โลกเปลี่ยน ไทยต้องปรับ ทางเลือกใหม่ของการเมืองไทย ก้าวข้ามความขัดแย้ง สานพลังประชาราษฎร์ ร่วมสร้างชาติให้ยั่งยืน

ป้ายกำกับ: ข่าวกิจกรรม ส.ส. และสมาชิกพรรค

ไปป์ ภูวกร ปรางภรพิทักษ์ ผู้สมัคร ส.ส. กทม เขต 4 พลังประชารัฐ ร่วมสนับสนุนนโยบายความเท่าเทียมทางเพศในศึกเลือกตั้ง 2566

,

ไปป์ ภูวกร ปรางภรพิทักษ์ ผู้สมัคร ส.ส. กทม เขต 4 พลังประชารัฐ ร่วมสนับสนุนนโยบายความเท่าเทียมทางเพศในศึกเลือกตั้ง 2566

ไปป์ ภูวกร ปรางภรพิทักษ์ ผู้สมัคร ส.ส. เขตวัฒนา-คลองเตย เบอร์ 8 พรรคพลังประชารัฐ ร่วมกิจกรรมเสวนา “ทอม ทรานส์ ผู้ชายข้ามเพศ ทรานส์มาสคิวลีน ในศึกเลือกตั้ง 2566” เมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม 2566 ณ เดอะ ฟอร์ท สุขุมวิท 51 กทม. ร่วมกับผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรที่มีอัตลักษณ์เพศหลากหลาย ได้แก่ ณธีภัสร์ กุลเศรษฐสิทธิ์ (เตอร์) พรรคก้าวไกล กฤศ ธรรมสโรช (จิมมี่) พรรคเสมอภาค รณกฤต หะมิชาติ (แซม) พรรคเพื่อชาติ และ ณัฏฐ์ มงคลนาวิน (นัตเต้) พรรคภูมิใจไทย

ทั้งนี้ ไปป์ กล่าวว่า ‘ขออาสาเป็นตัวแทนคนรุ่นใหม่ในพรรค เพื่อรับฟัง สร้างความเข้าใจเรื่องความหลากหลาย ว่าไม่ใช่ของเพศหลากหลายเท่านั้น แต่ของทุกคน ผมอยากเป็นตัวแทนประสานคนภายในพรรคและความเข้าใจเรื่องความไม่เท่าเทียมทางเพศ ให้กว้างขึ้น’

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 8 พฤษภาคม 2566

ธรรมนัส -บุญสิงห์’ นำทีมลุยหาเสียงช่วย ‘ออม อนุรัตน์ ตันบรรจง’ ผู้สมัคร ส.ส.เขต 2 เบอร์ 6 พปชร. จ.พะเยา ปลุกใจถึงเวลาต้องกล้าเปลี่ยน เลือกคนใหม่มีพลังเต็มเปี่ยม ร่วมสร้างบ้านแปงเมือง

,

ธรรมนัส -บุญสิงห์’ นำทีมลุยหาเสียงช่วย ‘ออม อนุรัตน์ ตันบรรจง’ ผู้สมัคร ส.ส.เขต 2 เบอร์ 6 พปชร. จ.พะเยา ปลุกใจถึงเวลาต้องกล้าเปลี่ยน เลือกคนใหม่มีพลังเต็มเปี่ยม ร่วมสร้างบ้านแปงเมือง

เมื่อวันที่ 5 พฤษภาคม 2566 ณ บริเวณลานโรงสีกิตติยะเอ็นเตอร์ไพร์ส ตำบลทุ่งรวงทอง อำเภอจุน จังหวัดพะเยา พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.)นำโดยร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ผู้สมัคร ส.ส.เขต 1 เบอร์ 6 จังหวัดพะเยา พปชร.และในฐานะประธานยุทธศาสตร์เลือกตั้งภาคเหนือ พร้อมด้วยนายบุญสิงห์ วรินทร์รักษ์ ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะกรรมการบริหารพรรค พปชร. นางสาวธนพร ศรีวิราช ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ และนายไพรัตน์ ตันบรรจง ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อพร้อมทีมงานผู้ช่วยหาเสียง ได้มาร่วมกันพบปะประชาชนและปราศรัยหาเสียงช่วยนายอนุรัตน์ ตันบรรจง (ออม)ผู้สมัคร ส.ส.เขต 2 เบอร์ 6 พปชร.จังหวัดพะเยา ซึ่งบรรยากาศเป็นไปด้วยความคึกคัก มีประชาชนมารอต้อนรับให้กำลังใจและร่วมรับฟังการปราศรัยเป็นจำนวนมาก

ร้อยเอกธรรมนัส กล่าวช่วงหนึ่งว่า วันนี้ดีใจที่ได้มาพบปะพ่อแม่พี่น้องทุกท่าน จึงถือโอกาสมาขอคะแนนจากทุกท่านให้น้องออม หรือ อนุรัตน์ ตันบรรจง ผู้สมัคร ส.ส.เขต 2 เบอร์ 6 ของพรรคฯ เพื่อเข้าไปเป็นปากเป็นเสียงแทนทุกท่านและจะได้ช่วยกันพัฒนาบ้านเมืองของเราให้ดียิ่งขึ้น และช่วยดูแลแก้ปัญหาปากท้อง เรื่องน้ำ เรื่องที่ดินทำกิน ตลอดจน เรื่องราคาพืชผลการเกษตรต่างๆ ที่สร้างความเดือดร้อนอย่างมากในช่วงที่ผลผลิตออกสู่ตลาด โดยเฉพาะลิ้นจี่ ลำไย เป็นต้น

“พี่น้องครับ การเลือกตั้งเมื่อปี 62 ผมได้เป็น ส.ส.ในเขต 1 พะเยา และมีโอกาสเป็นรัฐมนตรีช่วยว่ากระทรวงเกษตรฯ รวมถึงเป็นเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ ดูแลพื้นที่ภาคเหนือนั้นผมได้ผลักดันงบประมาณต่างๆ ลงมาพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานจังหวัดพะเยาของเรา ทั้งถนนหนทาง สาธารณูปโภคต่างๆให้สะดวกปลอดภัยมากขึ้น ถนนที่มาจากดอกคำใต้ เข้ากิ่วแก้ว จุนไปสุดเชียงคำ ออกปูซาน เข้าเชียงของ ทำในยุคที่ผมเป็นรัฐมนตรี ไม่ใช่ ส.ส.ของเชียงรายหรือใครที่มาอวดอ้าง นอกจากนี้ ยังมีการผลักดันสร้างรถไฟทางคู่ จากเด่นชัย งาว มาเข้าพะเยา จนไปเชียงของ จนตอนนี้สร้างมาถึงแม่กาแล้ว ยังมีโครงการสร้างสนามบินพะเยา ที่ตนแองผลักดัน และจะเริ่มดำเนินการก่อสร้างในปี 2567 ที่ ตำบลดอนศรีชุม อำเภอดอกคำใต้ เหล่านี้ล้วนเป็นผลงานที่เห็นชัดเจน ดังนั้นจากนี้พ่อแม่พี่น้องต้องกล้าตัดสิน ต้องกล้ารับสิ่งใหม่ๆ ต้องกล้าเปลี่ยนแปลง เพื่อพัฒนาบ้านเมืองเราให้เจริฐก้าวหน้า มิฉะนั้นก็จะจมอยู่กับปัญหาเดิม ถึงเวลาแล้วต้องเปลี่ยนใช่หรือไม่ ดังนั้น วันที่ 14 พฤษภาคม นี้ ขอให้ไว้วางใจเลือกเบอร์ 6 เพื่อให้เป็นตัวแทนทุกท่าน ทำงานประสานกันกับตนเอง เพื่อมาแก้ปัญหาให้พี่น้อง เราต้องเปลี่ยน เปลี่ยนของเก่าเราไม่เอา เราต้องการเปลี่ยนใช่หรือไม่”

ทั้งนี้ เมื่อร้อยเอกธรรมนัส ได้ถามว่าต้องการเปลี่ยนหรือไม่ ประชาชนที่มานั่งฟังปราศรัย ต่างพร้อมใจกันส่งเสียงพร้อมชูมือว่า “เปลี่ยน เปลี่ยน เปลี่ยน” ซึ่งร้อยเอกธรรมนัส ได้กล่าวขอบคุณ ทุกคน พร้อมชูมือของ นายอนุรัตน์ เพื่อแสดงความขอบคุณและตอบรับพลังน้ำใจของประชาชนอีกด้วย

หลังจากนั้น นายบุญสิงห์ และนายอนุรัตน์ ได้สลับกันขึ้นปราศรัยแนะนำนโยบายของพรรค ที่ยึดหลักก้าวข้ามความขัดแย้ง ก้าวข้ามความยากจน แก้ปัญหาที่ดินทำกิน เปลี่ยน ส.ป.ก. เป็นโฉนด ใครที่มีเอกสาร คทช.ก็จะเปลี่ยนเป็น สปก.4-01 นอกจากนี้ ยังแบ่งเบาภาระค่าครองชีพ โดยลดราคาน้ำมัน ราคาแก๊ส และค่าไฟฟ้าลงในทันที ที่เข้ามาเป็นรัฐบาล โดยลดราคาน้ำมันดีเซล 6.30 บาทต่อลิตร เบนซิน 18 บาทต่อลิตร รวมทั้งยังมีมาตรการลดราคาแก๊สให้เหลือ 250 บาทต่อถัง ที่สำคัญ คือ ลดค่าไฟฟ้าครัวเรือนให้เหลือ 2.50 บาทต่อหน่วย และลดค่าไฟฟ้าภาคอุตสาหกรรมเหลือ 2.70 บาทต่อหน่วย นอกจากนี้ยังมีการสานต่อเรื่องบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 700 บาท และผู้ถือบัตรยังมีประกันชีวิตอีก 200,000 รวมถึงยังจะช่วยลดต้นทุนการผลิตช่วงเก็บเกี่ยวผลผลิต ให้พ่อแม่พี่น้องเกษตรกร ไร่ละ 2,000 บาท จำนวน 15 ไร่ อีกด้วย เรายังมีเบี้ยผู้สูงอายุ แบบขั้นบันได ตั้งแต่อายุ 60 ปี เพิ่มเป็นจำนวน 3,000 บาทต่อเดือน อายุ 70 ปี ขึ้นไป เพิ่มเป็นจำนวน 4,000 บาทต่อเดือน และอายุ 80 ปีขึ้นไป เพิ่มเป็นจำนวน 5,000 บาทต่อเดือน นโยบายดูแลทุกช่วงวัย แม่ บุตร ธิดา ประชารัฐ รวมไปถึง 3 นโยบายสำคัญสร้างรายได้เกษตรกร คือเติมเงินทุนช่วยเหลือเกษตรกรครัวเรือนละ 30,000 บาท ปุ๋ยคนละครึ่ง คือรัฐช่วยเหลือค่าปุ๋ย 50% และเพิ่มเงินช่วยเหลือต้นทุนค่าเก็บเกี่ยวข้าวให้ชาวนาไร่ละ 2,000 บาท ไม่เกิน 15 ไร่ ทั้งหมดนี้ล้วนแต่มีประโยชน์และช่วยเหลือประชาชนได้อย่างแท้จริง และทางพรรคฯ พร้อมทำทันทีหลังได้จัดตั้งรัฐบาล

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 6 พฤษภาคม 2566

“ศ.ดร.นฤมล “ประกาศปักหมุดเขตราชเทวี ทุกคนต้องมีบ้านอาศัยที่มั่นงคง ตาม โครงการบ้านประชารัฐ 360 องศา เผย ไม่หวั่นผลโพล พปชร.กระแสไม่ดี เหตุเน้นตัวผู้สมัครแต่ละเขตเข้าถึง ปชช.ในพื้นที่ ไม่เน้นกระแสโซเชียล

,

“ศ.ดร.นฤมล “ประกาศปักหมุดเขตราชเทวี ทุกคนต้องมีบ้านอาศัยที่มั่นงคง ตาม โครงการบ้านประชารัฐ 360 องศา เผย ไม่หวั่นผลโพล พปชร.กระแสไม่ดี เหตุเน้นตัวผู้สมัครแต่ละเขตเข้าถึง ปชช.ในพื้นที่ ไม่เน้นกระแสโซเชียล

พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.)นำโดย ศ.ดร.นฤมล ภิณโญสินวัฒน์ เหรัญญิก พรรค และหัวหน้าทีมผู้สมัคร กทม. ลงพื้นที่ชุมชนนิคมมักกะสัน แขวงมักกะสัน เขตราชเทวี กรุงเทพฯ ร่วมกับ นายพณิชย์ วิทยาภัทร์ ผู้สมัคร ส.ส. กทม. เขต 2 (เบอร์ 11)พรรคพลังประชารัฐ เพื่อพบปะกับประชาชน และรับฟังข้อเสนอแนะต่างๆ

โดย ศ.ดร.นฤมล กล่าวว่า นายพณิชย์ผู้สมัครของพรรคเราได้นำปัญหาต่าง ๆ ในชุมชนมักกะสันที่พี่น้องประชาชนประสบอยู่ก็คือ เรื่องที่อยู่อาศัย ซึ่งก็สอดคล้องกับนโยบายบ้านประชารัฐ ที่เราจะดำเนินการต่อยอดจาก พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค พปชร.ที่ได้ทำเอาไว้ ที่คลองเปรมประชากร และคลองลาดพร้าว รวมทั้ง ชุมชนเชื้อเพลิง ซึ่งบริเวณนี้จะมีลักษณะคล้ายกันกับชุมชนเชื้อเพลิง คือที่ดินเป็นของการรถไฟ พื้นที่ตรงนี้อาจจะต้องมีการเจรจาในเรื่องของการขอเช่า เพื่อให้พี่น้องประชาชนได้สร้างบ้านพักที่อยู่อาศัย เพื่อที่จะมาปรับปรุง บ้านที่อยู่อาศัยให้ดีขึ้น โดยที่พี่น้องประชาชนพร้อมที่จะลงทุนในบ้าน โดยทางพรรคมีโครงการ นโยบายต่างๆรองรับ มีเอกชนเข้ามาร่วมลงทุน จึงมีความพร้อมที่จะมาร่วมผลักดัน ให้เกิดบ้าน ที่มีสภาพมั่นคงมากยิ่งขึ้น

“บ้านไม่ได้ เป็นเพียงบ้านพักอาศัย เราต้องเข้าใจวิถีชีวิต ของพี่น้องที่อยู่อาศัยตรงนี้ด้วย เมื่อเขาปักหลักตรงนี้ ก็คือชีวิตเขาทั้งหมดอยู่ตรงนี้ การที่จะ ให้ย้ายไปอยู่ที่อื่น ก็ต้องไปเริ่มต้นชีวิตใหม่หมด ซึ่งเหมือนกับทุกชุมชนที่ไม่ต้องการเช่นนั้น เขาขอแค่แบ่งพื้นที่จำนวนหนึ่ง พอที่จะสร้างเป็นที่อยู่อาศัยให้สามารถทำมาหากิน ลูกหลานได้เรียนหนังสือ และยังชีพตรงนี้ได้เช่นเดียวกัน เราสัญญากับพี่น้องประชาชนว่า เมื่อผู้สมัครเข้าไปในสภา จะไปผลักดันตรงนี้ พรรคพลังประชารัฐก็จะผลักดันตรงนี้ให้เกิดขึ้น บ้านประชารัฐ ชุมชนมักกะสัน อย่างแน่นอน”ศ.ดร.นฤมล กล่าว

นอกจากนี้ ศ.ดร.นฤมล กล่าวต่อว่า เราวางแบบบ้านประชารัฐเอาไว้ จะไม่ได้สร้างเป็นบล็อกๆ แต่จะออกแบบให้น่าอยู่สวยงามเหมาะสมกับสภาพพื้นที่และเป็นจุดเช็คอินใหม่สำหรับนักท่องเที่ยวทั้งในประเทศไทยและต่างชาติที่จะเข้ามาเที่ยวในชุมชนมักกะสันแห่งนี้ ดูวิถีชีวิต เหมือนที่เราไปญี่ปุ่น อย่างหมู่บ้านเล็กๆเขาอยู่กันอย่างไร ตรงนี้ก็จะเป็นจุดเช็คอินที่เราหวังว่าจะทำ ให้เกิดขึ้น และภายในบ้านเองจะพัฒนาให้ตรง กับผู้อยู่ เพราะแต่ละครัวเรือนก็มีผู้อยู่อาศัยไม่เหมือนกัน ซึ่งจะมีผู้สูงอายุ มีเด็กเล็ก มีผู้ป่วยติดเตียง ก็ต้องออกแบบสัดส่วน ที่อยู่อาศัยให้เหมาะสม ตรงใจผู้อยู่ ตรงนี้เป็นแนวนโยบายของบ้านประชารัฐ

ศ.ดร.นฤมล ยังให้สัมภาษณ์ถึงภาพรวมการหาเสียงในพื้นที่ กทม.ว่า ตอนนี้ยังไม่พบอุปสรรคที่ต้องกังวล แต่สิ่งที่เร่ง 8-9 วันสุดท้ายคือลงในพื้นที่เป้าหมาย ที่คิดว่า มีโอกาสจะชนะ และในพื้นที่ ๆ เราคิดว่าอยากเข้าไปพัฒนาเช่น ชุมชนมักกะสันแห่งนี้ ซึ่งผู้สมัครได้ลงพื้นที่มา 4 ปีแล้วและมีความมั่นใจว่าจะสามารถแก้ปัญหาให้กับพี่น้องประชาชนในชุมชนได้ตลอดทั้งเขต ซึ่งมันไม่ใช่แค่บ้านอย่างเดียวแต่มันเป็นวิถีชีวิตของพี่น้องในชุมชน และไม่ใช่เรื่องสวัสดิการและการจ่ายเงินอย่างเดียว เขาต้องการความมั่นคงยั่งยืนและมีอาชีพ มีรายได้ และมีที่เรียนซึ่งเป็นสิ่งที่ ผู้สมัคร และ พรรคพลังประชารัฐ เข้ามาลงในรายละเอียด จะมาพัฒนาให้กับพี่น้องมีอาชีพทักษะรายได้ มีงานทำ และมีรายได้เพิ่มขึ้นอย่างไรบ้าง

ส่วนกรณีที่ผลโพลที่ออกมาขณะนี้ พรรค พปชร.ดูเหมือนกระแสยังไม่ดีเท่ากับพรรคอื่นๆ ศ.ดร.นฤมล กล่าวว่า เราเน้นที่เขต เราไม่ได้เน้นเรื่องการทำกระแสเพราะพรรคมีการเปลี่ยนแปลงตลอด ในช่วงระยะเวลา 2-3 ปี มันเป็นเรื่องสินค้าที่ยากในการตามกระแส แต่ ทางพรรคเน้นตัวผู้สมัคร อย่างไรก็ตาม กทม.ก็จะเน้นที่เขต อย่างเขตของแป๊บ พณิชย์ เรามั่นใจว่าได้แน่ และอีกประมาณ 11 เขตเราก็มั่นใจ ในต่างจังหวัดก็เช่นเดียวกัน ซึ่งอาจจะไม่ตรงกับโพลที่มักจะอิงกระแสโซเชียลมีเดีย และภาพรวมแต่ถ้าโฟกัส เรื่องตัวเขต 70-90% เรามั่นใจ

ด้านนายพณิชย์ จากการที่ลงพื้นที่ตรงนี้มา ตลอด 3 ปีกว่าจะ 4 ปีเห็นปัญหาอย่างแรกคือ การที่รถไฟ หรือหน่วยงานอื่นๆต้องการขอพื้นที่ ซึ่งไม่ใช่แค่ให้ประชาชนหรือชาวบ้านย้ายที่อยู่ อย่างแรกต้องหาอาชีพให้ก่อนถึงจะย้าย ซึ่งจะเป็นการเปลี่ยนวิถีชีวิตค่อนข้างมาก จึงแนะนำว่าควรหาอาชีพเสริม และอาชีพหลักให้กับประชาชนรวมถึง เรื่องสถานศึกษาก็สำคัญ เพราะเยาวชนที่นี่เรียนในพื้นที่กันหมด

นายพณิชย์ ยังกล่าวถึง การหาอาชีพที่ พปชร.เรากำลังผลักดันในเรื่องของการฝึกอาชีพแต่การฝึกอาชีพ อย่างเดียวก็เป็นเรื่องยากสำหรับประชาชนและชาวบ้าน จึงเสนอว่าในหลายชุมชน เช่น พวงมาลัย ที่ร้อยอยู่ขายตามสี่แยก ถูกจ้าง ร้อยโดยชาวบ้านบริเวณนี้ โดย ได้ ค่าจ้างทวงละ 50 สตางค์ หรือพวงละ 1 บาท ซึ่งหมายความว่า ชาวบ้านอาจจะไม่ถนัด ที่จะไปขายเอง แต่ถ้ามีผู้ที่ต้องการแรงงานฝีมือในราคาไม่แพง สามารถแข่งขันได้ ประชาชนหรือชาวบ้านสามารถทำได้ ซึ่งหากพัฒนาตรงนี้ได้ ทำอย่างไรให้มีมูลค่ามากกว่านี้ ก็สามารถทำได้

“เบื้องต้นก่อนที่จะโครงการจะเริ่ม 3 ปี ที่ได้มาพัฒนาปรับปรุงอย่างแรกคือ ขอสปอนเซอร์มาติดไฟ โซล่าเซลล์ในชุมชนที่เป็นมุมอับ เพื่อดูแลเรื่องความปลอดภัยได้และถ้ามีโอกาสเป็น ส.ส พรรคพลังประชารัฐ เป็นรัฐบาลพวกเราก็จะร่วมแก้ปัญหาเรื่องที่อยู่อาศัยและอาชีพ ไปพร้อม ๆ กัน”

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 5 พฤษภาคม 2566

“ศ.ดร.นฤมล” ตะลุยหาเสียงตลาดน้อมจิตต์ช่วย “บ๊ะ นฤมล” เขต14 เบอร์5มั่นใจเสียงตอบรับปชช.พอใจนโนยบายเบี้ยผู้สูงวัย รอตั้งกองทุนหนุนธุรกิจขนาดเล็ก

,

“ศ.ดร.นฤมล” ตะลุยหาเสียงตลาดน้อมจิตต์ช่วย “บ๊ะ นฤมล” เขต14 เบอร์5มั่นใจเสียงตอบรับปชช.พอใจนโนยบายเบี้ยผู้สูงวัย รอตั้งกองทุนหนุนธุรกิจขนาดเล็ก

4 พ.ค. 2566. พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.)นำโดย ศ.ดร.นฤมล ภิณโญสินวัฒน์ เหรัญญิกเปิดเผยว่า ได้ลงพื้นร่วมกับ นางนฤมล รัตนาภิบาล ผู้สมัคร ส.ส. กทม. เขต 14 บางกระปิ วังทองหลาง เบอร์ 5 พรรคพลังประชารัฐ พบปะผู้ค้า และประชาชนบริเวณ ตลาดนัดน้อมจิตต์ แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ ซึ่งพื้นที่นี้ถือเป็นพื้นที่เศรษฐกิจ และเป็นพื้นที่เป้าหมายของพรรค เพราะเคยได้รับความไว้วางใจจากพี่น้องประชาชน ในการทำหน้าที่ส.ส. และครั้งนี้เนื่องจากผู้สมัคร โดยนางนฤมล ถือว่ามาจากสมาชิกสภาเขต(สข.) เขตบางกะปิ มีความเข้าใจในปัญหาของพื้นที่ เพราะได้ลงพื้นที่มาอย่างยาวนาน ทำให้มีความมั่นใจและเข้าใจในปัญหาของประชาชนในด้านต่างๆ เป็นอย่างดี จึงอยากฝากให้พี่น้อง เลือกตัวแทนที่มีความเข้าใจ ในการแก้ปัญหาให้เห็นผลอย่างแท้จริง

ขณที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ได้มอบนโยบายให้ผู้สมัครลงพื้นที่อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะพื้นที่เป้าหมายที่เป็นพื้นที่เศรษฐกิจ ซึ่งได้รับฟังปัญหาต่างๆ ที่นางนฤมล ได้นำ เสียงสะท้อนมาเสนอ ต่อคณะกรรมการบริหารถึงความต้องการที่จะได้รับการดูแล และการสนับสนุน ทั้งในเรื่องการหาแหล่งเงินทุน เพื่อประกอบอาชีพที่มั่นคง นับเป็นเรื่องที่หลายคนฝากความหวังไว้กับพรรคพลังประชารัฐ รวมถึงนโยบายทึ่จะช่วยเหลือลดค่าของชีพที่เป็นปัญหาของผู้มีรายได้น้อย

นางนฤมล ผู้สมัครเขต กล่าวว่า วันนี้ได้ดร.นฤมล มาร่วมเดินหาเสียงเพื่อบอกกล่าวกับประชาชน ถึงนโยบายของพรรค ในเรื่องต่างๆ ที่จะทำให้กับพี่น้องประชาชนทั้งการลดค่าของชีพ การเข้าถึงแหล่งเงินทุนของการประกอบธุรกิจใน เขตบางกะปิ ที่มีทั้งย่านธุรกิจ รายเล็ก รายน้อย และยังมีสถาบันการศึกษาหลายแห่ง รวมถึงเป็นชุมทางสัญจรเข้าสู่กรุงเทพชั้นใน ซึ่งมั่นใจว่านโยบายจะเข้าถึงประชาชน เพราะที่ผ่านมาพี่น้องบางกะปิกลุ่มผู้สูงอายุต่างชื่นชอบนโยบายการเพิ่มเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ 60 ปีจะได้ 3,000.บาท อายุ 70 บาทปีจะได้ 4,000 บาท อายุ 80 ปีขึ้นไปอายุ 5,000 บาท เพราะเป็นนโยบาย ที่รอคอยและฝากความหวังถ้าพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคเข้ามาเป็นนายกรัฐมนตรี เพื่อที่จะทำให้ผู้สูงอายุอยู่อย่างเป็นสุข ลดการพึ่งพาลูกหลานและมีศักดิ์ศรีเป็นของตัวเอง

นอกจากนี้ ยังได้รับเสียงสะท้อนที่เกิดขึ้นในพื้นที่และนโยบายที่เกี่ยวกับผู้ประกอบการผู้ค้ารายเล็กรายน้อยที่อยากจะได้เงินกู้จากกองทุนประชารัฐ 300,000 ล้านบาท เพื่อต่อยอดธุรกิจหลังจากที่ได้รับผลกระทบจากโควิด19 และต้องปิดกิจการไป ให้สามารถกลับมาประกอบกิจการใหม่อีกครั้ง ซึ่งพปชร.สามารถทำงานให้กับพี่น้องประชาชนได้อย่างเต็มที่ เมื่อหัวหน้าพรรคสามารถขึ้น เป็นผู้นำประเทศได้ ก็จะนำมาสู่การแก้ปัญหาต่างๆได้เป็นอย่างดี เนื่องจากเป็นนักประสานให้ทุกหน่วยงาน ที่จะเข้ามาร่วม แก้ปัญหาต่างๆจนสามารถจะพลิกวิกฤตเศรษฐกิจของไทยให้คนไทยมีความเป็นอยู่ที่มีชีวิตที่ดีขึ้น

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 4 พฤษภาคม 2566

ชัยวุฒิ ปราศรัย ซัดนักการเมืองโกงมีปัญหา ประเทศไม่ได้มีปัญหา วอนหยุดดราม่า โจมตีหาเสียง ย้ำจุดยืน พปชร.รักชาติ รักแผ่นดิน

,

ชัยวุฒิ ปราศรัย ซัดนักการเมืองโกงมีปัญหา ประเทศไม่ได้มีปัญหา วอนหยุดดราม่า โจมตีหาเสียง ย้ำจุดยืน พปชร.รักชาติ รักแผ่นดิน

นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ลงพื้นที่ ปราศรัย อำเภอ ค่ายบางระจัน จังหวัดสิงห์บุรี เพื่อช่วย นายโชติวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ ผู้สมัคร สส. หมายเลข7 พรรคพลังประชารัฐ หาเสียง

โดย นายชัยวุฒิ กล่าวว่า ทุกวันนี้ มีคนกลุ่มหนึ่งก็พยายามหาเสียงเลือกตั้ง ด้วยการ พูดจาดราม่า เข้าใจคําว่าดราม่าไหม พูดจริงบ้าง ใส่สีปรุงแต่ง บิดเบือนเพื่อหาเสียง อะไรก็ไม่ดีประเทศไทยเสียหายเศรษฐกิจตกต่ำเพราะปฏิวัติรัฐประหาร มันก็ไม่ใช่ พอเขาปฏิวัติผ่านมาตั้งหลายปีแล้ว 8ปีแล้ว วันนี้มันไม่เกี่ยวกับการปฏิวัติรัฐประหารแล้ว มันเป็นเรื่องของการเลือกตั้งตามบอกประชาธิปไตย แต่ที่สําคัญประเทศไม่ได้เสียหาย บางคนทำธุรกิจ เขาเรียกว่าอสังหาริมทรัพย์ พูดชื่อเลย บริษัท แสนศิริ กําไรปีที่แล้วประมาณสองพันล้าน ปีนี้กําไรสี่พันล้าน กําไรเพิ่มขึ้นเท่าตัว แปลว่าอะไร เศรษฐกิจดี ขายบ้านได้ เพราะถ้าเศรษฐกิจไม่ดีเขาไม่ซื้อบ้านกัน บ้านหลังก็หลายสิบล้านด้วยในกรุงเทพ ขณะที่อุตสาหกรรมรถยนต์ เติบโตทุกปี ช่วงสิบปีมาแล้วไม่มีตกเลย มีโควิดที่ยังส่งออกได้ อุตสาหกรรมเติบโต ให้โบนัสพนักงาน8-9เดือน ต่อเนื่องมาเป็นสิบปี ปฏิวัติแล้ว อุตสาหกรรมรถยนต์ ธุรกิจก็ไม่ได้มีปัญหา การออกมาพูด ปฏิวัติแล้วเศรษฐกิจตกต่ำมากประชาชนเดือดร้อน มันไม่ได้มีปัญหาอย่างนั้น มันเป็นการสร้างวาทกรรม สร้างภาพเพื่อให้คนเกลียดชังกันและคิดว่าจะสร้างคะแนนนิยมให้กับนักการเมืองเท่านั้น ซึ่งอันนี้เป็นสิ่งที่พรรคพลังประชารัฐไม่ทํา

การข้ามความขัดแย้ง คือไม่ทะเลาะกัน ไม่โจมตีกัน พูดแต่สิ่งที่จะมาทําให้ประชาชน วันนี้จึงควรพูดแต่เรื่องที่อยากจะมาช่วยเหลือพี่น้องประชาชน เพราะ เรื่องใหญ่พี่น้องเข้าใจอยู่แล้ว คือก้าวข้ามความขัดแย้งเพื่ออะไร เพื่อให้มีรัฐบาลที่ดีมีเสถียรภาพ บ้านเมืองสงบสุข ประชาชนจะได้ทํามาหากินได้ อันนี้อันดับแรกที่เราต้องทํา แต่หลังจากบ้านเมืองเดินหน้าได้แล้ว วันนี้ปัญหาใหญ่ของคนไทยคือ ปัญหาเศรษฐกิจ น้ํามันแพง แก๊สหุงต้มอยากให้ลดราคาไหม ใช้ทุกบ้านอยู่แล้ว พอลดค่าแก๊ส เราก็เหลือเงินในกระเป๋ามากขึ้น เราจะได้มีเงินไปซื้อของไปดูแลลูกหลานเรา แต่ว่าบางพรรคบอก เรามาเอาแบบนี้ เราจะเติมเงินดิจิทัลให้คนละหนึ่งหมื่นบาท ใช้ไม่เป็น คนใช้ก็ไม่เป็น ร้านค้าตอนรับมา เขาบอกว่าเงินดิจิทัลจะได้ตรวจสอบได้ จะได้เก็บภาษีได้ ร้านค้านี้ไม่เข้าโครงการ ผมก็งงว่าจะให้เงิน10,000 บาท ทําไมต้องทําให้ยาก ก็ใส่แอปเป๋าตังค์ก็ได้ โอนเข้าบัญชีก็ได้ มีบัญชีทุกคน วันนี้ทุกคนมี โอนเงินเป็นสดใช่ไหมครับ โอนเงินมาเลยดีกว่าไหม แต่ทํายากทําไมก็ไม่รู้ มันทําไม่ได้ แต่ก็ไม่เป็นไร ตอนนี้คนไทยก็ไม่ได้สนใจเรื่องนี้ การสร้างราคาพลังงานที่ในอดีตทํามา มาเจอค่าแก๊สมันขึ้น ค่าไฟก็ขึ้นตาม เราก็ต้องไปแก้ปัญหาที่ค่าแก๊สและปรับโครงสร้าง เพื่อให้พลังงานไฟฟ้าราคาถูกลง เราตั้งเป้าไว้ว่าครอบครัวหนึ่งต้องเสียค่าไฟหน่วยละ สองบาทห้าสิบจากเดิมเกือบห้าบาท เพราะงั้นเราต้องเลือกพรรคพลังประชารัฐ เบอร์37

ผมสมัครส.ส.บัญชีรายชื่อ อันดับที่3 อันดับที่1 คือลุงป้อม พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ อันดับที่2 คือ เลขาพรรค สันติพร้อมพันธ์ อันดับ3 รองหัวหน้าพรรค ชื่อชัยวุฒิ เราต้องช่วยกันพรรคพลังประชารัฐ เบอร์37 เบอร์นี้ไม่ใช่เลือกนายก เลือก ส.ส.บัญชีรายชื่อ บางคนบอกเลือกลุงตู่ ผมก็รักลุงตู่ แต่ลุงตู่ไม่ได้อยู่พลังประชารัฐแล้ว เราต้องเลือกพลังประชารัฐ เพราะเลือกชัยวุฒิเบอร์37 เพราะผมได้ไปทํางานรับใช้พี่น้อง ร่วมกับโชติวุฒิ ร่วมกับคุณแม่ผมด้วย เข้าถึงทุกคน อยู่กับประชาชน เราเรียกใช้ได้ อันนี้คือเรื่องสําคัญสองเรื่อง เลือกคนที่ดี เลือกพรรคที่มีนโยบายดี ทําให้บ้านเมืองสงบสุข แต่เรื่องที่สามที่เป็นเรื่องสําคัญในการที่จะช่วยเราตัดสินใจได้ง่ายขึ้น คือ เรื่องที่อุดมการณ์ อุดมการณ์คือภาพใหญ่ที่เราคิดว่าจะทําให้ประเทศไทยเป็นอย่างไร พรรคเราชนะ รักชาติรักแผ่นดินอยากให้บ้านเมืองมั่นคงเข้มแข็ง ให้คนไทยปลอดภัยอยู่อย่างสงบสุข นี่คืออุดมการณ์ของพรรคพลังประชารัฐ เราคิดว่าปัญหาของประเทศ นักการเมืองชอบพูด บางคนบอกว่า อยากเปลี่ยนประเทศ เพราะประเทศมันมีปัญหา วุ่นวายมาก ต้องแก้ที่ต้นตอ ต้นตอนั้นคือต้นไม้ใหญ่ ที่มีรากแก้ว ปกคลุมแผ่นดินให้เป็นปึกแผ่น มีร่มเงาของต้นไม้ที่ทําให้คนไทยรักกันสามัคคีกัน เป็นราชอาณาจักรไทยอันเป็นหนึ่งเดียว อยู่ได้ทุกวันนี้ แล้วเราจะเปลี่ยนประเทศแบบเขาทําไม นี่คือเรื่องอุดมการณ์ วันนี้แทนที่จะพูดเรื่องเปลี่ยนประเทศ เรามาเปลี่ยนนักการเมืองเลวๆออกจากระบบดีกว่า พรรคการเมืองไหนที่มันโกงมันทําให้บ้านเมืองฉิบหายแล้วอย่าไปเลือก ในอดีตทําไมไม่พูด พรรคบางพรรคพูดถึงแต่ปัจจุบัน ด่าแต่ทหาร ทําอะไรก็ไม่ดี และนักการเมืองชั่วๆไม่พูดบ้าง บางครั้งนายไม่อยากพูดเรื่องจํานําข้าว เขาบอก เรื่องจำนําข้าว ผมอยู่กับพวกเราที่สิงห์บุรีเป็นชาวนาเยอะ โครงการจํานําข้าวทํามาหลาย10ปี ไม่ใช่เพิ่งมาเคยทำในสมัยรัฐบาลที่แล้ว แต่ทำไปแล้วมีปัญหา มีการโกง มีการทุจริตคอรัปชั่น ผมไม่ได้ใส่ร้าย เพราะมันพิสูจน์แล้วว่ามันโกงจริง แล้วติดคุกกันหมดแล้ว แล้วเขาต้องยกเลิกโครงการไปทําไม่ได้ เพราะมันเสียหายประเทศเป็นหนี้เป็นแสนล้าน มันไม่ได้เลิกเพราะลุงตู่ลุงป้อม บางคนรู้ว่าจำนําข้าวยกเลิกเพราะลุงตู่ลุงป้อมมันไม่ใช่มันยกเลิกเพราะมันโกงกันมันทําบ้านเมืองเสียหายไปแล้วมันเลยทําไม่ได้ วันนี้พรรคจำนำข้าวก็ไม่กล้าพูดเรื่องนี้ เพราะรู้ว่าทําผิดไปแล้ว ทําพลาดไปแล้วก็ไม่กล้าพูดเรื่องนี้ โครงการดีๆแบบนี้ที่เคยทําไว้ในอดีตก็เลยไม่มีมาช่วยพี่น้องประชาชน ผมก็ไม่อยากย้อนอดีตพูดให้ฟัง วันนี้ไอ้พรรคการเมืองแบบนี้อยู่ในสภาตอนเป็นรัฐบาลก็โกง เป็นฝ่ายค้านพี่น้องดูข่าวนะ สส. มุกดาหาร เป็นกรรมาธิการงบประมาณ ไปโกง ไปเรียกรับเงิน จากอธิบดีกรมทรัพยากรน้ํา เขาอัดเทป เรียกเงินเขา เรียกสินบน ตอนนี้โดนศาลฎีกาตัดสินแล้ว จําคุก6ปี ก็พรรคนี่แหละ พรรคประชาธิปไตยเรานี่แหละ เป็นฝ่ายรัฐบาลก็โกงเป็นฝ่ายค้านยังโกงได้เลยแล้วรับผิดชอบอะไร พรรครับผิดชอบไหม ด่าแต่คนอื่น ผมไม่เคยพูด ผมทนไม่ไหวต้องบอกพี่น้อง เรามาเลือกการเมือง เราเลือกให้คน เลือกพรรคที่จะมาทํางานให้เรา แล้วดูประวัติดูสิ่งที่เขาทําด้วย เพราะต้นตอของปัญหาทั้งหมดที่ประเทศไทยวุ่นวาย เพราะนักการเมืองมันไม่ดี มันโกง มันทะเลาะกัน ไปหลอกลวงประชาชน พูดจาดราม่าบิดเบือนข้อมูล ทําให้คนเกลียดชังกัน อันนี้มันลามไปถึงลูกกับหลานเราแล้วนะพี่น้องไปดู โทษฟ้าโทษแผ่นดิน โทษทุกอย่าง แต่คนที่พูดไม่เคยดูตัวเองเลย เพราะวันนี้บ้านเมืองมันดีขึ้นได้ด้วยการที่เราเลือกคนดีมาทํางาน แล้วทุกคนก็ตั้งใจทําความดี ทําหน้าที่ตัวเองให้ดี เด็กๆก็ตั้งใจเรียน ผู้ใหญ่ก็ตั้งใจทํามาหากิน ถ้าทุกคนทําหน้าที่ให้ดี ประเทศชาติของเรามันก็เจริญก้าวหน้า แล้วจะมาทะเลาะกันทําไม นี่คือเป้าหมายที่ลุงป้อมพูดมาตลอด ซึ่งบางคนไม่เข้าใจ ก้าวข้ามความขัดแย้ง คืออะไร ก็คือสิ่งนี้เลิกด่ากัน เลิกทะเลาะกัน หลังเลือกตั้ง เรามาคุยกัน ทุกพรรคทุกกลุ่มทุกฝ่าย คุณมีปัญหาอะไรมานั่งคุยกัน เจรจากัน หาทางออกกัน เพราะลุงป้อมเป็นคนใจดี เป็น soft power ประนีประนอม คุยทุกคน ลุงป้อม ตี5ครึ่งเปิดบ้าน ถึง5โมงเย็น รับแขกทุกคน ใครเดือดร้อนจะจังหวัดไหน ฝ่ายไหน กลุ่มไหน ท่านไม่เคยเลือกปฏิบัติ ควรเอาความเดือดร้อนมาคุยกัน แล้วแก้กฎหมาย แก้รัฐธรรมนูญ แก้อะไรก็ตามที่ทําให้บ้านเมืองสงบสุข นี่คือก้าวข้ามความขัดแย้ง แต่อะไรที่แก้แล้ว พูดแล้ว เปลี่ยนไปแล้วทําให้บ้านเรามีปัญหา ทําให้คนทะเลาะกัน เราก็ก้าวข้ามมันไปก่อน เพื่อให้ประเทศไทยเดินหน้าไปได้ เราจะได้ทํางานก้าวข้ามความยากจน ให้ประชาชนอยู่ดี ๆ ให้ได้ นี่คือคอนเซ็ปต์ของการก้าวข้ามความขัดแย้ง เพราะถ้าเราเลือกตั้งไปแล้ว ได้พรรคการเมืองที่ไม่เข้าใจเรื่องนี้ ทําอะไรสุดโต่งเลย เอาแค่เรื่องง่าย ๆ ผมไม่อยากพูดจริง ๆ แก้มาตราร้อยสิบสอง มีหลายเรื่องที่เค้าจะแก้ ยกเลิกเกณฑ์ทหาร ที่เราเกณฑ์ทหาร เพราะทหารต้องปกป้องดูแลประเทศ สร้างค่านิยม ความเสียสละ ให้กับ ถ้าไม่มีทหารประเทศมีคนรุกรานคุณจะไปรบมั้ย

อย่างไรก็ตามบรรยากาศการปราศรัยเป็นไปอย่างสนุกสนาน มีกองเชียร์ แฟนคลับ พรรคพลังประชารัฐ นายชัยวุฒิ คุณแม่ภรณี และนายโชติวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ ที่ออกมาช่วยกันสร้างสีสัน ด้วยการเต้น เพลงพรรคพลังประชารัฐ และแต่งกาย แฟชั่น สีสันสดใส

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 2 พฤษภาคม 2566

“สกลธี” ลงพื้นที่ชุมชนพลโยธิน24 ชูนโยบายรถEV รับส่งคนไปสถานีรถไฟฟ้า มั่นใจปักธงเขตนี้ได้

,

“สกลธี” ลงพื้นที่ชุมชนพลโยธิน24 ชูนโยบายรถEV รับส่งคนไปสถานีรถไฟฟ้า มั่นใจปักธงเขตนี้ได้

เมื่อวันที่ 1 พฤษภาคม 2566 นายสกลธี ภัททิยกุล กรรมการบริหารและหัวหน้าทีมผู้สมัคร ส.ส.กทม.พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ลงพื้นที่บริเวณชุมชนซอยพหลโยธิน 24 ร่วมกับ นายรังสรรค์ กียปัจจ์ ผู้สมัครรับเลือกตั้งหมายเลข 7 เขตเลือกตั้งที่ 8 เขตหลักสี่ (ยกเว้นแขวงตลาดบางเขน) เขตจตุจักร (ยกเว้นแขวงจันทรเกษมและแขวงเสนานิคม) เพื่อพบปะพี่น้องประชาชน

นายสกลธี กล่าวว่า การลงพื้นที่ในวันนี้เพื่ออธิบายให้ประชาชนเข้าใจถึงนโยบายสวัสดิการผู้สูงอายุ ‘3-4-5-6-78’ โดยผู้สูงอายุที่อายุ 60 ปีขึ้นไปจะได้รับเบี้ยผู้สูงอายุ 3,000 บาท/เดือน อายุ 70 ปีขึ้นไปจะได้รับ 4,000 บาท/เดือน และอายุ 80 ปีขึ้นไปจะได้รับ 5,000 บาท/เดือน และนโยบายลดค่าครองชีพ โดยการลดราคาน้ำมันเบนซิน 18 บาทต่อลิตร ลดราคาน้ำมันดีเซล 6.30 บาทต่อลิตร แก๊สหุงต้ม (15 กก.) เหลือถังละ 250 บาท ค่าไฟฟ้าจากราคา 4.77 บาทต่อหน่วย เหลือ 2.50 บาทต่อหน่วย ซึ่งประชาชนหลายคนก็ให้ความสนใจในนโยบายดังกล่าวมาก

นายสกลธี ยังกล่าวอีกว่าบริเวณโซนนี้เป็นศูนย์กลางของการเดินทางและเป็นพื้นที่ประชาชนอยู่กันหนาแน่น อีกทั้งอยู่ใกล้สถานีรถไฟฟ้าหลายสายทั้งในเขตจตุจักรและเขตหลักสี่ ซึ่งในอนาคตบริเวณตรงนี้ก็จะเป็นเหมือนจุดเปลี่ยนถ่ายการคมนาคม ดังนั้นทาง พปชร.มีนโยบายที่จะเข้ามาดูแลเรื่องรถรับส่งไฟฟ้า (EV) เพื่อระบายคนไปยังสถานีรถไฟฟ้าได้ง่ายขึ้น อีกทั้งช่วยลดปริมาณการใช้รถส่วนตัวและปัญหาการจราจรติดขัดอีกด้วย

พื้นที่ตรงนี้ตนมาความคาดหวังอย่างมาก เนื่องจากตรงนี้เป็นเขตเก่าที่เคยเป็น ส.ส. ตอนตนลงผู้ว่าฯ กทม. ก็ได้คะแนนเป็นรองแค่คุณชัชชาติ อีกทั้งผู้สมัครในโซนนี้ทั้ง 2 ท่าน คือนายรังสรรค์และนายอนันตชาติก็มีประสบการณ์และทำงานหนักอยู่ในพื้นที่มาตลอดเกือบ 20 ปี อีกทั้งนโยบายของพรรคที่ตอบโจทย์ประชาชน ก็คิดว่าตรงนี้เรามีโอกาสได้รับความไว้วางใจจากพี่น้องประชาชน

ด้าน นายรังสรรค์ กียปัจจ์ ผู้สมัครรับหมายเลข 7 กล่าวว่า ตนมีความมุ่งมั่นและประสบการณ์ในพื้นที่มายาวนาน มั่นใจว่าได้รับความไว้วางใจจากพี่น้องประชาชนให้เข้ามาสานต่อพัฒนาพื้นที่เขตนี้ต่อไป

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 2 พฤษภาคม 2566

“ศันสนะ” ลงพื้นที่พบผู้สูงอายุนอนเสียชีวิตโดดเดี่ยวในบ้าน เผย เตรียมผลักดันพัฒนาคน สร้างงานในพื้นที่ ส่งเสริมสายใยครอบครัว

,

“ศันสนะ” ลงพื้นที่พบผู้สูงอายุนอนเสียชีวิตโดดเดี่ยวในบ้าน เผย เตรียมผลักดันพัฒนาคน สร้างงานในพื้นที่ ส่งเสริมสายใยครอบครัว

ดร.ศันสนะ สุริยะโยธิน ผู้สมัคร ส.ส. กทม. เขตธนบุรี-คลองสาน-ราษฎร์บูรณะ พรรคพลังประชารัฐ หมายเลข 1 เปิดเผยภายหลังการลงพื้นที่ว่า ขณะเดินหาเสียงพร้อมทีมงานที่ชุมชนโกวบ๊อพัฒนา เขตธนบุรี ตนได้กลิ่นเหม็นเน่าจากตึกพักอาศัย ซึ่งชาวบ้านในพื้นที่แจ้งว่าบริเวณดังกล่าวมีหนูเยอะ อาจเป็นซากหนูตาย แต่ทีมงานที่อาศัยอยู่ในชุมชน เกิดข้อสงสัยจึงกลับมาดูช่วงค่ำอีกครั้ง ซึ่งหลังจากสอบถามผู้พักอาศัยใกล้เคียง จึงได้ติดต่อเจ้าหน้าที่ตำรวจ เพื่อเข้าไปตรวจสอบในห้องพักดังกล่าว และเมื่อเข้าไปก็พบศพชายชราอายุประมาณ 80 ปี นอนเสียชีวิตอยู่ โดยทางเจ้าหน้าที่ตำรวจคาดว่าน่าจะเสียชีวิตมาไม่ต่ำกว่า 3 วัน ส่วนสาเหตุยังไม่สามารถระบุได้ คาดว่าน่าจะมาจากอากาศร้อน ทั้งนี้ ชายชราคนดังกล่าว ปกติอาศัยอยู่คนเดียว ไม่ได้มีญาติพี่น้องดูแล อาศัยเพื่อนบ้านแวะเวียนมาดูบ้าง

ดร ศันสนะ กล่าวต่อว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เห็นได้ชัดว่าสังคมไทยของเรากำลังเข้าสู่สังคมผู้สูงวัย ดังนั้นเราจึงต้องให้ความสำคัญในการดูแลผู้สูงอายุ ซึ่งทางพรรคพลังประชารัฐมีนโยบายเพิ่มเบี้ยผู้สูงอายุ โดยกำหนดเป็นเบี้ยยังชีพสำหรับผู้สูงอายุแบบขั้นบันได ตั้งแต่อายุ 60 ปี เพิ่มเป็นจำนวน 3,000 บาทต่อเดือน อายุ 70 ปี ขึ้นไป เพิ่มเป็นจำนวน 4,000 บาทต่อเดือน และอายุ 80 ปีขึ้นไป เพิ่มเป็นจำนวน 5,000 บาทต่อเดือน หรือ‘เพิ่มเบี้ยผู้สูงอายุ 3 4 5 และ 6 7 8’ให้ผู้สูงวัยพอสามารถดูแลตัวเองได้ และไม่เป็นภาระลูกหลานโดยต้องการให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

“อีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญก็คือ การส่งเสริมให้มีการสร้างอาชีพในพื้นที่ ในชุมชม เพื่อที่ลูกหลานจะได้ไม่ต้องเดินทางไปทำงานต่างจังหวัด หรือในพื้นที่ ๆ ห่างไกล เพื่อที่จะได้สามารถดูแลญาติผู้ใหญ่ในครอบครัวได้ เพราะ
ผู้สูงอายุ มักมองว่าตนเองด้อยค่า ต้องพึ่งพาผู้อื่น และร่างกายก็เสื่อมโทรม ไม่สามารถทำสิ่งใดได้ดี แต่แท้จริงแล้ว ผู้สูงอายุเป็นผู้ที่มีคุณค่าต่อสังคมเป็นอย่างมาก เป็นแหล่งความรู้ความชำนาญ และเป็นผู้ธำรงไว้ซึ่งประเพณี วัฒนธรรม อีกทั้งยังเป็นสายใยสำคัญของครอบครัวอีกด้วย”ดร ศันสนะ กล่าว

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 29 เมษายน 2566

ชัยวุฒิ ขึ้นเวทีปราศัยจังหวัด ตาก ขอ พปชร แลนสไลด์ จังหวัดตาก บอกปัญหาชังชาติ ต้องแก้ที่การเลือกตั้งเลือกคนดีไม่ทำชาติแตกแยก แซะ เพื่อไทย กั้กยกเลิกบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ลั่นทั่วโลกไม่มีใครใช้เเงินดิจิทัล ซื้อขายสินค้าและบริการ เพราะมีปัญหา เว้น เอลซัลวาดอร์

,

ชัยวุฒิ ขึ้นเวทีปราศัยจังหวัด ตาก ขอ พปชร แลนสไลด์ จังหวัดตาก บอกปัญหาชังชาติ ต้องแก้ที่การเลือกตั้งเลือกคนดีไม่ทำชาติแตกแยก แซะ เพื่อไทย กั้กยกเลิกบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ลั่นทั่วโลกไม่มีใครใช้เเงินดิจิทัล ซื้อขายสินค้าและบริการ เพราะมีปัญหา เว้น เอลซัลวาดอร์

นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ลงพื้นที่ เปิดเวทีปราศรัย อำเภอ เมือง จ.ตาก เพื่อช่วยผู้สมัคร เขต 1 นาย ประสงค์ นามเสถียร หมายเลข 7 พรรคพลังประชารัฐ โดยนายชัยวุฒิ กล่าวว่า อยากพูดถึง ความต่อเนื่องของบัตรประชารัฐ บัตรที่จะมาช่วยเหลือพี่น้องผู้มีรายได้น้อย บางคนก็เรียกว่ามีรายได้ไม่เพียงพอที่จะใช้ชีวิตอย่างมีความสุขได้ เรามีบัตรนี้มาหลายปีแล้วพรรคพลังประชารัฐ เป็นคนริเริ่มนโยบายนี้ และจะทําต่อไป แล้วจะทําให้ดีขึ้น เติมเงินเป็น 700 บาทแล้วถ้าใครยังไม่ได้ ต้องลงทะเบียนใหม่ดีไหม อยากให้ได้ทุกคน ที่สําคัญผมก็ไปดีเบตมาเรื่องนโยบาย เมื่อวานไปเจอคุณช่อ พรรคก้าวไกล ผมก็ถามว่า ถ้าก้าวไกลเป็นรัฐบาล บัตรประชารัฐจะอยู่ไหม เขาไม่เอา เขาจะเอาสวัสดิการถ้วนหน้า ซึ่งผมก็ฟังแล้วไม่เข้าใจว่าคืออะไร เพราะไม่ชัดเจนเหมือนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐได้แน่นอน 700 บาททุกเดือน ส่วนพรรคเพื่อไทยก็ตอบแบบเหลี่ยมๆ ไม่แน่ใจเดี๋ยวไปดูเฉยๆ ปล่อยเฉยๆไว้ก่อนให้มันหมดไปเอง ไม่รู้แปลว่าอะไรก็คือไม่ทําต่อ ไม่เติมเงินแต่เขาจะให้อย่างอื่น เขาจะให้เงินดิจิทัลคนละ10,000 บาท ทุกคนเลยเอาไปใช้ภายใน6เดือน แต่เงินดิจิทัลคืออะไร พี่น้องรู้จักไหม ผมยังคิดว่าแม่ค้าจะรับรึเปล่ายังไม่รู้เพราะมันใหม่เกินไป ผมอยู่กระทรวงดิจิทัล ผมรู้จักดี วันนี้เงินดิจิทัลเป็นเงินที่มีปัญหามากที่สุด เพราะเราเปิดให้ลองใช้กันในการเก็งกําไรในการซื้อขาย แล้วก็คนขาดทุนกันเยอะมากเพราะราคามันขึ้นลงเยอะ ผันผวนจนคนไม่กล้าเล่นแล้ว บิทคอยน์ เงินดิจิทัลไม่มีใครเขา ทั้งประเทศทั่วโลกไม่มีใครให้ใช้เงินดิจิทัลซื้อขายสินค้าและบริการ เพราะเขากลัวมีปัญหากับค่าเงินกับระบบการเงินของเขา วันนี้ผมตรวจแล้ว มีประเทศเดียวในโลก ที่ให้ใช้เงินดิจิทัลซื้อของได้คือประเทศ เอลซัลวาดอร์ เพราะประเทศเขาก็ไม่มีระบบการเงินที่เข้มแข็ง เขาใช้เงินดอลลาร์ แทนเงินของประเทศเขามานานแล้ว มีปัญหาเขาก็ลองใช้เงินดิจิทัล ถ้าเราได้พรรคเพื่อไทย บัตรสวัสดิการรัฐก็อาจจะไม่มีหรือไม่เติมเงิน แต่จะได้เงินดิจิทัล ประเทศไทยเราจะเป็นประเทศที่สองในโลก ที่สามารถใช้เงินดิจิทัลได้ ผมว่ามันน่าจะมีปัญหา
ทําไมต้องเป็นเงินดิจิทัลให้พี่น้องปวดหัว และระบบการเงินก็จะมีปัญหาในอนาคตเพราะฉะนั้นการเลือกตั้ง นอกจากดูนโยบายแล้วต้องดูอุดมการณ์ด้วย อุดรการณ์คือพรรคนี้คิดยังไงกับประเทศไทย จะให้ประเทศไทยเราเป็นอย่างไร จะให้ลูกหลานเรามีอนาคตอย่างไรต่อไป วันนี้ ก่อนมาที่นี่ผมก็แวะมาจากแม่สอด มาที่ตากก็ขับรถผ่านศาลเจ้าพ่อพะวอ เป็นศาลที่พวกเราเคารพนับถือกันมากที่สุดในจังหวัดตาก ผมก็ไปไหว้ ไปขอพรท่าน ขอให้ ส.ส. พรรคพลังประชารัฐแลนด์สไลด์ที่จังหวัดตาก ทั้งสามคนได้รับการเลือกตั้งทั้งหมด แต่ที่สําคัญนอกจากขอเรื่อง ส.ส. แล้ว ผมขอให้ ท่าน ช่วยปกปักคุ้มครอง แผ่นดินไทย ให้คนไทยอยู่อย่างสงบร่มเย็นตลอดไป เพราะเจ้าพ่อพะวอคือ นักรบ คือกะเหรี่ยงคือปกาเกอะญอ เป็นตํานานของพวกเราที่เป็นทหารที่คุมด่าน แล้วต่อสู้กับกองทัพพม่า ที่จะบุกมารุกรานประเทศไทย

การที่ให้คนไม่รักชาติ ให้คนเกลียดประเทศไทย ให้คนเกลียดชังกันแล้วมันทําให้คนมีปัญหาบ้านเมืองไม่สงบสุข วันนี้เราต้องคิดอุดมการณ์สําคัญคือ เราทํายังไงให้ประเทศชาติเราสงบสุข ประชาชน อยู่ดีกินดีเพราะสงบสุข ผมถามคน ปกาเกอะญอหลายคน โดยเฉพาะที่อยู่ที่ฝั่งประเทศไทย มี2ฝั่ง ฝั่งพม่ากับฝั่งไทย ฝั่งไทยถึงแม้ชีวิตจะยังลําบากอยู่ แต่เขาก็อยู่ดีขึ้นเรื่อยๆมีชีวิตที่ดี วันนี้มีถนนหนทาง มีน้ํา อินเทอร์เน็ตใช้ ลูกหลานได้เรียนหนังสือ มีการมีงานทํา บางคนจบปริญญาตรี ปริญญาโท พี่น้องลองข้ามไปฝั่งพม่า วันนี้ยังจับปืนสู้กับทหารพม่าอยู่เลย เหมือนเมื่อ200ปีก่อน เพราะบ้านเมืองเขาไม่สงบสุข เขาเป็นรัฐซ้อนรัฐเขาไม่ได้เป็นราชอาณาจักรไทยแบบเรา ประเทศเพื่อนบ้านเรา นี่คืออุดมการณ์ ผมถึงพูดตลอดว่าผมเห็นด้วย ใครมาด่าทหาร ทหารไปทําอะไร ทําให้คนเกลียดทหารเพื่อหวังผลทางการเมือง อันนี้ไม่ใช่อุดมการณ์ของพรรคเรา เพราะผมคิดว่ากองทัพต้องเข้มแข็งเพื่อดูแลพี่น้องประชาชน ผมเคยคุยกับนักการเมืองบางคน แล้วติดตามความคิดของเขา เขาบอกว่าเขาอยากเปลี่ยนประเทศ ผมก็รู้ว่าพี่น้องผมหมายถึงใครนะ อยากเปลี่ยนประเทศ เขาบอกว่าประเทศไทยมีปัญหาเยอะ คนเกลียดชังกัน คนลําบาก จะเปลี่ยนประเทศได้ ต้องเปลี่ยนที่ต้นตอของปัญหา ต้องแก้ที่ต้นตอ ผมฟังแล้วผมรู้แล้ว เขาหมายถึงอะไร ต้นตอปัญหาของเขา แต่ผมว่ามันไม่ใช่เพราะปัญหาในมุมมองของเขาที่เขามองเป็นต้นตอ ผมมองว่าสิ่งนั้นคือต้นไม้ใหญ่ ที่มีรากแก้ว แผ่ออกไปเต็มผืนแผ่นดิน ยึดแผ่นดินไทยให้เป็นปึกแผ่น แล้วมีร่มเงา ปกป้องคุ้มครองให้คนไทยร่มเย็น อยู่เย็นเป็นสุขมาตลอดนับ100ปี ไม่ใช่ต้นตอของปัญหา ต้นตอของปัญหาคือนักการเมืองขี้โกง ทุจริตคอรัปชั่น ถ้ามองปัญหาผิด ไปตัดต้นไม้ผิดต้น ประเทศฉิบหายแน่นอน นี่คือความแปลกของอุดมการณ์ ความแตกต่างของอุดมการณ์
วันนี้เราต้องแก้ปัญหาที่การเลือกตั้งให้ได้คนดี ให้ได้นักการเมืองที่จะไปทํางานเพื่อพี่น้องประชาชน ไม่ไปทํางานเพื่อเห็นแก่ตัว หรือเห็นแก่ครอบครัว แล้วทําให้บ้านเมืองแตกแยก เพราะถ้าไปทําให้บ้านเมืองแตกยากอีก ผมเชื่อว่าพี่น้องไม่มีความสุขแน่นอน ผมถามมาหลายคนแล้วนะป้า ไม่รู้เราเป็นเหมือนกันเปล่านะ ผมเจอมาหลายครอบครัวแล้ว เวลากินข้าวด้วยกัน พ่อใส่เสื้อสีแดง แม่ใส่เสื้อสีเหลือง ตอนนี้ลูกใส่เสื้อสีส้ม นั่งคุยกันแล้วทะเลาะกัน พอมันขัดแย้งกันด้วยความเหนื่อย คนมันก็ไม่มีความสุข คนมันจะมีความสุขได้กินข้าวอร่อย ต้องไม่ทะเลาะกัน วันนี้ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นคนแรกที่พูด เราจะก้าวข้ามความขัดแย้ง เป็นอุดมการณ์สําคัญของพรรค ทำให้คนทะเลาะกันขัดแย้งกัน เราไม่เอา เราคิดอะไรที่ทําได้ ให้บ้านเมืองสงบสุข แต่เราคิดต่างกันได้เห็นต่างกันได้เป็นประชาธิปไตย แต่เราต้องมาคุยกันด้วยเหตุที่ผล หาทางออกด้วยกัน ทํางานด้วยกันให้ได้ นี่คือจุดยืนของพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ ที่ท่านจะมาเป็นนายกรัฐมนตรี ที่จะก้าวข้ามความขัดแย้ง ประสานให้ทุกคนทุกกลุ่มรักกันสามัคคีกัน ให้ประเทศชาติเดินไปข้างหน้าให้ได้ และผมเชื่อ ผมอยู่กับลุงป้อมมา ตั้งแต่ก่อตั้งพรรคพลังประชารัฐ ท่านจะเป็น คนที่คุยได้ทุกคนแล้วทําให้ทุกคนรักกันสามัคคีกันได้แน่นอน

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 28 เมษายน 2566

‘ผู้กองธรรมนัส’ ลุยปราศรัยหาเสียงช่วยผู้สมัคร ส.ส.เชียงใหม่ มีประชาชนให้กำลังใจล้นหลาม ย้ำ แม้ตาซ้ายยังเจ็บ แต่ใจสั่งมาพบพ่อแม่พี่น้องทุกท่าน ชูภาคเหนือ 8 จังหวัด รวมพลังก้าวข้ามขัดแย้ง แก้ปัญหาแหล่งน้ำ ที่ดินทำกิน ผลักดัน พ.ร.บ.ลำไย ทันที

,

“ศ.ดร.นฤมล” ควง “อ้น ณิรินทร์”ผู้สมัคร พปชร.คันนายาว ลงพื้นที่ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กรับฟังปัญหา มั่นใจ พปชร.พร้อมดูแล ปชช.ทุกช่วงวัย เพื่อเพิ่มคุณภาพชีวิต สร้างครอบครัวให้เข้มแข็ง

เมื่อวันที่ 27 เมษายน 2566 เวลา 16.00-19.00 น. ณ บริเวณกาดแม่วาง ต.บ้านกาด อ.แม่วาง จ.เชียงใหม่ พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) ได้จัดเวทีปราศรัยหาเสียง นำโดย ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ผู้สมัคร ส.ส.เขต 1 เบอร์ 6 จังหวัดพะเยา พปชร.และในฐานะประธานยุทธศาสตร์เลือกตั้งภาคเหนือ พร้อมด้วยนายบุญสิงห์ วรินทร์รักษ์ ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะกรรมการบริหาร พปชร.ร่วมขึ้นปราศรัยนโยบายพรรค พร้อมผู้สมัคร ส.ส.จังหวัดเชียงใหม่ประกอบด้วย นายพจนารถ ศรียารัณย เขต1 เบอร์ 4, นางศรีพรรณ เขียวทอง เขต2 เบอร์ 5,นายพรชัย อรรถปรียางกูร เขต 3 เบอร์1, ดร.มนสิชา ภัคดิเมธีเขต 4 เบอร์ 2 นายเดชนัฐวิทย์ เตริยาภิรมย์ เขต5 เบอร์ 1, นางรัตนประภา ดิศวัฒน์ เขต6 เบอร์ 5 ,นายบดินทร์ กินาวงษ์ เขต 7 เบอร์13,นางสาวกุสุมา บัวพันธ์ เขต8 เบอร์9 ,นายนเรศ ธำรงค์ทิพยคุณ เขต9 เบอร์6และนายนรพล ตันติมนตรี เขต10 เบอร์ 8 โดยมีประชาชนมาร่วมฟังการปราศรัยอย่างเนืองแน่น

ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่าดีใจที่ได้มาพบปะพ่อแม่พี่น้องทุกท่านในวันนี้ และขอบคุณที่มาให้กำลังใจผู้สมัคร ส.ส.จังหวัดเชียงใหม่ ของพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งเป็นลูกหลานของพ่อแม่พี่น้องชาวเชียงใหม่ที่คุ้นเคยกันอยู่แล้ว และแม้ว่าวันนี้ตนเองจะยังต้องปิดตาซ้ายข้างหนึ่ง จากสาเหตุที่วันก่อนขี้นรถแห่ปราศรัยหาเสียงที่พะเยาช่วงมืดค่ำ ทำให้แมลงบินเข้าตา ทำให้ตาแดงอักเสบ หมอให้พักรักษาเป็นเวลา 5 วัน แต่ตนเองไม่สามารถพักได้เพราะใจสั่งมาต้องทำตามที่รับปากไว้แล้ว ก็ต้องมาพบพ่อแม่พี่น้องทุกท่านและช่วยหาเสียงให้ผู้สมัครของเราทุกคน

“พ่อแม่พี่น้องทุกท่านครับ สิ่งที่อยากบอกคือพรรคพลังประชารัฐ ภายใต้การนำของท่านพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ มีหลักยึดชัดเจนคือก้าวข้าวความขัดแย้ง เพื่อให้ประชาชนมีความรักสามัคคีกัน ซึ่งจะนำไปสู่ความมั่นคงของชาติบ้านเมือง นอกจากนี้ยังสานต่อบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ซึ่งจะเพิ่มเป็น 700 บาท เพิ่มเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุแบบขั้นบันได ตั้งแต่อายุ 60 ปี เพิ่มเป็นจำนวน 3,000 บาทต่อเดือน อายุ 70 ปี ขึ้นไป เพิ่มเป็นจำนวน 4,000 บาทต่อเดือน และอายุ 80 ปีขึ้นไป เพิ่มเป็นจำนวน 5,000 บาทต่อเดือน และยังมีเงินประกันชีวิต 2 แสนบาทด้วย ที่สำคัญคือแก้ปัญหาที่ดินทำกิน โดยผลักดันเปลี่ยนส.ป.ก.เป็นโฉนด และ ค.ท.ช.เปลี่ยนเป็นส.ป.ก. ตามเป้าหมาย ‘มีเรา ไม่มีแล้ง มีน้ำ ไม่มีจน’ ซึ่งพร้อมจะทำทันทีหลังจากเลือกตั้งและได้จัดตั้งเป็นรัฐบาลครับ”

ร.อ. ธรรมนัส ยังย้ำว่า วันนี้ภาคเหนือทั้ง 8 จังหวัดเราต้องเดินหน้าขับเคลื่อนไปด้วยกันเพื่อให้มีพลังในการผลักดันแก้ไขปัญหาต่างๆ ของประชาชน โดยเฉพาะการแก้ปัญหาแหล่งน้ำ การผลักดันเยียวยาช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกลำไยต่อเนื่องคือไร่ละ 2 พันบาท ไม่น้อยกว่า 25 ไร่และผลักดัน พ.ร.บ.ลำไย เป็นรูปธรรม ตนเอง ซึ่งเป็นลูกข้าวนึ่งคนหนึ่งจะเดินหน้าทำงานเพื่อพ่อแม่พี่น้องทุกท่านให้ดีที่สุด ขอฝากว่าวันที่ 14 พฤษภา นี้ไปใช้สิทธิ์กาบัตรเลือก ส.ส.ซึ่งเป็นลูกหลานของท่านยกจังหวัดไปเป็นปากเป็นเสียงแทนในสภาผู้แทนราษฎร เพื่อผลักดันงบประมาณต่างๆ มาพัฒนาบ้านเมืองของเราต่อไป

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 28 เมษายน 2566

“ศ.ดร.นฤมล” ควง “อ้น ณิรินทร์”ผู้สมัคร พปชร.คันนายาว ลงพื้นที่ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กรับฟังปัญหา มั่นใจ พปชร.พร้อมดูแล ปชช.ทุกช่วงวัย เพื่อเพิ่มคุณภาพชีวิต สร้างครอบครัวให้เข้มแข็ง

,

“ศ.ดร.นฤมล” ควง “อ้น ณิรินทร์”ผู้สมัคร พปชร.คันนายาว ลงพื้นที่ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กรับฟังปัญหา มั่นใจ พปชร.พร้อมดูแล ปชช.ทุกช่วงวัย เพื่อเพิ่มคุณภาพชีวิต สร้างครอบครัวให้เข้มแข็ง

พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) นำโดย ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ หัวหน้าทีมผู้ดูแลการเลือกตั้งในพื้นที่กรุงเทพมหานคร (กทม.) ลงพื้นที่ ซอยเสรีไทย 4 เขตคันนายาว ชุมชนซอยสมหวัง เพื่อพบปะประธานกลุ่มผู้สูงอายุ และอาจารย์ดูแลศูนย์พัฒนาเด็กเล็กก่อนวัยเรียนชุมชนสมหวัง ร่วมกับ น.ส.ณิรินทร์ เงินยวง (อ้น) ผู้สมัคร ส.ส.กทม. เขต 15 เบอร์ 8 เขตคันนายาว-บึงกุ่ม (เฉพาะแขวงคลองกุ่ม)เพื่อสอบถามปัญหาและอุปสรรคในการจัดการศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก ในสังกัดกรุงเทพมหานคร ที่มีจำนวนนักเรียนประมาณ 170 คน โดยรับการดูแลเด็กทั้งในชุมชนและชุมชนใกล้เคียง ซึ่งพบว่าสวัสดิการไม่เหมือนครูทั่วไป ทั้งในด้านค่ารักษาพยาบาล เงินเดือนประจำ ซึ่งควรได้รับความเท่าเทียมเช่นเดียวกับข้าราชการครู ซึ่ง พปชร.ให้ความสำคัญในเรื่องดังกล่าว เนื่องจากศูนย์เด็กเล็กเป็นจุดเริ่มต้นของการพัฒนาคนให้มีคุณภาพและเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศ

ศ.ดร.นฤมล กล่าวว่า พรรคให้ความสำคัญในการจัดตั้งศูนย์พัฒนาเด็กเล็กทั่วประเทศ ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกัน ที่เห็นความสำคัญในการยกระดับชีวิต เพื่อเปิดโอกาสให้พ่อ แม่สามารถไปประกอบอาชีพได้โดยไม่ต้องกังวล ซึ่งปัจจุบัน ยังมีคุณพ่อเลี้ยงเดี่ยว และคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวจำนวนมาก ดังนั้นการผลักดันให้มีศูนย์พัฒนาเด็กเล็กที่มีคุณภาพทั่วกรุงเทพ และทั่วประเทศ เราจะได้หมดห่วงเรื่องของคุณภาพของเด็ก ตัวอย่าง ของ”ชุมชนสมหวัง”ที่สามารถดูแลพัฒนาการได้อย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกันยังช่วยจัดหาแหล่งเงินทุนอื่นๆสนับสนุน ในการพัฒนาการของเด็กในชุมชนได้อย่างเท่าเทียม เพื่อลดปัญหาทางสังคมได้อย่างยั่งยืน

“เรื่องของการพัฒนาการของเด็ก และแม่ เป็นเรื่องที่พรรคให้ความสำคัญ จึงมีนโยบายดูแลสตรีเป็นพิเศษ ในนโยบายดูแลทุกช่วงวัย “แม่ บุตร ธิดา ประชารัฐ” จะเห็นว่า ดูแลตั้งแต่เริ่มตั้งแต่ในครรภ์ จนถึงเดือนที่ 5-9 ที่จะใกล้คลอด โดยเราจะสนับสนุนค่าดูแลเดือนละ 10,000 บาท เป็นเวลา 5 เดือน จนกว่าจะคลอด และมีนโยบายดูแลเด็กแรกเกิด จนถึง 6 ขวบ ได้เดือนละ 3,000 บาท”

ศ.ดร. นฤมล กล่าวต่อว่า เขตคันนายาวและบึงกุ่ม เป็นอีกพื้นที่หนึ่งที่พรรคให้ความสำคัญ ซึ่งเรามี “อ้น ณิรินทร์ เงินยวง ผู้สมัคร ส.ส.กทม. เขต 15 เบอร์ 8 “ ที่พร้อมเข้ามาดูแล และให้การช่วยเหลือชุมชนอย่างเต็มกำลัง โดยพร้อมผลักดันสิทธิสตรี คนชรา การส่งเสริมสุขภาพจิต เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิต และลดความเหลื่อมล้ำอย่างแท้จริง ทั้งนี้ในพื้นที่ทั่วประเทศ พปชร.มีผู้สมัครอยู่ครบทุกเขต ที่จะพร้อมจะทำงานให้กับประชาชน และขอฝากขอความเมตตาพี่น้องชาว กทม.ช่วยเลือกผู้แทนจากพรรคพลังประชารัฐ ทั้ง 33 เขตใน กทม. เราก็หวังว่าจะได้เข้าไปรับใช้พี่น้องประชาชนกทม. ในการทำงตามนโยบายต่างๆซึ่งจะทำให้เกิดการพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นของคน กทม.

ด้าน น.ส.ณิรินทร์ กล่าวว่า ปัญหาของศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก ไม่ว่าจะเป็น ค่าอาหารกลางวัน ได้เพียงวันละ 32 บาทต่อหัว อุปกรณ์การเสริมทักษะ ขาดแคลนในการจัดซื้ออุปกรณ์ที่เหมาะกับพัฒนาการของเด็ก ซึ่งปัจจุบันต้องอาศัยเงินบริจาคคนในชุมชน โดยศูนย์แห่งนี้เป็นสถานที่ดูแลเด็กเล็กของชุมชนที่ต้องให้เวลาในการดูแลมากกว่าปกติ เนื่องจากสถานะครอบครัวที่พ่อแม่ต้องออกไปประกอบอาชีพตั้งแต่เช้าและกลับค่ำ ทำให้คุณครูประจำศูนย์ต้องทำงานหนักขึ้น ไม่สอดรับกับอัตราจ้างเป็นรายวัน ส่งผลให้จำนวนครูผู้สอนไม่สอดคล้องกับจำนวนเด็กนักเรียน ซึ่งปัญหาเหล่านี้จะนำเสนอต่อผู้บริหารของพรรคเพื่อผลักดันให้เกิดการแก้ไขปัญหาต่อไป เพื่อให้เกิดแรงจูงใจในการหาบุคคลากรที่มีคุณภาพให้เพียงพอ

น.ส.ณิรินทร์ กล่าวต่อว่า พปชร.ยังให้ความสำคัญในเรื่องของกลุ่มผู้สูงอายุ ซึ่งเป็นกลุ่มเปราะบางที่ พรรคมีนโยบายเข้าไปยกระดับคุณภาพชีวิต นอกจากสวัสดิการที่พปชร. มีนโยบายผลักดันให้เกิดขึ้น ทั้งการเพิ่มสวัสดิการ 700 บาทต่อเดือน และเงินทุนประกันอีก 200,000 บาท และเงินเริ่มต้นประกอบอาชีพ 30,000 บาท และเงินกู้วงเงินไม่เกิน 50,000 บาทเพื่อประกอบอาชีพ นับว่าเป็นนโยบายที่ประชาชนให้การตอบรับเป็นอย่างดี โดยเฉพาะชุมชนที่ต้องการสวัสดิการเพื่อการดูแลคุณภาพชีวิต ให้สามารถยืนได้ด้วยตนเอง”

“ส่วนใหญ่อ้นจะลงพื้นที่ชุมชนเองทุกกลุ่ม และเดินเข้าไปหาตามบ้านเอง เสียงตอบรับก็จะดี และก็คล้ายๆกันไม่ว่าจะมีเรื่องศูนย์สุขภาพเด็ก หรือว่าศูนย์พัฒนาเด็กเล็กหรือเรื่องวัคซีนหรือเรื่องต่างๆ ทั้งนี้ อ้นขอฝากให้พี่น้องประชาชนเลือกทั้งพรรคทั้งคน เพราะเราจะได้เข้าไปบริหารร่วมกันทั้งตัวบุคคล และตัวพรรค”

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 27 เมษายน 2566

ใจเกินร้อย ! “ธรรมนัส” บุกหาเสียงช่วยผู้สมัคร ส.ส.เชียงราย ทั้งที่ตาซ้ายเยื่อบุตาขาด จากเหตุลุยหาเสียงมืดค่ำโดนแมลงบินเข้าตา ย้ำตั้งใจมุ่งมั่นมาพบชาวอำเภอแม่สรวย – แม่ลาว เพื่อฝากนโยบายสำคัญ ก้าวข้ามความขัดแย้ง และผลักดัน พ.ร.บ.ลำไย ให้เป็นรูปธรรม เพื่อเยียวยาผู้ปลูกลำไยภาคเหนือ

, ,

ใจเกินร้อย ! “ธรรมนัส” บุกหาเสียงช่วยผู้สมัคร ส.ส.เชียงราย ทั้งที่ตาซ้ายเยื่อบุตาขาด จากเหตุลุยหาเสียงมืดค่ำโดนแมลงบินเข้าตา ย้ำตั้งใจมุ่งมั่นมาพบชาวอำเภอแม่สรวย – แม่ลาว เพื่อฝากนโยบายสำคัญ ก้าวข้ามความขัดแย้ง และผลักดัน พ.ร.บ.ลำไย ให้เป็นรูปธรรม เพื่อเยียวยาผู้ปลูกลำไยภาคเหนือ

เมื่อวันที่ 26 เมษายน 2566 เวลา 17.00-19.45 น. ณ บริเวณศาลสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ต.แม่พริก อ.แม่สรวย จ.เชียงราย พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) ได้จัดเวทีปราศรัยหาเสียง นำโดย ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ผู้สมัคร ส.ส.เขต 1 เบอร์ 6 จังหวัดพะเยา พปชร.และในฐานะประธานยุทธศาสตร์เลือกตั้งภาคเหนือ พร้อมด้วยนายบุญสิงห์ วรินทร์รักษ์ ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะกรรมการบริหารพปชร.ร่วมขึ้นปราศรัยนโยบายพรรค พร้อมผู้สมัคร ส.ส.จังหวัดเชียงรายประกอบด้วย เขต 1 นายศรัณย์พัส ศรีสวัสดิ์ เบอร์ 7 เขต 2 นางวันดี ราชชมภู เบอร์ 7 เขต 3 พ.ต.อ.รัฐพล น้อยช่างคิด เบอร์ 5 เขต 4 นายเกียรดิศักดิ์ อุดขา เบอร์ 8 เขต 5 นายพันธวัช ภูผาพันธกานต์ เบอร์ 2 เขต 6 นายระพิน เตมียะ เบอร์ 3 และ เขต 7 นายบุญเกิด ร่องแก้ว เบอร์ 10 โดยมีประชาชนกว่า 5,000 คนมาร่วมฟังการปราศรัย บรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าเวลา 18.00 น. ร.อ.ธรรมนัส เดินทางมาถึงบริเวณเวทีปราศรัยด้วยใบหน้าที่ปิดตาด้านซ้าย ก่อนจะนำคณะผู้สมัคร ส.ส.จังหวัดเชียงราย ไปสักการะศาลสมเด็จพระนเรศวรเพื่อน้อมรำลึกถึงพระ มหากรุณาธิคุณของพระนเรศวรมหาราช และเพื่อความเป็นสิริมงคลเอาฤกษ์เอาชัยในการเลือกตั้ง ส.ส.ในวันที่ 14 พฤษภาคม 2566 นี้

โดย ร.อ.ธรรมนัส ได้กล่าวทักทักทายกับประชาชน ช่วงหนึ่งว่า “พ่อแม่พี่น้องทุกท่านครับวันนี้ ผมมาด้วยสภาพร่างกายพร้อมทุกส่วน ยกเว้นตาซ้าย ที่ต้องปิดตาซ้ายข้างหนึ่ง จากสาเหตุที่วันก่อนขี้นรถแห่ปราศรัยหาเสียงที่พะเยาช่วงมืดค่ำ ทำให้แมลงบินเข้าตา ซึ่งมีฤทธิ์เป็นกรดทำให้ตาแดงอักเสบ เมื่อวานนี้ ผมไปพบหมอให้รักษา หมอบอกว่าเยื่อบุตาขาด ต้องพักรักษาอาการอักเสบดังกล่าว แต่จะทำอย่างไรได้เมื่อผมได้รับปากบผู้สมัคร ส.ส.เชียงรายทุกคน โดยเฉพาะเขต 3 และเขต 6 ไว้แล้วก็ต้องมาให้ได้ด้วยความห่วงใย จึงเร่งรัดรักษาทั้งประคบเย็นและกินยาทุกอย่างเพื่อมาปะกับพ่อแม่พี่น้องชาวอำแม่แม่สรวย และแม่ลาวในสภาพที่เห็นแบบนี้ครับ”

ร.อ.ธรรมนัส ยังกล่าวต่อว่า ในช่วงเวลาปฎิวัติรัฐประหารปี พ.ศ.2549 และ ปี พ.ศ.2557 รวมกว่า 10ปีแล้ว ที่เป็นอุทาหรณ์ให้คนไทยเราได้เห็นว่า การแบ่งแยก ขัดแย้ง เป็นสีต่าง ๆ ทำให้ถูก ฝ่ายการเมืองและผู้มีอำนาจไม่หวังดีฉวยเอาไปใช้ประโยชน์เป็นเครื่องมือในการหาเสียง สร้างความแตกแยกเข้ามาหาผลประโยชน์ ในขณะที่ตนเองก็ได้รับผลกระทบถูกไปคุมขัง และอายัดทรัพย์ในช่วงเวลาหนึ่ง ไม่นับรวมประชาชนที่ได้รับผลกระทบแตกต่างกันไป มาวันนี้จึงมาบอกทุกท่านว่า พรรคพลังประชารัฐ ภายใต้การนำของท่านพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ มีหลักยึดชัดเจนคือก้าวข้าวความขัดแย้ง เพื่อให้ประชาชนมีความรักสามัคคีกัน ซึ่งจะนำไปสู่ความมั่นคงของชาติบ้านเมือง วันนี้ ณ สถานที่แห่งนี้ ซึ่งสมเด็จพระนเรศวร ประกาศอิสระภาพจากพม่า ตนเองจึงเห็นสำคัญที่พรรคฯ ได้มาประกาศนโยบายก้าวข้ามความขัดแย้ง ดังกล่าวด้วย

“เรื่องแรก ที่เป็นเรื่องใกล้ตัวของแม่สรวย คือเรื่องอ่างเก็บน้ำแม่ตาช้าง ผมตอนเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ปี 2562 ได้ลงพื้นที่มาสำรวจและผลักดันทำอีไอเอและของบประมาณสร้าง จนกระทั่งล่าสุดการประชุม ครม. เมื่อวันที่ 19 เมษาฯ ที่ผ่านมา ได้อนุมัติสร้างอ่างเก็บน้ำแม่ตาช้างแล้ว นอกจากนี้ ยังมีเรื่องใกล้ตัวอีกเรื่องคือ คนเมืองเหนือ 8 จังหวัดจะอู้ว่า ภาคใต้มียางพารา อีสานมีข้าว มีอ้อย มีสำปะหลัง ตะวันออกคือ ยางพารา ปาล์ม ภาคเหนือเราคือลำไย ถามว่า ทุกผลไม้และพืชเศรษฐกิจของทุกภาคมีพรบ.รองรับแก้ปัญหาต่างๆ แล้วหรือไม่ คำตอบคือมีแล้ว ขณะที่ลำไยของเรา ยังไม่มี แบบนี้น่าเจ็บใจมั๊ยครับ เวลานี้ผลผลิต ลำไย ถูกพ่อค้าคนกลางเป็นผู้กำหนดเกรดเอ บี อะไรต่างๆ สร้างความเดือดร้อนคนเหนือเรา ขณะที่ นักการเมืองส่วนใหญ่เงียบกริบไม่มีใครเอ่ยปากจะช่วยเหลือ มีเพียงผม พี่บุญสิงห์ และดร.ธนสาร ที่ผลักดันเยียวยาช่วยเหลือลำไยไร่ละ 2 พัน ไม่น้อยกว่า 25 ไร่ ผมจำได้ว่าเคยมามอบที่ เชียงรายด้วย ดังนั้นจึงยืนยันจะผลักดันให้มี พ.ร.บ.ลำไย เป็นรูปธรรมทันทีที่ได้เป็นรัฐบาลครับ”

จากนั้น นายบุญสิงห์ ได้ปราศรัยถึงนโยบายต่างๆ ของพรรค และสานต่อบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ซึ่งจะเพิ่มเป็น 700 บาท เพิ่มเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุแบบขั้นบันได ตั้งแต่อายุ 60 ปี เพิ่มเป็นจำนวน 3,000 บาทต่อเดือน อายุ 70 ปี ขึ้นไป เพิ่มเป็นจำนวน 4,000 บาทต่อเดือน และอายุ 80 ปีขึ้นไป เพิ่มเป็นจำนวน 5,000 บาทต่อเดือน และยังมีเงินประกันชีวิต 2 แสนบาทด้วย นอกจากนี้ ยังแก้ปัญหาลดภาระค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน ทั้งราคาแก๊สหุงต้ม ต่างๆ แก้ปัญหาที่ดินทำกิน โดยผลักดันเปลี่ยนส.ป.ก.เป็นโฉนด และ ค.ท.ช.เปลี่ยนเป็นส.ป.ก. ตามเป้าหมาย “มีเรา ไม่มีแล้ง มีน้ำ ไม่มีจน”

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังเสร็จสิ้นการปราศรัย ได้มีประชาชนมามอบพวงพาลัย และดอกไม้ ให้กำลังใจ ร.อ. ธรรมนัส พร้อมผู้สมัคร ส.ส.ทุกคน เป็นจำนวนมาก

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 27 เมษายน 2566

“รมว.ชัยวุฒิ” เปิดตัวการใช้งาน Health Link รูปแบบใหม่ ตั้งเป้านำร่องกับโรงพยาบาลในสังกัด กทม. เดือนพฤษภาคมนี้

, ,

“รมว.ชัยวุฒิ” เปิดตัวการใช้งาน Health Link รูปแบบใหม่ ตั้งเป้านำร่องกับโรงพยาบาลในสังกัด กทม. เดือนพฤษภาคมนี้

26 เมษายน 2566, กรุงเทพมหานคร – รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลฯ พร้อมด้วยผู้บริหาร GBDi สังกัดดีป้า สำนักการแพทย์ กรุงเทพมหานคร และคณะผู้บริหารโรงพยาบาลเจริญกรุงประชารักษ์ ร่วมเปิดตัวการ ใช้งาน Health Link รูปแบบใหม่ เพื่อเป็นช่องทางการลงทะเบียนและให้ความยินยอมในการส่งต่อข้อมูลสุขภาพ เข้าสู่ระบบแก่ประชาชนโดยสะดวกด้วยบัตรประชาชนเพียงใบเดียวในการลงทะเบียน ณ จุดบริการที่แผนกต่าง ๆ และแผนกเวชระเบียนของโรงพยาบาล เล็งนำร่องกับโรงพยาบาลในสังกัดกรุงเทพมหานครเป็นกลุ่มแรกพฤษภาคมนี้

นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส)
พร้อมด้วย รศ.ดร.ธีรณี อจลากุล ผู้อำนวยการสถาบันส่งเสริมการวิเคราะห์และบริหารข้อมูลขนาดใหญ่ภาครัฐ (GBDi) หน่วยงานผู้พัฒนา Health Link ระบบเชื่อมโยงข้อมูลประวัติการรักษาผู้ป่วยระหว่างโรงพยาบาลทั่วประเทศ สังกัด สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล หรือ ดีป้า เปิดตัวการใช้งาน Health Link รูปแบบใหม่

โดยเพิ่มช่องทางการลงทะเบียนและให้ความยินยอมในการส่งต่อข้อมูลสุขภาพเข้าสู่ระบบแก่ประชาชน พร้อมรับชมกิจกรรมสาธิตการใช้งาน ณ โรงพยาบาลเจริญกรุงประชารักษ์ โดยมี ดร.นพ.สุขสันต์ กิตติศุภกร รองปลัดกรุงเทพมหานคร นพ.เพชรพงษ์ กำจรกิจการ รองผู้อำนวยการสำนักการแพทย์ นพ.พรเทพ แซ่เฮ้ง ผู้อำนวยการโรงพยาบาลเจริญกรุงประชารักษ์ ดร.ศุภกร สิทธิไชย ผู้ช่วยผู้อำนวยการใหญ่อาวุโสดีป้า และ นพ.ธนกฤต จินตวร รองผู้อำนวยการ GBDi ร่วมงานโดยพร้อมเพรียง

นายชัยวุฒิ เปิดเผยว่า กระทรวงดิจิทัลฯ โดย GBDi มุ่งมั่นมอบความสะดวกให้กับประชาชนในการลงทะเบียนและให้ความยินยอมในการส่งต่อข้อมูลสุขภาพของตนเองเข้าสู่ระบบ Health Link ได้ทุกที่ทุกเวลา โดยเฉพาะประชาชนบางกลุ่มที่ไม่มีสมาร์ทโฟน หรือใช้งานแอปพลิเคชันไม่คล่อง ทำให้ไม่สามารถลงทะเบียนเข้าสู่ระบบได้ ดังนั้นทีมงาน Health Link จึงพัฒนาบริการรูปแบบใหม่ที่ทำให้การลงทะเบียนและให้ความยินยอมในการส่งต่อข้อมูลสุขภาพของตนเองเข้าสู่ระบบเป็นไปอย่างสะดวกและรวดเร็วด้วยการใช้บัตรประชาชนเพียงใบเดียว ณ จุดบริการที่แผนกต่าง ๆ รวมถึงแผนกเวชระเบียนของโรงพยาบาลนั้น ๆ โดยจะนำร่องปฏิบัติการร่วมกับโรงพยาบาลในสังกัดสำนักการแพทย์ กรุงเทพมหานคร ทั้ง 11 แห่งเป็นกลุ่มแรกในเดือนพฤษภาคมนี้

ขณะที่ รศ.ดร.ธีรณี กล่าวต่อว่า รูปแบบการให้บริการของ Health Link ที่เปิดตัวในวันนี้ถือเป็นการเปิดโอกาสให้ประชาชนทุกกลุ่มสามารถเข้าถึงระบบเชื่อมโยงและแลกเปลี่ยนข้อมูลประวัติสุขภาพและการรักษาระหว่างโรงพยาบาลได้ง่ายขึ้น และยังช่วยเพิ่มความรวดเร็วในการเชื่อมต่อข้อมูลประวัติการรักษาโดยแพทย์สามารถเรียกดูข้อมูลต่าง ๆ ได้ทันทีที่ผู้ป่วยลงทะเบียนเข้าสู่ระบบ จากเดิมที่ต้องลงทะเบียนล่วงหน้า 1 วัน

“ปัจจุบันมีโรงพยาบาลทั่วประเทศเข้าร่วมโครงการ Health Link แล้วกว่า 300 แห่ง โดยในปี 2566 ตั้งเป้าหมายเพิ่มการเชื่อมต่อข้อมูลผู้ป่วยระหว่างโรงพยาบาลให้ครอบคลุมมากกว่า 200 แห่ง เพื่อเพิ่มความสะดวกในการเข้ารับบริการ โดยปีที่ผ่านมา GBDi ได้ส่งเสริมให้ประชาชนลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการ Health Link เพื่อยินยอมให้โรงพยาบาลส่งต่อข้อมูลผู้ป่วยไว้ในระบบผ่านแอปพลิเคชัน ‘เป๋าตัง’ ในหมวดสิทธิที่น่าสนใจฟีเจอร์กระเป๋าสุขภาพ และตอนนี้สามารถมาลงทะเบียนที่โรงพยาบาลได้” ผู้อำนวยการ GBDi กล่าว

สำหรับประชาชนสามารถศึกษารายละเอียดต่าง ๆ และติดตามข้อมูลข่าวสารความคืบหน้าการพัฒนาระบบ Health Link ได้ที่เพจเฟซบุ๊ก HealthLink.go.th และเว็บไซต์ www.healthlink.go.th

ปัจจุบัน GBDi อยู่ระหว่างจัดตั้งเป็น สถาบันข้อมูลขนาดใหญ่ (Big Data Institute) ในการเป็นหน่วยงานหลักในการกำหนดนโยบาย พร้อมยกระดับทักษะบุคลากรทั้งภาครัฐและภาคเอกชนประยุกต์ใช้ข้อมูลขนาดใหญ่อย่างเป็นประโยชน์สูงสุดในการพัฒนาประเทศในอนาคต

———————————————————————

ข้อมูลเพิ่มเติม :
Health Link เป็นระบบแลกเปลี่ยนข้อมูลสุขภาพผ่านระบบออนไลน์ (Health Information Exchange) ที่มีประสิทธิภาพด้วยระบบป้องกันภัยทางไซเบอร์ตามมาตรฐานสากล มีเป้าหมายในการนำเทคโนโลยีสารสนเทศมาช่วยยกระดับบริการด้านสุขภาพแก่ประชาชน ไม่ว่าจะเจ็บป่วยหรือเกิดเหตุฉุกเฉินที่ใดก็สามารถเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุดได้ทันที โดยแพทย์สามารถสืบค้นข้อมูลผู้ป่วย Health Link ทำให้ไม่ต้องเสียเวลารอการส่งข้อมูลจากโรงพยาบาลเดิมของผู้ป่วย ซึ่งจะช่วยให้การวินิจฉัย และการวางแผนรักษารวดเร็วและมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น ส่วนกรณีที่ต้องการย้ายโรงพยาบาลจะดำเนินการได้อย่างรวดเร็ว เพราะข้อมูลประวัติการรักษาจะตามตัวผู้ป่วยไปในทุกที่

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 26 เมษายน 2566