โลกเปลี่ยน ไทยต้องปรับ ทางเลือกใหม่ของการเมืองไทย ก้าวข้ามความขัดแย้ง สานพลังประชาราษฎร์ ร่วมสร้างชาติให้ยั่งยืน

ป้ายกำกับ: ข่าวประชาสัมพันธ์

“พล.อ.ประวิตร” มุ่งมั่นแก้ไขปัญหาปากท้องของพี่น้องประชาชน ตามคำมั่น 4 ปีที่ผ่านมาวางรากฐานพัฒนาแหล่งน้ำกว่า 2 หมื่นแห่งเพิ่มคุณภาพชีวิต เอาประโยชน์ ปชช.เป็นที่ตั้ง

,

“พล.อ.ประวิตร” มุ่งมั่นแก้ไขปัญหาปากท้องของพี่น้องประชาชน ตามคำมั่น 4 ปีที่ผ่านมาวางรากฐานพัฒนาแหล่งน้ำกว่า 2 หมื่นแห่งเพิ่มคุณภาพชีวิต เอาประโยชน์ ปชช.เป็นที่ตั้ง

1 สิงหาคม 2566 พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) โดยพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรค และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ยังคงมุ่งมั่นแก้ไขปัญหาปากท้องของพี่น้องประชาชน ตามคำมั่นที่ให้กับประชาชน “ จะก้าวข้ามความขัดแย้ง ทำให้พี่น้องคนไทยอยู่ดีกินดี” เพราะทุกปัญหาของประชาชนเขารอไม่ได้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า ในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา ตนได้ผลักดันและขับเคลื่อนนโยบายต่างๆ ออกมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อต้องการยกระดับคุณภาพชีวิตของคนไทยให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น มุ่งมั่นแก้ปัญหาเรื่องปากท้องประชาชน ให้คนไทยกินดีอยู่ดี ตามแนวทางและนโยบายของพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งอาชีพของประชากรไทยส่วนใหญ่คือเกษตรกร การพัฒนาแหล่งน้ำ จึงเป็นต้นทุนการประกอบอาชีพที่สำคัญ ที่ได้วางรากฐานการจัดหาน้ำให้เพียงพอตลอดทั้งปี และยังสามารถรับมือกับภัยแล้ง และอุทกภัยที่อาจจะเกิดขึ้น เช่นในขณะนี้ ที่ภาวะอากาศในประเทศไทยร้อน ฝนไม่ตกตามฤดูกาล นับเป็นเป้าหมายสำคัญของการพัฒนาแหล่งน้ำที่ยั่งยืน เพื่อลดผลกระทบ ม่ให้ประชาชนเกิดความเดือดร้อนในการประกอบอาชีพ และสามารถสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น มีน้ำใช้ในการอุปโภค-บริโภค และภาคการเกษตร

พล.อ.ประวิตร กล่าวต่อว่า รัฐบาลได้สนับสนุนงบกลาง มาใช้ในโครงการบรรเทาผลกระทบภัยแล้ง และป้องกันน้ำท่วม โดยบูรณาการทุกหน่วยงานภายใต้การบริหารคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ(กนช.) ที่ได้ผลักดันในการพัฒนาแหล่งน้ำขนาดเล็ก ระบบกระจายน้ำเพื่อสนับสนุนน้ำอุปโภค-บริโภค รวมถึงการเกษตรครอบคลุมทั่วทั้งประเทศ รวมทั้งสิ้น 26,830 แห่ง เช่น การขุดเจาะบ่อบาดาล แหล่งน้ำสำรองเพื่อผลิตน้ำประปา ก่อสร้างฝายและสระเก็บน้ำเพื่อการเกษตร ขุดลอกคลอง และกำจัดวัชพืช ถือว่ามีความจำเป็นเร่งด่วนและสามารถแก้ไขปัญหาให้ประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพด้วย

ทั้งนี้ยังมีแผนการพัฒนาโครงการอ่างเก็บน้ำในหลายแห่งที่ยังประสบปัญหาการขาดแคลนน้ำ อาทิ โครงการอ่างเก็บน้ำแม่ตาช้าง ต.ป่าแดด จ.เชียงราย เพื่อใช้เป็นแหล่งน้ำในการอุปโภคบริโภค และประกอบอาชีพทางการเกษตร หลังจากที่ประชาชนรอคอยมายาวนานถึง 30 ปี เราได้บูรณาการกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง สานฝันให้ประชาชนจนเป็นผลสำเร็จ ซึ่งในปี 2569 ประชาชนในพื้นที่ ต.ป่าแดด จ.เชียงราย และในพื้นที่ใกล้เคียง จะมีแหล่งน้ำไว้ใช้อุปโภค บริโภค และภาคการเกษตร เพื่อสร้างคุณภาพชีวิตที่ดี มั่นคง และยั่งยืน ให้กับคนลุ่มน้ำลาวตอนกลาง และตอนล่าง

“การทำงานของผมตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ไม่เคยมีวันใดที่หยุดพัก ดีใจที่ได้ช่วยบรรเทาความเดือดร้อนให้ประชาชน ผมอาจจะเป็นคนพูดไม่เก่ง ไม่เคยออกมาบรรยายสรรพคุณ คุณงามความดีต่อสาธารณชน เพราะผมเชื่อว่า การทำงานจะต้องวัดจากผลงานที่เป็นประจักษ์ มิใช่การวัดเอาจากคำพูด โดยการเอาประโยชน์ของประชาชนเป็นที่ตั้ง เพราะโครงการต่างๆ จะส่งผลให้สามารถเก็บกักน้ำในช่วงฤดูฝนใช้ประโยชน์ในช่วงหน้าแล้งได้รวม 742 ล้าน ลบ.ม. และยังสามารถนำน้ำบาดาลมาใช้ได้ถึง 91 ล้าน ลบ.ม. โดยมีน้ำดิบผลิตประปาได้อีก 62 ล้าน ลบ.ม. ซึ่งเกิดประโยชน์โดยตรงกับประชาชนถึง 3.65 ล้านครัวเรือน ครอบคลุมพื้นที่กว่า 7.5 ล้านไร่”พล.อ.ประวิตร กล่าว

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 1 สิงหาคม 2566

“ไผ่ ลิกค์”ชงญัตติเข้าสภาฯ ตั้ง กมธ.พิจารณาบุหรี่ไฟฟ้า ชี้ ต้องมีกฎหมายรองรับ ตอบให้ชัด ข้อดี-ข้อเสีย วิธีรับมือการใช้

,

“ไผ่ ลิกค์”ชงญัตติเข้าสภาฯ ตั้ง กมธ.พิจารณาบุหรี่ไฟฟ้า ชี้ ต้องมีกฎหมายรองรับ ตอบให้ชัด ข้อดี-ข้อเสีย วิธีรับมือการใช้

1 สิงหาคม 2566นายไผ่ ลิกค์ ส.ส.กำแพงเพชร เขต 1 พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.)เปิดเผยว่า ในขณะนี้สภาผู้แทนราษฎรได้บรรจุญัตติด่วนที่ตนเสนอไป เพื่อขอให้มีการตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาผลประโยชน์ของการมีกฎหมายควบคุมกำกับบุหรี่ไฟฟ้าแล้ว โดยตนเห็นว่า ปัจจุบันบุหรี่ไฟฟ้าเป็นที่รู้จักมากยิ่งขึ้น แต่ยังไม่มีกฎหมายรองรับและวิธีรับมือกับการบริโภค และการนำเข้าบุหรี่ไฟฟ้า แต่สภาพความเป็นจริงเราสามารถพบเห็นการใช้บุหรี่ไฟฟ้าอย่างแพร่หลาย มีการนำเสนอเพื่อผลกำไรผ่านทางช่องทางสื่ออินเทอร์เน็ต โดยไม่มีการเสียภาษีทำให้รัฐเสียประโยชน์

นายไผ่ กล่าวต่อว่า ในส่วนเกษตรกรผู้ปลูกใบยาสูบในพื้นที่ภาคเหนือตอนล่างได้รับผลกระทบจากปริมาณการรับซื้อลดลงอย่างมาก ทั้งจากมาตรการด้านสุขภาพและการลักลอบนำเข้าบุหรี่ไฟฟ้า จนทำให้ราคาใบยาสูบตกต่ำมาอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งข้อมูลข้อดีข้อเสียของบุหรี่ไฟฟ้า โทษต่อสุขภาพของบุหรี่ไฟฟ้า ยังเป็นที่สงสัยว่าเป็นโทษต่อร่างกายมากน้อยเพียงใด

“ผมจึงขอเสนอให้สภาฯมาศึกษา และวางแนวทางเพื่อออกกฎหมายในการกำกับดูแลบุหรี่ไฟฟ้าอย่างเร่งด่วน เพราะขณะนี้เด็กและเยาวชนมีการใช้การอย่างแพร่หลาย ทั้งที่แนวทางบุหรี่ไฟฟ้าของประเทศไทย ยังไม่มีงานวิจัยที่สามารถยืนยันได้อย่างแน่ชัดว่าบุหรี่ไฟฟ้ามีอันตรายน้อยกว่าบุหรี่มวนหรือไม่ มีแต่การกล่าวอ้างว่า ไอบุหรี่ไฟฟ้าส่งผลต่อระบบทางเดินหายใจ ทำให้เพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและโรคมะเร็ง ซึ่งถือเป็นประเด็นที่น่าเป็นห่วงถึงผลกระทบต่อสุขภาพจากบุหรี่ไฟฟ้า จึงต้องมีการออกมาตรการควบคุมบุหรี่ไฟฟ้าให้เข้มงวดมากยิ่งขึ้น”นายไผ่ กล่าว

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 1 สิงหาคม 2566

พปชร.ประชุมใหญ่สามัญเลือก กก.บห.ชุดใหม่ เดินหน้าทางการเมืองเลือก“พล.อ.ประวิตร”นั่งหัวหน้านำทัพต่อ

,

พปชร.ประชุมใหญ่สามัญเลือก กก.บห.ชุดใหม่ เดินหน้าทางการเมืองเลือก“พล.อ.ประวิตร”นั่งหัวหน้านำทัพต่อ พร้อม“รอ.ธรรมนัส” นั่งเลขาธิการ ด้าน “พล ต.อ.พัชรวาท” ขึ้นประธานที่ปรึกษาพรรค “วราเทพ” รับหน้าที่แม่บ้านพรรค นั่งผอ.สำนักงานพรรค

29 กรกฎาคม 2566 พรรคพลังประชารัฐ ได้จัดประชุมใหญ่สามัญประจำปี ครั้งที่ 3/2566 ของ เพื่อกำหนดกิจกรรมของพรรคโดยมีนายไพบูลย์ นิติตะวัน รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ทำหน้าที่เป็นประธานการประชุม ตามที่พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐมีคำสั่ง มอบหมาย ทั้งนี้ในการประชุมนายไพบูลย์ ได้อ่านหนังสือลาออก ของพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค ที่มีถึงคณะกรรมการบริหารพรรค ระบุว่าในฐานะหัวหน้าพรรค มีความประสงค์ขอลาออกจากหัวหน้าพรรค ตั้งแต่ วันที่ 29 ก.ค. 2566 เวลา 8.30น.

จากนั้นเมื่อเข้าสู่วาระการเลือกตำแหน่งหัวหน้าพรรคนายอรรถกร ศิริลัทธยากรได้ เสนอชื่อพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นหัวหน้าพรรค อีกครั้งโดยไม่มีการเสนอชื่อบุคคลอื่นเข้ามาเป็นคู่ชิง ก่อนที่จะแจกบัตรเลือกตั้งให้สมาชิกลงคะแนนรวมถึงเลือกกรรมการบริหารพรรคตำแหน่งอื่นๆ รวม 21 ตำแหน่ง

นอกจากนี้ที่ประชุมมีมติ เลือกพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคกลับเข้ามารับตำแหน่งอีกครั้ง และมีมติ เลือกรองหัวหน้าพรรคจำนวน 5 คน ประกอบด้วย 1.นายสันติ พร้อมพัฒน์ 2.นายไพบูลย์ นิติตะวัน 3.นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ 4.นายวิรัช รัตนเศรษฐ 5.นางสาวตรีนุช เทียนทอง

ที่ประชุม ยังได้มีมติ ให้ ร.อ ธรรมนัส พรหมเผ่า ดำรงตำแหน่ง เลขาธิการพรรค นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เป็นเหรัญญิกพรรค พล.อ. กฤษณ์โยธิน ศศิพัฒนวงษ์ เป็นนายทะเบียนพรรค พร้อมแต่งตั้งคณะกรรมเพิ่มเติมอีก 12 คนเพื่อให้ครบตามข้อเสนอให้มีการขยายจำนวนคณะกรรมการเป็น 21 คน ประกอบด้วย 1.นายสัมพันธ์ มะยูโซ๊ะ 2.นายยงยุทธ สุวรรณบุตร 3.นายอรรถกร ศิริลัทธยากร 4.นายสกลธี ภัททิยกุล 5.นายบุญสิงห์ วรินทร์รักษ์ 6.นายอภิชัย เตชะอุบล 7. นายอัครวัฒน์ อัศวเหม 8.นางบุญยิ่ง นิติกาญจนา 9.นายไผ่ ลิกค์ 10.นายสุธรรม จริตงาม 11. นายกระแสร์ ตระกูลพรพงศ์ และ 12.นางสาวกาญจนา จังหวะ

ทั้งนี้ พล.อ.ประวิตร ได้ลงนามในคำสั่งพรรคพลังประชารัฐ ที่ ๑๓ /๒๕๖๖ แต่งตั้งประธานที่ปรึกษาพรรค เพื่อให้การดำเนินงานของพรรคลังประชารัฐ เป็นไปด้วยความเรียบร้อย บรรลุวัตถุประสงค์ ตามนโยบายของพรรค ซึ่งอาศัยอำนาจตามข้อบังคับพรรคพลังประชารัฐ พ.ศ.๒๕๖๑ และแก้ไขเพิ่มเติม ข้อ ๑๗ (๑) (ณ) แต่งตั้ง พลตำรวจเอกพัชรวาท วงษ์สุวรรณ ให้ดำรงตำแหน่งประธานที่ปรึกษาพรรค รวมทั้งได้มีคำสั่งแต่งตั้งนาย วราเทพ รัตนากร กรรมการฝ่ายนโยบายพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.)เป็น ผ.อ.สำนักพรรค

การประชุมครั้งนี้ มีสมาชิกเข้าร่วมประชุม ที่มีสมาชิกพรรค ผู้แทนสาขาพรรค ตัวแทนพรรคการเมืองประจำจังหวัด และสมาชิกพรรค เกิน 250 คน เข้าร่วมครบองค์ประชุมตามที่กฎหมายกำหนด

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 29 กรกฎาคม 2566

“ร.อ.ธรรมนัส”ยืนยัน”พล.อ.ประวิตร”ทำหน้าที่ ส.ส.เต็มที่ โต้ ไม่ได้นั่งหลับในสภาฯ วอน อย่าดิสเครดิต ผิดมารยาททางการเมือง

,

“ร.อ.ธรรมนัส”ยืนยัน”พล.อ.ประวิตร”ทำหน้าที่ ส.ส.เต็มที่ โต้ ไม่ได้นั่งหลับในสภาฯ วอน อย่าดิสเครดิต ผิดมารยาททางการเมือง

ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา เขต 1 พรรคพลังประชารัฐ กล่าวชี้แจงถึงกรณีที่โลกออนไลน์แชร์รูปของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.)คล้ายนั่งหลับในที่ประชุมสภาฯว่า พล.อ.ประวิตร จะเอาเวลาที่ไหนไปนั่งหลับ เพราะระหว่างที่นั่งอยู่ในสภาฯ มีแต่คนเดินมาทักทาย ยกมือไหว้ตลอดเวลา ซึ่งภาพที่ออกมาน่าจะเป็นช่วง ที่พล.อ.ประวิตร กำลังขยับเก้าอี้ เนื่องจากนั่งไม่พอดีไม่สะดวก จนนายไผ่ ลิกค์ ส.ส.กำแพงเพชร ต้องเข้ามาช่วยขยับอยู่หลายครั้ง ซึ่งตนนั่งอยู่ใกล้ๆ ตลอดเวลา ก็ยังไม่เห็นว่า ท่านหลับตอนไหน

“ตลอดเวลาที่ พล.อ.ประวิตร นั่งประชุมในห้องสภา ด้วยท่านเป็นผู้ใหญ่ที่นักการเมืองให้ความเคารพ จึงปรากฎภาพที่หัวหน้าพรรคการเมืองต่าง ๆ และ ส.ส.จำนวนมาก เข้ามาทักทายและกล่าวต้อนรับ ซึ่งท่านไม่ได้นั่งอยู่เฉย ๆ เลย มีแต่คนแวะเวียนมาหา จึงแปลกใจว่า เอาเวลาใดไปนั่งหลับ ผมมองว่า การเผยแพร่รูปในลักษณะที่ไม่ตรงกับความเป็นจริง หรือมีเจตนาบิดเบือนข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น เพราะอาจจะต้องการจะดิสเครดิตและทำลายภาพลักษณ์ของ พล.อ.ประวิตร ถือว่าผิดมารยาททางการเมือง ไม่ควรที่จะมาใช้วิธีเช่นนี้”ร.อ.ธรรมนัส กล่าว



ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 05 กรกฎาคม 2566

ส.ส.พปชร.13 คน เข้ารายงานตัวต่อสภาผู้แทนราษฎรเพิ่ม 2 วัน รวม ส.ส.พร้อมทำหน้าที่ดูแลประชาชนแล้ว 30 คน

,

ส.ส.พปชร.13 คน เข้ารายงานตัวต่อสภาผู้แทนราษฎรเพิ่ม
2 วัน รวม ส.ส.พร้อมทำหน้าที่ดูแลประชาชนแล้ว 30 คน

สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ได้รายงานผล การเข้ารายงานตัว ของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ 26 ใหม่ เป็นวันที่ 2 ตั้งแต่เวลา 08.30-16.30 น. โดยวันนี้มี ส.ส.ของพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ได้เดินทางเข้ารายงานตัวจำนวน 13 คน ประกอบด้วย นายทวี สุระบาล ส.ส.ตรัง,นายองอาจ วงษ์ประยูร ส.ส.สระบุรี,นายอนุรัตน์ ตันบรรจง ส.ส.พะเยา,นายวิริยะ ทองผา ส.ส.มุกดาหาร,นายกระแสร์ ตระกูลพรพงศ์ ส.ส.จังหวัดหนองคาย

ส.ส.เพชรบูรณ์ ประกอบด้วย นางวันเพ็ญ พร้อมพัฒน์ ,นางพิมพ์พร พรพฤฒิพันธุ์ ,นายอัคร ทองใจสด ,นายบุญชัย กิตติธาราทรัพย์,นายวรโชติ สุคนธ์ขจร และ ส.ส.กำแพงเพชร ประกอบด้วย นายปริญญา ฤกษ์หร่าย,นายเพชรภูมิ อาภรณ์รัตน์,นายอนันต์ ผลอำนวย

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 22 มิถุนายน 2566

“พล.อ.ประวิตร” เตรียมลงพื้นที่ตรวจราชการจ.กำแพงเพชร ติดตามเรื่องน้ำ-ที่ดิน “วราเทพ”นำ4 ว่าที่ ส.ส. ร่วมต้อนรับ

,

“พล.อ.ประวิตร” เตรียมลงพื้นที่ตรวจราชการจ.กำแพงเพชร ติดตามเรื่องน้ำ-ที่ดิน “วราเทพ”นำ4 ว่าที่ ส.ส. ร่วมต้อนรับ

วันที่ 29 พ.ค. พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้ลงพื้นที่ จ. กำแพงเพชร เพื่อตรวจราชการโดยมีนายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ร่วมคณะเพื่อติดตามการบริหารจัดการน้ำที่แก้มลิงหนองดงขวัญ ต.หนองปลิง อ.เมือง พร้อมกับมอบนโยบายและพบปะประชาชน

ทั้งนี้มีกำหนดการที่จะเดินทางไปยังโรงเรียนพรานกระต่ายพิทยาคม ต.ถ้ำกระต่ายทอง อ.พรานกระต่าย เพื่อร่วมพิธีมอบสมุดประจำตัวจัดสรรที่ทำกินพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ป่าเขาเขียว ป่าเขาสว่าง และป่าคลองห้วยทราย ให้ประชาชนตามนโยบายของรัฐบาล ในลักษณะแปลงรวมพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ พร้อมกับมอบนโยบายการจัดที่ดินทำกินให้ชุมชนและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อสร้างมีอาชีพที่มั่นคงลดปัญหาการบุกรุกป่า

อย่างไรก็ตามพื้นที่จังหวัดกำแพงเพชร ถือเป็นจังหวัดแรกที่พล.อ.ประวิตร กลับมาลงพื้นที่หลังการเลือกตั้ง และพรรคพลังประชารัฐได้รับคะแนนเสียงยกจังหวัด โดยมีนายวราเทพ รัตนากร ในฐานะกรรมการยุทธศาสตร์พรรคพลังประชารัฐ และหัวหน้าทีมเลือกตั้งจ.กำแพงเพชร นำว่าที่ส.ส. กำแพงเพชร ร่วมต้อนรับ โดย 4 ว่าที่ส.ส.กำแพงเพชร ประกอบด้วย นายไผ่ ลิกค์ นายเพชรภูมิ อาภรณ์รัตน์ นายอนันต์ ผลอำนวย และนายปริญญา ฤกษ์หร่าย

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 27 พฤษภาคม 2566

“สุธรรม” พร้อมรับหน้าที่ ส.ส.หน้าใหม่เมืองคอน เร่งทำงานพื้นที่ให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้น

,

“สุธรรม” พร้อมรับหน้าที่ ส.ส.หน้าใหม่เมืองคอน เร่งทำงานพื้นที่ให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้น

นายสุธรรม จริตงาม ว่าที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จ. นครศรีธรรมราช เขต 6 เปิดเผยว่า ขอขอบคุณพี่น้องประชาชนที่ให้เสียงสนับสนุนในการได้รับเลือกตั้งในพื้นที่เขต 6 ซึ่งตนได้ทำงานกับประชาชนมาอย่างต่อเนื่องตลอด 3 ปีทีผ่านมา ทำให้ประชาชนมีความเชื่อมั่น ทั้งนโยบายของพรรค และการเข้าถึงพื้นที่ของตนเอง จนสามารถรับรู้ปัญหาของพี่น้องประชาชน ซึ่งได้รับความไว้วางใจให้เป็นที่ว่าที่ ส.ส.หน้าใหม่ของจังหวัด โดยตนจะทำหน้าที่อย่างเต็มที่ เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดี โดยมีเป้าหมายทำให้ประชาชนอยู่ดี กินดีขึ้น

“ตำแหน่งที่ผมได้รับมอบหมาย ไม่ว่าจะเป็นฝ่ายรัฐบาล หรือฝ่ายค้าน ผมพร้อมจะทำงานอย่างเต็มที่ และเต็มกำลัง เพื่อผลักดันให้เกิดการพัฒนาพื้นที่อย่างเป็นรูปธรรม หรือเกิดการเปลี่ยนแปลง ภายใน 6 เดือน ถึง 1 ปีให้เป็นผลสำเร็จ”นายสุธรรม กล่าว

นายสุธรรม กล่าวต่อว่า ปัญหาส่วนใหญ่ของประชาชนในพื้นที่มีความหลากหลาย ทั้งเรื่องปากท้อง ค่าครองชีพ ราคาสินค้าเกษตร ที่ได้รับผลกระทบในภาพรวม จำเป็นที่จะต้องเร่งแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า และดำเนินการอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าบางเรื่องจะเป็นเรื่องที่ยาก และเกี่ยวข้องหลายภาคส่วน ในฐานะ ส.ส.ตนจะทำหน้าที่เป็นกระบอกเสียงและประสานงานให้ดีที่สุดเพื่อให้พี่น้องได้รับการยกระดับคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 24 พฤษภาคม 2566

เปิดพื้นที่พปชร. 3 จังหวัดกวาดทุกเขตรักษาแชมป์ !!! ว่าที่ ส.ส. ทุกคนพร้อมทำหน้าที่ตัวแทนพี่น้องประชาชน ในสภาผู้แทนราษฎร เดินหน้านำทุกปัญหาสู่การแก้ไข ทำทันที เพื่อให้พี่น้องประชาชนอยู่ดีกินดี มีอาชีพมั่นคง สร้างรายได้ที่ยั่งยืน ตามแนวทางของพรรคพลังประชารัฐ โดยการนำของพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ

,

เปิดพื้นที่พปชร. 3 จังหวัดกวาดทุกเขตรักษาแชมป์ !!! ว่าที่ ส.ส. ทุกคนพร้อมทำหน้าที่ตัวแทนพี่น้องประชาชน ในสภาผู้แทนราษฎร เดินหน้านำทุกปัญหาสู่การแก้ไข ทำทันที เพื่อให้พี่น้องประชาชนอยู่ดีกินดี มีอาชีพมั่นคง สร้างรายได้ที่ยั่งยืน ตามแนวทางของพรรคพลังประชารัฐ โดยการนำของพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ

ว่าที่ส.ส.พปชร. 3 จังหวัด พร้อมทำงาน
เมืองเพชรบูรณ์
นายสันติ พร้อมพัฒน์ เลขาธิการพรรค ส.ส.บัญชีรายชื่อ
น.ส.พิมพ์พร พรพฤฒิพันธุ์ เขต 1
นายจักรัตน์ พั้วช่วย เขต 2
นายบุญชัย กิตติธาราทรัพ เขต 3
นายวรโชติ สุคนธ์ขจร เขต 4
นางวันเพ็ญ พร้อมพัฒน์ เขต 5
นายอัคร ทองใจสด เขต 6

เมืองพะเยา
ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า เขต 1
นายอนุรัตน์ ตันบรรจง เขต 2
นายจีรเดช ศรีวิราช เขต 3

เมืองกำแพงเพชร
นายไผ่ ลิกค์ เขต 1
นายเพชรภูมิ อาภรณ์รัตน์ เขต 2
นายอนันต์ ผลอำนวย เขต 3
นายปริญญา ฤกษ์หร่าย เขต 4

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 23 พฤษภาคม 2566

เปิดลิสต์ ว่าที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร(ส.ส.) พปชร. 41 คน พร้อมทำงานในสภาผู้แทนราษฎร!!!

,

เปิดลิสต์ ว่าที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร(ส.ส.) พปชร. 41 คน พร้อมทำงานในสภาผู้แทนราษฎร!!!

รายชื่อว่าที่ ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ ส.ส.แบบแบ่งเขต และบัญชีรายชื่อ รวม 41 คน
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร. )ขอขอบคุณทุกคะแนนเสียง และความไว้วางใจให้เป็นตัวแทนเพื่อนำปัญหา และความต้องการของพี่น้องประชาชน สู่การผลักดันและการแก้ไขอย่างเป็นรูปธรรมในระบบรัฐสภา

สำหรับ พรรคพลังประชารัฐ มี ส.ส.เขต คะแนนนำ 39 ที่นั่ง คะแนนบัญชีรายชื่อ รวม 530,017 เสียง คิดเป็น 2 ที่นั่ง รวมมี ส.ส. 41 ที่นั่ง โดยมีรายชื่อ ดังต่อไปนี้

ส.ส.บัญชีรายชื่อ 2 คน
1. พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ
2. นายสันติ พร้อมพัฒน์

ส.ส.เขต 39 ที่นั่ง

จ.หนองคาย -นายกระแสร์ ตระกูลพรพงศ์ หนองคาย เขต 1
จ.ชัยภูมิ – นางสาวกาญจนา จังหวะ ชัยภูมิ เขต 4 ,นายอัครแสนคีรี โล่ห์วีระ ชัยภูมิ เขต 7
จ.สระแก้ว – นางขวัญเรือน เทียนทอง สระแก้ว เขต 1 ,นางสาวตรีนุช เทียนทอง สระแก้ว เขต 2
จ.ปัตตานี – นายคอซีย์ มามุ ปัตตานี เขต 2
จ.ราชบุรี – นางบุญยิ่ง นิติกาญจนา ราชบุรี เขต 2 , นายจตุพร กมลพันธ์ทิพย์ ราชบุรี เขต 3,นายชัยทิพย์ กมลพันธ์ทิพย์ ราชบุรี เขต 5
จ.กาฬสินธุ์ – นายจำลอง ภูนวนทา กาฬสินธุ์ เขต 3
จ.พะเยา – นายธรรมนัส พรหมเผ่า พะเยา เขต 1 ,นายอนุรัตน์ ตันบรรจง พะเยา เขต 2, นายจีรเดช ศรีวิราช พะเยา เขต 3
จ.พังงา – นายฉกาจ พัฒนกิจวิบูลย์ พังงา เขต 2
จ.สงขลา – นายชนนพัฒฐ์ นาคสั้ว สงขลา เขต 4
จ.สกลนคร – นายชัยมงคล ไชยรบ สกลนคร เขต 5
จ.สิงห์บุรี – นายโชติวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ สิงห์บุรี เขต 1
จ.ตรัง – นายทวี สุระบาล ตรัง เขต 2
จ.เชียงใหม่ – นายนเรศ ธำรงค์ทิพยคุณ เชียงใหม่ เขต 9
จ.เพชรบูรณ์ – นางสาวพิมพ์พร พรพฤฒิพันธุ์ เพชรบูรณ์ เขต 1,นายจักรัตน์ พั้วช่วย เพชรบูรณ์ เขต 2, นายบุญชัย กิตติธาราทรัพย์ เพชรบูรณ์ เขต 3,นายวรโชติ สุคนธ์ขจร เพชรบูรณ์ เขต 4,นางวันเพ็ญ พร้อมพัฒน์ เพชรบูรณ์ เขต 5,นายอัคร ทองใจสด เพชรบูรณ์ เขต 6
จ.แม่ฮ่องสอน- นายปกรณ์ จีนาคำ แม่ฮ่องสอน เขต 1
จ.กำแพงเพชร- นายไผ่ ลิกค์ กำแพงเพชร เขต 1,นายเพชรภูมิ อาภรณ์รัตน์ กำแพงเพชร เขต 2,นายอนันต์ ผลอำนวย กำแพงเพชร เขต 3,นายปริญญา ฤกษ์หร่าย กำแพงเพชร เขต 4
จ.ตาก – นายภาคภูมิ บูลย์ประมุข ตาก เขต 3
จ.ร้อยเอ็ด – นางรัชนี พลซื่อ ร้อยเอ็ด เขต 3
จ.มุกดาหาร – นายวิริยะ ทองผา มุกดาหาร เขต 1
จ.ชลบุรี – นายสะถิระ เผือกประพันธุ์ ชลบุรี เขต 1
จ.นราธิวาส – นายอามินทร์ มะยูโซ๊ะ นราธิวาส เขต 2,นายสัมพันธ์ มะยูโซ๊ะ นราธิวาส เขต 3
จ.นครศรีธรรมราช – นายสุธรรม จริตงาม นครศรีธรรมราช เขต 6
จ.สระบุรี – นายองอาจ วงษ์ประยูร สระบุรี เขต 4
จ.ฉะเชิงเทรา – นายอรรถกร ศิริลัทธยากร ฉะเชิงเทรา เขต 2

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 19 พฤษภาคม 2566

“พล.อ.ประวิตร” ร่วมรับมอบธงในฐานะเจ้าภาพกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 33 !!!

, ,

“พล.อ.ประวิตร” ร่วมรับมอบธงในฐานะเจ้าภาพกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 33 !!!

ปิดฉากลงแล้วกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 32 สนามกีฬาแห่งชาติมรดกเตโช ประเทศกัมพูชา โดยบิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ประธานคณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทย ร่วมรับมอบธงในฐานะเจ้าภาพครั้งต่อไป ครั้งที่ 33 อีก 2 ปีข้างหน้า ระหว่างวันที่ 9-20 ธันวาคม ในปี พ.ศ. 2568 ใช้กรุงเทพมหานคร, ชลบุรี, สงขลา เป็น 3 จังหวัดหลักในการเป็นเจ้าภาพ

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 18 พฤษภาคม 2566

“ชาญกฤช” ไขข้อข้องใจ ทำไมนายกฯ คนที่ 30 ต้องชื่อ “พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ” พร้อมปลุกพลังเงียบ เข้าคูหากาเบอร์ 37 และเลือกผู้สมัคร ส.ส. ของพรรคพลังประชารัฐ

,

“ชาญกฤช” ไขข้อข้องใจ ทำไมนายกฯ คนที่ 30 ต้องชื่อ “พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ” พร้อมปลุกพลังเงียบ เข้าคูหากาเบอร์ 37 และเลือกผู้สมัคร ส.ส. ของพรรคพลังประชารัฐ

เมื่อวันที่ 9 พ.ค. 66 นายชาญกฤช เดชวิทักษ์ โฆษกคณะกรรมการยุทธศาสตร์การเลือกตั้งพรรคพลังประชารัฐ เปิด 5 คุณสมบัติของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ที่เหมาะสมจะก้าวสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ของประเทศไทย ดังนี้

คุณสมบัติที่ 1 การลงสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.บัญชีรายชื่อ เพื่อผ่านการเลือกตั้งจากประชาชนทั้งประเทศตามวิถีประชาธิปไตย เป็นนายกรัฐมนตรีที่มาจากประชาชน มีความสง่างามในการดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ดังคำพูดของ พล.อ.ประวิตร ที่ระบุว่า “ถ้าผมไม่มีชื่อลงสมัครรับเลือกตั้ง แล้วผมจะแน่ใจได้อย่างไรว่าประชาชนเลือกผมด้วย ไม่ใช่กาบัตรเลือกคนอื่น แล้วผมเป็นแค่ผลพลอยได้ ผมจึงเลือกที่จะเป็นทั้งหัวหน้าพรรค ผู้สมัคร ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์เบอร์ 1 และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี เพื่อให้ผมมั่นใจว่า คะแนนที่ได้มานั้น ประชาชนเลือกผม” คุณสมบัติที่ 2 การเป็นมือประสาน 10 ทิศ สามารถทำงานกับฝ่ายการเมืองได้กับ​ทุกพรรค ทุกฝ่าย โดยเฉพาะการเป็นผู้จัดการประสานการจัดตั้งรัฐบาลเมื่อปี 2562 ดังปรากฎในผลโพล ที่ประชาชนต่างยกให้ พล.อ.ประวิตร เป็นนายกรัฐมนตรีที่จะช่วยแก้ไขปัญหาความขัดแย้ง และเป็นนายกรัฐมนตรีที่จะสามารถประสานงานจัดตั้งรัฐบาลได้อย่างราบรื่น ไม่เกิดการแบ่งสี แบ่งขั้ว คุณสมบัติที่ 3 สามารถทำงานกับข้าราชการ และเข้าถึงคนรุ่นใหม่ โดยเปิดโอกาสให้เยาวชน นิสิต นักศึกษาเข้าพบ เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นระหว่างกันบ่อยครั้งอย่างเป็นกันเอง คุณสมบัติที่ 4 การเป็นผู้มากบารมี สามารถเชื้อเชิญบุคลากรที่มีความรู้ ความสามารถ และประสบการณ์ ให้มาร่วมกันแก้ปัญหาปากท้องของประชาชน และทำงานขับเคลื่อนประเทศไทยไปข้างหน้าโดยไม่สะดุด หรือไร้รอยต่อระหว่างเปลี่ยนผ่านรัฐบาล โดยเห็นได้จากดรีมทีมเศรษฐกิจของพรรค ซึ่งล้วนเป็นกูรูเศรษฐกิจระดับแนวหน้าของประเทศ และคุณสมบัติที่ 5 พล.อ.ประวิตร จะเป็นนายกรัฐมนตรี ที่ทำให้รัฐบาลมีเสถียรภาพ เกิดความมั่นคงตลอดระยะเวลา 4 ปี โดยไม่ต้องเปลี่ยนตัวผู้นำกลางคัน ทำให้เกิดความต่อเนื่อง และเกิดความเชื่อมั่นทั้งประชาชนคนไทยและนักลงทุนต่างชาติ

“พล.อ.ประวิตร มีความพร้อมที่จะเป็นนายกรัฐมนตรี แม้ว่าท่านจะเดินช้า แต่ระยะเวลา 4 ปีที่ผ่านมา ขาทั้งสองข้างของท่าน ได้ลงพื้นที่ไป 77 จังหวัดทั่วประเทศ เพื่อให้ความช่วยเหลือประชาชนในทุกเรื่อง หวังให้ประชาชนพ้นจากความยากจนและคลายทุกข์ลงได้ ทั้งปัญหาที่ดินทำกิน ปัญหาน้ำท่วม-น้ำแล้ง และปัญหาปากท้อง เช่นเดียวกับครั้งนี้ พล.อ.ประวิตร จะขับเคลื่อนประเทศไทยด้วยสมอง สองมือ และประสบการณ์ที่มีของตัวท่านเอง ทำให้บ้านเมืองเกิดความสงบสุข และประชาชนอยู่ดีกินดี ขอเพียงพี่น้องประชาชนเปิดใจเลือก พล.อ.ประวิตร และเลือกพรรคพลังประชารัฐ เข้ามาทำหน้าที่ เพื่อทลายปัญหาความขัดแย้ง และนำพาประเทศไทยก้าวข้ามความยากจนไปได้อย่างยั่งยืน” นายชาญกฤช กล่าว

โฆษกคณะกรรมการยุทธศาสตร์ฯ ​ขอให้คนไทยใช้โอกาสการเลือกตั้งครั้งประวัติศาสตร์ในวันอาทิตย์ที่ 14 พ.ค.นี้ พิจารณาไตร่ตรองอย่างรอบคอบในการเลือกผู้นำประเทศและผู้แทนฯ ของตัวเอง เพราะการเลือกตั้งครั้งนี้ จะเป็นการชี้ชะตาอนาคตประเทศไทยในอีก 4 ปีข้างหน้า พร้อมเชิญชวนประชาชนให้ออกมาใช้สิทธิ์เลือกตั้งในวันอาทิตย์ที่ 14 พ.ค.นี้ และหากพรรคพลังประชารัฐคือคำตอบ โปรดอย่าลังเลที่จะเลือกหมายเลข 37 บนบัตรเลือกตั้งสีเขียว และเลือกผู้สมัครฯ ของพรรคทั่วประเทศ ผ่านบัตรเลือกตั้งสีม่วง เพื่อก้าวข้ามความขัดแย้ง และพลิกฟื้นเศรษฐกิจ พลิกโฉมประเทศไทย ให้ก้าวหน้าไปอย่างยั่งยืน

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 11 พฤษภาคม 2566

“อุตตม – สนธิรัตน์” ควงคู่ร่วมแถลงสรุปนโยบายเศรษฐกิจโค้งสุดท้าย “อุตตม” ชูนโยบาย 3 เร่งด่วนทำทันที แก้ปัญหาเศรษฐกิจ-ปากท้อง ขณะที่ “สนธิรัตน์” โชว์เขตเศรษฐกิจพิเศษปาล์ม น้ำมัน พร้อมยกระดับเกษตรกรไทยเป็นสมาร์ทฟาร์มเมอร์ ย้ำนโยบายสาธารณสุขครบวงจร “ลุงป้อมขอพาหมอไปหา เอายาไปส่งถึงบ้าน”

,

“อุตตม – สนธิรัตน์” ควงคู่ร่วมแถลงสรุปนโยบายเศรษฐกิจโค้งสุดท้าย “อุตตม” ชูนโยบาย 3 เร่งด่วนทำทันที แก้ปัญหาเศรษฐกิจ-ปากท้อง ขณะที่ “สนธิรัตน์” โชว์เขตเศรษฐกิจพิเศษปาล์ม น้ำมัน พร้อมยกระดับเกษตรกรไทยเป็นสมาร์ทฟาร์มเมอร์ ย้ำนโยบายสาธารณสุขครบวงจร “ลุงป้อมขอพาหมอไปหา เอายาไปส่งถึงบ้าน”

วันที่ 4 พ.ค. 2566 ที่ทำการพรรคพลังประชารัฐ ดร.อุตตม สาวนายน ประธานคณะจัดทำนโยบายพรรค นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงษ์ ประธานยุทธศาสตร์การเมือง ร่วมแถลงข่าวเรื่อง “สรุปนโยบาย โค้งสุดท้าย สู่การเลือกตั้งเป็นรัฐบาล พลังประชารัฐ” โดย ดร.อุตตม กล่าวว่า พล.อ.ประวิตร ได้พูดชัดเจนแล้วว่าพรรคพลังประชารัฐมีความพร้อมที่จะทำงานให้ประชาชน และทำให้บรรลุผลสำเร็จ โดยเริ่มจากนโยบายสำคัญคือการก้าวข้ามความขัดแย้ง ซึ่งถือเป็นนโยบายที่ครอบคลุม และอยู่เหนือทุกนโยบายของพรรค เพราะหากปราศจากการก้าวข้ามความขัดแย้งแล้ว เราก็ไม่สามารถขับเคลื่อนนโยบายที่ตอบโจทย์ความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนได้ และไม่ว่าใครจะเป็นรัฐบาลก็จะไม่สามารถส่งมอบอนาคตที่ดีให้ประชาชนได้อย่างเต็มที่ นอกจากนั้น พรรคยังมีนโยบายที่ชัดเจน และสามารถทำได้ทันที หากพรรคได้เข้าไปเป็นรัฐบาล ด้วยนโยบาย 3 เร่งด่วน ซึ่งภารกิจหลักเร่งด่วนที่ต้องทำทันที ได้แก่ 1. กระตุ้นเศรษฐกิจให้ฟื้นอย่างแท้จริง และทันที 2. เร่งเศรษฐกิจให้โต และเต็มตามศักยภาพให้ได้ และ 3. เร่งรัดการวางพื้นฐานการพัฒนาที่ยั่งยืนให้ประเทศและคนไทย พร้อมแก้ปัญหาความยากจน และความเหลื่อมล้ำอย่างครบวงจร ด้วยการแก้หนี้ เติมทุน เพิ่มทักษะและโอกาสให้ประชาชนคนตัวเล็กมีโอกาสทำมาหากินได้

“ในการปรับโครงสร้างระบบเศรษฐกิจ เราให้ความสำคัญตั้งแต่ระบบฐานราก โดยมุ่งเน้นให้เข้มแข็งตั้งแต่ฐานราก ไปจนถึงการพัฒนาเครื่องยนต์เศรษฐกิจใหม่ๆ ซึ่งวันนี้ ประเทศไทยต้องการการลงทุนขนาดใหญ่ ประเทศเรายังมีหลายอย่างที่เป็นจุดแข็งและสามารถขับเคลื่อนได้ทั้งเรื่อง BCG สุขภาพ รถยนต์ไฟฟ้า ดิจิทัล และการพัฒนาพื้นที่เชิงยุทธศาสตร์ เช่น การต่อยอด EEC สิ่งเหล่านี้พรรคมีแนวนโยบายที่ชัดเจน และสามารถทำได้จริง ซึ่งพรรคพลังประชารัฐจะทำให้เกิดขึ้น และทำให้เกิดการลงทุนที่คึกคัก เศรษฐกิจเดินหน้า นอกจากนี้ ยังมีเรื่องรัฐสวัสดิการที่จะทำให้คนไทยมีความเข้มแข็งและได้รับประโยชน์อย่างเท่าเที่ยม ทั่วถึง และเป็นธรรมอีกด้วย” ดร.อุตตม กล่าว

นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า พรรคพลังประชารัฐมีนโยบายที่เป็นรูปธรรม เรื่องแรกที่จะทำคือใช้โครงสร้างกองทุนหมู่บ้าน (กทบ.) ดำเนินโครงการที่เคยทำไว้แล้ว โดยสนับสนุนเงินทุนให้กองทุนหมู่บ้าน กองทุนละ 2 แสนบาท ภายใต้วงเงินงบประมาณ 16,000 ล้านบาท เพื่อสร้างความเข้มแข็งของฐานราก พร้อมต่อยอดให้พี่น้องในพื้นที่ใช้เงินกองทุนให้เกิดประโยชน์ เรื่องที่สองคือนโยบายภาคเกษตร การลดภาระค่าใช้จ่ายให้พี่น้องเกษตรกร คือนโยบายปุ๋ยคนละครึ่ง
เพื่อลดค่าใช้จ่ายให้พี่น้องเกษตรกร พร้อมตั้งกองทุนปุ๋ยประชารัฐ เพื่อรักษาเสถียรภาพราคาปุ๋ย นอกจากนั้น ยังมีนโยบายที่จะให้ทุนการเพาะปลูกของเกษตรกร ครัวเรือนละ 30,000 บาท ครอบคลุม 8 ล้านครัวเรือน เพื่อแก้หนี้ และเพิ่มผลผลิตในพื้นที่ เราต้องการทำให้พี่น้องหลุดจากวังวนหนี้สิน มีรายได้เหลือ โดยการยกระดับพี่น้องเกษตรกรไปสู่ระบบสมาร์ทฟาร์มเมอร์ ตั้งเขตเศรษฐกิจพิเศษปาล์มน้ำมัน ซึ่งจะช่วยให้พี่น้องมีรายได้ที่มั่นคง

นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า ขณะที่นโยบายด้านสาธารณสุข พรรคพลังประชารัฐมีนโยบายที่ครอบคลุม และได้ดำเนินการไปแล้วหลายเรื่อง โดยเน้นการป้องกันก่อนป่วยมากกว่าการรักษา เราจะใช้โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพประจำตำบล (รพ.สต.) เป็นฐานหลัก เป็นเหมือนโรงพยาบาลหน้าบ้าน นอกจากนี้ ยังใช้เทคโนโลยีในการดูแลพี่น้องประชาชน ตามนโยบาย “ลุงป้อมขอพาหมอไปหา เอายาไปส่งถึงบ้าน” ผู้ป่วยไม่ต้องเข้าคิวรอที่โรงพยาบาล ไม่ต้องเดินทางไกล ลดภาระค่าใช้จ่าย สามารถใช้ รพ.สต. รักษาผ่านมือถือ ใช้ร้านขายยาเข้าระบบเทเลฟาร์มาซี ที่ผ่านมา เรายังได้ดำเนินการศูนย์ข้อมูลกลางของผู้ป่วยไปแล้วกว่า 1,064 โรงพยาบาล หากพี่น้องเจ็บป่วยก็มีฐานข้อมูล ทำให้สามารถรักษาได้ทันสถานการณ์ และมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ ในอนาคตจะมีผู้ป่วยติดเตียงมากขึ้น เราจะสร้างอาสาสมัครบริบาลท้องถิ่น 1 แสนตำแหน่ง เพื่อช่วยเหลือผู้ป่วยติดเตียง ให้ไม่เป็นภาระลูกหลานอย่างเดียว ขอเรียนยืนยันว่าทุกนโยบายสาธารณสุขของพรรคพลังประชารัฐ หากเราได้บริหารกระทรวงสาธารณสุขสามารถ ก็จะสามารถขับเคลื่อนทุกนโยบาย เพื่อทำให้คนไทยแข็งแรง เข้าถึงบริการสาธารณสุขอย่างทั่วถึง และเท่าเทียม

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 4 พฤษภาคม 2566