โลกเปลี่ยน ไทยต้องปรับ ทางเลือกใหม่ของการเมืองไทย ก้าวข้ามความขัดแย้ง สานพลังประชาราษฎร์ ร่วมสร้างชาติให้ยั่งยืน

หมวดหมู่: กิจกรรมพรรค

“ธรรมนัส” เรียกคะแนนเสียงปชช.หนุนทนายแดง พร้อมเปลี่ยนแปลงเมืองชุมพร

,

“ธรรมนัส” เรียกคะแนนเสียงปชช.หนุนทนายแดง พร้อมเปลี่ยนแปลงเมืองชุมพร

“ธรรมนัส”นำทนายแดง ลุยหาเสียงช่วงโค้งสุดท้ายย่านตลาดสดเทศบาลเมืองชุมพร วังไผ่ ท่ายาง บางหมาก อ้อนชาวชุมพร ออกไปใช้สิทธิ์คะแนนเลือกเบอร์ 4 เพื่อเป็นปากเป็นเสียงพัฒนาเปลี่ยนแปลงเมืองชุมพร

วันที่ 12 มกราคม 2565 เวลาประมาณ 07.15 น. ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า ในฐานะเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) และ “ทนายแดง” นายชวลิต อาจหาญ ผู้สมัคร ส.ส.เขต 1 เบอร์ 4 พรรคพลังประชารัฐ จ.ชุมพร พร้อมทีมงาน ได้ลงพื้นที่พบปะทักทายประชาชนทั่วไปในย่านตลาดสดเทศบาลเมืองชุมพร โดยร้อยเอกธรรมนัส ได้แนะนำทนายแดง และขอฝากให้พี่น้องประชาชน ไปลงคะแนนเสียงให้ทนายแดง เพื่อมาช่วยดูแลชีวิตความเป็นอยู่ และพัฒนาเปลี่ยนแปลงเมืองชุมพรให้พัฒนาอย่างเข้มแข็ง ยั่งยืน โดยได้รับความสนใจจากประชาชน และพ่อ แม่ค้าในตลาดสดเทศบาลเมืองชุมพรอย่างมาก

จากนั้น ร้อยเอกธรรมนัส พร้อมด้วยทนายแดง และทีมงานยังขึ้นรถแห่ไปที่ตำบลวังไผ่ ตำบลท่ายาง และตำบลบางหมาก อำเมืองชุมพร เพื่อแนะนำ ทนายแดง เบอร์ 4 พร้อมขอให้เชื่อมั่นในนโยบายของพรรคพลังประชารัฐ ภายใต้การนำของพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ ที่ยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัติรย์เป็นพระประมุข และมีเป้าหมายหลักให้ประชาชนอยู่ดีกินดี เข้าถึงสวัสดิการแห่งรัฐ แก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำ ช่วยประชาชนที่ยากไร้มีที่ดินทำกิน พัฒนาอาชีพให้มีรายได้ยั่งยืน

ดังนั้น จึงขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนในพื้นที่เขต 1 ไปร่วมกันใช้สิทธิ์ลงคะแนนเสียง เพื่อเลือกคนดี มีความรู้ ความสามารถอย่างทนายแดง เบอร์ 4 เพื่อเข้ามาช่วยกันทำงานเป็นปากเป็นเสียงเพื่อพี่น้องประชาชนต่อไป

ที่มา : facebook.com/PPRPThailand/
เมื่อวันที่ : 12 มกราคม 2565

พล.อ. ประวิตร ฯ ต้อนรับทูตจีนหลังรับตำแหน่งใหม่ หารือกระชับความสัมพันธ์

,

พล.อ.ประวิตรฯ ต้อนรับทูตจีนหลังรับตำแหน่งใหม่ หารือกระชับความสัมพันธ์ด้านเศรษฐกิจไทย-จีน

เมื่อ วันที่ 12 มกราคม นายหาน จื้อเฉียง (H.E. Mr. Han Zhiqiang) เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย เข้าเยี่ยมคารวะ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เพื่อแนะนำตัวเนื่องในโอกาสเข้ารับตำแหน่งเอกอัครราชทูตฯ ประจำประเทศไทย อย่างเป็นทางการ

พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ขอแสดงความยินดีกับเอกอัครราชทูตฯ ที่ได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งในประเทศไทย และใช้โอกาสนี้สวัสดีปีใหม่เอกอัครราชทูตฯ และเจ้าหน้าที่สถานเอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทย ตนเชื่อมั่นว่าความรู้ ความสามารถ ประสบการณ์ และการทำงานเชิงรุกของเอกอัครราชทูตฯ จะมีบทบาทสำคัญในการพัฒนา หุ้นส่วนความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์อย่างรอบด้านระหว่างไทยกับจีนให้ก้าวหน้าต่อไป พร้อมให้การสนับสนุนการปฏิบัติหน้าที่เพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับจีนต่อไป
พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า โอกาสได้มีการหารือถึงความร่วมมือเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมจากสถานการณ์โควิด-19 และยินดีที่ทราบว่า รัฐบาลจีนมีแผนดำเนินมาตรการนำร่องให้นักศึกษาต่างชาติ รวมถึงนักศึกษาไทยเดินทางกลับไปศึกษาต่อที่จีนในโอกาสแรก และขอขอบคุณเอกอัครราชทูตฯ ที่มีบทบาทสำคัญในการผลักดันเรื่องดังกล่าว และขอบคุณจีนที่ให้ความเชื่อมั่นในคุณภาพของผลไม้ไทย พร้อมยืนยันให้จีนมั่นใจว่า กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ของไทยได้ดำเนินการตรวจสินค้าผลไม้ไทยตามมาตรฐานสุขอนามัยพืชและการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ตามมาตรการควบคุมการปนเปื้อนเชื้อที่จีนแนะนำ และเป็นไตามมาตรฐานสากล

นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายยังหารือถึงความร่วมมือพหุภาคี โดยไทยและจีนต่างมีท่าทีร่วมกันในการรักษาระบบพหุภาคี หลักการการค้าเสรีที่เปิดกว้างและเป็นธรรม และระเบียบโลกบนพื้นฐานของกฎหมาย และกติการะหว่างประเทศ โดยพล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ขอบคุณที่จีนสนับสนุนการเป็นเจ้าภาพเอเปคของไทยในปีนี้ เพื่อร่วมกันเสริมสร้างภูมิภาคเอเชีย – แปซิฟิกที่เปิดกว้าง มีพลวัต ยืดหยุ่น สมดุล และยั่งยืน ไทยหวังว่าประธานาธิบดีสี จิ้นผิง จะเดินทางมาเยือนไทยเพื่อเข้าร่วมการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปคในช่วงปลายปี

ทั้งนี้ นายหาน จื้อเฉียง ได้ร่วมหารือกับพล.อ.ประวิตร เพื่อกระชับความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับไทยในด้านต่าง ๆ ที่ทั้งสองฝ่ายมีผลประโยชน์ร่วมกัน อาทิ การแลกเปลี่ยนการเยือนระดับสูง ความร่วมมือเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมภายหลังสถานการณ์โควิด-19 ความร่วมมือด้านสาธารณสุข และความร่วมมือด้านเทคโนโลยีดิจิทัล เป็นต้น เอกอัครราชทูตฯ ยังรู้สึกยินดีที่ได้มาปฏิบัติหน้าที่ในประเทศไทย และยืนยันสานต่อความสัมพันธ์และกระชับความร่วมมือให้เข็มแข็ง

ที่มา : facebook.com/PPRPThailand/
เมื่อวันที่ : 12 มกราคม 2565

‘ตรีนุช’ ลงพื้นที่สงขลามอบ กศน.จับมือ สพฐ.ดึงคนพิการกลับเข้าระบบการศึกษา

,

‘ตรีนุช’ ลงพื้นที่สงขลามอบ กศน.จับมือ สพฐ.ปักหมุดดึงคนพิการกลับเข้าระบบการศึกษา

เมื่อวันที่ 11 มกราคม น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 10 มกราคมที่ผ่านมา ตนพร้อมด้วย นายสุรศักดิ์ อินศรีไกร เลขาธิการสำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย (กศน.) และ นายวัลลพ สงวนนาม รองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) ได้ลงพื้นที่จังหวัดสงขลา เพื่อให้กำลังใจ ตรวจเยี่ยม และติดตามการดำเนินงานตามนโยบายของกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) และดูความพร้อมในการจัดการเรียนการสอนภาคเรียนที่ 2/2564 ท่ามกลางสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019(โควิด-19) โดยตนได้พบปะกับพูดคุยกับครู ผู้บริหาร และ บุคลากรทางการศึกษา ของโรงเรียนหาดใหญ่รัฐประชาสรรค์ ซึ่งเป็นโรงเรียนมัธยมศึกษาขนาดใหญ่พิเศษ และ โรงเรียนสะเดา“ขรรค์ชัยกัมพลานนท์อนุสรณ์” เปิดทำการสอนระดับมัธยมศึกษาตอนต้น โดยทั้ง 2 โรงเรียนอยู่ในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา (สพม.) 16 (สงขลา สตูล) ซึ่งพบว่าทั้ง 2 โรงเรียน ปฏิบัติตามมาตรการความปลอดภัย 6 มาตรการหลัก (DMHT-RC) 6 มาตรการเสริม (SSET-CQ) และแนวทาง 7 มาตรการเข้มสำหรับสถานศึกษาอย่างเคร่งครัด

น.ส.ตรีนุช กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ตนได้ไปตรวจเยี่ยมศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอำเภอคลองหอยโข่ง สังกัด กศน. ซึ่งการมาลงพื้นที่จังหวัดสงขลา ทำให้ทราบว่า จังหวัดสงขลามีเด็กตกหล่นที่เป็นผู้พิการอยู่เป็นจำนวนมาก แต่ด้วยความพร้อมในการจัดการศึกษาของ กศน.ที่นี่ ก็ทำให้มั่นใจว่าสงขลาเป็นจังหวัดที่มีความพร้อมที่จะนำร่องในการปักหมุดเก็บผู้พิการกลับเข้าสู่ระบบการศึกษาเป็นที่แรกของประเทศไทย โดยดิฉันได้มอบนโยบายให้ กศน. ร่วมกับ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) เร่งปักหมุดนำนักเรียนไทย กลับสู่ห้องเรียน ค้นหาและติดตามเด็กตกหล่นและออกกลางคันกลับเข้าสู่ระบบการศึกษา โดยใช้ข้อมูลของเด็กจากชื่อและที่อยู่ เพื่อให้เด็กได้รับการศึกษาอย่างมีคุณภาพและศึกษาต่อในระดับที่สูงขึ้น รวมทั้งสร้างระบบเครือข่ายการส่งต่อข้อมูลสารสนเทศทางการศึกษาของเด็กตกหล่นและออกกลางคันที่กลับเข้าสู่ระบบการศึกษา โดยที่จังหวัดสงขลาควรเน้นเรื่องการให้ความรู้คนพิการ ซึ่งมีมากในพื้นที่ให้ รวมถึงการพัฒนาทักษะอาชีพที่สอดรับกับความต้องการของคนในท้องถิ่น เช่น การเกษตรและแปรรูปอาหาร เช่น ผลิตภัณฑ์หอมเจียว การปลูกบอนสี การทำกระถางแฟนซี เป็นต้น
“การนำผู้เรียนกลับเข้าสู่ระบบการศึกษาเป็นภารกิจสำคัญของกระทรวงศึกษาธิการ ที่ยึดหลักการว่า การจัดการศึกษาจะต้องไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง รัฐบาลภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็ให้ความสำคัญเรื่องนี้ ซึ่ง กศน. เป็นหน่วยงานที่มีความสำคัญ มีเครือข่ายที่ครอบคลุมอยู่ทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ ถ้าประสานการทำงานกับ สพฐ. ก็จะช่วยเก็บเด็กตกหล่นกลับเข้าสู่ระบบการศึกษาได้” น.ส.ตรีนุช กล่าว

ที่มา : facebook.com/PPRPThailand/
เมื่อวันที่ : 11 มกราคม 2565

“พล.อ.ประวิตร” ยกทีมบิ๊ก พปชร. ลงหาเสียงสงขลามั่นใจกวาดคะแนนเขต 6

,

“พล.อ.ประวิตร” ยกทีมบิ๊กพปชร.ลงหาเสียงสงขลามั่นใจกวาดคะแนนเขต 6 ใจถึงพึ่งได้ทำงานเพื่อปชช.

พลเอกประวิตร นำทัพ พปชร.หาเสียงสงขลาครั้งใหญ่ช่วยผู้สมัคร ส.ส เขต 6 “อนุกูล พฤกษานุศักดิ์” (น้องโบ๊ต) ลั่นพรรคพลังประชารัฐ ใจถึงพึ่งได้ รักคนใต้ที่สุด ด้าน”ธรรมนัส”มั่นใจกวาดคะแนน คว้าเก้าอี้ส.ส.สงขลาเพิ่มแน่นอน

วันที่ 10 มกราคม 2565 เวลาประมาณ 19.00น. ณ เวทีปราศัยบริเวณ วัดเทพชุมนุมบ้านพรุ ต.บ้านพรุ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.)นำคณะกรรมการบริหารพรรค และส.ส.ของพรรค อาทิ ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรค นายสุชาติ ชมกลิ่น กรรมการบริหารพรรค และผู้อำนวยการเลือกตั้งเขต 6 สงขลา ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เหรัญญิกพรรค ดร.พัชรินทร์ ซำศิริพงษ์ โฆษกพรรคพลังประชารัฐ นายวิรัช รัตนเศรษฐ รองหัวหน้าพรรค ,และคณะส.ส.จากส่วนกลาง และพื้นที่ภาคใต้ มาร่วมขึ้นเวทีปราศรัยหาเสียงช่วยผู้สมัคร ส.ส เขต 6 นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ (น้องโบ๊ต) โดยมีสมาชิกพรรคและประชาชนทั่วไปมาร่วมฟังคำปราศรัยเป็นจำนวนมาก ภายใต้มาตรการป้องกันโควิด19 เข้มงวด

โดยพลเอกประวิตร ได้กล่าวปราศรัยกับพี่น้องประชาชนช่วงหนึ่งว่า วันนี้มาพบพี่น้องชาวใต้ด้วยความชื่นชมยินดีที่พบว่ามีพี่น้องประชาชนมาให้กำลังใจเป็นจำนวนมาก จึงอยากบอกว่า พรรคพลังประชารัฐใจถึงพึ่งได้ และรักคนใต้มากที่สุด และยืนว่าพรรคจะมุ่งมั่นทำงานเพื่อประชาชน เห็นได้จากผลงานที่เป็นพรรคแกนนำในรัฐบาลนี้มา 3 ปีและกำลังเข้าสู่ปีที่ 4 เราได้ทำโครงสร้างพื้นฐาน สร้างถนนหนทางเดินทางสัญจรและ ขนส่งสินค้าสะดวกมากขึ้น ไม่รวมถึงโครงการอื่นๆอีกมาก ได้ริเริ่มทำเพื่อประชาชนทั้งสิ้น เพื่อให้ประชาชนมีความสุขและอยู่ดีกินดีขึ้น ขอให้เชื่อมั่นนายกรัฐมนตรี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ตั้งใจทำงานเพื่อประชาชน พรรคพลังประชารัฐ เราไม่ใช่พรรคเฉพาะกิจ เราเป็นพรรคมาจัดตั้งรัฐบาลเสียงข้างมาก และเราจะเป็นพรรคจัดตั้งรัฐบาลต่อไปตามที่ประชาชนได้สนับสนุนอย่างมากมาตลอดและต่อเนื่อง เพราะฉะนั้น ทุกคนที่มาวันนี้ขอให้เชื่อมั่นในพรรค เชื่อมั่นในผู้สมัครส.ส.ของพรรค คือ น้องโบ๊ต เบอร์ 3

ด้านร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ กล่าวปราศัยว่า มีความยินดีและดีใจ ที่ได้มาปราศัยหาเสียงช่วยน้องโบ๊ต ที่ถือว่าเป็นคนรุ่นใหม่ ไฟแรงและมีความพร้อมที่จะช่วยเหลือพี่น้องประชาชนได้ทุกเรื่องในยามเดือดร้อนได้ จึงขอฝากให้พี่น้องประชาชนเทคะแนนเสียงมาเลือกน้องโบ๊ต เข้ามาช่วยกันทำงานเพื่อบ้านเมือง และมาพัฒนาเมืองหาดใหญ่ สงขลาโดยเฉพาะตำบลบ้านพรุ บ้านไร่ พะตง สะเดา เป็นต้น ที่ต่อไปจะต้องเจริญรุ่งเรือง เศรษฐกิจดีขี้น วันนี้ แม้พรรคอื่นจะเป็นอย่างไร แต่ พรรคพลังประชารัฐ นั้นชื่อบอกชัดเจนว่า ประชาชนบวกรัฐบาล จึงพร้อมทำงานเพื่อบ้านเมืองเต็มที่ ใครที่ปรามาสว่าถ้าเลือกแล้วจะมีพรรคนี้อยู่หรือไม่ บอกได้เลยฝันไปเถอะพรรคเรายังอยู่ และจะยิ่งใหญ่ตลอดไป ยกตัวอย่าง ปีที่แล้วที่การเลือกตั้งซ่อมส.ส.ที่นครศรีธรรราช เรายังชนะเลือกตั้งได้นายอำเภออาญาสิทธิ์ มาเป็นส.ส ด้วยคะแนนล้นหลาม จึงไม่ต้องสงสัยว่า ที่เขต 6 สงขลานี้ เรามีผู้สมัครที่มีความพร้อม พี่น้องประชาชน ต้องมีผู้แทนที่จะเข้าไปมีส่วนกำหนดในการพัฒนาแต่ละพื้นที่ของเรา ดังนั้นในวันที่ 16 มกราคมนี้ เราต้องช่วยกันเลือกผู้แทนคนรุ่นใหม่เข้ามาเป็น ส.ส.และพรรคมั่นว่า จะมี ส.ส.เพิ่มอีก 1คน จากเดิม มี 4 คน รวมเป็น 5 คน อย่าลืมไปช่วยกันเลือกคนดีเข้าสภา อย่าเลือกเสาไฟฟ้า เพราะเรามีคนรุ่นใหม่ มีความพร้อมดีกว่าแน่นอน

มีรายงานว่า ระหว่างที่ร้อยเอกธรรมนัสปราศัยอยู่นั้น ยังได้แนะให้น้องโบ๊ต ไหว้หาเสียงจากประชาชนด้วยการกราบลง 3 ครั้งโดยย้ำว่าเป็นสัญลักษณ์ของเบอร์ 3 พร้อมย้ำว่า หากได้รับเลือกเป็นส.ส.ให้กราบไหว้พี่น้องประชาชนได้เหมือนตอนมาหาเสียงแบบนี้ด้วย สร้างความพอใจและเสียงปรบมือให้กำลังใจน้องโบ๊ตอย่างคึกคัก
ขณะที่ศ.ดร.นฤมล ได้ขึ้นปราศัยช่วงหนึ่งว่า เวทีหาเสียงวันนี้มีความคึกคักมาก เพราะบุคคสำคัญของพรรค ภายใต้การนำของท่านหัวหน้าพรรค ได้มาพร้อมกันอยู่ที่นี่รวมถึงส.ส.แทบทุกภาคของพรรค เพื่อมาให้กำลังผู้สมัครของเราคือน้องโอ๊ต เบอร์ 3 จึงขอให้พี่น้องประชาชนมั่นว่า พรรคภายใต้การนำของพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค และพลเอกวิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา ประธานยุทธศาสต์พรรค ทั้งสองท่านร่วมกันกำหนดยุทธสาสตร์สำคัญ 3 เสาหลักคือ บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ที่ได้ทำแล้วและประชาชนจับต้องได้ ช่วยเหลือประชาชนอย่างเป็นรูปธรรมตั้งแต่อยู่ในครรภ์มารดา จนเสียชีวิต ซึ่งจากนี้จะมีการต่อยอดสวัสดิการดูแลประชาชนเพิ่มขึ้น เสาที่ 2 คือถ้าสวัสดิการดีแล้ว เราะต่อด้วยเศรษฐกิจประชารัฐ ด้วยนวัตกรรมทันสมัย เราได้ทำให้ชาวบ้านมีที่ทำกิน แก้หนี้นอกระบบ คืนโฉนดให้ประชาชน นี่คือผลงานจากการผลักดันของพลเอกประวิตรทั้งสิ้น และจะมีการต่อยอดไปสู่เกษตรประชารัฐ ซึ่งแต่ละพื้นที่ ส.ส จะดูแลประชาชนเป็นอย่างดี ส่วนเสาที่ 3คือสังคมประชารัฐ ซึ่งท่านหัวหน้าพรรคที่ดูแลด้านมั่นคงได้แก้ปัญหายาเสพติดอย่างแท้จริง ทั้งสามเสาหลักนี้ จะเกิดขึ้นได้และต่อยอดต่อไป ต้องขอคะแนนเสียงจากพี่น้องประชาชน เขต 6 ให้เข้ามาช่วยกันผลักดันและทำงานเพื่อประชาชนได้อย่างแท้จริง

ที่มา : facebook.com/PPRPThailand/
เมื่อวันที่ : 11 มกราคม 2565

ส.ส. พัชรินทร์ ซำศิริพงษ์ ในฐานะโฆษกพรรค มอบกระเช้าร่วมแสดงความยินดี

,

ส.ส. พัชรินทร์ ซำศิริพงษ์ ในฐานะโฆษกพรรคพลังประชารัฐ และ ส.ส.กทม.เขต2 ปทุมวัน บางรัก สาทร พร้อมด้วย ส.ส.พิชชารัตน์ เลาหพงศ์ชนะ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และส.ส.กานต์กนิษฐ์ แห้วสันตติ ส.ส.กทม. เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย เป็นตัวแทนพรรค พปชร. มอบกระเช้าร่วมแสดงความยินดีในโอกาสมติชน ก้าวสู่ปีที่ 45 แก่ผู้บริหารในเครือมติชน นำโดย นายปราบ บุนปาน รองกรรมการผู้จัดการสายเทคโนโลยีและดิจิทัลมีเดีย บริษัท มติชน จำกัด (มหาชน) และบรรณาธิการบริหารหนังสือพิมพ์มติชนและข่าวสด

ที่มา : facebook.com/PPRPThailand/
เมื่อวันที่ : 7 มกราคม 2565

‘พล.อ.ประวิตร’ ถกจัดทำงบบูรณาการปี 66 ย้ำต้องโปร่งใส คุ้มค่า เพื่อประโยชน์ปชช.

,

‘พล.อ.ประวิตร’ ถกจัดทำงบบูรณาการปี 66 ย้ำต้องโปร่งใส คุ้มค่า เพื่อประโยชน์ปชช.เดินหน้าขับเคลื่อนแผนจัดการทรัพยากรน้ำ 3 แผนงาน เพิ่มประสิทธิภาพเป็นรูปธรรม

เมื่อวันที่ 6 มกราคม ที่ห้องประชุมวิจิตรวาทการ สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการจัดทำงบประมาณรายจ่ายบูรณาการ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2566 ผ่านระบบวิดิโอคอนเฟอเร้นซ์

พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า การประชุมในวันนี้ เป็นผลสืบเนื่องจากมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2564 เห็นชอบการจัดทำงบประมาณรายจ่ายบูรณาการ ประจำปีงบประมาณ 2566 รวม 11 แผนงาน และมอบหมายให้ผมเป็นผู้กำกับแผนงานบูรณาการ จำนวน 3 แผนงาน ต่อมา นายกรัฐมนตรี ได้ลงนามคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีแต่งตั้งคณะกรรมการ รองรับการดำเนินการดังกล่าว โดยมอบหมายให้ผม เป็นประธาน คณะที่ 1 ซึ่งมี 3 คณะย่อย ได้แก่ คณะที่ 1.1 การขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ คณะที่ 1.2 การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำคณะที่ 1.3 การบูรณาการรัฐบาลดิจิทัล โดยแต่ละเรื่องได้มีการกำหนดหน่วยงานเจ้าภาพหลัก เป็นผู้ประสานและบูรณาการจัดทำงบประมาณ รองรับการขับเคลื่อนงานให้บรรลุตามเป้าหมายและตัวชี้วัดที่ยุทธศาสตร์ชาติ นโยบายรัฐบาล และแผนหลัก กำหนดไว้ การประชุมในวันนี้ จึงเป็นการพิจารณากรอบงบประมาณตามแผนงานบูรณาการฯ ทั้ง 3 แผนงาน ก่อนส่งให้สำนักงบประมาณดำเนินการต่อไป ผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่า คณะกรรมการทุกท่านจะร่วมกันพิจารณาเพื่อจัดสรรงบประมาณให้เกิดความคุ้มค่า และขับเคลื่อนงานให้บรรลุเป้าหมายที่กำหนดไว้

พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ขอให้ สมช. กอ.รมน. และ ศอ.บต. ในฐานะหน่วยงานเจ้าภาพกำกับการทำงานของหน่วยงานภายใต้แผนงานบูรณาการฯ อย่างใกล้ชิด รวมทั้งให้ดูความเชื่อมโยงกับการขับเคลื่อนงานภายใต้กรอบงบประมาณอื่น ๆ ทั้งงบประมาณตามภารกิจหน่วยงาน งบประมาณยุทธศาสตร์ งบประมาณเชิงพื้นที่ เพื่อให้เกิดการขับเคลื่อนที่เกื้อหนุนกันและนำไปสู่การบรรลุเป้าหมายในการทำให้ภาคใต้สงบสุขร่มเย็นต่อไป ในด้านการจัดการทรัพยากรน้ำเกี่ยวข้องกับหลายหน่วยงานในหลายกระทรวง จึงมีความจำเป็นที่ทุกหน่วยงาน จะต้องบูรณาการกันอย่างแท้จริง เพื่อให้สามารถแก้ไขปัญหาด้านทรัพยากรน้ำได้อย่างชัดเจน เป็นรูปธรรมลดความซ้ำซ้อน และใช้งบประมาณได้อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถขับเคลื่อนแผนแม่บทฯน้ำ ให้บรรลุได้ตามเป้าหมายขณะนี้ เรายังต้องเผชิญกับสถานการณ์โรคโควิด-19 ดังนั้น ขอให้ทุกหน่วยงานวางแผนการทำงานให้รัดกุม เพื่อเร่งรัดการดำเนินการให้บรรลุเป้าหมาย ใช้จ่ายงบประมาณอย่างประหยัดและคุ้มค่ามากที่สุด ด้านแผนงานบูรณาการรัฐบาลดิจิทัลจะช่วยให้การดำเนินงานด้านรัฐบาลดิจิทัลของประเทศเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ขอให้ทุกฝ่ายร่วมกันพัฒนารัฐบาลดิจิทัลให้ประสบผลสำเร็จเป็นรูปธรรมต่อไป

#พปชร
#พลังประชารัฐ
#https://pprp.or.th/
#https://twitter.com/pr_pprpthailand
#https://www.blockdit.com/pprp

ที่มา : facebook.com/PPRPThailand/
เมื่อวันที่ : 6 มกราคม 2565

30 ม.ค.นี้ เข้าคูหาไปใช้สิทธิ์ของท่าน สรัลรัศมิ์ เจนจาคะ พลังประชารัฐ เบอร์ 7

,

30 ม.ค.นี้ เข้าคูหาไปใช้สิทธิ์ของท่าน

สรัลรัศมิ์ เจนจาคะ พลังประชารัฐ เบอร์ 7
ขอโอกาสสานงานต่อดูแลพี่น้องหลักสี่-จตุจักร

#พปชร
#พลังประชารัฐ
#https://pprp.or.th/
#https://twitter.com/pr_pprpthailand
#https://www.blockdit.com/pprp

ที่มา : facebook.com/PPRPThailand/
เมื่อวันที่ : 6 มกราคม 2565

กางผลงานโดดเด่น ”พล.อ.ประวิตร” ในรอบปี 2564 ลุยพื้นที่แก้ปากท้อง

,

กางผลงานโดดเด่น”พล.อ.ประวิตร”ในรอบปี2564 ลุยพื้นที่แก้ปากท้อง-ดันศก.ฐานราก-ลดเหลื่อมล้ำ

วันที่ 31 ธันวาคม 2564 พรรคพลังประชารัฐ (พปชร) ภายใต้การนำของพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ หัวหน้าพรรค ได้ให้ความสำคัญในการแก้ไขปัญหาการยกระดับความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ให้กับประชาชน จากการลงพื้นที่อย่างต่อเนื่องทั่วประเทศ เพื่อรับฟังความเดือดร้อน และอุปสรรคที่เกิดขึ้น ในแต่ละด้าน นำไปสู่การผลักดันภายใต้การดำเนินของรัฐบาล

รายงานข่าวจากพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) ระบุว่า การดำเนินงานตลอดปี 2564 ของ พปชร. แม้ว่าไทยจะต้องเผชิญความยากลำบากจากการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 แต่ทุกฝ่ายได้ร่วมมือกันในการป้องกันและดูแลเพื่อประคับประคองภาวะเศรษฐกิจโดยตลอดปี พล.อ.ประวิตร ได้รับฟังอุปสรรค และแนวทางการแก้ไขปัญหาจากประชาชนทั่วทุกภูมิภาคของไทยและนำมาสู่การยกระดับคุณภาพชีวิตให้กับประชาชนที่ดีขึ้น เพื่อลดความเหลื่อมล้ำในสังคม ตลอดจนการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากที่จะมีส่วนสำคัญในการวางโครงสร้างเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมที่เข้มแข็งเพื่อเป็นฐานรากที่มั่นคงในการสนับสนุนเศรษฐกิจในปี 2565 ได้อย่างมีประสิทธิภาพต่อไป

สำหรับผลงานในรอบปี 2564 ที่สำคัญที่พล.อ.ประวิตรได้ดำเนินการได้แก่ เดือนมกราคม ได้วางแนวทางการผลักดันและพัฒนากรุงเทพฯ สู่มหานครทันสมัยระดับโลก เดือนกุมภาพันธ์ ได้เข้าไปแก้ไขปัญหาน้ำท่วม น้ำแล้ง มุ่งพัฒนาเศรษฐกิจ ดูแลคุณภาพชีวิตให้กับประชาชนบริเวณชายแดนภาคใต้ เดือนมีนาคม ได้ลงพื้นที่หลายจังหวัดเพื่อเข้าไปรับฟังปัญหาและดำเนินการช่วยเหลือชาวบ้านให้น้ำเพียงพอต่อการอุปโภคและบริโภคตลอดช่วงฤดูแล้ง เดือนเมษายน เร่งดูแลชาวบ้านมอบนโยบายลดความเหลื่อมล้ำ จัดสรรที่ดินทำกินช่วยเหลือเกษตรกร และผู้ยากไร้

ในเดือนพฤษภาคม ได้ยกระดับการป้องกันและเข้มงวดการลักลอบ เข้าเมืองอย่างผิดกฎหมาย เพื่อสกัดกั้นการแพร่ระบาด ของเชื้อไวรัสโควิด-19 เดือนมิถุนายน มีการมอบอุปกรณ์ ป้องกันโควิด ให้กับพี่น้องประชาชน เดือนกรกฎาคม ได้เร่งช่วยเหลือเยียวยาประชาชน ผู้ได้รับผลกระทบจากโควิดทุกพื้นที่ เดือนสิงหาคม ได้คุมเข้มเฝ้าระวังติดตามสถานการณ์น้ำท่วม ในพื้นที่ภาคเหนือ และภาคใต้ตอนล่าง พร้อมแก้ไขปัญหาช่วยเหลือ ประชาชนในทันที เดือนกันยายน ได้นำคณะและหน่วยงานเกี่ยวข้อง ติดตามความพร้อมของการบริหารจัดการน้ำหลากในพื้นที่ลุ่มต่ำพร้อมสั่งการให้หน่วยงานลงพื้นที่ดูแลความเดือดร้อนของประชาชน

ในช่วง 3 เดือนสุดท้ายของปี โดยในเดือนตุลาคม เริ่มสั่งการให้มีการกวาดล้างขบวนการค้ามนุษย์ โดยเฉพาะดำเนินการกับเจ้าหน้าที่ที่มีส่วนเกี่ยวข้องให้มีการดำเนินการขั้นเด็ดขาด เดือนพฤศจิกายน ลงพื้นที่ จ.นครสวรรค์ ตรวจเยี่ยมพื้นที่บึงบอระเพ็ด เพื่อนำมาสู่การวางแผนรอรับน้ำท่วมน่ำหลากในระยะยาว และในเดือนธันวาคมวางนโยบาย 11 ปี ฟื้นคลองแสนแสบ สร้างเขื่อนวางระบบบำบัดน้ำเสีย วางแผนบริหารด้านคมนาคม เพื่อการฟื้นฟูคลองแสนแสบในระยะยาว

#พปชร
#พลังประชารัฐ

ที่มา : facebook.com/PPRPThailand/
เมื่อวันที่ : 31 ธันวาคม 2564

รมว ตรีนุช เผยหลังปีใหม่บุคลากร ศธ.85% Work From Home 14 วัน

,

รมว ตรีนุช เผยหลังปีใหม่บุคลากร ศธ.85% Work From Home 14 วัน ลดความเสี่ยงสถานศึกษา

“ตรีนุช” ห่วง “โอมิครอน” แพร่ระบาดหลังเทศกาลปีใหม่ มอบปลัด ศธ.ออกประกาศบุคลากรสังกัด ศธ.85% Work From Home ต่อเนื่อง 14 วัน ย้ำโรงเรียนเปิดสอน on-site เคร่งครัดมาตรการความปลอดภัย 6-6-7 ลดความเสี่ยงโควิดในสถานศึกษา

วันนี้ (30 ธ.ค.) นางสาวตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) เปิดเผยว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา-2019 หรือ โควิด-19 ในประเทศไทยมีแนวโน้มคลี่คลายลงอย่างต่อเนื่อง แต่ขณะเดียวกันก็มีการแพร่ระบาด ของ “โอมิครอน” (Omicron) เชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่ ประกอบกับในช่วงเทศกาลปีใหม่เป็นห้วงเวลาสำคัญที่จะมีการจัดกิจกรรมเฉลิมฉลองในเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ จัดงานตามประเพณีท้องถิ่นและทางศาสนา ที่มีการรวมกลุ่มบุคคลจำนวนมาก มีการเดินทางท่องเที่ยว ดังนั้น เพื่อเป็นการเฝ้าระวังป้องกันการระบาดของโรคภายหลังช่วงเทศกาลปีใหม่ ตนจึงมอบหมายให้ ดร.สุภัทร จำปาทอง ปลัดกระทรวงศึกษาธิ​การ (ศธ.) ออกประกาศกระทรวงศึกษาธิการ เรื่อง มาตรการป้องกันและควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ของ ศธ.

รมว.ศธ. กล่าวต่อไปว่า ประกาศ ศธ.ฉบับใหม่ล่าสุดลงวันที่ 30 ธันวาคมนี้ กำหนดให้บุคลากรในสังกัดและในกำกับของ ศธ.ปฏิบัติงานภายในที่พัก ( Work From Home) อย่างต่อเนื่องไม่น้อยกว่าร้อยละ 85 ตั้งแต่วันที่ 1-14 มกราคม 2565 โดยการปฏิบัติงานดังกล่าวต้องไม่กระทบกับภารกิจให้บริการแก่ประชาชน ส่วนผู้บริหารของ ศธ.ในระดับบริหารสูง ระดับบริหารต้น ระดับอำนวยการสูง และผู้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับเชี่ยวชาญ ให้ปฏิบัติงานภายในหน่วยงานต้นสังกัดตามปกติ , ให้หัวหน้าหน่วยงานในสังกัดและในกำกับของ ศธ.กำกับควบคุมดูแลการปฏิบัติงานภายในที่พักของบุคลากรในเวลาราชการให้มีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ บุคลากรที่ต้องเดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะให้ปฏิบัติงานภายในที่พัก

รมว.ศธ. กล่าวต่อไปว่า สำหรับสถานศึกษาในสังกัด ศธ. ที่จัดการเรียนการสอนในชั้นเรียนแบบ on-site ทุกแห่ง ขอให้ปฏิบัติตามมาตรการความปลอดภัย 6-6-7 เพื่อลดความเสี่ยงโควิดในสถานศึกษาอย่างต่อเนื่องและเคร่งครัด ซึ่งประกอบด้วย 6 มาตรการหลัก (DMHT-RC) เว้นระยะห่าง สวมหน้ากาก ล้างมือ คัดกรองวัดไข้ ลดการแออัด และทำความสะอาด , 6 มาตรการเสริม (SSET-CQ )ดูแลตนเอง ใช้ช้อนกลางส่วนตัว กินอาหารปรุงสุกใหม่ ลงทะเบียนเข้าออกโรงเรียน สำรวจตรวจสอบ และกักกันตัวเอง ส่วนแนวทาง 7 มาตรการเข้มสำหรับสถานศึกษา คือ 1.ประเมิน TSC+ และรายงานผลผ่าน MOE COVID อย่างต่อเนื่อง 2.Small Bubble ทำกิจกรรมแบบกลุ่มย่อย 3.จัดอาหารตามหลักสุขาภิบาลอาหารและหลักโภชนาการ 4.อนามัยสิ่งแวดล้อม ทั้งอากาศ ความสะอาด น้ำ ขยะ 5.School Isolation มีแผนเผชิญเหตุและซักซ้อม 6.Seal Route ดูแลการเดินทางจากบ้านไปกลับโรงเรียน 7. จัดให้มี School Pass สำหรับนักเรียน ครู และบุคลากรในสถานศึกษา

“ การออกประกาศ Work From Home ของ ศธ.ครั้งนี้ เป็นมาตรการหนึ่งในการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโควิดสายพันธุ์ต่างๆ ที่อาจจะมีการแพร่ระบาดภายหลังที่มีวันหยุดยาวช่วงเทศกาลปีใหม่ อย่างไรก็ตามช่วงเวลาวันหยุดในเทศกาลปีใหม่นี้ แม้รัฐบาลได้ผ่อนคลายมาตรการป้องกันและควบคุมโรคให้สอดคล้องกับสถานการณ์การแพร่ระบาดในประเทศไทยที่ลดลง แต่ดิฉันขอให้นักเรียน นักศึกษา ครู บุคลากรทางการศึกษา และพี่ น้อง ประชาชนทุกคน ไม่ประมาท การ์ดไม่ตก ระมัดระวังการเดินทางไปร่วมกิจกรรมในสถานที่ต่างๆ ต้องสวมใส่หน้ากากอนามัย หมั่นล้างมือบ่อยๆ ด้วยเจลแอลกอฮอล์ หรือสบู่ หลีกเลี่ยงการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ที่ มีไข้ และไอจาม และคอยสังเกตอาการตนเองอยู่เสมอ” รมว.ศธ.กล่าว.

ที่มา : facebook.com/PPRPThailand/
เมื่อวันที่ : 30 ธันวาคม 2564

“ตรีนุช”สนองพระราชดำรัสกรมสมเด็จพระเทพฯปรับการศึกษาหลังโควิด

,

“ตรีนุช”สนองพระราชดำรัสกรมสมเด็จพระเทพฯปรับการศึกษาหลังโควิด

“ตรีนุช” สนองพระราชดำรัสสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี น้อมนำการพัฒนาการศึกษาที่สมดุล 4 ด้าน มาปรับปรุงการพัฒนาเด็กและเยาวชนหลังโควิด-19 ขยายผลงาน กพด. สู่สถานศึกษาในสังกัด ศธ.

วันนี้ (29 ธ.ค.) น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) เปิดเผยว่า จากการที่สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงบรรยายเรื่อง “การพัฒนาเด็กและเยาวชนหลังโควิด-19” ในการเป็นประธานการประชุมวิชาการ การพัฒนาเด็กและเยาวชนในถิ่นทุรกันดาร (กพด.) ตามพระราชดำริ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ประจำปี 2564 ว่า การพัฒนาการศึกษาที่สมดุลมี 4 ด้าน คือ 1.พุทธิศึกษา หมายถึงวิชาการด้านต่างๆ 2.จริยศึกษา เรื่องของคุณงามความดี ความคิดดี ซึ่งจริยศึกษาที่สำคัญและต้องสอน คือ เรื่องความซื่อสัตย์ 3.หัตถศึกษา หรือ การศึกษาที่ใช้มือหยิบจับ การทำงานช่างต่าง ๆ และ 4.พลศึกษา เพื่อให้ร่างกายและสมองแข็งแรงมีกำลัง ไม่ใช่มีแต่ความรู้ไม่มีพลังก็ไม่มีประโยชน์ นั้น ตนได้น้อมรับกระแสพระราชดำรัสของพระองค์ท่าน โดยได้มอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) และสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) นำการพัฒนาการศึกษาที่สมดุลทั้ง 4 ด้าน มาพิจารณากำหนดไว้ในการปรับปรุงหลักสูตรการจัดการเรียนการสอนทุกระดับ ทุกประเภท ซึ่งทั้ง สพฐ. และสอศ.กำลังดำเนินการปรับปรุงหลักสูตรและการเรียนการสอนอยู่ในขณะนี้

“ ดิฉัน น้อมนำพระราชดำรัสของสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ ที่ทรงเน้นย้ำถึงการแก้ปัญหาเรื่องคนที่ฟังและพูดภาษาไทยไม่ได้ ที่ต้องหาวิธีการใหม่ๆมาฝึกให้เด็กอ่านเขียน และต้องเอาจริงเอาจังกว่าเดิม, การแก้ปัญหาครูขาดทักษะในการสอนออนไลน์ , การจัดการเรียนการสอนที่ต้องสอนให้เด็กเรียนรู้รอบด้าน มีทักษะชีวิต ทักษะการทำงาน โดยต้องออกแบบการสอนแบบปฏิบัติที่เน้นให้เด็กนักเรียนลงมือปฏิบัติด้วยนั้น มาพิจารณาปรับปรุงการจัดการศึกษาของกระทรวงศึกษาธิการ พร้อมนำสิ่งที่พระองค์ท่านทรงริเริ่มทำกับโรงเรียนในโครงการ กพด.มาขยายผลต่อในโรงเรียนสังกัดกระทรวงศึกษาธิการ เช่นเรื่องการใช้สื่อ 60 พรรษาสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สำหรับระดับประถมศึกษา และสื่อ 65 พรรษาฯ สำหรับระดับมัธยมศึกษาตอนต้น ซึ่งมีอยู่ในถุงยังชีพเพื่อการศึกษาพระราชทานที่ช่วยได้ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด 19 เรื่องการสอนคุณธรรมจริยธรรมความซื่อสัตย์ ที่เน้นให้เด็กมีความซื่อสัตย์ ครูก็ต้องมีความซื่อสัตย์ด้วยนั้น ก็จะมีการปรับปรุงการวัดและประเมินผลให้หลากหลายเหมาะสมกับวิธีการสอน และมีการนิเทศการสอนด้วย “ นางสาวตรีนุช กล่าว

รมว.ศธ.กล่าวด้วยว่า จากที่ได้เกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหวในสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) ได้ส่งผลกระทบถึงอำเภอเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดน่าน ส่งผลให้โรงเรียนในสังกัด สพฐ.ซึ่งเป็นโรงเรียนในโครงการ กพด.ได้รับผลกระทบเกิดความเสียหายด้วยนั้น ตนได้มอบหมายให้ สพฐ.เร่งสำรวจความเสีหายและดูแลซ่อมแซมโดยด่วนแล้ว

ที่มา : facebook.com/PPRPThailand/
เมื่อวันที่ : 29 ธันวาคม 2564

พปชร. เคาะชื่อ “สรัลรัศมิ์ เจนจาคะ” สู้ศึกเลือกตั้งซ่อมหลักสี่-จตุจักร

,

พปชร. เคาะชื่อ “สรัลรัศมิ์ เจนจาคะ” สู้ศึกเลือกตั้งซ่อมหลักสี่-จตุจักร หวังได้รับความไว้วางใจ ดูแลประชาชนต่อเนื่อง

ดร.พัชรินทร์ ซำศิริพงษ์ ส.ส. กทม. เขต 2 ในฐานะโฆษกพรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า วันนี้กรรมการสรรหาพรรคพลังประชารัฐ โดยมีร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรค เป็นประธาน และได้นำเสนอชื่อผู้ที่ได้รับการสรรหา ให้กับกรรมการบริหารพรรค (กก.บห.) พิจารณา

ทั้งนี้ ในที่สุดกก.บห.ได้พิจารณา และมีมติเป็นเอกฉันท์ เห็นควรให้ นางสรัลรัศมิ์ เจนจาคะ เป็นผู้สมัคร ส.ส.กทม.เขต 9 ของพรรค โดยมีนายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ กรรมการบริหารพรรค เป็นผู้อำนวยการการเลือกตั้ง

ด้านนายชัยวุฒิ ระบุ พรรคอยากจะขอความสนับสนุนจากพี่น้องประชาชน ให้พรรค ได้มีโอกาสดูแลประชาชนในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง ซึ่งเรื่องของเสถียรภาพรัฐบาล และผลงานรัฐบาลในช่วงวิกฤตที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นการแก้ปัญหาโรคระบาดโควิด-19 และมาตรการฟื้นฟูและกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆ พรรคพลังประชารัฐ เราก็ได้ดำเนินนโยบายอย่างเต็มที่ เต็มความสามารถ ดังนั้น พรรคจึงหวังว่าจะยังคงได้รับความไว้วางใจให้ทำหน้าที่ดูแลพี่น้องประชาชนในพื้นที่เขตหลักสี่ และจตุจักร(แขวงเสนานิคม แขวงจันทรเกษม และแขวงลาดยาว) ต่อไป

#พรรคพลังประชารัฐ
#พปชร
#https://pprp.or.th

ที่มา : facebook.com/PPRPThailand/
เมื่อวันที่ : 28 ธันวาคม 2564

ศธ.ชู”เด็กไทย ใจเป็นหนึ่ง” ฉลองวันเด็ก 8 ม.ค.65 แบบ“ออนไซต์-ออนไลน์”

,

ศธ.ชู”เด็กไทย ใจเป็นหนึ่ง”พร้อมจัดฉลองวันเด็ก 8 ม.ค.65 แบบ“ออนไซต์-ออนไลน์”

ศธ.พร้อมจัดกิจกรรมฉลองวันเด็กแห่งชาติ ปี 2565 แบบออนไซต์-ออนไลน์ ในวันเสาร์ที่ 8 มกราคม 2565 ภายใต้แนวคิด “เด็กไทย ใจเป็นหนึ่ง” ตามคำขวัญ “รู้คิด รอบคอบ รับผิดชอบต่อสังคม” โดยกรุงเทพฯ จัดที่หอประชุมคุรุสภา พร้อมชวนเด็กๆ ร่วมเล่นเกมออนไลน์ ลุ้นรับของรางวัลส่งตรงถึงบ้าน

วันนี้ (27 ธ.ค.) น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) แถลงข่าวจัดกิจกรรมฉลองวันเด็กแห่งชาติ ปี 2565 และ กิจกรรมการมอบโล่รางวัลและประกาศนียบัตร แก่เด็กและเยาวชนดีเด่นและนำชื่อเสียงมาสู่ประเทศชาติ พร้อมรับโอวาทจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชานายกรัฐมนตรี ภายใต้แนวคิดการจัดงาน “เด็กไทย ใจเป็นหนึ่ง” ตอนหนึ่งว่า ศธ.เป็นหน่วยงานหลักที่มีหน้าที่รับผิดชอบโดยตรงต่อเด็กและเยาวชนไทยทั้งประเทศ ในการเสริมสร้างองค์ความรู้ และการพัฒนา ให้เป็นทรัพยากรมนุษย์ที่มีคุณค่า และมีความสำคัญของประเทศ โดยยึดแนวปฏิบัติตามแผนยุทธศาสตร์ชาติด้านการพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพทรัพยากรมนุษย์ โดยเฉพาะแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ (พ.ศ.2561 – 2580 ) ในประเด็นที่ให้ความสำคัญต่อการพัฒนาศักยภาพคนตลอดช่วงชีวิต การสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการพัฒนา และเสริมสร้างศักยภาพมนุษย์ การพัฒนาเด็ก
สำหรับวันเด็กแห่งชาติปีนี้ ตรงกับวันที่ 8 มกราคม 2565 ซึ่งการจัดกิจกรรมภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ในขณะนี้ต้องเฝ้าระวังและดำเนินการภายใต้ความปลอดภัยของเด็กๆ โดยมี 2 กิจกรรมหลัก ดังนี้ กิจกรรมที่ 1. เป็นการนำตัวแทนเด็กและเยาวชนดีเด่น และนำชื่อเสียงมาสู่ประเทศชาติ ประจำปี 2565 ซึ่งเป็นเด็กในเขตกรุงเทพมหานคร จำนวน 250 คน เข้าเยี่ยมคาราวะและรับโอวาทจากนายกรัฐมนตรี และรับโล่จากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ พร้อมทั้งมีการถ่ายทอดสดผ่านทางสถานีโทรทัศน์แห่งประเทศไทย NBT ในช่วงเวลา 08.30 – 09.30 น. สำหรับเด็กและเยาวชนดีเด่นและนำชื่อเสียงมาสู่ประเทศ ในส่วนภูมิภาค ได้มอบหมายสำนักงานศึกษาธิการจังหวัดทุกจังหวัดจัดกิจกรรมการมอบโล่รางวัล โดยเรียนเชิญท่านผู้ว่าราชการจังหวัด เป็นผู้มอบ ทั้งนี้ ในการจัดกิจกรรมดังกล่าวให้เป็นไปตามมาตรการและข้อกำหนดของแต่ละพื้นที่อย่างเคร่งครัด

รมว.ศธ.กล่าวต่อไปว่า ส่วนกิจกรรมที่ 2 การจัดงานวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2565 จัดในรูปแบบออนไซต์ พื้นที่หอประชุมคุรุสภา กระทรวงศึกษาธิการ ภายใต้แนวคิดการจัดงาน “เด็กไทย ใจเป็นหนึ่ง” ตามคำขวัญ “รู้คิด รอบคอบ รับผิดชอบต่อสังคม”ตั้งแต่เวลา 07.00-15.00 น. โดยมีบูธกิจกรรมจำนวน 8 บูธ และได้มีการเพิ่มช่องทางสำหรับน้องๆ หนู ๆ รับชม ร่วมเล่นเกมออนไลน์ลุ้นรับของรางวัล ซึ่งจะส่งตรงถึงบ้าน โดยการถ่ายทอดผ่านระบบออนไลน์ ด้วยโปรแกรม Zoom // Zoom https://us02web.zoom.us/j/86568404538 Meeting ID: Meeting ID: 865 6840 4538 และทางFacebook Fanpage ศธ.360 องศา

ทั้งนี้ การจัดกิจกรรมฉลองวันเด็กแห่งชาติ ของกระทรวงศึกษาธิการ ปี 2565 จัดขึ้น ได้จัดงานภายใต้มาตรการความปลอดภัยที่กระทรวงสาธารณสุข(สธ.)กำหนดตามมาตรการและแนวทางการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด 19 โดยมีมาตรการ คือ ผู้ที่เข้าร่วมงานจะต้องวัดอุณหภูมิร่างกาย พร้อมแสดงเอกสารรับรองการฉีดวัคซีนจำนวน 2 เข็ม และแสดงผลตรวจ ATK ภายใน 72 ชั่วโมง หากไม่มีผลตรวจ ATK สามารถตรวจวัดทันทีโดยเจ้าหน้าที่สาธารณสุขให้บริการ ณ บริเวณหน้าจุดจัดงาน

ที่มา : facebook.com/PPRPThailand/
เมื่อวันที่ : 28 ธันวาคม 2564