหาเรื่องที่ดินทำกินให้กับชาวบ้านต่อไป เพราะเป็นปัญหาใหญ่ที่ไม่มีใครแก้ได้ แต่ที่ผ่านมา ร.อ.ธรรมนัส ก็ดำเนินการอย่างเต็มความสามารถเพื่อยึดคืนที่ดินจากนายทุนกลับมาให้พี่น้องประชาชนได้มีที่ทำกิน รวมถึงบัตรสวัสดิการรัฐ ที่จะดูแลตั้งแต่ในครรภ์มารดาจนถึงเชิงตะกอน ในการแก้ปัญหาความยากจนอย่างยั่งยืน และการแก้ปัญหาของสินค้าทางการเกษตรที่จะต้องมีการตลาดนำ มีตลาดส่งออก และการแปรรูปสินค้า

“ไม่ได้ต้องการอำนาจ ไม่ได้ต้องการผลประโยชน์ แต่เราต้องการมาแก้ปัญหาเพื่อประชาชนอย่างแท้จริง ด้วยเป้าหมายเดียวกันคือการแก้ปัญหาอย่างไรให้ประชาชนอยู่ดีกินดีแบบยั่งยืน”

ที่มา : facebook.com/PPRPThailand/
เมื่อวันที่ : 30 พฤศจิกายน 2564

“ธณิกานต์” ขอบคุณ “บิ๊กป้อม” เห็นความสำคัญปัญหาเด็ก-สตรี ตั้งเป็นที่ปรึกษาฯ

, ,

“ธณิกานต์” ขอบคุณ “บิ๊กป้อม” เห็นความสำคัญปัญหาเด็ก-สตรี ตั้งเป็นที่ปรึกษาหัวหน้าภาค ขับเคลื่อนการแก้ปัญหา ให้เข้าถึงสิทธิและสวัสดิการจากภาครัฐ

น.ส.ธณิกานต์ พรพงษาโรจน์ ส.ส. เขตบางซื่อ-ดุสิต ลงพื้นที่ขับเคลื่อนดูแลด้านสิทธิและสวัสดิภาพเยาวชนและสตรี หลังได้รับมอบหมายและโอกาสจาก พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาหัวหน้าภาค ด้านสิทธิและสวัสดิภาพเยาวชนและสตรี

น.ส.ธณิกานต์ กล่าวขอบคุณหัวหน้าพรรคและหัวหน้าภาค ที่เห็นความสามารถและให้ความไว้วางใจ มอบหมายตำแหน่งเพิ่ม เพื่อเป็นตัวแทนในการรับฟังและร่วมผลักดันนโยบายด้านสิทธิและสวัสดิภาพเยาวชนและสตรี ได้อย่างเป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น

โดยระบุว่า ปัจจัยสี่ ต้องเป็นสวัสดิการในระดับนโยบายชาติที่เข้าถึงได้จริง ตนพร้อมผลักดันดูแลเยาวชนและสตรี ให้เข้าถึงสิทธิและสวัสดิการจากภาครัฐ โดยเฉพาะด้านสภาพที่อยู่อาศัยที่ไม่ปลอดภัย ต้องได้รับการดูแลอย่างเป็นรูปธรรม-เข้าถึง-ทันที

น.ส.ธณิกานต์ กล่าวอีกว่า สำหรับผู้มีรายได้น้อย (กลุ่มเปราะบาง) กลุ่มแม่เลี้ยงเดี่ยว ผู้พิการ ผู้สูงอายุ ต้องการความช่วยเหลือด้านที่อยู่อาศัย จากสภาพที่อยู่อาศัยผุพัง หลังคารั่ว สัตว์มีพิษหรือโจรผู้ร้ายอาจเข้ามาได้ สามารถส่งรูปสภาพความเดือดร้อนและติดต่อได้ที่ FB page อุ๋ม ธณิกานต์ พรพงษาโรจน์ หรือ Line @oumthanikan (มี @ ข้างหน้า) เพื่อเป็นกระบอกเสียงและผลักดันให้ได้รับการดูแลอย่างจริงจัง

ที่มา : facebook.com/PPRPThailand/
เมื่อวันที่ : 30 พฤศจิกายน 2564

“บิ๊กป้อม” มอบ “ธรรมนัส-ประสาน” แก้ปัญหาชาวบ้านห้วยน้ำหิน อ.นาน้อย จ.น่าน

, ,

“บิ๊กป้อม” มอบ “ธรรมนัส-ประสาน” แก้ปัญหาชาวบ้านห้วยน้ำหิน อ.นาน้อย จ.น่าน ที่ถูกจับกุมและถูกดำเนินคดี และไร้ที่ทำกินจากผลกระทบจากนโยบายทวงคืนผืนป่าเมื่อปี 2558 ย้ำเร่งรัดช่วยเหลือโดยเร็ว

วันที่ 29 พฤศจิกายน 2564 เวลาประมาณ 13.00 น. ที่บริเวณหน้าศาลากลางจังหวัดน่าน
พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรค พปชร. ได้พบปะกับตัวแทนสหพันธ์เกษตรกรภาคเหนือ (สกน.) จ.น่าน และชาวบ้านห้วยน้ำหิน อ.นาน้อย จ.น่าน ที่ได้รับผลกระทบจากนโยบายทวงคืนผืนป่าเมื่อปี 2558 มีผู้ถูกจับกุมและถูกดำเนินคดีได้รับความเดือดร้อนไม่มีที่ทำกิน โดยพลเอก ประวิตร ได้มอบหมายให้ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) และในฐานะประธานกรรมการยุทธศาสตร์ภาคเหนือพปชร.เป็นตัวแทนรับหนังสือร้องทุกข์เพื่อหาแนวทางช่วยเหลือตามขั้นตอน

จากนั้น ร้อยเอกธรรมนัส และ นายประสาน หวังรัตนปราณี ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำ พล.อ. ประวิตร
วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้ร่วมประชุมกับตัวแทนตัวแทนสหพันธ์เกษตรกรภาคเหนือ และ
ชาวบ้านห้วยน้ำหิน อ.นาน้อย พร้อมข้าราชการที่เกี่ยวข้องเพื่อรับฟังปัญหา ซึ่งทราบว่า จนถึงขณะนี้ผู้ถูกจับกุมและถูกดำเนินคดีดังกล่าวนั้น คดียังไม่มีความคืบหน้า แม้พนักงานสอบสวนพื้นที่จังหวัดน่าน ได้ทำสำนวนและมีความเห็นสั่งไม่ฟ้องไปยังพนักงานอัยการ จ.น่านแล้ว แต่ชาวบ้านได้รับการประสานว่า อัยการส่งหนังสือกลับให้ตำรวจมีการสอบคดีเพิ่ม ทำให้ชาวบ้านกังวลในกระบวนการแก้ไขปัญหาล่าช้า สร้างความเดือดร้อนให้ประชาชนที่ไม่มีที่ดินทำกินดังกล่าว

ร้อยเอก ธรรมนัส กล่าวว่า เบื้องต้นพลเอกประวิตร ได้มอบหมายให้ตนเอง ในฐานะที่ดูแลพื้นที่ภาคเหนือ 8 จังหวัด ให้ประสานงานร่วมกับนายประสาน หวังรัตนปราณี ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำ พล.อ. ประวิตร
วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เพื่อเร่งหาแนวทางประสานงานกับหน่วยงานราชการในพื้นที่เพื่อแก้ไขปัญหาให้ชาวบ้านห้วยน้ำหิน อ.นาน้อย โดยเร็ว

“เรื่องนี้ผมได้ติดตามมาตลอด ตั้งแต่ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดน่านท่านเก่า ซึ่งดำเนินการตามขั้นตอนกระบวนการสั่งไม่ฟ้องและส่งสำนวนให้อัยการ แต่เนื่องจากตามกฎหมายต้องดำเนินการอย่างรัดกุมรอบคอบ ทางอัยการจังหวัดจึงได้ให้ทางตำรวจสอบสวนให้รัดกุม ซึ่งท่านรองนายกฯ ประวิตร ได้มอบหมายให้ฝ่ายกฎหมาย คือท่านประสาน กำกับดูแลอย่างใกล้ชิดแล้ว ดังนั้นผมเอง ในฐานะที่ดูแลภาคเหนือ 8 จังหวัด และได้รับมอบหมายให้ช่วยดูแลกับท่านประสาน เพื่อเร่งดำเนินการแก้ปัญหา เพราะทราบดีว่าเรื่องนี้ล่าช้ามานานพอสมควร ทำให้พี่น้องที่ถูกดำเนินคดีได้รับความเดือดร้อน ซึ่งผมได้พูดคุยกันกับประธานพีมูฟและกรรมการมาตลอด จึงขอให้สบายใจ จึงขอฝากทางรองผู้ว่าฯ, นายอำเภอนาน้อย และตำรวจภูธรจังหวัดน่าน และตำรวจท้องที่ เพื่อการขับเคลื่อน ซึ่งจะไม่ปล่อยให้ล่าช้า เราจะเร่งช่วยเหลือให้อย่างจริงจัง โดยเร็วที่สุด” ร้อยเอก ธรรมนัส กล่าว

ที่มา : facebook.com/PPRPThailand/
เมื่อวันที่ : 29 พฤศจิกายน 2564

“บิ๊กป้อม” ยกทัพ พปชร.“ธรรมนัส-นฤมล” ขึ้นเมืองน่าน พร้อมเปิดตัว 3 ขุนพล

,

“บิ๊กป้อม” ยกทัพ พปชร.“ธรรมนัส-นฤมล” ขึ้นเมืองน่าน พร้อมเปิดตัว 3 ขุนพลว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เตรียมสู้ศึกเลือกตั้งครั้งหน้า มั่นใจสามารถชิงพื้นที่เมืองน่าน เพิ่มจำนวน ส.ส.ภาคเหนือตามเป้าหมาย

วันที่ 29 พฤศจิกายน 2564 เวลา 13.30 น. ณ ห้องประชุมศาลากลาง จังหวัดน่าน พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยการกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ลงพื้นที่ตรวจราชการและติดตามสถานการณ์น้ำและการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ โดยมี ร.อ. ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรคฯ และ ศ.ดร. นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เหรัญญิกพรรค ร่วมคณะลงพื้นที่ด้วย นอกจากนี้ ยังมีนายวิรัช รัตนเศรฐ ส.ส. บัญชีรายชื่อ และกรรมการบริหารพรรคฯ นายบุญสิงห์ วรินทร์รักษ์ สส บัญชีรายชื่อ ในฐานะนายทะเบียนพรรค นายสิระ เจนจาคะ สส กทม.นาย จีรเดช ศรีวิราช สส เขต 3 พะเยา และนายภาคภูมิ พิบูลย์มุข รวมถึงนายวิบูรณ์ แววบัณฑิต ผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน พร้อมคณะข้าราชการในพื้นที่ ให้การต้อนรับอย่างพร้อมเพรียงภายใต้มาตรการป้องกันโควิด-19 เคร่งครัด

จากนั้น นายวิบูรณ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน ได้กล่าวรายงานผลการขับเคลื่อนโยบายรัฐบาลในพื้นที่จังหวัดน่านและโอกาสการพัฒนาเศรษฐกิจจากการก่อสร้างสะพานเชื่อมโยงเศรษฐกิจภูมิภาค ผาเวียง ขณะที่ ดร.สุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการ สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) เสนอภาพรวมบริหารจัดการน้ำตามาตรการกอนช.ในพื้นที่จังหวัดน่าน ตามลำดับ

ทั้งนี้ พลเอกประวิตร กล่าวว่า รัฐบาลให้ความสำคัญเรื่องน้ำอย่างต่อเนื่อง เพื่อป้องกันแก้ไขปัญหาภัยแล้งและเก็บกักน้ำในฤดูฝนที่ผ่านมา พร้อมมอบหมาย สทนช.บูรณาการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำแผนจัดสรรน้ำ รวมถึงกำหนดแนวทางและมาตรการในการป้องกันแก้ไขปัญหาน้ำแล้ง-น้ำหลากในระยะยาว นอกจากนี้รัฐบาล ยังให้ความสำคัญและติดตามในการเร่งรัดพัฒนาเส้นทางเชื่อมโยง จ.น่าน-พะเยา และการก่อสร้างสะพานและถนนเชื่อมโยงเศรษฐกิจภูมิภาค ผาเวียง-ปากนาย ตามข้อเสนอของจังหวัดน่าน เพื่อสร้างความเจริญ และความอยู่ดีกินดีของประชาชนในพื้นที่ต่อไป

จากนั้น พล.อ. ประวิตร พร้อมคณะเดินทางต่อไปยังโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการกักเก็บน้ำสระน้ำบ้านศรีเกิด ม.3 ต.ไชยสถาน อ.เมือง จ.น่าน โอกาสนี้ พล.อ.ประวิตร พร้อมด้วยร.อ. ธรรมนัส, ศ.ดร. นฤมล และนายวิรัช ยังได้ร่วมพบปะผู้นำชุมนุมและประชาชนในพื้นที่ พร้อมเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคฯ ในพื้นที่จังหวัดน่าน ได้แก่ นายสักก์สีห์ พลสันติกุล ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เขต 1, นายพิชิต โมกข์ศรี ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เขต 2 และนายฉัตรชัย จิตตรง ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เขต 3 โดย 3 ว่าที่ผู้สมัครดังกล่าวแนะนำตัวเอง ซึ่งเป็นไปทิศทางเดียวกันคือการพัฒนาเมืองน่านให้ก้าวหน้าในอนาคต บนพื้นฐานของความเท่าเทียมกัน เชื่อมโยงทุกภาคส่วนของพลังคนรุ่นใหม่ ร่วมแก้ไขปัญหาปากท้องพี่น้องประชาชน

ด้าน ร.อ.ธรรมนัส เชื่อมั่นว่า ว่าที่ผู้สมัครฯทุกคนล้วนเติบโตมาจากลูกหลานชาวเมืองน่าน และต่างก็มีความรู้ความสามารถและประสบการณ์ จะได้รับความไว้วางใจจากพี่น้องประชาชนในพื้นที่เพื่อเข้ามาร่วมขับเคลื่อนงานของพรรคอย่างเข้มแข็ง เพื่อจะได้ช่วยกันผลักดันให้มีการเปลี่ยนแปลงพัฒนาเมืองน่าน และเชื่อมโยงเครือข่ายพื้นที่ภาคเหนือต่อไปในอนาคต ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายพรรคที่มีเป้าหมายให้ประชาชนอยู่ดีกินดี ประเทศชาติเจริญก้าวหน้าอย่างยั่งยืน

ขณะที่นางนฤมล กล่าวว่า มีความยินดีที่จะได้ร่วมงานกับตัวแทนพรรคฯในพื้นที่ ซึ่งส่วนใหญ่ก็คุ้นเคยกัน เนื่องจากก่อนหน้านี้ตนเองมีโอกาสลงพื้นที่พร้อมด้วยร้อยเอกธรรมนัสหลายครั้ง จึงเห็นความตั้งใจในความต้องการที่จะร่วมขับเคลื่อนพัฒนาเมืองน่านไปพร้อมกันกับประชาชนในพื้นที่ ด้วยการผลักดันนโยบายที่เป็นรูปธรรมเพื่อประโยชน์ในสังคมส่วนรวม ตรงความต้องการ ทั้งในเรื่องของบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ การพัฒนาฝีมือแรงงาน ส่งเสริมสินค้าในชุมชน เพื่อสร้างงานสร้างรายได้ให้ประชาชน
เพิ่มมากขึ้น

ที่มา : facebook.com/PPRPThailand/
เมื่อวันที่ : 29 พฤศจิกายน 2564

พล.อ. ประวิตร ลั่น พปชร. เป็นหนึ่งเดียวหนุน ส.ส. กทม. ลุยทำงานเต็มสูบ

, ,

พล.อ. ประวิตร ลั่น พปชร. เป็นหนึ่งเดียวหนุน ส.ส. กทม. ลุยทำงานเต็มสูบ หวังรับโอกาสจากปชช. เลือก ส.ส. ครองแชมป์อันดับ 1 พื้นที่กทม. อีกครั้ง

พล.อ. ประวิตร หัวหน้าพรรค พปชร. เปิดเวทีพบปะตัวแทนพรรค 30 เขตกทม. พร้อม ส.ส.ในพื้นที่ ตอกย้ำความเชื่อมั่นพรรคเป็นหนึ่งเดียว ดึงคนรุ่นใหม่ทำงานร่วมกับผู้มีประสบการณ์ ลุยทำงานช่วยเหลือประชาชนแก้ไขปัญหาทุกพื้นที่ มั่นใจการเลือกตั้งสมัยหน้า คว้าชัยชนะอันดับ 1 กทม. อีกครั้ง

วันที่ 27 พ.ย. 64 เวลา 17.00 น. ณ ห้องประชุม โรงแรมรอยัลริเวอร์ เชิงสะพานกรุงธน เขตบางพลัด กทม. พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) เป็นประธานการประชุมสัมมนาสมาชิกพรรค พปชร. กรุงเทพมหานคร (กทม.) และมอบนโยบายพรรค โดยมีผู้บริหารพรรค และคณะกรรมการบริหารพรรค อาทิ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรค ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เหรัญญิกพรรค และทีมสมาชิกพรรคใน กทม. ให้การร่วมต้อนรับอย่างพร้อมเพรียง ภายใต้มาตรการป้องกันโควิด-19 อย่างเคร่งครัด

เวลา 17.20 น. พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรค พปชร.ได้ขึ้นเวทีกล่าวต้อนรับตัวแทนพรรคประจำเขต กทม.ในเขตเลือกตั้งที่ 22 27 28 29 และ 30 พร้อมมอบนโยบาย และทิศทางการทำงานของภาค กทม. และคณะทำงานภาค โดยมีนายจักรพันธ์ พรนิมิตร หัวหน้าภาค กทม. เป็นผู้ประสานงานดูแล ส.ส. ภาคกทม. ซึ่งประกอบด้วยทีมที่มีประสบการณ์และคนรุ่นใหม่ที่มีความสามารถ พร้อมจะเข้าไปช่วยเหลือดูแลประชาชนตามแนวทางของพรรค ซึ่งมั่นใจว่าจะได้รับความไว้วางใจจากพี่น้องประชาชน ที่จะได้รับโอกาสในการเข้ามาสู่การเป็นตัวแทนของประชาชนอีกครั้งเหมือนกับการเลือกตั้งรอบที่ผ่านมา

ทั้งนี้ พล.อ.ประวิตร ได้กล่าว แสดงจุดยืนของพรรค พปชร. ให้กับตัวแทน และสมาชิกพรรค ว่า ในการขับเคลื่อนของพรรค ที่ปัจจุบัน เรามี ส.ส.จำนวน 12 คน ถือเป็นอันดับ 1 ในการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา และหวังว่า ในการเลือกตั้งครั้งต่อไป เราจะมีจำนวน ส.ส.เพิ่มขึ้นอีก โดยอาศัยความร่วมมือเป็นหนึ่งเดียวของตัวแทนพรรคทั้ง 30 เขต ในพื้นที่ กทม. โดยย้ำให้สมาชิกทุกคนช่วยกันดูแลและสนับสนุนพรรค เพราะไม่ได้เป็นพรรคเฉพาะกิจ เป็นสถาบันการเมืองที่พร้อมทำงานให้กับประเทศชาติ ประชาชน ยึดมั่นในสถาบันฯ ซึ่ง พรรค พปชร. พร้อมร่วมมือกันทำงาน ในการช่วยเหลือประชาชนให้เกิดความเป็นอยู่ที่ดี ซึ่งตนในฐานะหัวหน้าพรรค จะทำหน้าที่ในการดูแล ส.ส. และพรรคการเมืองให้เป็นปึกแผ่น ส่วนนายกรัฐมนตรีทำหน้าที่ในการบริหารประเทศ เพื่อให้สามารถขับเคลื่อนประเทศชาติให้เดินหน้าต่อไป

โอกาสนี้ ร.อ. ธรรมนัส และ ศ.ดร.นฤมล ได้ร่วมพบปะ ส.ส. และตัวแทนพรรค พร้อมให้กำลังใจ ตัวแทนพรรคใน กทม. และทีมงานทุกคน ขอให้มุ่งมั่นขับเคลื่อนการทำงานนโยบายพรรค ตามที่หัวหน้าพรรคได้เน้นย้ำไว้ ซึ่งที่ผ่านมา ทุกคนได้ร่วมแรงร่วมใจลงพื้นที่ช่วยเหลือประชาชนอย่างต่อเนื่อง ภายใต้สถานการณ์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการแพร่ระบาดโควิด-19 ปัญหาอุทุกภัยในพื้นที่ต่างๆ รอบกรุงเทพฯ จึงมั่นใจว่าประชาชนจะมีความไว้วางใจ และมีความเชื่อมั่นที่จะได้รับโอกาสในการเลือกตั้งครั้งต่อไปที่จะมาถึง เพื่อให้พรรค พปชร. ได้รับชัยชนะ เป็นอันดับ 1 อีกครั้ง ในพื้นที่กรุงเทพฯ อย่างแน่นอน

ที่มา : facebook.com/PPRPThailand/
เมื่อวันที่ : 27 พฤศจิกายน 2564

นายกรัฐมนตรีห่วงน้ำท่วมภาคใต้ อธิรัฐ สั่งการกรมเจ้าท่าเร่งเข้าช่วยเหลือผู้ประสบภัย

,

“นายกรัฐมนตรีห่วงน้ำท่วมภาคใต้” อธิรัฐ สั่งการกรมเจ้าท่าเร่งเข้าช่วยเหลือผู้ประสบภัยในพื้นที่”

นายอธิรัฐ รัตนเศรษฐ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่าท่านนายกรัฐมนตรีมีความห่วงใยถึงสถานการณ์อุทกภัยพื้นที่ภาคใต้จากอิทธิพลของหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมภาคใต้ตอนล่าง ทำให้เกิดฝนตกหนักต่อเนื่องตั้งแต่วันที่ 21 – 26 พฤศจิกายน โดยเฉพาะที่จังหวัดชุมพร เกิดน้ำป่าไหลหลากส่งผลกระทบในหลายพื้นที่ ได้แก่ อ.ทุ่งตะโก อ.หลังสวน อ.พะโต๊ะ และ อ.ละแม เกิดน้ำท่วมเป็นวงกว้าง บ้านเรือนประชาชนได้รับความเสียหาย และถนนสายต่างๆ ที่ติดต่อระหว่างตัวอำเภอ ตำบล และหมู่บ้านต่างๆ ไม่สามารถสัญจรได้

ตนได้สั่งการด่วนที่สุดให้กรมเจ้าท่าตั้งศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากพายุ โดยสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคที่ 4 และสำนักงานพัฒนาและบำรุงรักษาทางน้ำที่ 6 ตั้งศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบภัยในพื้นที่รวม 2 ศูนย์ ประกอบด้วย เจ้าหน้าที่ประจำศูนย์ฯ รวม 9 นาย รถยนต์ 3 คัน เรือ 2 ลำ และเมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายนที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ได้นำเรือจำนวน 2 ลำ ได้แก่ เรือพระราชทาน01 พร้อมถุงยังชีพ จำนวน 20 ถุง ข้าวกล่อง 100 กล่อง และน้ำดื่ม จำนวน 400 ขวด ออกเดินทางช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยพื้นที่ตำบลนาพญา อำเภอหลังสวน รวมทั้งนำเรือพระราชทาน02 พร้อมข้าวกล่อง 100 กล่อง และน้ำดื่ม 200 ขวด เข้าช่วยเหลือในพื้นตำบลบางมะพร้าว อำเภอหลังสวน และจากอิทธิพลดังกล่าวอาจส่งผลให้คลื่นลมบริเวณอ่าวไทยมีกำลังแรงขึ้น โดยเฉพาะบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองจึงให้กรมเจ้าท่าติดตามข้อมูลและประกาศกรมอุตุนิยมวิทยาอย่างใกล้ชิดเพื่อติดตามข้อมูลสภาพอากาศ สำหรับประกาศแจ้งเตือนชาวเรือให้ใช้ความระมัดระวังหรืองดการเดินเรือในพื้นที่เสี่ยงภัยและมีคลื่นสูงในระยะนี้

ที่มา : facebook.com/PPRPThailand/
เมื่อวันที่ : 26 พฤศจิกายน 2564

“รมช.อธิรัฐ – ส.ส.ทัศนียา รัตนเศรษฐ” เยี่ยมให้กำลังใจ พร้อมมอบถุงยังชีพ

,

“รมช.อธิรัฐ – ส.ส.ทัศนียา รัตนเศรษฐ” เยี่ยมให้กำลังใจ พร้อมมอบถุงยังชีพ บรรเทาความเดือดร้อนผู้สูงอายุ ผู้ป่วยติดเตียง ผู้พิการ และผู้ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมพื้นที่โคราช ต่อเนื่อง

ดร.อธิรัฐ รัตนเศรษฐ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม พร้อมคณะลงพื้นที่ อ.ประทาย จ.นครราชสีมา เพื่อเยี่ยมให้กำลังใจ และมอบถุงยังชีพสำหรับบรรเทาความเดือดร้อนให้แก่ ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยติดเตียง ผู้พิการ และผู้ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม เป็นการเยียวยา สร้างขวัญกำลังใจ และช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายแก่ผู้ประสบภัยให้สามารถกลับมาดำเนินชีวิตปกติได้โดยเร็ว

โดยมอบถุงยังชีพ จำนวน 1,200 ชุด ตามจุดต่างๆ ดังนี้ ศาลาประชาคมบ้านสี่เหลี่ยม ต.กระทุ่มราย จำนวน 373 ชุด, ศาลาประชาคมบ้านเขว้า ต.กระทุ่มราย จำนวน 222 ชุด, ศาลาประชาคมบ้านโนนไผ่ล้อม ต.กระทุ่มราย จำนวน 247 ชุด, ศาลาประชาคมบ้านกระทุ่มราย ต.กระทุ่มราย จำนวน 216 ชุด และ ศาลาประชาคมบ้านดอนกลาง ต.กระทุ่มราย จำนวน 142 ชุด

ด้าน ส.ส.ทัศนียา รัตนเศรษฐ (เขต7 จังหวัดนครราชสีมา) พร้อมด้วย นายตติรัฐ รัตนเศรษฐ ผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ก็ได้ลงพื้นที่ อ.คง จ.นครราชสีมา เพื่อเยี่ยมให้กำลังใจและมอบถุงยังชีพสำหรับบรรเทาความเดือดร้อนแก่ผู้นำชุมชนเพื่อส่งมอบให้แก่ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยติดเตียง ผู้พิการ และผู้ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม เป็นการเยียวยา สร้างขวัญกำลังใจ และช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายแก่ผู้ประสบภัยให้สามารถกลับมาดำเนินชีวิตปกติได้โดยเร็ว

โดยมอบถุงยังชีพ จำนวน 1,000 ชุด ตามจุดต่างๆ ดังนี้ ศาลากองทุนบ้านมะค่า ต.ขามสมบูรณ์ จำนวน 200 ชุด, วัดบ้านโจด ต.ขามสมบูรณ์ จำนวน 130 ชุด, วัดปริยัติไพศาล ต.ขามสมบูรณ์ จำนวน 232 ชุด และวัดบ้านขาม ต.ขามสมบูรณ์ จำนวน 407 ชุด“ด้วยความห่วงใยจาก ครอบครัวรัตนเศรษฐและทีมงาน”

ที่มา : facebook.com/PPRPThailand/
เมื่อวันที่ : 22 พฤศจิกายน 2564

“ส.ส. จอมขวัญ” ผนึกชมรมชาวปักษ์ใต้สมุทรสาคร ช่วยเหลือผู้สูงอายุยากไร้

, ,

“ส.ส. จอมขวัญ” ผนึกชมรมชาวปักษ์ใต้สมุทรสาคร

สร้างบ้าน-มอบเงินทุนให้ผู้สูงอายุยากไร้ในพื้นที่ ต.โคกขาม

เมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน 2564 นางสาวจอมขวัญ กลับบ้านเกาะ ส.ส. สมุทรสาคร เขต 3 พรรคพลังประชารัฐ ร่วมกับ พ.ต.อ.สมชาย ขอค้า ผกก.สภ.โคกขาม, พ.ต.ท.เสรีฐกาญจน์ จันทร์ด้วง รอง ผกก.ป. สภ.บ้านแพ้ว พร้อมด้วย นายสากล ชลคีรี ผู้อำนวยการโครงการชลประทานสมุทรสาคร และทีมงาน ส.ส. ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมประชาชนในพื้นที่ ม.9 ต.โคกขาม อ.เมือง จ.สมุทรสาคร เพื่อรับฟังความคิดเห็นและปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนในพื้นที่ พร้อมมอบเครื่องอุปโภค-บริโภค ประกอบด้วยข้าวสารอาหารแห้ง และสิ่งของจำเป็นต่างๆ รวมถึงมอบเงินช่วยเหลือจำนวนหนึ่งให้กับป้าอร ผู้สูงอายุยากไร้ เพื่อใช้เป็นทุนในการประกอบอาชีพและใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน หลังพบว่าได้รับความเดือดร้อนด้านความเป็นอยู่และบ้านเรือนได้รับความเสียหาย

“การลงพื้นที่ช่วยเหลือในครั้งนี้ ได้รับการสนับสนุนจากทุกภาคส่วน โดยเฉพาะชมรมชาวปักษ์ใต้สมุทรสาคร ที่รับหน้าที่สร้างบ้านให้กับป้าอรทดแทนหลังเก่าที่ได้รับความเสียหาย เราจะไม่ทิ้งกัน ด้วยความห่วงใยจากทีมงาน ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ”

ทั้งนี้ พ.ต.อ.สมชาย ขอค้า ผกก.สภ.โคกขาม ในฐานะประธานชมรม สมาคมชาวปักษ์ใต้สมุทรสาคร ได้ให้ความช่วยเหลือสร้างบ้านหลังใหม่ให้กับป้าอรเพื่อชดเชยกับหลังเก่าที่เสียหาย โดยจะเร่งดำเนินการก่อสร้างให้แล้วเสร็จภายใน 20 วัน และกำหนดส่งมอบบ้านให้ป้าอรในวันที่ 11 ธันวาคมนี้

#จอมขวัญกลับบ้านเกาะ
#ส.ส.สมุทรสาคร
#พรรคพลังประชารัฐ
#พปชร.

ที่มา : facebook.com/PPRPThailand
ออกอากาศเมื่อวันที่ : 22 พฤศจิกายน 2564

“สัณหพจน์” เสนอ สธ. เร่งจัดเครื่องมือแพทย์เสริม รพ.ปากพนัง

,

“สัณหพจน์” เสนอ สธ. เร่งจัดเครื่องมือแพทย์เสริม รพ.ปากพนัง บริการประชาชนลุ่มน้ำปากพนัง

สัปดาห์หน้าสร้างเสร็จแล้ว! ส.ส.พปชร. เขต 2 นครศรีฯ เสนอ สธ. เร่งจัดเครื่องมือแพทย์เสริม รพ.ปากพนัง เติมเต็มศักยภาพการรักษาประชาชนในพื้นที่ลุ่มน้ำปากพนัง 3 อำเภอ จ.นครศรีฯ พร้อมรณรงค์ฉีดวัคซีนโควิด-19ในประชาชนที่ยังไม่ได้รับวัคซีน

ดร.สัณหพจน์ สุขศรีเมือง ส.ส.เขต 2 จ.นครศรีธรรมราช พรรคพลังประชารัฐ เปิดเผยว่า ในวันที่ 28 พฤศจิกายน 2564 ที่จะถึงนี้ โรงพยาบาลปากพนัง จะแล้วเสร็จตามสัญญาของผู้รับเหมารายใหม่ ภายหลังจากการก่อสร้างมากกว่า 10 ปี เพิ่งจะแล้วเสร็จ

ทั้งนี้เมื่อ รพ.ปากพนังเสร็จสมบูรณ์ พี่น้องประชาชนต่างหวังว่า รพ.ปากพนังจะช่วยบรรเทาความเดือดร้อนพี่น้องประชาชนในพื้นที่ 3 อำเภอ ลุ่มน้ำปากพนัง ประกอบด้วย อ.ปากพนัง (97,649 คน) อ.เชียรใหญ่ (42,139 คน) และอ.หัวไทร (63,641 คน) รวมประชากรประมาณ 203,429 คน (ข้อมูลประชากรปี 2563) ได้เข้าถึงบริการสาธารณสุขในพื้นที่อย่างมีประสิทธิภาพ โดยไม่ต้องเดินทางไปยังโรงพยาบาลในพื้นที่ อ.เมือง ซึ่งอยู่ห่างไกลหลายสิบกิโลเมตร
แต่อย่างไรก็ตาม ล่าสุดจากการที่ตนได้ร่วมรับมอบรถตู้เอนกประสงค์และห้องความดันลบให้กับ รพ.ปากพนัง ซึ่งบริจาคโดยนายเฉลิมชัย ครุอำโพธิ์ และมี นพ.สมเกียรติ วรยุทธการ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลปากพนังเป็นผู้รับมอบ จึงพบว่าแม้ รพ.ปากพนังจะสร้างเสร็จสมบูรณ์แล้ว แต่ยังคงขาดอุปกรณ์เครื่องมือทางการแพทย์อีกเป็นจำนวนมาก

“แม้ รพ.ปากพนังจะสร้างเสร็จในวันที่ 28 พ.ย.64 ที่จะถึงนี้ แต่พบว่ายังคงขาดเครื่องมือและอุปกรณ์อีกจำนวนมาก เช่น เครื่องเอกซเรย์ เครื่องมือผ่าตัด (ห้องผ่าตัดจำนวน 4 ห้อง) และอื่นๆ ที่จะรองรับการให้บริการประชาชนในพื้นที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ”

“ดังนั้นตนจึงอยากเสนอขอความช่วยเหลือไปยัง กระทรวงสาธารณสุข เนื่องจากที่ผ่านมา รมช.สธ.ได้ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมความคืบหน้าการก่อสร้าง รพ.ปากพนัง เพื่อเร่งจัดหาเครื่องไม้เครื่องมือเป็นจำนวนมาก สนับสนุนการทำงานของบุคลากรทางการแพทย์อย่างเต็มที่ในการดูแลพี่น้องประชาชนพื้นที่ลุ่มน้ำปากพนัง” ดร.สัณหพจน์ กล่าว

อย่างไรก็ตาม ในส่วนของการฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ของประชาชนในพื้นที่ลุ่มน้ำปากพนังนั้น ตนอยากขอความร่วมมือจากพี่น้องประชาชนที่ยังไม่ได้รับวัคซีนสามารถติดต่อขอเข้ารับวัคซีนจาก รพ.ในพื้นที่ใกล้เคียงโดยเร่งด่วน เพื่อบรรลุเป้าหมายการรับวัคซีนในพื้นที่ให้ได้ 70% ของจำนวนประชากร เตรียมพร้อมรับการเปิดการท่องเที่ยว อ.ปากพนัง ตามแผนการเปิดการท่องเที่ยวของจังหวัด ในระยะที่ 2 วันที่ 16 ธ.ค.64

ที่สำคัญ การฉีดวัคซีนป้องกันโควิด-19 ดังกล่าวยังช่วยให้พี่น้องประชาชน สามารถป้องกันการเกิดอาการป่วยหนักและเสียชีวิตจากโควิด-19 หากมีการติดเชื้อได้

ล่าสุดทาง รพ.ปากพนัง ได้จัดการรณรงค์ฉีดวัคซีนโควิด-19 โดยทุก 500 คนที่เข้ารับการฉีดวัคซีน จะได้รับสิทธิร่วมชิงรางวัลเครื่องใช้ไฟฟ้า 1 ชิ้นทันที

ที่มา : facebook.com/PPRPThailand/
เมื่อวันที่ : 21 พฤศจิกายน 2564

“รมว.ดีอีเอส” หนุนผู้ประกอบการไทยประยุกต์ใช้เทคโนโลยี พัฒนาศักยภาพธุรกิจ

,

“รมว.ดีอีเอส” หนุนผู้ประกอบการไทยประยุกต์ใช้เทคโนโลยี-นวัตกรรมพัฒนาศักยภาพธุรกิจพร้อมเข้าสู่ศก.ดิจิทัล

นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน ตนได้เป็นประธานในงานแถลงข่าวและพิธีเปิด “กิจกรรมส่งเสริมการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมดิจิทัล เพื่อขับเคลื่อนเมืองเศรษฐกิจอัจฉริยะต้นแบบ (Smart Economy Showcase) ในพื้นที่จังหวัดสงขลา” ซึ่งจัดโดย สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล หรือ ดีป้า โดยตนได้เน้นย้ำให้ผู้ประกอบการชาวไทยทุกระดับ ได้ใช้โอกาสในการเข้าร่วมงาน เพื่อสร้างโอกาสธุรกิจ เปลี่ยนวิถีชีวิตให้คิดอย่างดิจิทัล รวมทั้งใช้โครงข่ายที่ภาครัฐได้จัดสรรให้เกิดประโยชน์สูงสุด ไม่ว่าจะเป็นการเอื้อประโยชน์ในการเพิ่มทักษะการเรียนรู้ การพัฒนาศักยภาพการค้าธุรกิจ สร้างความพร้อมที่จะก้าวเข้าสู่ยุคเศรษฐกิจดิจิทัลได้อย่างมั่นคง

“ในงานดังกล่าวเราได้นำแพลตฟอร์มที่เหมาะสม มามอบโปรโมชั่นพิเศษให้กับผู้ประกอบการชาวสงขลา
facebook.com/PPRPThailand/
เมื่อวันที่ : 20 พฤศจิกายน 2564