โลกเปลี่ยน ไทยต้องปรับ ทางเลือกใหม่ของการเมืองไทย ก้าวข้ามความขัดแย้ง สานพลังประชาราษฎร์ ร่วมสร้างชาติให้ยั่งยืน

ป้ายกำกับ: พรรคพลังประชารัฐ

พปชร.แจ้งข่าวดี! กู้กองทุนหมู่บ้านได้สิทธิ์พักชำระหนี้ ฝ่าวิกฤตโควิด-19

, ,

พปชร.แจ้งข่าวดี! กู้กองทุนหมู่บ้านได้สิทธิ์พักชำระหนี้ ฝ่าวิกฤตโควิด-19

“เลขาฯ พปชร.” ธรรมนัส พรหมเผ่า” เผย ที่ประชุมบอร์ดกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ สำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง (สทบ.) ไฟเขียวพักชำระหนี้กองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองระยะเวลาไม่เกิน 1 ปี ช่วยประชาชนรากหญ้าลดภาระค่าใช้จ่ายส่งเสริมการประกอบอาชีพช่วงการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19

เมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน 2564 ร้อยเอกธรรนนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ (พปขร.) เปิดเผยว่า ขณะนี้มีข่าวดีถึงพี่น้องประชาชนรากหญ้า จากการที่พรรค พปชร.ได้ร่วมผลักดันโครงการพักชำระหนี้ในการช่วยเหลือสมาชิกกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดต่อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) เพื่อบรรเทาความเดือดร้อน ลดภาระค่าครองชีพ รวมถึงปัญหาหนี้นอกระบบ ให้สมาชิกฯ สามารถผ่อนคลาย และนำเงินที่เหลือจากการส่งกองทุนนำไปเป็นทุนไปประกอบอาชีพสร้างรายได้ในช่วงการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 นั้น ล่าสุดโดยโครงการดังกล่าวได้ผ่านมติการพิจารณาเห็นชอบจากที่ประชุมคณะกรรมการกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ สำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมือง (สทบ.) เมื่อวันที่ 22 กันยายน 2564 ที่ผ่านมาเพื่อให้เป็นไปตามที่มติของคณะกรรมการกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองกำหนด

ทั้งนี้ คุณสมบัติของสมาชิกฯ ที่จะได้สิทธิ์เข้าร่วมโครงการฯ จะต้องเป็นสมาชิกกองทุนหมู่บ้านหรือกองทุนชุมชนเมืองที่มีประวัติการชำระหนี้ที่ดีและไม่ผิดนัด ที่มีความประสงค์ขอเข้าร่วมโครงการลดภาระทางการเงินกับกองทุนหมู่บ้านหรือกองทุนเมือง รวมถึงสมาชิกฯ ที่มีประวัติการผิดนัดชำระหนี้ แต่หากปรากฏว่ามีเหตุสุดวิสัยที่ทำให้ไม่สามารถชำระหนี้ได้ตามกำหนดโดยสุจริต ก็สามารถเข้าร่วมร่วมโครงการฯ ได้ ซึ่งเป็นไปตามการพิจารณาเป็นรายๆ จากคณะกรรมการกองทุนหมู่บ้านหรือกองทุนชุมชนเมือง

สำหรับหลักเกณฑ์ในการพิจารณาจากผลการประกอบอาชีพของสมาชิกฯ ต้องมีอาชีพ และมีรายได้อื่นๆ ของสมาชิกฯ และครอบครัว การค้ำประกัน รวมถึงความสามารถในการชำระคืนหนี้ของสมาชิกฯ มาใช้ในการประกอบการพิจารณาตามความเหมาะสมในการผ่อนผันการชำระหนี้ของสมาชิกฯ แต่ละราย ซึ่งสามารถขอพักชำระเงินต้นเป็นระยะเวลาไม่เกิน 1 ปี โดยเงื่อนไขให้ส่งเฉพาะดอกเบี้ย เพื่อให้กองทุนสามารถนำรายได้จากดอกเบี้ยมาใช้บริหารจัดการกองทุนรวมถึงจัดสวัสดิการต่างๆ ให้กับสมาชิกกองทุนหมู่บ้านหรือกองทุนชุมชนเมือง รวมถึงประชาชนในหมู่บ้านและชุมชน ทั้งนี้ สมาชิกฯ ที่เข้าร่วมโครงการดังกล่าว จะต้องจัดทำแผนการออมเงินและแผนในการฟื้นฟูศักยภาพการประกอบอาชีพเสริม เช่น การเข้าร่วมโครงการกองทุนต้นไม่ร่วมพัฒนา การปรับเปลี่ยนรูปแบบการผลิต การพัฒนาศักยภาพการประกอบอาชีพ เป็นต้น เพื่อให้เศรษฐกิจชุมชนสามารถขับเคลื่อนต่อไปได้

“ที่ผ่านมา พี่น้องประชาชนที่เป็นสมาชิกกองทุนหมู่บ้านฯประสบความเดือดร้อนจากสถานการณ์โควิดระบาด ทำให้ขาดรายได้ ซึ่งท่านพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯและในฐานะหัวหน้าพรรคฯมีความห่วงใยอย่างมาก เนื่องจากได้รับทราบมาว่า ชาวบ้านหลายรายต้องไปหากู้หนี้ยืมสินนอกระบบ ที่คิดอัตราดอกเบี้ยถึงร้อยละ 10 เพื่อนำมาผ่อนชำระเงินกองทุนหมู่บ้านฯ และยังตกเป็นเหยื่อนายทุนเงินกู้อีก ทำให้เดือดร้อนซ้ำเติมในยามที่จะต้องหาเงินไปใช้หนี้เงินกู้ดังกล่าว จึงได้กำชับให้ทางพรรคฯประสานและเร่งผลักดันโครงการพักชำระหนี้ในการช่วยเหลือสมาชิกกองทุนหมู่บ้านฯครั้งนี้ เพื่อช่วยเหลือลดภาระประชาชน ต่อไป” ร้อยเอกธรรมนัส กล่าว

ที่มา : facebook.com/PPRPThailand/
เมื่อวันที่ : 3 พฤศจิกายน 2564

“โฆษก พปชร.” เผย พปชร.ระดมทีม ส.ส. ร่วมประชุมสภาครั้งที่ 2

, ,

“โฆษก พปชร.” เผย พปชร.ระดมทีม ส.ส. ร่วมประชุมสภาครั้งที่ 2 หนุนร่างกฎหมายสำคัญของประเทศ เตรียมเปิดตัวคนรุ่นใหม่ขับเคลื่อนนโยบายพรรคและเน้นการสื่อสารที่ถูกต้อง

“ดร.พัชรินทร์” เผย พปชร.เตรียมจัดทัพประชุมสภาฯ 3-5 พ.ย. นี้ “พลเอกประวิตร” หัวหน้าพรรค กำชับสมาชิกต้องเข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพียงเพื่อพิจารณาร่างกฎหมายที่สำคัญเป็นประโยชน์ต่อประเทศ ย้ำจุดยืนพรรคพร้อมรับฟังความคิดเห็นของทุกฝ่ายที่จะนำไปสู่การสร้างความเป็นอยู่ที่ดี ไม่กระทบ
ความมั่นคงของชาติ ศาสนา และ พระมหากษัตริย์ เตรียมเปิดทัพคนรุ่นใหม่ร่วมขับเคลื่อนโยบายเข้าถึงประชาชนทุกกลุ่ม

เมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน 2564 ดร.พัชรินทร์ ซําศิริพงษ์ ส.ส. กทม.เขต 2 ในฐานะ โฆษกพรรค
พลังประชารัฐ (พปชร.) เปิดเผยว่า ในวันนี้พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ได้เป็นประธานในที่ประชุมสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพรรคพลังประชารัฐ โดยมี 3 เรื่องสำคัญ คือ
1. การประชุมสภาผู้แทนราษฎร สมัยสามัญประจำปีครั้งที่ 2 /2564 ที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 3-5 พฤศจิกายน นี้ หัวหน้าพรรคได้เน้นย้ำให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร รวมถึงรัฐมนตรีที่เป็น ส.ส. เข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพียงในสมัยประชุมเพื่อร่วมกันพิจารณาร่างกฎหมายต่างๆ ที่มีความสำคัญในการขับเคลื่อนประเทศและเป็นประโยชน์ให้กับประชาชน 2. การแสดงจุดยืนของพรรค ฯ ที่ยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ดังนั้นการทำงานของพรรค เราพร้อมที่จะทำงาน รับฟังความคิดเห็นของประชาชน และ ไม่กระทบต่อสถาบัน ความมั่นคง ชาติ ศาสนา และ เน้นให้ประชาชน อยู่ดีกินดี และ พร้อมดูแลประชาชนอย่างเต็มที 3. พรรค เตรียมเปิดตัวกลุ่มคนรุ่นใหม่ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งยุทธศาสตร์ของพรรคที่สำคัญ ในการเข้าร่วมผลักดันการขับเคลื่อนนโยบาย เพื่อดูแลประชาชนทุกกลุ่ม รวมทั้งเน้นการสื่อสาร ที่จะสร้างความเข้าใจ และนำเสนอข้อมูลที่ถูกต้องในรูปแบบต่างๆ ให้กับกลุ่มเยาวชน และ
คนรุ่นใหม่

”พรรคพลังประชารัฐ เรามีกลุ่มบุคคลที่หลากหลาย ทั้งผู้ใหญ่ที่มีประสบการณ์ ในขณะเดียวกัน ก็มีกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่มีคุณภาพ มีความสามารถในด้านต่างๆ ดังนั้น ในแนวทางการดำเนินยุทธศาสตร์ของพรรค เราก็จะรวมกลุ่มคนรุ่นใหม่ ไม่ว่าจะเป็น ส.ส. อดีตผู้สมัคร หรือคนรุ่นใหม่ ที่มีแนวทางเดียวกัน
ความคิดเห็นตรงกัน เข้ามาร่วมกันทำงานให้เข้าถึงประชาชนในวงกว้างมากที่สุด เพื่อการเดินหน้า และ
ขับเคลื่อนยุทธ์ศาสตร์ด้านต่างๆ ที่เป็นมิติใหม่ ๆ ซึ่งในวันนี้ท่านหัวหน้าพรรค ได้ให้ความสำคัญในเรื่องของการมีส่วนร่วม ของส.ส.ที่มีประสบการณ์ และ ส.ส. รุ่นใหม่ที่มีความสามารถ เข้ามาทำงานร่วมกัน เพื่อให้ยุทธศาสตร์กาทำงานเป็นไปในทิศทางเดียวกัน” ดร.พัชรินทร์ กล่าว

ที่มา : facebook.com/PPRPThailand/
เมื่อวันที่ : 2 พฤศจิกายน 2564

“ส.ส.สุรศักดิ์” นำทีมพี่น้องชาวทัพราช จ.สระแก้ว ปลูกหญ้าแฝกฝายห้วยสะโตน

, ,

“ส.ส.สุรศักดิ์” นำทีมพี่น้องชาวทัพราช จ.สระแก้ว ปลูกหญ้าแฝกฝายห้วยสะโตน อนุรักษ์ดิน-น้ำ

นายสุรศักดิ์ ชิงนวรรณ์ ส.ส.จังหวัดสระแก้ว เขต 3 พรรคพลังประชารัฐ พร้อมทีมงาน ลงพื้นที่ร่วมปลูกหญ้าแฝกกับพี่น้องประชาชน บริเวณฝายห้วยสะโตน บ้านตะลุมพุก ต.ทัพราช อ.ตาพระยา จ.สระแก้ว
โดยมี นายโกเมศ เพ็ชร โกมล กำนันตำบลทัพราช และผู้ใหญ่บ้าน ตลอดจนพี่น้องประชาชนทั้ง 5 หมู่ ให้การต้อนรับและเข้าร่วมกิจกรรมปลูกหญ้าแฝก พร้อมหารือถึงแนวทางการปรับปรุง ภูมิทัศน์บริเวณรอบฝายให้สวยงามอีกด้วย ร่วมทั้งเสนอแนะเรื่องการแก้ไขปรุงระบบการกักเก็บน้ำบริเวณฝายดังกล่าวเพื่อให้ประชาชนในพื้นที่สามารถมีน้ำอุปโภค บริโภค และทำการเกษตรได้ตลอดทั้งปี“

ประชาชนในพื้นที่ได้ร่วมแรง ร่วมใจสนองแนวทางพระราชดำริพระบาท สมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิธ ด้วยการปลูกหญ้าแฝกเพื่อการอนุรักษ์ดินและน้ำ เพราะการหญ้าแฝกซึ่งจะช่วยเสริมความแข็งแรงของฝายให้คงสภาพดี ป้องกันการชะล้างพังทลายของหน้าดิน ช่วยกักเก็บน้ำไว้ในดินและพื้นที่ตอนบน อีกทั้งยังช่วยกักเก็บตะกอนดินช่วยลดการสูญเสียธาตุอาหารสามารถปรับสภาพดินที่เสื่อมโทรมให้กลับมาสมบูรณ์ได้ ซึ่งสามารถกกับเก็บน้ำ ให้ชาวบ้านและเกษตรกรได้”
นายสุรศักดิ์ กล่าว

ขอบคุณ พ.ต.ท.พร จุลนิพัฒน์ รอง ผกก.สอบสวน สภ.ตาพระยา และเจ้าหน้าที่ตำรวจที่อำนวย
ความปลอดภัยและความสะดวกการจราจร

ที่มา : facebook.com/PPRPThailand/
เมื่อวันที่ : 2 พฤศจิกายน 2564

“รมว.ศึกษา” เร่งหากลไกลดภาระหนี้ครู เล็งปรับ เกณฑ์ดบ.-ดึงเงินอนาคตช่วย

, ,

“รมว.ศึกษา” เร่งหากลไกลดภาระหนี้ครู เล็งปรับเกณฑ์ดบ.-ดึงเงินอนาคตช่วย

เมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการแก้ไขปัญหาหนี้สินข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ของกระทรวงศึกษาธิการ ว่า ที่ประชุมหารือถึงแนวทางแก้ไขปัญหาหนี้สินครู โดยต้องดึงสหกรณ์ออมทรัพย์ครูเข้ามาช่วยเหลือ เพราะครูกว่า 60% เป็นหนี้สหกรณ์ออมทรัพย์ครู ดังนั้นสหกรณ์ออมทรัพย์ครูถือเป็นเจ้าหนี้ที่ใหญ่ที่สุด ที่ผ่านมาพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มอบหมายให้
นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี รับหน้าที่ดูแลและช่วยเหลือหนี้สินข้าราชการทั้งระบบ ซึ่งนายสุพัฒนพงษ์ จะเป็นตัวกลางที่เข้าไปพูดคุยกับกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อแก้ไขปัญหาหนี้ครู ขณะเดียวกัน ศธ.จะกลับมาดูรายละเอียดต่างๆ เพื่อปรับหลักเกณฑ์ เพื่อให้การแก้ไขปัญหาเป็นไปในทิศทางเดียวกัน ทั้งนี้ ศธ.จะเร่งแก้ไขปัญหาให้เร็วที่สุด เพื่อให้ครูมีเงินเดือนเหลือเงินใช้ และสามารถอยู่ได้

นายสุทธิชัย จรูญเนตร ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าศธ. กล่าวว่า ที่ประชุมหารือถึงเครื่องมือที่จะใช้ในการแก้ไขปัญหาหนี้สินครู พร้อมกับวิเคราะห์ว่าจะสามารถใช้ได้จริงมากน้อยแค่ไหน เช่น การลดดอกเบี้ยเงินฝาก และดอกเบี้ยเงินกู้ หากทำการลดดอกเบี้ยแล้วจะช่วยแบ่งเบาภาระของครูได้อย่างไรบ้าง หรือนำเงินในอนาคตของครู เช่น เงินค่าหุ้นที่อยู่ในสหกรณ์ออมทรัพย์ครู เงินบำเหน็จตกทอด และเงินสะสมกองทุนบำเหน็จข้าราชการ (กบข.) เป็นต้น มานำเงินส่วนนี้มาลดยอดหนี้ได้หรือไม่ เพื่อทำให้ครูผ่อนชำระได้คล่องตัวมากขึ้นแทนที่จะมานั่งจ่ายเงินกู้จำนวนมาก และการตัดเงินเดือน จะต้องปรับเกณฑ์อย่างไรเพื่อไม่ให้ครูได้รับความเดือดร้อน เช่น อาจจะตัดเฉพาะยอดหนี้ของครู แต่ไม่ตัดยอดในส่วนอื่นๆ เป็นต้น

“รัฐมนตรีว่าการ ศธ. ต้องการเร่งแก้ปัญหาหนี้สินครูให้เร็วที่สุด พร้อมกับเน้นย้ำว่าต้องรีบจัดทำมาตรการลดหนี้สิ้นครูให้มีความชัดเจน และนำเครื่องมือที่หารือกันวันนี้ หากเห็นว่าเครื่องมือไหนที่มีความพร้อม มีประสิทธิภาพ ให้รีบนำไปปฏิบัติใช้ทันที นอกจากนี้คณะกรรมการแก้ไขปัญหาหนี้สินครูฯ ได้รายงานแนวทางแก้หนี้สินให้นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี รับทราบเป็นระยะ ซึ่งรองนายกรัฐมนตรี ได้ตรวจสอบและเห็นว่า ขอให้ศธ.เร่งแก้ไขปัญหาหนี้สินครูโดยเร็ว” นายสิทธิชัย กล่าว

นายสิทธิชัย กล่าวต่อว่า เมื่อเร็วๆนี้ ตนได้หารือร่วมกับผู้บริหารธนาคารออมสิน เรื่องแก้ไขปัญหาหนี้สินครูทั้งระบบ ซึ่งธนาคารออมสินยินดีช่วยเหลืออย่างเต็มที่ โดยหลังจากนี้คณะทำงานแก้ไขปัญหา
หนี้สินครูฯ จะเร่งเข้าไปเจรจาหน่วยงานที่ปล่อยเงินกู้ให้ครู เช่น สหกรณ์ออมทรัพย์ครู ว่าจะไปลดค่าใช้จ่ายให้อย่างไร และทางธนาคารออมสินจะเข้าไปช่วยเหลืออย่างไร เพื่อให้สหกรณ์ลดดอกเบี้ยให้ครูต่อไป ส่วนความคืบหน้าโครงการแก้ไขปัญหาหนี้สินครูและบุคลากรทางการศึกษา โดยใช้สหกรณ์ออมทรัพย์ครูต้นแบบเป็นฐาน ในระยะที่ 1 มานำร่งแก้ไขปัญหาครู ขณะนี้มีสหกรณ์ออมทรัพย์ครู เข้ารวมโครงการ 20 แห่ง มีสมาชิกทั้งหมดเกือบ 200,000 คน และขนาดนี้อยู่ระหว่างเปิดรับสมัครสหกรณ์ออมทรัพย์ ในระยะ 2 คาดว่าจะมีสหกรณ์ออมทรัพย์ สนใจเข้าร่วมประมาณ 30-40 แห่ง คาดว่าหากมีสหกรณ์ออมทรัพย์ครู เข้าร่วมโครงการเพิ่มขึ้น ภายใน 2 เดือนนี้ จะเห็นผลการแก้ไขปัญหา เช่น ครูมีสภาพคล่องในการชำระหนี้อย่างไร ครูมียอดหนี้ลดลงมาอย่างไร เป็นต้น อย่างไรก็ตาม ต่อไปคณะกรรมการแก้ไขปัญหาหนี้สินครูฯ จะเร่งทงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) ร่วมกับสหกรณ์ออมทรัพย์ครูที่เข้าร่วมโครงการ เพื่อขับเคลื่อนแก้ไขปัญหาหนี้สินครูต่อไป คาดว่าจะสามารถ MOU กับสหกรณ์ออมทรัพย์ในเร็วๆนี้

ที่มา : facebook.com/PPRPThailand/
เมื่อวันที่ : 2 พฤศจิกายน 2564

“ตรีนุช” ลงพื้นที่สมุทรสาคร ตรวจโรงเรียนรับเปิดเทอม 2/2564

, ,

“ตรีนุช” ลงพื้นที่สมุทรสาคร ตรวจโรงเรียนรับเปิดเทอม 2/2564 ย้ำ ผอ.-ครู เคร่งครัด 6 มาตรการหลัก – 6 มาตรการเสริม – 7 มาตราเข้ม ชี้เราต้องอยู่กับโควิด-19 ให้ได้

วันนี้ (1 พ.ย.) ที่จังหวัดสมุทรสาคร นางสาวตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) พร้อมด้วย ดร.อัมพร พินะสา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) และคณะ ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมการเปิดภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2564 เป็นวันแรก ที่โรงเรียนสมุทรสาครวิทยาลัย ซึ่งจัดการเรียนการสอนแบบ On Site และโรงเรียนเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระศรีนครินทร์ สมุทรสาคร ในพระราชูปถัมภ์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯสยามบรมราชกุมารี ซึ่งจัดการเรียนการสอนรูปแบบ On Line

นางสาวตรีนุช กล่าวภายหลังตรวจเยี่ยมว่า กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เชื่อมั่นว่าการเรียนที่ดีที่สุด คือ การที่นักเรียนได้มาเรียนที่โรงเรียน หรือ On Site ขณะเดียวกันเราต้องเผชิญกับสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด-19 วันนี้ตนลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมสถานศึกษาในจังหวัด
สุมทรสาคร ซึ่งเคยเป็นพื้นที่ที่มีการแพร่ระบาดอย่างรุนแรง โดยโรงเรียนสุมทรสาครวิทยาลัย เป็นโรงเรียนขนาดใหญ่ มีนักเรียน 3,034 คน ทางโรงเรียนให้นักเรียนแบ่งกลุ่มมาเรียน ซึ่งเป็นรูปแบบหนึ่งที่ ศธ.ออกมาตรการเพื่อให้เด็กรักษาระยะห่าง และ วันนี้ก็เป็นวันแรกที่นักเรียนได้มาเรียนแบบ On Site โดยนักเรียนทุกคนได้รับวัคซีนไฟเซอร์ครบ 2 เข็มแล้ว ส่วนครูและบุคลากรทางการศึกษาได้รับวัคซีนมากกว่า 90%

“ศธ.เน้นย้ำว่า แม้ครู นักเรียน และบุคลากรทางการศึกษา จะได้รับวัคซีนแล้ว แต่วัคซีนเป็นเพียงตัวช่วยที่ทำให้เมื่อรับเชื้อแล้วลดอัตราการเสียชีวิต และไม่ป่วยหนัก ดังนั้นที่สำคัญโรงเรียนต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์การเปิดโรงเรียนหรือสถาบันการศึกษา ในข้อกำหนด 6 มาตรการหลัก 6 มาตรการเสริม และ 7 มาตราเข้มสำหรับสถานศึกษาอย่างเคร่งครัด เช่น เว้นระยะห่าง สวมใส่หน้ากากอนามัย ล้างมือบ่อยๆ ใช้เจลแอลกอฮอล์ คัดกรองวัดไข้ ตลอดจนเข้มงวดเรื่องแผนเผชิญเหตุหากพบเด็ก หรือ บุคลากรในโรงเรียนมีอาการหรือติดเชื้อ ต้องมีกระบวนการ มีแผนรองรับ เช่น การสุ่มตรวจหาเชื้อด้วย ATK เป็นต้น ซึ่งทางผู้ว่าราชการจังหวัดสุมทรสาคร ยืนยันว่าพร้อมจะช่วยเหลือโรงเรียนในพื้นที่โดยจะร่วมมือกับสาธารณสุขจังหวัด เพื่อให้โรงเรียนในจังหวัดสุมทรสาคร เปิดเรียนอย่างปลอดภัย” รมว.ศธ.กล่าว

รมว.ศธ. กล่าวด้วยว่า แม้นักเรียนไม่ได้รับวัคซีนก็สามารถมาเรียนได้ ซึ่งขณะนี้มีผู้ปกครองยื่นความประสงค์ให้ลูกฉีดวัคซีนเพิ่มขึ้น คาดว่าเพราะผู้ปกครองมั่นใจมากขึ้น ทั้งนี้ ศธ.ไม่เร่งให้โรงเรียนเปิด
On Site ทั้งหมด แต่ ศธ.เน้นเรื่องความปลอดภัยของเด็กเป็นหลัก ถ้าโรงเรียนมีความพร้อมก็สามารถเปิดเรียน On Site ได้ ซี่งทราบว่า ขณะนี้มีโรงเรียนที่สอนระดับชั้นประถมศึกษาบางแห่งได้รับอนุญาตจากจังหวัดให้เรียน On Site วันที่ 5 พ.ย.นี้ และในวันที่ 15 พ.ย. ก็จะเปิด On Site เพิ่มมากขึ้น อย่างไรก็ตาม แม้โรงเรียนเปิดเรียนรูปแบบ On Site แล้วก็ตาม ศธ.จะมีคณะกรรมการติดตาม ว่าเปิดเรียนแล้วมีประเด็นปัญหาอะไรบ้างเพื่อเข้าช่วยเหลือโรงเรียน โดยในภาคเรียนที่ 1/2564 ที่ผ่านมา ศธ.ได้ตั้งคณะทำงานคอยติดตามว่าการเรียน 5 รูปแบบที่ ศธ.กำหนดไว้ มีปัญหาอุปสรรคอะไรบ้าง เพื่อช่วยกันแก้ไขปัญหาให้โรงเรียนด้วย นอกจากนี้ ศธ.มีคณะทำงานร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เพื่อติดตามมาตรการป้องกันโรค และร่วมกันทำแผนเผชิญเหตุให้โรงเรียนเตรียมรับมือด้วย

“ขอให้ผู้ปกครองมั่นใจว่า ศธ.มีแผนเผชิญเหตุรองรับอยู่ ส่วนแผนฟื้นฟูความรู้ให้นักเรียน นั้น ดิฉัน
เน้นย้ำให้ครูทำความเข้าใจกับเด็ก เพื่อให้เด็กมีความสุขกับการเรียนก่อน พร้อมกับปรับพฤติกรรมให้เด็กด้วย เมื่อเด็กมีความพร้อมเรียนรู้ ก็ให้ครูค่อยๆเพิ่มวิชาความรู้เข้าไป และขอเน้นย้ำให้ครู ผู้อำนวยการโรงเรียน ได้ปฏิบัติตามมาตรการที่กำหนดอย่างเคร่งครัดเราต้องอยู่กับโควิด-19 ให้ได้”
นางสาวตรีนุช กล่าว

ที่มา : facebook.com/PPRPThailand/
เมื่อวันที่ : 1 พฤศจิกายน 2564

พล.อ.ประวิตร ย้ำจุดยืนพรรคยึดมั่นระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษตริย์เป็นประมุข

, ,

พล.อ.ประวิตร ย้ำจุดยืนพรรคยึดมั่นระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษตริย์เป็นประมุข
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรค พลังประชารัฐ (พปชร.) เปิดเผยถึง กรณีต่อข้อเสนอแก้กฎหมายอาญา มาตรา 112 และ มาตรา 116 เข้าไปพิจารณาในสภาผู้แทนราษฎร ว่า พรรค พปชร. มีเป้าหมายและจุดยืนในเรื่องของการ ยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ที่มุ่งการเดินหน้าแก้ไขปัญหาความเดือดร้อน และความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นให้กับประชาชนมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่ง พรรคพร้อมรับฟังความคิดเห็นของทุกภาคส่วนในสังคม แต่ต้องไม่กระทบต่อความมั่นคงของชาติ ศาสนา และพระมหากษัตริย์ ซึ่งถือเป็นสถาบันหลัก ธำรงไว้ ให้ประเทศไทยเจริญก้าวหน้า
มาจนถึงทุกวันนี้

ที่มา : facebook.com/PPRPThailand/
เมื่อวันที่ : 1 พฤศจิกายน 2564

เดียร์ วทันยา วงษ์โอภาสี ลงพื้นที่น้ำท่วม อำเภอบางปลาม้า ตำบลวัดโบสถ์

, ,

หลายพื้นที่ที่ตอนนี้ระดับน้ำยังท่วมสูงอยู่ เช่น อำเภอบางปลาม้า ตำบลวัดโบสถ์ ที่เดียร์ไปลงพื้นที่วันนี้ระดับน้ำยังสูงอยู่ที่ 2 เมตรมาเป็นเวลาเกือบ 2 เดือนแล้ว ขอเป็นกำลังใจและขอขอบคุณทุกภาคส่วนที่ร่วมกันช่วยเหลือพี่น้องในพื้นที่

#เดินหน้าทำงาน #น้ําท่วม64

ที่มา : เดียร์ วทันยา วงษ์โอภาสี
เมื่อวันที่ : 29 ตุลาคม 2564

มูลนิธิ ธรรมนัส พรหมเผ่า เข้าช่วยเหลือ “เด็กหญิงถูกข่มขืน” พร้อมสนับสนุนการศึกษาสูงสุด

, ,

ผมจะส่งเด็กคนนี้เรียนให้จบถึงชั้นปริญญาตรีเป็นอย่างน้อยและจะส่งเสริมให้เรียน ปริญญาโทและเอกต่อไป หากเขาต้องการ เพื่อให้น้องมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นเป็นคนที่ดีของสังคมและเพื่อชาติบ้านเมืองสืบต่อไป

เนื่องจากน้องย้ายออกมาอยู่ข้างนอกบ้านและพ่อแม่เลิกรากัน ประกอบกับไม่มีกำลังในการส่งให้น้องเรียนหนังสือ ทำให้ตอนนี้น้องยังเรียนไม่จบ ป.6 เพราะหยุดเรียนหนังสือมากกว่า 1 ปี น้องได้ผ่านเรื่องราวเลวร้ายมามากแล้วหลังจากนี้จะเป็นฟ้าหลังฝนของเขา น้องจะได้รับโอกาสที่ดีจากมูลนิธิ ธรรมนัส พรหมเผ่า และจะมีชีวิตตามที่เด็กคนหนึ่งควรจะได้รับ เท่าที่คุยกับเขาความฝันของน้องคืออยากเป็นพนักงานต้อนรับบนเครื่องบิน ( แอร์โฮสเตส ) ลุงธรรมนัส พรหมเผ่า จะรอดูวันนั้น ขอให้ทำให้สำเร็จตามฝันที่ต้องการครับ

ที่มา : facebook.com/ThamanatPhayao
ออกอากาศเมื่อวันที่ : 29 ตุลาคม 2564

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ลงนามสั่ง ร.อ. ธรรมนัส พรหมเผ่า ประชุมกรรมการบริหารฯ

,

ลงนามนัดประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ พฤหัสบดี 28 ตุลาคมนี้

วันที่ 27 ตุลาคม 2564 มีรายงานว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.)​ ได้ลงนามนัดประชุมคณะกรรมการบริหารพร้อมทั้งหัวหน้าภาคของพรรค ในวันพฤหัสบดีที่ 28 ตุลาคมนี้ เวลา 12.30 น. ที่ทำการพรรคพลังประชารัฐ อาคารรัชดา วัน

“ท่านหัวหน้าพรรคมีความเป็นห่วงในกระแสข่าวต่าง ๆ ที่คลาดเคลื่อนในขณะนี้ จึงเรียกประชุมคณะกรรมการบริหารพรรค พร้อมทั้งหัวหน้าภาคด้วยในคราวเดียวกัน เพื่อทำความเข้าใจที่ตรงกัน”
แหล่งข่าวกล่าว

ที่มา : www.prachachat.net
เมื่อวันที่ : 28 ตุลาคม 2564

“เลขาฯธรรมนัส” ลงพื้นที่ให้กำลังใจคนเมืองนนท์ เร่งดูแลน้ำท่วม-มอบถุงยังชีพ

,

“เลขาฯธรรมนัส” ลงพื้นที่ให้กำลังใจคนเมืองนนท์ เร่งดูแลน้ำท่วม-มอบถุงยังชีพบรรเทาความเดือดร้อน

วันที่ 15 ตุลาคม 2564 เวลาประมาณ 9.30น. ณ บริเวณวัดแจ้งศิริสัมพันธ์ จังหวัดนนทบุรี

ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) พร้อมคณะลงพื้นที่ให้กำลังใจประชาชนผู้ประสบภัยน้ำท่วมในชุมชนวัดแจ้งศิริสัมพันธ์ จังหวัดนนทบุรี โดยมี นางเจริญ เรี่ยวแรง ส.ส. เขต 1 พปชร.จังหวัดนนทบุรี พร้อมด้วย อดีต ส.ส.นายฉลอง เรี่ยวแรง และทีมงาน รวมถึง นายทศพล เพ็งส้ม อดีตผู้สมัคร เขต 5 พปชร.นนทบุรี และนายจำลอง บัวสา รองนายกฯอบจ.นนทบุรี ให้การต้อนรับ พร้อมรายงานสถานการณ์น้ำในจังหวัดนนทบุรี

ทั้งนี้ ร้อยเอก ธรรมนัส ได้กล่าวระหว่างพบปะกับชาวบ้านในชุมชนวัดแจ้งศิริสัมพันธ์ ว่า วันนี้ถือว่าเป็นครั้งแรกที่ตนเองได้ลงมาในพื้นที่จังหวัดนนทบุรี ซึ่งมีส.ส.เจริญ และ อดีต ส.ส.ฉลอง และนายทศพล ตลอดจนรองนายกฯอบจ. จังหวัดนนทบุรี และสมาชิก อบจ.หลายท่านมาร่วมต้อนรับ และยืนยันว่า การลงพื้นที่วันนี้ ตนมีความห่วงใยพี่น้องประชาชนไม่ใช่เป็นเรื่องของการเมือง แต่มาเพื่อช่วยเหลือพี่น้องประชาชนที่เดือดร้อน ที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัยในครั้งนี้

“ขณะนี้มีหลายจังหวัดที่ประสบปัญหาน้ำท่วมเช่นเดียวกัน โดยเฉพาะอย่างยิ่งจังหวัดพระนครศรีอยุธยา จังหวัดลพบุรี จังหวัดสระบุรี และเมื่อวาน ผมได้เดินทางไปจังหวัดขอนแก่นมาแล้ว สิ่งที่เป็นผลกระทบจากน้ำท่วมทิ้งไว้ คือความเสียหายและความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน ซึ่งจุดนี้ได้รับผลกระทบจากมวลน้ำที่ไหลผ่านลงมา แต่อย่างไรก็ตาม หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการน้ำ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ท่านรองนายกฯ ประวิตร วงษ์สุวรรณ ที่เป็นประธานการบริหารจัดการน้ำแห่งชาติ ได้มอบนโยบายให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับน้ำทุกๆ กลุ่มที่ท่านกำกับดูแลอยู่ ให้บูรณาการดูแลแก้ไขปัญหาประชาชนอย่างเต็มที่ แต่สิ่งที่เราเตรียมจัดการไปมากกว่านั้นคือในเรื่องของปัญหาภัยแล้งด้วย สำหรับในชุมชนนี้ ขั้นตอนจากนี้ไป จะเป็นเรื่องของการประสานงานหน่วยงานเกี่ยวข้อง ในการเยียวยาให้พี่น้องประชาชน ที่เดือดร้อนต่อไปครับ” ร้อยเอกธรรมนัส กล่าว

จากนั้น ร้อยเอกธรรมนัส พร้อมคณะได้มอบถุงยังชีพและสิ่งของที่จำเป็น ให้ผู้ประสบภัยน้ำท่วม เพื่อบรรเทาความเดือดร้อน พร้อมกันนี้ยังได้มีการสำรวจบ้านเรือนและให้กำลังใจประชาชนที่ประสบภัยน้ำท่วมด้วย

นอกจากนี้ ร.อ.ธรรมนัส ยังให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน ก่อนเดินทางกลับ ถึงกรณีแต่งตั้ง นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค เป็นที่ปรึกษา พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคฯว่า ส่วนตัวเคารพการตัดสินใจของ พล.อ.ประวิตร ในฐานะหัวหน้าพรรค ที่ตัดสินใจในเรื่องนี้ โดยยืนยันว่า การลงพื้นที่ของตนเองในช่วงนี้ ทุกครั้งไม่ใช่เป็นการวัดพลังอะไร จึงอยากให้ทำใจให้เป็นกลาง ตอนนี้ไม่ใช่เรื่องการเมืองแต่เป็นเรื่องการบ้าน ทั้งฝ่ายรัฐบาล ฝ่ายค้านจนถึงเอกชน ต้องระดมกำลังไปช่วยเหลือประชาชนที่ประสบปัญหาได้รับผลกระทบจากโควิด-19 และน้ำท่วม ต้องมองความเดือดร้อนของประชาชน ซึ่งตนเองลงพื้นที่ทุกวันในฐานะเป็นตัวแทน ส.ส. และเป็นแม่บ้านพรรค ไปในนามพรรคช่วยเหลือประชาชน อีกทั้งตนทำทุกอย่างตามนโยบายที่หัวหน้าพรรคได้มอบหมาย ต้องช่วยประชาชนให้มากที่สุด ปัญหาต่างๆ ต้องนำเรียน เพื่อที่ว่าท่านหัวหน้าพรรคฯจะได้สั่งการช่วยเหลือทันท่วงที

สำหรับความพร้อมในเรื่องการเลือกตั้งนั้นเป็นธรรมชาติของการเมืองที่นักการเมืองจะเริ่มขยับเมื่อเข้าสู่ปีที่ 3 การหาบุคคลที่จะเป็นผู้สมัครและสมาชิกของพรรค เป็นเรื่องของแกนนำแต่ละจังหวัด ส่วนกรณี พรรคอื่นๆ ได้เปิดตัวแคนดิเดตนายกฯ ก็เป็นเรื่องของแต่ละพรรค สำหรับพรรคพลังประชารัฐจะส่งใคร ตนไม่สามารถตัดสินใจโดยพละการได้ เรื่องนี้จะเป็นการตัดสินใจของสมาชิก กรรมการบริหารพรรค จากนั้นจะนำเสนอให้กับหัวหน้าพรรค เราต้องทำตามระบบต่อไป

ที่มา : facebook.com/PPRPThailand
เมื่อวันที่ : 15 ตุลาคม 2564

“เลขาธรรมนัส” ลงพื้นที่ติดตามน้ำท่วม ช่วยเหลือชุมชนบ้านหนองหมู จ.สระบุรี

,

“เลขาธรรมนัส” ลุยน้ำช่วยเหลือชุมชนบ้านหนองหมู จ.สระบุรี พบหลายจุดเป็นพื้นที่ลุ่มต่ำเสนอหน่วยงานวางแผนป้องน้ำท่วมระยะยาว

“ธรรมนัส” ลงพื้นที่ช่วยเหลือชาวบ้านไม่มีหยุด! ล่าสุด นำทีมงาน ลุยช่วยเหลือบรรเทาทุกข์ความเดือดร้อนประชาชน จากสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ ชุมชนบ้านหนองหมู ตำบลบางโขมด อำเภอบ้านหมอ จังหวัดสระบุรี

วันที่ 12 ตุลาคม 2564 ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) พร้อมทีมงาน ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำท่วม ในพื้นที่ชุมชนบ้านหนองหมู ตำบลบางโขมด อำเภอบ้านหมอ จังหวัดสระบุรี โดยมี นายสมบัติ อ่ำนาคะ ส.ส.เขต2 พปชร.จังหวัดสระบุรี พร้อมคณะและตัวแทนเจ้าหน้าที่ส่วนปกครองท้องถิ่นให้การต้อนรับ ได้นั่งเรือท้องแบน นำถุงยังชีพ และยารักษาโรคจำเป็นเบื้องต้น ไปมอบให้ประชาชนใน พื้นที่ ม.1 จำนวน 53 ครัวเรือน ม.3 จำนวน 105 ครัวเรือน ม.4 จำนวน 81 ครัวเรือน ม.5 จำนวน 9 ครัวเรือน ม.6 จำนวน 2 ครัวเรือน ม.8.จำนวน 36 ครัวเรือน และ ม.9 จำนวน 257 ครัวเรือน รวมทั้งสิ้น 543 ครัวเรือน

ทั้งนี้ได้รับรายงานถึงสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ ที่นอกจากปริมาณน้ำฝนตกหนักแล้ว ยังเกิดจากน้ำที่ไหลทะลักจากโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาเริงราง หรือโครงการ R23 ใน อ.บ้านหมอ จ.สระบุรี ทำให้พี่น้องประชาชนสระบุรี ได้รับผลกระทบน้ำท่วมบ้านเรือน เป็นบริเวณกว้าง 3 อำเภอ คือ อ.บ้านหมอ อ.ดอนพุด และ อ.หนองโดน ซึ่งล่าสุดระดับน้ำเริ่มลดลง แต่ยังมีชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบได้รับความเดือดร้อนเป็นจำนวนมาก

“วันนี้ผมและทีมงาน ได้นำสิ่งของบรรเทาทุกข์ ทั้งถุงยังชีพจำเป็น และยารักษาโรค มาช่วยเหลือพี่น้องตำบลในหลายหมู่บ้าน ของตำบลบางโขมด อำเภอบ้านหมอ จังหวัดสระบุรี ที่ประสบภัยน้ำท่วม พร้อมกันนี้ ยังได้รับฟังฟังปัญหาต่างๆของพี่น้องและนำไปประสานแก้ไขให้ความช่วยเหลือต่อไป จากการที่ผมได้มาเห็นสถานการณ์น้ำท่วมจริงในพื้นที่ รวมถึงที่ได้รับฟังปัญหาจากพี่น้องประชาชนที่เดือดร้อนนั้น พบว่า ภาพรวมบริเวณตำบลบางโขมด เป็นจุดพื้นที่ลุ่มต่ำ สิ่งที่เราจะแก้ไข นอกจากช่วยเหลือเฉพาะหน้าเวลาน้ำท่วมแล้ว ยังต้องมีแผนแก้ไขในระยะยาวอย่างยั่งยืน เพื่อไม่ให้เกิดสถานการณ์น้ำท่วมแบบนี้ซ้ำซากอีก ซึ่งผมมองว่า สถานการณ์ท่วมแบบนี้ เกิดขึ้นในหลายพื้นที่ลุ่มต่ำของจังหวัดต่างๆ จึงจะนำปัญหานี้ไปนำเสนอต่อหน่วยงานของภาครัฐที่เกี่ยวข้อง เพื่อแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืน” ร้อยเอก ธรรมนัส กล่าว

ที่มา : facebook.com/PPRPThailand/
เมื่อวันที่ : 12 ตุลาคม 2564