โลกเปลี่ยน ไทยต้องปรับ ทางเลือกใหม่ของการเมืองไทย ก้าวข้ามความขัดแย้ง สานพลังประชาราษฎร์ ร่วมสร้างชาติให้ยั่งยืน

ป้ายกำกับ: ข่าวประชาสัมพันธ์

“ส.ส.ภูเก็ต” ขอรัฐบาลออกมาตรการผ่อนคลาย ขยายเวลาเปิดปิดสถานบริการออกไปอีกวันละ 3 ชั่วโมง เป็นของขวัญให้ผู้ประกอบการ

,

“ส.ส.ภูเก็ต” ขอรัฐบาลออกมาตรการผ่อนคลาย ขยายเวลาเปิดปิดสถานบริการออกไปอีกวันละ 3 ชั่วโมง เป็นของขวัญให้ผู้ประกอบการ

นายนัทธี ถิ่นสาคู ส.ส ภูเก็ต พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวหารือในที่ประชุมสภาถึงกรณีมาตรการการผ่อนปรน การขยายเวลาเปิดปิดของสถานบริการในแหล่งท่องเที่ยว โดยเฉพาะในเขตของนักท่องเที่ยวต่างประเทศ เช่น ภูเก็ต สมุย พัทยา เป็นต้น เนื่องจากเรื่องนี้ผู้ประกอบการรายเล็กได้เคยร้องขอมาแล้วในหลายช่องทาง ไม่ว่าจะเป็นผ่านทางกรรมาธิการท่องเที่ยว สภาผู้แทนราษฎร ผ่านทางรัฐมนตรีท่องเที่ยว ผ่านทางกระทรวงการท่องเที่ยว และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ซึ่งทุกหน่วยงานเห็นด้วยในการผ่อนปรนขยายเวลาการเปิดปิดสถานบริการออกไป อีกอย่างน้อยวันละ2 ถึง 3 ชั่วโมง

“แต่จนถึงขณะนี้ปรากฏว่ามาตรการดังกล่าว ยังไม่มีการผ่อนปรนแต่อย่างใด ผมขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นกระทรวงการท่องเที่ยว กระทรวงมหาดไทยหรือแม้แต่กระทรวงสาธารณสุข ถึงข้อกังวลของท่านเกี่ยวกับมาตรการต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นด้านความปลอดภัย ด้านอุบัติเหตุ หรืออาการแพ้เชื้อโรค ขอเรียนว่าสิ่งที่ท่านกังวลและอ้างถึงนั้นไม่ได้เกิดขึ้นและมีอยู่จริง สถานการณ์โควิดที่เกิดขึ้นส่งผลต่อธุรกิจการท่องเที่ยว แล้วก็สถานการณ์เหล่านั้นได้ผ่อนคลายไปพอสมควรแล้ว แต่มาตรการการควบคุมท่านไม่ได้ผ่อนคลายให้เอื้อและสอดรับกับความเป็นจริงเลย แล้วผู้ประกอบการจะมีโอกาสฟื้นตัวได้อย่างไร

ทั้งนี้ ตนขอให้กระทรวงต่างๆ ที่เกี่ยวข้องร่วมกันบูรณาการ เพื่อออกมาตรการผ่อนคลายการเปิดปิดสถานบริการออกไปอีกอย่างน้อยวันละ 3 ชั่วโมง ขอเป็นของขวัญให้กับผู้ประกอบการในธุรกิจการท่องเที่ยวในแหล่งท่องเที่ยวของชาวต่างประเทศ

#พรรคพลังประชารัฐ #พลังประชารัฐ #พปชร #PPRP #นัทธีถิ่นสาคู
Twitter : https://twitter.com/PPRPofficial

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 8 ธันวาคม 2565

“ส.ส.กทม.” พปชร. วอน ผบ.ตร.สั่งการตำรวจตรวจตราพื้นที่เสี่ยงก่อเหตุอาชญากรรม หวั่นคดีซ้ำรอย ชายคลุ้มคลั่ง นำมีดไล่แทง ปชช.

,

“ส.ส.กทม.” พปชร. วอน ผบ.ตร.สั่งการตำรวจตรวจตราพื้นที่เสี่ยงก่อเหตุอาชญากรรม หวั่นคดีซ้ำรอย ชายคลุ้มคลั่ง นำมีดไล่แทง ปชช.

น.ส.ฐิติภัสร์ โชติเดชาชัยนันต์ ส.ส. กทม. เขตบางกะปิ-วังทองหลาง พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวหารือในที่ประชุมสภาถึงเหตุการณ์เมื่อวานนี้ (7 ธ.ค.) ได้เกิดเหตุสลดขวัญ มีชายคลุ้มคลั่งนำมีดไล่แทงประชาชนภายในซอยกรุงเทพกรีฑา 3 ถึง เจ้าหน้าที่ตำรวจจะสามารถควบคุมตัวคนร้าย และนำไปดำเนินคดีได้ แต่อยากจะฝากไปยังผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ให้กำชับเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าไปตรวจตรา ตรวจสอบ และกวดขัน ตามที่เกิดเหตุ ที่อาจะจะเกิดขึ้นซ้ำ เพราะวันนี้ประชาชนตื่นตระหนก หวั่นใจ ไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ซ้ำอีก

นอกจากนี้ ยังขอให้ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ช่วยดูแลไฟฟ้าสองสว่างบริเวณทางเดินเลียบคลองแสนแสบ ไล่มาตั้งแต่แยกพระรามเก้า ไปจนถึงท่าเรือวัดศรีบุญเรือง เพราะไฟฟ้าสองสว่างบริเวณเลียบคลองแสนแสบดับหมด ดังนั้นขอให้เร่งปรับปรุงเพื่อความปลอดภัยของประชาชน

รวมไปถึงการปรับปรุงท่อระบายน้ำ และถนนหนทางภายในชุมชนเทพทวี ซอยลาดพร้าว 101 แยก 42 เพราะถนนเป็นหลุม เป็นบ่อ ประชาชนได้รับความเดือดร้อนทุกครั้ง เมื่อเวลาที่ฝนตก เกิดเหตุน้ำท่วมขังอยู่เป็นระยะเวลานาน เพราะว่าไม่มีท่อระบายน้ำและ ถนนก็ชำรุดมาก

#พรรคพลังประชารัฐ #พลังประชารัฐ #พปชร #PPRP #ฐิติภัสร์โชติเดชาชัยนันต์
Twitter : https://twitter.com/PPRPofficial

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 8 ธันวาคม 2565

“รมว.ตรีนุช” ย้ำ ศธ.ต้องเป็นแบบอย่างการสร้างวัฒนธรรมสุจริต ละอายต่อการกระทำผิด ไม่ทำ ไม่ทน ไม่เพิกเฉยต่อการทุจริต

,

“รมว.ตรีนุช” ย้ำ ศธ.ต้องเป็นแบบอย่างการสร้างวัฒนธรรมสุจริต ละอายต่อการกระทำผิด ไม่ทำ ไม่ทน ไม่เพิกเฉยต่อการทุจริต

ศธ. จัดงานวันต่อต้านคอร์รัปชัน 2566 “ตรีนุช” ย้ำ ศธ. ต้องเป็นกระทรวงแบบอย่างการสร้างวัฒนธรรมสุจริต มีความละอายต่อการกระทำผิด ไม่ทำ ไม่ทน ไม่เพิกเฉย ให้บุคลากรทุกระดับ หลีกเลี่ยงความเสี่ยงและข้อครหาจากการทุจริตที่อาจเกิดขึ้น ทุกเทศกาลหรือวันสำคัญ สามารถแสดงความปรารถนาดีต่อกันด้วยคำอวยพร การทำจิตอาสา แทนการให้ของขวัญ โดยไม่ขัดต่อกฎหมายและระเบียบที่เกี่ยวข้อง

เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 2565 ณ หอประชุมคุรุสภา / นางสาวตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธานเปิดงานวันต่อต้านคอร์รัปชัน และพิธีประกาศเจตนารมณ์การต่อต้านการทุจริต และมอบนโยบาย No Gift Policy ของกระทรวงศึกษาธิการ เนื่องในวันต่อต้านคอร์รัปชั่นสากล (ประเทศไทย) ภายใต้แนวคิด “กระทรวงศึกษาธิการโปร่งใส ไม่ทำ ไม่ทน ไม่เฉย ต่อการทุจริต (MOE TRUST & Zero Tolerance)” ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566

รมว.ศธ. กล่าวว่า ด้วยองค์การสหประชาชาติ ได้กำหนดให้วันที่ 9 ธันวาคมของทุกปี เป็น “วันต่อต้านคอร์รัปชันสากล” ซึ่งนานาประเทศ รวมถึงประเทศไทย ได้มีการรณรงค์ผ่านการจัดงาน เนื่องในวันดังกล่าวมาอย่างต่อเนื่อง สำหรับกระทรวงศึกษาธิการได้จัดงานวันต่อต้านคอร์รัปชัน กระทรวงศึกษาธิการ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 ภายใต้แนวคิด “กระทรวงศึกษาธิการโปร่งใส ไม่ทำ ไม่ทน ไม่เฉย ต่อการทุจริต (MOE TRUST & Zero Tolerance)” เพื่อแสดงให้ประชาคมโลกได้เห็นถึงพลังความร่วมมือและเจตนารมณ์ร่วมกันของคนไทยในการรณรงค์ต่อต้านคอร์รัปชันอย่างจริงจัง

ที่ผ่านมา การอาศัยช่องโหว่ทางกฎหมายเพื่อการเอื้อประโยชน์และการขาดจิตสำนึกในการแยกแยะระหว่างผลประโยชน์ส่วนตัวและผลประโยชน์ส่วนรวมนั้น เป็นเงื่อนไขสำคัญที่สร้างความยุ่งยากและซับซ้อนในการพิจารณา ตรวจสอบ และตัดสินว่าการกระทำใดเป็นการทุจริต ซึ่งส่งผลต่อเนื่องที่สร้างความเสียหายให้กับประเทศต้องสูญเสียงบประมาณแผ่นดินไปเป็นจำนวนมาก

เพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาดังกล่าว รัฐบาลจึงได้กำหนดให้ “การแก้ไขปัญหาการทุจริต” เป็น “วาระแห่งชาติ” โดยดำเนินการปรับปรุงกฎหมายต่าง ๆ ให้มีความรัดกุม ครอบคลุมการป้องกัน และปราบปรามการทุจริตอย่างเป็นระบบ ก้าวข้ามค่านิยมอุปถัมภ์ ผลประโยชน์ทับซ้อน รวมถึงเร่งรัดให้มีการดำเนินคดีต่อผู้กระทำการทุจริตและประพฤติมิชอบ ทั้งในด้านวินัยและอาญาอย่างจริงจัง เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ประชาชนผ่านระบบการทำงานภาครัฐที่มีคุณธรรม และความโปร่งใส อันเป็นการอำนวยความสะดวกแก่ประชาชนให้เป็นที่ยอมรับในระดับสากล

กระทรวงศึกษาธิการในฐานะที่เป็นหน่วยงานของรัฐที่มีหน้าที่หลักในการผลิตต้นทุนมนุษย์ที่สมบูรณ์ ต้องเป็นแบบอย่างของการสร้างวัฒนธรรมสุจริตที่จะหล่อหลอมให้เด็ก เยาวชน ประชาชน มีความละอายต่อการกระทำผิด ไม่ทน และเพิกเฉย และไม่ยอมให้ผู้อื่นกระทำการทุจริต อันส่งผลให้เกิดความเสียหายต่อสังคมโดยรวม

เพื่อเป็นการส่งเสริมมาตรการป้องกันการทุจริต และประพฤติมิชอบในวงราชการ โดยเฉพาะการหลีกเลี่ยงความเสี่ยง และข้อครหาที่อาจเกิดขึ้น ในเทศกาล หรือวันสำคัญต่าง ๆ บุคลากรทุกระดับในสังกัดกระทรวงศึกษาธิการ สามารถแสดงความปรารถนาดีต่อกันได้ด้วยการอวยพรผ่านช่องทางต่าง ๆ รวมถึงการทำจิตอาสาแทนการให้ของขวัญ เพื่อรักษาไมตรีและมิตรภาพความสัมพันธ์อันดีระหว่างบุคคลโดยไม่ขัดต่อกฎหมาย ระเบียบที่เกี่ยวข้อง มติคณะรัฐมนตรี รวมถึงความมุ่งมั่นตามนโยบายของรัฐบาลในการบริหารประเทศ

“ดิฉันขอเชิญชวนพี่น้องชาวกระทรวงศึกษาธิการ ร่วมแสดงเจตนารมณ์ ที่จะมุ่งมั่นประพฤติปฏิบัติตนด้วยความซื่อสัตย์ สุจริต ยึดถือประโยชน์ของส่วนรวม เพื่อสร้างสังคมไทยให้ปลอดจากการทุจริตคอร์รัปชันตลอดไป”

นายอรรถพล สังขวาสี ปลัด ศธ. กล่าวเพิ่มเติมว่า ในปีนี้มีส่วนราชการในสังกัดสำนักงานปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ที่มีผลการประเมินคุณธรรมและความโปร่งใสในการดำเนินงานของหน่วยงานภาครัฐด้านการเปิดเผยข้อมูลสาธารณะ (Open Data Integtity and Transparency Assessment : OIT) ประจำปีงบประมาณ 2565 ในระดับ AA จำนวน 30 หน่วยงาน และระดับ A จำนวน 31 หน่วยงาน เข้ารับโล่รางวัลพร้อมเกียรติบัตร

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 8 ธันวาคม 2565

“พล.อ.ประวิตร “ พร้อมขับเคลื่อนมาตรการลดปัญหาโลกร้อน เตรียมทำรายงานความก้าวหน้าไทยร่วมแก้ไขเสนอUN

,

“พล.อ.ประวิตร “ พร้อมขับเคลื่อนมาตรการลดปัญหาโลกร้อน

เตรียมทำรายงานความก้าวหน้าไทยร่วมแก้ไขเสนอUN

เมื่อ 7 ธ.ค.65 พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้เป็นประธานการประชุม คณะกรรมการนโยบายการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศแห่งชาติ (กนภ.) ครั้งที่4/2565 ณ ห้องประชุมมูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อ 5 จังหวัด ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์

พล.ท.พัชร์ชศักดิ์ ปฏิรูปานนท์ ผู้ช่วยโฆษก รอง นายกรีฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุมได้รับทราบ ผลการประชุม รัฐภาคีกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติ ว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สมัยที่ 27 (COP 27) จัดขึ้นระหว่าง วันที่ 3-18 พ.ย.65 ณ เมืองชาร์ม เอล เชค อียิปต์ โดยมีประมุขของรัฐและหัวหน้ารัฐบาล รวม 102 ประเทศ ซึ่งประเทศไทย มีนาย วราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทส. เข้าร่วมกล่าวถ้อยแถลงในฐานะหัวหน้าคณะผู้แทนไทย และได้ยืนยันความพยายามของไทยที่ดำเนินการอย่างเต็มที่ร่วมกับประเทศต่างๆ ตามกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติ เพื่อลดก๊าซเรือนกระจก หรือลดภาวะโลกร้อน และรับทราบการปรับปรุงการแบ่งส่วนราชการภายใน ก.ทรัพย์ โดยขอเปลี่ยนชื่อ จาก”กรมส่งเสริมคุณภาพสิ่งแวดล้อม” เป็น”กรมการเปลี่ยนแปลงสภาพพูมิอากาศและสิ่งแวดล้อม” และปรับปรุงโครงสร้างภายในให้มีความเหมาะสม ต่อไป

นอกจากจากนี้ที่ประชุม ได้มีการพิจารณาเห็นชอบ (ร่าง)รายงานความก้าวหน้าราย 2 ปี ฉบับที่ 4 เพื่อเสนอกับสำนักงานกรอบอนุสัญญาสหประชาชาติ ว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งมีเนื้อหาเกี่ยวกับการจัดทำบัญชีก๊าซเรือนกระจก ,การดำเนินงานด้านการลดก๊าซเรือนกระจก และข้อจำกัดเกี่ยวกับการเสริมสร้าง ศักยภาพ เทคโนโลยี เป็นต้น และเห็นชอบ(ร่าง)บันทึกข้อตกลงความร่วมมือโครงการเสริมสร้างความสามารถในการรับมือต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ในลุ่มน้ำของประเทศไทย ด้วยการบริหารจัดการน้ำ ที่มีประสิทธิภาพและการเกษตรแบบยั่งยืน เพื่อขอรับการสนับสนุนงบประมาณ เสริมสร้างความสามารถในการรับมือต่อการเปลี่ยนแปลงฯ จากกองทุนภูมิอากาศสีเขียว (GCF) ต่อไป

พล.อ.ประวิตร ได้กำชับให้ คณะกรรมการฯ และก.ทรัพย์ฯ รวมทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้ติดตามความก้าวหน้าการดำเนินงาน และรายงานให้ทราบอย่างต่อเนื่อง พร้อมขอบคุณ รมว.ทส.ในการขับเคลื่อนมาตรการภายใต้กรอบของ UN ที่ผ่านมาด้วยดี โดยเฉพาะการนำเสนอถ้อยแถลงที่ได้สร้างภาพลักษณ์ ความเชื่อมั่นของไทยอย่างโดดเด่น ต่อนานาประเทศ บนเวทีโลกได้อย่างน่าภาคภูมิใจ


ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่​: 7 ธันวาคม 2565

“พล.อ.ประวิตร” เคาะตั้งศูนย์การเรียนรู้กทม.2 แห่งแหล่งค้นคว้าคนกรุง พร้อมอนุมัติปรับปรุงสะพานพุทธ เสริมความแข็งแรงควบคู่อนุรักษ์

,

“พล.อ.ประวิตร” เคาะตั้งศูนย์การเรียนรู้กทม.2 แห่งแหล่งค้นคว้าคนกรุง

พร้อมอนุมัติปรับปรุงสะพานพุทธ เสริมความแข็งแรงควบคู่อนุรักษ์

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการอนุรักษ์และพัฒนากรุงรัตนโกสินทร์ และเมืองเก่า ครั้งที่2/2565 ณ ห้องประชุมมูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อ 5 จังหวัด ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ ที่ประชุมได้รับทราบ ความคืบหน้าการดำเนินงานโครงการจัดทำแผนปฏิบัติการ ด้านการอนุรักษ์และพัฒนาบริเวณเมืองเก่า 12 เมือง โดยมีการจัดทำร่างขอบเขตงาน (TOR) โครงการจัดทำแผนปฏิบัติการฯ ให้ทั้ง 12 จังหวัดแล้ว

พล.ท.พัชร์ชศักดิ์ ปฏิรูปานนท์ ผู้ช่วยโฆษก รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ประชุมได้พิจารณาเห็นชอบ โครงการจัดตั้งศูนย์การเรียนรู้แห่งชาติ ซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่กรุงรัตนโกสินธ์ชั้นนอกประกอบด้วยโครงการ Ratchadamnoen Center 1 (ห้องสมุดมีชีวิต,พื้นที่เรียนรู้และพัฒนาทักษะ,พื้นที่แสดงออก เป็นต้น) และโครงการ Ratchadamnoen Center 2 (พื้นที่อเนกประสงค์เพื่อการเรียนรู้,พื้นที่บริการลูกค้า เป็นต้น)

ทั้งนี้ที่ประชุมยังได้เห็นชอบในหลักการให้บูรณะสะพานพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ซึ่งใช้เวลา 2ปี เพื่อเสริมความแข็งแรงความปลอดภัย สะดวกสัญจร และคงรูปแบบทางสถาปัตยกรรม รักษาสมบัติของชาติไว้ให้ ลูกหลาน อย่างยั่งยืน โดยจะมีการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนรับรู้และเข้าใจถึงความจำเป็น อย่างน้อย 3 เดือนก่อนดำเนินการเพราะต้องคำนึงถึงผลกระทบต่อการจราจรทั้งทางน้ำ และทางบกเป็นวงกว้าง และเห็นชอบในหลักการให้ดำเนินโครงการ อาคารรักษาพยาบาลและสถานีศิริราช คณะแพทย์ศาสตร์ ศิริราชพยาบาล ซึ่งมีรูปแบบอาคารและสิ่งก่อสร้าง ที่เชื่อมต่อของระบบรถไฟฟ้ากับอาคารของโรงพยาบาล โดยอยู่ภายใต้การบริหารและกำกับดูแลของคณะแพทย์ศาสตร์ ,รฟท.และรฟม. รวมทั้งเห็นชอบโครงการปรับปรุงอาคารศาลากลางจังหวัดน่าน (หลังเก่า) ให้เป็นหอศิลปวัฒนธรรมเมืองน่าน เพื่อใช้เป็นแหล่งเรียนรู้ ศิลปวัฒนธรรมล้านนาตะวันออก และศูนย์การศึกษาความเป็นน่าน ให้กับประชาชน ต่อไป

พล.อ.ประวิตร ได้เน้นย้ำ คณะกรรมการฯ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้เร่งรัดดำเนินการตามมติที่ประชุม และขับเคลื่อนโครงการให้บรรลุผลเป็นรูปธรรม ตามกรอบเวลา อย่างเคร่งครัด โดยคำนึงถึงการอนุรักษ์เอกลักษณ์วัฒนธรรม และสิ่งแวดล้อมของท้องถิ่น และประเทศชาติ เพื่อเก็บรักษาไว้ให้ลูกหลานคนไทย สืบไป


ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่​: 7 ธันวาคม 2565

"พล.อ.ประวิตร" นำทัพกรรมการบริหารพรรค เปิดตัว"มิ่งขวัญ"ร่วมงานพปชร. นำประสบการณ์เติมเต็มนโนยบายเศรษฐกิจใน-ต่างประเทศดูแลปากท้องปชช.

“พล.อ.ประวิตร” นำทัพกรรมการบริหารพรรค เปิดตัว”มิ่งขวัญ”ร่วมงานพปชร. นำประสบการณ์เติมเต็มนโนยบายเศรษฐกิจใน-ต่างประเทศดูแลปากท้องปชช.

,

เมื่อวันที่ 6 ธ.ค.เวลา 15.30 น. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) แถลงเปิดตัว นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ อดีตรองนายกรัฐมนตรีและอดีตหัวหน้าพรรคเศรษฐกิจใหม่ เข้าร่วมงานกับพรรคพลังประชารัฐในฐานะทีมเศรษฐกิจ โดยมีแกนนำพรรคให้การต้อนรับ อาทิ เช่น นายสันติ พร้อมพัฒน์ ฐานะเลขาธิการพรรคฯ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รองหัวหน้าพรรค นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รองหัวหน้าพรรค นายวิรัช รัตนเศรษฐ รองหัวหน้าพรรค นางตรีนุช เทียนทอง นายไพบูลย์ นิติตะวัน นายพรชัย ตระกูลวรานนท์ กรรมการบริหารพรรค

พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า วันนี้ถือเป็นโอกาสที่ดีที่ได้ต้อนรับคุณมิ่งขวัญ ตนขอแสดงความยินดีกับคุณมิ่งขวัญ และยินดีกับตัวเองด้วย ที่จะได้เข้ามาร่วมงานกันเพื่อเป้าหมาย ให้ประชาชนอยู่ดีกินดี ซึ่งถือเป็นจุดมุ่งหมายของพรรคพลังประชารัฐอยู่แล้ว ทั้งนี้ ตนขอเป็นตัวแทนของสมาชิกพรรคทุกคน ขอกล่าวต้อนรับคุณมิ่งขวัญด้วยความยินดียิ่ง

ด้านนายมิ่งขวัญ กล่าวว่า เหตุผลที่ตนเข้าร่วมงานกับพรรคพลังประชารัฐ เนื่องจากพล.อ.ประวิตร ในการเชิญตนเข้ามาช่วยทำงานพรรคการเมืองที่จะเข้าไปแก้ปัญหาเรื่องเศรษฐกิจ เนื่องจากที่ผ่านมาประเทศไทยประสบกับปัญหาเรื่องเศรษฐกิจอย่างมาก ประชาชนคนไทยได้รับความเดือดร้อน พรรคพลังประชารัฐมีคนที่มีความรู้ ความสามารถ ในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ ทั้งในและระหว่างประเทศ ตนก็จะเข้ามาเติมเต็ม เพื่อข่วยประชาชนให้หลุดพ้นจากวิกฤตเศรษฐกิจ

“การที่ผมมาเข้ามาใส่เสื้อพรรคพลังประชารัฐ ไม่ได้มีการพูดถึงเรื่องเงินทองหรือผลประโยชน์แม้แต่บาทเดียว แต่สิ่งที่ทำให้ตัดสินใจเข้ามา คือ พล.อ.ประวิตร กล่าวกับผมว่า ประชาชนกำลังเดือดร้อนเรื่องปากท้อง สิ่งที่ทำให้ผมตัดสินใจ เนื่องจากส่วนตัวมีความถนัดด้านเศรษฐกิจทั้งในและนอกประเทศ “ นายมิ่งขวัญกล่าว

"พล.อ.ประวิตร" นำทัพกรรมการบริหารพรรค เปิดตัว"มิ่งขวัญ"ร่วมงานพปชร. นำประสบการณ์เติมเต็มนโนยบายเศรษฐกิจใน-ต่างประเทศดูแลปากท้องปชช. "พล.อ.ประวิตร" นำทัพกรรมการบริหารพรรค เปิดตัว"มิ่งขวัญ"ร่วมงานพปชร. นำประสบการณ์เติมเต็มนโนยบายเศรษฐกิจใน-ต่างประเทศดูแลปากท้องปชช. "พล.อ.ประวิตร" นำทัพกรรมการบริหารพรรค เปิดตัว"มิ่งขวัญ"ร่วมงานพปชร. นำประสบการณ์เติมเต็มนโนยบายเศรษฐกิจใน-ต่างประเทศดูแลปากท้องปชช. "พล.อ.ประวิตร" นำทัพกรรมการบริหารพรรค เปิดตัว"มิ่งขวัญ"ร่วมงานพปชร. นำประสบการณ์เติมเต็มนโนยบายเศรษฐกิจใน-ต่างประเทศดูแลปากท้องปชช. "พล.อ.ประวิตร" นำทัพกรรมการบริหารพรรค เปิดตัว"มิ่งขวัญ"ร่วมงานพปชร. นำประสบการณ์เติมเต็มนโนยบายเศรษฐกิจใน-ต่างประเทศดูแลปากท้องปชช. "พล.อ.ประวิตร" นำทัพกรรมการบริหารพรรค เปิดตัว"มิ่งขวัญ"ร่วมงานพปชร. นำประสบการณ์เติมเต็มนโนยบายเศรษฐกิจใน-ต่างประเทศดูแลปากท้องปชช. "พล.อ.ประวิตร" นำทัพกรรมการบริหารพรรค เปิดตัว"มิ่งขวัญ"ร่วมงานพปชร. นำประสบการณ์เติมเต็มนโนยบายเศรษฐกิจใน-ต่างประเทศดูแลปากท้องปชช.

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่​: 6 ธันวาคม 2565

“พัชรินทร์” ขอบคุณ “ตรีนุช” ตั้งเป้าปี 66 นักเรียน 1 ล้านคนต้อง CPR เป็น ชี้เป็นนิมิตรหมายที่ดี เพิ่มโอกาสรอดคนไทยจากเดิมแค่ 2% แนะบรรจุในหลักสูตรการศึกษา ให้เป็นชุดความรู้สากล มาตรฐานเดียว

,

“พัชรินทร์” ขอบคุณ “ตรีนุช” ตั้งเป้าปี 66 นักเรียน 1 ล้านคนต้อง CPR เป็น ชี้เป็นนิมิตรหมายที่ดี เพิ่มโอกาสรอดคนไทยจากเดิมแค่ 2% แนะบรรจุในหลักสูตรการศึกษา ให้เป็นชุดความรู้สากล มาตรฐานเดียว

ดร.พัชรินทร์ ซำศิริพงษ์ ส.ส.กทม.เขต2 ปทุมวัน บางรัก สาทร และโฆษกพรรคพลังประชารัฐ ขอขอบคุณ นางสาวตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ที่ตั้งเป้าให้ปี 2566 นักเรียน 1 ล้านคน ต้องทำ CPR เป็น ซึ่งถือเป็นการเพิ่มทักษะการช่วยชีวิต ของเด็กและเยาวชน ให้เรียนรู้ตั้งแต่อยู่ในโรงเรียน โดยตนได้พยายามขับเคลื่อน เรื่องนี้ให้คนไทยทำ CPR เป็น มาโดยตลอด และวันนี้เริ่มได้รับการตอบรับจากผู้ใหญ่ในรัฐบาล ซึ่งนับเป็นนิมิตรหมายที่ดีต่อมิติด้านความปลอดภัย และจะยังเป็นการเพิ่มอัตราการรอดชีวิต จากเหตุการหยุดหายใจ ของคนไทย ที่มีอัตราการรอดเพียง 2% เท่านั้น ต่างจากประเทศในกลุ่มยุโรป ที่มีอัตรารอดสูงถึง 60%

ทั้งนี้ตนขอเสนอว่าเราควรบรรจุเรื่องของ CPR การปฐมพยาบาลเบื้องต้น และการใช้เครื่อง AED ไว้ในหลักสูตรการศึกษาด้วย เพื่อที่จะได้ชุดข้อมูล ความรู้ และทักษะที่เป็นสากล และได้มาตรฐานเดียวกัน รวมถึงควรจัดให้มีการฝึกอบรมบุคลากรทางการศึกษา เป็นวงกว้าง เพื่อจะได้นำไปใช้ประยุกต์กับการเรียนการสอน ได้อย่างถูกต้องถูกวิธี


ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 6 ธันวาคม 2565

“ส.ส.จักรพันธ์”ร่วมระดมแนวทางขับเคลื่อนBCG สานเวทีเอเปค ยื่น 3 ข้อเสนอพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อมอย่างสมดุล

“ส.ส.จักรพันธ์”ร่วมระดมแนวทางขับเคลื่อนBCG สานเวทีเอเปค ยื่น 3 ข้อเสนอพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อมอย่างสมดุล

,

3 ธันวาคม 2565 นายจักรพันธ์ พรนิมิตร ประธานภาค ส.ส.กทม.พรรคพลังประชารัฐ (พปชร. ) ในฐานะรองประธานคณะกรรมาธิการการต่างประเทศ กล่าวเปิดสัมมนา “เอเปค อัพเดท : ก้าวต่อไปของความร่วมมือระหว่างไทย อาเซียน เอเปค และสหภาพยุโรป (อียู) จัดโดย มูลนิธิคอนราด อเดนาวร์ ว่า จากความสำเร็จของไทยในการประชุมความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชียแปซิฟิก (Asia-Pacific Economic Cooperation : APEC)ครั้งที่ 29 ปี 2565 ซึ่งมีสมาชิก 21 เขตเศรษฐกิจและการประชุมสุดยอดผู้นำเอเปคระหว่างวันที่ 18-19 พ.ย.ที่ผ่านมาจะนำไปสู่การขยายความร่วมมือกับภูมิภาคต่างๆมากขึ้นทั้งอาเซียน สหภาพยุโรป(อียู) เพื่อความร่วมมือในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ท่ามกลางความท้าทายจากเศรษฐกิจโลกที่ชะลอจากการเปลี่ยนแปลงทางภูมิรัฐศาสตร์

“ แม้ว่าการประชุมสุดยอดผู้นำเอเปคได้จบสิ้นแล้ว แต่การหารือครั้งนี้ มีผู้เข้าร่วม ทั้งสมาชิกสภา วุฒิสมาชิก เจ้าหน้าที่รัฐสภา นักวิชาการและ สื่อมวลชน เพื่อระดมความคิดเห็นที่จะนำไปสู่การขับเคลื่อนแนวทางที่เอเปควางกรอบและต่อเนื่องไปถึงการประชุมเอเปคครั้งถัดไป โดยเฉพาะหัวข้อหลักที่เป้าหมายของการประชุมเอเปคที่กรุงเทพมหานครภายใต้แนวคิด “Open. Connect. Balance.” ที่ไทยได้ชูโมเดลเศรษฐกิจ BCG เป็นแนวคิดสำคัญในการส่งเสริมความยั่งยืนของภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก เพื่อตอบโจทย์ความยั่งยืนจึงเป็นโอกาสอันดีที่จะร่วมมือกันสร้างความเข้าใจในยุทธศาสตร์และบทบาทของเอเปคและอนาคตของเอเปค”นายจักรพันธ์กล่าว

สำหรับบทบาทไทย ได้มีการทบทวนกลยุทธ์ เพื่อการเติบโตบนปัจจัยเสี่ยงของโลกที่เกิดจากผลกระทบไวรัสโควิด -19 การเปลี่ยนแปลงทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ทำให้เกิดการสู้รบส่งผลต่ออัตราเงินเฟ้อเพิ่มสูงจากความผันผวนของราคาพลังงาน และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เหล่านี้ล้วนกระทบต่อเศรษฐกิจโลกและไทย เป้าหมายการส่งเสริมให้ภาคธุรกิจของไทย เดินหน้าเข้าสู่ BCG Economy Model ตามเป้าหมายของการประชุมเอเปคที่ผ่านมา จะมีส่วนสำคัญต่อการกำหนดยุทธศาสตร์การฟื้นฟู หลังผ่านวิกฤติการแพร่ระบาดโควิด 19 โดยการนำ วิทยาศาสตร์ นวัตกรรม และเทคโนโลยีต่าง ๆ เพื่อส่งเสริมการใช้ทรัพยากรอย่างมีคุ้มค่า พร้อมไปกับ การฟื้นฟูระบบนิเวศน์ โดยเฉพาะการบริหารจัดการขยะ กลับมาเป็นวัตถุดิบ เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม เข้าสู่กระบวนกลับมาใช้ประโยชน์ได้อีกครั้ง เพื่อสร้างความสมดุล ในการพัฒนาระบบเศรษฐกิจ สิ่งแวดล้อมและสังคม เพื่อให้ประเทศก้าวไปข้างหน้าอย่างยั่งยืน

โดยแนวทางการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมในยุคต่อไป ที่จะนำไปสู่การเติบโตอย่างยั่งยืนจะมี 3 ประเด็นหลัก คือ 1. มีการวิเคราะห์สภาพเศรษฐกิจใหม่นับจากนี้ และทบทวนแนวทางการส่งเสริมเพื่อการบูรณาการทางเศรษฐกิจในภูมิภาค ควบคู่ไปกับการอำนวยความสะดวกด้านการค้าและการลงทุน ที่มีความยืดหยุ่น เพื่อให้เกิดความร่วมมืออย่างเป็นรูปธรรม
2. สร้างความเชื่อมั่นในการเดินทางระหว่างประเทศอย่างปลอดภัย ด้วยการกำหนดมาตรการและการรับรองระบบการคัดกรองโรคระบาดที่เป็นมาตรฐานที่ใช้ร่วมกัน ภายใต้กลุ่มสมาชิก และขยายผลการใช้การรับรองไปยังภาคธุรกิจ เพื่อให้เกิดความสะดวกในการเดินทางในอนาคต
3. ประเทศสมาชิก ให้ความสำคัญกับการกำหนดนโยบาย ที่สามารถครอบคลุมความตกลงที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะในภาคสังคม ต้องเข้ามามีส่วนร่วม และบูรณาการความร่วมมือระหว่างรัฐบาล ภาคเอกชน นักวิชาการ กลุ่มสตรี และเยาวชน เพื่อให้บรรลุผลในพันธกิจจากกรอบความร่วมมือของเอเปก สู่การพัฒนาและการเติบโตที่มีความสมดุลและเกิดความยั่งยืน

“ส.ส.จักรพันธ์”ร่วมระดมแนวทางขับเคลื่อนBCG สานเวทีเอเปค ยื่น 3 ข้อเสนอพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อมอย่างสมดุล “ส.ส.จักรพันธ์”ร่วมระดมแนวทางขับเคลื่อนBCG สานเวทีเอเปค ยื่น 3 ข้อเสนอพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อมอย่างสมดุล “ส.ส.จักรพันธ์”ร่วมระดมแนวทางขับเคลื่อนBCG สานเวทีเอเปค ยื่น 3 ข้อเสนอพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อมอย่างสมดุล “ส.ส.จักรพันธ์”ร่วมระดมแนวทางขับเคลื่อนBCG สานเวทีเอเปค ยื่น 3 ข้อเสนอพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อมอย่างสมดุล “ส.ส.จักรพันธ์”ร่วมระดมแนวทางขับเคลื่อนBCG สานเวทีเอเปค ยื่น 3 ข้อเสนอพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อมอย่างสมดุล “ส.ส.จักรพันธ์”ร่วมระดมแนวทางขับเคลื่อนBCG สานเวทีเอเปค ยื่น 3 ข้อเสนอพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อมอย่างสมดุล

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: ธันวาคม 2565

“ส.ส. กานต์กนิษฐ์” แนะ กระทรวงการท่องเที่ยวและ ททท. เร่งฟื้นตลาดท่องเที่ยวไทยกระตุ้น เศรษฐกิจในประเทศช่วงฟื้นตัว

,

“ส.ส. กานต์กนิษฐ์” แนะ กระทรวงการท่องเที่ยวและ ททท. เร่งฟื้นตลาดท่องเที่ยวไทยกระตุ้น เศรษฐกิจในประเทศช่วงฟื้นตัว

น.ส.กานต์กนิษฐ์ แห้วสันตติ ส.ส.กทม. เขตพระนคร พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวหารือในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ในประเด็นการส่งเสริมความท่องเที่ยว เนื่องจากช่วงนี้นักท่องเที่ยวต่างชาติเริ่มเข้ามาเที่ยวพักผ่อนที่ประเทศไทยมากขึ้น แต่จะดีขึ้นหากกระทรวงการท่องเที่ยวและ ททท.ได้มีการส่งเสริมประชาสัมพันธ์ เช่น อะเมซิ่งไทยแลนด์ ตามต่างประเทศให้เพิ่มมากขึ้น โดยอาจจะใช้อินฟลูเอนเซอร์ของประเทศนั้นๆ เพื่อให้ต่างชาติรับรู้ว่า ประเทศไทยเปิดประเทศและพร้อมรับนักท่องเที่ยวแล้ว เพื่อให้เศรษฐกิจของไทยฟื้นตัวเร็วขึ้น

“จากการทำงานในพื้นที่ เขตพระนคร เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย เขตสัมพันธวงศ์ และเขตดุสิต ที่ถือเป็นเขตกรุงเทพฯ ชั้นในมาต่อเนื่องกว่า 10 ปี พบว่า เมืองไทยเป็นจุดหมายอันดับต้นๆ ที่นักท่องเที่ยวต่างชาติทั่วโลก จับจองเดินทางมาพักผ่อนท่องเที่ยว โดยเฉพาะ เขตกรุงเทพฯ ชั้นใน ซึ่งมีวัฒนธรรมเก่าแก่มากว่า 100 ปี และถือเป็นพื้นที่ที่ตนเองได้มีส่วนผลักดันการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมเมืองเก่ามาตลอดหลายปี เช่น ย่านเยาวราช สำเพ็ง พาหุรัด สวนสาธารณะ แหล่งท่องเที่ยวริมแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งมีทัศนียภาพสวยงาม รวมถึงวัดที่สำคัญๆ ในพื้นที่หลายแห่ง”

#พรรคพลังประชารัฐ #พลังประชารัฐ #พปชร #PPRP #กานต์กนิษฐ์แห้วสันตติ
Twitter : https://twitter.com/PPRPofficial

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 1 ธันวาคม 2565

“พปชร.จันทบุรี” เสนอรัฐอนุมัติก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำจันทบุรี อำนวยความสะดวกปชช. ยกระดับรายได้ให้คนในพื้นที่มั่นคง

,

“พปชร.จันทบุรี” เสนอรัฐอนุมัติก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำจันทบุรี อำนวยความสะดวกปชช. ยกระดับรายได้ให้คนในพื้นที่มั่นคง

พ.ต.ท.ฐนภัทร กิตติวงศา ส.ส.จันทบุรี เขต 1 พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวหารือในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรว่า ชาวจันทบุรี การเดินทางสัญจรไปมาจากอำเภอเมืองไปยังอำเภอแหลมสิงห์ จังหวัดจันทบุรี ซึ่งเป็นระยะทางประมาณ 50 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมงกว่า โดยคนจันทบุรี ขอเรียกร้องไปยังรัฐบาล โดยกรมทางหลวงชนบท และกระทรวงคมนาคม เร่งดำเนินการขออนุมัติโครงการก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำจันทบุรี ที่บริเวณบ้านท่าแฉลม อ.เมืองจันทบุรี ไปยัง ต.บางกะชัย อ.แหลมสิงห์ เป็นระยะทาง 400 เมตร นอกจากจะเป็นการย่นระยะเวลาในการเดินทางแล้ว ยังเป็นการส่งเสริม สนับสนุน เพิ่มศักยภาพในการท่องเที่ยว เป็นการเพิ่มเส้นทางขนส่งสินค้าผลผลิตทางด้านการประมง การเกษตร และอุตสาหกรรมแปรรูปอาหารทะเลมาจำหน่ายให้แก่นักท่องเที่ยว

ทั้งนี้ โครงการดังกล่าวจะก่อให้เกิดการสร้างงาน และเพิ่มรายได้ให้แก่ประชาชนในอำเภอเมือง ซึ่งปัจจุบันมีความซบเซาอย่างมาก เนื่องจากเป็นแค่ทางผ่านเพื่อไปยังจังหวัดตราดและระยองเท่านั้น นักท่องเที่ยงจึงไม่ค่อยแวะเข้ามาในจันทบุรี

“เมื่อมีสะพานแล้วผมคาดว่า การสัญจรก็จะดีขึ้น มีประชาชน นักท่องเที่ยวมาจับจ่าย ใช้สอยในพื้นที่ตัวอำเภอเมืองมากขึ้น ซึ่งในตัวเมืองมีการค้าขายอัญมณี ตลาด มีสถานที่ๆ สำคัญ ถือว่าเป็นการเพิ่มมูลค่ารายได้ให้พี่น้องชาวจันทบุรีนับหมื่นล้านบาท”

#พรรคพลังประชารัฐ #พลังประชารัฐ #พปชร #PPRP #ฐนภัทรกิตติวงศา
Twitter : https://twitter.com/PPRPofficial

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 1 ธันวาคม 2565

“ส.ส. กรณิศ” วอน กทม.เร่งลอกท่อ-ติดไฟฟ้าส่องสว่าง หลัง ปชช.ประสบปัญหาหนักในพื้นที่วัฒนา-คลองเตย

,

“ส.ส. กรณิศ” วอน กทม.เร่งลอกท่อ-ติดไฟฟ้าส่องสว่าง หลัง ปชช.ประสบปัญหาหนักในพื้นที่วัฒนา-คลองเตย

นางกรณิศ งามสุคนธ์รัตนา ส.ส.กทม. เขตคลองเตย-วัฒนา พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวหารือในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรว่า ขอเรียกร้องไปยัง กทม.พื้นที่เขตวัฒนา มาทำการลอกท่อบริเวณสุขุมวิท 71 ซอยปรีดี พนมยงค์ 21 เนื่องจากประชาชนร้องเรียนมา เพราะในช่วงเวลาฝนตกแม้จะติดเครื่องสูบน้ำแล้ว แต่พอสูบออกไปเพื่อไปเชื่อมกับท่อใหญ่ในส่วนของสวนสาธารณะ ในท่อใหญ่น้ำก็ท่วมเช่นกัน ทำให้น้ำย้อนกลับมาในบ้านอีก สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนในเรื่องเครื่องใช้ไฟฟ้าได้รับความเสียหายจึงอยากให้ กทม.เข้ามาสำรวจบริเวณนี้ด้วย รวมถึงดำเนินการในเรื่องการขยายท่อน้ำด้วย

นอกจากนี้ ยังมีเรื่องไฟฟ้าส่องสว่างบริเวณไผ่สิงห์โต ตรงข้ามศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ สถานที่ๆ เพิ่งจัดประชุมเอเปค 2022 ไป เป็นพื้นที่เปลี่ยว ขาดไฟส่องสว่าง สร้างความไม่ปลอดภัยให้กับนักท่องเที่ยวต่างชาติ ในการสัญจรในช่วงกลางคืน รวมไปถึงในบริเวณสะพานกลับรถหน้า สำนักงานเขตวัฒนา ซึ่งบริเวณนี้ตนได้เรียกร้องไปหลายครั้ง แต่ก็ยังไม่ได้รับการดำเนินการแก้ไขใด ๆ

#พรรคพลังประชารัฐ #พลังประชารัฐ #พปชร #PPRP #ศิริพงษ์รัสมี
Twitter : https://twitter.com/PPRPofficial

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 1 ธันวาคม 2565

พล.อ.ประวิตร เร่งเยียวยาผลกระทบน้ำท่วมภาคกลาง-อีสาน ระดมหน่วยงานระบายน้ำออกจากทุ่งเพิ่มแก้มลิงรับภัยแล้ง

,

เมื่อ 1 ธ.ค.65 , พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้เป็นประธานการประชุม คณะอนุกรรมการอำนวยการด้านการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ครั้งที่ 4/2565 ณ ห้องประชุมมูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อ 5 จังหวัด ผ่านระบบสื่ออิเล็กทรอนิกส์ โดยมี พล.ท.พัชร์ชศักดิ์ ปฏิรูปานนท์ ผู้ช่วยโฆษก รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ที่ประชุมได้รับทราบ ผลการดำเนินงานตาม 13 มาตรการรับมือฤดูฝน ปี2565 ซึ่งภาพรวมมีความคืบหน้าตามแผนงานด้วยดี สามารถแก้ปัญหาให้กับพี่น้องประชาชนได้เป็นพื้นที่บริเวณกว้าง และขณะนี้ทุกภาคของประเทศไทยได้สิ้นสุดฤดูฝน ยกเว้นภาคใต้ฝั่งตะวันออก ครอบคลุมพื้นที่ 7 จังหวัด ( สุราษฎร์ธานี ,นครศรีธรรมราช ,พัทลุง ,สงขลา ,ปัตตานี ,ยะลา ,นราธิวาส) และรับทราบความก้าวหน้า 10 มาตรการ รองรับฤดูแล้ง ปี2565 /2566 ซึ่งยังคงดำเนินการ อย่างต่อเนื่องในปัจจุบัน ตามแผนงานของ สทนช. รวมถึงรับทราบ สถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้และแนวทางการบริหารจัดการน้ำของเขื่อนบางลาง ปี2565 เพื่อลดผลกระทบที่มักจะเกิดน้ำล้นตลิ่งเข้าสู่บ้านเรือนประชาชน และพืชสวนการเกษตร

จากนั้นที่ประชุม ได้ร่วมกันพิจารณาเห็นชอบ แนวทางแก้ไขปัญหาระยะเร่งด่วนในพื้นที่ ลุ่มน้ำเจ้าพระยาใหญ่ ตามนโยบายรัฐบาลที่ต้องการให้เพิ่มพื้นที่แก้มลิง รับน้ำให้มากขึ้นเพื่อแก้ปัญหาน้ำหลากเข้าท่วมพื้นที่ชุมชนและพื้นที่เศรษฐกิจ และยังสามารถกักเก็บน้ำไว้ใช้ในฤดูแล้ง โดยเฉพาะน้ำเพื่อการเกษตรกรรม

พล.อ.ประวิตร ได้กำชับ สทนช.ให้เร่งรัดการประสานงาน กับหน่วยงานที่รับผิดชอบการบริหารจัดการน้ำ โดยเฉพาะพื้นที่เสี่ยงในพื้นที่ภาคใต้ ที่กำลังประสบกับภาวะฤดูฝนขณะนี้ รวมทั้งให้ มท. ,เหล่าทัพ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งช่วยเหลือ ฟื้นฟู เยียวยาพี่น้องประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย ทันที อย่างทั่วถึง ภายหลังน้ำลด เพื่อบรรเทาความเดือดร้อน และให้ประชาชนกลับมาใช้ชีวิตได้อย่างปกติ โดยเร็วที่สุด

พล.ท.พัชร์ชศักดิ์ ปฏิรูปานนท์ ผช.โฆษก รอง นรม. เปิดเผยว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รอง นรม. ได้เป็นประธานการประชุม คณะอนุกรรมการอำนวยการด้านการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ครั้งที่ 4/2565 ณ ห้องประชุมมูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อ 5 จังหวัด ผ่านระบบสื่ออิเล็กทรอนิกส์

ที่ประชุมได้รับทราบ ผลการดำเนินงานตาม 13 มาตรการรับมือฤดูฝน ปี2565 ซึ่งภาพรวมมีความคืบหน้าตามแผนงานด้วยดี สามารถแก้ปัญหาให้กับพี่น้องประชาชนได้เป็นพื้นที่บริเวณกว้าง และขณะนี้ทุกภาคของประเทศไทยได้สิ้นสุดฤดูฝน ยกเว้นภาคใต้ฝั่งตะวันออก ครอบคลุมพื้นที่ 7 จังหวัด ( สุราษฎร์ธานี ,นครศรีธรรมราช ,พัทลุง ,สงขลา ,ปัตตานี ,ยะลา ,นราธิวาส) และรับทราบความก้าวหน้า 10 มาตรการ รองรับฤดูแล้ง ปี2565 /2566 ซึ่งยังคงดำเนินการ อย่างต่อเนื่องในปัจจุบัน ตามแผนงานของ สทนช. รวมถึงรับทราบ สถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ภาคใต้และแนวทางการบริหารจัดการน้ำของเขื่อนบางลาง ปี2565 เพื่อลดผลกระทบที่มักจะเกิดน้ำล้นตลิ่งเข้าสู่บ้านเรือนประชาชน และพืชสวนการเกษตร

จากนั้นที่ประชุม ได้ร่วมกันพิจารณาเห็นชอบ แนวทางแก้ไขปัญหาระยะเร่งด่วนในพื้นที่ ลุ่มน้ำเจ้าพระยาใหญ่ ตามนโยบายรัฐบาลที่ต้องการให้เพิ่มพื้นที่แก้มลิง รับน้ำให้มากขึ้นเพื่อแก้ปัญหาน้ำหลากเข้าท่วมพื้นที่ชุมชนและพื้นที่เศรษฐกิจ และยังสามารถกักเก็บน้ำไว้ใช้ในฤดูแล้ง โดยเฉพาะน้ำเพื่อการเกษตรกรรม

พล.อ.ประวิตร ได้กำชับ สทนช.ให้เร่งรัดการประสานงาน กับหน่วยงานที่รับผิดชอบการบริหารจัดการน้ำ โดยเฉพาะพื้นที่เสี่ยงในพื้นที่ภาคใต้ ที่กำลังประสบกับภาวะฤดูฝนขณะนี้ รวมทั้งให้ มท. ,เหล่าทัพ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งช่วยเหลือ ฟื้นฟู เยียวยาพี่น้องประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย ทันที อย่างทั่วถึง ภายหลังน้ำลด เพื่อบรรเทาความเดือดร้อน และให้ประชาชนกลับมาใช้ชีวิตได้อย่างปกติ โดยเร็วที่สุด

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 1 ธันวาคม 2565