โลกเปลี่ยน ไทยต้องปรับ ทางเลือกใหม่ของการเมืองไทย ก้าวข้ามความขัดแย้ง สานพลังประชาราษฎร์ ร่วมสร้างชาติให้ยั่งยืน

ป้ายกำกับ: ข่าวกิจกรรม ส.ส. และสมาชิกพรรค

“สส.กาญจนา”ขอบคุณ“ พล.ต.อ.พัชรวาท”ไม่เคยลืมชาวชัยภูมิ หลังลงพื้นที่ อ. หนองบัวแดง ติดตามโครงการพัฒนาน้ำบาดาลเพื่อการเกษตรแปลงใหญ่ พื้นที่ 500 ไร่ ช่วยเกษตรกรมีน้ำต้นทุนทำเกษตรตลอดทั้งปี

,

“สส.กาญจนา”ขอบคุณ“ พล.ต.อ.พัชรวาท”ไม่เคยลืมชาวชัยภูมิ หลังลงพื้นที่
อ. หนองบัวแดง ติดตามโครงการพัฒนาน้ำบาดาลเพื่อการเกษตรแปลงใหญ่ พื้นที่ 500 ไร่ ช่วยเกษตรกรมีน้ำต้นทุนทำเกษตรตลอดทั้งปี

นายอรรถกร ศิริลัทธยากร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้รับมอบหมายจาก ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ให้มาตอบกระทู้ของนายกฤช ศิลปชัย สส.ระยอง พรรคก้าวไกล ที่สอบถามความคืบหน้าข้อเสนอนโยบายประมงทะเล เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตชาวประมงพื้นบ้านไทย ว่า ร.อ.ธรรมนัส ได้ฝากมาขอโทษที่ท่านไม่ได้มาตอบกระทู้ด้วยตัวเอง เนื่องจากติดภารกิจ แต่ท่านเล็งเห็นถึงความตั้งใจและให้ความสำคัญในการที่จะแก้ไขปัญหาให้กับชาวประมง โดยเฉพาะพี่น้องประมงพื้นบ้าน และได้กำชับให้มาตอบกระทู้ของท่าน สส.

ทั้งนี้ต้องขอบคุณ สส.พรรคก้าวไกลที่มีความห่วงใยให้กับพี่น้องชาวประมงพื้นบ้าน และท่านก็มีความเข้าใจในปัญหาที่เกิดขึ้นกับพี่ประมงพื้นบ้านอย่างแท้จริง ซึ่งปัญหาอุปสรรคในการประกอบอาชีพของชาวประมงขณะนี้มีต้นทุนมากกว่า 50% โดยเฉพาะราคาน้ำมัน ซึ่งกระทรวงเกษตร ได้ตั้งคณะกรรมการเพื่อแก้ไขปัญหาประมงทะเล และได้ทำการแต่งตั้งคณะอนุกรรมการขึ้นมาอีก 1ชุด เพื่อที่จะพิจารณาข้อเสนอตามนโยบายการประมงและพัฒนาคุณภาพชีวิตของประมงพื้นบ้าน ซึ่งทางกรมประมงได้เสนอช่วยเหลือค่าน้ำมันสำหรับพี่น้องที่ประกอบอาชีพประมงพื้นบ้านจำนวน 1,275 บาทต่อเดือน เป็นระยะเวลาทั้งหมด 6 เดือน

อย่างไรก็ตามในที่ประชุม ยังมีข้อกังวลในการสนับสนุนค่าน้ำมันสำหรับการดำเนินโครงการนี้ ที่มีผู้เข้าร่วมประมาณ 45,000 ราย ใช้งบประมาณประมาณ 350 ล้านบาท จะมั่นใจได้อย่างไรว่า การใช้งบประมาณจะเกิดความยั่งยืน ขณะเดียวกัน พี่น้องชาวประมงที่รับเงินอุดหนุนแล้วจะนำไปซื้อน้ำมันจริง หากไม่ได้นำเงินไปซื้อน้ำมันตามวัตถุประสงค์ของการอนุมัติโครงการนี้ ที่ประชุมจึงมีความเห็นว่า ควรจะให้ชาวประมงพื้นบ้านได้รับการสนับสนุนอย่างแท้จริง ดังนั้นทางกรมประมง จึงผลักดันแนวทางในการที่จะสนับสนุนน้ำมันผ่านทางการเติมเงิน ผ่านสมาร์ทโฟนหรือโทรศัพท์มือถือ เราจะสามารถมั่นใจได้ว่าทุกบาททุกสตางค์ที่อุดหนุนช่วยเหลือพี่น้องประมงพื้นบ้าน จะถูกนำไปซื้อน้ำมันตรงตามวัตถุประสงค์มากยิ่งขึ้น

“ในเรื่องนี้ ร.อ.ธรรมนัส ท่านมีความกังวล และห่วงใย เนื่องจากที่ผ่านมา ภาครัฐเรามีการช่วยเหลือน้ำมันเขียว หรือว่าน้ำมันต่างๆที่มีราราคาถูกกว่าโดยเฉพาะให้กับผู้ประกอบการประมงที่เป็นอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ แต่ความช่วยเหลือดัวกล่าว ถ้าเทียบกับพี่น้องประมงพื้นบ้านแล้วความช่วยเหลือต่างๆมีความเหลื่อมล้ำพอสมควร ดังนั้นแนวทางการทำงานของกรมประมง จะเปิดโอกาสให้พี่น้องประมงพื้นบ้านได้รับความช่วยเหลืออย่างแท้จริง โดยกรมประมงจะนำประเด็นนี้ไปหารือกับคณะทำงานเพื่อดำเนิน โครงการจำหน่ายน้ำมันดีเซล สำหรับชาวประมงพื้นบ้านในเขตต่อเนื่องของราชอาณาจักร โดยมีตัวแทน จากกรมประมงเข้าไปเป็นในคณะทำงานนี้ด้วย

นายอรรถกร กล่าวต่อว่า เรื่องนี้ จะนำไปหารือ สมาคม สมาพันธ์ประมงพื้นบ้านแห่งประเทศไทย ในจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เพื่อไปรับฟังความเห็นจาก ถ้ามีความคิดเห็นที่ตรงกัน ก็สามารถเดินหน้าต่อได้เต็มที่ เพื่อการยกระดับคุณภาพชีวิตของพี่น้องประชาชนที่ทำประมงพื้นบ้านด้วย รวมทั้งกระทรวงได้ตั้งงบประมาณที่จะสนับสนุนการทำกิจกรรมอนุรักษ์ทรัพยากรมาอย่างต่อเนื่อง โดยจุดประสงค์เพื่อจะอุดหนุนไปยังองค์กรชุมชนประมงท้องถิ่นที่ขึ้นทะเบียนไว้กับกรมประมง เพื่อสร้างความเข้มแข็งให้กับกลุ่มการผลิตด้านประมง ซึ่งโครงการต่างๆ องค์กรชุมชน จะได้รับอุดหนุนไม่เกิน 100,000 บาท ซึ่งดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2562 ส่วนปี 2568 จะได้รับจัดสรรงบประมาณมาประมาณ 200 กองทุน ดังนั้นองค์กรชุมชนท้องถิ่นจะสามารถนำงบประมาณตรงนี้ไปใช้ในเรื่องของการเพิ่มผลผลิตให้กับสัตว์น้ำ เรื่องของธนาคารสัตว์น้ำ การพัฒนาอาชีพทางด้านการประมง หรือการเปลี่ยนและซ่อมแซมเครื่องมือประมงได้

“ในส่วนความห่วงใยของเพื่อนสมาชิกในส่วนของกองทุนประกันภัยแก่ประมงพื้นบ้าน เพื่อช่วยเหลือในกรณีอุบัติเหตุหรือในกรณีที่เกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติ ต้องยอมรับว่า เงื่อนไขในกรมธรรม์อาจจะยังไม่เป็นที่พอใจสำหรับพี่น้องที่เป็นชาวประมงพื้นบ้านมากนัก เพราะว่ามีอุปสรรคหลายอย่าง เช่น การชดเชยความสูญเสียจากธรรมชาติหรือว่าภัยพิบัติ จะต้องดูในเรื่องของระเบียบทางราชการ ซึ่งต้องเป็นการประกาศภัยพิบัติระดับจังหวัดเท่านั้น ถ้าเป็นภัยพิบัติที่เกิดขึ้นในเฉพาะพื้นที่ผมเชื่อว่าทางจังหวัดก็ไม่สามารถประกาศเป็นภัยพิบัติได้ ทำให้ไม่สามารถรับค่าสินไหมทดแทนได้ แต่ขณะนี้กรมประมงอยู่ระหว่างการเจรจาในเรื่องนี้ เพื่อจะเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขให้สามารถครอบคลุม หรือว่าดูแลเฉพาะเจาะจงมากยิ่งขึ้น“

นายอรรถกร กล่าวต่อด้วยว่า กรมประมงกำลังทำร่างใหม่ เพื่อเสนอไปที่กรมบัญชีกลาง เช่น ชดเชยเวลาเกิดความเสียหาย ก็ชดเชยตามความยาวของเรือ แต่ที่เรากำลังจะนำเสนอเป็นการชดเชยตามปริมาตรความจุของเรือ หรือแม้แต่เรื่องของอัตราการช่วยเหลือในกรณีที่เสียหาย จะจ่ายไม่เกิน 20,000 บาท แต่เราจะเพิ่มขึ้นเป็น 30,000 การช่วยเหลือเยียวยาประมาณ 10,000 แล้วก็ปรับขึ้นเป็น 15,000 บาท หรือแม้แต่ในกรณีที่เรือจมนะที่สามารถจ่ายได้ไม่เกิน 66,000 บาท แต่ร่างใหม่สามารถเพิ่มขึ้นมาเป็นจ่ายได้ไม่เกิน 100,000 บาท

ส่วนการจ่ายเงินเยียวยาให้กับชาวประมงพื้นบ้านในพื้นที่จังหวัดระยองนั้น กรมประมงมีนโยบายในการที่จะดำเนินการช่วยเหลือชาวประมงพื้นบ้านมาตลอด โดยมีกิจกรรมต่างๆที่ช่วยเหลือดำเนินการในพื้นที่ ๆ จะร่วมกันส่งเสริมสนับสนุนแล้วก็พัฒนาให้พี่น้องชาวประมงพื้นบ้านมีคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้น เช่น การปรับปรุงซ่อมแซมธนาคารปูม้า สนับสนุนการจัดหาเครื่องมือประมง สนับสนุนอุปกรณ์ซ่อมเรือ หรือแม้แต่กิจกรรมในการผลิตลูกพันธุ์สัตว์น้ำเพื่อปล่อยในแหล่งน้ำธรรมชาติ เราจะต้องลงไปแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ร่วมกับหน่วยงานต่างๆในการหาทางออก ที่ทำให้ทุกฝ่ายพึงพอใจ โดยไม่ผิดกฎหมาย

“ร.อ.ธรรมนัส ให้ความสำคัญและลงไปประชุมกับพี่น้องชาวประมงพาณิชย์ที่ต้องการที่จะขายเรืออยู่เรื่อยๆ ตอนนี้ผมเชื่อว่า อยู่ในกระบวนการในการที่จะหาข้อสรุปที่ทุกฝ่ายพึงพอใจ ก็คงจะใช้เวลาสักนิดนึง แต่ผมเรียนด้วยความเคารพว่า พวกผมก็ต้องต่อสู้ในฐานะเป็นนักการเมือง ร.อ.ธรรมนัส ก็เป็นนักการเมือง เราก็ต่อสู้เพื่อที่ประชาชนจะได้รับสิ่งที่เขาสามารถได้รับกลับมาให้เหมาะสม ท่านไม่ต้องกังวลใจ เราในฐานะกระทรวงเกษตรฯ เราจะทำตรงนี้เพื่อให้เกิดความยุติธรรมและรอบคอบที่สุด” นายอรรถกร กล่าว

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 5 กรกฎาคม 2567

“สส.ไผ่ ลิกค์” ทำโครงนำร่องอบรมอาสาสมัครสัตวแพทย์ฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า เร่งทำหมันหมาแมว ตามแนวทางรมว.เกษตรเตรียมขยายผลทั่วประเทศ

,

“สส.ไผ่ ลิกค์” ทำโครงนำร่องอบรมอาสาสมัครสัตวแพทย์ฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า เร่งทำหมันหมาแมว ตามแนวทางรมว.เกษตรเตรียมขยายผลทั่วประเทศ

นายไผ่ ลิกค์ สส.กำแพงเพชร เขต 1 พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.)เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 28 มิ.ย.ตนและนายชัยวัฒน์ ศุภอรรถพานิช นายกเทศมนตรีเมืองกำแพงเพชร ได้เปิดโครงการอบรมอาสาสมัครสัตวแพทย์และรณรงค์ฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า พร้อมผ่าตัดทำหมันสุนัขและแมว ในชุมชนเทศบาลเมืองกำแพงเพชร ซึ่งเป็นโครงการนำร่อง ตามแนวทางของร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และนายอรรถกร ศิริลัทธยากร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ การจัดโครงการในครั้งนี้ เนื่องจากได้รับเรื่องร้องเรียนจากประชาชนในพื้นที่ถึงปัญหาค่าใช้จ่ายในการทำหมันสัตว์ รวมทั้งเป็นการป้องกันการระบาดจากโรคที่มากับสัตว์ พร้อมเตรียมจะนำต้นแบบในจ.กำแพงเพชร ขยายผลไปยังจังหวัดอื่นๆทั่วประเทศต่อไป

อย่างไรก็ตามโครงการฉีดวัคซีนทางเทศบาลได้มีโครงการบริการแก่ประชาชนเป็นประจำอยู่แล้ว จึงได้นำเรื่องนี้ไปหารือกับ รัฐมนตรีทั้ง 2 เล็งเห็นความสำคัญของปัญหาที่เกิดขึ้น จึงประสานไปยังสำนักงานปศุสัตว์เขต 6 และสำนักงานปศุสัตว์จังหวัดกำแพงเพชร รวมถึงหน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ได้บูรณาการกับหน่วยงานท้องถิ่น และภาคสังคม แก้ปัญหาให้กับประชาชนอย่างเป็นรูปธรรม

“สำนักงานปศุสัตร์เขต 6 และสำนักงานปศุสัตว์จังหวัดกำแพงเพชร ได้ดำเนินการจัดอบรมอาสาสมัครสัตวแพทย์และรณรงค์ฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้า พร้อมผ่าตัดทำหมันสุนัขและแมว ซึ่งจัดกิจกรรมปศุสัตว์เคลื่อนที่ออกหน่วยให้บริการประชาชนในพื้นที่ ให้บริการผ่าตัดทำหมันสุนัขและแมว ฉีดวัคซีนป้องกันโรคพิษสุนัขบ้าให้กับสัตว์กลุ่มเสี่ยง รวมทั้งประชาสัมพันธ์ให้ความรู้เกี่ยวกับโรคพิษสุนัขบ้ากฎหมายที่เกี่ยวข้อง และให้คำปรึกษาเกี่ยวกับสุขภาพสัตว์เลี้ยง”นายไผ่ กล่าว

นอกจากนี้ภายในงานยังมีการจัดนิทรรศการจากหน่วยงาน สำนักงานเกษตรและสหกรณ์จังหวัดกำแพงเพชร ประมงจังหวัด สำนักงานปฏิรูปที่ดิน ศูนย์เมล็ดพันธุ์พืช และสำนักงานพัฒนาที่ดิน และนายไผ่ ยังได้มอบถุงยังชีพให้แก่ผู้เข้ารับการอบรม มอบพันธุ์หญ้า (เนเปียร์รูซี่) ปุ๋ยน้ำหมักชีวภาพ และมอบประกาศนียบัตรให้แก่ผู้เข้ารับการอบรมให้ความรู้และการให้บริการด้านปศุสัตว์แก่ประชาชน จากสำนักงานปศุสัตร์เขต 6 ด้วย

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 5 กรกฎาคม 2567

“รมช.อรรถกร” ตอบกระทู้ยัน กระทรวงเกษตรฯมุ่งมั่นแก้ไขปัญหาให้ประมงพื้นบ้าน

,

“รมช.อรรถกร” ตอบกระทู้ยัน กระทรวงเกษตรฯมุ่งมั่นแก้ไขปัญหาให้ประมงพื้นบ้าน เตรียมดันมาตรการสนับสนุนน้ำมันผ่านการเติมเงิน ย้ำพร้อมต่อสู้เพื่อ ปชช.เต็มที่

นายอรรถกร ศิริลัทธยากร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้รับมอบหมายจาก ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ให้มาตอบกระทู้ของนายกฤช ศิลปชัย สส.ระยอง พรรคก้าวไกล ที่สอบถามความคืบหน้าข้อเสนอนโยบายประมงทะเล เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตชาวประมงพื้นบ้านไทย ว่า ร.อ.ธรรมนัส ได้ฝากมาขอโทษที่ท่านไม่ได้มาตอบกระทู้ด้วยตัวเอง เนื่องจากติดภารกิจ แต่ท่านเล็งเห็นถึงความตั้งใจและให้ความสำคัญในการที่จะแก้ไขปัญหาให้กับชาวประมง โดยเฉพาะพี่น้องประมงพื้นบ้าน และได้กำชับให้มาตอบกระทู้ของท่าน สส.

ทั้งนี้ต้องขอบคุณ สส.พรรคก้าวไกลที่มีความห่วงใยให้กับพี่น้องชาวประมงพื้นบ้าน และท่านก็มีความเข้าใจในปัญหาที่เกิดขึ้นกับพี่ประมงพื้นบ้านอย่างแท้จริง ซึ่งปัญหาอุปสรรคในการประกอบอาชีพของชาวประมงขณะนี้มีต้นทุนมากกว่า 50% โดยเฉพาะราคาน้ำมัน ซึ่งกระทรวงเกษตร ได้ตั้งคณะกรรมการเพื่อแก้ไขปัญหาประมงทะเล และได้ทำการแต่งตั้งคณะอนุกรรมการขึ้นมาอีก 1ชุด เพื่อที่จะพิจารณาข้อเสนอตามนโยบายการประมงและพัฒนาคุณภาพชีวิตของประมงพื้นบ้าน ซึ่งทางกรมประมงได้เสนอช่วยเหลือค่าน้ำมันสำหรับพี่น้องที่ประกอบอาชีพประมงพื้นบ้านจำนวน 1,275 บาทต่อเดือน เป็นระยะเวลาทั้งหมด 6 เดือน

อย่างไรก็ตามในที่ประชุม ยังมีข้อกังวลในการสนับสนุนค่าน้ำมันสำหรับการดำเนินโครงการนี้ ที่มีผู้เข้าร่วมประมาณ 45,000 ราย ใช้งบประมาณประมาณ 350 ล้านบาท จะมั่นใจได้อย่างไรว่า การใช้งบประมาณจะเกิดความยั่งยืน ขณะเดียวกัน พี่น้องชาวประมงที่รับเงินอุดหนุนแล้วจะนำไปซื้อน้ำมันจริง หากไม่ได้นำเงินไปซื้อน้ำมันตามวัตถุประสงค์ของการอนุมัติโครงการนี้ ที่ประชุมจึงมีความเห็นว่า ควรจะให้ชาวประมงพื้นบ้านได้รับการสนับสนุนอย่างแท้จริง ดังนั้นทางกรมประมง จึงผลักดันแนวทางในการที่จะสนับสนุนน้ำมันผ่านทางการเติมเงิน ผ่านสมาร์ทโฟนหรือโทรศัพท์มือถือ เราจะสามารถมั่นใจได้ว่าทุกบาททุกสตางค์ที่อุดหนุนช่วยเหลือพี่น้องประมงพื้นบ้าน จะถูกนำไปซื้อน้ำมันตรงตามวัตถุประสงค์มากยิ่งขึ้น

“ในเรื่องนี้ ร.อ.ธรรมนัส ท่านมีความกังวล และห่วงใย เนื่องจากที่ผ่านมา ภาครัฐเรามีการช่วยเหลือน้ำมันเขียว หรือว่าน้ำมันต่างๆที่มีราราคาถูกกว่าโดยเฉพาะให้กับผู้ประกอบการประมงที่เป็นอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ แต่ความช่วยเหลือดัวกล่าว ถ้าเทียบกับพี่น้องประมงพื้นบ้านแล้วความช่วยเหลือต่างๆมีความเหลื่อมล้ำพอสมควร ดังนั้นแนวทางการทำงานของกรมประมง จะเปิดโอกาสให้พี่น้องประมงพื้นบ้านได้รับความช่วยเหลืออย่างแท้จริง โดยกรมประมงจะนำประเด็นนี้ไปหารือกับคณะทำงานเพื่อดำเนิน โครงการจำหน่ายน้ำมันดีเซล สำหรับชาวประมงพื้นบ้านในเขตต่อเนื่องของราชอาณาจักร โดยมีตัวแทน จากกรมประมงเข้าไปเป็นในคณะทำงานนี้ด้วย

นายอรรถกร กล่าวต่อว่า เรื่องนี้ จะนำไปหารือ สมาคม สมาพันธ์ประมงพื้นบ้านแห่งประเทศไทย ในจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เพื่อไปรับฟังความเห็นจาก ถ้ามีความคิดเห็นที่ตรงกัน ก็สามารถเดินหน้าต่อได้เต็มที่ เพื่อการยกระดับคุณภาพชีวิตของพี่น้องประชาชนที่ทำประมงพื้นบ้านด้วย รวมทั้งกระทรวงได้ตั้งงบประมาณที่จะสนับสนุนการทำกิจกรรมอนุรักษ์ทรัพยากรมาอย่างต่อเนื่อง โดยจุดประสงค์เพื่อจะอุดหนุนไปยังองค์กรชุมชนประมงท้องถิ่นที่ขึ้นทะเบียนไว้กับกรมประมง เพื่อสร้างความเข้มแข็งให้กับกลุ่มการผลิตด้านประมง ซึ่งโครงการต่างๆ องค์กรชุมชน จะได้รับอุดหนุนไม่เกิน 100,000 บาท ซึ่งดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2562 ส่วนปี 2568 จะได้รับจัดสรรงบประมาณมาประมาณ 200 กองทุน ดังนั้นองค์กรชุมชนท้องถิ่นจะสามารถนำงบประมาณตรงนี้ไปใช้ในเรื่องของการเพิ่มผลผลิตให้กับสัตว์น้ำ เรื่องของธนาคารสัตว์น้ำ การพัฒนาอาชีพทางด้านการประมง หรือการเปลี่ยนและซ่อมแซมเครื่องมือประมงได้

“ในส่วนความห่วงใยของเพื่อนสมาชิกในส่วนของกองทุนประกันภัยแก่ประมงพื้นบ้าน เพื่อช่วยเหลือในกรณีอุบัติเหตุหรือในกรณีที่เกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติ ต้องยอมรับว่า เงื่อนไขในกรมธรรม์อาจจะยังไม่เป็นที่พอใจสำหรับพี่น้องที่เป็นชาวประมงพื้นบ้านมากนัก เพราะว่ามีอุปสรรคหลายอย่าง เช่น การชดเชยความสูญเสียจากธรรมชาติหรือว่าภัยพิบัติ จะต้องดูในเรื่องของระเบียบทางราชการ ซึ่งต้องเป็นการประกาศภัยพิบัติระดับจังหวัดเท่านั้น ถ้าเป็นภัยพิบัติที่เกิดขึ้นในเฉพาะพื้นที่ผมเชื่อว่าทางจังหวัดก็ไม่สามารถประกาศเป็นภัยพิบัติได้ ทำให้ไม่สามารถรับค่าสินไหมทดแทนได้ แต่ขณะนี้กรมประมงอยู่ระหว่างการเจรจาในเรื่องนี้ เพื่อจะเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขให้สามารถครอบคลุม หรือว่าดูแลเฉพาะเจาะจงมากยิ่งขึ้น“

นายอรรถกร กล่าวต่อด้วยว่า กรมประมงกำลังทำร่างใหม่ เพื่อเสนอไปที่กรมบัญชีกลาง เช่น ชดเชยเวลาเกิดความเสียหาย ก็ชดเชยตามความยาวของเรือ แต่ที่เรากำลังจะนำเสนอเป็นการชดเชยตามปริมาตรความจุของเรือ หรือแม้แต่เรื่องของอัตราการช่วยเหลือในกรณีที่เสียหาย จะจ่ายไม่เกิน 20,000 บาท แต่เราจะเพิ่มขึ้นเป็น 30,000 การช่วยเหลือเยียวยาประมาณ 10,000 แล้วก็ปรับขึ้นเป็น 15,000 บาท หรือแม้แต่ในกรณีที่เรือจมนะที่สามารถจ่ายได้ไม่เกิน 66,000 บาท แต่ร่างใหม่สามารถเพิ่มขึ้นมาเป็นจ่ายได้ไม่เกิน 100,000 บาท

ส่วนการจ่ายเงินเยียวยาให้กับชาวประมงพื้นบ้านในพื้นที่จังหวัดระยองนั้น กรมประมงมีนโยบายในการที่จะดำเนินการช่วยเหลือชาวประมงพื้นบ้านมาตลอด โดยมีกิจกรรมต่างๆที่ช่วยเหลือดำเนินการในพื้นที่ ๆ จะร่วมกันส่งเสริมสนับสนุนแล้วก็พัฒนาให้พี่น้องชาวประมงพื้นบ้านมีคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้น เช่น การปรับปรุงซ่อมแซมธนาคารปูม้า สนับสนุนการจัดหาเครื่องมือประมง สนับสนุนอุปกรณ์ซ่อมเรือ หรือแม้แต่กิจกรรมในการผลิตลูกพันธุ์สัตว์น้ำเพื่อปล่อยในแหล่งน้ำธรรมชาติ เราจะต้องลงไปแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ร่วมกับหน่วยงานต่างๆในการหาทางออก ที่ทำให้ทุกฝ่ายพึงพอใจ โดยไม่ผิดกฎหมาย

“ร.อ.ธรรมนัส ให้ความสำคัญและลงไปประชุมกับพี่น้องชาวประมงพาณิชย์ที่ต้องการที่จะขายเรืออยู่เรื่อยๆ ตอนนี้ผมเชื่อว่า อยู่ในกระบวนการในการที่จะหาข้อสรุปที่ทุกฝ่ายพึงพอใจ ก็คงจะใช้เวลาสักนิดนึง แต่ผมเรียนด้วยความเคารพว่า พวกผมก็ต้องต่อสู้ในฐานะเป็นนักการเมือง ร.อ.ธรรมนัส ก็เป็นนักการเมือง เราก็ต่อสู้เพื่อที่ประชาชนจะได้รับสิ่งที่เขาสามารถได้รับกลับมาให้เหมาะสม ท่านไม่ต้องกังวลใจ เราในฐานะกระทรวงเกษตรฯ เราจะทำตรงนี้เพื่อให้เกิดความยุติธรรมและรอบคอบที่สุด” นายอรรถกร กล่าว

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 4 กรกฎาคม 2567

”อัครแสนคีรี“ ยื่นขอ สธ. เร่งจัดงบ ขยายรพ.คอนสวรรค์ 60 เตียง พร้อม รพ. อื่นทั่วจังหวัด หลังรองรับคนชัยภูมิไม่เพียงพอ

,

”อัครแสนคีรี“ ยื่นขอ สธ. เร่งจัดงบ ขยายรพ.คอนสวรรค์ 60 เตียง พร้อม รพ. อื่นทั่วจังหวัด หลังรองรับคนชัยภูมิไม่เพียงพอ

นายอัครแสนคีรี โล่ห์วีระ สส.ชัยภูมิ เขต 7 พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) ตั้งกระทู้ถามนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรถึงแผนการก่อสร้างหรือขยายโรงพยาบาลคอนสวรรค์ ก่อนอื่นตนต้องขอขอบพระคุณ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นอย่างสูงที่ได้กรุณาเสียสละเวลามีค่าของท่านมาตอบกระทู้ของตนในวันนี้

นายอัครแสนคีรี กล่าวต่อว่า ปัจจุบันโรงพยาบาลคอนสวรรค์ ซึ่งเป็นโรงพยาบาลประจำอำเภอคอนสวรรค์ จังหวัดชัยภูมิ ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 2529 เปิดให้บริการมา 38 ปีแล้ว มีพื้นที่การให้บริการครอบคลุม 9 ตำบล 103 หมู่บ้าน ดูแลประชากรราว 54,654 รายและปัจจุบันมีเตียงรักษาผู้ป่วยอยู่เพียงแค่ 30 เตียง ที่ผ่านมา ตนได้ลงพื้นที่ไปสำรวจโรงพยาบาลพบว่า มีความแออัดค่อนข้างสูง ในส่วนของห้องฉุกเฉินผู้ป่วยก็ออกมานอนอยู่นอกห้อง จึงจำเป็นที่จะต้องได้รับการแก้ไขโดยด่วน

“ที่ผ่านมา รพ.คอนสวรรค์ ได้พยายามที่จะแก้ไขปัญหาในเรื่องของความแออัดของโรงพยาบาลมาตั้งแต่ ปี 64 งบประมาณ 44 ล้าน เพื่อที่จะก่อสร้างตึกผู้ป่วยจำนวน 60 เตียงตึกใหม่ขึ้นมา แต่ว่ายังไม่ได้รับงบประมาณและผมก็ยังทราบว่าในปี 68 ทางโรงพยาบาลคอนสวรรค์ก็ยังไม่ได้รับงบประมาณในการก่อสร้างโรงพยาบาลประเภท 60 เตียง ผมจึงมีคำถามถึงรัฐมนตรีสมศักดิ์ว่า กระทรวงสาธารณสุขมีแผนที่จะจัดสรรงบประมาณเพื่อก่อสร้างโรงพยาบาลนครสวรรค์เป็น 60 เตียงหรือไม่ และท่านคาดว่าจะสามารถจัดสรรงบประมาณได้ในปีงบประมาณใด“นายอัครแสนคีรี กล่าว

นายอัครแสนคีรี กล่าวต่อว่า ตนได้รับข้อมูลจากทางนายเชิงชาย ชาลีรินทร์ สส.ชัยภูมิ พรรคเพื่อไทย ซึ่งเป็นข้อมูลที่เตรียมโดยสาธารณสุขจังหวัดชัยภูมิ ว่าจังหวัดชัยภูมิมีความต้องการที่จะขอ 5 โครงการดังนี้คือ 1.อาคารไตเทียม,เคมีบำบัด,ผู้ป่วยวิกฤตและผู้ป่วยใน 7 ชั้น ของโรงพยาบาลจัตุรัส 2.อาคารพักเจ้าหน้าที่ 7 ชั้นโรงพยาบาลจัตุรัส 3.อาคารอุบัติเหตุ ผู้ป่วยหนักไตเทียมและผ่าตัดโรงพยาบาลหนองบัวแดง 4.อาคารของโรงพยาบาลคอนสวรรค์ประเภท 60 เตียง และ 5.อาคารส่งเสริมสุขภาพและกายภาพบำบัดโรงพยาบาลหนองบัวระเหว รวมแล้วค่าก่อสร้างใช้เงินประมาณ 469 ล้านบาท

“ผมอยากจะฝากท่านสมศักดิ์ ให้ช่วยพิจารณาจัดสรรวงเงินดังกล่าว เพื่อยกระดับความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชนชาวจังหวัดชัยภูมิให้ดียิ่งขึ้น เพราะว่าเรื่องสุขภาพเป็นเรื่องที่สำคัญมาก”นายอัครแสนคีรี กล่าวทิ้งท้าย

ด้านนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ตอบกระทู้ว่า ตนเห็นด้วยกับข้อมูลที่ สส.อัครแสนคีรีนำมาอภิปราย เนื่องจากโรงพยาบาลคอนสวรรค์เป็น รพ.ชุมชนขนาดกลาง 30 เตียง แต่มีผู้ป่วยใช้บริการถึง 45 เตียง และมีผู้ป่วยสุดท้ายที่ต้องการดูแลแบบประคับประคอง จึงมีความจำเป็นที่จะต้องพัฒนาให้เป็น 60 เตียงตามที่ได้ท่านได้ร้องขอไว้ ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขได้ทำเรื่อง ขอวงเงิน 44 ล้านบาทไปแล้ว แต่ว่าก็น่าเสียดายที่ถูกตัดทอนออกไป

“เรามีความเห็นใจ และก็ไม่ได้รีรอ จึงขอแปรญัตติในที่ประชุม โดยจะเสนอในช่วงของกลางเดือนนี้ โดยจะแบ่งเป็นงบลงทุน ปี 68 ประมาณ 8,800,000 บาท และงบผูกพันปี 69 อีก 35,400,000 บาท แต่อย่างไรก็ตาม ในเรื่องของการแปรญัตติก็ไม่ได้ง่าย ๆ ผมก็เข้าใจความเป็นห่วงพี่น้องประชาชนของท่านสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจากชัยภูมิทุกท่าน ซึ่งถ้าสามารถทำในระบบของการจัดสรรงบประมาณทางตรงได้ก็จะจัดสรรให้ แต่อย่างไรก็ตาม ผมก็มีแนวทางในเรื่องของการดำเนินการอาจจะเป็นรูปแบบอื่นที่หน่วยงานของรัฐ หรือกึ่งของรัฐที่มีทุนรอนในการดำเนินการจะเชิญชวนให้เอกชนมาร่วมลงทุน ในส่วนที่ไม่ขัดกับกฎระเบียบของทาง ตรงนี้ก็คิดอยู่ ซึ่งขณะนี้ได้ให้ผู้บริหารกระทรวงไปศึกษาการดำเนินการอยู่“นายสมศักดิ์ กล่าว

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 4 กรกฎาคม 2567

“สส.กาญจนา”วอน หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ผ่อนปรนให้ผู้สูงอายุ-ผู้พิการ หลังระเบียบใหม่ต้องสแกนหน้าทุกครั้งที่ใช้

,

“สส.กาญจนา”วอน หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ผ่อนปรนให้ผู้สูงอายุ-ผู้พิการ หลังระเบียบใหม่ต้องสแกนหน้าทุกครั้งที่ใช้

น.ส.กาญจนา จังหวะ สส.ชัยภูมิ เขต 4 พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.)กล่าวหารือในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรถึงปัญหาความเดือดร้อนในการใช้ถนนของพ่อแม่พี่น้องประชาชน อำเภอหนองบัวแดง ถนนสายบ้านหนองไฮพัฒนา หมู่ที่ 8 ตำบลหนองบัวแดง อำเภอหนองบัวแดง ซึ่งเป็นเส้นทาง บ้านนาทุ่งใหญ่ ตำบลกุดชุมแสง อำเภอหนองบัวแดง ซึ่งถนนสายดังกล่าวเป็นเส้นทางที่ชาวตำบลกุดชุมแสงต้องใช้เดินทาง ทำธุรกรรมต่างๆ ที่มายังอำเภอ และส่งบุตรหลานมาโรงเรียนในตัวเมือง

“ดิฉันจึงกราบเรียนท่านประธานไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นองค์การบริหารส่วนจังหวัดชัยภูมิ คณะผู้บริหาร และทางหลวงชนบท ให้มีการผลักดันงบประมาณซ่อมแซมผิวจราจรตรงนี้ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของพ่อแม่พี่น้องที่ต้องเดินทางมาในตัวเมือง”น.ส.กาญจนา กล่าว

น.ส.กาญจนา ยังกล่าวถึงความเดือดร้อนในกลุ่มผู้สูงอายุในการใช้บัตรประชารัฐ แบบระบบใหม่ ซึ่งมีข้อแตกต่างจากระบบเก่าอย่างสิ้นเชิง โดยผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐจะต้องใช้แสดงตนและสแกนใบหน้าทุก ๆ ครั้งในการใช้สิทธิ์เพื่อรับสินค้าตามวงเงินที่ได้รับ อนุมัติในรอบเดือน แต่ระบบเก่าผู้ถือบัตรสวัสดิการ แห่งรัฐสามารถที่จะอนุมัติให้ลูกหลานนำบัตรไปใช้แทนได้ เพียงแค่เสียบบัตรและบอกรหัสของบัตร ก็สามารถ รับสินค้าตามวงเงินได้

“ระบบใหม่เช่นนี้ ทำให้ผู้ถือบัตรที่เป็นผู้สูงอายุ และผู้พิการ ไม่สามารถที่จะเดินทางมาสแกนใบหน้าในทุกๆครั้งตามระเบียบใหม่ได้ จึงเป็นภาระกับการเดินทาง ซึ่งกลุ่มผู้สูงอายุและผู้พิการไม่สามารถหาเลี้ยงชีพได้ ดิฉันจึงขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ผ่อนปรน ช่วยเหลือผู้สูงอายุและผู้พิการกลุ่มนี้” น.ส.กาญจนา กล่าว

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 4 กรกฎาคม 2567

“สส.วรโชติ” ขอ กระทรวงศึกษาฯเร่งจัดสรรงบ แก้ปัญหาน้ำท่วมโรงเรียนอนุบาลวังโป่ง ชี้ ผ่านมาอีกปีก็ยังไม่ได้รับ พร้อมขอบคุณ กระทรวงเกษตรฯที่ดูแลแหล่งน้ำ และฝนหลวงให้ชาวเพชรบูรณ์

,

“สส.วรโชติ” ขอ กระทรวงศึกษาฯเร่งจัดสรรงบ แก้ปัญหาน้ำท่วมโรงเรียนอนุบาลวังโป่ง ชี้ ผ่านมาอีกปีก็ยังไม่ได้รับ พร้อมขอบคุณ กระทรวงเกษตรฯที่ดูแลแหล่งน้ำ และฝนหลวงให้ชาวเพชรบูรณ์

นายวรโชติ สุคนธ์ขจร สส.เพชรบูรณ์ เขต 4 พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.)กล่าวหารือในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรว่า ตนต้องขอขอบพระคุณรัฐบาล ท่านนายกเศรษฐา ทวีสิน พร้อมทั้งคณะรัฐมนตรีทุกท่าน โดยเฉพาะกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดย ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และรัฐมนตรีช่วยนายอรรถกร ศิริลัทธยากร ที่ได้ดูแลเรื่องแหล่งน้ำ และฝนหลวง ซึ่งที่ผ่านมามีภาวะแล้งในจังหวัดเพชรบูรณ์ สส.เพชรบูรณ์ทุกท่านก็ได้ขอความอนุเคราะห์จากท่านรัฐมนตรีทั้ง 2 ท่าน ก็ได้รับการดูแลเป็นอย่างดี รวมถึงกระทรวงคมนาคม โดยท่านรัฐมนตรีสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจและรัฐมนตรีมนพร เจริญศรี ที่มา
ดูแลในเรื่องถนนหนทาง ไฟฟ้าแสงสว่าง ในเขตจังหวัดเพชรบูรณ์

นายวรโชติ กล่าวต่อว่า ตนอยากฝากไปยังกระทรวงศึกษาธิการ เนื่องจากในเขตพื้นที่ของตน มีโรงเรียนอนุบาลวังโป่ง ในพื้นที่อำเภอวังโป่ง เป็นอนุบาลประจำอำเภอวังโป่ง ซึ่งถูกน้ำท่วมทุกปี แล้วเราก็ของบประมาณมาทุกปี เข้าหลักเกณฑ์ทุกอย่าง เมื่อครั้งก่อนได้มีการพูดคุยกับตัวแทนของทางกระทรวงศึกษาฯ ซึ่งบอกว่า จะทำให้ แต่ปีนี้ก็ไม่มีอีก

“ผมไม่ทราบว่า เกิดปัญหาอะไร เพราะว่าเด็กลำบาก เยาวชนของชาติลำบาก จึงขอถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดูแลปัญหาความเดือดร้อนของโรงเรียนอนุบาลวังโป่ง จังหวัดเพชรบูรณ์ อำเภอวังโป่ง ให้ช่วยเร่งรัดจัดการด้วย” นายวรโชติ กล่าว

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 4 กรกฎาคม 2567

“สันติ” รมช.สธ.ลงพื้นที่ตรวจงานอาคารศูนย์ความเป็นเลิศทางการแพทย์ รพ.มหาราชนครราชสีมา

,

“สันติ” รมช.สธ.ลงพื้นที่ตรวจงานอาคารศูนย์ความเป็นเลิศทางการแพทย์ รพ.มหาราชนครราชสีมา
รองรับการให้บริการด้านสุขภาพให้ประชาชน เข้าถึงเครื่องมือการแพทย์ที่ทันสมัยครบวงจร

เมื่อวันที่ 3 กรกฎาคม 2567 นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข ร่วมลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมโรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา หลังเสร็จสิ้นการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) นอกสถานที่ในพื้นที่กลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง 1 (นครราชสีมา ชัยภูมิ บุรีรัมย์ และสุรินทร์) กับนายกรัฐมนตรี เพื่อติดตามความคืบหน้าโครงการจัดสร้างอาคารศูนย์ความเป็นเลิศทางการแพทย์ 18 ชั้น

ทั้งนี้แผนพัฒนาอาคารศูนย์ความเป็นเลิศทางการแพทย์ 18 ชั้น ประกอบด้วย Trauma& Emergency center , ICU และศูนย์เปลี่ยนถ่ายอวัยวะ , แผนกผ่าตัด ศูนย์ส่องกล้อง ODS, MIS และศูนย์สุขภาพครบวงจร (CHECK UP CENTER) ดำเนินการภายใต้งบประมาณการก่อสร้างรวมคุรุภัณฑ์ จำนวนเงิน 4,427 ล้านบาท และโครงการก่อสร้างอาคารพักแพทย์และพยาบาล 18 ชั้น จำนวน 352 ห้อง วงเงิน 437 ล้านบาท รวมวงเงินการดำเนินการโครงการ ทั้งสิ้น จำนวน 4,864 ล้านบาท

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 3 กรกฎาคม 2567

“สันติ” รมช.สธ. ยกต้นแบบ รพ.อัจฉริยะ รพ.ปากช่องนานา-เทพรัตน์ จ.นครราชสีมา

,

“สันติ” รมช.สธ. ยกต้นแบบ รพ.อัจฉริยะ รพ.ปากช่องนานา-เทพรัตน์ จ.นครราชสีมา

ดึงเอกชนร่วมพัฒนาเขาใหญ่สู่แหล่งท่องเที่ยวเชิงสุขภาพสร้างรายได้ประชาชนยั่งยืน

เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2567 นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมคณะผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข ลงพื้นที่ตรวจราชการก่อนการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) อย่างเป็นทางการนอกสถานที่ ในพื้นที่กลุ่มจังหวัดภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง 1 (นครราชสีมา ชัยภูมิ บุรีรัมย์ และสุรินทร์)เพื่อติดตามการดำเนินงานตามนโยบายของกระทรวงสาธารณสุข โดยเฉพาะการพัฒนาและยกระดับระบบสาธารณสุขในเขตสุขภาพที่ 9 “นครชัยบุรินทร์” ประกอบด้วย จังหวัดนครราชสีมา ชัยภูมิ บุรีรัมย์ และสุรินทร์ เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงบริการสุขภาพที่สะดวก สบายมากยิ่งขึ้น โดยได้ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมการดำเนินงานโรงพยาบาลอัจฉริยะของโรงพยาบาลปากช่องนานา จ.นครราชสีมา ได้แก่ ระบบคิว ระบบการให้บริการผู้ป่วยนอกในรูปแบบโรงพยาบาลอัจฉริยะ การให้บริการ Telemedicine ณ จุดบริการผู้ป่วยนอก อาคารผู้ป่วยนอก พร้อมมอบของที่ระลึกให้กับผู้รับบริการที่รถนั่ง

ทั้งนี้โรงพยาบาลปากช่องนานา เป็นโรงพยาบาลทั่วไป ระดับ A+ มีจำนวนเตียง ทั้งสิ้น จำนวน 303 เตียง มีบุคลากรทางการแพทย์ จำนวน 87 คน พยาบาลวิชาชีพ จำนวน 253 คน ได้ดำเนินการตามนโยบายและพัฒนา ให้เป็นโรงพยาบาลที่มีศักยภาพ ด้านการแพทย์และการสาธารณสุขชั้นเลิศในเขตการท่องเที่ยว โดยการยกระดับเศรษฐกิจสุขภาพ เน้นเสริมสร้างระบบนิเวศเพื่อส่งเสริม นโยบายอุตสาหกรรมเศรษฐกิจสุขภาพ ซึ่งเป็น 1 ใน 5 นโยบายที่กระทรวงสาธารณสุข ในการเร่งรัดพัฒนาให้เห็นผลโดยมีการให้บริการ ด้านการแพทย์ครอบคลุมการรักษาพยาบาลแบบบูรนาการครอบคลุมทุกมิติ เพื่อลดการส่งต่อไปยังโรงพยาบาลอื่น ๆ นอกเขตสุขภาพ มีแพทย์เฉพาะทางสาขาหลัก โดยเฉพาะอายุรแพทย์โรคหัวใจ ประสาทวิทยา เวชศาสตร์การกีฬาและกระดูกสันหลัง และโรคหลอดเลือดสมอง ได้วางแผนเป็นโรงพยาบาลรับส่งต่อผู้ป่วยเพื่อใส่สายสวนหลอดเลือดสมอง (Thrombectomy) และเตรียมเปิดห้องปฏิบัติการตรวจสวนหลอดเลือดหัวใจ (Cath Lab) นอกจากนี้ยังเปิดคลินิกกระตุ้นพัฒนาการเด็ก ช่วยค้นหาเด็กพัฒนาการช้าเข้าระบบเพิ่มขึ้นถึง 33% ลดระยะเวลารอคอยในโรงพยาบาลจาก 6 เดือน เหลือ 1 เดือน ขณะที่ด้านอุบัติเหตุสามารถให้บริการประชาชนใน อ.ปากช่อง และพื้นที่ใกล้เคียง ตลอดจนนักท่องเที่ยว โดยนำเทคโนโลยีดิจิทัล ภายใต้นโยบายโรงพยาบาลอัจฉริยะมาประยุกต์ใช้ในการให้บริการด้วยการยกระดับ 30 บาท รักษาทุกที่ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว การลงทะเบียนยืนยันตัวตน การนัดหมายออนไลน์ บริการรับ-ส่งยาทางไปรษณีย์/Health Rider ระบบบริการการแพทย์ทางไกล เพื่อประชาชนสุขภาพดี เจ้าหน้าที่ มีความสุข ระบบสุขภาพยั่งยืน

นายสันติ กล่าวว่า ได้เห็นถึงความทันสมัย ที่ครอบคลุมในการดูแลรักษาต่างๆ โดยเฉพาะการส่งยากลับไปให้พี่น้องประชาชนที่มาหาหมอ และการใช้ระบบเทเลเมดิซีน หรือ แพทย์ทางไกล ร่วมกับโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) โดยมีอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) วิทยาศาสตร์การแพทย์ชุมชน ที่ประจำ รพ.สต.เพื่อช่วยแพทย์ดูแลประชาชนเบื้องต้น สิ่งเหล่านี้ล้วนช่วยลดค่าใช้จ่ายให้กับพี่น้องประชาชน ในการเดินทางมาพบแพทย์ ที่สำคัญที่สุดระบบเทคโนโลยีต่างๆ จะช่วยประหยัดบุคลากรทางการแพทย์ในอีกระดับหนึ่ง จากการที่ตนได้ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมหลายโรงพยาบาลพบว่า โรงพยาบาลหลายแห่งมีการขาดแคลนแพทย์ค่อนข้างมาก แต่โรงพยาบาลปากช่องนานา ได้นำเทคโลโนยีมาใช้ควบคู่กับการทำงานจนสามารถพัฒนารองรับการขาดแคลนบุคลากรทางการแพทย์ได้ อย่างไรก็ตามตนได้ให้มหาวิทยาลัย และแพทยสภาเร่งรัดผลิตบุคลากรทางการแพทย์ทุกสาขาให้เพียงพอ เพื่อป้อน รพ.สต.ที่ขาดแคลน ดังนั้นโรงพยาบาลปากช่องนานา สามารถที่จะเป็นต้นแบบของโรงพยาบาลหลายๆแห่งได้เป็นอย่างดี

นอกจากนี้ได้ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมหรรษาไทยเวลเนส คลินิกการแพทย์แผนไทยประยุกต์ สาขาเขาใหญ่ อ.ปากช่อง เปิดให้บริการและให้คำปรึกษาด้านสุขภาพโดยแพทย์แผนไทยประยุกต์ในโรคทั่วไป โรคกล้ามเนื้อกระดูกและข้อ สุขภาพทางเพศชายและหญิง การใช้ยาสมุนไพร และคุณแม่หลังคลอด การรักษาออฟฟิศซินโดรม การนวดรักษาอาการปวด จาก Office syndrome เฉพาะรายที่มีปัญหาแตกต่างกันออกไป ใช้การประคบสมุนไพร ในการเพิ่มการไหลเวียนโลหิตและลดการอักเสบ และอบสมุนไพรเพื่อคลายกล้ามเนื้อช่วยให้เกิดความผ่อนคลาย การรักษาโรคนอนไม่หลับ การนวดรักษาที่ใช้น้ำมันกัญชาในการนวดรักษาเพื่อช่วยให้รู้สึกผ่อนคลายและช่วยให้สามารถเข้านอนได้ง่ายมากขึ้นพร้อมกับการประคบและอบสมุนไพรเพื่อคลายกล้ามเนื้อและช่วยให้รู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น

นายสันติ กล่าวต่อว่า กระทรวงสาธารณสุขมีนโยบายที่จะขับเคลื่อนเศรษฐกิจสุขภาพโดยส่งเสริมให้สถานประกอบกานด้านการท่องเที่ยว เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยวทั้งในและต่างประเทศที่จะมีส่วนสำคัญในการสร้างโอกาสการแข่งขันและฟื้นฟูเศรษฐกิจด้านการท่องเที่ยวของประเทศไทย ด้วยการยกระดับสถานประกอบการด้านการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพตามเกณฑ์มาตรฐานศูนย์เวลเนส (Wellness Center) โดยภูมิประเทศของเขาใหญ่เป็นพื้นที่มีทรัพยากรทางธรรมชาติที่สมบูรณ์อันดับต้นๆของประเทศ มีโอโซนที่บริสุทธิ์ และยังเป็นพื้นที่เศรษฐกิจการท่องเที่ยวที่มีศักยภาพสูง ที่ผ่านมามีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ทั้งโรงแรมและรีสอร์ทหลายแห่ง มีสาธารณูปโภคที่พร้อม และการคมนาคมที่สะดวกหากได้มาเยือนแล้วก็ต้องกลับมาเรียนอีก จึงอยากให้ผู้ประกอบการของหรรษาไทยเวลเนส ตลอดจนผู้ประกอบการโรงแรม รีสอร์ท ร้านอาหาร และสถานบันเทิงของเขาใหญ่และปากช่อง ร่วมกันพัฒนาการท่องเที่ยวให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ wellness อย่างแท้จริง โดยให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา และกระทรวงสาธารณสุข เข้ามาสนับสนุนเพื่อให้คนไทยเข้ามาใช้บริการ หากมีการพัฒนาได้เชื่อว่าเขาใหญ่จะมีศักยภาพการแข่งขันด้านการท่องเที่ยวในประเทศได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน สร้างเศรษฐกิจการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพของประเทศได้อีกระดับหนึ่ง

ในช่วงบ่ายรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุขเดินทางต่อไปยังโรงพยาบาลเทพรัตน์นครราชสีมา มีการให้บริการที่สำคัญ ได้แก่ ผ่าตัดไส้ติ่ง ผ่าตัดต้อกระจก ผ่าตัดข้อเข่าเทียม การผ่าตัดแผลเล็ก และการผ่าตัดวันเดียวกลับ โรคหลอดเลือดสมองทั้งตีบและแตกเฉียบพลันแบบครบวงจร เป็นแม่ข่ายรับส่งต่อผู้ป่วยจาก อ.สีคิ้ว อ.สูงเนิน อ.ขามทะเลสอ อ.ด่านขุนทด อ.เทพารักษ์ และ อ.เมืองและ มี stroke unit มาตรฐาน ขยายบริการจาก 8 เตียง เป็น 16 เตียง นอกจากนี้ยังมีการดำเนินการระบบโรงพยาบาลอัจฉริยะยกระดับ 30 บาท รักษาทุกที่ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว นัดหมายออนไลน์ ใช้นัดหมายออนไลน์ผ่านโปรแกรม หมอพร้อม โดยมีการนัดหมายผ่านคลินิกทันตกรรมและคลินิกแพทย์แผนไทย ใบรับรองแพทย์ดิจิตอล สามารถดูใบรับรองแพทย์ออนไลน์ผ่านโปรแกรม หมอพร้อม บริการรับ-ส่งยาทางไปรษณีย์/Health Rider มีการให้บริการรับ-ส่งยา ผ่าน Rider และ Flash Exprees ระบบบริการการแพทย์ทางไกล คลินิกจิตเวช ใช้ระบบบริการแพทย์ ทางไกลผ่านโปรแกรม LINE บนเครื่องคอมพิวเตอร์

นอกจากนี้ยังมีการดำเนินการคลินิกส่งเสริมการมีบุตรคลินิกมีบุตรยาก มีผู้เข้ารับบริการคลินิกส่งเสริมการมีบุตร จำนวน 24 คน ประกอบด้วยผู้เข้ารับบริการโดยวิธีการฉีดเชื้ออสุจิเข้าสู่โพรงมดลูกโดยตรง (Intra – Uterine Insemination : บI) จำนวน 9 ราย ซึ่งตั้งครรภ์ 1 ราย (มีการฝากครรภ์ และมีอายุครรภ์ 29 สัปดาห์/อยู่ในกระบวนการ 4 ราย/ส่งต่อ 4 ราย ผู้รับบริการผ่าตัดทางนรีเวช 15 ราย

หรรษาเวลเนส

รพ.เทพรัตน์

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 2 กรกฎาคม 2567

“สส.อนุรัตน์” ร่วมคณะ กมธ.คมนาคมฯ ลุยญี่ปุ่น ศึกษาระบบขนส่งทางบก หวัง นำเทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพมาปรับใช้พัฒนาประเทศไทย

,

“สส.อนุรัตน์” ร่วมคณะ กมธ.คมนาคมฯ ลุยญี่ปุ่น ศึกษาระบบขนส่งทางบก หวัง นำเทคโนโลยีที่มีประสิทธิภาพมาปรับใช้พัฒนาประเทศไทย

นายอนุรัตน์ ตันบรรจง สส.พะเยา เขต 2 พรรคพลังประชารัฐ เปิดเผยว่า ตนได้เดินทางไปปฏิบัติหน้าที่ในฐานะรองประธานคณะกรรมาธิการคมนาคม สภาผู้แทนราษฎร ไปยังประเทศญี่ปุ่น เพื่อศึกษาดูงานเทคโนโลยีรถไฟฟ้าความเร็วสูง ท่าเรือน้ำลึก และการคมนาคมขนส่งทางบกของประเทศญี่ปุ่น เพราะเป็นประเทศที่มีระบบขนส่งที่มีประสิทธิภาพมาก และให้บริการทั่วถึงมากที่สุดแห่งหนึ่งในโลก มีตารางเวลาที่หนาแน่นและตรงเวลา ทั้งยังสะอาด ปลอดภัยและสะดวกสบาย โดยเฉพาะการเดินทางโดยรถไฟ จึงเป็นที่นิยมมากที่สุด

“เครือข่ายการคมนาคมในประเทศญี่ปุ่น ถือว่าเป็นแบบอย่างที่ดีมาก ๆ เนื่องจากมีระบบขนส่งมวลชนที่ทันสมัยมากที่สุดในโลก โดยเฉพาะระบบการรถไฟที่ครอบคลุมเกือบทุกจุดหมายปลายทางทั้งหมดในประเทศ นอกจากนี้ยังมีทางหลวงและบริการการบินภายในประเทศที่พัฒนาแล้วอย่างดี พร้อมทั้งยังมีรถบัสหรือรถแท็กซี่เป็นบริการเสริมการเดินทางภายในและรอบเมืองต่างๆ ขณะที่เรือเฟอรี่ก็มีบริการเชื่อมระหว่างเมืองท่ากับเมืองท่าบนเกาะหลายเส้นทาง”

นายอนุรัตน์ กล่าวต่อว่า คณะกรรมาธิการยังได้ไปดูการจัดการบริหารการท่าเรือโยโกฮาม่า ซึ่งเป็นเมืองท่าเรือแห่งแรก ที่เปิดตัวเองสู่โลกในฐานะทางเข้าสู่ประเทศญี่ปุ่น และนับตั้งแต่การเปิดท่าเรือโยโกฮาม่า เมืองแห่งนี้ก็ได้รับวัฒนธรรมใหม่ๆ อยู่เสมอ โดยได้ใช้ประโยชน์จากท่าเรือโยโกฮาม่าได้อย่างมีประสิทธิภาพ จนท่าเรือแห่งนี้นับเป็นท่าเรือการค้าระหว่างประเทศที่สำคัญแห่งหนึ่งในโลก

“การมาดูงานในครั้งนี้ทางคณะกรรมาธิการได้ความรู้ที่มีค่าอย่างมากต่อการนำมาพัฒนาระบบคมนาคมในประเทศไทย โดยเราจะนำความรู้ และแนวทางที่ได้รับมาปรับใช้เพื่อความเจริญก้าวหน้าของประเทศแลเความสะดวกสบายของพี่น้องประชาชน ทั้งนี้ ผมขอขอบคุณคณะกรรมาธิการ ที่ปรึกษาและข้าราชการทุกท่านที่ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความมุ่งมั่นและตั้งใจ”

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 1 กรกฎาคม 2567

“พปชร.” จัดประชุมสาขาพรรค จ.เชียงใหม่ ประกาศ “ปกป้องสถาบัน ทันสมัยเศรษฐกิจ นำ” ปชช.เป็นศูนย์กลางวางนโยบาย สร้างพลัง ต่อยอดในการสร้างชาติ

,

“พปชร.” จัดประชุมสาขาพรรค จ.เชียงใหม่ ประกาศ “ปกป้องสถาบัน ทันสมัยเศรษฐกิจ นำ” ปชช.เป็นศูนย์กลางวางนโยบาย สร้างพลัง ต่อยอดในการสร้างชาติ

พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.)นำโดย พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ได้มอบหมายให้นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล ประธานด้านวิชาการ พรรคพลังประชารัฐ และ หม่อมหลวงกรกสิวัฒน์ เกษมศรี รองประธานด้านวิชาการ พรรคพลังประชารัฐ เปิดเสวนาเรื่อง”ปกป้องสถาบัน ทันสมัยเศรษฐกิจ มีชีวิตที่สดใส”ในการประชุมใหญ่ สาขาพรรคภาคเหนือ จังหวัดเชียงใหม่ ณ ห้องประชุมโรงแรมราชพฤกษ์ อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่

โดย นายธีระชัย ได้กล่าวกับสมาชิกพรรคในช่วงหนึ่งว่า พรรคพลังประชารัฐขอเป็นพรรคอนุรักษ์นิยมทันสมัยด้วยอุดมการณ์ที่แน่วแน่ในการปกป้องสถาบันและบริหารเศรษฐกิจทันสมัย เพื่อชีวิตที่สดใสให้กับคนไทยทั้งประเทศ พรรคการเมืองทุกพรรคมักจะเสนอนโยบายที่ต้องการให้ประเทศก้าวหน้า แต่วิธีการของแต่ละพรรคก็จะแตกต่างกันออกไป แต่สำหรับพรรคพลังประชารัฐเราเชื่อว่า ประเทศจะก้าวหน้าได้ก็เพราะประชาชน ถ้าประเทศก้าวหน้าแต่ประชาชนไม่มีศักยภาพ ไม่มีความรู้ ไม่สามารถทำงานได้เต็มกำลัง มีสุขภาพที่ไม่ดี และเครื่องมือในการทำงานก็ไม่ครบถ้วน ไม่ทันสมัย จะหวังให้ประเทศก้าวหน้าคงเป็นไปไม่ได้

นายธีระชัย กล่าวต่อว่า พรรคพลังประชารัฐจะนำประชาชนเป็นศูนย์กลางในการวางนโยบาย พรรคสร้างพลังให้ประชาชน เพราะประชาชนมีหน้าที่ในการสร้างชาติ จึงเป็นที่มาของชื่อพรรคพลังประชารัฐ ฟังมาถึงตรงนี้หลายคนอาจจะมองว่า อนุรักษ์กับทันสมัยมันไปด้วยกันไม่ได้ หลักคิดของของอนุรักษ์นิยมคือการ เอาสิ่งที่ดีอยู่แล้ว เอาไปต่อยอด เอาสิ่งที่ดีเป็นฐานในการพัฒนาและเอื้ออำนวยให้ประชาชนเป็นศูนย์กลาง ให้ประชาชนเป็นโอกาสในการที่จะก้าวหน้าในตัวเอง เพื่อที่จะปรับตัวให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของโลก ประชาชนจะสามารถทำตัวให้เป็นประโยชน์ต่อตนเองและคนรอบข้าง

“อนุรักษ์นิยมทันสมัย สามารถแยกออกมาได้”5 อนุรักษ์ 5 ทันสมัย ได้แก่ อนุรักษ์สถาบัน,อนุรักษ์ผลประโยชน์ของชาติ,อนุรักษ์ทรัพยากรของชาติ,อนุรักษ์วัฒนธรรม และอนุรักษ์ระเบียบทางสังคม ในส่วนของ 5 ทันสมัย ได้แก่ เศรษฐกิจทันสมัย,วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีทันสมัย,สิ่งแวดล้อมทันสมัย,สังคมทันสมัย และภาครัฐทันสมัย” นายธีระชัย กล่าว

ด้านหม่อมหลวงกรกสิวัฒน์ กล่าวว่า คำขวัญของพรรคพลังประชารัฐ “ปกป้องสถาบัน ทันสมัยเศรษฐกิจ”ถามว่า มันจะมาเกี่ยวข้องกันได้อย่างไรนั้น ตนมองว่า การปกป้องสถาบันที่ดีที่สุดก็คือ การทำให้ประชาชนอยู่ดีกินดี สิ่งที่สำคัญก็คือ ศักยภาพของประเทศไทย แม่หลายคนอาจจะมองว่าประเทศเราสู้กับประเทศอื่นไม่ได้แต่จากการที่ตนใช้ชีวิตอยู่ทั้งอเมริกาและอังกฤษกว่า 10 ปี ตนยืนยันว่า แผ่นดินไทยเป็นแผ่นดินที่ดีที่สุด ประเทศของเราเพียงแค่โยนเมล็ดผลไม้ลงไปในดินก็เติบโตเป็นต้น ออกดอก ออกผล แต่อย่างเมืองแคลิฟอร์เนียพื้นดินเป็นกึ่งทะเลทราย โยนอะไรไปก็ไม่ขึ้น วันนี้เราอยู่กับสิ่งที่ดีที่สุด แต่เรามองไม่เห็น ถ้าจะพูดว่าเราดีที่สุดในอาเซียนก็คงไม่แปลก และจากนโยบายของพรรคพลังประชารัฐวันนี้สินค้าทางการเกษตรของเราถูกส่งออกไปขายที่ประเทศจีนจำนวนมาก

“อย่างเมล็ดกาแฟในภาคเหนือก็เป็นสิ่งที่น่าสนใจ เนื่องจากคนดื่มกันทั่วโลก ความต้องการจากชาวจีนและยุโรปมีจำนวนมาก แต่เราจะยกระดับกาแฟเราให้เป็นกาแฟระดับโลกได้อย่างไร ประเด็นนี้ถือเป็นเรื่องสำคัญ รวมไปถึงที่ดินในการเพาะปลูก ผมมองว่าประเด็นนี้ถือเป็นเรื่องที่ดีที่เราควรนำมาคุยกันเพราะจะสามารถขายได้อย่างต่อเนื่อง เพียงแต่เราต้องรักษาคุณภาพของผลิตภัณฑ์รวมไปถึงเรื่องการโปรโมทสินค้าให้กลายเป็นแบรนด์ระดับโลกได้ สิ่งเหล่านี้ก็เป็นเรื่องสำคัญที่พรรคพลังประชารัฐของเราจะพยายามผลักดันต่อไป”

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 1 กรกฎาคม 2567

“สส.คอซีย์” ร่วมอนุรักษ์ผ้าถิ่นใต้กระตุ้นประชาชนร่วมใช้ผ้าไทย เพิ่มมูลค่าต่อยอดซอฟเพาเวอร์ใต้สร้างรายได้มั่นคงอาชีพทอผ้า

,

“สส.คอซีย์” ร่วมอนุรักษ์ผ้าถิ่นใต้กระตุ้นประชาชนร่วมใช้ผ้าไทย เพิ่มมูลค่าต่อยอดซอฟเพาเวอร์ใต้สร้างรายได้มั่นคงอาชีพทอผ้า

นายคอซีย์ มามุ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) จ.ปัตตานี เขต 2 พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) พร้อมด้วย นางฟาตีเมาะ สะดียามู ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี คณะกรรมการเหล่ากาชาดจังหวัดปัตตานี และนางรอมือละ มามุ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลนาประดู่ ได้รับเกียรติร่วมกิจกรรมเดินแบบผ้าไทยและผ้าพื้นถิ่นการกุศล ในงานมหกรรมวงแหวนพหุวัฒนธรรมชายแดนใต้ และงานแสดงสินค้า ศิลปวัฒนธรรมจังหวัดปัตตานี ประจำปี 2567 ณ สวนเจ้าทะเล ตำบลรูสะมิแล อำเภอเมืองปัตตานี จังหวัดปัตตานี เพื่อเป็นการสืบสานและอนุรักษ์ศิลปผ้าถิ่น ดำรงไว้ในแผ่นดินไทย ที่สามารถสร้างสรรค์ตัดเย็บและใส่ในชีวิตประจำวันหลากหลาย“สไตล์ ในงานมหกรรมวงแหวนพหุวัฒนธรรมชายแดนใต้ และงานแสดงสินค้า ศิลปวัฒนธรรมจังหวัดปัตตานี ประจำปี 2567

“การร่วมกิจกรรมในครั้งนี้ มีเป้าหมายการส่งเสริมการใช้ผ้าไทยและผ้าท้องถิ่นให้สามารถเข้าถึงประชาชนในวงกว้างมากขึ้นและยังเป็นการส่งเสริม ซอฟเพาว์เวอร์ไทยอีกทางหนึ่ง ซึ่งจะเป็นการสร้างความมั่นคงในการประกอบอาชีพการทอผ้าของพี่น้องประชาชน ที่จะสามารถรังสรรค์ต่อยอดผลงานโดยอาศัยอัตลักษณ์ของลายผ้าให้สืบสานต่อไปได้ โดยเฉพาะผ้าถิ่นใต้ที่มีการผสมผสานทางวัฒนธรรมหลากหลายที่สวยงามเป็นเอกลักษณ์” นายคอซีย์ กล่าว

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 30 มิถุนายน 2567

“สส.กาญจนา” รับหนังสือชาวบ้าน ต.ห้วยต้อน วอน จัดงบ 68 ให้โครงการขุดลอกอ่างเก็บน้ำ และระบบกระจายน้ำด้วยพลังงานแสงอาทิตย์ แก้ปัญหาน้ำอุปโภคบริโภคในพื้นที่ยังไม่ทั่วถึง

,

“สส.กาญจนา” รับหนังสือชาวบ้าน ต.ห้วยต้อน วอน จัดงบ 68 ให้โครงการขุดลอกอ่างเก็บน้ำ และระบบกระจายน้ำด้วยพลังงานแสงอาทิตย์ แก้ปัญหาน้ำอุปโภคบริโภคในพื้นที่ยังไม่ทั่วถึง

น.ส.กาญจนา จังหวะ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.)พรรคพลังประชารัฐ พปชร. เขต4 จ.ชัยภมิ กล่าวว่า ได้รับหนังสือจากตัวแทนผู้นำท้องถิ่น ประกอบด้วย นายกองค์การบริหารส่วนตำบลห้วยต้อน ผู้นำท้องถิ่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน คณะกรรมการหมู่บ้าน และ คณะกรรมการน้ำประปาบ้านชีลองกลาง หมู่ 7 ต.ห้วยต้อน อ.เมือง จ.ชัยภูมิ ขอให้ผลักดันโครงการขุดลอกอ่างเก็บน้ำ บรรจุในปีงบประมาณประจำปี 2568 เพราะจะเป็นการเพิ่มปริมาณการเก็บกักน้ำ และการจัดหาแหล่งน้ำบาดาลและการกระจ่ายน้ำด้วยพลังงานแสงอาทิตย์ ให้ประชาชนและเกษตรกรในพื้นที่ได้ใช้ประโยชน์ รวมทั้งในช่วงหน้าฝน ก็จะยังสามารถกักเก็บน้ำไว้ใช้ในระยะยาวช่วงหน้าแล้ง และเป็นการบริหารจัดการน้ำ ให้เกิดประโยชน์สูงสุดกับพี่น้องชาวชัยภูมิ

น.ส.กาญจนา กล่าวต่อว่า โครงการระบบกระจายน้ำด้วยพลังงานแสงอาทิตย์เข้าพื้นที่การเกษตรและประปาหมู่บ้าน เป็นอีกโครงการหนึ่งที่พี่น้องประชาชนในพื้นที่มีความต้องการ โดยจะสามารถสร้างประโยชน์ให้แก่ประชาชนในพื้นที่ได้มาก ทั้งน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภคและเสริมการเกษตร ตลอดจนการช่วยระบบนิเวศน์ในพื้นที่ได้ดีมากขึ้นด้วย เพราะปัจจุบันการใช้น้ำด้านอุปโภคบริโภคก็ยังไม่ทั่วถึง

“ดิฉันจึงได้ลงพื้นที่เพื่อสำรวจถึงปัญหาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน และความต้องการของเกษตรกรและประชาชนให้มีน้ำประปาหมู่บ้านในพื้นที่ใช้ได้อย่างทั่วถึงและเพียงพอ เพื่อนำข้อมูลมารวบรวมและนำเสนอต่อ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม รวมถึงผู้บริหารพรรค พปชร.เพื่อเร่งผลักดันความต้องการประชาชน” น.ส.กาญจนา กล่าว

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 30 มิถุนายน 2567