โลกเปลี่ยน ไทยต้องปรับ ทางเลือกใหม่ของการเมืองไทย ก้าวข้ามความขัดแย้ง สานพลังประชาราษฎร์ ร่วมสร้างชาติให้ยั่งยืน

วัน: 14 ธันวาคม 2023

“สส.กระแสร์”เชื่อ โครงการห้วยหลวง ช่วยแก้ปัญหาน้ำขาดแคลนในลุ่มน้ำสวย วอน หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการให้เสร็จ

,

“สส.กระแสร์”เชื่อ โครงการห้วยหลวง ช่วยแก้ปัญหาน้ำขาดแคลนในลุ่มน้ำสวย วอน หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการให้เสร็จ

นายกระแสร์ ตระกูลพรพงศ์ สส.หนองคาย เขต 1 อำเภอเมือง พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.)กล่าวหารือในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรถึง ลุ่มน้ำสวย ที่เป็นเขตติดต่อระหว่างอำเภอ เป็นบ้านหัวสวย ตำบลนาพู่ โดยช่วงนี้พี่น้องประชาชนจะทำนาปรัง ทำให้น้ำขาดแคลนในลุ่มน้ำสวยที่ไหลมาจากในเขตจังหวัดอุดรธานีมาเข้าที่อำเภอสระใคร ตำบลคอกช้าง ผ่านไปยังเขตอำเภอเมือง ไปยังตำบลโพนสว่าง ตำบลวัดธาตุ เทศบาลวัดธาตุ ไหลเรื่อยๆไปสิ้นสุดที่ตำบล บ้านเดื่อ แล้วไหลลงไปสู่ แม่น้ำโขง

นายกระแสร์ กล่าวต่อว่า โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาห้วยหลวง ซึ่งจะเป็นโครงการขนาดใหญ่ ใช้พื้นที่เกษตรกรรองรับ ที่ของเกษตรกรประมาณ 3 แสนไร่ซึ่ง ตนทราบข่าวจากชลประทานว่าปีหน้าจะผันน้ำโขงขึ้นมาสู่ลำห้วยหลวงแห่งนี้ ซึ่งมีพื้นที่ใกล้เคียงกับลุ่มน้ำสวย ถ้าน้ำที่ผันขึ้นมาจากแม่น้ำโขง อีกส่วนหนึ่งแยกเข้ามา ลงไปสู่ลุ่มน้ำสวยนั้น จะทำให้พี่น้องประชาชนที่ตนได้กล่าวขึ้นมาข้างต้นนี้ คงจะมีน้ำใช้อย่างเพียงพอ

ทั้งนี้ ตนต้องขอขอบคุณคณะรัฐมนตรีที่ ครม.สัญจรไปที่ จังหวัดหนองบัวลำภู ซึ่งเขตการเลือกตั้งของตนที่ จังหวัดหนองคาย มีพื้นที่ติดกับจังหวัดหนองบัวลำภู คณะรัฐมนตรีหลายท่านได้เดินทางเข้าสู่จังหวัดหนองคาย เพื่อไปกราบขอพรหลวงพ่อพระใส เพราะเป็นพระคู่บ้านคู่เมืองของชาวจังหวัดหนองคาย และพี่น้องจาก สปป.ลาว

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 14 ธันวาคม 2566

“พล.ต.อ.พัชรวาท” ชูแคมเปญ “เปลี่ยนเรา เปลี่ยนโลก ลดโลกเดือด” ร่วมใจในวันสิ่งแวดล้อมไทย

,

“พล.ต.อ.พัชรวาท” ชูแคมเปญ “เปลี่ยนเรา เปลี่ยนโลก ลดโลกเดือด” ร่วมใจในวันสิ่งแวดล้อมไทย

มุ่งให้ประชาชนมีส่วนร่วมแก้ไขเพื่อเดินหน้าลดปัญหาการปล่อยคาร์บอนสู่เป้าหมายNet Zero

เมื่อวันที่ 14 ธ.ค. 2566 พล.ต.อ. พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นประธานในพิธีและกล่าวปาฐกถาพิเศษ เนื่องใน “วันสิ่งแวดล้อมไทย” และ “วันอาสาสมัครพิทักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมหมู่บ้านแห่งชาติ” ที่กรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จัดขึ้น ประจำปี 2566 ภายใต้แนวคิด “เปลี่ยนเรา เปลี่ยนโลก ลดโลกเดือด” โดยมีนายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ผู้บริหาร หัวหน้าส่วนราชการ หน่วยงานภาครัฐและภาคเอกชน ตลอดจนเครือข่ายชุมชนปลอดขยะและโรงเรียนปลอดขยะ และเครือข่าย ทสม. เข้าร่วม

พล.ต.อ.พัชรวาท กล่าวว่า วันนี้นับจากจุดเริ่มต้นของวันสิ่งแวดล้อมไทย ที่พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร มีพระราชดำรัสให้การดูแลสิ่งแวดล้อมเป็นหน้าที่ของคนไทยทุกคน กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในฐานะหน่วยงานที่ดูแล อนุรักษ์ และฟื้นฟูทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้น้อมนำตามแนวพระราชดำรัสของพระองค์มาปฏิบัติโดยตลอด ทั้งยังส่งเสริมให้ประชาชน ทุกคนมีจิตสำนึกและมีส่วนร่วมในการดูแลทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพื่อดูแลรักษาโลกใบนี้ให้สืบทอดต่อไปจนถึงอนุชนรุ่นหลัง และนอกจากวันนี้จะเป็นวันสิ่งแวดล้อมไทยแล้ว ยังเป็นวันอาสาสมัครพิทักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมหมู่บ้านแห่งชาติ ซึ่งตนต้องขอบคุณเครือข่าย ทสม. ที่มีส่วนร่วมและประสานกลไกในการดำเนินงานด้านการอนุรักษ์และฟื้นฟูทรัพยากร ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมในชุมชนให้เกิดความเข้มแข็ง

“ปัจจุบันโลกใบเดียวของเราได้ส่งสัญญาณ และปี 2566 กำลังจะถูกบันทึกในประวัติศาสตร์ว่า เป็นปีที่ร้อนที่สุด ถึงเวลาแล้วที่เราทุกคนจะต้องร่วมกันลงมือทำ เพื่อให้ลูกหลานของเรามีโลกใบนี้ที่อาศัยอยู่ได้ต่อไป ซึ่งประเทศไทยได้ให้คำมั่นสัญญาต่อประชาคมโลกว่า ประเทศไทยได้ทำตามสิ่งที่ได้ให้คำมั่นไว้อย่างแน่นอน พร้อมให้ความร่วมมือ เพื่อยกระดับการดำเนินงานต่อไป มุ่งสู่เป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน ภายในปี พ.ศ. 2593 การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ ภายในปี พ.ศ. 2608” พล.ต.อ.พัชรวาท กล่าว

พล.ต.อ.พัชรวาท กล่าวต่อว่า การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อมเป็นเรื่องของประชาชนคนไทยทุกคน ที่จะมีส่วนร่วมในการปกป้อง ดูแล รักษาสิ่งแวดล้อมและร่วมมือกันแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น โดยเริ่มจากการปรับเปลี่ยนเรื่องใกล้ตัวให้เป็นเรื่องที่เราทุกคนต้องมีส่วนรับผิดชอบ ปรับเปลี่ยนทัศนคติและรูปแบบการใช้ชีวิตชีวิตประจำวันให้เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ตามแนวคิดในการรณรงค์จัดกิจกรรมฯ ในปีนี้ ที่ว่า “เปลี่ยนเรา เปลี่ยนโลก ลดโลกเดือด” และขอใช้โอกาสนี้กระตุ้นให้ผู้คนได้เกิดความตระหนักถึงความสำคัญของการดูแลทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ร่วมกันปรับเปลี่ยนพฤติกรรมเพื่อลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ตั้งรับ ปรับตัวต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ร่วมกัน เริ่มจากการ “เปลี่ยนเรา” และขับเคลื่อนงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม ซึ่งจะส่งผลให้ “เปลี่ยนโลก” เพื่อ “ลดโลกเดือด”

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 14 ธันวาคม 2566

“สส. อามินทร์”จี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งจัดการอาคารศูนย์แสดงสินค้าชุมชน จ.นราธิวาส หลังสร้างเสร็จมาหลายปี แต่กลับไม่ได้ใช้งาน ปล่อยทรุดโทรม ชี้ สิ้นเปลืองงบประมาณแผ่นดิน

,

“สส. อามินทร์”จี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งจัดการอาคารศูนย์แสดงสินค้าชุมชน จ.นราธิวาส หลังสร้างเสร็จมาหลายปี แต่กลับไม่ได้ใช้งาน ปล่อยทรุดโทรม ชี้ สิ้นเปลืองงบประมาณแผ่นดิน

นายอามินทร์ มะยูโซ๊ะ สส.จังหวัดนราธิวาส เขต 2 อำเภอตากใบ พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) กล่าวหารือในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรถึงเรื่องศูนย์แสดงสินค้าชุมชน จังหวัดนราธิวาส ตั้งอยู่บริเวณหน้าด่านศุลกากร อำเภอ สุไหงโก-ลก ซึ่งเป็นเรื่องที่รับการร้องเรียนจากพี่น้องประชาชนในพื้นที่ ที่เป็นเขตดินแดนติดกับประเทศมาเลเซีย เป็นพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษ ซึ่งเป็นนโยบายหลักสำคัญของรัฐบาล ที่ผ่านมาได้ดำเนินการขับเคลื่อนมาโดยตลอด เพราะฉะนั้นตลอดระยะเวลา5-8 ปีที่ผ่านมาจนมีโครงการก่อสร้างอาคารต่างๆ เกิดขึ้นมากมาย เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดในการพัฒนาเขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดน

“แต่สิ่งที่พี่น้องประชาชนได้รับกลับไม่ก่อประโยชน์เลยแม้แต่น้อย อาคารที่ถูกสร้างและเสร็จโดยสมบูรณ์ แต่ไม่มีการใช้งาน ปล่อยให้ทรุดโทรมไปตามกาลเวลาทั้งทั้งที่สร้างเสร็จมาแล้วไม่ต่ำกว่า5 ปี ก็ยังไม่เห็นหน่วยงานใดมารับผิดชอบ อาคารแห่งนี้ไม่ว่าจะเป็น ท้องถิ่นเทศบาล ที่ดูแลรับผิดชอบโดยตรง หรือหน่วยงานใดที่ได้เสนอโครงการก่อสร้างอาคารชุดนี้ ผมถือว่าเป็นการสิ้นเปลืองงบประมาณแผ่นดินอย่างที่สุด จึงขอให้หน่วยงานที่รับผิดชอบแก้ไข กฎระเบียบต่างๆ เพื่อที่จะได้ใช้อาคารแห่งนี้ และเกิดประโยชน์สูงสุดแก่พี่น้องประชาชน”นายอามินทร์ กล่าว

นายอามินทร์ กล่าวต่อถึงความคืบหน้าการสร้างอาคาร เรียน 4 ชั้นของอาคารเรียนมิตรภาพที่ 223 โดยตน
ได้รับหนังสือร้องเรียนจากผู้อำนวยการโรงเรียนว่า การสร้างอาคารมีความล่าช้ามากว่า6 ปี ซึ่งก่อให้เกิดความเสียหายกับนักเรียนและโรงเรียนเป็นอย่างมาก ที่ต้องสูญเสียโอกาสในการที่จะมีสถานศึกษาที่ดี และเพียบพร้อมสมบูรณ์ ตนได้สอบถามปัญหาเบื้องต้นทราบว่า สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน หรือ สพฐ. ได้นำเรื่องส่งถึง สำนักงานงบเป็นที่เรียบร้อยแล้วแต่ไม่มีความคืบหน้าใดๆ ทั้งสิ้น

“ผมในฐานะสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในพื้นที่ขอให้สำนักงาน สพฐ. หรือสำนักงบอนุมัติงบประมานสำหรับการก่อสร้างอาคารเรียนที่ยังค้างอยู่ให้แล้วเสร็จด้วย“

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 14 ธันวาคม 2566

”สส.นเรศ“ขอ จ.เชียงใหม่หามติร่วมตัดสินเส้นทางชนบทที่4053 อยู่ในความรับผิดชอบของใคร จะได้แก้ไขปัญหาให้ ปชช.ชี้ เป็นอันตรายต่อการสัญจรมาก

,

”สส.นเรศ“ขอ จ.เชียงใหม่หามติร่วมตัดสินเส้นทางชนบทที่4053 อยู่ในความรับผิดชอบของใคร จะได้แก้ไขปัญหาให้ ปชช.ชี้ เป็นอันตรายต่อการสัญจรมาก

นายนเรศ ธำรงศ์ทิพยคุณ สส.เขต 9 จังหวัดเชียงใหม่ พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.)กล่าวหารือในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรว่า ตนได้รับเรื่องร้องเรียนจากนายกฯบริหารส่วนตำบลแม่วินและผู้ใหญ่บ้านบ้านม่อนยะ ถึงถนนเส้นทางชนบทที่4053 เส้นทางระหว่างบ้านม่อนยะ ตำบลแม่วิน อำเภอแม่วาง จนไปถึง บ้านห้วยน้ำจางหมู่6 ตำบลบ่อแก้ว อำเภอสะเมือง กม.ที่ 9.7 ซึ่งทางอบต.ได้ทำหนังสือแจ้งว่า ถนนได้มีความเสียหาย แต่ทางหลวงชนบทได้บอกว่า ได้ถ่ายโอนถนนไปแล้ว

นายนเรศ กล่าวต่อว่า ต่อมาท้องถิ่นก็ได้ติดต่อไปยัง อบจ.แต่ถนนเส้นดังกล่าวก็ไม่ได้อยู่ในความรับผิดชอบของ อบจ.อีก ตนขอให้จังหวัดเชียงใหม่ได้เป็นเจ้าภาพบูรณาการหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หามติร่วมกันว่า ถนนเส้นนี้อยู่ในความรับผิดชอบของใคร เพื่อจะได้เข้าไปแก้ไขปัญหาให้แก่พี่น้องประชาชนต่อไป เพราะสถาพถนนขณะนี้เป็นอันตรายต่อการสัญจรมาก

“ผมยังได้รับการร้องเรียนจากนายกเทศมนตรี เทศบาลตำบลแม่วาง และนายกองค์การบริหารส่วนตำบล บ้านกาด กรณีทางหลวงหมายเลข 1013 ช่ว บ้านกลาง ถึงแม่วิ นกม.ที่ 1-8 ในช่วงหน้าฝน หรือในช่วงฝนตกหนักน้ำ เกิดน้ำนองท่วมถนน พื้นผิวถนนเป็นจำนวนมาก ทำให้พี่น้องซึ่งอยู่สองข้างทางถนนเส้นนี้ ได้รับความเดือดร้อน เนื่องจากไม่มีทางระบายน้ำ ไม่มีช่องทางที่น้ำจะระบายออกได้ ประกอบกับเป็นอันตรายต่อพี่น้องประชาชนที่สัญจรไปมา จึงขอให้กรมทางหลวงช่วยดำเนินการแก้ไขปัญหา เพื่อความปลอดภัยของประชาชนด้วย“นายนเรศ กล่าว

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 14 ธันวาคม 2566

“สส. จำลอง”ขอหน่วยงานที่เกี่ยวข้องขยายถนนเส้นยุทธศาสตร์ เชื่อมอีสานใต้ไปอีสานเหนือ ให้กว้างขึ้น เพราะเป็นทางหลักขนอ้อย จนเกิดอุบัติเหตุหลายครั้ง

,

“สส. จำลอง”ขอหน่วยงานที่เกี่ยวข้องขยายถนนเส้นยุทธศาสตร์ เชื่อมอีสานใต้ไปอีสานเหนือ ให้กว้างขึ้น เพราะเป็นทางหลักขนอ้อย จนเกิดอุบัติเหตุหลายครั้ง

นายจำลอง ภูนวนทา สส.กาฬสินธุ์ เขต 3 พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) กล่าวหารือในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรว่า ถนนเส้น 2268 ซึ่งเป็นเส้นทางหลัก หรือเรียกว่าเป็นถนนยุทธศาสตร์ก็ได้ เพราะจะเชื่อมระหว่างอีสานใต้ไปยังอีสานเหนือ ถึงลุ่มแม่น้ำโขง ที่ผ่านมาได้รับการทะนุบำรุงถนน โดยการฉาบผิวใหม่ด้วยยางมะตอย จึงต้องขอขอบคุณ ผอ.แขวงการทาง แต่ยังมีประเด็นที่ไม่ได้รับการแก้ไขอย่างถูกต้อง ก็คือ ควรต้องขยายถนนให้กว้างขึ้น เนื่องจากปัจจุบันเป็นฤดูกาลตัดอ้อย ทำให้มีรถบรรทุกอ้อยจำนวนมากที่ต้องใช้เส้นทาง ซึ่งนำไปสู่การเกิดอุบัติเหตุบนท้องถนนอยู่บ่อยครั้ง จึงขอฝากให้เร่งดำเนินการด้วย

“ในเรื่องถนนยังมีถนนสายเชื่อมระหว่างตำบลหนองบัวตำบลหนองสรวง ยังไม่ได้รับการแก้ไข ถนนเชื่อมระหว่างตำบลโคกเครือ ตำบลดงมูล ได้รับเรื่องร้องเรียนว่ายังไม่ได้รับการตอบรับจากกรมส่งเสริม”นายจำลอง กล่าว

นายจำลอง กล่าวต่อถึงระบบการจัดสรรน้ำ ของกรมชลประทาน ในลุ่มเขื่อนลำปาวที่ท่วมที่ดินที่พี่น้องประชาชนได้เช่าไว้ โดยในตอนแรกที่ทำสัญญาเช่าระหว่างพี่น้องประชาชนกับธนารักษ์มีการระบุว่า ถ้าเกิดมีการกักเก็บน้ำเกินอัตราจนเกิดน้ำท่วมก็ได้รับการชดเชยค่าเสียหาย จึงขอฝากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยดูแลด้วย

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 13 ธันวาคม 2566