โลกเปลี่ยน ไทยต้องปรับ ทางเลือกใหม่ของการเมืองไทย ก้าวข้ามความขัดแย้ง สานพลังประชาราษฎร์ ร่วมสร้างชาติให้ยั่งยืน

ป้ายกำกับ: ข่าวประชาสัมพันธ์

‘รมว.สมศักดิ์’โชว์ความสำเร็จไกล่เกลี่ยหนี้ 5.6 หมื่นราย ปลดล็อคลดภาระประชาชนทั่วประเทศกว่า 5 พันลบ.

‘รมว.สมศักดิ์’โชว์ความสำเร็จไกล่เกลี่ยหนี้ 5.6 หมื่นราย ปลดล็อคลดภาระประชาชนทั่วประเทศกว่า 5 พันลบ.

,

นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมและประธานยุทธศาสตร์พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เปิดเผยว่า ได้ดำเนินนโยบายในการจัดมหกรรมไกล่เกลี่ยหนี้สินครัวเรือนทั้งในพื้นที่กรุงเทพฯ และต่างจังหวัด อย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันดำเนินจัดงานมาแล้ว 70 ครั้ง โดยข้อมูลปัจจุบัน (ณ วันที่ 6 ส.ค. 2565 ) มีลูกหนี้ขอไกล่เกลี่ยแล้ว 59,436 ราย ไกล่เกลี่ยสำเร็จ จำนวน 56,674 ราย คิดเป็น 95.35% รวมทุนทรัพย์ 11,995 ล้านบาท ลดค่าใช้จ่ายประชาชน 5,114 ล้านบาท และเหลือการจัดงานอีก 7 ครั้ง ได้แก่ จังหวัดสระแก้ว นครนายก สุพรรณบุรี กาญจนบุรี ตราด จันทบุรี และชลบุรี และจะเสร็จสิ้นภายในเดือนสิงหาคม 2556

การจัดงานที่จังหวัดนนทบุรีเป็นครั้งที่ 70 นนทบุรีถือจังหวัดเล็กอันดับ 3 ของประเทศ แต่กลับมีความหนาแน่นเป็นรองแค่กรุงเทพฯ มีหมู่บ้านจัดสรรและคอนโดมิเนียม กว่า 2,000 โครงการ ทั้งนี้ ภายในงานได้จัดนิทรรศการและบริการให้คำปรึกษาทางกฎหมายเกี่ยวกับการบังคับคดีให้แก่ประชาชนที่มาร่วมงาน ซึ่งได้รับความสนใจจากประชาชนเป็นจำนวนมาก โดยมีเป้าหมายผู้ร่วมงาน จำนวน 17,479 ราย ทุนทรัพย์ทั้งสิ้น 3,431 ล้านบาท

“การจัดงานมีวัตถุประสงค์ เพื่อเพิ่มโอกาสในการแก้ปัญหาหนี้สิน ยุติหรือระงับข้อพิพาทแทนการถูกฟ้องบังคับคดี ตลอดจนประชาชนจะได้รับบริการที่สะดวก เป็นธรรม และเป็นการลดค่าใช้จ่าย” นายสมศักดิ์ กล่าว

นายสมศักดิ์ ยังได้มอบป้ายและเงินเยียวยาผู้เสียหายจากคดีอาญา 13 ราย เป็นเงิน 842,079 บาท มอบป้ายศูนย์ไกล่เกลี่ย 11 ศูนย์ และร่วมการไกล่เกลี่ยด้วยตนเอง โดยรายแรกเป็นหญิงสาว มีหนี้ กยศ. หลังผ่อนมา 16 ปี โดยกู้มา 179,555 บาท ชำระไป 111,370 บาท แต่ส่งไม่ตามกำหนดมีดอกเบี้ยและเบี้ยปรับทำให้ยังมียอดค้างอยู่ 68,185 บาท ผลการเจรจาได้รับส่วนลดดอกเบี้ยและเบี้ยปรับ 32,039 บาท คงเหลือที่จะต้องชำระ 36,145 บาท โดย กยศ.ให้ผ่อนอีก 96 เดือน งวดละ 400 บาท รายต่อมา เป็นผู้ชาย มีหนี้ กยศ. หลังศาลสั่งฟ้อง โดยกู้เงินมา 244,096 บาท มีดอกเบี้ย 26,817 บาท เบี้ยปรับ 100,584 บาท รวม 371,497 บาท และถูกศาลสั่งยึดห้องชุด คอนโดสุขุมวิทที่ใช้ค้ำประกัน โดยผลการเจรจา ได้ลดเบี้ยปรับ 100% เหลือยอดปิดหนี้ 270,913 บาท และจะได้คอนโดคืน

สำหรับงานมหกรรมไกล่เกลี่ยหนี้สินครัวเรือน จัดขึ้นภายใต้แนวคิด “มีหนี้ต้องแก้ไข รุกก้าวไปอย่างยั่งยืน” มุ่งแก้ปัญหาหนี้สินในชั้นก่อนฟ้องคดี และลูกหนี้ที่อยู่ในชั้นภายหลังศาลมีคำพิพากษา อาทิ กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) หนี้บัตรเครดิต หนี้สินเชื่อส่วนบุคคล และหนี้เช่าซื้อรถยนต์ โดยภายในงานลูกหนี้จะได้รับข้อเสนอพิเศษจากสถาบันการเงินต่างๆ เช่น ส่วนลดดอกเบี้ย ลดค่าปรับ และขยายระยะเวลาในการผ่อนชำระ เป็นต้นเพื่อเป็นการช่วยเหลือประชาชนให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นจากการลดภาระในการชำระหนี้ ทำให้มีสภาพคล่องในการประกอบอาชีพ มีความมั่นคงในการดำรงชีวิตเพิ่มขึ้น เป็นไปตามนโยบายขอพรรคพลังประชารัฐ ในการที่จะเข้าไปดูแลประชาชน ให้ทุกมิติ โดยเฉพาะการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจฐานรากให้มีความเข้มแข็ง

สำหรับผู้สนใจสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สายด่วนยุติธรรม 1111 กด77 / กรมบังคับคดี 0-2881-4999 หรือสายด่วนกรมบังคับคดี 1111 กด 79 หรือ ศูนย์ไกล่เกลี่ยข้อพิพาท 0-2881-4840 และ กรมคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพ 0-2141-2768-73

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 9 สิงหาคม 2565

“รมช.สันติ”เร่งเยียวยาผู้ปลูกยาสูบและผู้บ่มอิสระ จ.เพชรบูรณ์ หนุนระบบเศรษฐกิจฐานรากเร่งช่วยเกษตรกรถูกลดโควต้ารับซื้อ

,

นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง และเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เปิดเผย ในการเป็นประธาน เปิดโครงการให้ความช่วยเหลือเกษตรกรผู้เพาะปลูกต้นยาสูบและผู้บ่มอิสระที่ได้รับผลกระทบจากการลดปริมาณการรับซื้อใบยาสูบของการยาสูบแห่งประเทศไทย ฤดูกาลผลิต 2562/2563 โดยมีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร์ (ส.ส.) จังหวัดเพชรบูรณ์ พรรคพลังประชารัฐ ประกอบด้วย นายจักรัตน์ พั้วช่วย ส.ส. เขต 2 นางสาวพิมพ์พร พรพฤฒิพันธุ์ ส.ส. เขต 1 นายเอี่ยม ทองใจสด ส.ส. เขต 5 นายสุรศักดิ์ ส.ส.เขต 4 ให้การต้อนรับ มีเกษตรกรปลูกยาสูบเพชรบูรณ์และตัวแทนเกษตรกรจากจังหวัดข้างเคียงเข้าร่วม ที่หอประชุมโรงเรียนองค์การบริหารส่วนจังหวัดเพชรบูรณ์ (วังชมภูวิทยาคม) อำเภอเมือง จังหวัดเพชรบูรณ์

“ได้รับทราบสถานการณ์ความเดือดร้อนของชาวไร่ยาสูบ พร้อมหาแนวทางจัดการปัญหาความเดือดร้อนของชาวไร่ยาสูบจังหวัดเพชรบูรณ์ ซึ่งเป็นพื้นที่ปลูกยาสูบพันธุ์เบอร์เลย์ อันดับสองของประเทศ หลังจาก ที่คณะรัฐมนตรีได้มีมติเมื่อวันที่ 19 เมษายน 2565 อนุมัติงบ 159.69 ล้านบาท เพื่อมอบเงินช่วยเหลือเกษตรกรฯ 8 จังหวัดภาคเหนือและภาคอีสาน จำนวน 14,292 ราย แบ่งออกเป็น 3 ประเภทใบยา ได้แก่ 1.) ใบยาเวอร์ยิเนีย (ชาวไร่ในสังกัด 2,378 ราย ผู้บ่มอิสระ 54 ราย และชาวไร่ใบสด 1,807 ราย) 2.)ใบยาเบอร์เลย์ (ชาวไร่ในสังกัด 6,562 ราย) และ 3.)ใบยาเตอร์กิ (ชาวไร่ในสังกัด 3,491 ราย) โดยรัฐบาลจะจ่ายเงินช่วยเหลือให้เกษตรกรผู้เพาะปลูกต้นยาสูบและผู้บ่มอิสระในอัตราร้อยละ 70 ของรายได้ที่หายไป โดยคำนวณเงินช่วยเหลือจากปริมาณโควต้าการผลิตใบยาที่ลดลงในฤดูกาลผลิต 2562/2563 เปรียบเทียบกับปริมาณโควตาที่ได้รับในฤดูกาลผลิต 2560/2561 คูณด้วยร้อยละ 70 ของรายได้ที่หายไป”

ความเดือดร้อนของประชาชน โดยเฉพาะเกษตรกรเพาะปลูกยาสูบ มีเกษตรกรที่อยู่ในระบบการเพาะปลูกจำนวนมาก แต่ด้วนสถานการณ์ความจำเป็นในเรื่องการดูแลสุขภาพ ทำให้รัฐบาลต้องลดปริมาณการรับซื้อ ซึ่งเป็นเงื่อนไขของกติกาการค้าโลก ดังนั้นต้องเข้าไปช่วยเหลือเกษตรในด้านต่างๆทั้งการส่งเสริมปลูกพืชทดแทน โดยการให้องค์ความรู้ รวมถึงการเข้าไปเยียวเพื่อให้เกิดการปรับตัวของเกษตรกร ซึ่งถือเป็นกลุ่มเศรษฐกิจฐานราก ที่พรรคพลังประชารัฐ มีนโยบายดูแลประชาในกลุ่มนี้ ให้สามารถมีการสร้างรายได้ และมีอาชีพที่มั่นคง

ทั้งนี้จังหวัดเพชรบูรณ์นับเป็นพื้นที่มีการเพาะปลูกไร่ยาสูบ ในฤดูกาลผลิต 2562 /2563 ที่ขึ้นทะเบียนไว้กับ ยสท.และกรมสรรพสามิต ที่ได้รับผลกระทบจากการลดปริมาณรับซื้อใบยาสูบของ ยสท.จำนวน 2,337 ราย โดยอยู่ในข่ายที่ได้รับการเงินช่วยเหลือรวมวงเงิน 19.5 ล้านบาทเศษ ปัจจุบันรัฐบาลมีแนวทางสนับสนุนให้มีการเพาะปลูกพืชทดแทนการปลูกพืชยาสูบ ซึ่งเป็นผลมาจากการรับซื้อใบยาสูบลดลง จากการยาสูบแห่งประเทศไทย ในฤดูการผลิต 2562/2563 ส่งผลให้เกษตรกรผู้เพาะปลูกต้นยาสูบและผู้บ่มอิสระ จำนวนมากกว่า 50,000 ครอบครัวทั่วประเทศ ถูกลดโควตาการรับซื้อใบยาสูบลงร้อยละ 50

ที่มา : ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
เมื่อวันที่ : 9 สิงหาคม 2565

“พล.อ.ประวิตร”ลงตรวจบ่อ บาดาลจ.พัทลุง ภาระกิจลุยจัดหาน้ำให้เพียงพอเพื่อปชช.

“พล.อ.ประวิตร”ลงตรวจบ่อ บาดาล จ.พัทลุง ภาระกิจลุยจัดหาน้ำให้เพียงพอเพื่อ ปชช.

, ,

“พล.อ.ประวิตร” ตรวจงานเจาะบาดาล ป้อนชาวพัทลุงแก้ปัญหาน้ำขาด ดูความพร้อมสถานีจ่ายน้ำบาดาล บริการประชาชนฟรี มีน้ำใช้ตลอดปี เน้นย้ำ “เรื่องน้ำคือชีวิต” ต้องเพียงพอต่อการดำรงชีวิต

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐในฐานะผู้อำนวยการ กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ ลงพื้นที่ปฏิบัติภารกิจตรวจติดตาม พื้นที่โครงการก่อสร้างสถานีจ่ายน้ำบาดาลเพื่อประชาชน ณ บ้านต้นไทร ต.บ้านนา อ.ศรีนครินทร์ จ.พัทลุง โดยมีนาย กู้เกียรติ วงศ์กระพันธุ์ ผู้ว่าราชการจ.พัทลุง ได้รายงานภาพรวมสถานการณ์น้ำในพื้นที่จ.พัทลุง ที่ยังคงประสบปัญหาเรื่องน้ำ ทั้งปัญหาน้ำท่วม ที่เกิดจากน้ำหลากจากเทือกเขาบรรทัด ไม่สามารถระบายน้ำได้ทัน เนื่องจากมีสิ่งกีดขวางตามลำน้ำ

ส่วนการขาดแคลนน้ำที่ประชาชน บางพื้นที่แหล่งน้ำต้นทุนไม่เพียงพอต่อความต้องการใช้เพื่อการทำการเกษตร และอุปโภคบริโภค ซึ่ง สทนช.และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อยู่ระหว่างดำเนินการแก้ไข ตามแผนงานที่จะพัฒนาโครงการต่างๆในขณะนี้

นอกจากนี้ยังได้เดินทางไปตรวจบริเวณโครงการฯ ซึ่งกรมทรัพยากรน้ำบาดาลได้รายงานถึงความตืบหน้าในการพัฒนาโครงการน้ำบาดาล ที่ได้ทำการขุดเจาะบ่อบาดาล 2บ่อ ได้ปริมาณน้ำ 7ลูกบาศก์เมตร/ชั่วโมง และ3 ลูกบาศก์เมตร/ชั่วโมง และมีการวางระบบท่อเพื่อกระจายน้ำ สำหรับอุปโภค บริโภค รวมถึงมีการก่อสร้างอาคารบริการน้ำดื่มฟรี ให้กับประชาชน เพื่อให้มีน้ำใช้ ตลอดปี

พล.อ.ประวิตร กล่าวกับ พบปะพี่น้องประชาชน ที่มาให้การต้อนรับว่า รัฐบาล โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นรม.และรมว.กห. ได้ฝากความปรารถนาดี และความห่วงใยมายังพี่น้องประชาชนชาวพัทลุงทุกคน พร้อมยืนยันจะให้ความช่วยเหลือ ทุกปัญหาเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนประชาชน อย่างดีที่สุด และได้พยายามแก้ปัญหาเรื่องน้ำมาโดยตลอด เพื่อประชาชน เพราะน้ำมีความจำเป็นอย่างยิ่ง ต่อมนุษย์และสิ่งมีชีวิตอื่นๆ ซึ่ง”น้ำก็คือชีวิต”นั่นเอง ดังนั้นจึงหาวิธีแก้ปัญหาน้ำทุกมิติ ให้ดีที่สุด เพื่อต้องการให้ประชาชน ไม่ขาดแคลนน้ำ และมีความอยู่ดีกินดี อย่างยั่งยืน มั่นคง ตลอดไป

“พล.อ.ประวิตร”ลงตรวจบ่อ บาดาลจ.พัทลุง ภาระกิจลุยจัดหาน้ำให้เพียงพอเพื่อปชช. “พล.อ.ประวิตร”ลงตรวจบ่อ บาดาลจ.พัทลุง ภาระกิจลุยจัดหาน้ำให้เพียงพอเพื่อปชช. “พล.อ.ประวิตร”ลงตรวจบ่อ บาดาลจ.พัทลุง ภาระกิจลุยจัดหาน้ำให้เพียงพอเพื่อปชช. “พล.อ.ประวิตร”ลงตรวจบ่อ บาดาลจ.พัทลุง ภาระกิจลุยจัดหาน้ำให้เพียงพอเพื่อปชช. “พล.อ.ประวิตร”ลงตรวจบ่อ บาดาลจ.พัทลุง ภาระกิจลุยจัดหาน้ำให้เพียงพอเพื่อปชช. “พล.อ.ประวิตร”ลงตรวจบ่อ บาดาลจ.พัทลุง ภาระกิจลุยจัดหาน้ำให้เพียงพอเพื่อปชช. “พล.อ.ประวิตร”ลงตรวจบ่อ บาดาลจ.พัทลุง ภาระกิจลุยจัดหาน้ำให้เพียงพอเพื่อปชช. “พล.อ.ประวิตร”ลงตรวจบ่อ บาดาลจ.พัทลุง ภาระกิจลุยจัดหาน้ำให้เพียงพอเพื่อปชช. “พล.อ.ประวิตร”ลงตรวจบ่อ บาดาลจ.พัทลุง ภาระกิจลุยจัดหาน้ำให้เพียงพอเพื่อปชช. “พล.อ.ประวิตร”ลงตรวจบ่อ บาดาลจ.พัทลุง ภาระกิจลุยจัดหาน้ำให้เพียงพอเพื่อปชช. “พล.อ.ประวิตร”ลงตรวจบ่อ บาดาลจ.พัทลุง ภาระกิจลุยจัดหาน้ำให้เพียงพอเพื่อปชช. “พล.อ.ประวิตร”ลงตรวจบ่อ บาดาลจ.พัทลุง ภาระกิจลุยจัดหาน้ำให้เพียงพอเพื่อปชช. “พล.อ.ประวิตร”ลงตรวจบ่อ บาดาลจ.พัทลุง ภาระกิจลุยจัดหาน้ำให้เพียงพอเพื่อปชช.

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 8 สิงหาคม 2565

“พล.อ.ประวิตร”ยกย่องผลงานนักกีฬาพาราไทยสร้างชื่อให้ประเทศ คว้าตำแหน่งเจ้าเหรียญทอง “โซโล 2022”เกมส์ ประเทศอินโดนีเซีย

,

“พล.อ.ประวิตร”ยกย่องผลงานนักกีฬาพาราไทยสร้างชื่อให้ประเทศ
คว้าตำแหน่งเจ้าเหรียญทอง “โซโล 2022”เกมส์ ประเทศอินโดนีเซีย

“พล.อ.ประวิตร” ปลื้มผลสำเร็จ ทัพนักกีฬาพาราไทย ที่อินโดนิเซีย โชว์ผลงานคว้า รองแชมป์เจ้าเหรียญทอง สร้างชื่อเสียงให้ประเทศ !!

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ในฐานประธานคณะกรรมการโอลิมปิกส์ แห่งประเทศไทย แสดงความยินทัพนักกีฬาพาราไทย สร้างผลงานในการแข่งขันกีฬาอาเซียนพาราเกมส์ ครั้งที่ 11 “โซโล 2022″ เกินเป้าหมาย กวาดเหรียญทองได้ 116 เหรียญทอง 111 เหรียญเงิน 90 เหรียญทองแดง ได้เหรียญรวมทั้งสิ้น 317 เหรียญรางวัล จากที่วางเป้าหมายไว้ที่ 70 เหรียญทอง

“นับเป็นความก้าวหน้าของศักยภาพของสมาคมกีฬาทุกประเภท ที่สนับสนุนการฝึกซ้อมเพื่อสนับสนุนนักกีฬา จนประสบความสำเร็จด้วยการนำวิทยาศาสตร์การกีฬา ที่เข้าไปดูแลการเพิ่มขีดความสามารถจนประสบความสำเร็จในการแข่งขันครั้งนี้”

ขอขอบคุณนักกีฬาพาราไทย ที่คนที่สร้างชื่อเสียงให้กับประเทศในเวทีการแข่งขันครั้งสำคัญของภูมิภาคอาเซียนเป็นผลสำเร็จ จนสามารถจากการค้าวเหรียญทองได้เป็นอันดับสองรองจากเจ้าภาพในครั้งนี้ และคว้าตำแหน่งรองแชมป์ การกีฬาแห่งประเทศไทยพร้อมที่จะให้การสนับสนุนนักกีฬาทุกประเภทต่อไป ทั้งในการนำเทคโนโลยี วิทยาศาสตร์การกีฬา ในการดูแลนักกีฬาเพื่อเตรียมรับการแข่งขันในรายการกีฬาต่างๆ “

ที่มา : ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
เมื่อวันที่ : 8 สิงหาคม 2565

“พล.อ.ประวิตร” แจ้งข่าวดี!!! ชาวบ้านป่าแดด เดินหน้าสร้างอ่างเก็บน้ำแม่ตาช้างเสร็จปี 69

,

“พล.อ.ประวิตร” แจ้งข่าวดี!!! ชาวบ้านป่าแดด เดินหน้าสร้างอ่างเก็บน้ำแม่ตาช้างเสร็จปี 69

วันที่ 4 สิงหาคม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ได้วิดีโอคอนเฟอเรนซ์ ถึงผู้นำชุมชนและประชาชนต.ป่าแดด จ.เชียงราย กว่า 300 คน ที่จะได้รับอ่างเก็บน้ำแม่ตาช้าง เพื่อการอุปโภคบริโภค และประกอบอาชีพทางการเกษตร ซึ่งส่งผลต่อการยกระดับคุณภาพชีวิต

ทั้งนี้รัฐบาลและพรรคพลังประชารัฐ ให้ความสําคัญในการพัฒนาแหล่งน้ำ เพื่อแก้ไขปัญหาภัยแล้ง ภัยน้ำท่วม และเพื่อสร้างอาชีพ สร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้ประชาชนมาโดยตลอด และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง อ่างเก็บน้ำแม่ตาช้างที่ประชาชนรอคอยมายาวนานถึง 30 ปีนั้น จึงได้มอบหมายให้คณะทำงานมีการติดตาม และประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในรูปแบบบูรณาการเพื่อให้เกิดร่วมมือกันขับเคลื่อนโครงการให้เกิดผลสำเร็จโดยเร็ว

“วันนี้ ผมยินดีที่จะแจ้งให้ทุกคนได้ทราบว่า โครงการอ่างเก็บน้ำแม่ตาช้างแห่งนี้ผ่านความเห็นชอบจากทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเรียบร้อยแล้ว ทั้งจากสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม, กรมป่าไม้ และกรมอุทธยาน ขั้นตอนต่อไป ภายในปี 65 นี้ กรมชลประทานจะเร่งดำเนินการขออนุมัติเปิดโครงการ เร่งทำการสำรวจพื้นที่เพื่อจ่ายค่าชดเชย และในปี 66 จะสามารถเริ่มทำการก่อสร้างได้ โดยใช้เวลาก่อสร้าง 3 ปี ในปี 69 ประชาชน จะมี “อ่างเก็บน้ำแม่ตาช้าง” เป็นแหล่งน้ำต้นทุนในพื้นที่จังหวัดเชียงราย ที่ทุกคนจะได้ใช้ประโยชน์ร่วมกัน”

ทั้งนี้มั่นว่า อ่างเก็บน้ำแม่ตาช้าง จะช่วยให้คนตําบลป่าแดด และพื้นที่ใกล้เคียง มีน้ำเพียงพอเพื่อการอุปโภคบริโภค และเพื่อประกอบอาชีพ สร้างคุณภาพชีวิตที่ดี ที่มั่นคงยั่งยืนให้กับคนลุ่มน้ำลาวตอนกลาง-ตอนล่าง และคนตำบลป่าแดดอย่างแน่นอน ผมขอยืนยันว่าหากพี่น้องประชาชนยังมีปัญหา อุปสรรคอื่นๆ ที่ต้องการความช่วยเหลือ ผมยินดีให้การช่วยเหลือและแก้ไขบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนอย่างเต็มที่ รัฐบาลและต้วผมเอง มุ่งหวังให้ พี่น้องประชาชนอยู่ดีกินดี มีความสุข ดังนั้น หากทุกข์ร้อนอะไรขอให้บอกทีมงานของผมได้ทุกคนครับ” พล.อ.ประวิตร กล่าว

ที่มา : ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
เมื่อวันที่ : 5 สิงหาคม 2565

“พล.อ.ประวิตร” เดินหน้าปลูกป่าชายเลน 3 แสนไร่ ดึงชุมชน 23 จังหวัด ขับเคลื่อนหนุนคาร์บอนเครดิต

,

“พล.อ.ประวิตร” เดินหน้าปลูกป่าชายเลน 3 แสนไร่ ดึงชุมชน 23 จังหวัด ขับเคลื่อนหนุนคาร์บอนเครดิต

วันที่ 4 กรกฎาคม 2565 พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุม คณะกรรมการบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งแห่งชาติ ครั้งที่ 2/65 ได้มีการเร่งรัดขับเคลื่อน ยกระดับการแก้ปัญหาการอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง โดยพิจารณาเห็นชอบการออกกฎกระทรวง กำหนดพื้นที่ป่าชายเลนอนุรักษ์ในพื้นที่ จ. ตรัง และ จ.พังงา มีสาระสำคัญ เป็นพื้นที่ป่าชายเลนอนุรักษ์และกำหนดมาตรการคุ้มครอง พันธุ์ไม้ สัตว์ป่า พันธ์พืชหายาก โดยผ่านกระบวนการมีส่วนร่วมของผู้มีส่วนได้เสีย เพื่อป้องกันและแก้ปัญหาการกัดเซาชายฝั่งทะเล รวมทั้งเห็นชอบการจัดทำแผนที่
ข้อมูลวิชาการของระบบกลุ่มหาดประเทศไทย ปี 65 – 67 นำร่องรวม 11 กลุ่มหาด เพื่อประกอบการตัดสินใจแก้ปัญหาการกัดเซาะชายฝั่ง

ทั้งนี้ได้ขอให้ กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ให้ความสำคัญ กับการสร้างความเข้าใจและดึงชุมชนชายฝั่งทะเล เข้ามามีส่วนร่วมปลูกป่าชายเลนร่วมกันในทุกขั้นตอน และต้องให้ชุมชนได้รับประโยชน์ไปพร้อมกันอย่างแท้จริง ทั้งการสร้างงาน สร้างรายได้และการจ้างงานในพื้นที่ โดยเฉพาะให้ดึงสถาบันการศึกษาในพื้นที่ ร่วมให้ความรู้กับเด็กและเยาวชน รวมท้ังชุมชนไปพร้อมกัน เพื่อการอนุรักษ์ทรัพยากรในพื้นที่แบบมีส่วนร่วมที่มุ่งความยั่งยืน

พล.อ.ประวิตร’ ยังได้ย้ำถึงการใช้ประโยชน์ทางทะเล ก็ต้องมีการคืนประโยชน์ให้ทะเลไปพร้อมกัน ซึ่งต้องเร่งอนุรักษ์และฟื้นฟูคู่ขนานกัน โดยยังมีงานสำคัญ ที่ต้องช่วยกันเร่งรัดดำเนินการให้บรรลุผลสำเร็จในหลายเรื่อง โดยเฉพาะ การประกาศพื้นที่คุ้มครองทางทะเลและชายฝั่ง การแก้ปัญหาขยะทะเลในฐานะผู้นำกลุ่มอาเซียน และการขับเคลื่อนการดำเนินการภายใต้ทศวรรษแห่งมหาสมุทร ที่ประเทศไทยได้รับการคัดเลือกเป็นที่ตั้ง สำนักงานประสานทศวรรษแห่งมหาสมุทร ซึ่งขอให้ ทส.เร่งรัดผลักดันให้มีความชัดเจน และเป็นรูปธรรมโดยเร็ว

นอกจากนี้ที่ประชุมยังได้รับทราบถึงความคืบหน้าในโครงการปลูกป่าชายเลน เพื่อประโยชน์จากคาร์บอนเครดิต ในประเด็น การแบ่งปันผลประโยชน์จากคาร์บอนเครดิต ระหว่าง ผู้พัฒนาโครงการ และ ทช. ในสัดส่วน 90 : 10 โดย กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) จะแบ่งให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ครึ่งหนึ่ง เพื่อนำไปให้ชุมชนใช้ในกิจกรรมการบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งในพื้นที่ โดยมีระยะเวลา 10 ปี ( 66 – 74 ) ในพื้นที่ 23 จว. เนื้อที่ 300,000 ไร่ มุ่งเป้า 6 พื้นที่ โดยเป็นพื้นที่พร้อมปลูกที่ผ่าน การดำเนินการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้าง ทำนากุ้ง ทำสวนปาล์ม พื้นที่เลนงอก พื้นที่ปรับปรุงสภาพป่าชายเลน รวมท้ังพื้นที่ป่าที่ชุมชนร่วมดูแล

ที่มา : ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
เมื่อวันที่ : 4 สิงหาคม 2565

“รมว.ตรีนุช” ร่วมมือรัฐ-เอกชนหนุนเพิ่มศักยภาพอาชีวศึกษา ดันสู่ยุทธศาสตร์ประเทศเร่งพัฒนากำลังคนป้อนตลาดแรงงาน

,

“รมว.ตรีนุช” ร่วมมือรัฐ-เอกชนหนุนเพิ่มศักยภาพอาชีวศึกษา
ดันสู่ยุทธศาสตร์ประเทศเร่งพัฒนากำลังคนป้อนตลาดแรงงาน

วันนี้ (3 สิงหาคม 2565) ที่โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ คอนเวนชั่น หลักสี่ กรุงเทพฯ นางสาวตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) เป็นประธานเปิดการประชุมคณะอนุกรรมการร่วมภาครัฐและเอกชนเพื่อผลิตและพัฒนากำลังคนอาชีวศึกษา (อ.กรอ.อศ.) เพื่อสนับสนุนการจัดการอาชีวศึกษา และขับเคลื่อนศูนย์บริหารเครือข่ายการผลิตและพัฒนากำลังคนอาชีวศึกษา (CVM) พร้อมมอบโล่ขอบคุณการสนับสนุนการจัดการอาชีวศึกษาให้แก่ อ.กรอ.อศ. 39 กลุ่มอุตสาหกรรม โดยมีผู้แทนจากสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศ, สภาหอการค้าไทย, ผู้บริหารสถานประกอบการ และผู้บริหารสถานศึกษาอาชีวศึกษาทั้งของรัฐและเอกชน เข้าร่วมประชุม

ในฐานะประธาน อ.กรอ.อศ. ชื่นชมและขอบคุณผู้ประกอบการ ทั้ง 39 กลุ่มอุตสาหกรรมที่ได้ร่วมกันนำนโยบายของรัฐบาล โดย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่ให้ความสำคัญและกำหนดให้อาชีวศึกษาเป็นหนึ่งในยุทธศาสตร์ของประเทศ เพื่อมุ่งพัฒนากำลังคนให้มีสมรรถนะสูง ตรงตามความต้องการของตลาดแรงงาน และภาคเอกชนถือเป็นพลังหลักสำคัญทางเศรษฐกิจของประเทศ ซึ่งที่ผ่านมาตนได้มอบนโยบายให้ผู้อำนวยการวิทยาลัยอาชีวะทั้งของรัฐและภาคเอกชนทุกแห่ง ขยายความร่วมมือในการจัดการเรียนการสอนในรูปแบบทวิภาคี กับทางภาคเอกชน และภาคีเครือข่ายให้มากขึ้น โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจใหม่ที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์โลก และความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีดิจิทัล โดยมีเป้าหมายต้องการให้นักเรียนเข้าสู่ระบบการเรียนการสอนในระบบทวิภาคีไม่น้อยกว่าร้อยละ 50 จากปัจจุบันที่จัดอยู่ประมาณ 15 %

“ การสนับสนุนจากภาคเอกชนที่ต่อเนื่องมาหลายปี ได้ปรากฎผลเกิดสิ่งดีๆ ที่เป็นความสำเร็จต่อระบบเศรษฐกิจไทยในหลายอุตสาหกรรม จึงขอความร่วมมือจากภาคเอกชนสนับสนุนด้านอาชีวศึกษาอย่างเข้มข้น และแข็งแรงมากยิ่งขึ้น ดิฉันมารับฟังข้อเสนอแนะจากภาคเอกชน เพื่อนำมาปรับปรุง พัฒนา และต่อยอดความร่วมมือการจัดการอาชีวศึกษาให้ก้าวล้ำทันสมัย ได้บุคลาการมืออาชีพที่ตรงกับความต้องการ ที่ปัจจุบันยังมีช่องว่างกฎ ระเบียบต่างๆอยู่ ซึ่งการหารือในวันนี้จะนำไปสู่การแก้ไขปัญหาอุปสรรคได้ตรงตามเป้าหมาย และปลดล็อกในประเด็นต่างๆ ต่อไป ” นางสาวตรีนุช กล่าว

รมว.ศธ.กล่าวต่อไปว่า ข้อเสนอแนะจากภาคเอกชน ในวันนี้ เช่น กลุ่มอุตสาหกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศ การสื่อสาร และดิจิทัลคอนเทนต์ ได้เสนอให้มีการจัดการเรียนการสอนระบบทวิภาคีที่ยืดหยุ่น มีหลักสูตรที่ยืดหยุ่นให้ผู้เรียนอาชีวศึกษาสามารถเรียนจบระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง (ปวส.) ภายใน 4 ปี โดยที่วิชาการและกิจกรรมไม่ลดลง ซึ่งเด็กจะมีอายุ 18 ปี สามารถทำงานในสถานประกอบการได้ ซึ่งขณะนี้เมื่อเด็กเรียนจบระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) จะมีอายุ 17 ปี ซึ่งไม่สามารถทำงานได้ เนื่องจากอายุไม่ถึงติดกฎหมายแรงงาน เป็นต้น

ที่มา : ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
เมื่อวันที่ : 4 สิงหาคม 2565

“พล.อ.ประวิตร”ลงนครพนมสกัดเส้นทางค้ายาเสพติด มอบสิทธิ์ที่ดินทำกินสร้างรายได้ยั่งยืนให้ปชช.

“พล.อ.ประวิตร”ลงนครพนม สกัดเส้นทางค้ายาเสพติด มอบสิทธิ์ที่ดินทำกิน

,

เมื่อ 1 ส.ค.65 พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) ได้ลงพื้นที่ไปปฏิบัติราชการในพื้นที่ จ.นครพนม พร้อมด้วยพล.ท.พัชร์ชศักดิ์ ปฏิรูปานนท์ ผู้ช่วยโฆษก รองนายกรัฐมนตรี และคณะผู้บริหารเพื่อติดตามการป้องกันและปราบปรามการแก้ปัญหายาเสพติดในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และเป็นประธานมอบหนังสืออนุญาตให้เข้าทำประโยชน์ หรืออยู่อาศัยในเขตป่าสงวนแห่งชาติ และมอบสมุดประจำตัวผู้ได้รับการคัดเลือกให้ทำกินในชุมชน ตามนโยบายรัฐบาล(คทช.) โดยมีนาย ชาญชัย คงทัน รอง ผวจ.นครพนม ได้บรรยายสรุปสถานการณ์ด้านการป้องกันและแนวทางการแก้ไขปัญหายาเสพติด จ.นครพนม ร่วมกับจังหวัดอื่นๆรวม 7จังหวัด ตามแนวชายแดนในพื้นที่ภาคอีสาน ซึ่งจากนโยบายด้านการป้องกันและปราบปรามยาเสพติดของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้กำหนดให้การแก้ปัญหายาเสพติด เป็นวาระแห่งชาติ

ที่ผ่านมาจากการจับกุม และกดดันผู้ค้ายาเสพติด จากเจ้าหน้าที่ พื้นที่ภาคเหนือมีมากขึ้นในช่วงที่ผ่านมา การลำเลียงลักลอบยาเสพติด มีแนวโน้มมาทางภาคอีสานในเส้นทางต่างๆ มากขึ้น ดังนั้น จ.นครพนมจึงได้กำหนดแผนปฎิบัติการ ชื่อว่า”ยุทธการฟ้าสางที่ฝั่งโขง” เพื่อบูรณาการหน่วยงานด้านความมั่นคง ทั้งทหาร ตำรวจ และฝ่ายปกครองให้มีแนวทางไปในทิศทางเดียวกัน ทั้งนี้ แม้ในห้วงที่ผ่านมา จะมีการจับกุมยาเสพติดได้มากขึ้น แต่ก็ยังมีช่องทางการลักลอบ จากประเทศเพื่อนบ้าน เข้ามาในประเทศไทย หลากหลายวิธี เช่นกัน

พล.อ.ประวิตร ได้มอบนโยบาย โดยกำหนดมาตรการรับมือป้องกันและปราบปรามยาเสพติด โดยอาศัยความร่วมมือร่วมใจ จากทุกภาคส่วน ของจังหวัด ซึ่งจ.นครพนมเป็นพื้นที่ที่ประสบผลสำเร็จ อย่างน่าพอใจในการปราบปราม และเป็นแบบอย่างที่ดีให้แก่จังหวัดอื่นๆได้ด้วย โดยได้มอบนโยบายให้กับ จังหวัด ,อำเภอ ,ผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ในพื้นที่ติดชายแดนภาคอีสาน โดยเน้นย้ำ และกำชับให้ผู้บริหารและเจ้าหน้าที่ทุกระดับ ทำความเข้าใจประมวลกฎหมายยาเสพติด อย่างจริงจัง และเจ้าหน้าที่ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะต้อง ทุ่มเท เสียสละ และซื่อสัตย์สุจริต ไม่รับผลประโยชน์ใดๆทั้งสิ้น หากฝ่าฝืนจะต้องถูกลงโทษ อย่างเด็ดขาด พร้อมยินดีรับฟังหากมีข้อมูลหรือเบาะแส ยาเสพติดจากแหล่งต่างๆรวมทั้งฝ่ายการเมืองในพื้นที่ เพื่อร่วมกันแก้ปัญหาต่อไป

สำหรับมาตรการป้องกันจะต้องสร้างการตระหนักรู้ให้คนไทย ประชาคมโลกเห็นถึงผลร้าย และโทษของยาเสพติด ส่วนมาตรการบำบัดรักษาจะต้องนำผู้เสพ และผู้ติดยาเสพติดเข้าสู่กระบวนการบำบัดรักษา ฟื้นฟู ตามประมวลกฏหมายยาเสพติด พร้อมทั้งให้ผู้ผ่านการบำบัด ฟื้นฟู มีการอบรม ทักษะ ความรู้ในอาชีพโดยกรมการจัดหางาน กระทรวงแรงงาน ทั้งนี้ พล.อ.ประวิตรฯ กล่าวย้ำว่า ผู้ติดยาเสพติด คือ ผู้ป่วย ที่ต้องได้รับการดูแล บำบัดรักษา และฟื้นฟู ให้กลับคืนสู่สังคม อย่างดีที่สุด

นอกจากนี้ พล.อ.ประวิตร ได้เป็นประธานมอบหนังสืออนุญาตให้เข้าทำประโยชน์หรืออยู่อาศัยในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ให้กับ รอง ผวจ. นครพนม จำนวน 3แห่ง และมอบสมุดประจำตัวผู้ได้รับการคัดเลือกให้ทำกินในชุมชน ให้กับผู้แทนประชาชน จำนวน 5คน โดยมีตัวแทนกลุ่มประชาชนได้กล่าวขอบคุณ พล.อ.ประวิตร และรัฐบาลที่ให้ความสำคัญต่อการแก้ไขปัญหาที่ดินทำกินของประชาชน ซึ่งตนและชาวบ้านเคยได้รับความเดือดร้อนในการดำรงชีพ ที่มีความเหลื่อมล้ำ และเพิ่งจะได้รับสิทธิ์ถูกต้องตามกฎหมาย จากรัฐบาลปัจจุบันในวันนี้ ซึ่งในภาพรวม จ.นครพนม มีเนื้อที่เป้าหมายจัดที่ทำกินให้ชุมชนตามนโยบายรัฐบาลในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ จำนวน 6พื้นที่ เนื้อที่รวม 106,907-2-33 ไร่ ดำเนินการอนุมัติแล้ว 4พื้นที่ เนื้อที่ 55,185-3-31ไร่ มีจำนวนผู้ได้รับสิทธิ์แล้ว 4,684 ราย

ทั้งนี้ พล.อ.ประวิตร ได้กล่าวแสดงความยินดีกับผู้ที่ได้รับการคัดเลือกให้ที่ทำกินในชุมชน พร้อมกำชับ คณะอนุกรรมการนโยบายที่ดิน จ.นครพนม ,องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งดำเนินการพัฒนาระบบสาธารณูปโภค ขั้นพื้นฐาน ได้แก่ ไฟฟ้า ประปา และเส้นทางคมนาคม พร้อมเร่งดำเนินการส่งเสริมอาชีพ รวมถึงการเข้าถึงแหล่งทุนดอกเบี้ยต่ำ โดยใช้แนวทางสหกรณ์ จากนั้นได้พบปะพี่น้องประชาชนที่มาให้การต้อนรับเป็นจำนวนมาก พร้อมอวยพรขอให้ประชาชนปลอดภัยจากโควิด-19 และมีความอยู่ดีกินดี มีความสุขกันทุกคน“พล.อ.ประวิตร”ลงนครพนมสกัดเส้นทางค้ายาเสพติด มอบสิทธิ์ที่ดินทำกินสร้างรายได้ยั่งยืนให้ปชช. “พล.อ.ประวิตร”ลงนครพนมสกัดเส้นทางค้ายาเสพติด มอบสิทธิ์ที่ดินทำกินสร้างรายได้ยั่งยืนให้ปชช. “พล.อ.ประวิตร”ลงนครพนมสกัดเส้นทางค้ายาเสพติด มอบสิทธิ์ที่ดินทำกินสร้างรายได้ยั่งยืนให้ปชช. “พล.อ.ประวิตร”ลงนครพนมสกัดเส้นทางค้ายาเสพติด มอบสิทธิ์ที่ดินทำกินสร้างรายได้ยั่งยืนให้ปชช. “พล.อ.ประวิตร”ลงนครพนมสกัดเส้นทางค้ายาเสพติด มอบสิทธิ์ที่ดินทำกินสร้างรายได้ยั่งยืนให้ปชช.

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 1 สิงหาคม 2565

“รมว.สุชาติ” ขับเคลื่อนส่งออกซอฟต์พาวเวอร์มวยไทย ยกระดับมาตรฐานครูผู้สอนสร้างรายได้เข้าประเทศ

,

“รมว.สุชาติ” ขับเคลื่อนส่งออกซอฟต์พาวเวอร์มวยไทย ยกระดับมาตรฐานครูผู้สอนสร้างรายได้เข้าประเทศ

เร่งเดินมาตรฐานผู้สอนมวยไทย สร้าง ซอฟต์ พาวเวอร์ป้อนตลาดโลก !!! นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานและผู้อำนวยการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ได้มอบหมายให้กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน (กพร.) เดินหน้าทำมาตรฐานฝีมือแรงงานสาขาผู้ฝึกสอนมวยไทย เพื่อใช้เป็นหลักฐานการันตี ในการประกอบอาชีพ และผลักดันให้เกิดการยอมรับทั้งในประเทศและต่างประเทศ

“หลังจากที่ได้เดินทางไปที่กรุงเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ได้พบปะเจ้าของค่ายมวย ที่เปิดสอนทั้งคนไทยและชาวต่างชาติที่สนใจฝึกศิลปะมวยไทย ซึ่งผู้ครูผู้สอนจะต้องมีทั้งความรู้และทักษะฝีมือ และเป็นอาชีพที่น่าสนใจ เพราะรายได้สูง ขณะที่ประเทศไทยมีสมาคมที่เกี่ยวข้องด้านมวยไทย ให้ความสำคัญและต้องการรักษามาตรฐานมวยไทยด้วย

ทั้งนี้เพื่อเป็นการรักษาเอกลักษณ์มวยไทยให้มีมาตรฐาน จึงจำเป็นต้องกำหนดคุณสมบัติที่จำเป็นของผู้ฝึกสอนมวยไทย โดยมีผู้ประกอบอาชีพ และผู้เกี่ยวข้องกับมวยไทย มาร่วมเป็นคณะทำงานเพื่อกำหนดมาตรฐาน เพื่อให้มวยไทย เป็นซอฟต์ พาวเวอร์ (Soft Power) สู่เวทีโลก และพัฒนามวยไทยให้สามารถสร้างรายได้ให้กับคนไทยทั้งในประเทศและต่างประเทศต่อไป”

ศิลปะมวยไทยนับเป็นอัตลักษณ์ ที่ต่างชาติให้การยอมรับทั่วโลกที่สามารถสร้างรายได้ สร้างความกินดีอยู่ดีให้กับคนไทย มุ่งไปสู่การยกระดับเศรษฐกิจฐานราก ภายใต้การขับเคลื่อนมวยไทยสู่เวทีแข่งขันระดับโลกของพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคพปชร.

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 1 สิงหาคม 2565

“ตรีนุช”กำชับผอ.วิทยาลัยอาชีวะรัฐ-เอกชน สอนเด็กทำอาชีพได้จริง ยิงให้ถูกเป้า

,

“ตรีนุช”กำชับผอ.วิทยาลัยอาชีวะรัฐ-เอกชน สอนเด็กทำอาชีพได้จริง ยิงให้ถูกเป้า

วันนี้ ( 1 สิงหาคม 2565 )ที่วิทยาลัยการอาชีวศึกษาปทุมธานี จังหวัดปทุมธานี นางสาวตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) กล่าวตอนหนึ่งในการประชุมสัมมนาผู้บริหารสถานศึกษาสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) ทั้งรัฐและเอกชน จำนวน 1,300 คนเพื่อติดตามผลการดำเนินงานและยกระดับคุณภาพการจัดการอาชีวศึกษาทุกมิติโดยใช้พื้นที่เป็นฐาน ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 ว่า รัฐบาลภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ให้ความสำคัญกับการพัฒนาการอาชีวศึกษา เพราะเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ จึงขอให้สอศ. เน้นการพัฒนาให้เด็กสามารถประกอบอาชีพได้จริง และตอบโจทย์ภาคธุรกิจได้ ท่ามกลางการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีโลกในศตวรรษที่ 21 ประกอบกับการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ โควิด-19 ในช่วง 2 ปีที่ผ่ามา ส่งผลกระทบต่อผู้เรียน หลักสูตร และแนวทางการเรียนการสอน ซึ่งทุกท่านในฐานะผู้บริหารจะต้องมีการปรับตัว และปรับรูปแบบการวิธีการบริหารจัดการ ให้มีความพร้อมต่อการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น และวันนี้เรื่องหลักสูตร อาชีพ ระบบการเรียนรู้ ก็ต้องปรับให้สอดคล้องกับผู้เรียนและเศรษฐกิจ ซึ่งวิธีการที่จะขับเคลื่อนให้เร็วที่สุดคือการจัดการศึกษระบบทวิภาคี ที่สถานศึกษาร่วมกับสถานประกอบการ ในการให้เด็กและครูได้ฝึกปฏิบัติในสถานประกอบการซึ่งมีเครื่อมือและอุปกรณ์ที่พร้อมกว่าสถานศึกษา

“วันนี้ขอให้ผู้บริหารโฟกัสเรื่องระบบทวิภาคีให้มากขึ้น จากที่มีการดำเนินการอยู่แล้ว โดยให้แต่ละสถานศึกษากำหนดตัวชี้วัดหรือ KPI ให้ชัดเจน และสอดคล้องกับบริบทของพื้นที่ และมีเครือข่ายการทำงานร่วมกับภาคเอกชน และสถานประกอบ รวมถึงต้องพัฒนาครูให้สามารถเข้าไปเรียนรู้ในสถานประกอบการ และเรียนรู้การเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ซึ่งจะเป็นตัวสนับสนุนเรื่องการเรียนแบบทวิภาคีเพิ่มมากขึ้นได้” รมว.ศึกษาธิการกล่าวและว่า สัปดาห์ที่ผ่านมา รัฐบาลได้อนุมัติงบประมาณการปรับอัตราเงินอุดหนุนค่าใช้จ่ายรายหัวสำหรับผู้เรียนการศึกษาขั้นพื้นฐาน ในลักษณะงบฯผูกพันต่อเนื่อง 4 ปี ตั้งแต่ปี 2566-2569 ให้แก่นักเรียนระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.)ทั้งรัฐและเอกชน ซึ่งตนขอให้ผู้บริหารสถานศึกษาพิจารณาการใช้จ่ายเงินในหมวดค่ากิจกรรมพัฒนาคุณภาพผู้เรียน และค่าจัดการเรียนการสอนให้คุ้มค่า มีประสิทธิภาพ และเกิดประสิทธิผลโดยตรงกับผู้เรียนให้มากที่สุด

น.ส.ตรีนุช กล่าวด้วยว่า สถานการณ์โควิด-19 ส่งผลให้เด็กจำนวนหนึ่งหลุดออกจากระบบการศึกษา ศธ.จึงได้มีโครงการตามน้องกลับมาเรียน โดยในส่วนของ สอศ. ก็มีโครงการอาชีวะอยู่ประจำ เรียนฟรี มีอาชีพ ซึ่งในปีการศึกษา 2565 ตั้งเป้าหมายไว้ว่าจะมีเด็กเข้าโครงการ 5,000 คน ทราบว่าขณะนี้มีเด็กกลับมาเรียน 4,000 กว่าคนแล้ว ต้องขอขอบคุณผู้บริหารที่ช่วยเหลือกัน และให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่ อย่างไรก็ตาม จากการลงพื้นที่ตนเป็นห่วงจำนวนผู้เรียนให้หลายวิทยาลัยลดลง โดยเฉพาะในภาคการเกษตร ที่เด็กของวิทยาลัยเกษตรและเทคโนโลยีในหลายพื้นที่น้อยลง ซึ่งตนได้หารือกับผู้บริหารส่วนกลางว่าในภาคการเกษตรขอให้เน้นเรื่อง Smart Farming มีการนำเทคโนโลยีมาใช้ เพื่อให้เด็กเห็นว่าการเกษตรสมัยใหม่ไม่ได้ไปตรากตรำเหมือนในอดีต ให้ผลผลิตมากใช้เงินน้อย ต้นทุนต่ำ และยังได้สร้างเครือข่ายวิทยาลัยเกษตรฯอื่น ที่มีการคิดค้นสิ่งประดิษฐ์เพื่อนำมาใช้ประโยชน์ร่วมกันได้ด้วย

นอกจากนี้ขอให้ผู้บริหารสถานศึกษาทุกท่านปักหมุดเรื่องสถานศึกษาปลอดภัย ซึ่งถึงเป็นไฮไลท์สำคัญที่ตนตั้งใจตั้งแต่เข้ามารับตำแหน่ง เพราะต้องการดูแลนักเรียน นักศึกษาที่เสมือนลูกหลานของเรา ในการดูแลด้านความปลอดภัย และร่วมมือกันลดความเสี่ยงของการเกิดเหตุทะเลาะวิวาทของนักเรียน ต้องมีมาตรการให้ผู้ปกครองมั่นใจว่าสามารถดูแลลูกหลานของเค้าได้ เพื่อเป็นการสร้างภาพลักษณ์ใหม่ของนักเรียนอาชีวะ.

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 1 สิงหาคม 2565

“รมว.ชัยวุฒิ” รับข้อสั่งการ “พล.อ.ประวิตร” เร่งปฏิบัติการปราบเว็บพนันออนไลน์ มอมเมาเยาวชน -ปชช

“รมว.ชัยวุฒิ” รับข้อสั่งการ “พล.อ.ประวิตร” เร่งปฏิบัติการปราบเว็บพนันออนไลน์ มอมเมาเยาวชน – ปชช

,

“รมว.ชัยวุฒิ” รับข้อสั่งการ “พล.อ.ประวิตร”เร่งปฏิบัติการปราบเว็บพนันออนไลน์ มอมเมาเยาวชน – ปชช

เร่งปราบเว็ปพนันออนไลน์ มอมเมาเยาวชน!!! นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) และรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้เร่งปราบปรามและปิดกั้นเว็บไซต์พนันออนไลน์ที่กำลังแพร่ระบาด เพื่อป้องกันผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับเยาวชนและประชาชนในสังคม

หลังจากที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรค พปชร. ได้มอบหมายให้ดำเนินการโดยเร่งด่วน
หลังจากจากนี้จะมีการยกระดับการดำเนินงานร่วมกับหน่วยต่างๆ ให้มากยิ่งขึ้น

“จากเดิมที่ผ่านมากระทรวงดีอีเอสได้มีการตั้งคณะทำงานร่วมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติในการรวบรวมพยานหลักฐาน เว็บไซต์พนันออนไลน์ ต่างๆ มีการปิดกั้น และดำเนินคดีตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ ปีที่ผ่านมาได้ปิดกั้นไปได้มากถึงเกือบ 2,000 URL และในปีนี้จะเร่งปิดกั้นให้ได้มากกว่าเดิม”
นายชัยวุฒิกล่าวว่าได้มอบนโยบายให้มีการเจาะลึกข้อมูลว่าเว็บพนันออนไลน์อันไหนที่กำลังมีคนให้ความสนใจเข้าไปใช้บริการจำนวนมาก โดยให้เร่งปิดกั้นโดยเร็วที่สุด เพราะหากปล่อยไว้จะสร้างความเสียหายให้กับพี่น้องประชาชน เป็นภัยทางสังคม

นอกจากนี้ กระทรวงดีอีเอสและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องยังคงเดินหน้าปราบปรามแก๊งคอลเซนเตอร์ ตามนโยบายของรองนายกรัฐมนตรีอย่างต่อเนื่อง ล่าสุด ทางตำรวจไซเบอร์ของไทย ได้เข้าไปสืบสวนสอบสวนร่วมกับทางการกัมพูชา และจับกุมคนร้ายที่ประเทศกัมพูชาได้จำนวนมาก พร้อมกับมีการส่งตัวคนไทยที่เกี่ยวข้องร่วม 94 คน กลับมาดำเนินคดีในประเทศไทยด้วย

“ต้องขอบคุณรัฐบาลกัมพูชาที่ได้มีความร่วมมือกับรัฐบาลไทย ในการประสานข้อมูลทำงานร่วมกันในการทลายแก๊งคอลเซนเตอร์อย่างต่อเนื่อง เชื่อว่าหลังจากนี้แก๊งคอลเซนเตอร์จะลดลงอย่างแน่นอน” นายชัยวุฒิ กล่าว

ทีมา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 31 กรกฎาคม 2565

สร้างแหล่งน้ำตามความต้องการประชาชนทั่วประเทศ แก้ปัญหาภัยแล้ง

,

สร้างแหล่งน้ำตามความต้องการประชาชนทั่วประเทศ แก้ปัญหาภัยแล้งบรรเทาผลกระทบจากอุทกภัย ตลอด 2 ปี!!!

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี สร้างความมั่นคงทรัพยากรน้ำ ตามแผนบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ 20 ปี รวม 26,902 แห่ง พัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ยกระดับคุณภาพชีวิตเพื่อกินดีอยู่ดีที่ยั่งยืน

#พรรคพลังประชารัฐ
#พลังประชารัฐ
#พปชร
#pprp
#แผนบริหารจัดการน้ำ
#พลเอกประวิตร

ที่มา : facebook.com/PPRPThailand/
เมื่อวันที่ : 30 กรกฎาคม 2565