โลกเปลี่ยน ไทยต้องปรับ ทางเลือกใหม่ของการเมืองไทย ก้าวข้ามความขัดแย้ง สานพลังประชาราษฎร์ ร่วมสร้างชาติให้ยั่งยืน

“รมว.ศึกษา” เร่งหากลไกลดภาระหนี้ครู เล็งปรับ เกณฑ์ดบ.-ดึงเงินอนาคตช่วย

“รมว.ศึกษา” เร่งหากลไกลดภาระหนี้ครู เล็งปรับเกณฑ์ดบ.-ดึงเงินอนาคตช่วย

เมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการแก้ไขปัญหาหนี้สินข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ของกระทรวงศึกษาธิการ ว่า ที่ประชุมหารือถึงแนวทางแก้ไขปัญหาหนี้สินครู โดยต้องดึงสหกรณ์ออมทรัพย์ครูเข้ามาช่วยเหลือ เพราะครูกว่า 60% เป็นหนี้สหกรณ์ออมทรัพย์ครู ดังนั้นสหกรณ์ออมทรัพย์ครูถือเป็นเจ้าหนี้ที่ใหญ่ที่สุด ที่ผ่านมาพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มอบหมายให้
นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี รับหน้าที่ดูแลและช่วยเหลือหนี้สินข้าราชการทั้งระบบ ซึ่งนายสุพัฒนพงษ์ จะเป็นตัวกลางที่เข้าไปพูดคุยกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อแก้ไขปัญหาหนี้ครู ขณะเดียวกัน ศธ.จะกลับมาดูรายละเอียดต่างๆ เพื่อปรับหลักเกณฑ์ เพื่อให้การแก้ไขปัญหาเป็นไปในทิศทางเดียวกัน ทั้งนี้ ศธ.จะเร่งแก้ไขปัญหาให้เร็วที่สุด เพื่อให้ครูมีเงินเดือนเหลือเงินใช้ และสามารถอยู่ได้

นายสุทธิชัย จรูญเนตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าศธ. กล่าวว่า ที่ประชุมหารือถึงเครื่องมือที่จะใช้ในการแก้ไขปัญหาหนี้สินครู พร้อมกับวิเคราะห์ว่าจะสามารถใช้ได้จริงมากน้อยแค่ไหน เช่น การลดดอกเบี้ยเงินฝาก และดอกเบี้ยเงินกู้ หากทำการลดดอกเบี้ยแล้วจะช่วยแบ่งเบาภาระของครูได้อย่างไรบ้าง หรือนำเงินในอนาคตของครู เช่น เงินค่าหุ้นที่อยู่ในสหกรณ์ออมทรัพย์ครู เงินบำเหน็จตกทอด และเงินสะสมกองทุนบำเหน็จข้าราชการ (กบข.) เป็นต้น มานำเงินส่วนนี้มาลดยอดหนี้ได้หรือไม่ เพื่อทำให้ครูผ่อนชำระได้คล่องตัวมากขึ้นแทนที่จะมานั่งจ่ายเงินกู้จำนวนมาก และการตัดเงินเดือน จะต้องปรับเกณฑ์อย่างไรเพื่อไม่ให้ครูได้รับความเดือดร้อน เช่น อาจจะตัดเฉพาะยอดหนี้ของครู แต่ไม่ตัดยอดในส่วนอื่นๆ เป็นต้น

“รัฐมนตรีว่าการ ศธ. ต้องการเร่งแก้ปัญหาหนี้สินครูให้เร็วที่สุด พร้อมกับเน้นย้ำว่าต้องรีบจัดทำมาตรการลดหนี้สิ้นครูให้มีความชัดเจน และนำเครื่องมือที่หารือกันวันนี้ หากเห็นว่าเครื่องมือไหนที่มีความพร้อม มีประสิทธิภาพ ให้รีบนำไปปฏิบัติใช้ทันที นอกจากนี้คณะกรรมการแก้ไขปัญหาหนี้สินครูฯ ได้รายงานแนวทางแก้หนี้สินให้นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี รับทราบเป็นระยะ ซึ่งรองนายกรัฐมนตรี ได้ตรวจสอบและเห็นว่า ขอให้ศธ.เร่งแก้ไขปัญหาหนี้สินครูโดยเร็ว” นายสิทธิชัย กล่าว

นายสิทธิชัย กล่าวต่อว่า เมื่อเร็วๆนี้ ตนได้หารือร่วมกับผู้บริหารธนาคารออมสิน เรื่องแก้ไขปัญหาหนี้สินครูทั้งระบบ ซึ่งธนาคารออมสินยินดีช่วยเหลืออย่างเต็มที่ โดยหลังจากนี้คณะทำงานแก้ไขปัญหา
หนี้สินครูฯ จะเร่งเข้าไปเจรจาหน่วยงานที่ปล่อยเงินกู้ให้ครู เช่น สหกรณ์ออมทรัพย์ครู ว่าจะไปลดค่าใช้จ่ายให้อย่างไร และทางธนาคารออมสินจะเข้าไปช่วยเหลืออย่างไร เพื่อให้สหกรณ์ลดดอกเบี้ยให้ครูต่อไป ส่วนความคืบหน้าโครงการแก้ไขปัญหาหนี้สินครูและบุคลากรทางการศึกษา โดยใช้สหกรณ์ออมทรัพย์ครูต้นแบบเป็นฐาน ในระยะที่ 1 มานำร่งแก้ไขปัญหาครู ขณะนี้มีสหกรณ์ออมทรัพย์ครู เข้ารวมโครงการ 20 แห่ง มีสมาชิกทั้งหมดเกือบ 200,000 คน และขนาดนี้อยู่ระหว่างเปิดรับสมัครสหกรณ์ออมทรัพย์ ในระยะ 2 คาดว่าจะมีสหกรณ์ออมทรัพย์ สนใจเข้าร่วมประมาณ 30-40 แห่ง คาดว่าหากมีสหกรณ์ออมทรัพย์ครู เข้าร่วมโครงการเพิ่มขึ้น ภายใน 2 เดือนนี้ จะเห็นผลการแก้ไขปัญหา เช่น ครูมีสภาพคล่องในการชำระหนี้อย่างไร ครูมียอดหนี้ลดลงมาอย่างไร เป็นต้น อย่างไรก็ตาม ต่อไปคณะกรรมการแก้ไขปัญหาหนี้สินครูฯ จะเร่งทงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) ร่วมกับสหกรณ์ออมทรัพย์ครูที่เข้าร่วมโครงการ เพื่อขับเคลื่อนแก้ไขปัญหาหนี้สินครูต่อไป คาดว่าจะสามารถ MOU กับสหกรณ์ออมทรัพย์ในเร็วๆนี้

ที่มา : facebook.com/PPRPThailand/
เมื่อวันที่ : 2 พฤศจิกายน 2564

" , ,