โลกเปลี่ยน ไทยต้องปรับ ทางเลือกใหม่ของการเมืองไทย ก้าวข้ามความขัดแย้ง สานพลังประชาราษฎร์ ร่วมสร้างชาติให้ยั่งยืน

ป้ายกำกับ: ข่าวกิจกรรมพรรค

“พล.อ.ประวิตร” ปลื้ม ไทยได้ประกาศเกียรติบัตรขึ้นทะเบียน กลุ่มป่าแก่งกระจาน มรดกโลก

,

“พล.อ.ประวิตร” ปลื้ม ไทยได้ประกาศเกียรติบัตรขึ้นทะเบียน กลุ่มป่าแก่งกระจานเป็นมรดกโลก ดันพื้นที่อันดามันต่อเนื่อง กระตุ้นเศรษฐกิจการท่องเที่ยว

เมื่อวันที่ 20 มกราคม ที่ห้องประชุมมูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อ 5 จังหวัด พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการแห่งชาติว่าด้วยอนุสัญญาคุ้มครองมรดกโลก ครั้งที่ 1/2565 ผ่านวีดิทัศน์ทางไกล (Video Conference) โดยมีนายอิทธิพล คุณปลื้ม รมว.กระทรวงวัฒนธรรม นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยมี ดร.พิรุณ สัยยะสิทธิ์พานิช เลขาธิการสำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นกรรมการและเลขานุการ

พล.อ.ประวิตร ในฐานะประธานกรรมการแห่งชาติว่าด้วยอนุสัญญาคุ้มครองมรดกโลก เป็นประธานในการมอบประกาศเกียรติบัตรรับรองการขึ้นทะเบียน พื้นที่กลุ่มป่าแก่งกระจาน ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นแหล่งมรดกโลกทางธรรมชาติ จากองค์การการศึกษา วิทยาศาสตร์ และวัฒนธรรม แห่งสหประชาชาติ ในการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกสมัยสามัญ ครั้งที่ 44 เมื่อปี พ.ศ. 2564 โดยนายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นผู้รับมอบ

ที่ประชุมได้พิจารณาและเห็นชอบ (ร่าง) เอกสารการรายงานสถานภาพการอนุรักษ์ พื้นที่กลุ่มป่าดงพญาเย็น – เขาใหญ่ และมอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการตรวจสอบความถูกต้องและครบถ้วนของเอกสารดังกล่าวก่อนจัดส่งให้ศูนย์มรดกโลกเพื่อนำเสนอต่อคณะกรรมการมรดกโลกพิจารณาในการประชุมสมัยสามัญ ครั้งที่ 45 ในปี พ.ศ. 2565 ต่อไป ทั้งนี้ การจัดทำเอกสารดังกล่าวเป็นการรายงานผลการดำเนินงานในด้านต่างๆ ของราชอาณาจักรไทย ตามข้อมติของคณะกรรมการมรดกโลก เพื่อปกป้อง คุ้มครอง และดูแลรักษาแหล่งมรดกโลกพื้นที่กลุ่มป่าดงพญาเย็น–เขาใหญ่ ให้คงคุณค่าสืบไป

นอกจากนี้ ยังเห็นชอบให้มีการแต่งตั้งคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนการนำเสนอพื้นที่แหล่งอนุรักษ์ทะเลอันดามันเป็นมรดกโลกเพื่อขับเคลื่อนและกำกับ การดำเนินงานในการนำเสนอพื้นที่แหล่งอนุรักษ์ทะเลอันดามัน ในพื้นที่จังหวัดระนอง พังงา และภูเก็ต ให้ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นแหล่งมรดกโลกทางธรรมชาติ ทั้งนี้ หากพื้นที่แหล่งอนุรักษ์ทะเลอันดามันได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นแหล่งมรดกโลก นอกจากจะสร้างความภาคภูมิใจและความตระหนักถึงคุณค่าความสำคัญของทรัพยากรให้กับประชาชนในพื้นที่แล้ว ยังส่งเสริมการท่องเที่ยวและช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจภายหลังสถานการณ์การแพร่ระบาดของ เชื้อไวรัสโคโรนา – 19 ให้กับชุมชนและภาคส่วนต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องได้ทั้งทางตรงและทางอ้อมอีกด้วย

พลเอกประวิตร กล่าวว่า วันนี้ ได้ให้ความเห็นชอบ เรื่องที่ได้มีการพิจารณาจำนวน 3 เรื่องขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในแต่ละเรื่อง นำความเห็นของ คณะกรรมการแห่งชาติ ว่าด้วยอนุสัญญาคุ้มครองมรดกโลก ไปดำเนินการตามขั้นตอน ต่อไปและ ขอขอบคุณ กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ทุกท่าน ที่ได้ปฏิบัติหน้าที่ ในการให้ข้อคิดเห็นและข้อเสนอต่อการดำเนินงานของ คณะกรรมการแห่งชาติ ว่าด้วยอนุสัญญาคุ้มครองมรดกโลกเป็นอย่างดี

ที่มา : facebook.com/PPRPThailand/
เมื่อวันที่ : 20 มกราคม 2565

พล.อ.ประวิตร เร่งพัฒนาท้องถิ่น ยกระดับคุณภาพชีวิตปชช. ประชุม อ.ก.บ.ภ.

,

พล.อ.ประวิตร เร่งพัฒนาท้องถิ่น ยกระดับคุณภาพชีวิตปชช. ประชุม อ.ก.บ.ภ. เห็นชอบแผนพัฒนาจังหวัด/กลุ่มจังหวัด ภาคกลางปี 66-70 มุ่งสู่ความเจริญ อย่างยังยืน

เมื่อ 19 ม.ค.65 พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุม คณะอนุกรรมการบูรณาการนโยบายพัฒนาภาคกลาง (อ.ก.บ.ภ.ภาคกลาง) ครั้งที่1/ 2565 ณ ห้องประชุม 521 อาคาร 5 สศช. โดย พล.ต.พัชร์ชศักดิ์ ปฏิรูปานนท์ ผช.โฆษก รองนายกรัฐมนตรีได้รายงานการ

ประชุมเห็นชอบ แผนพัฒนาจังหวัดและกลุ่มจังหวัด ภาคกลาง พ.ศ. 2566-2570 ทั้ง 17 จังหวัด และ 4 กลุ่มจังหวัด ประกอบด้วยภาคกลางตอนบน(6จังหวัด), ภาคกลางปริมณฑล(4จังหวัด), ภาคกลางตอนล่าง1 (3จังหวัด) และภาคกลางตอนล่าง2 (4จังหวัด) เพื่อพัฒนาท้องถิ่นและยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนให้สอดคล้องกับความต้องการของแต่ละพื้นที่ และเชื่อมโยงกับยุทธศาสตร์ชาติ/แผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่13 (ปี66-70) และเห็นชอบแผนปฎิบัติราชการประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2566 ของจังหวัดและกลุ่มจังหวัด ภาคกลางโดยมอบให้จังหวัดและกลุ่มจังหวัด ติดตามผลการจัดสรรงบประมาณและบูรณาการแผนงานโครงการด้านการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำให้สอดคล้องแผนฯทรัพยากรน้ำของประเทศ พร้อมเร่งรัดโครงการให้แล้วเสร็จตามกรอบเวลา อย่างเคร่งครัด

พล.อ.ประวิตร ได้กำชับ คณะอนุกรรมการฯ และทุกส่วนราชการที่เกี่ยวข้องให้กำกับ ติดตามแผนงาน/โครงการให้เป็นไปตามมติ อ.ก.บ.ภ. ภาคกลางและนโยบายของ ก.บ.ภ.ซึ่งมี นายกรัฐมนตรีเป็นประธาน โดยยึดประชาชนในพื้นที่เป็นศูนย์กลางการพัฒนา มีการบูรณาการทำงาน ร่วมกัน มุ่งผลสัมฤิทธิ์ให้ประชาชนได้รับประโยชน์โดยตรง ส่งเสริมการพัฒนาท้องถิ่นและประเทศชาติ อย่างเป็นรูปธรรม ต่อไป

ที่มา : facebook.com/PPRPThailand/
เมื่อวันที่ : 19 มกราคม 2565

“พล.อ.ประวิตร” เตรียมลงชัยนาท-สิงห์บุรี ติดตามสถานการณ์ภัยแล้ง

,

“พล.อ.ประวิตร”เตรียมลงชัยนาท-สิงห์บุรี ติดตามสถานการณ์ภัยแล้ง เร่งแผนบริหารจัดการน้ำช่วยเกษตรกรประชาชนลุ่มน้ำเจ้าพระยา

“พล.อ.ประวิตร” ห่วงสถานการณ์น้ำภาคกลางช่วงแล้ง เตรียมลงพื้นที่ชัยนาท-สิงห์บุรี 24 ม.ค.นี้ วางแผนจัดการน้ำเพื่ออุปโภค-บริโภค และการเกษตร หลังพบน้ำต้นทุน 4 หลักยังมีน้อย โดยเฉพาะพื้นที่ลุ่มเจ้าพระยา

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี มีแผนลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำในภาพรวมในพื้นที่ภาคกลาง เพื่อรับฟังความก้าวหน้าการดำเนินการของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตาม 9 มาตรการรองรับสถานการณ์แล้ง การบริหารจัดการน้ำในช่วงฤดูแล้งและมาตรการรองรับสถานการณ์ขาดแคลนน้ำในช่วงฤดูแล้ง 64/65 แผนบริหารจัดการการเพาะปลูกพืชฤดูแล้งในเขตพื้นที่ลุ่มเจ้าพระยา รวมถึงแผนการปลูกข้าวนาปรังในเขตพื้นที่พื้นที่ลุ่มต่ำที่ได้รับผลกระทบจากอุทกภัย ในพื้นที่ จ.ชัยนาท และสิงห์บุรี หลังได้รับรายงานสถานการณ์น้ำ 4 เขื่อนหลักลุ่มน้ำเจ้าพระยา ได้แก่ เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิตติ์ เขื่อนแควน้อยฯ และเขื่อนป่าสักฯ มีปริมาณน้ำรวม 13,651 ล้าน ลบ.ม. หรือ 55% ของความจุอ่างฯ รวมกัน ปริมาณน้ำใช้การ 6,992 ล้าน ลบ.ม. หรือ 39% ซึ่งถือว่าอยู่ในเกณฑ์น้ำน้อย

ปัจจุบันมีการใช้น้ำไปแล้วประมาณ 2,072 ล้าน ลบ.ม. โดยมีความเป็นห่วงพื้นที่กลางที่อาจจะประสบปัญหาในช่วงแล้งนี้ จึงจำเป็นต้องมีการบริหารจัดการน้ำให้เป็นไปตามแผนเพื่อให้ไม่กระทบกับกิจกรรมการใช้น้ำ โดยเฉพาะเรื่องน้ำอุปโภค-บริโภค

พร้อมทั้งได้กำชับให้คณะอนุกรรมการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำรายภาคในพื้นที่ภาคกลาง ซึ่งมีหน้าที่ในการให้คำแนะนำ กำกับ ประสานการปฏิบัติ รวมถึงเสนอแนะแนวทางในการแก้ไขปัญหาอุปสรรคให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำไปดำเนินการ โดยคำนึงถึงแผนการบริหารจัดการความเสี่ยงและแผนเผชิญเหตุรองรับสถานการณ์น้ำภัยแล้งในบางพื้นที่ไว้ล่วงหน้าด้วย รวมถึงเร่งรัดติดตามแผนงานโครงการการพัฒนาแหล่งน้ำในพื้นที่ที่จะนำไปสู่การแก้ไขปัญหาอุปสรรคและบูรณาการการดำเนินงานของหน่วยงานในการแก้ไขปัญหาด้านน้ำให้ประชาชนในพื้นที่ให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน

ที่มา : facebook.com/PPRPThailand/
เมื่อวันที่ : 17 มกราคม 2565

พปชร. ขอบพระคุณกว่า 7 หมื่นเสียงพี่น้องชาวชุมพร เขต 1 สงขลา เขต 6

,

พปชร. ขอบพระคุณกว่า 7 หมื่นเสียงพี่น้องชาวชุมพร เขต 1 สงขลา เขต 6 ให้ความไว้วางใจเลือกผู้สมัครของพรรค พลเอกประวิตร ย้ำทุกเสียง จะเป็นกำลังใจให้พรรคเดินหน้าแก้ปัญหาปากท้องประชาชน พร้อมแสดงความยินดี กับผู้ชนะเลือกตั้งอย่างไม่เป็นทางการ ในฐานะพรรคร่วมรัฐบาล

วันที่ 16 มกราคม 2565 ดร.พัชรินทร์ ซำศิริพงษ์ ส.ส.กทม.เขต2 ในฐานะโฆษกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เปิดเผยว่า พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค ขอขอบพระคุณ ทุกคะแนนเสียงจากพี่น้องชาวชุมพรเขต 1 และพี่น้องชาวสงขลา เขต 6 ที่มอบให้กับพรรคพลังประชารัฐ ในการเลือกตั้งซ่อม ภายหลังรู้ผลคะแนนอย่างไม่เป็นทางการ ว่าถือเป็นกำลังใจ ที่จะมุ่งมั่นในการทำงานต่อไป ซึ่งแม้จะปราชัยในครั้งนี้ แต่เสียงสนับสนุน ของพี่น้องประชาชน ทั้ง 2 เขต กว่า 7 หมื่นเสียง และในหลายพื้นที่คะแนนของพรรคก็มาเป็นอันดับ 1 สิ่งเหล่านี้จะเป็นกำลังใจ ให้พรรคเดินหน้าทำงานเพื่อพี่น้อง แก้ปัญหาปากท้องให้กับประชาชนต่อไป นอกจากนี้ พลเอกประวิตร ยังขอแสดงความยินดี กับผู้ชนะเลือกตั้งครั้งนี้ ที่จะได้เข้ามาทำหน้าที่เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ในฐานะพรรคร่วมรัฐบาลด้วย และเชื่อมั่นว่า จะร่วมกันเดินหน้า ขับเคลื่อนประเทศ ต่อไป

ด้าน นายชวลิต อาจหาญ ผู้สมัครชุมพรเขต 1 ยืนยันที่จะทำหน้าที่ดูแลพี่น้องชาวชุมพร อย่างต่อเนื่องด้วยความสามารถ และความพร้อมในการทำงานอาสาเพื่อประชาชน ภายใต้การนำของพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค ตามเป้าหมายของพรรค ที่ต้องการยกระดับคุณภาพชีวิตของพี่น้องประชาชนชาวชุมพร ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง

เช่นเดียวกับนายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ ผู้สมัครสงขลา เขต 6 ที่ขอยืนยันว่าทุกคะแนนเสียงที่มอบให้จะไม่สูญเปล่า ตนและพรรคพลังประชารัฐ จะไม่ทอดทิ้งพี่น้องประชาชนในพื้นที่จ.สงขลา และจะทำงานในพื้นที่อย่างเต็มความสามารถ

ที่มา : facebook.com/PPRPThailand/
เมื่อวันที่ : 17 มกราคม 2565

“พล.อ.ประวิตร” อ้อนคนสะเดา ท่ามกลางผู้คนเนืองแน่น ปราศรัยขอคะแนนประชาชน

,

“พล.อ.ประวิตร” อ้อนคนสะเดา ท่ามกลางผู้คนเนืองแน่น ปราศรัยขอคะแนนประชาชนเลือก “อนุกูล” เบอร์ 3 คนรุ่นใหม่

“พล.อ.ประวิตร” นำทีมปราศรัยโค้งสุดท้าย สู้ศึกเลือกตั้งซ่อมเขต 6 สงขลา ฝาก “อนุกูล” เบอร์ 3 คนรุ่นใหม่มาพัฒนาเมืองสงขลา ด้าน”ธรรมนัส”โต้กระแสดราม่า ยันไม่เคยดูถูกคนจน เพราะเติบโตจากข้าวและน้ำของพี่น้องชาวใต้ ย้อนฝ่ายตรงข้ามกลัวแพ้อย่าตีรวนสาดโคลน ยกเบอร์ 3 “น้องโบ๊ต ส.ส.พลังประชารัฐ”

วันที่ 14 มกราคม 2565 เวลา 18:00 น. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) นำทีม ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ, นายสุชาติ ชมกลิ่น กรรมการบริหารพรรคฯ ในฐานะผู้อำนวยการเลือกตั้งซ่อม เขต 6 สงขลา, นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดีอีเอส, นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง, พล.อ.ณัฐ อินทรเจริญ ที่ปรึกษารองนายกรัฐมนตรี, นางสาวพัชรินทร์ ซำศิริพงษ์ โฆษกพรรคฯ, นางสาวกานต์กนิษฐ์ แห้วสันตติ ส.ส.พปชร. เขต 1 กทม. และทีม ส.ส. อีกกว่า 20 คน ขึ้นเวทีปราศรัยใหญ่หาเสียงช่วย นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ (น้องโบ๊ต) ผู้สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.เขต 6 สงขลา เบอร์ 3 โดยการปราศรัยครั้งนี้เป็นเวทีใหญ่ครั้งสุดท้ายก่อนจะมีการเลือกตั้งซ่อม ส.ส.ในวันอาทิตย์ที่ 16 มกราคม 2565 ซึ่งการเลือกตั้งครั้งนี้มีประชาชนให้ความสนใจเป็นจำนวนมาก เนื่องจาก ผู้สมัครที่พรรคส่งเป็นคนรุ่นใหม่ ที่มีความรู้ความสามารถ เข้าไปช่วยเหลือพี่น้องประชาชน และเป็นตัวแทนของประชาชนได้อย่างแท้จริง ซึ่งกิจกรรมครั้งนี้ เป็นอีกเวทีครั้งสำคัญให้ประชาชนได้มีโอกาสรับฟังนโยบายและทิศทาง ของการเข้าไปเป็นตัวแทนในพื้นที่สงขลา และมีความเข้มงวดในการใช้มาตรการดูแล คัดกรอง ตามมาตรการสาธารณสุขเพื่อป้องกันการแพร่ระบาดภายใต้มาตรการป้องการโควิด-19 อย่างเคร่งครัด

ทั้งนี้ก่อนการปราศรัย บรรยากาศทั่วไป มีพี่น้องประชาชนทยอยเดินทางมาจับจองพื้นที่ที่ด้านหน้าเวทีปราศรัยภายในโรงเรียนสะเดาขรรค์ชัยกัมพลานนท์อนุสรณ์ ต.สะเดา อ.สะเดา จ.สงขลา ตั้งแต่ก่อนเวลา 18.00 น. ผ่านการตรวจคัดกรอง เครื่องวัดอุณหภูมิที่ได้มาตรฐาน พร้อมการเว้นระยะห่างก่อนการเดินเข้าด้านใน ซึ่งก็เป็นไปด้วยความเรียบร้อย

เมื่อ พล.อ.ประวิตร ได้ขึ้นเวทีปราศรัยก็ได้รับเสียงปรบมือจากพี่น้องประชาชนที่ได้มีการนำดอกไม้มามอบให้กำลังใจพรรคพลังประชารัฐ โดย พล.อ.ประวิตร ได้พูดกับพี่น้องประชาชนถึงแนวทางนโยบายของพรรคพลังประชารัฐ ที่ต้องการให้มีความเป็นอยู่ที่ดี เพราะถือเป็นพื้นฐานที่สำคัญในการสร้างคนสร้างชาติในอนาคต ซึ่งแม้จะเป็นเรื่องที่ยาก แต่ที่ผ่านมาพรรคพลังประชารัฐก็ได้มีผลงานที่เป็นรูปธรรมให้เห็นแล้วทั้งเรื่องของรัฐสวัสดิการ โครงการคนละครึ่ง และที่กำลังอยู่ในขั้นตอนการดำเนินการ คือการคมนาคมทางรถไฟรางคู่ที่จะเป็นการเชื่อมต่อเศรษฐกิจสู่ภาคใต้

“วันนี้ มาขึ้นเวทีภาคใต้เป็นครั้งที่ 5 สำหรับสงขลา ถือเป็นครั้งที่ 2 ชาวสะเดามากันจำนวนมากให้กำลังใจน้องโบ๊ตเบอร์ 3 เป็นที่น่าชื่นชมอย่างมาก พรรคฯเรามาเพื่อรับใช้ประชาขน ขอให้มั่นใจว่าพรรคไม่ได้เป็นพรรรคเฉพาะกิจ เราจะเป็นพรรคที่เข้มแข็งทำงานเพื่อชาติ เพื่อประชาชนและสถาบันอันเป็นที่รักยิ่งของคนไทยทุกคน เราจะร่วมมือร่วมใจกันเป็นหนึ่งเดียว ผมขอฝากพรรคฯไว้กับชาวสะเดา ด้วยนะครับที่ วันที่ 16 มกราคมนี้ อย่างลืมไปลงคะแนนให้เบอร์ 3 เพราะฉะนั้นเราหวังอย่างยิ่งว่า ทุกท่านจะร่วมมือร่วมใจคะแนนให้น้องโบ๊ตที่เป็นลูกหลานชาวสะเดาโดยแท้จริง” พล.อ.ประวิตรย้ำในตอนท้าย

ด้านร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ ขึ้นเวทีปราศรัยท่ามกลางเสียงเชียร์และดอกไม้ให้กำลังใจอย่างล้นหลามว่า พี่น้องชาวสะเดาที่เคารพรัก วันนี้ถือว่าเป็นวันสำคัญของพี่น้องชาวสะเดา ทุกคนมาร่วมกันอยู่ตรงนี้เพื่อให้กำลังใจน้องโบ๊ต ส.ส. หลายท่านมาช่วยหาเสียง ตนเองได้ปราศรัยมาหลายเวทีทั่วประเทศ แต่ไม่เคยเห็นเสียงมหาชนเท่าที่นี่ พี่น้องชาวสะเดาออกมาอย่างเนืองแน่น เห็นแล้วอดดีใจแทนน้องโบ๊ตไม่ได้ ทั้งนี้ตนอยากจะกล่าวถึงวันที่ไปปราศรัย ช่วยน้องโบ๊ตที่หาดใหญ่ กลายเป็นดราม่า เปิดทีวีช่องไหนก็เห็นแต่ข่าวธรรมนัส- น้องโบ๊ต ดราม่ากันไป สะท้อนว่าเวทีนี้สู้กันยังไม่ถึงไหนก็ยอมแพ้กันแล้ว แม้แต่ท่านพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคฯ ปราศรัยเรื่องโครงการรัฐบาลต่างๆก็ดราม่า แบบนี้จะอยู่อย่างไร วันนี้ตนจึงไม่ต้องพูดถึงคุณสมบัติของน้องโบ๊ตอีก เพราะชาวสะเดารู้กันอยู่แล้วว่าเหมาะสม มีความรู้ มีความสามารถพร้อม วันที่ 16 มกราคมนี้ คงไม่ต้องถามว่าจะเลือกน้องโบ๊ตหรือไม่ ขอให้น้องโบ๊ต กราบงามๆ พี่น้องชาวสะเดาเลย 3 ครั้งเป็นการขอบคุณพี่น้องประชาชน

ทั้งนี้ จังหวัดสงขลา มีประวัติศาสตร์ที่ยาวนาน สมัยก่อนมีต่างชาติมาค้าขาย มีด่านชายแดนไปสู่มาเลเซีย ชาวบ้านได้ขายสินค้า ติดต่อกันไปมา ดังนั้นถามว่า ถ้าคนสงขลา โดยเฉพาะชาวสะเดาถ้าาไม่เลือกคนหนุ่มไฟแรง เป็นคนดี การศึกษาดีมีความพร้อมอย่างนี้ ไม่เอาคนนี้แล้วจะเอาใคร น้องโบ๊ตจะเป็นกำลัง และทำงานให้ลูกหลานเพื่อบ้านเมือง เพื่อประชาชนจะสืบสานต่อพัฒนา จังหวัดนี้ ซึ่งในอดีตท่านพลเอกเปรม ติณสูลานนท์ ได้สร้างบ้านแปงเมืองให้คนสงขลามาแล้ว

“ พี่น้องครับมีพี่น้องหลายคนถามผมว่า มีสื่อออกข่าวว่า บางท่านประกาศข่าวดีว่าราคา มาม่าไม่ขึ้นเป็นผลงานที่น่าภาคภูมิใจมากเหรอครับ ขณะที่พรรคเราไม่ได้พูดเอามัน ไม่เอาดีใส่ตัวเอาชั่วใส่คนอื่นกลืนน้ำลายตัวเอง พรรคเราไม่พูดมากแต่ทำอย่างเดียว ผมไม่ว่าใครนะครับ พี่น้องครับ ผมขอยืนยันว่าไม่ได้ดูถูกคนใต้ ผมโตมาจากน้ำและข้าวจากคนใต้ จะดูถูกคนใต้ได้อย่างไร จะดูถูกคนจนได้อย่างไร พ่อแม่ผมเป็นคนจน พ่อเป็นชาวนา จนมาเป็นผู้ใหญ่บ้าน ผมจะดูถูกคนจนได้อย่างไร หรือกลัวแพ้ กลัวแล้วกลัวอีก พี่น้องครับ วันนี้หากเป็นเซียนมวยก็ยกให้คนหนุ่มอย่างน้องโบ๊ตเป็น “น้องโบ๊ต ส. พลังประชารัฐ” เพราะฉะนั้น เพื่อให้ได้คะแนนไม่ใช่แค่พูด เราต้องทำต้องปฏิบัติครับ พรรคเราทำ พี่น้องครับหลังมีกระแสดราม่า ผมโทรถามทั้งท่านรัฐมนตรีสุชาติ ผอ.เลือกตั้งเขต 6 และน้องโบ๊ตว่า อึดอัดใจมั๊ย ทั้งสองคนตอบตรงกันว่า ไม่อึดอัดใจ ทุกคนพร้อมให้กำลังใจน้องโบ๊ต ผมจึงมาวันนี้ และมาฝากว่าวันที่ 16 มกราคมนี้ พี่น้องลืมอะไรได้ แต่อย่าลืมน้องโบ๊ต เบอร์ 3“ ร้อยเอกธรรมนัส กล่าว

ที่มา : facebook.com/PPRPThailand/
เมื่อวันที่ : 14 มกราคม 2565

“พล.อ.ประวิตร” สั่งทุกหน่วยงานเร่งแก้ปัญหา IUU พร้อมถกไทย-อียูคุ้มครองสัตว์ทะเล

,

“พล.อ.ประวิตร”สั่งทุกหน่วยงานเร่งแก้ปัญหาIUU พร้อมถกไทย-อียูคุ้มครองสัตว์ทะเลเลี้ยงลูกด้วยนม

เมื่อวันที่ 14 มกราคม ที่ ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายการประมงแห่งชาติ ครั้งที่ 1/2565 ผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์ (VDO Conference)

พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า การประชุมวันนี้ เพื่อรับทราบความก้าวหน้าตามข้อสั่งการและพิจารณาเรื่องปริมาณสัตว์น้ำที่อนุญาตให้ทำการประมง ในปีการประมง 2565 – 2566 พร้อมแนวทางและหลักเกณฑ์ และห้วงเวลายื่นขอรับ ใบอนุญาตทำการประมงพาณิชย์

พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ขอบคุณกรรมการ ที่สละเวลามาร่วมประชุม และให้ข้อคิดเห็น ให้ฝ่ายเลขาฯ นำไปพิจารณา และดำเนินการในเรื่องการแก้ไขปัญหา IUU ให้ทุกหน่วยงาน ดำเนินการตามนโยบายการต่อต้านการประมง IUU อย่างเข้มงวดและต่อเนื่อง เพื่อเป้าหมายการบริหารทรัพยากรประมงให้เกิดความยั่งยืน ให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ขับเคลื่อนแผนปฏิบัติการ MMPA ที่คณะกรรมการ ได้พิจารณาและให้ข้อคิดเห็น เพื่อให้บรรลุเป้าหมายของแผนในการคุ้มกรองสัตว์ทะเลเลี้ยงลูกด้วยนมและสร้างความเชื่อมั่นให้กับประเทศคู่ค้า

ทั้งนี้ นายเฉลิมชัย สุวรรณรักษ์ อธิบดีกรมประมง ในฐานะกรรมการและเลขานุการคณะกรรมการนโยบายฯ ได้รายงานการดำเนินการจัดทำรายงานความก้าวหน้าในการประชุมคณะทำงานร่วมไทย – อียู ในการต่อต้านการทำประมง IUU ครั้งที่ 5 ที่จะมีขึ้นในช่วงปลายเดือนมกราคม 2565 และความก้าวหน้าในการแก้ไขปัญหาผลกระทบของการทำประมงต่อสัตว์ทะเลเลี้ยงลูกด้วยนม พร้อมทั้งเสนอที่ประชุมเพื่อขอความเห็นชอบการจัดสรรปริมาณสัตว์น้ำ รวมทั้งแนวทาง หลักเกณฑ์ การยื่นขอใบอนุญาตทำการประมงพาณิชย์ รอบปีการประมง 2565 – 2566 แผนปฏิบัติการระดับชาติเพื่อการอนุรักษ์และบริหารจัดการสัตว์ทะเลเลี้ยงลูกด้วยนม พ.ศ. 2566 – 2570 และการขอรับจัดสรรงบกลาง ปีงบประมาณ พ.ศ.2565 สำหรับโครงการเร่งด่วนเพื่อการอนุรักษ์และบริหารจัดการสัตว์ทะเลเลี้ยงลูกด้วยนม

ที่มา : facebook.com/PPRPThailand/
เมื่อวันที่ : 14 มกราคม 2565

‘พล.อ.ประวิตร’ ประชุม กพต. เดินหน้าการแก้ความยากจน เร่งสร้างสันติสุข สร้างงาน

,

‘พล.อ.ประวิตร’ ประชุมกพต.เดินหน้าการแก้ความยากจน เร่งสร้างสันติสุข สร้างงาน 3 จังหวัดขับเคลื่อนศก.ชายแดนใต้

เมื่อวันที่ 13 มกราคม ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) ในฐานะ ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (กพต.) เป็นประธานการประชุมกพต. ครั้งที่ 1/2565 เพื่อพิจารณาและรับฟังความคืบหน้าการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ของส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง

โดยในที่ประชุม พล.ร.ต.สมเกียรติ ผลประยูรเลขา ศอ.บต. ในฐานะฝ่ายเลขานุการ กพต. ได้รายงานผลการขับเคลื่อนโครงการ “ตำบล มั่นคง มั่งคั่ง ยังยืน” เพื่อขจัดความยากจนและพัฒนาคนทุกช่วงวัย อย่างยั่งยืนตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง พื้นที่จชต. ผ่านโครงการนำร่อง “1 ข้าราชการ 1 ครัวเรือนยากจน” โดยพล.อ.ประวิตร ได้เน้นย้ำ การทำงานให้ยึดประชาชนเป็นศูนย์กลาง และกำหนดให้ปี 65 เป็น “ปีแห่งการแก้ปัญหาความยากจน” และรับทราบความสำเร็จ การดำเนินงานแก้ปัญหาการว่างงานของแรงงาน ที่กลับจากต่างประเทศเนื่องจากภาวะโควิด-19 สามารถแก้ปัญหาแรงงาน ระยะที่ 1 ได้ 3,748 คน ระยะที่ 2 ได้ 11,257 คนและระยะที่ 3 กำลังดำเนินการภายในมีนาคม 65 โดยตั้งเป้าไว้ 5,000 คน สั่งการให้กระทรวงแรงงาน ร่วมกระทรวงการต่างประเทศ ทบทวนและปรับปรุงระเบียบกฎหมายการทำงานต่างประเทศให้ทันสมัย รองรับการทำงานหลังโควิด-19 รวมทั้งได้รับทราบความสำเร็จ ในการพัฒนารูปแบบการทำงาน ด้านการเรียนรู้ภาษาไทยกลุ่มเป้าหมายเด็กอายุ 2-5 ขวบ โดยเด็กมีพัฒนาการด้านการใช้ภาษาไทยเพิ่มขึ้นตามลำดับ และพล.อ.ประวิตร ได้กำชับให้เร่งขยายผลการดำเนินการต่อไป

ที่ประชุมกพต.ได้พิจารณาเห็นชอบโครงการที่สำคัญ ได้แก่ การพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ภายใต้โครงการขยายผลการพัฒนาตามแนวพระราชดำริฯ “ครัวโรงเรียนสู่ครัวบ้าน” มุ่งสร้างทรัพยากรมนุษย์จากประถมศึกษาจนสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาและมาบรรจุเป็นข้าราชการของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ในพื้นที่บ้าน
พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ขอบคุณ ศอ.บต. กระทรวงต่างๆ และทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการดำเนินงาน ที่ผ่านมาโดยมีความก้าวหน้าและความสำเร็จเป็นรูปธรรม หลายโครงการ พร้อมขอให้มีการขับเคลื่อน ขยายผลให้มีการพัฒนามากยิ่งขึ้น ต่อไป กำชับกพต.ให้ร่วมกับส่วนราชการต่างๆ ในการกำกับดูแล แผนงานให้เป็นไปตามมติ เพื่อบรรลุเป้าหมายการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนในจชต. ให้มีความอยู่ดีกินดี มีการศึกษาที่ดี มีงานทำมีรายได้ ควบคู่การสร้างความเข้าใจ กับทุกฝ่าย เพื่อนำไปสู่ความมีสันติสุขในพื้นที่จชต.โดยเร็ว และยั่งยืน พร้อมนี้ สั่งการเน้นย้ำให้ทุกส่วนราชการร่วมมือกันผลักดันและทำงานให้เกิดผลสำเร็จเป็นธูปธรรมโดยเร็วที่สุด พร้อมมอบหมายให้ศอ.บต. ทำหน้าที่ฝ่ายเลขานุการประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้ดำเนินงานตามมติ กพต. และข้อสั่งการให้บรรลุผลเป็นรูปธรรมโดยเร็ว และมอบหมาย ศอ.บต. เป็นศูนย์กลางข้อมูลข่าวสารการพัฒนาเพื่อสนับสนุนข้อมูลของทุกส่วนราชการและภาคส่วนต่างๆ เพื่อให้กรมประชาสัมพันธ์ร่วมกับสื่อมวลชนของทุกส่วนราชการ และกระทรวงการต่างประเทศนำข้อมูลไปเผยแพร่และขยายผลการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนและจังหวัดชายแดนภาคใต้สู่สาธารณะ ในส่วนของการหารือพิจารณาเปิดการให้บริการท่าอากาศยานเบตง จ.ยะลา ศอ.บต. เสนอให้รัฐบาลสนับสนุนงบประมาณในช่วง 2 ปีแรก เนื่องจากกรมท่าอากาศยานมีรายได้ไม่เพียงพอในการรองรับการบริหารจัดการ เนื่องจากการระบาดของโรคโควิด-19

ทั้งนี้ที่ประชุมมีการเห็นชอบให้ดำเนินการในลำดับต่อไป และขอให้กระทรวงคมนาคม ร่วมกับกระทรวงการคลังและส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันทำงานเพื่อเปิดใช้สนามบินเบตงให้ได้ ภายในต้นปี 2565 ตามที่นายกรัฐมนตรีได้มีบัญชาไว้เมื่อหลายเดือนที่ผ่านมา รวมทั้ง พิจารณาให้ความเห็นชอบโครงการจัดตั้งห้องเรียนวิทยาศาสตร์หลักสูตรเข้มข้น และเตรียมการจัดตั้งโรงเรียนเทคโนโลยีและนวัตกรรม ,โครงการจัดตั้งหอเฉลิมพระเกียรติสถาบันพระมหากษัตริย์ กับการพัฒนา จชต. ,การพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนภายใต้แผนปฎิบัติการส่งเสริมวิถีไทยในจชต. พ.ศ.2565-2570 ,การสนับสนุนการขับเคลื่อนโครงการ “สานใจไทย สู่ใจใต้” และเห็นชอบการสนับสนุนให้เปิดท่าอากาศยานเบตง ปี 65-66 เพื่อส่งเสริมการกระตุ้นเศรษฐกิจ เพื่อให้เกิดการสร้างงาน สร้างรายได้ แก่ประชาชนในพื้นที่ ซึ่งการขับเคลื่อนการพัมนาทรัพยากรมนุษย์ข้างต้น เป็นไปตามข้อสั่งการของ ประธานกพต. ในการประชุมครั้งที่ 3/2564 ที่ผ่านมา โดยทุกภาคส่วนร่วมบูรณาการการทำงานร่วมกัน

ที่มา : facebook.com/PPRPThailand/
เมื่อวันที่ : 13 มกราคม 2565

“พล.อ.ประวิตร” ยกขุนพล พปชร.ปราศัยใหญ่ โค้งสุดท้ายช่วยทนายแดง เขต 1 ชุมพร

,

“พล.อ.ประวิตร” ยกขุนพล พปชร.ปราศัยใหญ่ โค้งสุดท้ายช่วยทนายแดง เขต 1 เบอร์ 4 ชุมพร ยัน พปชร.เข้มแข็งหนึ่งเดียว พร้อมเป็นพรรคจัดตั้งรัฐบาลต่อเนื่อง

“พล.อ.ประวิตร” ยกทีม “ร.อ.ธรรมนัส” ปราศรัยศึกเลือกตั้งโค้งสุดท้าย ชู “ทนายแดง” ส.ส.เขต 1 จ.ชุมพร ขุนพลหลักตัวแทนพรรคพลังประชารัฐแก้ปัญหาที่ดินทำกิน ปัญหาปากท้อง ขับเคลื่อนยกระดับเมืองชุมพรเป็นเมืองหน้าด่านการท่องเที่ยว ประตูเศรษฐกิจสู่ 14 จังหวัดภาคใต้

วันที่ 12 มกราคม 2565 เวลา 18:00 น. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ นำทีม ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรค, นายสันติ พร้อมพัฒน์ ผู้อำนวยการเลือกตั้งเขต 1 ชุมพร, นายอธิรัฐ รัตนเศรษฐ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม, ดร.พัชรินทร์ ซำศิริพงษ์ โฆษกพรรคและ ส.ส. พรรคพลังประชารัฐ ประกอบด้วย นายสัณหพจน์ สุขศรีเมือง ส.ส.นครศรีธรรมราช เขต 2, นายไผ่ ลิกค์ ส.ส.กำแพงเพชร เขต 1, นางสาวปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส. ราชบุรี เขต 3, นายสายัณห์ ยุติธรรม ส.ส.นครศรีธรรมราช เขต 7, นายนิพันธ์ ศิริธร ส.ส.ตรัง เขต 1, นายกรุง ศรีวิไล ส.ส.สมุทรปราการ, นายสุชาติ อุสาหะ ส.ส.เพชรบุรี เขต 3 ขึ้นเวทีปราศรัยหาเสียงช่วย “ทนายแดง” นายชวลิต อาจหาญ ผู้สมัคร ส.ส.เขต 1 เบอร์ 4 พรรคพลังประชารัฐ จังหวัดชุมพร ที่บริเวณด้านหน้าศาลาว่าการอำเภอเมืองชุมพร เพื่อยืนยันว่า “ทนายแดง” เปรียบเสมือนเป็นตัวแทนของพี่น้องประชาชนในการนำปัญหาที่เกิดขึ้นในพื้นที่มาวางแผนร่วมกับพรรคพลังประชารัฐในการดำเนินการแก้ไขให้สอดคล้องกับนโยบายพรรคฯ โดยเฉพาะในเรื่องการอยู่ดีกินดี ที่คู่ขนานไปกับการพัฒนาเปลี่ยนแปลงเมืองชุมพรให้ดีขึ้น ทั้งเศรษฐกิจ ท่องเที่ยว และเกษตรกรรม โดยบริเวณหน้าทางเข้าได้มีการตรวจคัดกรองป้องกันการแพร่ระบาดโควิด-19 ภายใต้มาตรการอย่างเคร่งครัด เนื่องจากมีประชาชนมาร่วมฟังนโยบายของพรรคในครั้งนี้จำนวนมาก ทันทีที่พล.อ.ประวิตร ขึ้นเวที ได้มีพี่น้องประชาชนให้การต้อนรับอย่างอบอุ่นพร้อมมอบดอกไม้ให้กำลังด้านหน้าเวทีจำนวนมาก

พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ตั้งใจเดินทางมาจังหวัดชุมพร เพราะรู้สึกอบอุ่น รวมถึงสมาชิก ส.ส.ของพรรคแต่ละคนที่เดินทางมาพร้อมกันก็เพื่อมายืนยันว่า “ทนายแดง” เหมาะสมที่จะสู้ในศึกชิงเลือกตั้งซ่อมในครั้งนี้ ในฐานะตัวแทนของพรรคพลังประชารัฐ ที่มีคะแนนเสียงอันดับที่ 1 ในการจัดตั้งรัฐบาล เพื่อสานต่องานนโยบาย รวมถึงการดูแลประเทศ สิ่งสำคัญคือการแก้ไขเรื่องปากท้องให้ประชาชนมีความกินดีอยู่ดี ด้วยการเข้าถึงสิทธิ์ขั้นพื้นฐานต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นโครงการคนละครึ่ง บัตรสวัสดิการรัฐ ที่ได้ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องและประสบผลสำเร็จ รวมถึงระบบคมนาคมรถไฟรางเพื่อการเชื่อมต่อระหว่างภาคลงสู่ภาคใต้ ในการที่จะให้ประชาชนสามารถสัญจรไปมาได้อย่างสะดวกและเพิ่มเศรษฐกิจให้เมืองชุมพร จึงเชื่อว่าหาก “ทนายแดง” ซึ่งเป็นคนในพื้นที่ชุมพรได้รับการเลือกตั้งเข้ามาก็จะทำหน้าที่ขับเคลื่อนพัฒนายกระดับเมืองชุมพรเมืองหน้าด่านแห่งเศรษฐกิจ 14 จังหวัดภาคใต้

“พรรคพลังประชารัฐ จะไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง โดยมุ่งในการทำนโยบายเพื่อประโยชน์ของประชาชนเป็นหลัก ด้วยความเข้มแข็ง เป็นหนึ่งเดียวของพรรคจะสามารถแก้ปัญหาให้ประชาชนกินดีอยู่ดี”

ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า คนในพื้นที่จะรับทราบถึงปัญหาดีที่สุด ซึ่ง “ทนายแดง” เป็นผู้ที่ลงพื้นที่แก้ปัญหาร่วมกับตนเองมาโดยตลอด ไม่ว่าจะเป็นปัญหาน้ำท่วมภาคใต้อย่างหนัก ที่เข้าไปช่วยประชาชนอย่างรวดเร็วที่สุด พร้อมยังวางแผนในระยะยาวเพื่อแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น ดังนั้นจึงเชื่อว่าจะเป็นคนที่เหมาะสมในการดูแลชาวชุมพรที่สานต่อนโยบายทันทีโดยมีฐานข้อมูลพื้นที่ที่ครอบคลุมในเขต 1 ที่จะทำให้การแก้ปัญหาเข้าถึงได้ทันที ดังนั้นประชาชนเชื่อมั่นได้ว่า “ทนายแดง” จะเป็นปากเสียงให้กับชาวชุมพร

ที่มา : facebook.com/PPRPThailand/
เมื่อวันที่ : 12 มกราคม 2565

“ธรรมนัส” เรียกคะแนนเสียงปชช.หนุนทนายแดง พร้อมเปลี่ยนแปลงเมืองชุมพร

,

“ธรรมนัส” เรียกคะแนนเสียงปชช.หนุนทนายแดง พร้อมเปลี่ยนแปลงเมืองชุมพร

“ธรรมนัส”นำทนายแดง ลุยหาเสียงช่วงโค้งสุดท้ายย่านตลาดสดเทศบาลเมืองชุมพร วังไผ่ ท่ายาง บางหมาก อ้อนชาวชุมพร ออกไปใช้สิทธิ์คะแนนเลือกเบอร์ 4 เพื่อเป็นปากเป็นเสียงพัฒนาเปลี่ยนแปลงเมืองชุมพร

วันที่ 12 มกราคม 2565 เวลาประมาณ 07.15 น. ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า ในฐานะเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) และ “ทนายแดง” นายชวลิต อาจหาญ ผู้สมัคร ส.ส.เขต 1 เบอร์ 4 พรรคพลังประชารัฐ จ.ชุมพร พร้อมทีมงาน ได้ลงพื้นที่พบปะทักทายประชาชนทั่วไปในย่านตลาดสดเทศบาลเมืองชุมพร โดยร้อยเอกธรรมนัส ได้แนะนำทนายแดง และขอฝากให้พี่น้องประชาชน ไปลงคะแนนเสียงให้ทนายแดง เพื่อมาช่วยดูแลชีวิตความเป็นอยู่ และพัฒนาเปลี่ยนแปลงเมืองชุมพรให้พัฒนาอย่างเข้มแข็ง ยั่งยืน โดยได้รับความสนใจจากประชาชน และพ่อ แม่ค้าในตลาดสดเทศบาลเมืองชุมพรอย่างมาก

จากนั้น ร้อยเอกธรรมนัส พร้อมด้วยทนายแดง และทีมงานยังขึ้นรถแห่ไปที่ตำบลวังไผ่ ตำบลท่ายาง และตำบลบางหมาก อำเมืองชุมพร เพื่อแนะนำ ทนายแดง เบอร์ 4 พร้อมขอให้เชื่อมั่นในนโยบายของพรรคพลังประชารัฐ ภายใต้การนำของพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ ที่ยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัติรย์เป็นพระประมุข และมีเป้าหมายหลักให้ประชาชนอยู่ดีกินดี เข้าถึงสวัสดิการแห่งรัฐ แก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำ ช่วยประชาชนที่ยากไร้มีที่ดินทำกิน พัฒนาอาชีพให้มีรายได้ยั่งยืน

ดังนั้น จึงขอเชิญชวนพี่น้องประชาชนในพื้นที่เขต 1 ไปร่วมกันใช้สิทธิ์ลงคะแนนเสียง เพื่อเลือกคนดี มีความรู้ ความสามารถอย่างทนายแดง เบอร์ 4 เพื่อเข้ามาช่วยกันทำงานเป็นปากเป็นเสียงเพื่อพี่น้องประชาชนต่อไป

ที่มา : facebook.com/PPRPThailand/
เมื่อวันที่ : 12 มกราคม 2565

พล.อ. ประวิตร ฯ ต้อนรับทูตจีนหลังรับตำแหน่งใหม่ หารือกระชับความสัมพันธ์

,

พล.อ.ประวิตรฯ ต้อนรับทูตจีนหลังรับตำแหน่งใหม่ หารือกระชับความสัมพันธ์ด้านเศรษฐกิจไทย-จีน

เมื่อ วันที่ 12 มกราคม นายหาน จื้อเฉียง (H.E. Mr. Han Zhiqiang) เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย เข้าเยี่ยมคารวะ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เพื่อแนะนำตัวเนื่องในโอกาสเข้ารับตำแหน่งเอกอัครราชทูตฯ ประจำประเทศไทย อย่างเป็นทางการ

พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ขอแสดงความยินดีกับเอกอัครราชทูตฯ ที่ได้รับการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งในประเทศไทย และใช้โอกาสนี้สวัสดีปีใหม่เอกอัครราชทูตฯ และเจ้าหน้าที่สถานเอกอัครราชทูตจีนประจำประเทศไทย ตนเชื่อมั่นว่าความรู้ ความสามารถ ประสบการณ์ และการทำงานเชิงรุกของเอกอัครราชทูตฯ จะมีบทบาทสำคัญในการพัฒนา หุ้นส่วนความร่วมมือเชิงยุทธศาสตร์อย่างรอบด้านระหว่างไทยกับจีนให้ก้าวหน้าต่อไป พร้อมให้การสนับสนุนการปฏิบัติหน้าที่เพื่อส่งเสริมความสัมพันธ์ระหว่างไทยกับจีนต่อไป
พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า โอกาสได้มีการหารือถึงความร่วมมือเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมจากสถานการณ์โควิด-19 และยินดีที่ทราบว่า รัฐบาลจีนมีแผนดำเนินมาตรการนำร่องให้นักศึกษาต่างชาติ รวมถึงนักศึกษาไทยเดินทางกลับไปศึกษาต่อที่จีนในโอกาสแรก และขอขอบคุณเอกอัครราชทูตฯ ที่มีบทบาทสำคัญในการผลักดันเรื่องดังกล่าว และขอบคุณจีนที่ให้ความเชื่อมั่นในคุณภาพของผลไม้ไทย พร้อมยืนยันให้จีนมั่นใจว่า กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ของไทยได้ดำเนินการตรวจสินค้าผลไม้ไทยตามมาตรฐานสุขอนามัยพืชและการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ตามมาตรการควบคุมการปนเปื้อนเชื้อที่จีนแนะนำ และเป็นไตามมาตรฐานสากล

นอกจากนี้ ทั้งสองฝ่ายยังหารือถึงความร่วมมือพหุภาคี โดยไทยและจีนต่างมีท่าทีร่วมกันในการรักษาระบบพหุภาคี หลักการการค้าเสรีที่เปิดกว้างและเป็นธรรม และระเบียบโลกบนพื้นฐานของกฎหมาย และกติการะหว่างประเทศ โดยพล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ขอบคุณที่จีนสนับสนุนการเป็นเจ้าภาพเอเปคของไทยในปีนี้ เพื่อร่วมกันเสริมสร้างภูมิภาคเอเชีย – แปซิฟิกที่เปิดกว้าง มีพลวัต ยืดหยุ่น สมดุล และยั่งยืน ไทยหวังว่าประธานาธิบดีสี จิ้นผิง จะเดินทางมาเยือนไทยเพื่อเข้าร่วมการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปคในช่วงปลายปี

ทั้งนี้ นายหาน จื้อเฉียง ได้ร่วมหารือกับพล.อ.ประวิตร เพื่อกระชับความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับไทยในด้านต่าง ๆ ที่ทั้งสองฝ่ายมีผลประโยชน์ร่วมกัน อาทิ การแลกเปลี่ยนการเยือนระดับสูง ความร่วมมือเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมภายหลังสถานการณ์โควิด-19 ความร่วมมือด้านสาธารณสุข และความร่วมมือด้านเทคโนโลยีดิจิทัล เป็นต้น เอกอัครราชทูตฯ ยังรู้สึกยินดีที่ได้มาปฏิบัติหน้าที่ในประเทศไทย และยืนยันสานต่อความสัมพันธ์และกระชับความร่วมมือให้เข็มแข็ง

ที่มา : facebook.com/PPRPThailand/
เมื่อวันที่ : 12 มกราคม 2565

‘ตรีนุช’ ลงพื้นที่สงขลามอบ กศน.จับมือ สพฐ.ดึงคนพิการกลับเข้าระบบการศึกษา

,

‘ตรีนุช’ ลงพื้นที่สงขลามอบ กศน.จับมือ สพฐ.ปักหมุดดึงคนพิการกลับเข้าระบบการศึกษา

เมื่อวันที่ 11 มกราคม น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 10 มกราคมที่ผ่านมา ตนพร้อมด้วย นายสุรศักดิ์ อินศรีไกร เลขาธิการสำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย (กศน.) และ นายวัลลพ สงวนนาม รองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) ได้ลงพื้นที่จังหวัดสงขลา เพื่อให้กำลังใจ ตรวจเยี่ยม และติดตามการดำเนินงานตามนโยบายของกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) และดูความพร้อมในการจัดการเรียนการสอนภาคเรียนที่ 2/2564 ท่ามกลางสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019(โควิด-19) โดยตนได้พบปะกับพูดคุยกับครู ผู้บริหาร และ บุคลากรทางการศึกษา ของโรงเรียนหาดใหญ่รัฐประชาสรรค์ ซึ่งเป็นโรงเรียนมัธยมศึกษาขนาดใหญ่พิเศษ และ โรงเรียนสะเดา“ขรรค์ชัยกัมพลานนท์อนุสรณ์” เปิดทำการสอนระดับมัธยมศึกษาตอนต้น โดยทั้ง 2 โรงเรียนอยู่ในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา (สพม.) 16 (สงขลา สตูล) ซึ่งพบว่าทั้ง 2 โรงเรียน ปฏิบัติตามมาตรการความปลอดภัย 6 มาตรการหลัก (DMHT-RC) 6 มาตรการเสริม (SSET-CQ) และแนวทาง 7 มาตรการเข้มสำหรับสถานศึกษาอย่างเคร่งครัด

น.ส.ตรีนุช กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ตนได้ไปตรวจเยี่ยมศูนย์การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัยอำเภอคลองหอยโข่ง สังกัด กศน. ซึ่งการมาลงพื้นที่จังหวัดสงขลา ทำให้ทราบว่า จังหวัดสงขลามีเด็กตกหล่นที่เป็นผู้พิการอยู่เป็นจำนวนมาก แต่ด้วยความพร้อมในการจัดการศึกษาของ กศน.ที่นี่ ก็ทำให้มั่นใจว่าสงขลาเป็นจังหวัดที่มีความพร้อมที่จะนำร่องในการปักหมุดเก็บผู้พิการกลับเข้าสู่ระบบการศึกษาเป็นที่แรกของประเทศไทย โดยดิฉันได้มอบนโยบายให้ กศน. ร่วมกับ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) เร่งปักหมุดนำนักเรียนไทย กลับสู่ห้องเรียน ค้นหาและติดตามเด็กตกหล่นและออกกลางคันกลับเข้าสู่ระบบการศึกษา โดยใช้ข้อมูลของเด็กจากชื่อและที่อยู่ เพื่อให้เด็กได้รับการศึกษาอย่างมีคุณภาพและศึกษาต่อในระดับที่สูงขึ้น รวมทั้งสร้างระบบเครือข่ายการส่งต่อข้อมูลสารสนเทศทางการศึกษาของเด็กตกหล่นและออกกลางคันที่กลับเข้าสู่ระบบการศึกษา โดยที่จังหวัดสงขลาควรเน้นเรื่องการให้ความรู้คนพิการ ซึ่งมีมากในพื้นที่ให้ รวมถึงการพัฒนาทักษะอาชีพที่สอดรับกับความต้องการของคนในท้องถิ่น เช่น การเกษตรและแปรรูปอาหาร เช่น ผลิตภัณฑ์หอมเจียว การปลูกบอนสี การทำกระถางแฟนซี เป็นต้น
“การนำผู้เรียนกลับเข้าสู่ระบบการศึกษาเป็นภารกิจสำคัญของกระทรวงศึกษาธิการ ที่ยึดหลักการว่า การจัดการศึกษาจะต้องไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง รัฐบาลภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ก็ให้ความสำคัญเรื่องนี้ ซึ่ง กศน. เป็นหน่วยงานที่มีความสำคัญ มีเครือข่ายที่ครอบคลุมอยู่ทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ ถ้าประสานการทำงานกับ สพฐ. ก็จะช่วยเก็บเด็กตกหล่นกลับเข้าสู่ระบบการศึกษาได้” น.ส.ตรีนุช กล่าว

ที่มา : facebook.com/PPRPThailand/
เมื่อวันที่ : 11 มกราคม 2565

“พล.อ.ประวิตร” ยกทีมบิ๊ก พปชร. ลงหาเสียงสงขลามั่นใจกวาดคะแนนเขต 6

,

“พล.อ.ประวิตร” ยกทีมบิ๊กพปชร.ลงหาเสียงสงขลามั่นใจกวาดคะแนนเขต 6 ใจถึงพึ่งได้ทำงานเพื่อปชช.

พลเอกประวิตร นำทัพ พปชร.หาเสียงสงขลาครั้งใหญ่ช่วยผู้สมัคร ส.ส เขต 6 “อนุกูล พฤกษานุศักดิ์” (น้องโบ๊ต) ลั่นพรรคพลังประชารัฐ ใจถึงพึ่งได้ รักคนใต้ที่สุด ด้าน”ธรรมนัส”มั่นใจกวาดคะแนน คว้าเก้าอี้ส.ส.สงขลาเพิ่มแน่นอน

วันที่ 10 มกราคม 2565 เวลาประมาณ 19.00น. ณ เวทีปราศัยบริเวณ วัดเทพชุมนุมบ้านพรุ ต.บ้านพรุ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.)นำคณะกรรมการบริหารพรรค และส.ส.ของพรรค อาทิ ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรค นายสุชาติ ชมกลิ่น กรรมการบริหารพรรค และผู้อำนวยการเลือกตั้งเขต 6 สงขลา ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เหรัญญิกพรรค ดร.พัชรินทร์ ซำศิริพงษ์ โฆษกพรรคพลังประชารัฐ นายวิรัช รัตนเศรษฐ รองหัวหน้าพรรค ,และคณะส.ส.จากส่วนกลาง และพื้นที่ภาคใต้ มาร่วมขึ้นเวทีปราศรัยหาเสียงช่วยผู้สมัคร ส.ส เขต 6 นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ (น้องโบ๊ต) โดยมีสมาชิกพรรคและประชาชนทั่วไปมาร่วมฟังคำปราศรัยเป็นจำนวนมาก ภายใต้มาตรการป้องกันโควิด19 เข้มงวด

โดยพลเอกประวิตร ได้กล่าวปราศรัยกับพี่น้องประชาชนช่วงหนึ่งว่า วันนี้มาพบพี่น้องชาวใต้ด้วยความชื่นชมยินดีที่พบว่ามีพี่น้องประชาชนมาให้กำลังใจเป็นจำนวนมาก จึงอยากบอกว่า พรรคพลังประชารัฐใจถึงพึ่งได้ และรักคนใต้มากที่สุด และยืนว่าพรรคจะมุ่งมั่นทำงานเพื่อประชาชน เห็นได้จากผลงานที่เป็นพรรคแกนนำในรัฐบาลนี้มา 3 ปีและกำลังเข้าสู่ปีที่ 4 เราได้ทำโครงสร้างพื้นฐาน สร้างถนนหนทางเดินทางสัญจรและ ขนส่งสินค้าสะดวกมากขึ้น ไม่รวมถึงโครงการอื่นๆอีกมาก ได้ริเริ่มทำเพื่อประชาชนทั้งสิ้น เพื่อให้ประชาชนมีความสุขและอยู่ดีกินดีขึ้น ขอให้เชื่อมั่นนายกรัฐมนตรี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่ตั้งใจทำงานเพื่อประชาชน พรรคพลังประชารัฐ เราไม่ใช่พรรคเฉพาะกิจ เราเป็นพรรคมาจัดตั้งรัฐบาลเสียงข้างมาก และเราจะเป็นพรรคจัดตั้งรัฐบาลต่อไปตามที่ประชาชนได้สนับสนุนอย่างมากมาตลอดและต่อเนื่อง เพราะฉะนั้น ทุกคนที่มาวันนี้ขอให้เชื่อมั่นในพรรค เชื่อมั่นในผู้สมัครส.ส.ของพรรค คือ น้องโบ๊ต เบอร์ 3

ด้านร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ กล่าวปราศัยว่า มีความยินดีและดีใจ ที่ได้มาปราศัยหาเสียงช่วยน้องโบ๊ต ที่ถือว่าเป็นคนรุ่นใหม่ ไฟแรงและมีความพร้อมที่จะช่วยเหลือพี่น้องประชาชนได้ทุกเรื่องในยามเดือดร้อนได้ จึงขอฝากให้พี่น้องประชาชนเทคะแนนเสียงมาเลือกน้องโบ๊ต เข้ามาช่วยกันทำงานเพื่อบ้านเมือง และมาพัฒนาเมืองหาดใหญ่ สงขลาโดยเฉพาะตำบลบ้านพรุ บ้านไร่ พะตง สะเดา เป็นต้น ที่ต่อไปจะต้องเจริญรุ่งเรือง เศรษฐกิจดีขี้น วันนี้ แม้พรรคอื่นจะเป็นอย่างไร แต่ พรรคพลังประชารัฐ นั้นชื่อบอกชัดเจนว่า ประชาชนบวกรัฐบาล จึงพร้อมทำงานเพื่อบ้านเมืองเต็มที่ ใครที่ปรามาสว่าถ้าเลือกแล้วจะมีพรรคนี้อยู่หรือไม่ บอกได้เลยฝันไปเถอะพรรคเรายังอยู่ และจะยิ่งใหญ่ตลอดไป ยกตัวอย่าง ปีที่แล้วที่การเลือกตั้งซ่อมส.ส.ที่นครศรีธรรราช เรายังชนะเลือกตั้งได้นายอำเภออาญาสิทธิ์ มาเป็นส.ส ด้วยคะแนนล้นหลาม จึงไม่ต้องสงสัยว่า ที่เขต 6 สงขลานี้ เรามีผู้สมัครที่มีความพร้อม พี่น้องประชาชน ต้องมีผู้แทนที่จะเข้าไปมีส่วนกำหนดในการพัฒนาแต่ละพื้นที่ของเรา ดังนั้นในวันที่ 16 มกราคมนี้ เราต้องช่วยกันเลือกผู้แทนคนรุ่นใหม่เข้ามาเป็น ส.ส.และพรรคมั่นว่า จะมี ส.ส.เพิ่มอีก 1คน จากเดิม มี 4 คน รวมเป็น 5 คน อย่าลืมไปช่วยกันเลือกคนดีเข้าสภา อย่าเลือกเสาไฟฟ้า เพราะเรามีคนรุ่นใหม่ มีความพร้อมดีกว่าแน่นอน

มีรายงานว่า ระหว่างที่ร้อยเอกธรรมนัสปราศัยอยู่นั้น ยังได้แนะให้น้องโบ๊ต ไหว้หาเสียงจากประชาชนด้วยการกราบลง 3 ครั้งโดยย้ำว่าเป็นสัญลักษณ์ของเบอร์ 3 พร้อมย้ำว่า หากได้รับเลือกเป็นส.ส.ให้กราบไหว้พี่น้องประชาชนได้เหมือนตอนมาหาเสียงแบบนี้ด้วย สร้างความพอใจและเสียงปรบมือให้กำลังใจน้องโบ๊ตอย่างคึกคัก
ขณะที่ศ.ดร.นฤมล ได้ขึ้นปราศัยช่วงหนึ่งว่า เวทีหาเสียงวันนี้มีความคึกคักมาก เพราะบุคคสำคัญของพรรค ภายใต้การนำของท่านหัวหน้าพรรค ได้มาพร้อมกันอยู่ที่นี่รวมถึงส.ส.แทบทุกภาคของพรรค เพื่อมาให้กำลังผู้สมัครของเราคือน้องโอ๊ต เบอร์ 3 จึงขอให้พี่น้องประชาชนมั่นว่า พรรคภายใต้การนำของพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค และพลเอกวิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา ประธานยุทธศาสต์พรรค ทั้งสองท่านร่วมกันกำหนดยุทธสาสตร์สำคัญ 3 เสาหลักคือ บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ที่ได้ทำแล้วและประชาชนจับต้องได้ ช่วยเหลือประชาชนอย่างเป็นรูปธรรมตั้งแต่อยู่ในครรภ์มารดา จนเสียชีวิต ซึ่งจากนี้จะมีการต่อยอดสวัสดิการดูแลประชาชนเพิ่มขึ้น เสาที่ 2 คือถ้าสวัสดิการดีแล้ว เราะต่อด้วยเศรษฐกิจประชารัฐ ด้วยนวัตกรรมทันสมัย เราได้ทำให้ชาวบ้านมีที่ทำกิน แก้หนี้นอกระบบ คืนโฉนดให้ประชาชน นี่คือผลงานจากการผลักดันของพลเอกประวิตรทั้งสิ้น และจะมีการต่อยอดไปสู่เกษตรประชารัฐ ซึ่งแต่ละพื้นที่ ส.ส จะดูแลประชาชนเป็นอย่างดี ส่วนเสาที่ 3คือสังคมประชารัฐ ซึ่งท่านหัวหน้าพรรคที่ดูแลด้านมั่นคงได้แก้ปัญหายาเสพติดอย่างแท้จริง ทั้งสามเสาหลักนี้ จะเกิดขึ้นได้และต่อยอดต่อไป ต้องขอคะแนนเสียงจากพี่น้องประชาชน เขต 6 ให้เข้ามาช่วยกันผลักดันและทำงานเพื่อประชาชนได้อย่างแท้จริง

ที่มา : facebook.com/PPRPThailand/
เมื่อวันที่ : 11 มกราคม 2565