โลกเปลี่ยน ไทยต้องปรับ ทางเลือกใหม่ของการเมืองไทย ก้าวข้ามความขัดแย้ง สานพลังประชาราษฎร์ ร่วมสร้างชาติให้ยั่งยืน

หมวดหมู่: ข่าวกิจกรรม

“พล.อ.ประวิตร” สั่งปรับแผนแม่บทฯ น้ำ 20 ปี เพิ่มแหล่งเก็บน้ำชุมชน

,

“พล.อ.ประวิตร” สั่งปรับแผนแม่บทฯ น้ำ 20 ปี เพิ่มแหล่งเก็บน้ำชุมชน แก้น้ำท่วม-แล้งอย่างยั่งยืน

เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายน ที่ทำเนียบรัฐบาล เข้าร่วมประชุมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ (Video Conference) พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนแผนแม่บทการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ครั้งที่ 2/2564 โดยมี
ดร.สุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) พร้อมด้วยผู้แทนจากส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง อาทิ กรมชลประทาน กรมทรัพยากรน้ำ กรมทรัพยากรน้ำบาดาล การประปานครหลวง การประปาส่วนภูมิภาค เป็นต้น เข้าร่วมประชุมผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์

พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ขณะนี้รัฐบาลเร่งขับเคลื่อนการดำเนินงานตามแผนแม่บทการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ 20 ปี ทั้ง 6 ด้าน ให้บรรลุผลตามเป้าหมาย เพื่อสร้างความมั่นคงด้านน้ำ ซึ่งจะช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน และถือเป็นปัจจัยสำคัญที่จะช่วยพัฒนาประเทศอย่างยั่งยืน โดยผลการดำเนินงานและผลสัมฤทธิ์ตามแผนแม่บทฯ น้ำ 20 ปี ตั้งแต่ปี 2561 จนถึงปัจจุบัน มีแผนงานโครงการที่มีความก้าวหน้าการดำเนินงานเกิน 80% ของแผน อาทิ การพัฒนาและปรับปรุงพื้นที่ชะลอน้ำ 13 แห่ง คิดเป็น 100%

พล.อ.ประวิตรกล่าวว่าการเพิ่มประสิทธิภาพประปาหมู่บ้าน 4,675 แห่ง คิดเป็น 85% และมีแผนงานโครงการที่มีความก้าวหน้าเกิน 30% อาทิ การพัฒนาน้ำบาดาลเพื่อการเกษตร 118 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็น 64% การพัฒนาแหล่งเก็บกักน้ำ อาคารบังคับน้ำ ระบบส่งน้ำใหม่ 393 ล้าน ลบ.ม. คิดเป็น 34% และลดการชะล้างพังทลายของดิน ในพื้นที่ป่าต้นน้ำ 80,308 ไร่ คิดเป็น 33% และในพื้นที่เกษตรนอกพื้นที่อนุรักษ์ 367,900 ไร่ คิดเป็น 37%
พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า การดำเนินงานที่ผ่านมาพบว่ามีแผนงานที่ยังมีความล่าช้า เช่น การปรับปรุงประสิทธิภาพแหล่งน้ำ ระบบส่งน้ำเดิม การอนุรักษ์ฟื้นฟูพัฒนาแหล่งน้ำพื้นที่เกษตรน้ำฝน ระบบป้องกันน้ำท่วมชุมชนเมือง เป็นต้น โดยที่ประชุมมีมติเห็นชอบแนวทางในการปรับปรุงขับเคลื่อนแผนแม่บทฯ น้ำ 20 ปี และให้ สทนช. ดำเนินการผ่านคณะทำงานภายใต้คณะอนุกรรมการขับเคลื่อนแผนแม่บทฯ น้ำ และให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องพิจารณาและทบทวน ปรับปรุงแนวทางการดำเนินงาน เป้าหมาย ตัวชี้วัดที่จะดำเนินการในระยะต่อไป รวมถึงใช้ระบบติดตามประเมินผลด้านน้ำของประเทศไทย (Thai Water Assessment :TWA) เป็นเครื่องมือในการติดตามประเมินผลโครงการด้านทรัพยากรน้ำ โดยให้หน่วยงานของรัฐและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เริ่มรายงานผลการดำเนินงานและผลสัมฤทธิ์ของโครงการด้านแหล่งน้ำผ่านระบบตั้งแต่เดือน ธ.ค. 64 เป็นต้นไป

พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า นอกจากนี้ ที่ประชุมเห็นชอบให้ปรับปรุงกรอบแนวทางแผนแม่บทฯ น้ำ 20 ปี ช่วงปี 2566-2580 โดยเฉพาะแหล่งน้ำตามครัวเรือน เพื่อสำรองน้ำใช้ในฤดูแล้ง บูรณาการการพัฒนาแหล่งน้ำกับแผนที่เกษตร (Agri-Map) พัฒนาโคกหนองนาโมเดล เพื่อเป็นแหล่งน้ำสำรอง และใช้กักเก็บน้ำเพื่อลดปัญหาอุทกภัย รวมถึงเร่งศึกษาวิจัยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เพื่อประกอบการปรับปรุงแผนแม่บทการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ โดยที่ประชุมมอบหมายให้หน่วยงานรายงานปัญหาอุปสรรคการดำเนินการขับเคลื่อนที่ผ่านมาให้ สทนช. ทราบ ภายในเดือน ธ.ค. 64 รวมทั้งให้ทุกหน่วยงานสนับสนุนข้อมูลในการปรับปรุงแผนแม่บทฯ น้ำ 20 ปี เพื่อให้มีความครบถ้วน และครอบคลุมทุกมิติ

ด้าน ดร.สุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการ สทนช. กล่าวเพิ่มเติมว่า ที่ประชุมยังได้ติดตามการดำเนินงานตามข้อสั่งการของพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในการพัฒนาแหล่งน้ำชุมชน และการเพิ่มปริมาณน้ำต้นทุน การดำเนินการเตรียมการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมและน้ำเสีย และการสำรวจพื้นที่แหล่งน้ำบาดาลสะอาดที่มีศักยภาพ เพื่อเพิ่มปริมาณน้ำต้นทุนให้เป็นไปตามเป้าหมายแผนแม่บทฯ น้ำ 20 ปี โดยเร็วด้วย โดยรองนายกฯ ได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องรายงานความก้าวหน้าผลการดำเนินการตามข้อสั่งการมายัง สทนช. และรายงานต่อคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (กนช.) ต่อไป

ที่มา : facebook.com/PPRPThailand/
เมื่อวันที่ : 12 พฤศจิกายน 2564

“ตรีนุช” เตรียมนำ 2 รมช. ศึกษาธิการ ลงพื้นที่ตรวจการศึกษาในกลุ่มจังหวัดภาคใต้

, ,

“ตรีนุช” เตรียมนำ 2 รมช.ศึกษาธิการ แบ่ง 3 สาย ลงพื้นที่ตรวจการศึกษาในกลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามัน ก่อนการประชุม ครม.สัญจร ที่ จ.กระบี่ กำชับตรวจราชการเรียบง่าย

​นางสาวตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) เปิดเผยว่า จากการที่รัฐบาลกำหนดการลงพื้นที่ติดตามการดำเนินงานตามนโยบายของรัฐบาล ในการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) อย่างเป็นทางการนอกสถานที่ ครั้งที่ 1/2564 ณ กลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามัน (กระบี่ ตรัง พังงา ภูเก็ต ระนอง และสตูล) ระหว่างวันที่ 15 – 16 พฤศจิกายน 2564 นั้น กระทรวงศึกษาได้แบ่งสายการตรวจราชการ ซึ่งสายแรกนำโดยตน ช่วงเช้าวันที่ 15 พ.ย.จะประชุมหัวหน้าส่วนราชการทางการศึกษาจังหวัดกระบี่ เพื่อติดตามนโยบายรัฐบาล และนโยบายกระทรวงศึกษาธิการ เพื่อรองรับการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม กลุ่มจังหวัดภาคใต้ฝั่งอันดามัน รวมทั้งติดตามความก้าวหน้าการจัดการศึกษาอาชีวศึกษาสู่ความเป็นเลิศ และการให้บริการช่วยเหลือประชาชน โดยศูนย์ซ่อมสร้างเพื่อชุมชน (Fix It Center) ณ วิทยาลัยเทคนิคกระบี่ อำเภอเมืองกระบี่ จากนั้นช่วงบ่ายจะเยี่ยมบ้านนักเรียน ตามโครงการปรับบ้านเป็นห้องเรียน เปลี่ยนพ่อแม่เป็นครู ของสังกัดสำนักบริหารงานการศึกษาพิเศษ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) และตรวจติดตามการเรียนการสอนในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) และรับฟังปัญหาจากชุมชนโดยรอบโรงเรียนบ้านคลองม่วง อำเภอเมืองกระบี่

รมว.ศธ.กล่าวต่อไปว่า สายที่ 2 นำโดย คุณหญิงกัลยา โสภณพนิช รมช.ศธ.ช่วงเช้าจะลงพื้นที่ติดตามการดำเนินงานตามนโยบายวิทยาลัยเทคโนโลยีฐานวิทยาศาสตร์ และศูนย์ความเป็นเลิศทางการอาชีวศึกษา (Excellent Center) สาขาวิชาพาณิชยกรรมและบริการฐานวิทยาศาสตร์ สาขางานเทคโนโลยีการท่องเที่ยว เยี่ยมชมห้องเรียน ห้องสปา และห้องฟิตเนส ที่วิทยาลัยเทคนิคพังงา ส่วนช่วงบ่ายร่วมติดตามภารกิจกับนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์

นางสาวตรีนุช กล่าวอีกว่า สายที่ 3 นำโดยนางกนกวรรณ วิลาวัลย์ รมช.ศธ. จะลงพื้นที่ 2 วัน คือวันที่ 14 พ.ย.จะติดตามผลการขับเคลื่อนโครงการ NFE Data Map : ปักหมุดสร้างโอกาสทางการศึกษาของผู้พิการและผู้ด้อยโอกาสของพื้นที่จังหวัดระนอง และติดตามผลการดำเนินงานของสำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย(กศน.)จังหวัดระนอง ที่ กศน.อำเภอกะเปอร์ จากนั้นไปเยี่ยมบ้านผู้พิการที่จะเข้าสู่ระบบการศึกษาของ กศน.ในอำเภอสุขสำราญ จากนั้นจะไปเยี่ยมบ้านผู้พิการที่จะเข้าสู่ระบบการศึกษาของ กศน. ในจังหวัดพังงา รวมทั้งตรวจเยี่ยมการจัดการเรียนการสอนโรงเรียนประจำภายใต้สถานการณ์โควิด-19 ณ โรงเรียนประกอบธรรมอิสลาม อำเภออ่าวลึก จังหวัดกระบี่ ส่วนวันที่ 15 พ.ย. ช่วงเช้าจะติดตามการดำเนินงานตามนโยบาย และการจัดการศึกษาสำหรับคนพิการและผู้ด้อยโอกาสใน 5 จังหวัดกลุ่มอันดามัน ณ สำนักงาน กศน.จังหวัดกระบี่ และประชุมติดตามการจัดการศึกษาโรงเรียนเอกชน ณ โรงเรียนสังข์ทองวิทยา รวมถึงเปิดศูนย์การเรียนรู้ทุกช่วงวัยตำบลเหนือคลอง และห้องสมุดเคลื่อนที่สำหรับชาวตลาด ตามโครงการพระราชดำริฯ ณ ศูนย์การเรียนรู้ทุกช่วงวัย อำเภอเหนือคลอง จังหวัดกระบี่

“ในวันที่ 16 พ.ย.2564 ดิฉันพร้อมด้วย 2 รมช.ศธ.จะเข้าร่วมการประชุมคณะรัฐมนตรี อย่างเป็นทางการนอกสถานที่ ครั้งที่ 1/2564 ณ โรงแรมโซฟิเทล กระบี่ โภคีธรากอล์ฟ แอนด์ สปา รีสอร์ท จังหวัดกระบี่ ทั้งนี้ในการลงพื้นที่ดิฉันขอให้คำนึงถึงมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 อย่างเคร่งครัด และได้กำชับให้ส่วนราชการปฏิบัติตามนโยบายในการลงพื้นที่ตรวจราชการ 6 ข้อ คือ
1. จัดบุคลากรเข้าร่วมโดยให้มีผลกระทบต่อการเรียนการสอนน้อยที่สุด
2. การลงพื้นที่ต้องไม่เป็นภาระของหน่วยงานในการต้อนรับ
3. ดำเนินการโดยประหยัดเท่าที่จำเป็นและเรียบง่าย
4. งดแผ่นป้ายที่ไม่จำเป็นในการต้อนรับ
5. การรายงานข้อมูล/การนำเสนอข้อมูลให้กระชับและตรงประเด็น
6. ไม่ต้องจัดให้มีของฝากหรือของที่ระลึก ”
รมว.ศธ.กล่าว

ที่มา : facebook.com/PPRPThailand/
เมื่อวันที่ : 11 พฤศจิกายน 2564

อธิรัฐ สั่งการเจ้าท่าคุมความเร็วเรือ และท่าเรือโดยสาร ลดผลกระทบช่วงน้ำทะเลหนุน

,

อธิรัฐ สั่งการเจ้าท่าคุมความเร็วเรือ และท่าเรือโดยสาร ลดผลกระทบช่วงน้ำทะเลหนุนสูง

นายอธิรัฐ รัตนเศรษฐ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า จากเหตุน้ำทะเลหนุนสูงประกอบกับน้ำเหนือไหลลงสู่แม่น้ำเจ้าพระยาในระยะนี้ ส่งผลให้หลายพื้นที่ตลอดริมแม่น้ำเจ้าพระยาตั้งแต่ จ.นนทบุรี กรุงเทพมหานคร จ.สมุทรปราการ และในลำคลองต่างๆ ได้รับผลกระทบจากภาวะน้ำล้นตลิ่ง เอ่อเข้าท่วมพื้นที่อยู่อาศัย บ้านเรือน และถนนหลายสาย ทั้งนี้เพื่อลดผลกระทบและความเดือดร้อนของประชาชน ตนได้สั่งการให้กรมเจ้าท่าเร่งดำเนินการ

1. กำหนด ควบคุม และลดความเร็วในการเดินเรือโดยเฉพาะพื้นที่ที่ระดับน้ำสูง เพื่อป้องกันคลื่นจากเรือกระทบบ้านเรือนประชาชนหรือกำแพงกระสอบทรายที่ใช้ในการป้องกันน้ำ ไม่ให้ได้รับผลกระทบหรือเกิดความเสียหาย
2. จัดเจ้าหน้าที่เฝ้าระวัง ออกตรวจ พื้นที่ท่าเทียบเรือโดยสารให้มีความปลอดภัย และไม่กระทบต่อการให้บริการประชาชน แต่หากท่าเรือใดได้รับผลกระทบจากระดับน้ำขึ้นสูง บริเวณอาคารที่พักผู้โดยสาร ทางเดิน เพื่อขึ้นลงเรือ ทั้งท่าเรือเอกชนและท่าเรือสาธารณะ ให้จัดทำทางเดินชั่วคราวที่สะดวกและปลอดภัยในการขึ้นลงเรือ
3. ประสานกรมอุทกศาสตร์ กองทัพเรืออย่างใกล้ชิดเพื่อทราบข้อมูลระดับน้ำขึ้นน้ำลงล่วงหน้า สำหรับใช้ในการวางแผนเพื่อการป้องกันหรือลดผลกระทบต่อประชาชน

ที่มา : facebook.com/PPRPThailand/
เมื่อวันที่ : 11 พฤศจิกายน 2564

“ส.ส.ทัศนียา รัตนเศรษฐ” เดินหน้าให้กำลังใจพี่น้อง อ.พิมาย รับการฉีดวัคซีนโควิด-19

, ,

“ส.ส. ทัศนียา รัตนเศรษฐ” เดินหน้าให้กำลังใจพี่น้องอำเภอพิมาย รับการฉีดวัคซีนโควิด-19 พร้อมทั้งมอบถุงยังชีพช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม

เมื่อวันอังคาร ที่ 9 พฤศจิกายน 2564 ณ โรงพยาบาลพิมาย อ.พิมาย จ.นครราชสีมา ส.ส. ทัศนียา
รัตนเศรษฐ เขต7 จังหวัดนครราชสีมา พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) พร้อมด้วย นายตติรัฐ รัตนเศรษฐ
ผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ลงพื้นที่เพื่อเยี่ยมให้กำลังใจผู้มารับวัคซีนและบุคลากรทางการแพทย์ที่ปฏิบัติงานให้บริการฉีดวัคซีนโควิด19 แก่ประชาชน เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันในพื้นที่ โดยมีกลุ่มเป้าหมายที่มารับบริการ จำนวน 1,200 ราย

นอกจากนี้ ส.ส. ทัศนียา พร้อมคณะดังกล่าว ยังได้ลงพื้นที่ ต.รังกาใหญ่ อ.พิมาย จ.นครราชสีมา เพื่อไปมอบถุงยังชีพให้ผู้นำในพื้นที่มอบให้ผู้สูงอายุ ผู้ป่วยติดเตียง ผู้พิการ และผู้ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม เพื่อช่วยในการดำรงชีพและบรรเทาความเดือดร้อนเบื้องต้น จำนวน 1,200 ชุด ตามจุดต่างๆ ดังนี้ วัดฉกาจช่องโค จำนวน 164 ชุด, วัดรังกาใหญ่ จำนวน 118 ชุด, วัดวิปัสนารังกาใหญ่ จำนวน 200 ชุด, ศาลาบ้านตะปัน (ม.5) จำนวน 196 ชุด, ศาลาบ้านตะปัน (ม.13) จำนวน 143 ชุด, วัดบ้านพุทรา จำนวน 161 ชุด, ศาลาบ้านหนองไทร จำนวน 128 ชุด และวัดนิคมสามัคคี จำนวน 90 ชุด

“เรายังจะทุ่มเททำงานต่อไป เราจะไม่ทิ้งพี่น้องชาวโคราช ด้วยความห่วงใยจากครอบครัวรัตนเศรษฐและทีมงาน”

ที่มา : www.facebook.com/PPRPThailand/
เมื่อวันที่ : 10 พฤศจิกายน 2564

“ธรรมนัส-นฤมล”นำทีมว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ลุยพื้นที่ จ.น่าน ผลักดันนโยบายเข้าถึง ปชช.

,

“ธรรมนัส-นฤมล”นำทีมว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ลุยพื้นที่จ.น่าน
รับฟังเสียงกำนันผู้ใหญ่บ้าน ผลักดันนโยบายเข้าถึงปชช.ยกระดับเมืองน่าอยู่
“ร้อยเอกธรรมนัส” เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ ควง “นฤมล” เหรัญญิกพรรคฯ พร้อมด้วยทีมว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.จังหวัดน่านทั้ง 3 เขต รับฟังปัญหาการพัฒนาพื้นที่ และเป้าหมายการพัฒนาเมืองน่านสู่ อนาคต เพื่อนำมาปรับนโยบายในการขับเคลื่อนพัฒนาเมืองน่านได้อย่างตรงจุดและเป็นเมืองที่น่าอยู่ ด้วยพลังความมุ่งมั่นสามัคคีของ ส.ส.ในพื้นที่กับพรรคพลังประชารัฐ

เมื่อวันที่ 7 พฤศจิกายน 2564 ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) พร้อมด้วยศาสตราจารย์ ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เหรัญญิก พรรคพลังประชารัฐ ,นายบุญสิงห์
วรินทร์รักษ์ นายทะเบียนพรรคฯ นายจีรเดช ศรีวิราช ส.ส.จังหวัดพะเยา เขต 3,นายปัญญา จีนาคำ ส.ส.จังหวัดแม่ฮ่องสอน เขต 1 นำทีมว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.จังหวัดน่าน คือ นายสักก์สีห์ พลสันติกุล ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. เขต 1,นายพิชิต โมกข์ศรี ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เขต 2, และนายฉัตรชัย จิตตรง ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เขต 3 ลงพื้นที่จังหวัดน่าน พบกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน กว่า 100 คน ซึ่งเป็นผู้นำชุมชนที่สามารถสะท้อนปัญหาที่เกิดขึ้นในพื้นที่ได้อย่างตรงจุด ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการทำงานที่พรรคพลังประชารัฐได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เข้าใจคนในพื้นที่ให้มากที่สุด ทำให้วันนี้พรรค สามารถเข้าไปช่วยเหลือผ่านกลไกในหน่วยงานภาครัฐในฐานะแกนนำของรัฐบาลจนประสบผลสำเร็จในการขับเคลื่อนนโยบายที่เข้าถึงประชาชนให้มากที่สุด

ร้อยเอกธรรมนัส มองว่าผู้นำชุมชนคือจุดเริ่มต้นของความเปลี่ยนแปลงในพื้นที่ เพราะเป็นผู้ที่สะท้อนปัญหาที่จะทำให้เข้าถึงและเข้าใจความเดือดร้อนในชุมชนได้ดีที่สุด อย่างในวันนี้ทำให้ทราบว่าปัญหาหลักคือเรื่องที่ดินทำกินในเขตป่าสงวน ,ปัญหาการใช้น้ำและพื้นที่กักเก็บน้ำ รวมทั้งปัญหาเตาเผาขยะของหมู่บ้านสะปัน ที่พรรคพลังประชารัฐเชื่อว่าเป็นเรื่องที่สามารถขับเคลื่อนได้ด้วยทีม ส.ส.ในพื้นที่ที่มีการทำงานด้วยความตั้งใจ สอดคล้องกับการทำงานเป็นทีมร่วมกับทางพรรคฯ ที่จะทำให้เห็นการพัฒนาเปลี่ยนแปลงเมืองน่านให้เป็นเมืองที่น่าอยู่ในไม่ช้า

ศ.ดร.นฤมล กล่าวว่า ทุกคนในพรรคพลังประชารัฐ มีความต้องการที่จะร่วมขับเคลื่อนพัฒนาเมืองน่านไปพร้อมกันกับประชาชนในพื้นที่ ด้วยการผลักดันนโยบายที่เป็นรูปธรรมเพื่อประโยชน์ในกลุ่มที่หลากหลาย ตรงความต้องการ ทั้งในเรื่องของบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เพื่อให้สิทธิแต่ละกลุ่มมีความเท่าเทียมและสอดคล้องกับสภาพของแต่ละกลุ่ม โดยไม่เลือกปฎิบัติ

สำหรับวิสัยทัศน์ของว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. ทั้ง 3 เขต ก็เป็นไปในทิศทางเดียวกันที่ต้องการให้เมืองน่านเป็นเมืองที่พัฒนาและก้าวหน้าในอนาคต บนพื้นฐานของความเท่าเทียมกัน โดยนายสักก์สีห์ ว่าที่ผู้สมัครเขต 1 มีเป้าหมาย รวมพลังเดินหน้า พัฒนาน่าน และเน้นการเชื่อมโยงทุกภาคส่วนของพลังคนรุ่นใหม่ ขณะที่นายพิชิต ว่าที่ผู้สมัครเขต 2 มีเป้าหมายแก้ไขปัญหาปากท้องพี่น้องประชาชน และนายฉัตรชัย ว่าที่ผู้สมัครเขต 3 เป้าหมายที่เมืองน่านต้องเปลี่ยนเพื่อการพัฒนา

ที่มา : facebook.com/PPRPThailand
เมื่อวันที่ : 7 พฤศจิกายน 2564

สายด่วน ส.ส.จักรพันธ์ อาสาคลายทุกข์ประชาชน รุดซ่อมแซม ถนนจรัญฯ 41

, ,

สายด่วน ส.ส.จักรพันธ์ อาสาคลายทุกข์ประชาชน หน่วยเคลื่อนที่เร็ว รุดซ่อมแซม ถนนจรัญฯ 41
ดูแลเพื่อความปลอดภัยในการสัญจร!!

ดร.จักรพันธ์ พรนิมิตร ส.ส.กรุงเทพฯ เขตบางกอกน้อยและบางพลัด พรรคพลังประชารัฐ พร้อมดูแลประชาชนส่งทีมงานลงพื้นที่ซ่อมแซมพื้นถนนที่ชำรุดในพื้นที่ชุมชนซอยจรัญฯ41 เพื่อ ลดความเสี่ยง และช่วยสร้างความปลอดภัยให้กับพี่น้องประชาชนที่ในการใช้รถสัญจรไปมาในชีวิตประจำวัน

ที่มา : facebook.com/PPRPThailand/
เมื่อวันที่ : 3 พฤศจิกายน 2564

‘รองนายกฯประวิตร’ ถกกก.นโยบายประมงแห่งชาติ ย้ำเร่งแก้ปัญหาฯ

, ,

‘รองนายกฯประวิตร’ ถกกก.นโยบายประมงแห่งชาติ ย้ำเร่งแก้ปัญหาทำประมงผิดกฎหมายอย่างยั่งยืน

เมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายการประมงแห่งชาติ ครั้งที่ 4/2564 และผ่านระบบวิดีโอ
คอนเฟอเรนซ์ (VDO Conference)

พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า การประชุมวันนี้ เพื่อรับทราบความก้าวหน้าตามข้อสั่งการ และเนื่องจากประธานในคณะอนุกรรมการที่แต่งตั้งเกษียณอายุราชการและอนุกรรมการบางรายมีการโยกย้าย จึงต้อง
แต่งตั้งใหม่ เพื่อให้ปฎิบัติงานได้อย่างต่อเนื่อง และเพื่อให้การประมงของประเทศไทยมีความยั่งยืน ทั้งนี้ผลการประชุมในวันนี้ ขอให้อนุกรรมการที่แต่งตั้งทุกคณะเร่งรัดการดำเนินงาน และติดตามผลการปฎิบัติงาน ให้เกิดผลเป็นรูปธรรม และรายงานผลให้ทราบเป็นระยะ ให้ทุกหน่วยงานร่วมดำเนินการให้เป็นไปตามกรอบกฎหมาย และร่วมมือในการขับเคลื่อน เพื่อการแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมาย และแรงงานในภาคประมงให้เกิดความยั่งยืน พร้อมทั้งแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนให้กับผู้ประกอบการประมงทุกภาคส่วน

นายบัญชา สุขแก้ว รองอธิบดีกรมประมง แทนอธิบดีกรมประมงในฐานะกรรมการและเลขานุการคณะกรรมการนโยบายฯ รายงานความก้าวหน้าการดำเนินการเพื่อแก้ไขปัญหาผลกระทบของการทำประมงต่อสัตว์ทะเลเลี้ยงลูกด้วยนม ความก้าวหน้าการดำเนินการนำเรือประมงออกนอกระบบ และการดำเนินงานด้านการบังคับใช้กฎหมายเพื่อแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมาย

นายบัญชา กล่าวว่า ขอเสนอที่ประชุมพิจารณา การแต่งตั้งคณะอนุกรรมการ จำนวน 2 คณะ ได้แก่
คณะอนุกรรมการแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมาย และคณะอนุกรรมการตรวจสอบและติดตาม
การบังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้องในการแก้ไขปัญหาการทำประมง และแรงงานในภาคประมง เพื่อให้การดำเนินการแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมายเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ

ที่มา : facebook.com/PPRPThailand/
เมื่อวันที่ : 3 พฤศจิกายน 2564

พปชร.แจ้งข่าวดี! กู้กองทุนหมู่บ้านได้สิทธิ์พักชำระหนี้ ฝ่าวิกฤตโควิด-19

, ,

พปชร.แจ้งข่าวดี! กู้กองทุนหมู่บ้านได้สิทธิ์พักชำระหนี้ ฝ่าวิกฤตโควิด-19

“เลขาฯ พปชร.” ธรรมนัส พรหมเผ่า” เผย ที่ประชุมบอร์ดกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ สำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง (สทบ.) ไฟเขียวพักชำระหนี้กองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองระยะเวลาไม่เกิน 1 ปี ช่วยประชาชนรากหญ้าลดภาระค่าใช้จ่ายส่งเสริมการประกอบอาชีพช่วงการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19

เมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน 2564 ร้อยเอกธรรนนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ (พปขร.) เปิดเผยว่า ขณะนี้มีข่าวดีถึงพี่น้องประชาชนรากหญ้า จากการที่พรรค พปชร.ได้ร่วมผลักดันโครงการพักชำระหนี้ในการช่วยเหลือสมาชิกกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดต่อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) เพื่อบรรเทาความเดือดร้อน ลดภาระค่าครองชีพ รวมถึงปัญหาหนี้นอกระบบ ให้สมาชิกฯ สามารถผ่อนคลาย และนำเงินที่เหลือจากการส่งกองทุนนำไปเป็นทุนไปประกอบอาชีพสร้างรายได้ในช่วงการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 นั้น ล่าสุดโดยโครงการดังกล่าวได้ผ่านมติการพิจารณาเห็นชอบจากที่ประชุมคณะกรรมการกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ สำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง (สทบ.) เมื่อวันที่ 22 กันยายน 2564 ที่ผ่านมาเพื่อให้เป็นไปตามที่มติของคณะกรรมการกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองกำหนด

ทั้งนี้ คุณสมบัติของสมาชิกฯ ที่จะได้สิทธิ์เข้าร่วมโครงการฯ จะต้องเป็นสมาชิกกองทุนหมู่บ้านหรือกองทุนชุมชนเมืองที่มีประวัติการชำระหนี้ที่ดีและไม่ผิดนัด ที่มีความประสงค์ขอเข้าร่วมโครงการลดภาระทางการเงินกับกองทุนหมู่บ้านหรือกองทุนเมือง รวมถึงสมาชิกฯ ที่มีประวัติการผิดนัดชำระหนี้ แต่หากปรากฏว่ามีเหตุสุดวิสัยที่ทำให้ไม่สามารถชำระหนี้ได้ตามกำหนดโดยสุจริต ก็สามารถเข้าร่วมร่วมโครงการฯ ได้ ซึ่งเป็นไปตามการพิจารณาเป็นรายๆ จากคณะกรรมการกองทุนหมู่บ้านหรือกองทุนชุมชนเมือง

สำหรับหลักเกณฑ์ในการพิจารณาจากผลการประกอบอาชีพของสมาชิกฯ ต้องมีอาชีพ และมีรายได้อื่นๆ ของสมาชิกฯ และครอบครัว การค้ำประกัน รวมถึงความสามารถในการชำระคืนหนี้ของสมาชิกฯ มาใช้ในการประกอบการพิจารณาตามความเหมาะสมในการผ่อนผันการชำระหนี้ของสมาชิกฯ แต่ละราย ซึ่งสามารถขอพักชำระเงินต้นเป็นระยะเวลาไม่เกิน 1 ปี โดยเงื่อนไขให้ส่งเฉพาะดอกเบี้ย เพื่อให้กองทุนสามารถนำรายได้จากดอกเบี้ยมาใช้บริหารจัดการกองทุนรวมถึงจัดสวัสดิการต่างๆ ให้กับสมาชิกกองทุนหมู่บ้านหรือกองทุนชุมชนเมือง รวมถึงประชาชนในหมู่บ้านและชุมชน ทั้งนี้ สมาชิกฯ ที่เข้าร่วมโครงการดังกล่าว จะต้องจัดทำแผนการออมเงินและแผนในการฟื้นฟูศักยภาพการประกอบอาชีพเสริม เช่น การเข้าร่วมโครงการกองทุนต้นไม่ร่วมพัฒนา การปรับเปลี่ยนรูปแบบการผลิต การพัฒนาศักยภาพการประกอบอาชีพ เป็นต้น เพื่อให้เศรษฐกิจชุมชนสามารถขับเคลื่อนต่อไปได้

“ที่ผ่านมา พี่น้องประชาชนที่เป็นสมาชิกกองทุนหมู่บ้านฯประสบความเดือดร้อนจากสถานการณ์โควิดระบาด ทำให้ขาดรายได้ ซึ่งท่านพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและในฐานะหัวหน้าพรรคฯมีความห่วงใยอย่างมาก เนื่องจากได้รับทราบมาว่า ชาวบ้านหลายรายต้องไปหากู้หนี้ยืมสินนอกระบบ ที่คิดอัตราดอกเบี้ยถึงร้อยละ 10 เพื่อนำมาผ่อนชำระเงินกองทุนหมู่บ้านฯ และยังตกเป็นเหยื่อนายทุนเงินกู้อีก ทำให้เดือดร้อนซ้ำเติมในยามที่จะต้องหาเงินไปใช้หนี้เงินกู้ดังกล่าว จึงได้กำชับให้ทางพรรคฯประสานและเร่งผลักดันโครงการพักชำระหนี้ในการช่วยเหลือสมาชิกกองทุนหมู่บ้านฯครั้งนี้ เพื่อช่วยเหลือลดภาระประชาชน ต่อไป” ร้อยเอกธรรมนัส กล่าว

ที่มา : facebook.com/PPRPThailand/
เมื่อวันที่ : 3 พฤศจิกายน 2564

“ส.ส.สุรศักดิ์” นำทีมพี่น้องชาวทัพราช จ.สระแก้ว ปลูกหญ้าแฝกฝายห้วยสะโตน

, ,

“ส.ส.สุรศักดิ์” นำทีมพี่น้องชาวทัพราช จ.สระแก้ว ปลูกหญ้าแฝกฝายห้วยสะโตน อนุรักษ์ดิน-น้ำ

นายสุรศักดิ์ ชิงนวรรณ์ ส.ส.จังหวัดสระแก้ว เขต 3 พรรคพลังประชารัฐ พร้อมทีมงาน ลงพื้นที่ร่วมปลูกหญ้าแฝกกับพี่น้องประชาชน บริเวณฝายห้วยสะโตน บ้านตะลุมพุก ต.ทัพราช อ.ตาพระยา จ.สระแก้ว
โดยมี นายโกเมศ เพ็ชร โกมล กำนันตำบลทัพราช และผู้ใหญ่บ้าน ตลอดจนพี่น้องประชาชนทั้ง 5 หมู่ ให้การต้อนรับและเข้าร่วมกิจกรรมปลูกหญ้าแฝก พร้อมหารือถึงแนวทางการปรับปรุง ภูมิทัศน์บริเวณรอบฝายให้สวยงามอีกด้วย ร่วมทั้งเสนอแนะเรื่องการแก้ไขปรุงระบบการกักเก็บน้ำบริเวณฝายดังกล่าวเพื่อให้ประชาชนในพื้นที่สามารถมีน้ำอุปโภค บริโภค และทำการเกษตรได้ตลอดทั้งปี“

ประชาชนในพื้นที่ได้ร่วมแรง ร่วมใจสนองแนวทางพระราชดำริพระบาท สมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิธ ด้วยการปลูกหญ้าแฝกเพื่อการอนุรักษ์ดินและน้ำ เพราะการหญ้าแฝกซึ่งจะช่วยเสริมความแข็งแรงของฝายให้คงสภาพดี ป้องกันการชะล้างพังทลายของหน้าดิน ช่วยกักเก็บน้ำไว้ในดินและพื้นที่ตอนบน อีกทั้งยังช่วยกักเก็บตะกอนดินช่วยลดการสูญเสียธาตุอาหารสามารถปรับสภาพดินที่เสื่อมโทรมให้กลับมาสมบูรณ์ได้ ซึ่งสามารถกกับเก็บน้ำ ให้ชาวบ้านและเกษตรกรได้”
นายสุรศักดิ์ กล่าว

ขอบคุณ พ.ต.ท.พร จุลนิพัฒน์ รอง ผกก.สอบสวน สภ.ตาพระยา และเจ้าหน้าที่ตำรวจที่อำนวย
ความปลอดภัยและความสะดวกการจราจร

ที่มา : facebook.com/PPRPThailand/
เมื่อวันที่ : 2 พฤศจิกายน 2564

“รมว.ศึกษา” เร่งหากลไกลดภาระหนี้ครู เล็งปรับ เกณฑ์ดบ.-ดึงเงินอนาคตช่วย

, ,

“รมว.ศึกษา” เร่งหากลไกลดภาระหนี้ครู เล็งปรับเกณฑ์ดบ.-ดึงเงินอนาคตช่วย

เมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการแก้ไขปัญหาหนี้สินข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ของกระทรวงศึกษาธิการ ว่า ที่ประชุมหารือถึงแนวทางแก้ไขปัญหาหนี้สินครู โดยต้องดึงสหกรณ์ออมทรัพย์ครูเข้ามาช่วยเหลือ เพราะครูกว่า 60% เป็นหนี้สหกรณ์ออมทรัพย์ครู ดังนั้นสหกรณ์ออมทรัพย์ครูถือเป็นเจ้าหนี้ที่ใหญ่ที่สุด ที่ผ่านมาพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มอบหมายให้
นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี รับหน้าที่ดูแลและช่วยเหลือหนี้สินข้าราชการทั้งระบบ ซึ่งนายสุพัฒนพงษ์ จะเป็นตัวกลางที่เข้าไปพูดคุยกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อแก้ไขปัญหาหนี้ครู ขณะเดียวกัน ศธ.จะกลับมาดูรายละเอียดต่างๆ เพื่อปรับหลักเกณฑ์ เพื่อให้การแก้ไขปัญหาเป็นไปในทิศทางเดียวกัน ทั้งนี้ ศธ.จะเร่งแก้ไขปัญหาให้เร็วที่สุด เพื่อให้ครูมีเงินเดือนเหลือเงินใช้ และสามารถอยู่ได้

นายสุทธิชัย จรูญเนตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าศธ. กล่าวว่า ที่ประชุมหารือถึงเครื่องมือที่จะใช้ในการแก้ไขปัญหาหนี้สินครู พร้อมกับวิเคราะห์ว่าจะสามารถใช้ได้จริงมากน้อยแค่ไหน เช่น การลดดอกเบี้ยเงินฝาก และดอกเบี้ยเงินกู้ หากทำการลดดอกเบี้ยแล้วจะช่วยแบ่งเบาภาระของครูได้อย่างไรบ้าง หรือนำเงินในอนาคตของครู เช่น เงินค่าหุ้นที่อยู่ในสหกรณ์ออมทรัพย์ครู เงินบำเหน็จตกทอด และเงินสะสมกองทุนบำเหน็จข้าราชการ (กบข.) เป็นต้น มานำเงินส่วนนี้มาลดยอดหนี้ได้หรือไม่ เพื่อทำให้ครูผ่อนชำระได้คล่องตัวมากขึ้นแทนที่จะมานั่งจ่ายเงินกู้จำนวนมาก และการตัดเงินเดือน จะต้องปรับเกณฑ์อย่างไรเพื่อไม่ให้ครูได้รับความเดือดร้อน เช่น อาจจะตัดเฉพาะยอดหนี้ของครู แต่ไม่ตัดยอดในส่วนอื่นๆ เป็นต้น

“รัฐมนตรีว่าการ ศธ. ต้องการเร่งแก้ปัญหาหนี้สินครูให้เร็วที่สุด พร้อมกับเน้นย้ำว่าต้องรีบจัดทำมาตรการลดหนี้สิ้นครูให้มีความชัดเจน และนำเครื่องมือที่หารือกันวันนี้ หากเห็นว่าเครื่องมือไหนที่มีความพร้อม มีประสิทธิภาพ ให้รีบนำไปปฏิบัติใช้ทันที นอกจากนี้คณะกรรมการแก้ไขปัญหาหนี้สินครูฯ ได้รายงานแนวทางแก้หนี้สินให้นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี รับทราบเป็นระยะ ซึ่งรองนายกรัฐมนตรี ได้ตรวจสอบและเห็นว่า ขอให้ศธ.เร่งแก้ไขปัญหาหนี้สินครูโดยเร็ว” นายสิทธิชัย กล่าว

นายสิทธิชัย กล่าวต่อว่า เมื่อเร็วๆนี้ ตนได้หารือร่วมกับผู้บริหารธนาคารออมสิน เรื่องแก้ไขปัญหาหนี้สินครูทั้งระบบ ซึ่งธนาคารออมสินยินดีช่วยเหลืออย่างเต็มที่ โดยหลังจากนี้คณะทำงานแก้ไขปัญหา
หนี้สินครูฯ จะเร่งเข้าไปเจรจาหน่วยงานที่ปล่อยเงินกู้ให้ครู เช่น สหกรณ์ออมทรัพย์ครู ว่าจะไปลดค่าใช้จ่ายให้อย่างไร และทางธนาคารออมสินจะเข้าไปช่วยเหลืออย่างไร เพื่อให้สหกรณ์ลดดอกเบี้ยให้ครูต่อไป ส่วนความคืบหน้าโครงการแก้ไขปัญหาหนี้สินครูและบุคลากรทางการศึกษา โดยใช้สหกรณ์ออมทรัพย์ครูต้นแบบเป็นฐาน ในระยะที่ 1 มานำร่งแก้ไขปัญหาครู ขณะนี้มีสหกรณ์ออมทรัพย์ครู เข้ารวมโครงการ 20 แห่ง มีสมาชิกทั้งหมดเกือบ 200,000 คน และขนาดนี้อยู่ระหว่างเปิดรับสมัครสหกรณ์ออมทรัพย์ ในระยะ 2 คาดว่าจะมีสหกรณ์ออมทรัพย์ สนใจเข้าร่วมประมาณ 30-40 แห่ง คาดว่าหากมีสหกรณ์ออมทรัพย์ครู เข้าร่วมโครงการเพิ่มขึ้น ภายใน 2 เดือนนี้ จะเห็นผลการแก้ไขปัญหา เช่น ครูมีสภาพคล่องในการชำระหนี้อย่างไร ครูมียอดหนี้ลดลงมาอย่างไร เป็นต้น อย่างไรก็ตาม ต่อไปคณะกรรมการแก้ไขปัญหาหนี้สินครูฯ จะเร่งทงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) ร่วมกับสหกรณ์ออมทรัพย์ครูที่เข้าร่วมโครงการ เพื่อขับเคลื่อนแก้ไขปัญหาหนี้สินครูต่อไป คาดว่าจะสามารถ MOU กับสหกรณ์ออมทรัพย์ในเร็วๆนี้

ที่มา : facebook.com/PPRPThailand/
เมื่อวันที่ : 2 พฤศจิกายน 2564

“ตรีนุช” ลงพื้นที่สมุทรสาคร ตรวจโรงเรียนรับเปิดเทอม 2/2564

, ,

“ตรีนุช” ลงพื้นที่สมุทรสาคร ตรวจโรงเรียนรับเปิดเทอม 2/2564 ย้ำ ผอ.-ครู เคร่งครัด 6 มาตรการหลัก – 6 มาตรการเสริม – 7 มาตราเข้ม ชี้เราต้องอยู่กับโควิด-19 ให้ได้

วันนี้ (1 พ.ย.) ที่จังหวัดสมุทรสาคร นางสาวตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) พร้อมด้วย ดร.อัมพร พินะสา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) และคณะ ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมการเปิดภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2564 เป็นวันแรก ที่โรงเรียนสมุทรสาครวิทยาลัย ซึ่งจัดการเรียนการสอนแบบ On Site และโรงเรียนเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระศรีนครินทร์ สมุทรสาคร ในพระราชูปถัมภ์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี ซึ่งจัดการเรียนการสอนรูปแบบ On Line

นางสาวตรีนุช กล่าวภายหลังตรวจเยี่ยมว่า กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เชื่อมั่นว่าการเรียนที่ดีที่สุด คือ การที่นักเรียนได้มาเรียนที่โรงเรียน หรือ On Site ขณะเดียวกันเราต้องเผชิญกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด-19 วันนี้ตนลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมสถานศึกษาในจังหวัด
สุมทรสาคร ซึ่งเคยเป็นพื้นที่ที่มีการแพร่ระบาดอย่างรุนแรง โดยโรงเรียนสุมทรสาครวิทยาลัย เป็นโรงเรียนขนาดใหญ่ มีนักเรียน 3,034 คน ทางโรงเรียนให้นักเรียนแบ่งกลุ่มมาเรียน ซึ่งเป็นรูปแบบหนึ่งที่ ศธ.ออกมาตรการเพื่อให้เด็กรักษาระยะห่าง และ วันนี้ก็เป็นวันแรกที่นักเรียนได้มาเรียนแบบ On Site โดยนักเรียนทุกคนได้รับวัคซีนไฟเซอร์ครบ 2 เข็มแล้ว ส่วนครูและบุคลากรทางการศึกษาได้รับวัคซีนมากกว่า 90%

“ศธ.เน้นย้ำว่า แม้ครู นักเรียน และบุคลากรทางการศึกษา จะได้รับวัคซีนแล้ว แต่วัคซีนเป็นเพียงตัวช่วยที่ทำให้เมื่อรับเชื้อแล้วลดอัตราการเสียชีวิต และไม่ป่วยหนัก ดังนั้นที่สำคัญโรงเรียนต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์การเปิดโรงเรียนหรือสถาบันการศึกษา ในข้อกำหนด 6 มาตรการหลัก 6 มาตรการเสริม และ 7 มาตราเข้มสำหรับสถานศึกษาอย่างเคร่งครัด เช่น เว้นระยะห่าง สวมใส่หน้ากากอนามัย ล้างมือบ่อยๆ ใช้เจลแอลกอฮอล์ คัดกรองวัดไข้ ตลอดจนเข้มงวดเรื่องแผนเผชิญเหตุหากพบเด็ก หรือ บุคลากรในโรงเรียนมีอาการหรือติดเชื้อ ต้องมีกระบวนการ มีแผนรองรับ เช่น การสุ่มตรวจหาเชื้อด้วย ATK เป็นต้น ซึ่งทางผู้ว่าราชการจังหวัดสุมทรสาคร ยืนยันว่าพร้อมจะช่วยเหลือโรงเรียนในพื้นที่โดยจะร่วมมือกับสาธารณสุขจังหวัด เพื่อให้โรงเรียนในจังหวัดสุมทรสาคร เปิดเรียนอย่างปลอดภัย” รมว.ศธ.กล่าว

รมว.ศธ. กล่าวด้วยว่า แม้นักเรียนไม่ได้รับวัคซีนก็สามารถมาเรียนได้ ซึ่งขณะนี้มีผู้ปกครองยื่นความประสงค์ให้ลูกฉีดวัคซีนเพิ่มขึ้น คาดว่าเพราะผู้ปกครองมั่นใจมากขึ้น ทั้งนี้ ศธ.ไม่เร่งให้โรงเรียนเปิด
On Site ทั้งหมด แต่ ศธ.เน้นเรื่องความปลอดภัยของเด็กเป็นหลัก ถ้าโรงเรียนมีความพร้อมก็สามารถเปิดเรียน On Site ได้ ซี่งทราบว่า ขณะนี้มีโรงเรียนที่สอนระดับชั้นประถมศึกษาบางแห่งได้รับอนุญาตจากจังหวัดให้เรียน On Site วันที่ 5 พ.ย.นี้ และในวันที่ 15 พ.ย. ก็จะเปิด On Site เพิ่มมากขึ้น อย่างไรก็ตาม แม้โรงเรียนเปิดเรียนรูปแบบ On Site แล้วก็ตาม ศธ.จะมีคณะกรรมการติดตาม ว่าเปิดเรียนแล้วมีประเด็นปัญหาอะไรบ้างเพื่อเข้าช่วยเหลือโรงเรียน โดยในภาคเรียนที่ 1/2564 ที่ผ่านมา ศธ.ได้ตั้งคณะทำงานคอยติดตามว่าการเรียน 5 รูปแบบที่ ศธ.กำหนดไว้ มีปัญหาอุปสรรคอะไรบ้าง เพื่อช่วยกันแก้ไขปัญหาให้โรงเรียนด้วย นอกจากนี้ ศธ.มีคณะทำงานร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เพื่อติดตามมาตรการป้องกันโรค และร่วมกันทำแผนเผชิญเหตุให้โรงเรียนเตรียมรับมือด้วย

“ขอให้ผู้ปกครองมั่นใจว่า ศธ.มีแผนเผชิญเหตุรองรับอยู่ ส่วนแผนฟื้นฟูความรู้ให้นักเรียน นั้น ดิฉัน
เน้นย้ำให้ครูทำความเข้าใจกับเด็ก เพื่อให้เด็กมีความสุขกับการเรียนก่อน พร้อมกับปรับพฤติกรรมให้เด็กด้วย เมื่อเด็กมีความพร้อมเรียนรู้ ก็ให้ครูค่อยๆเพิ่มวิชาความรู้เข้าไป และขอเน้นย้ำให้ครู ผู้อำนวยการโรงเรียน ได้ปฏิบัติตามมาตรการที่กำหนดอย่างเคร่งครัดเราต้องอยู่กับโควิด-19 ให้ได้”
นางสาวตรีนุช กล่าว

ที่มา : facebook.com/PPRPThailand/
เมื่อวันที่ : 1 พฤศจิกายน 2564

พล.อ.ประวิตร ย้ำจุดยืนพรรคยึดมั่นระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษตริย์เป็นประมุข

, ,

พล.อ.ประวิตร ย้ำจุดยืนพรรคยึดมั่นระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษตริย์เป็นประมุข
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรค พลังประชารัฐ (พปชร.) เปิดเผยถึง กรณีต่อข้อเสนอแก้กฎหมายอาญา มาตรา 112 และ มาตรา 116 เข้าไปพิจารณาในสภาผู้แทนราษฎร ว่า พรรค พปชร. มีเป้าหมายและจุดยืนในเรื่องของการ ยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ที่มุ่งการเดินหน้าแก้ไขปัญหาความเดือดร้อน และความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นให้กับประชาชนมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่ง พรรคพร้อมรับฟังความคิดเห็นของทุกภาคส่วนในสังคม แต่ต้องไม่กระทบต่อความมั่นคงของชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ ซึ่งถือเป็นสถาบันหลัก ธำรงไว้ ให้ประเทศไทยเจริญก้าวหน้า
มาจนถึงทุกวันนี้

ที่มา : facebook.com/PPRPThailand/
เมื่อวันที่ : 1 พฤศจิกายน 2564