โลกเปลี่ยน ไทยต้องปรับ ทางเลือกใหม่ของการเมืองไทย ก้าวข้ามความขัดแย้ง สานพลังประชาราษฎร์ ร่วมสร้างชาติให้ยั่งยืน

ป้ายกำกับ: ข่าวกิจกรรมพรรค

‘พล.อ.ประวิตร’ ถกจัดทำงบบูรณาการปี 66 ย้ำต้องโปร่งใส คุ้มค่า เพื่อประโยชน์ปชช.

,

‘พล.อ.ประวิตร’ ถกจัดทำงบบูรณาการปี 66 ย้ำต้องโปร่งใส คุ้มค่า เพื่อประโยชน์ปชช.เดินหน้าขับเคลื่อนแผนจัดการทรัพยากรน้ำ 3 แผนงาน เพิ่มประสิทธิภาพเป็นรูปธรรม

เมื่อวันที่ 6 มกราคม ที่ห้องประชุมวิจิตรวาทการ สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการจัดทำงบประมาณรายจ่ายบูรณาการ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2566 ผ่านระบบวิดิโอคอนเฟอเร้นซ์

พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า การประชุมในวันนี้ เป็นผลสืบเนื่องจากมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 15 ธันวาคม 2564 เห็นชอบการจัดทำงบประมาณรายจ่ายบูรณาการ ประจำปีงบประมาณ 2566 รวม 11 แผนงาน และมอบหมายให้ผมเป็นผู้กำกับแผนงานบูรณาการ จำนวน 3 แผนงาน ต่อมา นายกรัฐมนตรี ได้ลงนามคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรีแต่งตั้งคณะกรรมการ รองรับการดำเนินการดังกล่าว โดยมอบหมายให้ผม เป็นประธาน คณะที่ 1 ซึ่งมี 3 คณะย่อย ได้แก่ คณะที่ 1.1 การขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ คณะที่ 1.2 การบริหารจัดการทรัพยากรน้ำคณะที่ 1.3 การบูรณาการรัฐบาลดิจิทัล โดยแต่ละเรื่องได้มีการกำหนดหน่วยงานเจ้าภาพหลัก เป็นผู้ประสานและบูรณาการจัดทำงบประมาณ รองรับการขับเคลื่อนงานให้บรรลุตามเป้าหมายและตัวชี้วัดที่ยุทธศาสตร์ชาติ นโยบายรัฐบาล และแผนหลัก กำหนดไว้ การประชุมในวันนี้ จึงเป็นการพิจารณากรอบงบประมาณตามแผนงานบูรณาการฯ ทั้ง 3 แผนงาน ก่อนส่งให้สำนักงบประมาณดำเนินการต่อไป ผมหวังเป็นอย่างยิ่งว่า คณะกรรมการทุกท่านจะร่วมกันพิจารณาเพื่อจัดสรรงบประมาณให้เกิดความคุ้มค่า และขับเคลื่อนงานให้บรรลุเป้าหมายที่กำหนดไว้

พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ขอให้ สมช. กอ.รมน. และ ศอ.บต. ในฐานะหน่วยงานเจ้าภาพกำกับการทำงานของหน่วยงานภายใต้แผนงานบูรณาการฯ อย่างใกล้ชิด รวมทั้งให้ดูความเชื่อมโยงกับการขับเคลื่อนงานภายใต้กรอบงบประมาณอื่น ๆ ทั้งงบประมาณตามภารกิจหน่วยงาน งบประมาณยุทธศาสตร์ งบประมาณเชิงพื้นที่ เพื่อให้เกิดการขับเคลื่อนที่เกื้อหนุนกันและนำไปสู่การบรรลุเป้าหมายในการทำให้ภาคใต้สงบสุขร่มเย็นต่อไป ในด้านการจัดการทรัพยากรน้ำเกี่ยวข้องกับหลายหน่วยงานในหลายกระทรวง จึงมีความจำเป็นที่ทุกหน่วยงาน จะต้องบูรณาการกันอย่างแท้จริง เพื่อให้สามารถแก้ไขปัญหาด้านทรัพยากรน้ำได้อย่างชัดเจน เป็นรูปธรรมลดความซ้ำซ้อน และใช้งบประมาณได้อย่างมีประสิทธิภาพ สามารถขับเคลื่อนแผนแม่บทฯน้ำ ให้บรรลุได้ตามเป้าหมายขณะนี้ เรายังต้องเผชิญกับสถานการณ์โรคโควิด-19 ดังนั้น ขอให้ทุกหน่วยงานวางแผนการทำงานให้รัดกุม เพื่อเร่งรัดการดำเนินการให้บรรลุเป้าหมาย ใช้จ่ายงบประมาณอย่างประหยัดและคุ้มค่ามากที่สุด ด้านแผนงานบูรณาการรัฐบาลดิจิทัลจะช่วยให้การดำเนินงานด้านรัฐบาลดิจิทัลของประเทศเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ ขอให้ทุกฝ่ายร่วมกันพัฒนารัฐบาลดิจิทัลให้ประสบผลสำเร็จเป็นรูปธรรมต่อไป

#พปชร
#พลังประชารัฐ
#https://pprp.or.th/
#https://twitter.com/pr_pprpthailand
#https://www.blockdit.com/pprp

ที่มา : facebook.com/PPRPThailand/
เมื่อวันที่ : 6 มกราคม 2565

30 ม.ค.นี้ เข้าคูหาไปใช้สิทธิ์ของท่าน สรัลรัศมิ์ เจนจาคะ พลังประชารัฐ เบอร์ 7

,

30 ม.ค.นี้ เข้าคูหาไปใช้สิทธิ์ของท่าน

สรัลรัศมิ์ เจนจาคะ พลังประชารัฐ เบอร์ 7
ขอโอกาสสานงานต่อดูแลพี่น้องหลักสี่-จตุจักร

#พปชร
#พลังประชารัฐ
#https://pprp.or.th/
#https://twitter.com/pr_pprpthailand
#https://www.blockdit.com/pprp

ที่มา : facebook.com/PPRPThailand/
เมื่อวันที่ : 6 มกราคม 2565

กางผลงานโดดเด่น ”พล.อ.ประวิตร” ในรอบปี 2564 ลุยพื้นที่แก้ปากท้อง

,

กางผลงานโดดเด่น”พล.อ.ประวิตร”ในรอบปี2564 ลุยพื้นที่แก้ปากท้อง-ดันศก.ฐานราก-ลดเหลื่อมล้ำ

วันที่ 31 ธันวาคม 2564 พรรคพลังประชารัฐ (พปชร) ภายใต้การนำของพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ หัวหน้าพรรค ได้ให้ความสำคัญในการแก้ไขปัญหาการยกระดับความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ให้กับประชาชน จากการลงพื้นที่อย่างต่อเนื่องทั่วประเทศ เพื่อรับฟังความเดือดร้อน และอุปสรรคที่เกิดขึ้น ในแต่ละด้าน นำไปสู่การผลักดันภายใต้การดำเนินของรัฐบาล

รายงานข่าวจากพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) ระบุว่า การดำเนินงานตลอดปี 2564 ของ พปชร. แม้ว่าไทยจะต้องเผชิญความยากลำบากจากการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 แต่ทุกฝ่ายได้ร่วมมือกันในการป้องกันและดูแลเพื่อประคับประคองภาวะเศรษฐกิจโดยตลอดปี พล.อ.ประวิตร ได้รับฟังอุปสรรค และแนวทางการแก้ไขปัญหาจากประชาชนทั่วทุกภูมิภาคของไทยและนำมาสู่การยกระดับคุณภาพชีวิตให้กับประชาชนที่ดีขึ้น เพื่อลดความเหลื่อมล้ำในสังคม ตลอดจนการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากที่จะมีส่วนสำคัญในการวางโครงสร้างเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมที่เข้มแข็งเพื่อเป็นฐานรากที่มั่นคงในการสนับสนุนเศรษฐกิจในปี 2565 ได้อย่างมีประสิทธิภาพต่อไป

สำหรับผลงานในรอบปี 2564 ที่สำคัญที่พล.อ.ประวิตรได้ดำเนินการได้แก่ เดือนมกราคม ได้วางแนวทางการผลักดันและพัฒนากรุงเทพฯ สู่มหานครทันสมัยระดับโลก เดือนกุมภาพันธ์ ได้เข้าไปแก้ไขปัญหาน้ำท่วม น้ำแล้ง มุ่งพัฒนาเศรษฐกิจ ดูแลคุณภาพชีวิตให้กับประชาชนบริเวณชายแดนภาคใต้ เดือนมีนาคม ได้ลงพื้นที่หลายจังหวัดเพื่อเข้าไปรับฟังปัญหาและดำเนินการช่วยเหลือชาวบ้านให้น้ำเพียงพอต่อการอุปโภคและบริโภคตลอดช่วงฤดูแล้ง เดือนเมษายน เร่งดูแลชาวบ้านมอบนโยบายลดความเหลื่อมล้ำ จัดสรรที่ดินทำกินช่วยเหลือเกษตรกร และผู้ยากไร้

ในเดือนพฤษภาคม ได้ยกระดับการป้องกันและเข้มงวดการลักลอบ เข้าเมืองอย่างผิดกฎหมาย เพื่อสกัดกั้นการแพร่ระบาด ของเชื้อไวรัสโควิด-19 เดือนมิถุนายน มีการมอบอุปกรณ์ ป้องกันโควิด ให้กับพี่น้องประชาชน เดือนกรกฎาคม ได้เร่งช่วยเหลือเยียวยาประชาชน ผู้ได้รับผลกระทบจากโควิดทุกพื้นที่ เดือนสิงหาคม ได้คุมเข้มเฝ้าระวังติดตามสถานการณ์น้ำท่วม ในพื้นที่ภาคเหนือ และภาคใต้ตอนล่าง พร้อมแก้ไขปัญหาช่วยเหลือ ประชาชนในทันที เดือนกันยายน ได้นำคณะและหน่วยงานเกี่ยวข้อง ติดตามความพร้อมของการบริหารจัดการน้ำหลากในพื้นที่ลุ่มต่ำพร้อมสั่งการให้หน่วยงานลงพื้นที่ดูแลความเดือดร้อนของประชาชน

ในช่วง 3 เดือนสุดท้ายของปี โดยในเดือนตุลาคม เริ่มสั่งการให้มีการกวาดล้างขบวนการค้ามนุษย์ โดยเฉพาะดำเนินการกับเจ้าหน้าที่ที่มีส่วนเกี่ยวข้องให้มีการดำเนินการขั้นเด็ดขาด เดือนพฤศจิกายน ลงพื้นที่ จ.นครสวรรค์ ตรวจเยี่ยมพื้นที่บึงบอระเพ็ด เพื่อนำมาสู่การวางแผนรอรับน้ำท่วมน่ำหลากในระยะยาว และในเดือนธันวาคมวางนโยบาย 11 ปี ฟื้นคลองแสนแสบ สร้างเขื่อนวางระบบบำบัดน้ำเสีย วางแผนบริหารด้านคมนาคม เพื่อการฟื้นฟูคลองแสนแสบในระยะยาว

#พปชร
#พลังประชารัฐ

ที่มา : facebook.com/PPRPThailand/
เมื่อวันที่ : 31 ธันวาคม 2564

รมว ตรีนุช เผยหลังปีใหม่บุคลากร ศธ.85% Work From Home 14 วัน

,

รมว ตรีนุช เผยหลังปีใหม่บุคลากร ศธ.85% Work From Home 14 วัน ลดความเสี่ยงสถานศึกษา

“ตรีนุช” ห่วง “โอมิครอน” แพร่ระบาดหลังเทศกาลปีใหม่ มอบปลัด ศธ.ออกประกาศบุคลากรสังกัด ศธ.85% Work From Home ต่อเนื่อง 14 วัน ย้ำโรงเรียนเปิดสอน on-site เคร่งครัดมาตรการความปลอดภัย 6-6-7 ลดความเสี่ยงโควิดในสถานศึกษา

วันนี้ (30 ธ.ค.) นางสาวตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) เปิดเผยว่า สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา-2019 หรือ โควิด-19 ในประเทศไทยมีแนวโน้มคลี่คลายลงอย่างต่อเนื่อง แต่ขณะเดียวกันก็มีการแพร่ระบาด ของ “โอมิครอน” (Omicron) เชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่ ประกอบกับในช่วงเทศกาลปีใหม่เป็นห้วงเวลาสำคัญที่จะมีการจัดกิจกรรมเฉลิมฉลองในเทศกาลส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ จัดงานตามประเพณีท้องถิ่นและทางศาสนา ที่มีการรวมกลุ่มบุคคลจำนวนมาก มีการเดินทางท่องเที่ยว ดังนั้น เพื่อเป็นการเฝ้าระวังป้องกันการระบาดของโรคภายหลังช่วงเทศกาลปีใหม่ ตนจึงมอบหมายให้ ดร.สุภัทร จำปาทอง ปลัดกระทรวงศึกษาธิ​การ (ศธ.) ออกประกาศกระทรวงศึกษาธิการ เรื่อง มาตรการป้องกันและควบคุมสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ของ ศธ.

รมว.ศธ. กล่าวต่อไปว่า ประกาศ ศธ.ฉบับใหม่ล่าสุดลงวันที่ 30 ธันวาคมนี้ กำหนดให้บุคลากรในสังกัดและในกำกับของ ศธ.ปฏิบัติงานภายในที่พัก ( Work From Home) อย่างต่อเนื่องไม่น้อยกว่าร้อยละ 85 ตั้งแต่วันที่ 1-14 มกราคม 2565 โดยการปฏิบัติงานดังกล่าวต้องไม่กระทบกับภารกิจให้บริการแก่ประชาชน ส่วนผู้บริหารของ ศธ.ในระดับบริหารสูง ระดับบริหารต้น ระดับอำนวยการสูง และผู้ดำรงตำแหน่งประเภทวิชาการระดับเชี่ยวชาญ ให้ปฏิบัติงานภายในหน่วยงานต้นสังกัดตามปกติ , ให้หัวหน้าหน่วยงานในสังกัดและในกำกับของ ศธ.กำกับควบคุมดูแลการปฏิบัติงานภายในที่พักของบุคลากรในเวลาราชการให้มีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ บุคลากรที่ต้องเดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะให้ปฏิบัติงานภายในที่พัก

รมว.ศธ. กล่าวต่อไปว่า สำหรับสถานศึกษาในสังกัด ศธ. ที่จัดการเรียนการสอนในชั้นเรียนแบบ on-site ทุกแห่ง ขอให้ปฏิบัติตามมาตรการความปลอดภัย 6-6-7 เพื่อลดความเสี่ยงโควิดในสถานศึกษาอย่างต่อเนื่องและเคร่งครัด ซึ่งประกอบด้วย 6 มาตรการหลัก (DMHT-RC) เว้นระยะห่าง สวมหน้ากาก ล้างมือ คัดกรองวัดไข้ ลดการแออัด และทำความสะอาด , 6 มาตรการเสริม (SSET-CQ )ดูแลตนเอง ใช้ช้อนกลางส่วนตัว กินอาหารปรุงสุกใหม่ ลงทะเบียนเข้าออกโรงเรียน สำรวจตรวจสอบ และกักกันตัวเอง ส่วนแนวทาง 7 มาตรการเข้มสำหรับสถานศึกษา คือ 1.ประเมิน TSC+ และรายงานผลผ่าน MOE COVID อย่างต่อเนื่อง 2.Small Bubble ทำกิจกรรมแบบกลุ่มย่อย 3.จัดอาหารตามหลักสุขาภิบาลอาหารและหลักโภชนาการ 4.อนามัยสิ่งแวดล้อม ทั้งอากาศ ความสะอาด น้ำ ขยะ 5.School Isolation มีแผนเผชิญเหตุและซักซ้อม 6.Seal Route ดูแลการเดินทางจากบ้านไปกลับโรงเรียน 7. จัดให้มี School Pass สำหรับนักเรียน ครู และบุคลากรในสถานศึกษา

“ การออกประกาศ Work From Home ของ ศธ.ครั้งนี้ เป็นมาตรการหนึ่งในการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อโควิดสายพันธุ์ต่างๆ ที่อาจจะมีการแพร่ระบาดภายหลังที่มีวันหยุดยาวช่วงเทศกาลปีใหม่ อย่างไรก็ตามช่วงเวลาวันหยุดในเทศกาลปีใหม่นี้ แม้รัฐบาลได้ผ่อนคลายมาตรการป้องกันและควบคุมโรคให้สอดคล้องกับสถานการณ์การแพร่ระบาดในประเทศไทยที่ลดลง แต่ดิฉันขอให้นักเรียน นักศึกษา ครู บุคลากรทางการศึกษา และพี่ น้อง ประชาชนทุกคน ไม่ประมาท การ์ดไม่ตก ระมัดระวังการเดินทางไปร่วมกิจกรรมในสถานที่ต่างๆ ต้องสวมใส่หน้ากากอนามัย หมั่นล้างมือบ่อยๆ ด้วยเจลแอลกอฮอล์ หรือสบู่ หลีกเลี่ยงการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ที่ มีไข้ และไอจาม และคอยสังเกตอาการตนเองอยู่เสมอ” รมว.ศธ.กล่าว.

ที่มา : facebook.com/PPRPThailand/
เมื่อวันที่ : 30 ธันวาคม 2564

“ตรีนุช”สนองพระราชดำรัสกรมสมเด็จพระเทพฯปรับการศึกษาหลังโควิด

,

“ตรีนุช”สนองพระราชดำรัสกรมสมเด็จพระเทพฯปรับการศึกษาหลังโควิด

“ตรีนุช” สนองพระราชดำรัสสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี น้อมนำการพัฒนาการศึกษาที่สมดุล 4 ด้าน มาปรับปรุงการพัฒนาเด็กและเยาวชนหลังโควิด-19 ขยายผลงาน กพด. สู่สถานศึกษาในสังกัด ศธ.

วันนี้ (29 ธ.ค.) น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) เปิดเผยว่า จากการที่สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงบรรยายเรื่อง “การพัฒนาเด็กและเยาวชนหลังโควิด-19” ในการเป็นประธานการประชุมวิชาการ การพัฒนาเด็กและเยาวชนในถิ่นทุรกันดาร (กพด.) ตามพระราชดำริ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี ประจำปี 2564 ว่า การพัฒนาการศึกษาที่สมดุลมี 4 ด้าน คือ 1.พุทธิศึกษา หมายถึงวิชาการด้านต่างๆ 2.จริยศึกษา เรื่องของคุณงามความดี ความคิดดี ซึ่งจริยศึกษาที่สำคัญและต้องสอน คือ เรื่องความซื่อสัตย์ 3.หัตถศึกษา หรือ การศึกษาที่ใช้มือหยิบจับ การทำงานช่างต่าง ๆ และ 4.พลศึกษา เพื่อให้ร่างกายและสมองแข็งแรงมีกำลัง ไม่ใช่มีแต่ความรู้ไม่มีพลังก็ไม่มีประโยชน์ นั้น ตนได้น้อมรับกระแสพระราชดำรัสของพระองค์ท่าน โดยได้มอบหมายให้สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) และสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) นำการพัฒนาการศึกษาที่สมดุลทั้ง 4 ด้าน มาพิจารณากำหนดไว้ในการปรับปรุงหลักสูตรการจัดการเรียนการสอนทุกระดับ ทุกประเภท ซึ่งทั้ง สพฐ. และสอศ.กำลังดำเนินการปรับปรุงหลักสูตรและการเรียนการสอนอยู่ในขณะนี้

“ ดิฉัน น้อมนำพระราชดำรัสของสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ ที่ทรงเน้นย้ำถึงการแก้ปัญหาเรื่องคนที่ฟังและพูดภาษาไทยไม่ได้ ที่ต้องหาวิธีการใหม่ๆมาฝึกให้เด็กอ่านเขียน และต้องเอาจริงเอาจังกว่าเดิม, การแก้ปัญหาครูขาดทักษะในการสอนออนไลน์ , การจัดการเรียนการสอนที่ต้องสอนให้เด็กเรียนรู้รอบด้าน มีทักษะชีวิต ทักษะการทำงาน โดยต้องออกแบบการสอนแบบปฏิบัติที่เน้นให้เด็กนักเรียนลงมือปฏิบัติด้วยนั้น มาพิจารณาปรับปรุงการจัดการศึกษาของกระทรวงศึกษาธิการ พร้อมนำสิ่งที่พระองค์ท่านทรงริเริ่มทำกับโรงเรียนในโครงการ กพด.มาขยายผลต่อในโรงเรียนสังกัดกระทรวงศึกษาธิการ เช่นเรื่องการใช้สื่อ 60 พรรษาสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สำหรับระดับประถมศึกษา และสื่อ 65 พรรษาฯ สำหรับระดับมัธยมศึกษาตอนต้น ซึ่งมีอยู่ในถุงยังชีพเพื่อการศึกษาพระราชทานที่ช่วยได้ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด 19 เรื่องการสอนคุณธรรมจริยธรรมความซื่อสัตย์ ที่เน้นให้เด็กมีความซื่อสัตย์ ครูก็ต้องมีความซื่อสัตย์ด้วยนั้น ก็จะมีการปรับปรุงการวัดและประเมินผลให้หลากหลายเหมาะสมกับวิธีการสอน และมีการนิเทศการสอนด้วย “ นางสาวตรีนุช กล่าว

รมว.ศธ.กล่าวด้วยว่า จากที่ได้เกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหวในสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) ได้ส่งผลกระทบถึงอำเภอเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดน่าน ส่งผลให้โรงเรียนในสังกัด สพฐ.ซึ่งเป็นโรงเรียนในโครงการ กพด.ได้รับผลกระทบเกิดความเสียหายด้วยนั้น ตนได้มอบหมายให้ สพฐ.เร่งสำรวจความเสีหายและดูแลซ่อมแซมโดยด่วนแล้ว

ที่มา : facebook.com/PPRPThailand/
เมื่อวันที่ : 29 ธันวาคม 2564

พปชร. เคาะชื่อ “สรัลรัศมิ์ เจนจาคะ” สู้ศึกเลือกตั้งซ่อมหลักสี่-จตุจักร

,

พปชร. เคาะชื่อ “สรัลรัศมิ์ เจนจาคะ” สู้ศึกเลือกตั้งซ่อมหลักสี่-จตุจักร หวังได้รับความไว้วางใจ ดูแลประชาชนต่อเนื่อง

ดร.พัชรินทร์ ซำศิริพงษ์ ส.ส. กทม. เขต 2 ในฐานะโฆษกพรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า วันนี้กรรมการสรรหาพรรคพลังประชารัฐ โดยมีร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรค เป็นประธาน และได้นำเสนอชื่อผู้ที่ได้รับการสรรหา ให้กับกรรมการบริหารพรรค (กก.บห.) พิจารณา

ทั้งนี้ ในที่สุดกก.บห.ได้พิจารณา และมีมติเป็นเอกฉันท์ เห็นควรให้ นางสรัลรัศมิ์ เจนจาคะ เป็นผู้สมัคร ส.ส.กทม.เขต 9 ของพรรค โดยมีนายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ กรรมการบริหารพรรค เป็นผู้อำนวยการการเลือกตั้ง

ด้านนายชัยวุฒิ ระบุ พรรคอยากจะขอความสนับสนุนจากพี่น้องประชาชน ให้พรรค ได้มีโอกาสดูแลประชาชนในพื้นที่อย่างต่อเนื่อง ซึ่งเรื่องของเสถียรภาพรัฐบาล และผลงานรัฐบาลในช่วงวิกฤตที่ผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นการแก้ปัญหาโรคระบาดโควิด-19 และมาตรการฟื้นฟูและกระตุ้นเศรษฐกิจต่างๆ พรรคพลังประชารัฐ เราก็ได้ดำเนินนโยบายอย่างเต็มที่ เต็มความสามารถ ดังนั้น พรรคจึงหวังว่าจะยังคงได้รับความไว้วางใจให้ทำหน้าที่ดูแลพี่น้องประชาชนในพื้นที่เขตหลักสี่ และจตุจักร(แขวงเสนานิคม แขวงจันทรเกษม และแขวงลาดยาว) ต่อไป

#พรรคพลังประชารัฐ
#พปชร
#https://pprp.or.th

ที่มา : facebook.com/PPRPThailand/
เมื่อวันที่ : 28 ธันวาคม 2564

ศธ.ชู”เด็กไทย ใจเป็นหนึ่ง” ฉลองวันเด็ก 8 ม.ค.65 แบบ“ออนไซต์-ออนไลน์”

,

ศธ.ชู”เด็กไทย ใจเป็นหนึ่ง”พร้อมจัดฉลองวันเด็ก 8 ม.ค.65 แบบ“ออนไซต์-ออนไลน์”

ศธ.พร้อมจัดกิจกรรมฉลองวันเด็กแห่งชาติ ปี 2565 แบบออนไซต์-ออนไลน์ ในวันเสาร์ที่ 8 มกราคม 2565 ภายใต้แนวคิด “เด็กไทย ใจเป็นหนึ่ง” ตามคำขวัญ “รู้คิด รอบคอบ รับผิดชอบต่อสังคม” โดยกรุงเทพฯ จัดที่หอประชุมคุรุสภา พร้อมชวนเด็กๆ ร่วมเล่นเกมออนไลน์ ลุ้นรับของรางวัลส่งตรงถึงบ้าน

วันนี้ (27 ธ.ค.) น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) แถลงข่าวจัดกิจกรรมฉลองวันเด็กแห่งชาติ ปี 2565 และ กิจกรรมการมอบโล่รางวัลและประกาศนียบัตร แก่เด็กและเยาวชนดีเด่นและนำชื่อเสียงมาสู่ประเทศชาติ พร้อมรับโอวาทจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชานายกรัฐมนตรี ภายใต้แนวคิดการจัดงาน “เด็กไทย ใจเป็นหนึ่ง” ตอนหนึ่งว่า ศธ.เป็นหน่วยงานหลักที่มีหน้าที่รับผิดชอบโดยตรงต่อเด็กและเยาวชนไทยทั้งประเทศ ในการเสริมสร้างองค์ความรู้ และการพัฒนา ให้เป็นทรัพยากรมนุษย์ที่มีคุณค่า และมีความสำคัญของประเทศ โดยยึดแนวปฏิบัติตามแผนยุทธศาสตร์ชาติด้านการพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพทรัพยากรมนุษย์ โดยเฉพาะแผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ (พ.ศ.2561 – 2580 ) ในประเด็นที่ให้ความสำคัญต่อการพัฒนาศักยภาพคนตลอดช่วงชีวิต การสร้างสภาพแวดล้อมที่เอื้อต่อการพัฒนา และเสริมสร้างศักยภาพมนุษย์ การพัฒนาเด็ก
สำหรับวันเด็กแห่งชาติปีนี้ ตรงกับวันที่ 8 มกราคม 2565 ซึ่งการจัดกิจกรรมภายใต้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ในขณะนี้ต้องเฝ้าระวังและดำเนินการภายใต้ความปลอดภัยของเด็กๆ โดยมี 2 กิจกรรมหลัก ดังนี้ กิจกรรมที่ 1. เป็นการนำตัวแทนเด็กและเยาวชนดีเด่น และนำชื่อเสียงมาสู่ประเทศชาติ ประจำปี 2565 ซึ่งเป็นเด็กในเขตกรุงเทพมหานคร จำนวน 250 คน เข้าเยี่ยมคาราวะและรับโอวาทจากนายกรัฐมนตรี และรับโล่จากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ พร้อมทั้งมีการถ่ายทอดสดผ่านทางสถานีโทรทัศน์แห่งประเทศไทย NBT ในช่วงเวลา 08.30 – 09.30 น. สำหรับเด็กและเยาวชนดีเด่นและนำชื่อเสียงมาสู่ประเทศ ในส่วนภูมิภาค ได้มอบหมายสำนักงานศึกษาธิการจังหวัดทุกจังหวัดจัดกิจกรรมการมอบโล่รางวัล โดยเรียนเชิญท่านผู้ว่าราชการจังหวัด เป็นผู้มอบ ทั้งนี้ ในการจัดกิจกรรมดังกล่าวให้เป็นไปตามมาตรการและข้อกำหนดของแต่ละพื้นที่อย่างเคร่งครัด

รมว.ศธ.กล่าวต่อไปว่า ส่วนกิจกรรมที่ 2 การจัดงานวันเด็กแห่งชาติ ประจำปี 2565 จัดในรูปแบบออนไซต์ พื้นที่หอประชุมคุรุสภา กระทรวงศึกษาธิการ ภายใต้แนวคิดการจัดงาน “เด็กไทย ใจเป็นหนึ่ง” ตามคำขวัญ “รู้คิด รอบคอบ รับผิดชอบต่อสังคม”ตั้งแต่เวลา 07.00-15.00 น. โดยมีบูธกิจกรรมจำนวน 8 บูธ และได้มีการเพิ่มช่องทางสำหรับน้องๆ หนู ๆ รับชม ร่วมเล่นเกมออนไลน์ลุ้นรับของรางวัล ซึ่งจะส่งตรงถึงบ้าน โดยการถ่ายทอดผ่านระบบออนไลน์ ด้วยโปรแกรม Zoom // Zoom https://us02web.zoom.us/j/86568404538 Meeting ID: Meeting ID: 865 6840 4538 และทางFacebook Fanpage ศธ.360 องศา

ทั้งนี้ การจัดกิจกรรมฉลองวันเด็กแห่งชาติ ของกระทรวงศึกษาธิการ ปี 2565 จัดขึ้น ได้จัดงานภายใต้มาตรการความปลอดภัยที่กระทรวงสาธารณสุข(สธ.)กำหนดตามมาตรการและแนวทางการป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโควิด 19 โดยมีมาตรการ คือ ผู้ที่เข้าร่วมงานจะต้องวัดอุณหภูมิร่างกาย พร้อมแสดงเอกสารรับรองการฉีดวัคซีนจำนวน 2 เข็ม และแสดงผลตรวจ ATK ภายใน 72 ชั่วโมง หากไม่มีผลตรวจ ATK สามารถตรวจวัดทันทีโดยเจ้าหน้าที่สาธารณสุขให้บริการ ณ บริเวณหน้าจุดจัดงาน

ที่มา : facebook.com/PPRPThailand/
เมื่อวันที่ : 28 ธันวาคม 2564

“พล.อ.ประวิตร”มอบ สปก. 4-01 หนุนที่ทำกินเกษตรกรบ้านช่องโคพัฒนา

,

“พล.อ.ประวิตร”มอบ สปก. 4-01หนุนที่ทำกินเกษตรกรบ้านช่องโคพัฒนาร่วมเปิดป้ายหมู่บ้าน“พิมายอุดมสุข”เมืองโคราชเน้นวิถีเศรษฐกิจพอเพียง

“บิ๊กป้อม” นำคณะ พปชร. “ธรรมนัส-นฤมล” ลงพื้นที่โคราช พร้อมเปิดหมู่บ้าน “พิมายอุดมสุข” ตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง และมอบ สปก. 4-01 แก่ตัวแทนวิสาหกิจชุมชนไร่นาสวนผสมเกษตรกรช่องโคพัฒนา อ.พิมาย ย้ำเร่งแก้ปัญหาช่วยเหลือเกษตรกรและผู้ยากจน ให้มีที่ดินทำกินและที่อยู่อาศัยครอบคลุมทั่วประเทศโดยเร็ว

วันที่ 27ธันวาคม 2564 เวลาประมาณ 9.30น. พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและในฐานะหัวหน้าพรรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) นำคณะตรวจราชการในพื้นที่ จังหวัดนครราชสีมา พร้อมกันนี้ยังมี พล.อ.วิชญ์ เทพหัสติน ณ อยุธยา ,พล.อ.ณัฐ อินทรเจริญ,ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพปชร.,ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เหรัญญิกพรรค นายอธิรัช รัตนเศรษฐ รมช.คมนาคม และ นายประสาน หวังรัตนปราณี ผช.รมต.ประจำนร.ร่วมลงพื้นที่ด้วย

โดยจุดแรก ได้เดินทางไป ณ บริเวณวิสาหกิจชุมชนไร่นาสวนผสมเกษตรฐานราก ช่องโคพัฒนา ต.รังกาใหญ่ อ.พิมาย จ.นครราชสีมา โดยมี พลตำรวจเอก เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน ประธานกรรมการสถาบันบริหารจัดการธนาคารที่ดิน (องค์การมหาชน) นายวิเชียร จันทรโณทัย ผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา พร้อมตัวแทนหน่วยงานราชการ และนายวิรัช รัตนเศรษฐ รองหัวหน้าพรรคพปชร.และส.ส.เอกราช ช่างเหลา ,ส.ส.เกษม ศุภรานนท์และคณะส.ส.ในพื้นที่คอยให้การต้อนรับภายใต้มาตรการป้องกันโควิด-19 เข้มงวด

ทั้งนี้ พลเอก ประวิตร ได้รับฟังรายงาน ความคืบหน้าและความสำเร็จ ของสถาบันบริหารจัดการธนาคารที่ดิน (บจธ.) ที่ให้การช่วยเหลือประชาชนให้มีที่ดินทำกินและที่อยู่อาศัยของตนเอง และ โครงการแก้ปัญหาการสูญเสียสิทธิ์ในที่ดินทำกินของเกษตรกรและผู้ยากจน โดยสนับสนุนสินเชื่อให้เกษตรกร นำไปไถ่ถอนที่ดิน จากการจำนอง ขายฝาก เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรกลับมามีที่ดินทำกินและที่อาศัยของตนเองแล้ว 387 ราย การรช่วยเหลือผู้ประสบปัญหาที่ดิน จากนโยบายรัฐโดยสนับสนุนสินเชื่อจัดซื้อที่ดินให้ผู้ได้รับผลกระทบในรูปแบบแปลงรวมถือกรรมสิทธิ์ร่วม ด้วยปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงและเกษตรทฤษฎีใหม่และ โครงการธนาคารที่ดินนำร่องในพื้นที่ 5 ชุมชน ให้เกษตรกรและผู้ยากจน มีที่ดินทำกินที่เหมาะสมตามรูปแบบที่กำหนดจำนวน 500 ครัวเรือน

ทั้งนี้ พลเอกประวิตร ทำพิธีเปิดป้ายหมู่บ้าน “พิมายอุดมสุข” ตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง โดยมอบสิทธิ์ในที่ดินทำกินแก่ ตัวแทนวิสาหกิจชุมชนไร่นาสวนผสมเกษตรกรฐานราก ช่องโคพัฒนา อำเภอพิมาย ให้เกษตรกรเข้าทำประโยชน์ในเขตปฏิรูปที่ดิน สปก. 4-01 จำนวน 3,250 ฉบับ และเยี่ยมชมตลาดนัดชุมชนผลผลิตของเกษตรกร ตามหลักทางเศรษฐกิจพอเพียงและเกษตรทฤษฎีใหม่ สู่ความยั่งยืน

โดยพลเอกประวิตร กล่าวว่า ขอบคุณ บจธ.ที่เร่งขับเคลื่อนแก้ปัญหาช่วยเหลือเกษตรกรและผู้ยากจนในการแก้ปัญหาที่ดินทำกินและที่อยู่อาศัย ตามนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล ด้านเศรษฐกิจฐานรากที่ต้องการให้การบริหารจัดการที่ดินและกระจายการถือครองที่ดินอย่างเป็นธรรม พร้อมย้ำว่า ยังมีเกษตรกรและผู้ยากจนอีกจำนวนมาก ที่ไร้ที่อยู่อาศัยและที่ดินทำกิน ขอให้เร่งขยายผลความสำเร็จดังกล่าว ให้ครอบคลุมทั่วประเทศโดยเร็วและขอให้พี่น้องประชาชน นำที่ดินที่ได้รับไปทำประโยชน์จริง เพื่อลดความเหลื่อมล้ำด้านที่อยู่อาศัยและที่ดินทำกินและเกิดประโยชน์สูงสุดในการบริหารจัดการที่ดินร่วมกันอย่างยั่งยืน

จากนั้นพลเอกประวิตร พร้อมคณะเดินทางไปเยี่ยมชมแปลงเกษตรตามแนวทางของเกษตรทฤษฎีใหม่ของเกษตรกร กลุ่มประมงเลี้ยงปลา กลุ่มผลิตปุ๋ยจุลินทรีย์ชีวภาพ และกลุ่มผลิตผักปลอดสารพิษ ก่อนจะเดินทางต่อไปยังบริเวณสะพานข้ามแม่น้ำมูล ต.ในเมือง อ.พิมาย นครราชสีมาเพื่อตรวจเยี่ยมพื้นที่เพื่อก่อสร้างเขื่อนป้องกันตลิ่งริมแม่น้ำมูล ตามลำดับ

ที่มา : facebook.com/PPRPThailand/
เมื่อวันที่ : 27 ธันวาคม 2564

“พล.อ.ประวิตร” ควงเลขาฯธรรมนัส ดร.นฤมล ลงพื้นที่ จ.สมุทรสาคร

,

“พล.อ.ประวิตร” ควงเลขาฯธรรมนัส ดร.นฤมล ลงพื้นที่จ.สมุทรสาคร ติดตามสถานการณ์บริหารจัดการน้ำเพิ่มประสิทธิภาพช่วยประชาชน

พลเอกประวิตร นำคณะ”ธรรมนัส-นฤมล”ลงพื้นที่สมุทรสาคร พร้อมพบปะประชาชน และติดตามการบริหารจัดการน้ำลุ่มน้ำท่าจีนตอนล่าง สู่การพัฒนาพัฒนาด้านอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ การทำการเกษตรแบบผสมผสาน และการท่องเที่ยวทางเลือกใหม่ แก้ไขปัญหาน้ำเค็ม ส่งเสริมการเกษตรผสมผสาน การท่องเที่ยวเชิงนิเวศน์ พร้อมแผนปรับปรุงซ่อมเขื่อนกันตลิ่งทรุด

วันที่ 24 ธันวาคม 2564 ที่ห้องประชุมเทศบาลนครอ้อมน้อย อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยการกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) เป็นประธานการประชุมติดตามการบริหารจัดการน้ำและแนวทางการแก้ไขปัญหาคุณภาพน้ำในลุ่มน้ำท่าจีนตอนล่าง ทั้งนี้ ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.)และ ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เหรัญญิกพรรค ลงพื้นที่ด้วย โดยมีนายณรงค์ รักร้อย ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร กและนางจอมขัวญ กลับบ้านเกาะ ส.ส.เขต 3 พปชร.สมุทรสาคร นำคณะส.ส.พื้นที่และตัวแทนส่วนราชการต่างๆคอยให้การต้อนรับ ภายใต้มาตรการป้องกันโควิด-19 เคร่งครัด

การลงพื้นที่ จ.สมุทรสาคร ในวันนี้ เพื่อเร่งรัดติดตามการบริหารจัดการน้ำในลุ่มน้ำท่าจีนตอนล่าง การพัฒนาด้านอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ การทำการเกษตรแบบผสมผสาน และการท่องเที่ยวทางเลือกใหม่ เนื่องจากที่ลุ่มน้ำท่าจีนตอนล่างมักประสบปัญหาการขาดแคลนน้ำจืดสำหรับการเกษตร ปัญหาคุณภาพน้ำและการรุกตัวของน้ำเค็มบริเวณที่ราบชายฝั่งทะเลจากการทำอุตสาหกรรมประมงและโรงงานอุตสาหกรรม ซึ่งรัฐบาลได้เร่งให้ทุกภาคส่วนร่วมบูรณาการแผนงานเพื่อแก้ไขปัญหาด้านน้ำในเชิงพื้นที่อย่างเป็นรูปธรรมและยั่งยืน โดยมอบหมายให้ สทนช.และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการดำเนินการแก้ไขปัญหาคุณภาพน้ำ เสริมความมั่นคงของคันกั้นน้ำให้ได้ตามมาตรฐาน และให้กรมโยธาธิการและผังเมืองเร่งจัดทำแผนการปรับปรุงซ่อมแซมเขื่อนป้องกันตลิ่งริมคลองอ้อมน้อย อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว
รวมทั้งให้กรมชลประทานและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการภายใต้ 9 แผนหลักเจ้าพระยาให้เป็นรูปธรรม ควบคู่ไปกับการสร้างการรับรู้และปลูกจิตสำนึกให้กับประชาชนเพื่อให้เกิดการมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาเรื่องน้ำในระดับท้องถิ่นอย่างเป็นระบบ และนำไปสู่การแก้ไขในระดับประเทศต่อไป

นอกจากนี้ พลเอกประวิตร พร้อมคณะได้เดินทางจากเทศบาลนครอ้อมน้อย ไปยังประตูระบายน้ำคลองอ้อมน้อย เพื่อตรวจสอบแนวเขื่อนป้องกันตลิ่งริมคลองอ้อมน้อยที่ชำรุดเสียหายและเยี่ยมพบปะประชาชน พื้นที่เทศบาลนครอ้อมน้อย อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร รวมทั้งเดินทางไปตรวจระบายน้ำประตูระบายน้ำคลองอ้อมน้อย ไปยัง เพื่อดูความพร้อมของโครงการเพิ่มประสิทธิภาพสถานีสูบน้ำภาษีเจริญ ต.ตลาดกระทุ่มแบน อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร เพื่อเยี่ยมชมและตรวจติดตามความก้าวหน้าโครงการเพิ่มประสิทธิภาพสถานีสูบน้ำภาษีเจริญ ตามลำดับ

ที่มา : facebook.com/PPRPThailand/
เมื่อวันที่ : 24 ธันวาคม 2564

“พล.อ.ประวิตร” มอบตราสัญลักษณ์เมืองอัจฉริยะ 15 แห่ง พัฒนาเมืองแห่งอนาคต

,

“พล.อ.ประวิตร” มอบตราสัญลักษณ์เมืองอัจฉริยะ 15 แห่ง พัฒนาเมืองแห่งอนาคตด้วยเทคโนโลยีเพื่อเพิ่มคุณภาพชีวิต

เมื่อวันที่ 24 ธันวาคม ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการขับเคลื่อนการพัฒนาเมืองอัจฉริยะ ให้เกียรติเป็นประธานในพิธีมอบตราสัญลักษณ์เมืองอัจฉริยะประเทศไทยแก่ผู้พัฒนาเมืองที่ได้รับการประกาศรับรองเป็นพื้นที่เมืองอัจฉริยะ (Smart City) จำนวน 15 เมือง โดยมี นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนและบริหารโครงการเมืองอัจฉริยะ พร้อมด้วย ดร.ณัฐพล นิมมานพัชรินทร์ ผู้อำนวยการใหญ่ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล หรือ ดีป้า ผู้แทนจากสำนักงานเมืองอัจฉริยะประเทศไทย และผู้เกี่ยวข้องร่วมในพิธีฯ ซึ่งทั้งหมดปฏิบัติตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดและการติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) อย่างเคร่งครัด

พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ขอแสดงความยินดี และมอบนโยบายการขับเคลื่อนเมืองอัจฉริยะ โดยระบุว่า การขับเคลื่อนให้เกิดการพัฒนาเมืองอัจฉริยะในประเทศไทยจำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือจากหลายภาคส่วน โดยมี ดีป้า เป็นหัวเรือหลักในการบูรณาการการทำงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและเจ้าของพื้นที่ เพื่อยกระดับการบริหารจัดการเมืองในด้านต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม และการใช้ชีวิตของประชาชน สอดคล้องกับเป้าหมายในยุทธศาสตร์ชาติระยะ 20 ปีที่ต้องการให้เกิดการกระจายศูนย์กลางความเจริญทางเศรษฐกิจและสังคม ลดความเหลื่อมล้ำในทุกมิติ เพื่อให้ประเทศไทยมีความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน

นายชัยวุฒิ กล่าวว่า กระทรวงดิจิทัลฯ โดย ดีป้า ได้ดำเนินการส่งเสริมและสนับสนุนให้เกิดการขับเคลื่อนการพัฒนาเมืองอัจฉริยะในทุกภูมิภาคทั่วประเทศมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้สอดคล้องกับ ทิศทางการพัฒนาประเทศตามแนวทางขับเคลื่อนประเทศไทย 4.0 และยุทธศาสตร์ชาติ ส่งผลให้การพัฒนาเมืองอัจฉริยะบรรลุวัตถุประสงค์ตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ ซึ่งการประชุมคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนและบริหารโครงการเมืองอัจฉริยะ ครั้งที่ 1/2564 เมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม มีมติเห็นชอบแผนพัฒนาเมืองอัจฉริยะ จำนวน 5 เมือง และเห็นชอบเพิ่มอีก 10 เมืองในการประชุมคณะอนุกรรมการฯ ครั้งที่ 2/2564 เมื่อวันที่ 23 กันยายน ซึ่งทั้งหมดผ่านการพิจารณาการประกาศมอบตราสัญลักษณ์เมืองอัจฉริยะจากที่ประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนการพัฒนาเมืองอัจฉริยะที่มี พลเอก ประวิตร เป็นประธาน

ดร.ณัฐพล กล่าวว่า เมืองอัจฉริยะทั้งหมดจะก่อให้เกิดโอกาสการลงทุนเพื่อการพัฒนาเมืองอัจฉริยะน่าอยู่จากภาคเอกชน มูลค่ารวมกว่า 40,000 ล้านบาท สามารถยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชนไทยได้มากกว่า 16 ล้านคน ซึ่ง ดีป้า พร้อมที่จะดำเนินการร่วมกับเจ้าของพื้นที่ในการให้คำปรึกษา ขับเคลื่อนให้เกิดการพัฒนาเมืองอัจฉริยะทั่วประเทศ ผ่านเกณฑ์การพิจารณา ประกอบด้วย การกำหนดพื้นที่และเป้าหมายที่ชัดเจน มีแนวทางพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเมือง มีระบบจัดเก็บและบริหารข้อมูลเมืองที่ปลอดภัย มีบริการเมืองอัจฉริยะตามลักษณะ 7 ด้าน คือ Smart Environment, Smart Living, Smart People, Smart Mobility, Smart Governance, Smart Living และ Smart Energy นอกจากนี้ ยังมีการคัดเลือกตัวแทนคนรุ่นใหม่ 30 คนจากทั่วประเทศเป็น ‘นักส่งเสริมดิจิทัลพัฒนาเมืองรุ่นใหม่ (The Smart City Ambassadors)’ เพื่อร่วมพัฒนาเมืองอัจฉริยะในบ้านเกิด อีกทั้งมุ่งให้เกิดการขับเคลื่อนภาคประชาชนอย่างเป็นรูปธรรม

ที่มา : facebook.com/PPRPThailand/
เมื่อวันที่ : 24 ธันวาคม 2564

‘บิ๊กป้อม’ คุมเข้มค้ามนุษย์ ดันไทยขึ้น เทียร์ 2 ในปี 65 ยกระดับความปลอดภัย

,

‘บิ๊กป้อม’ คุมเข้มค้ามนุษย์ ดันไทยขึ้น เทียร์ 2 ในปี 65 ยกระดับความปลอดภัยหนุนธุรกิจท่องเที่ยวคุ้มครองเด็ก

เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ (ปคม.) ครั้งที่ 4/2564 และคณะกรรมการประสานและกำกับการดำเนินงานป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ (ปกค.) ครั้งที่ 6/2564

โดยที่ประชุม ปคม. ได้รับทราบความคืบหน้าและแนวทางจัดตั้งศูนย์คัดแยกผู้เสียหายดอนเมือง เพื่อยกระดับประสิทธิภาพในการคัดแยกผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ ตามข้อเสนอแนะในรายงานสถานการณ์การค้ามนุษย์ของสหรัฐอเมริกา (TIP Report) นำเทคโนโลยีและระบบฐานข้อมูลมาช่วยในกระบวนการคัดกรอง คัดแยกเพิ่มประสิทธิภาพการช่วยเหลือ คุ้มครอง และฟื้นฟูเยียวยาสภาพจิตใจโดยยึดผู้เสียหายเป็นศูนย์กลาง ให้เป็นไปตามหลักมาตรฐานสากล รับทราบแผนการดำเนินงานภายใต้โครงการ ASEAN-ACT ประจำปี 2565 และรายงานสถานะการเงิน การบริหารการติดตามตรวจสอบ และประเมินผลกองทุนเพื่อการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ การประชุมฯ ครั้งนี้ เห็นชอบร่างรายงานผลการดำเนินงานป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ของประเทศไทย ปี 2564 เพื่อเรียนนายกรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบ ก่อนส่งให้สหรัฐฯ ใช้ประเมินจัดระดับประเทศไทยในรายงาน TIP Report ปี 2565 เห็นชอบการแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์เพื่อยึดทรัพย์อันได้มาจากการกระทำผิด เข้ากองทุนเพื่อการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์และให้สามารถนำเงินไปช่วยเหลือ เยียวยา และชดใช้ให้กับผู้เสียหายได้ รวมทั้ง หลักการให้พิจารณาแนวทางปรับปรุงกฎหมายที่เป็นอุปสรรคต่อการปฏิบัติงาน ให้สอดคล้องกับข้อเสนอใน TIP Report และพันธกรณีระหว่างประเทศ

นอกจากนี้ ที่ประชุมเห็นชอบแต่งตั้งคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนโครงการส่งเสริมธุรกิจท่องเที่ยวที่ปลอดภัยและเป็นมิตรกับเด็ก (Child Safe Friendly Tourism Project) โดยมี พล.ต.อ.ดร.ธรรมศักดิ์ วิชชารยะ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง เป็นประธาน มีกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นเจ้าภาพหลัก กรมการท่องเที่ยว และกองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว เป็นเลขานุการร่วม เพื่อบูรณาการภาคีเครือข่ายภาครัฐ เอกชน และ NGOs ที่เกี่ยวข้อง สร้างมาตรการเชิงรุกด้านการท่องเที่ยวที่ปกป้องและคุ้มครองเด็กจากการค้ามนุษย์ และการแสวงหาประโยชน์ทางเพศจากเด็กทุกรูปแบบ กำหนดมาตรการจูงใจด้านภาษีแก่ภาคธุรกิจ และยกระดับจากโครงการนำร่องในภูมิภาคเป็นโครงการระดับประเทศ ลบภาพลักษณ์ SEX Tourism ผลักดันการท่องเที่ยวไทยเชิงคุณภาพสู่มาตรฐานสากล รองรับการฟื้นฟูทางเศรษฐกิจของประเทศ

สำหรับที่ประชุม ปกค.ได้รับทราบรายงานของสำนักคดีค้ามนุษย์ สำนักงานอัยการสูงสุด โครงการนำข้อมูลหรือสถิติคดีค้ามนุษย์มาวิเคราะห์ในการป้องกันและปราบปรามดำเนินคดีค้ามนุษย์ เพื่อใช้ปรับปรุงกระบวนการยุติธรรมให้มีประสิทธิภาพ รับทราบผลงานของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในการสืบสวนสอบสวนคดีค้ามนุษย์ผ่านช่องทางออนไลน์ของขบวนการอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลอกคนไทยไปบังคับใช้แรงงานและค้าประเวณีในประเทศปลายทางเพื่อย้ำเตือนให้ประชาชนระมัดระวังมิให้ตกเป็นเหยื่อค้ามนุษย์ หรือหลงเชื่อการชักชวนให้เข้าร่วมในการกระทำความผิดซ้ำเติมคนไทยด้วยกันเอง นอกจากนี้ เห็นชอบร่างหลักสูตรการฝึกอบรมพัฒนาศักยภาพผู้ปฏิบัติงานด้านการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ระยะเร่งด่วน โดยมอบกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เป็นเจ้าภาพจัดอบรม ร่วมกับโครงการ ASEAN-ACT และมูลนิธิ IJM และกำชับให้หน่วยงานส่งเจ้าหน้าที่ที่มีความรู้และประสบการณ์เข้ามาฝึกอบรม เพื่อพัฒนาให้เป็นผู้ชำนาญการ/ เชี่ยวชาญเฉพาะทาง ให้การสนับสนุนการปฏิบัติในพื้นที่ต่อไป

ด้าน พล.ต.อ.ดร.ธรรมศักดิ์ กล่าวด้วยว่า ภาพรวมในการแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ตามข้อเสนอแนะใน TIP Report มีความก้าวหน้าทั้ง 15 ข้อ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การยกระดับมาตรฐานปฏิบัติงาน (SOP) ในการคัดแยก ประเมินความช่วยเหลือ และออกใบรับรองผลกระทบทางจิตใจของผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ ซึ่งได้รับเสียงตอบรับเป็นอย่างดียิ่ง ถือว่าเป็นความก้าวหน้าที่สำคัญในปี 2564 และจะเห็นผลชัดเจนในห้วงเวลาประเมินจัดลำดับเทียร์ค้ามนุษย์ในปี 2565

พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ขอกำชับให้คณะอนุกรรมการ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งรัดดำเนินการต่อต้านการค้ามนุษย์ให้เห็นผลเป็นรูปธรรม และบังคับใช้กฎหมายให้เด็ดขาด รวมทั้งเอาผิดกับเจ้าหน้าที่ที่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการค้ามนุษย์ เพื่อแสดงความจริงใจต่อการแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ให้หมดสิ้นไป และผลักดันให้ประเทศไทยขยับขึ้นเทียร์ 2 ตามเป้าหมายในปี 2565

ที่มา : facebook.com/PPRPThailand/
เมื่อวันที่ : 23 ธันวาคม 2564

“พล.อ.ประวิตร”ถกคณะกรรมการผังเมืองแห่งชาติผ่านร่างธรรมนูญผังเมืองฉบับแรก

,

“พล.อ.ประวิตร”ถกคณะกรรมการผังเมืองแห่งชาติผ่านร่างธรรมนูญผังเมืองฉบับแรก กำหนดทิศทางทำผังเมืองสอดรับบริบทผังเมืองประเทศยึดประชาชนได้ประโยชน์

เมื่อวันที่ 22 ธันวาคม ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายการผังเมืองแห่งชาติ ครั้งที่ 1/2564 โดยมีพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยในฐานะรองประธานกรรมการ นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ในฐานะกรรมการและเลขานุการ และนายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมืองในฐานะกรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ เข้าร่วมประชุม

ทั้งนี้การประชุมคณะกรรมการนโยบายการผังเมืองแห่งชาติ ครั้งนี้ มีความสำคัญต่อการพัฒนาด้านการผังเมืองของประเทศไทยอย่างยิ่ง เนื่องจากคณะกรรมการฯได้เห็นชอบ (ร่าง) ธรรมนูญว่าด้วยการผังเมือง ตามที่คณะกรรมการนโยบายการผังเมืองแห่งชาติได้มอบหมายให้ กระทรวงมหาดไทยโดยกรมโยธาธิการและผังเมืองดำเนินการ ซึ่งกรมฯจัดให้มีกระบวนการมีส่วนร่วมโดยได้รับความคิดเห็นจากทุกภาคส่วนกับงานผังเมืองผ่านการประชุม เชิงปฎิบัติการในพื้นที่จังหวัดต่าง ๆ รายภาคครอบคลุมทุกจังหวัดทั่วประเทศ จากนั้นจึงได้สอบถามความคิดเห็นจากหน่วยงาน/บุคคลที่เกี่ยวข้อง จำนวนกว่า 500 หน่วยงาน/บุคคล และได้นำข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะทั้งหมดมาวิเคราะห์กลั่นกรอง เพื่อให้เป็นธรรมนูญว่าด้วยการผังเมือง ที่สอดคล้องกับบริบทด้านการผังเมืองของประเทศไทยมากที่สุด โดย (ร่าง) ธรรมนูญว่าด้วยการผังเมืองฉบับนี้ ประกอบด้วยหลักการเชิงนโยบาย 7 ข้อ หลักการพื้นฐาน 14 ข้อ และหลักการเชิงพื้นที่ 5 ข้อ รวมทั้งหมด 26 ข้อ เพื่อใช้เป็นหลักการพื้นฐานที่ผู้ที่เกี่ยวข้องกับการผังเมืองพึงปฏิบัติ ซึ่งจะได้เสนอต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณา และเมื่อคณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบแล้วจะมีผลผูกพันหน่วยงานของรัฐ และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องที่จะต้องดำเนินการต่อไปตามหน้าที่และอำนาจของตน ทั้งนี้ กรมโยธาธิการและผังเมืองจะได้จัดทำคู่มือประกอบธรรมนูญว่าด้วยการผังเมืองเพื่อใช้เป็นแนวทางในการดำเนินการตามธรรมนูญว่าด้วยการผังเมืองนี้ ต่อไป

นอกจากนี้คณะกรรมการฯ ยังได้พิจารณาให้ความเห็นชอบ ในเรื่องที่มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการผังเมืองอีกสองเรื่อง คือ (ร่าง) ประกาศคณะกรรมการผังเมือง เรื่องหลักเกณฑ์และวิธีการรับฟังความคิดเห็น การปรึกษาหารือและการมีส่วนร่วมของประชาชน ในการวางและจัดทำผังเมืองรวม พ.ศ. … ซึ่งกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการรับฟังความคิดเห็นและการมีส่วนร่วมของประชาชน โดยให้มีการประชาสัมพันธ์ให้ทราบด้วยวิธีการที่หลากหลาย และสนับสนุนให้เกิดการมีส่วนร่วมของประชาชน รวมทั้งได้เห็นชอบ (ร่าง) รายงานประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 เกี่ยวกับการปฏิบัติตามพระราชบัญญัติการผังเมือง พ.ศ. 2562 ที่กรมโยธาธิการและผังเมืองได้จัดทำเพื่อเผยแพร่ให้ประชาชนได้รับทราบถึงสภาวการณ์และผลการดำเนินการด้านการผังเมืองของประเทศที่เกิดขึ้นในรอบปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 อีกด้วย

พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ถึงแม้ว่าในขณะนี้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 จะยังไม่คลี่คลายลง แต่ภารกิจด้านอื่น ๆ ของประเทศ ยังคงมีความจำเป็นที่จะต้องดำเนินการ เพื่อให้ประเทศ ได้มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องสำหรับข้อเสนอแนะ และข้อสังเกตต่างๆ ที่กรรมการได้ให้ไว้ในวันนี้ เป็นประโยชน์อย่างยิ่ง ขอให้ฝ่ายเลขาฯ นำข้อเสนอแนะดังกล่าว ไปพิจารณาดำเนินการ และรายงานความคืบหน้าต่อคณะกรรมการฯ ในโอกาสที่เหมาะสม ต่อไป

ที่มา : facebook.com/PPRPThailand/
เมื่อวันที่ : 22 ธันวาคม 2564