โลกเปลี่ยน ไทยต้องปรับ ทางเลือกใหม่ของการเมืองไทย ก้าวข้ามความขัดแย้ง สานพลังประชาราษฎร์ ร่วมสร้างชาติให้ยั่งยืน

ผู้เขียน: pprpadmin

“ส.ส.จอมขวัญ” จี้กรมทางหลวง-ทางหลวงชนบทเร่งซ่อมผิวถนน

, ,

“ส.ส.จอมขวัญ” จี้กรมทางหลวง-ทางหลวงชนบทเร่งซ่อมผิวถนน กระทบเส้นทางสัญจรของชาว จ.สมุทรสาครหลังเผชิญน้ำท่วม

นางสาวจอมขวัญ กลับบ้านเกาะ ส.ส.สุมทรสาคร เขต 3 พรรคพลังประชารัฐ กล่าวหารือในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ถึงปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนในพื้นที่ ต.หลักสาม, ต.ยกกระบัตร, ต.หนองสองห้อง ในพื้นที่ อ.บ้านแพ้ว และ ต.บางโทรัด ในพื้นที่ อ.เมือง จ.สมุทรสาคร ที่ได้รับความเดือดร้อนจากน้ำท่วมผิวถนน ได้แก่ ทางหลวงหมายเลข 3274 ในพื้นที่ ต.หลักสาม และ ต.บางโทรัด ระยะทาง 6,178 เมตร โดยขอให้ยกระดับคันทางในส่วนที่น้ำล้นขึ้นท่วมผิวทางในช่วง กม.ที่ 5+272 ถึง กม.ที่ 6+178 พร้อมปรับระดับผิวทางที่เกิดความเสียหายและทรุดตัวระหว่าง กม.ที่ 0+000 ถึง กม.ที่ 5+272

นอกจากนี้ ยังขอให้กรมทางหลวงชนบทดำเนินการปรับปรุงผิวแอสฟัลติกคอนกรีต (Asphaltic Concrete) พร้อมระบบท่อระบายน้ำ ถนนสาย สค. 3010 แยกทางหลวงหมายเลข 375 บ้านโคกวัดดอนสมุทรสาคร บริเวณหมู่ที่ 1 ต.หนองสองห้อง อ.บ้านแพ้ว จ.สมุทราสาคร ช่วง กม.ที่ 7+200 ถึง กม.ที่ 9 +000 ระยะทาง 1,800 เมตร

ทั้งนี้ ถนนทั้ง 2 เส้นนี้เกิดน้ำท่วมที่ซ้ำซาก กระทบต่อการสัญจรของประชาชนในพื้นที่เป็นอย่างมาก โดยเฉพาะในช่วงฝนตกและน้ำทะเลหนุน จึงขอเรียนผ่านท่านประธานสภาฯ ไปยังกรมทางหลวงและกรมทางหลวงชนบท กระทรวงคมนาคม ได้โปรดพิจารณาดำเนินการซ่อมบำรุงถนนดังกล่าว ตามที่ประชาชนร้องอย่างเร่งด่วน เนื่องจากประชาชนได้รับความเดือดร้อนเป็นอย่างมาก

ที่มา : facebook.com/PPRPThailand/
เมื่อวันที่ : 1 ธันวาคม 2564

ส.ส. กรณิศ เสนอ การไฟฟ้าเบรกเพิ่มค่าไฟฟ้ารอบบิล ม.ค. – เม.ย. ปี 65

, ,

ส.ส. กรณิศ เสนอ การไฟฟ้าเบรกเพิ่มค่าไฟฟ้ารอบบิล ม.ค. – เม.ย. ปี 65 วอนลดค่าใช้จ่ายปชช. หลังเจอผลกระทบโควิดยาว 2 ปี รายได้ลด – ตกงาน

นางกรณิศ งามสุคนธ์รัตนา ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ กล่าวหารือในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ในประเด็น หาแนวทางลดภาระค่าใช้จ่ายจากค่าไฟฟ้าที่ปรับตัวเพิ่มสูงขึ้นในช่วงต้นปี 2565 ด้วยสภาวะที่ประชาชนต้องแบกรับภาระจากผลกระทบการแพร่ระบาดโควิด-19 ตลอด 2 ปีที่ผ่านมา ทำให้มีรายได้ลดลง ไม่มีงานทำ ขณะที่ค่าใช้จ่ายยังคงเดิม แม้ว่ารัฐบาลออกจะมาตรการช่วยเหลือ แต่ยังไม่สามารถครอบคลุมค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น และจากการที่คณะกรรมการกิจการพลังงาน หรือ กกพ. มีมติให้ตรึงค่าไฟฟ้าผันแปรในรอบเดือนมกราคม – เมษายน 2565 โดยเรียกเก็บ 1.39 สตางค์ต่อหน่วย ทำให้อัตราค่าไฟฟ้าเรียกเก็บจากประชาชนอยู่ 3.78 บาทต่อหน่วย เพิ่มถึง 4.63 % จากงวดปัจจุบันอยู่ที่ 3.61 บาทต่อหน่วย การขึ้นค่าไฟฟ้า ในภาวะยากลำบาก เช่นนี้ ในฐานะที่ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เป็นรัฐวิสาหกิจ และมีผลการดำเนินงานที่ดี ในแต่ละปี จึงมีความต้องการให้เข้ามาช่วยเหลือประชาชน ในสภาวะที่ได้รับผลกระทบอยู่

ทั้งนี้ จะมีสาเหตุในหลายปัจจัยที่เข้าใจได้ว่า ค่าไฟฟ้าที่ปรับเพิ่มสูงขึ้น มาจากปัจจัยต่างๆ ทั้ง อัตราแลกเปลี่ยนที่ค่าเงินบาทอ่อนตัว การนำเข้าเชื้อเพลิงจากต่างประเทศ พลังงานน้ำลดลงตามฤดูกาล การผลิตไฟฟ้าจากถ่านหินลิกไนต์ ตามแผนที่โรงไฟฟ้าต้องถูกปลดออกจากระบบ ในส่วนของโรงไฟฟ้าแม่เมาะ ทำให้การเดินเครื่องโรงไฟฟ้าที่มีต้นทุนเชื้อเพลิงราคาต่ำลดลง รวมถึงราคาก๊าซธรรมชาติที่เป็นเชื้อเพลิงหลัก ในการผลิตไฟฟ้าปรับตัวสูงขึ้น ตามราคาน้ำมันขาขึ้นในตลาดโลก ดังนั้นในสภาวะเช่นนี้ ขอให้การไฟฟ้าพิจารณาปรับลดราคาค่าไฟฟ้าให้อีกครั้ง เพื่อช่วยเหลือประชาชน

ที่มา : facebook.com/PPRPThailand/
เมื่อวันที่ : 1 ธันวาคม 2564

“ธรรมนัส” ผนึก “นฤมล” ชูนโยบายจัดที่ดินทำกินเพื่อคนสุราษฎร์

, ,

“ธรรมนัส” ผนึก “นฤมล” ชูนโยบายจัดที่ดินทำกินเพื่อคนสุราษฎร์ พร้อมส่งผู้สมัครลงครบทุกเขต กระจายทัพ พปชร. ช่วย ปชช.

ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) พร้อม ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เหรัญญิกพรรคฯ พบปะสมาชิกพรรค และว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.สุราษฎร์ธานี เขต 1-6 เพื่อเป็นตัวแทนของพรรคพลังประชารัฐ ทำหน้าที่ในการขับเคลื่อนนโยบาย และนำความเดือดร้อนของประชาชนส่งต่อการแก้ปัญหาอย่างตรงจุด โดยเฉพาะการแก้ปัญหาที่ทำกิน และราคาพืชผลทางการเกษตร ซึ่งเป็นอาชีพที่สำคัญของคนสุราษฎร์

วันที่ 30 พ.ย. 64 เวลา 11.30 น. ที่โรงแรมแก้วสมุย จ.สุราษฎร์ธานี ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) พร้อมด้วย ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เหรัญญิกพรรค พร้อม ส.ส.ของพรรค ได้เดินทางมาให้กำลังใจในการประชุมการเลือกตัวแทนพรรคพลังประชารัฐ เขต 1-6 เพื่อเป็นตัวแทนในการทำงานของพรรคในฐานะปากเสียงของประชาชนชาวสุราษฎร์ เพื่อเสนอต่อกรรมการนโยบายพรรคในการแก้ปัญหาความเดือดร้อนได้อย่างรวดเร็ว และตรงเป้าหมาย โดยมีสมาชิกพรรคในภาคใต้ 14 จังหวัด ให้การร่วมต้อนรับอย่างพร้อมเพรียง ภายใต้มาตรการป้องกันโควิด-19 อย่างเคร่งครัด

ร.อ.ธรรมนัส ได้ขึ้นเวทีพร้อมกล่าวต้อนรับว่าที่ตัวแทนเขต 1-6 พร้อมขอบคุณทุกคน ทั้งชาวสุราษฎร์ธานี และตัวแทนสมาชิกพรรคทุกคน ที่ให้การต้อนรับเป็นอย่างดี ตั้งแต่ที่สนามบิน ซึ่งทำให้เห็นว่าการทำงานที่ผ่านมาของตนเองมีผลทำให้ทุกคนเกิดความเชื่อใจ ซึ่งถือเป็นสัญญาณที่ดีในการที่จะรวมพลังในการได้รับความไว้วางใจในการเป็นตัวแทนของประชาชนในฐานะฝ่ายรัฐบาลอีกครั้ง โดยเป้าหมายหนึ่งเดียวคือการแก้ปัญหาความเดือดร้อนของพี่น้องฐานราก ที่ถือเป็นพลังสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศไทยมากที่สุด ที่ส่วนใหญ่ทำอาชีพเกษตรกรรมซึ่งเป็นรายได้ของประเทศ แต่กลับต้องเจอสภาวะผลผลิตตกต่ำไม่ได้ราคา โดยเฉพาะภาคใต้ที่ส่วนใหญ่มีอาชีพปลูกปาล์มและยางพารา ที่ยังต้องประสบปัญหาส่งผลต่ออาชีพรายได้ และปากท้อง

ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ตนเองเคยได้รับการร้องเรียนจากพี่น้องประชาชนใน อ.ชัยบุรี จ.สุราษฎร์ธานี ที่อาศัยอยู่ในที่ดิน สปก. ไม่มีบ้านเลขที่ ทำให้น้ำ ไฟ เข้าไม่ถึง เมื่อทราบเรื่องและได้ลงพื้นที่จึงได้ดำเนินการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการทันที ซึ่งปัจจุบันพื้นที่ตรงนี้หลายเป็นพื้นที่ของความเจริญ นั่นจึงทำให้เชื่อว่าการมีตัวแทน ส.ส.แต่ละเขตเป็นส่วนสำคัญที่จะทำให้พรรคพลังประชารัฐ สามารถเข้าถึงปัญหาของประชาชนได้อย่างทั่วถึง ไม่ใช่เพียงแค่การมองภาพรวมของจังหวัด แต่ต้องมองให้ลึกลงไปยังความเดือดร้อน โดยเฉพาะการลดขั้นตอนการทำงานของรัฐบาลที่ทำให้การช่วยเหลือเป็นไปอย่างล่าช้า

“ผมเชื่อว่าครอบครัวพลังประชารัฐ จะสามารถสร้างพลังพัฒนาสุราษฎร์ธานี ทั้ง 6 เขต จะช่วยทำให้พี่น้องฐานราก อิ่มท้อง มีอาชีพ มีรายได้ มีชีวิตที่ดีขึ้น”

ศ.ดร. นฤมล ยืนยันว่า พรรคพลังประชารัฐพร้อมส่งตัวแทนผู้สมัคร ส.ส.สุราษฎร์ธานีลงทุกเขต ตั้งเป้าหมายไม่ว่าในอนาคตตนเอง และ ร.อ.ธรรมนัส จะมีตำแหน่งทางการเมืองหรือไม่ ก็จะยังเดินหน้าแก้ปัญหาเรื่องที่ดินทำกินให้กับชาวบ้านต่อไป เพราะเป็นปัญหาใหญ่ที่ไม่มีใครแก้ได้ แต่ที่ผ่านมา ร.อ.ธรรมนัส ก็ดำเนินการอย่างเต็มความสามารถเพื่อยึดคืนที่ดินจากนายทุนกลับมาให้พี่น้องประชาชนได้มีที่ทำกิน รวมถึงบัตรสวัสดิการรัฐ ที่จะดูแลตั้งแต่ในครรภ์มารดาจนถึงเชิงตะกอน ในการแก้ปัญหาความยากจนอย่างยั่งยืน และการแก้ปัญหาของสินค้าทางการเกษตรที่จะต้องมีการตลาดนำ มีตลาดส่งออก และการแปรรูปสินค้า

“ไม่ได้ต้องการอำนาจ ไม่ได้ต้องการผลประโยชน์ แต่เราต้องการมาแก้ปัญหาเพื่อประชาชนอย่างแท้จริง ด้วยเป้าหมายเดียวกันคือการแก้ปัญหาอย่างไรให้ประชาชนอยู่ดีกินดีแบบยั่งยืน”

ที่มา : facebook.com/PPRPThailand/
เมื่อวันที่ : 30 พฤศจิกายน 2564

“ธณิกานต์” ขอบคุณ “บิ๊กป้อม” เห็นความสำคัญปัญหาเด็ก-สตรี ตั้งเป็นที่ปรึกษาฯ

, ,

“ธณิกานต์” ขอบคุณ “บิ๊กป้อม” เห็นความสำคัญปัญหาเด็ก-สตรี ตั้งเป็นที่ปรึกษาหัวหน้าภาค ขับเคลื่อนการแก้ปัญหา ให้เข้าถึงสิทธิและสวัสดิการจากภาครัฐ

น.ส.ธณิกานต์ พรพงษาโรจน์ ส.ส. เขตบางซื่อ-ดุสิต ลงพื้นที่ขับเคลื่อนดูแลด้านสิทธิและสวัสดิภาพเยาวชนและสตรี หลังได้รับมอบหมายและโอกาสจาก พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ให้ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษาหัวหน้าภาค ด้านสิทธิและสวัสดิภาพเยาวชนและสตรี

น.ส.ธณิกานต์ กล่าวขอบคุณหัวหน้าพรรคและหัวหน้าภาค ที่เห็นความสามารถและให้ความไว้วางใจ มอบหมายตำแหน่งเพิ่ม เพื่อเป็นตัวแทนในการรับฟังและร่วมผลักดันนโยบายด้านสิทธิและสวัสดิภาพเยาวชนและสตรี ได้อย่างเป็นรูปธรรมมากยิ่งขึ้น

โดยระบุว่า ปัจจัยสี่ ต้องเป็นสวัสดิการในระดับนโยบายชาติที่เข้าถึงได้จริง ตนพร้อมผลักดันดูแลเยาวชนและสตรี ให้เข้าถึงสิทธิและสวัสดิการจากภาครัฐ โดยเฉพาะด้านสภาพที่อยู่อาศัยที่ไม่ปลอดภัย ต้องได้รับการดูแลอย่างเป็นรูปธรรม-เข้าถึง-ทันที

น.ส.ธณิกานต์ กล่าวอีกว่า สำหรับผู้มีรายได้น้อย (กลุ่มเปราะบาง) กลุ่มแม่เลี้ยงเดี่ยว ผู้พิการ ผู้สูงอายุ ต้องการความช่วยเหลือด้านที่อยู่อาศัย จากสภาพที่อยู่อาศัยผุพัง หลังคารั่ว สัตว์มีพิษหรือโจรผู้ร้ายอาจเข้ามาได้ สามารถส่งรูปสภาพความเดือดร้อนและติดต่อได้ที่ FB page อุ๋ม ธณิกานต์ พรพงษาโรจน์ หรือ Line @oumthanikan (มี @ ข้างหน้า) เพื่อเป็นกระบอกเสียงและผลักดันให้ได้รับการดูแลอย่างจริงจัง

ที่มา : facebook.com/PPRPThailand/
เมื่อวันที่ : 30 พฤศจิกายน 2564

“บิ๊กป้อม” มอบ “ธรรมนัส-ประสาน” แก้ปัญหาชาวบ้านห้วยน้ำหิน อ.นาน้อย จ.น่าน

, ,

“บิ๊กป้อม” มอบ “ธรรมนัส-ประสาน” แก้ปัญหาชาวบ้านห้วยน้ำหิน อ.นาน้อย จ.น่าน ที่ถูกจับกุมและถูกดำเนินคดี และไร้ที่ทำกินจากผลกระทบจากนโยบายทวงคืนผืนป่าเมื่อปี 2558 ย้ำเร่งรัดช่วยเหลือโดยเร็ว

วันที่ 29 พฤศจิกายน 2564 เวลาประมาณ 13.00 น. ที่บริเวณหน้าศาลากลางจังหวัดน่าน
พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรค พปชร. ได้พบปะกับตัวแทนสหพันธ์เกษตรกรภาคเหนือ (สกน.) จ.น่าน และชาวบ้านห้วยน้ำหิน อ.นาน้อย จ.น่าน ที่ได้รับผลกระทบจากนโยบายทวงคืนผืนป่าเมื่อปี 2558 มีผู้ถูกจับกุมและถูกดำเนินคดีได้รับความเดือดร้อนไม่มีที่ทำกิน โดยพลเอก ประวิตร ได้มอบหมายให้ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) และในฐานะประธานกรรมการยุทธศาสตร์ภาคเหนือพปชร.เป็นตัวแทนรับหนังสือร้องทุกข์เพื่อหาแนวทางช่วยเหลือตามขั้นตอน

จากนั้น ร้อยเอกธรรมนัส และ นายประสาน หวังรัตนปราณี ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำ พล.อ. ประวิตร
วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้ร่วมประชุมกับตัวแทนตัวแทนสหพันธ์เกษตรกรภาคเหนือ และ
ชาวบ้านห้วยน้ำหิน อ.นาน้อย พร้อมข้าราชการที่เกี่ยวข้องเพื่อรับฟังปัญหา ซึ่งทราบว่า จนถึงขณะนี้ผู้ถูกจับกุมและถูกดำเนินคดีดังกล่าวนั้น คดียังไม่มีความคืบหน้า แม้พนักงานสอบสวนพื้นที่จังหวัดน่าน ได้ทำสำนวนและมีความเห็นสั่งไม่ฟ้องไปยังพนักงานอัยการ จ.น่านแล้ว แต่ชาวบ้านได้รับการประสานว่า อัยการส่งหนังสือกลับให้ตำรวจมีการสอบคดีเพิ่ม ทำให้ชาวบ้านกังวลในกระบวนการแก้ไขปัญหาล่าช้า สร้างความเดือดร้อนให้ประชาชนที่ไม่มีที่ดินทำกินดังกล่าว

ร้อยเอก ธรรมนัส กล่าวว่า เบื้องต้นพลเอกประวิตร ได้มอบหมายให้ตนเอง ในฐานะที่ดูแลพื้นที่ภาคเหนือ 8 จังหวัด ให้ประสานงานร่วมกับนายประสาน หวังรัตนปราณี ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำ พล.อ. ประวิตร
วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เพื่อเร่งหาแนวทางประสานงานกับหน่วยงานราชการในพื้นที่เพื่อแก้ไขปัญหาให้ชาวบ้านห้วยน้ำหิน อ.นาน้อย โดยเร็ว

“เรื่องนี้ผมได้ติดตามมาตลอด ตั้งแต่ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดน่านท่านเก่า ซึ่งดำเนินการตามขั้นตอนกระบวนการสั่งไม่ฟ้องและส่งสำนวนให้อัยการ แต่เนื่องจากตามกฎหมายต้องดำเนินการอย่างรัดกุมรอบคอบ ทางอัยการจังหวัดจึงได้ให้ทางตำรวจสอบสวนให้รัดกุม ซึ่งท่านรองนายกฯ ประวิตร ได้มอบหมายให้ฝ่ายกฎหมาย คือท่านประสาน กำกับดูแลอย่างใกล้ชิดแล้ว ดังนั้นผมเอง ในฐานะที่ดูแลภาคเหนือ 8 จังหวัด และได้รับมอบหมายให้ช่วยดูแลกับท่านประสาน เพื่อเร่งดำเนินการแก้ปัญหา เพราะทราบดีว่าเรื่องนี้ล่าช้ามานานพอสมควร ทำให้พี่น้องที่ถูกดำเนินคดีได้รับความเดือดร้อน ซึ่งผมได้พูดคุยกันกับประธานพีมูฟและกรรมการมาตลอด จึงขอให้สบายใจ จึงขอฝากทางรองผู้ว่าฯ, นายอำเภอนาน้อย และตำรวจภูธรจังหวัดน่าน และตำรวจท้องที่ เพื่อการขับเคลื่อน ซึ่งจะไม่ปล่อยให้ล่าช้า เราจะเร่งช่วยเหลือให้อย่างจริงจัง โดยเร็วที่สุด” ร้อยเอก ธรรมนัส กล่าว

ที่มา : facebook.com/PPRPThailand/
เมื่อวันที่ : 29 พฤศจิกายน 2564

“บิ๊กป้อม” ยกทัพ พปชร.“ธรรมนัส-นฤมล” ขึ้นเมืองน่าน พร้อมเปิดตัว 3 ขุนพล

,

“บิ๊กป้อม” ยกทัพ พปชร.“ธรรมนัส-นฤมล” ขึ้นเมืองน่าน พร้อมเปิดตัว 3 ขุนพลว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เตรียมสู้ศึกเลือกตั้งครั้งหน้า มั่นใจสามารถชิงพื้นที่เมืองน่าน เพิ่มจำนวน ส.ส.ภาคเหนือตามเป้าหมาย

วันที่ 29 พฤศจิกายน 2564 เวลา 13.30 น. ณ ห้องประชุมศาลากลาง จังหวัดน่าน พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยการกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ลงพื้นที่ตรวจราชการและติดตามสถานการณ์น้ำและการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ โดยมี ร.อ. ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรคฯ และ ศ.ดร. นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เหรัญญิกพรรค ร่วมคณะลงพื้นที่ด้วย นอกจากนี้ ยังมีนายวิรัช รัตนเศรฐ ส.ส. บัญชีรายชื่อ และกรรมการบริหารพรรคฯ นายบุญสิงห์ วรินทร์รักษ์ สส บัญชีรายชื่อ ในฐานะนายทะเบียนพรรค นายสิระ เจนจาคะ สส กทม.นาย จีรเดช ศรีวิราช สส เขต 3 พะเยา และนายภาคภูมิ พิบูลย์มุข รวมถึงนายวิบูรณ์ แววบัณฑิต ผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน พร้อมคณะข้าราชการในพื้นที่ ให้การต้อนรับอย่างพร้อมเพรียงภายใต้มาตรการป้องกันโควิด-19 เคร่งครัด

จากนั้น นายวิบูรณ์ ผู้ว่าราชการจังหวัดน่าน ได้กล่าวรายงานผลการขับเคลื่อนโยบายรัฐบาลในพื้นที่จังหวัดน่านและโอกาสการพัฒนาเศรษฐกิจจากการก่อสร้างสะพานเชื่อมโยงเศรษฐกิจภูมิภาค ผาเวียง ขณะที่ ดร.สุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการ สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) เสนอภาพรวมบริหารจัดการน้ำตามาตรการกอนช.ในพื้นที่จังหวัดน่าน ตามลำดับ

ทั้งนี้ พลเอกประวิตร กล่าวว่า รัฐบาลให้ความสำคัญเรื่องน้ำอย่างต่อเนื่อง เพื่อป้องกันแก้ไขปัญหาภัยแล้งและเก็บกักน้ำในฤดูฝนที่ผ่านมา พร้อมมอบหมาย สทนช.บูรณาการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดทำแผนจัดสรรน้ำ รวมถึงกำหนดแนวทางและมาตรการในการป้องกันแก้ไขปัญหาน้ำแล้ง-น้ำหลากในระยะยาว นอกจากนี้รัฐบาล ยังให้ความสำคัญและติดตามในการเร่งรัดพัฒนาเส้นทางเชื่อมโยง จ.น่าน-พะเยา และการก่อสร้างสะพานและถนนเชื่อมโยงเศรษฐกิจภูมิภาค ผาเวียง-ปากนาย ตามข้อเสนอของจังหวัดน่าน เพื่อสร้างความเจริญ และความอยู่ดีกินดีของประชาชนในพื้นที่ต่อไป

จากนั้น พล.อ. ประวิตร พร้อมคณะเดินทางต่อไปยังโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการกักเก็บน้ำสระน้ำบ้านศรีเกิด ม.3 ต.ไชยสถาน อ.เมือง จ.น่าน โอกาสนี้ พล.อ.ประวิตร พร้อมด้วยร.อ. ธรรมนัส, ศ.ดร. นฤมล และนายวิรัช ยังได้ร่วมพบปะผู้นำชุมนุมและประชาชนในพื้นที่ พร้อมเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคฯ ในพื้นที่จังหวัดน่าน ได้แก่ นายสักก์สีห์ พลสันติกุล ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เขต 1, นายพิชิต โมกข์ศรี ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เขต 2 และนายฉัตรชัย จิตตรง ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เขต 3 โดย 3 ว่าที่ผู้สมัครดังกล่าวแนะนำตัวเอง ซึ่งเป็นไปทิศทางเดียวกันคือการพัฒนาเมืองน่านให้ก้าวหน้าในอนาคต บนพื้นฐานของความเท่าเทียมกัน เชื่อมโยงทุกภาคส่วนของพลังคนรุ่นใหม่ ร่วมแก้ไขปัญหาปากท้องพี่น้องประชาชน

ด้าน ร.อ.ธรรมนัส เชื่อมั่นว่า ว่าที่ผู้สมัครฯทุกคนล้วนเติบโตมาจากลูกหลานชาวเมืองน่าน และต่างก็มีความรู้ความสามารถและประสบการณ์ จะได้รับความไว้วางใจจากพี่น้องประชาชนในพื้นที่เพื่อเข้ามาร่วมขับเคลื่อนงานของพรรคอย่างเข้มแข็ง เพื่อจะได้ช่วยกันผลักดันให้มีการเปลี่ยนแปลงพัฒนาเมืองน่าน และเชื่อมโยงเครือข่ายพื้นที่ภาคเหนือต่อไปในอนาคต ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายพรรคที่มีเป้าหมายให้ประชาชนอยู่ดีกินดี ประเทศชาติเจริญก้าวหน้าอย่างยั่งยืน

ขณะที่นางนฤมล กล่าวว่า มีความยินดีที่จะได้ร่วมงานกับตัวแทนพรรคฯในพื้นที่ ซึ่งส่วนใหญ่ก็คุ้นเคยกัน เนื่องจากก่อนหน้านี้ตนเองมีโอกาสลงพื้นที่พร้อมด้วยร้อยเอกธรรมนัสหลายครั้ง จึงเห็นความตั้งใจในความต้องการที่จะร่วมขับเคลื่อนพัฒนาเมืองน่านไปพร้อมกันกับประชาชนในพื้นที่ ด้วยการผลักดันนโยบายที่เป็นรูปธรรมเพื่อประโยชน์ในสังคมส่วนรวม ตรงความต้องการ ทั้งในเรื่องของบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ การพัฒนาฝีมือแรงงาน ส่งเสริมสินค้าในชุมชน เพื่อสร้างงานสร้างรายได้ให้ประชาชน
เพิ่มมากขึ้น

ที่มา : facebook.com/PPRPThailand/
เมื่อวันที่ : 29 พฤศจิกายน 2564

พล.อ. ประวิตร ลั่น พปชร. เป็นหนึ่งเดียวหนุน ส.ส. กทม. ลุยทำงานเต็มสูบ

, ,

พล.อ. ประวิตร ลั่น พปชร. เป็นหนึ่งเดียวหนุน ส.ส. กทม. ลุยทำงานเต็มสูบ หวังรับโอกาสจากปชช. เลือก ส.ส. ครองแชมป์อันดับ 1 พื้นที่กทม. อีกครั้ง

พล.อ. ประวิตร หัวหน้าพรรค พปชร. เปิดเวทีพบปะตัวแทนพรรค 30 เขตกทม. พร้อม ส.ส.ในพื้นที่ ตอกย้ำความเชื่อมั่นพรรคเป็นหนึ่งเดียว ดึงคนรุ่นใหม่ทำงานร่วมกับผู้มีประสบการณ์ ลุยทำงานช่วยเหลือประชาชนแก้ไขปัญหาทุกพื้นที่ มั่นใจการเลือกตั้งสมัยหน้า คว้าชัยชนะอันดับ 1 กทม. อีกครั้ง

วันที่ 27 พ.ย. 64 เวลา 17.00 น. ณ ห้องประชุม โรงแรมรอยัลริเวอร์ เชิงสะพานกรุงธน เขตบางพลัด กทม. พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) เป็นประธานการประชุมสัมมนาสมาชิกพรรค พปชร. กรุงเทพมหานคร (กทม.) และมอบนโยบายพรรค โดยมีผู้บริหารพรรค และคณะกรรมการบริหารพรรค อาทิ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรค ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เหรัญญิกพรรค และทีมสมาชิกพรรคใน กทม. ให้การร่วมต้อนรับอย่างพร้อมเพรียง ภายใต้มาตรการป้องกันโควิด-19 อย่างเคร่งครัด

เวลา 17.20 น. พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรค พปชร.ได้ขึ้นเวทีกล่าวต้อนรับตัวแทนพรรคประจำเขต กทม.ในเขตเลือกตั้งที่ 22 27 28 29 และ 30 พร้อมมอบนโยบาย และทิศทางการทำงานของภาค กทม. และคณะทำงานภาค โดยมีนายจักรพันธ์ พรนิมิตร หัวหน้าภาค กทม. เป็นผู้ประสานงานดูแล ส.ส. ภาคกทม. ซึ่งประกอบด้วยทีมที่มีประสบการณ์และคนรุ่นใหม่ที่มีความสามารถ พร้อมจะเข้าไปช่วยเหลือดูแลประชาชนตามแนวทางของพรรค ซึ่งมั่นใจว่าจะได้รับความไว้วางใจจากพี่น้องประชาชน ที่จะได้รับโอกาสในการเข้ามาสู่การเป็นตัวแทนของประชาชนอีกครั้งเหมือนกับการเลือกตั้งรอบที่ผ่านมา

ทั้งนี้ พล.อ.ประวิตร ได้กล่าว แสดงจุดยืนของพรรค พปชร. ให้กับตัวแทน และสมาชิกพรรค ว่า ในการขับเคลื่อนของพรรค ที่ปัจจุบัน เรามี ส.ส.จำนวน 12 คน ถือเป็นอันดับ 1 ในการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา และหวังว่า ในการเลือกตั้งครั้งต่อไป เราจะมีจำนวน ส.ส.เพิ่มขึ้นอีก โดยอาศัยความร่วมมือเป็นหนึ่งเดียวของตัวแทนพรรคทั้ง 30 เขต ในพื้นที่ กทม. โดยย้ำให้สมาชิกทุกคนช่วยกันดูแลและสนับสนุนพรรค เพราะไม่ได้เป็นพรรคเฉพาะกิจ เป็นสถาบันการเมืองที่พร้อมทำงานให้กับประเทศชาติ ประชาชน ยึดมั่นในสถาบันฯ ซึ่ง พรรค พปชร. พร้อมร่วมมือกันทำงาน ในการช่วยเหลือประชาชนให้เกิดความเป็นอยู่ที่ดี ซึ่งตนในฐานะหัวหน้าพรรค จะทำหน้าที่ในการดูแล ส.ส. และพรรคการเมืองให้เป็นปึกแผ่น ส่วนนายกรัฐมนตรีทำหน้าที่ในการบริหารประเทศ เพื่อให้สามารถขับเคลื่อนประเทศชาติให้เดินหน้าต่อไป

โอกาสนี้ ร.อ. ธรรมนัส และ ศ.ดร.นฤมล ได้ร่วมพบปะ ส.ส. และตัวแทนพรรค พร้อมให้กำลังใจ ตัวแทนพรรคใน กทม. และทีมงานทุกคน ขอให้มุ่งมั่นขับเคลื่อนการทำงานนโยบายพรรค ตามที่หัวหน้าพรรคได้เน้นย้ำไว้ ซึ่งที่ผ่านมา ทุกคนได้ร่วมแรงร่วมใจลงพื้นที่ช่วยเหลือประชาชนอย่างต่อเนื่อง ภายใต้สถานการณ์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการแพร่ระบาดโควิด-19 ปัญหาอุทุกภัยในพื้นที่ต่างๆ รอบกรุงเทพฯ จึงมั่นใจว่าประชาชนจะมีความไว้วางใจ และมีความเชื่อมั่นที่จะได้รับโอกาสในการเลือกตั้งครั้งต่อไปที่จะมาถึง เพื่อให้พรรค พปชร. ได้รับชัยชนะ เป็นอันดับ 1 อีกครั้ง ในพื้นที่กรุงเทพฯ อย่างแน่นอน

ที่มา : facebook.com/PPRPThailand/
เมื่อวันที่ : 27 พฤศจิกายน 2564

“ภาดาท์” ส.ส.เขต 6 พรรคพลังประชารัฐ เสนอ 3 ข้อต่อรัฐบาลเพื่อส่งเสริมการใช้รถไฟฟ้า

, ,

“ภาดาท์” ส.ส.เขต 6 พรรคพลังประชารัฐ เสนอ 3 ข้อต่อรัฐบาลเพื่อส่งเสริมการใช้รถไฟฟ้า เพื่อลดมลพิษและก๊าซเรือนกระจก ตามเจตนารมณ์ของนายกรัฐมนตรีที่ได้มีการประกาศไว้ที่การประชุม COP26

นางสาวภาดาท์ วรกานนท์ จังหวัดกรุงเทพมหานคร เขต 6 พรรคพลังประชารัฐ ร่วมอภิปรายในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร เรียกร้องรัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวในการแก้ปัญหาลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและก๊าซคาร์บอน ตามที่นายกรัฐมนตรีได้มีการประกาศในการประชุม COP26 การประชุมรัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ที่มีเจตนารมณ์ว่าประเทศไทยพร้อมยกระดับการแก้ปัญหาภูมิอากาศอย่างจริงจังด้วยการลดคาร์บอนและลดก๊าซเรือนกระจกให้เป็นศูนย์

โดยมองว่า หนึ่งในวิธีที่จะช่วยให้บรรลุตามเจตนารมณ์คือการใช้รถไฟฟ้า ที่ปัจจุบันประชาชนส่วนใหญ่ก็มีความต้องการอยากจะใช้รถไฟฟ้าเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก และช่วยทำให้อากาศสะอาด แต่ก็เป็นไปได้ยาก เนื่องรถไฟฟ้ายังมีราคาแพง การเข้าถึงของประชาชนก็เป็นไปได้ยาก ดังนั้นรัฐบาลจึงต้องกำหนดนโยบายเพื่อกระตุ้นในการเปลี่ยนมาใช้พลังงานรถไฟฟ้าให้เป็นเรื่องที่ง่ายขึ้น ดังนั้นจึงขอเรียกร้องใน 3 ประเด็นหลัก คือ ควรลดภาษีการนำเข้าอุปกรณ์ หรือรถไฟฟ้าทั้งภาษีสรรพสามิต และภาษีมหาดไทย, เพิ่ม และส่งเสริมการลงทุน เนื่องจากอากรการนำเข้ายังแพง,รัฐต้องนำร่องรถของรัฐทั้งหมดเป็นรถไฟฟ้า เพื่อที่จะให้นานาประเทศเห็นว่าไทยจริงจังในเรื่องนี้

ที่มา : facebook.com/PPRPThailand/
เมื่อวันที่ : 27 พฤศจิกายน 2564

นายกรัฐมนตรีห่วงน้ำท่วมภาคใต้ อธิรัฐ สั่งการกรมเจ้าท่าเร่งเข้าช่วยเหลือผู้ประสบภัย

,

“นายกรัฐมนตรีห่วงน้ำท่วมภาคใต้” อธิรัฐ สั่งการกรมเจ้าท่าเร่งเข้าช่วยเหลือผู้ประสบภัยในพื้นที่”

นายอธิรัฐ รัตนเศรษฐ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่าท่านนายกรัฐมนตรีมีความห่วงใยถึงสถานการณ์อุทกภัยพื้นที่ภาคใต้จากอิทธิพลของหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมภาคใต้ตอนล่าง ทำให้เกิดฝนตกหนักต่อเนื่องตั้งแต่วันที่ 21 – 26 พฤศจิกายน โดยเฉพาะที่จังหวัดชุมพร เกิดน้ำป่าไหลหลากส่งผลกระทบในหลายพื้นที่ ได้แก่ อ.ทุ่งตะโก อ.หลังสวน อ.พะโต๊ะ และ อ.ละแม เกิดน้ำท่วมเป็นวงกว้าง บ้านเรือนประชาชนได้รับความเสียหาย และถนนสายต่างๆ ที่ติดต่อระหว่างตัวอำเภอ ตำบล และหมู่บ้านต่างๆ ไม่สามารถสัญจรได้

ตนได้สั่งการด่วนที่สุดให้กรมเจ้าท่าตั้งศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบภัยจากพายุ โดยสำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคที่ 4 และสำนักงานพัฒนาและบำรุงรักษาทางน้ำที่ 6 ตั้งศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบภัยในพื้นที่รวม 2 ศูนย์ ประกอบด้วย เจ้าหน้าที่ประจำศูนย์ฯ รวม 9 นาย รถยนต์ 3 คัน เรือ 2 ลำ และเมื่อวันที่ 26 พฤศจิกายนที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ได้นำเรือจำนวน 2 ลำ ได้แก่ เรือพระราชทาน01 พร้อมถุงยังชีพ จำนวน 20 ถุง ข้าวกล่อง 100 กล่อง และน้ำดื่ม จำนวน 400 ขวด ออกเดินทางช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยพื้นที่ตำบลนาพญา อำเภอหลังสวน รวมทั้งนำเรือพระราชทาน02 พร้อมข้าวกล่อง 100 กล่อง และน้ำดื่ม 200 ขวด เข้าช่วยเหลือในพื้นตำบลบางมะพร้าว อำเภอหลังสวน และจากอิทธิพลดังกล่าวอาจส่งผลให้คลื่นลมบริเวณอ่าวไทยมีกำลังแรงขึ้น โดยเฉพาะบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองจึงให้กรมเจ้าท่าติดตามข้อมูลและประกาศกรมอุตุนิยมวิทยาอย่างใกล้ชิดเพื่อติดตามข้อมูลสภาพอากาศ สำหรับประกาศแจ้งเตือนชาวเรือให้ใช้ความระมัดระวังหรืองดการเดินเรือในพื้นที่เสี่ยงภัยและมีคลื่นสูงในระยะนี้

ที่มา : facebook.com/PPRPThailand/
เมื่อวันที่ : 26 พฤศจิกายน 2564

25 พฤศจิกายน วันรณรงค์ยุติความรุนแรงต่อเด็ก สตรีและบุคคล

,

25 พฤศจิกายน วันรณรงค์ยุติความรุนแรงต่อเด็ก สตรีและบุคคลในครอบครัว

ร่วมแสดงออกด้วยการติดสัญลักษณ์ ‘ริบบิ้นขาว’ สื่อว่า ไม่ยอมรับ ไม่นิ่งเฉย ไม่กระทำความรุนแรงต่อเด็กและสตรี ทุกรูปแบบจากสถิติประเด็นปัญหาสังคมที่เกิดกับผู้หญิงและเด็ก ทั้งการถูกทำร้าย ล่อลวง ละเมิด คุกคาม ข่มขืนกระทำชำเรา พบว่ากว่า 80% เกิดจากคนใกล้ชิดหรือคนรู้จัก ดังนั้น ปัญหาความรุนแรงไม่ใช่เรื่องไกลตัว และบ้านไม่ใช่พื้นที่ปลอดภัย (Safe Zone) ของทุกคน

หากพบเห็นความรุนแรงในครอบครัวสามารถติดต่อหน่วยงานรัฐหรือมูลนิธิต่างๆ เพื่อเข้าสู่กระบวนการดูแลช่วยเหลือ เช่น สายด่วน 191 หรือ สายด่วน 1300 ซึ่งเป็นศูนย์ช่วยเหลือสังคม One Stop Crisis Center (OSCC) ของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) หรือ สายด่วนสุขภาพจิต 1323 ตลอด 24 ชั่วโมง หรือ เครือข่ายพลเมืองเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDG Citizens Alliance) ช่องทางออนไลน์ FB page : SDG Citizens ประชาชนคนรุ่นเปลี่ยน

ช่องทางพิเศษ! สำหรับพี่น้องชาวบางซื่อ-ดุสิต ที่มีสภาพไม่ปลอดภัย ต้องการการดูแลช่วยเหลืออย่างจริงจัง ติดต่อทีมงาน ส.ส.อุ๋ม ธณิกานต์ ได้ที่ Line @oumthanikan (มี @ ข้างหน้าด้วยค่ะ)
หรือ โทร.065-694-2245
หรือ Facebook อุ๋ม ธณิกานต์ พรพงษาโรจน์

#ยุติความรุนแรงในครอบครัว
#อุ๋มธณิกานต์ใส่ใจความปลอดภัยผู้หญิง
#เรื่องผู้หญิงไม่ใช่เรื่องง่ายๆ

ที่มา : facebook.com/PPRPThailand/
เมื่อวันที่ : 25 พฤศจิกายน 2564

“รมว.ดีอีเอส” ปรับบริการ 1212 สู่ศูนย์ช่วยเหลือและจัดการปัญหาออนไลน์

,

เมื่อวันที่ 24 พฤศจิกายน นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) เปิดเผยว่า กระทรวงดีอีเอสได้ปรับโฉมบริการโทร 1212 OCC สู่ “ศูนย์ช่วยเหลือและจัดการปัญหาออนไลน์” เพื่อยกระดับการคุ้มครองผู้บริโภค และประชาชนผู้ตกเป็นเหยื่อมิจฉาชีพและกลโกงทางออนไลน์ ให้เข้าถึงกระบวนการช่วยเหลือเยียวยาได้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น โดยขยายขอบเขตการรับเรื่องร้องเรียนไปถึงปัญหาอื่นๆ เพิ่มเติม เช่น ปัญหาการฉ้อโกง เว็บไซต์ผิดกฎหมาย และแชร์ลูกโซ่ พร้อมบูรณาการการทำงานร่วมกับหน่วยงานต่างๆ ให้มากขึ้น

โดยครอบคลุมทั้ง ขยายการทำงานในการป้องกันและจัดการปัญหาออนไลน์ไปยังภาครัฐ ได้แก่ กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) ศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ (ศปอส.ตร.) และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ที่จะทำให้การดำเนินคดีกับผู้กระทำผิดเป็นไปได้เร็วขึ้น, ภาคเอกชน ที่เป็นบริษัทด้านแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย เช่น เฟซบุ๊ก อินสตาแกรม กูเกิล และยูทูบ, ภาคประชาสังคม เช่น สภาองค์กรของผู้บริโภค

นายชัยวุฒิกล่าวว่านอกจากนี้ ยังได้จัดตั้งคณะกรรมการป้องกันและจัดการปัญหาและข้อร้องเรียนหรือภัยที่เกี่ยวข้องกับธุรกรรมทางออนไลน์ ที่บูรณาการความร่วมมือระหว่างหน่วยงานของรัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้การป้องกัน จัดการ และแก้ไขปัญหาข้อร้องเรียนมีประสิทธิภาพมากที่สุด ตลอดจนขยายช่องทางการรับแจ้งเรื่อง ของศูนย์ผ่านช่องทาง Line และสำนักงานสถิติจังหวัด เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับประชาชนได้มีจุดรับเรื่องร้องเรียนเพิ่มขึ้น เป็นต้น

ขณะที่ ล่าสุดเตรียมจัดตั้งศูนย์ปราบปรามมิจฉาชีพทางออนไลน์ เพิ่มประสิทธิภาพทำงานร่วมกันกับตำรวจ ธนาคาร ผู้ให้บริการโทรคมนาคม แพลตฟอร์มโซเชียล และ กสทช. มุ่งพันธกิจในการเร่งรัดติดตามการป้องกันปราบปรามมิจฉาชีพออนไลน์ บูรณาการความร่วมมือกับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง เพื่อเร่งรัดติดตามดำเนินคดีผู้กระทำผิด ลดอุปสรรคความล่าช้าในกระบวนการรวบรวมพยานหลักฐานและแกะรอยเส้นทางการเงินของบัญชีมิจฉาชีพ ตลอดจนหาแนวทางดำเนินการช่วยเหลือผู้ประสบเหตุให้รวดเร็วที่สุด

นายชัยวุฒิ กล่าวว่า จากการประชุมวานนี้ (23 พ.ย. 64) ร่วมกับตัวแทนจากภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง ได้แก่ ธนาคารแห่งประเทศไทย สมาคมธนาคารไทย กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บช.สอท.) สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ได้ข้อสรุปหลักๆ เพื่อจัดทำแนวทางแก้ปัญหา ได้แก่ จะมีการหารือกับสมาคมธนาคารไทย และแบงก์ชาติ เพื่อพิจารณาแนวทางการป้องกันในการเปิดบัญชีแทนผู้อื่น และบังคับใช้มาตรการทางกฎหมายกับการรับจ้างเปิดบัญชี (บัญชีม้า) ซึ่งถือเป็นต้นตอร้ายแรงของปัญหามิจฉาชีพและกลโกงทางออนไลน์ในปัจจุบัน

“เรื่องการเปิดบัญชีแทนผู้อื่น อาจกำหนดโทษที่เพิ่มขึ้นจากเดิม ซึ่งกำหนดให้ผู้ที่นำบัญชีไปจะนำไปใช้ในการกระทำความผิด เจ้าของบัญชีจะมีความผิดฐานฟอกเงิน ต้องระวางโทษจำคุก 1 – 10 ปี หรือปรับตั้งแต่ 20,000 ถึง 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตาม พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน

ขณะที่นายณภัทร ชุ่มจิตตรี หรือคิง ก่อนบ่าย กล่าวว่า เชื่อว่ากระบวนการทำงานของศูนย์ช่วยเหลือและจัดการปัญหาออนไลน์ ซึ่งทางกระทรวงดิจิทัลฯ ผลักดันให้เกิดขึ้นครั้งนี้ จะช่วยแก้ปัญหาได้เป็นอย่างดี เพราะโดยส่วนตัวซึ่งเป็นหนึ่งในเหยื่อมิจฉาชีพออนไลน์ ไม่อยากให้มีประชาชนตกเป็นเหยื่อขบวนการเหล่านี้อีกต่อไป พร้อมกันนี้อยากเสนอแนะให้มีการพัฒนาเป็นแอปพลิเคชั่น เพื่อช่วยให้ประชาชนเข้าถึงศูนย์ร้องเรียนได้มากขึ้นและรวดเร็วขึ้น

สำหรับกรณีของตนเองซึ่งมีบุคคลในครอบครัวถูกหลอกลวงทางออนไลน์ก่อนหน้านี้ จากการติดตามความคืบหน้ากับตำรวจเพื่อติดตามตัวผู้กระทำผิด ทำให้รับทราบปัญหาด้านกระบวนการในการติดตามเส้นทางบัญชีโอนเงิน เนื่องจากธนาคารกำหนดหลักเกณฑ์ไว้ว่าใช้เวลาราว 2 เดือนต่อ 1 บัญชี ขณะที่ขบวนการมิจฉาชีพมีการโอนต่อไปยังหลายบัญชี ดังนั้นกว่าจะได้ข้อมูลเพื่อประกอบพยานหลักฐานยื่นศาลต้องใช้เวลาเกินปี ไม่ทันการณ์สำหรับการสกัดกั้นการไหลออกของเงิน และการติดตามเงินคืนผู้เสียหาย เพราะส่วนใหญ่หัวหน้าขบวนการอยู่ในต่างประเทศ

โดยในการแถลงข่าวปรับโฉมบริการโทร 1212 OCC สู่ “ศูนย์ช่วยเหลือและจัดการปัญหาออนไลน์” มีดาราและ Influencer ชื่อดังมาร่วมงานแถลงข่าวครั้งนี้ด้วย ไม่ว่าจะเป็น ธันวา สุริยะจักร, ไมค์ ภัทรเดช สงวนความดี, คิง ก่อนบ่าย, เส้นด้าย พิมพ์ลดา เเววไทสง, ไวท์ ศุทธิ เรืองวิทยาโชติ, เบส อนาวิล ชาติทอง, สุระ รพีสิริรัตน์, เหม่เหม ธัญญวีร์ ชุณหสวัสดิกุล, สิงโต สกลรัตน์ พันเทศ พ.ศ. 2542 และตามประมวลกฎหมายอาญาร่วมด้วย” นายชัยวุฒิกล่าว

นอกจากนี้ เตรียมเพิ่มประสิทธิภาพในการประสานงานระหว่างหน่วยงาน โดยจะมีการจัดทำช่องทางสื่อสารกลางผ่านออนไลน์ ที่มีระบบความมั่นคงปลอดภัยระดับมาตรฐานสากล พร้อมกำหนดตัวตนของบุคคลที่จะอยู่ในเครือข่ายประสานงานการรับแจ้งความคดีด้านนี้ไว้อย่างชัดเจน เพื่อลดระยะเวลาในขั้นตอนติดตามขอข้อมูลประกอบพยานหลักฐานที่จะนำไปสู่การดำเนินคดี เพราะยิ่งฝ่ายสอบสวนสืบสวนได้รับข้อมูลล่าช้าจากธนาคารในเรื่องเส้นทางการเงินที่เหยื่อหลงเชื่อโอนไปบัญชีมิจฉาชีพ หรือจากผู้ให้บริการมือถือ ซี่งมีรายชื่อผู้ลงทะเบียนใช้บริการส่ง SMS หลอกลวง โอกาสที่จะติดตามเงินมาคืนให้กับผู้เสียหายจะยิ่งหมดไป เพราะมีการโอนกระจายต่อไปบัญชีอื่นๆ อย่างรวดเร็ว และหลายครั้งปลายทางอยู่ในประเทศเพื่อนบ้าน ทำให้ยากต่อนำผู้กระทำผิดมาดำเนินคดี

นายชัยวุฒิ กล่าวว่า จำนวนประชากรที่ใช้อินเทอร์เน็ตเพิ่มมากขึ้น กิจกรรมและการทำธุรกรรมต่างๆ ผ่านออนไลน์จึงเติบโตสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว จากข้อมูลการสำรวจทั้งในมุมของพฤติกรรมของผู้ใช้อินเทอร์เน็ตของคนไทย และสถิติมูลค่า e-Commerce ของประเทศไทย ที่ดำเนินงานโดย สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (ETDA) หน่วยงานในสังกัดกระทรวงดิจิทัลฯ พบว่า จำนวนชั่วโมงของผู้ใช้งานอิเทอร์เน็ตที่เพิ่มขึ้นทุกปี ล่าสุดเฉลี่ย อยู่ที่ 11 ชั่วโมง 25 นาทีต่อวัน

สำหรับกิจกรรมยอดนิยมของผู้ใช้อินเทอร์เน็ตชาวไทยคือ Social media ทั้งการใช้งานด้านการทำกิจกรรมต่างๆ รวมไปถึงการซื้อขายสินค้าออนไลน์ เช่น SMEs มีการใช้ช่องทางของแอปพลิเคชั่นธนาคารในการรับชำระสินค้าและบริการ อยู่ที่ 58.56% และมีการใช้ Social commerce เป็นช่องทางการสื่อสารกับกลุ่มเป้าหมาย ถึง 71.83% เป็นต้น

ขณะที่ ตัวเลขสถิติการรับเรื่องร้องเรียนผ่าน 1212 OCC ที่ผ่านมา พบว่าจำนวนเรื่องร้องเรียน เพิ่มขึ้นต่อเนื่องทุกปี ล่าสุดในปี 2564 ได้รับเรื่องร้องเรียนแล้ว 49,996 ครั้ง ปัญหาที่ถูกร้องเรียนเข้ามามากที่สุด คือปัญหาการซื้อขายของทางออนไลน์ 67.11 % รองลงมาคือ ปัญหาเว็บไซต์ผิดกฎหมาย 23.06 % และหากลงรายละเอียดของปัญหาการซื้อขายของทางออนไลน์ พบว่า ส่วนใหญ่มักเป็นปัญหาการสั่งซื้อสินค้าแล้วไม่ได้รับสินค้า หรือได้รับสินค้าไม่ตรงตามที่สั่งไว้มากถึง 47% ตามมาด้วย สินค้าไม่ได้มาตรฐานตามที่โฆษณา 29% เป็นต้น

“จากตัวเลขข้างต้น เราจะเห็นว่าโลกออนไลน์ได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเราอย่างปฏิเสธไม่ได้ และแน่นอนว่า เมื่อคนทั่วโลกหันมาทำกิจกรรมต่างๆ ผ่านทางออนไลน์มากขึ้น ภัยคุกคามทางออนไลน์ ทั้ง การฉ้อโกง หลอกลวง ปัญหาในรูปแบบต่างๆ ก็เพิ่มตามมาด้วย ทำให้ทั่วโลกต่างให้ความสำคัญในการเข้าไปดูแลคุ้มครองผู้บริโภคกันอย่างเข้มข้นและเอาจริงเอาจังกับการเข้าไปช่วยเหลือเยียวยาผู้บริโภคออนไลน์ที่ได้รับผลกระทบอย่างเต็มที่” นายชัยวุฒิกล่าว

ที่มา : facebook.com/PPRPThailand/
เมื่อวันที่ : 24 พฤศจิกายน 2564

“สัณหพจน์” ยก “ศาลาดินโมเดล” แก้ปัญหาผักตบชวา ลุ่มน้ำปากพนัง

,

“สัณหพจน์” ยก “ศาลาดินโมเดล” แก้ปัญหาผักตบชวา สร้างรายได้คนลุ่มน้ำปากพนัง

ส.ส.พปชร.เขต 2 นครศรีฯ จี้หน่วยงานรัฐ เร่งแก้ปัญหา “ผักตบชวา” ลุ่มแม่น้ำปากพนัง แนะใช้ “ศาลาดินโมเดล” สร้างมูลค่าผักตบชวา เป็นทางออก ช่วยลดความเดือดร้อน พร้อมสร้างรายได้ยั่งยืนให้กับพี่น้องประชาชนในพื้นที่

ดร.สัณหพจน์ สุขศรีเมือง ส.ส.เขต 2 จ.นครศรีธรรมราช พรรคพลังประชารัฐ เปิดเผยว่า จากการที่ตนได้หารือต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร กรณีปัญหาผักตบชวาในพื้นที่ลุ่มน้ำปากพนัง 3 อำเภอ ได้แก่ อ.เชียรใหญ่ อ.หัวไทร และอ.ปากพนัง เมื่อวันที่ 10 พ.ย.64

ล่าสุด ตนได้รับการร้องเรียนจากพี่น้องประชาชนอีกครั้ง เนื่องจากผักตบชวาที่เป็นปัญหาดังกล่าว ได้ลุกลามกลายเป็นปัญหาต่อเนื่องกระทบกับพี่น้องประชาชนในบริเวณชายฝั่งทะเลอ่าวไทย ทั้งในเรื่องการทำมาหากินและผลกระทบต่อระบบนิเวศชายฝั่ง

ทั้งนี้จากการที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ในฐานะผู้อำนวยการกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) ได้มอบนโยบายและกำชับ 5 หน่วยงานหลัก ได้แก่ กรมโยธาธิการและผังเมือง,กรมชลประทาน,กรมเจ้าท่า,คณะทำงานฯระดับจังหวัด เร่งรัดกำจัด และแปรรูปเพิ่มมูลค่าของผักตบชวา ในพื้นที่ที่เกิดปัญหา ซึ่งพบว่า ได้ดำเนินการจัดเก็บผักตบชวารวมทั้งสิ้น 4,513,836 ล้านตันแล้วนั้น

ดังนั้นตนจึงอยากฝากไปยัง หน่วยงานที่เกี่ยวข้องใน จ.นครศรีธรรมราช ได้เร่งดำเนินการจัดเก็บผักตบชวาในพื้นที่ลุ่มน้ำปากพนัง 3 อำเภอ ก่อนที่ปัญหาดังกล่าวจะลุกลามกระทบต่อระบบนิเวศในแม่น้ำลำคลอง รวมทั้งชายฝั่ง ซึ่งจะสร้างความเดือดร้อนให้กับพี่น้องประชาชนมากกว่าที่เป็นอยู่

นอกจากนี้ ตนขอเสนอให้ มีการนำ “ศาลาดินโมเดล” มาใช้ในพื้นที่ลุ่มน้ำปากพนัง เพื่อการแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืน โดยการนำผักตบชวา ไปแปรรูปและใช้ประโยชน์สร้างรายได้และอาชีพให้กับประชาชน ซึ่งมีตัวอย่างที่ประสบความสำเร็จแล้วในพื้นที่ ต.ศาลาดิน อ.พุทธมณฑล จ.นครปฐม

“ศาลาดินโมเดล จ.นครปฐม โดยกลุ่มบริหารการใช้น้ำชลประทานมหาสวัสดิ์ ถือเป็นตัวอย่างที่ดีของการแก้ไขปัญหาผักตบชวาในแหล่งน้ำลำคลอง โดยทางกลุ่มได้นำผักตบชวามาแปรรูปเป็น “ดินพร้อมปลูกผสมผักตบชวา” เพื่อส่งขายสร้างรายได้ให้กับคนในชุมชน ที่ผ่านมากลุ่มฯ ได้รับซื้อผักตบชวาสับตากแห้งจากชาวบ้านในราคากก.ละ 20 บาท ซึ่งชาวบ้านที่ทำผักตบมาขายให้กับกลุ่มฯ จะมีรายได้ตั้งแต่ 2,000 – 6,000 บ./เดือน ปัจจุบันทราบว่า กลุ่มฯ มียอดขายดินพร้อมปลูกกว่า 5,000 ถุง/เดือน และยังไม่เพียงพอต่อความต้องการของตลาด” ดร.สัณหพจน์ กล่าว

สำหรับตัวอย่างดังกล่าว สามารถนำมาประยุกต์ใช้เป็นต้นแบบการแก้ไขปัญหาผักตบชวาในลุ่มน้ำปากพนังได้ โดยนอกจากจะช่วยแก้ไขปัญหาน้ำเน่าเสียในพื้นที่ ซึ่งกระทบต่อการทำประมงพื้นบ้าน และผลกระทบต่อระบบนิเวศในแม่น้ำลำคลองและชายฝั่งแล้ว ยังช่วยให้พี่น้องประชาชนที่อยู่ใกล้แหล่งน้ำมีรายได้ที่ยั่งยืน และเป็นการสร้างแรงจูงใจให้พี่น้องประชาชนมีส่วนร่วมต่อการอนุรักษ์แหล่งน้ำได้อีกด้วย

ที่มา : facebook.com/PPRPThailand
เมื่อวันที่ : 24 พฤศจิกายน 2564