โลกเปลี่ยน ไทยต้องปรับ ทางเลือกใหม่ของการเมืองไทย ก้าวข้ามความขัดแย้ง สานพลังประชาราษฎร์ ร่วมสร้างชาติให้ยั่งยืน

หมวดหมู่: กิจกรรมพรรค

“พล.อ.ประวิตร”ลงพื้นที่ช่วยชาวสกลนคร ตรวจ”บึงหนองหาร”เร่งฟื้นฟูแหล่งน้ำดิบขนาดใหญ่ กักเก็บน้ำไว้ใช้ฤดูแล้ง หนุนเป็นแหล่งท่องเที่ยว สร้างชื่อของจังหวัด

“พล.อ.ประวิตร”ลงพื้นที่ช่วยชาวสกลนคร ตรวจ”บึงหนองหาร”เร่งฟื้นฟูแหล่งน้ำดิบขนาดใหญ่ กักเก็บน้ำไว้ใช้ฤดูแล้ง หนุนเป็นแหล่งท่องเที่ยว สร้างชื่อของจังหวัด

วันที่ 5 พ.ย.65 พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยการกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ พร้อมคณะ ได้เดินทางไปตรวจ ติดตามแผนพัฒนาหนองหาร จ.สกลนคร ซึ่งถือเป็นโครงการสำคัญในการบริหารจัดการน้ำ เพื่อพี่น้องประชาชนในพื้นที่ภาคอีสาน โดยมี นางจุรีรัตน์ เทพอาสน์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสกลนคร ให้การต้อนรับ ณ ห้องประชุม ภูริทัตโต รพ.ศูนย์สกลนคร อ.เมือง จ.สกลนคร

พล.ท.พัชร์ชศักดิ์ ปฏิรูปานนท์ ผู้ช่วยโฆษก รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ภาพรวมการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ และแผนหลักการพัฒนาหนองหาร โดย เลขาฯ สทนช. รวมทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้แก่กรมประมง, กรมชลประทาน, กรมโยธาธิการและผังเมือง และก.ทรัพย์ฯ โดยสรุป หนองหาร เป็นบึงน้ำจืดขนาดใหญ่ที่สุดในภาคอีสาน และเป็นพื้นที่ใช้ประโยชน์ทั้งเป็นแหล่งน้ำดิบ สำหรับอุปโภคบริโภค และการเกษตร การบำรุงพันธุ์สัตว์น้ำ พื้นที่ชะลอน้ำเพื่อบรรเทาอุทกภัย และแหล่งท่องเที่ยว ซึ่งปัจจุบันมีปริมาณน้ำเก็บกัก ร้อยละ 93 ของความจุ ซึ่งในช่วงฤดูฝนที่ผ่านมาสามารถชะลอน้ำและเก็บกักน้ำฝนไว้ใช้ประโยชน์ในช่วงแล้งได้เป็นอย่างดี สำหรับความก้าวหน้าโครงการ ตามแผนแม่บทน้ำ 20 ปี ห้วงระยะเวลา 10 ปี (ปี63-72) มี 62 แผนงาน /โครงการ ซึ่งผลการดำเนินงาน ปี63-65 แล้วเสร็จ 19 โครงการ สำหรับแผนปี 66 มี 30 โครงการ และแผนปี 67 อีก 34 โครงการ ทั้งนี้ พล.อ.ประวิตร ได้กำชับให้ทุกหน่วยงานเร่งบูรณาการขับเคลื่อนแผนงาน/โครงการ อย่างเคร่งครัด รวมทั้งขับเคลื่อน 13 มาตรการฤดูฝน และ 10 มาตรการฤดูแล้ง โดยเฉพาะการใช้ประโยชน์พื้นที่ในการหน่วงและกักเก็บน้ำสำรองไว้ใช้เพื่อป้องกัน และลดผลกระทบประชาชนในช่วงฤดูแล้งนี้ด้วย

พล.อ.ประวิตร ได้ลงพื้นที่ตรวจสภาพรอบ บึงหนองหาร ณ สวนเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเฉลิมพระชนมพรรษา 80 ปีโดยมีประชาชนในพื้นที่ให้การต้อนรับซึ่ง พล.อ.ประวิตร ได้พบปะทักทายและได้กล่าวขอบคุณ พร้อมฝากความปรารถนาดีและความห่วงใยจากรัฐบาลและพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นรม. โดยยืนยันจะเร่งแก้ปัญหาน้ำให้ครอบคลุมทุกมิติ ผ่านกลไกการทำงานของภาครัฐ และความร่วมมือจากภาคเอกชนและประชาชนเพื่อให้ชาวหนองหาร และชาวสกลนคร ลดผลกระทบจากภาวะ น้ำท่วม ภัยแล้ง มีน้ำสะอาดใช้อย่างเพียงพอ และมีความอยู่ดีกินดี พร้อมทั้งจะพยายามพัฒนาบึงหนองหาร ให้กลับมามีความอุดมสมบูรณ์ เป็นแหล่งน้ำจืด ที่มีคุณค่าทางธรรมชาติและเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงของจังหวัด และคนอีสานอีกครั้งหนึ่ง

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 5 พฤศจิกายน 2565

“พล.อ.ประวิตร” เข้มแผนลดอุบัติภัยบนท้องถนน ปรับปรุงมาตรการทางกฎหมายเน้นความปลอดภัย ปชช.

“พล.อ.ประวิตร” เข้มแผนลดอุบัติภัยบนท้องถนน ปรับปรุงมาตรการทางกฎหมายเน้นความปลอดภัย ปชช.

เมื่อ 20 ต.ค.65 พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีเป็นประธานการประชุม คณะกรรมการนโยบายการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน แห่งชาติ ครั้งที่2/2565 ร่วมกับ ผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศ ณ ห้องประชุม มูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อ 5 จังหวัด ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์, โดยพล.ท.พัชร์ชศักดิ์ ปฏิรูปานนท์ ผู้ช่วยโฆษก รองนายกรัฐมนนตรี กล่าวว่า ที่ประชุมได้รับทราบ ความคืบหน้าการแก้ไข พ.ร.บ.จราจรทางบก (ฉบับที่ 13) พ.ศ.2565 เพื่อปรับปรุงมาตรการทางกฏหมาย ให้สอดคล้องกับสถานการณ์การใช้รถใช้ถนน รวมทั้งกำหนดมาตรฐานความปลอดภัยในการขับขี่ เช่น การกำหนดที่นั่งนิรภัยสำหรับเด็ก การเพิ่มโทษผู้ทำผิดซ้ำ การขับรถขณะเมาสุรา การป้องกันการแข่งรถ เป็นต้น โดยมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 5 ก.ย.65 รวมทั้งระบบการบันทึกคะแนนความประพฤติในการขับรถของผู้ได้รับใบอนุญาตขับขี่ พ.ศ.2565 ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่ 9 ม.ค.66 และรับทราบมติที่ประชุมคณะกรรมการศูนย์อำนวยการความปลอดภัยทางถนน กำหนดให้วันที่ 21 ม.ค.ของทุกปี เป็น”วันความปลอดภัยของผู้ใช้ถนน” เพื่อย้ำเตือนผู้ขับขี่ยานพาหนะ จะต้องระมัดระวังความปลอดภัย สืบเนื่องจากเหตุการณ์ วันที่ “หมอกระต่าย” หรือ พญ.วราลัคน์ สุภวัตรจริยากุล เสียชีวิตจากอุบัติเหตุ ถูกรถจักรยานยนต์ชนบนทางม้าลาย เมื่อ 21 ม.ค.65 ที่ผ่านมาแล้ว

จากนั้น ที่ประชุมได้มีการพิจารณาเห็นชอบ แผนบูรณาการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนน ช่วงเทศกาลและช่วงวันหยุด พ.ศ.2566 โดยช่วงเทศกาลปีใหม่และวันสงกรานต์ ปี66 กำหนดชื่อโครงการรณรงค์ “ชีวิตวิถีใหม่ ขับขี่อย่างปลอดภัย ไร้อุบัติเหตุ” และเห็นชอบ (ร่าง)แผนแม่บทความปลอดภัยทางถนน ปี65-70 ภายใต้วิสัยทัศน์ “มุ่งสู่การสัญจรทางถนนที่ปลอดภัยสำหรับทุกคน”

พล.อ.ประวิตร ได้กำชับ มท. สตช.และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ให้เร่งนำนโยบายและแผนไปสู่การปฏิบัติ โดยเคร่งครัด เพื่อลดการบาดเจ็บ และการเสียชีวิตจากอุบัติเหตุทางถนน ให้ได้อย่างต่อเนื่อง และจากแนวโน้มอุบัติเหตุทางถนนที่ลดลง ในขณะนี้ ต้องขอขอบคุณทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่ปฏิบัติงานอย่างได้ผล แต่อย่างไรก็ตาม ก็ต้องเพิ่มการทำงานให้มากยิ่งขึ้น เพื่อไม่ให้มีใครต้องเสียใจ เพราะคนในครอบครัวเสียชีวิต บาดเจ็บ พิการ จากอุบัติเหตุ โดยเน้นมาตรการเชิงรุก วิเคราะห์จุดเกิดเหตุซ้ำควบคู่ประชาสัมพันธ์ สร้างวัฒนธรรมความปลอดภัย เพื่อแก้ไขปัจจัยเสี่ยงด้าน คน ถนน และยานพาหนะ ซึ่งผู้ขับขี่รถจักรยานยนต์ต้องสวมหมวกนิรภัย 100% พร้อมสร้างการรับรู้ ควบคู่การบังคับใช้กฎหมาย อย่างเข้มข้น เพื่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของผู้ขับขี่ยานพาหนะ และผู้ใช้ถนนร่วมกัน ทุกคน

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 20 ตุลาคม 2565

“พล.อ.ประวิตร” เตรียมลงอีสานติดตามข้อมูลน้ำลุ่มน้ำชี-มูล เร่งแผนระบายน้ำ ลดผลกระทบประชาชนจ.อุบล-ศรีสะเกษ

,

“พล.อ.ประวิตร” เตรียมลงอีสานติดตามข้อมูลน้ำลุ่มน้ำชี-มูล
เร่งแผนระบายน้ำ ลดผลกระทบประชาชนจ.อุบล-ศรีสะเกษ

“พล.อ.ประวิตร” ห่วงน้ำท่วมอีสาน ลงพื้นที่อุบลราชธานี – ศรีสะเกษ วางแผนจัดการบริหารลุ่มน้ำชี-มูล เร่งระบายออกแม่น้ำโขง บรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน หลังเจอผลกระทบจากพายุโนรู และร่องมรสุมหลายระลอก

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เตรียมลงพื้นที่ตรวจราชการติดตามสถานการณ์น้ำในจังหวัดอุบลราชธานี และจังหวัดศรีสะเกษ ในวันที่ 12 ต.ค. 2565 เพื่อรับฟังรายงานบรรยายสรุปการบริหารจัดการน้ำ และสถานการณ์อุทกภัยที่เกิดขึ้นในพื้นที่ ที่สำนักงานชลประทานที่ 7 อ.เมือง จากอิทธิพลของพายุโนรูที่เข้าภาคอีสานของไทย ในช่วงที่ผ่านมา และยังได้รับผลกระทบจากร่องมรสุมที่พัดผ่านเข้าสู่ไทยหลายระลอก มีปริมาณฝนตกหนักต่อเนื่อง ทำให้ลุ่มน้ำชี และลุ่มน้ำมูล มีปริมาณเพิ่มสูงขึ้นจากเดิมที่ก่อนหน้านี้มีน้ำคงค้างอยู่แล้ว ซึ่งจนถึงขณะนี้สถานการณ์ก็ยังอยู่ในการเฝ้าระวังและต้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งประเมินความเสี่ยงที่ประชาชนจะได้รับผลกระทบอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ เนื่องจากปริมาณน้ำในลุ่มน้ำมูลขณะนี้สูงกว่าปี 2562 มากว่า 50 ซม. ทำให้บ้านเรือนและประชาชน ได้รับความเดือดร้อนจากน้ำท่วม ขณะที่เขื่อนอุบลรัตน์ จ.ขอนแก่น ยังมีการเพิ่มการระบายน้ำจาก 50 ลบ.ม./วัน มาเป็น 52 ลบ.ม./วัน ทำให้ระดับน้ำชีสูงขึ้น

นอกจากนี้จะลงพื้นที่บริเวณวัดหลวง ต.ในเมือง อ.เมือง จ.อุบลราชธานี เพื่อติดตามสถานการณ์น้ำว่าอยู่ในระดับใด และมีการบริหารจัดการน้ำอย่างไร เพื่อให้สามารถผันลงแม่น้ำโขงให้เร็วที่สุด เพื่อที่จะสามารถระบายน้ำ ในการบรรเทาความเดือดร้อนในกับประชาชนในพื้นที่

นอกจากนี้ได้เดินทางต่อไปบริเวณสะพานข้ามทางรถไฟ บ้านหนองบัวไชยวาน ต.โนนสัง อ.กันทรารมย์ จ.ศรีสะเกษ รับฟังถึงสถานการณ์น้ำในพื้นที่ พร้อมพบปะพูดคุยกับประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วม

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 11 ตุลาคม 2565

“รมว.ตรีนุช” ลงพื้นที่หนองคาย ปลื้มผลงานขับเคลื่อนนโยบายโรงเรียนคุณภาพ-คลินิก 3R

,

“รมว.ตรีนุช” ลงพื้นที่หนองคาย ปลื้มผลงานขับเคลื่อนนโยบายโรงเรียนคุณภาพ-คลินิก 3R

วันนี้ ( 11 ต.ค.2565) นางสาวตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 10 ต.ค.ที่ผ่านมา ตนได้ลงพื้นที่จังหวัดหนองคาย โดยได้ตรวจเยี่ยมสถานศึกษา สังกัดสํานักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา(สพป.) หนองคายเขต 2 จำนวน 2 โรงเรียน คือ ที่โรงเรียนบ้านโนนสวรรค์ สอนตั้งแต่ระดับชั้นอนุบาล ถึง ม.3 เป็นโรงเรียนคุณภาพระดับประถมศึกษา มีโรงเรียนเครือข่าย จำนวน 10 โรงเรียน ทั้ง 11 โรงเรียน มีนักเรียน รวม 1,227 คน ครูและบุคลากรรวม 105 คน โดยในปีงบประมาณ 2565 ก็ได้มีการจัดสรรงบลงทุนสร้างอาคารให้ และตนก็ไม่ผิดหวังที่ได้เห็นการขับเคลื่อนนโยบายโรงเรียนคุณภาพอย่างจริงจัง มีแผนงานที่จะพัฒนาและใช้ทรัพยากรร่วมกันกับโรงเรียนเครือข่าย สามารถดึงนักเรียนที่ออกจากระบบกลับมาเรียนได้หลายคน มีการสร้างทักษะอาชีพให้นักเรียน มีการดูแลความปลอดภัยของระบบไฟฟ้า อาคาร และอุปกรณ์ต่างๆ เห็นถึงความสำเร็จที่เป็นรูปธรรมจากการได้รับรางวัลของโรงเรียนและนักเรียน เห็นเพชรเม็ดงามในชนบท ซึ่งกระทรวงศึกษาธิการ(ศธ.) ก็จะเสนอขออนุมัติคณะรัฐมนตรี เพื่อสนับสนุนงบฯด้านต่างๆ เช่น ค่ารถในการนำเด็กจากโรงเรียนเครือข่ายมาเรียน และหาวิธีการขับเคลื่อนให้โรงเรียนเครือข่ายเกิดคุณภาพด้วย

รมว.ศธ. กล่าวต่อไปว่า สำหรับโรงเรียนบ้านพระบาทนาหงส์ เป็นโรงเรียนประถมศึกษา สอนตั้งแต่ชั้นอนุบาล ถึง ป.6 ที่โรงเรียนนี้มีกิจกรรมเด่นๆ อาทิ กิจกรรมสภานักเรียน ส่งเสริมประชาธิปไตย ,คลินิก 3R เพื่อพัฒนาผู้เรียนให้อ่านออก เขียนได้ และคิดเลขเป็นอย่างมีประสิทธิภาพ, จัดห้องสมุดมีชีวิต โดยจัดกิจกรรมอย่างหลากหลาย ซึ่งส่งผลให้ได้รับรางวัลชนะเลิศห้องสมุด 3 D และรางวัลชนะเลิศห้องสมุดส่งเสริมนิสัยรักการอ่าน ประจำปีการศึกษา 2565 นอกจากนี้ยังมีโครงการอัจฉริยะเกษตรประณีตในโรงเรียน ที่ส่งเสริมการทำการเกษตรที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม พัฒนาผู้เรียนให้มีทักษะ มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ คิดวิเคราะห์ มีสมรรถนะในการแก้ไขปัญหา อีกทั้งยังส่งผลถึงชุมชน ให้ผู้ปกครองและชุมชนมีแหล่งเรียนรู้ในการพัฒนาอาชีพด้านการเกษตรแบบดั้งเดิมไปสู่การเกษตรสมัยใหม่ที่ สามารถนำเทคโนโลยีสมัยใหม่ เข้ามาผสมผสานกับงานด้านการเกษตรและแก้ไขปัญหาการบริหารจัดการฟาร์มได้

“ดิฉันมาลงพื้นที่เพื่อตรวจเยี่ยมโรงเรียน เพื่อติดตามการดำเนินงานตามนโยบายของ ศธ. ให้กำลังใจครู บุคลากร และผู้บริหารสถานศึกษา ซึ่งเมื่อเห็นนักเรียนมีความสุขแล้วก็หายเหนื่อย และขอชื่นชมครู และผู้บริหารโรงเรียนทุกคนที่ได้ทุ่มเททำงานต่อเนื่องหลายปี ซึ่งนักเรียนทุกคน ก็คือ ผลลัพธ์เชิงประจักษ์ในการทำงาน ดิฉันดีใจที่ได้เห็นเด็กๆได้ใช้ความรู้ที่เชื่อมโยงจากการอ่าน นำมาเป็นนิทาน และนำมาเป็นการแสดงออกต่างๆ อาทิ การฟ้อนรำนาฏศิลป์พื้นเมือง ซึ่งสอดคล้องกับนโนบาย Soft Skills ทักษะที่คนยุคใหม่ควรมี และสิ่งเหล่านี้สะท้อนถึงการเรียนการสอนที่มีกลไกในการเรียนรู้แบบบูรณาการ การเรียนแบบ active learning ที่เป็นเป้าหมายของ ศธ.ซึ่งดิฉันจะนำไปเล่าให้จังหวัดอื่นๆได้ดูเป็นแบบอย่าง และขอฝากให้โรงเรียนฝึกฝนเรื่องจริยธรรม ศีลธรรม และประชาธิปไตยให้แก่เด็กๆ ซึ่งปัจจุบันบริบทของสังคมเปลี่ยนแปลงไปเด็กอยู่กับสื่อต่างๆในโลกโซเชียลเยอะ ดังนั้น ครู ต้องทำงานหนักมากขึ้นในการทำให้เด็กมีความมั่นคงและแข็งแกร่งในเรื่องของการมีจริยธรรม ศีลธรรม และ ที่สำคัญต้องดูแลเรื่องความปลอดภัยในมิติต่างๆ รวมถึงการคัดกรองบุคคลเข้าออกสถานศึกษา” รมว.ศธ.กล่าว

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 11 ตุลาคม 2565

" รมช อธิรัฐ “ ลงพื้นติดตามสถานการณ์น้ำท่วม อ.ประทาย จากอิทธิพลพายุไต้ฝุ่น 'โนรู' พร้อมวางแผนบริหารจัดการน้ำร่วมกับพื้นที่ รับมือฝนตกต่อเนื่อ เยี่ยมเยียนประชาชนที่ประสบภัยน้ำท่วม"

” รมช อธิรัฐ “ ลงพื้นติดตามสถานการณ์น้ำท่วม อ.ประทาย จากอิทธิพลพายุไต้ฝุ่น ‘โนรู’ พร้อมวางแผนบริหารจัดการน้ำร่วมกับพื้นที่ รับมือฝนตกต่อเนื่อ เยี่ยมเยียนประชาชนที่ประสบภัยน้ำท่วม”

,

วันที่ 1 ตุลาคม 2565 ดร.อธิรัฐ รัตนเศรษฐ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม พร้อมด้วย นายฐนัญญ์ภพ ดาราย ปลัดอาวุโสอำเภอประทาย นางคมขำ ปองนาน นายกเทศมนตรีตำบลประทาย นายชัยยุทธ โคตรสมบัติ นายกองค์การบริหารส่วนตำบลหนองค่าย และผู้นำท้องที่ ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำท่วม อ.ประทาย จ.นครราชสีมา และเยี่ยมเยียนให้กำลังใจพี่น้องประชาชนที่ประสบภัยน้ำท่วมจากอิทธิพลของพายุ “โนรู” ณ ถนนบ้านไร่ริมบึง – บ้านนางิ้ว เทศบาลตำบลประทาย และ บ้านโคกเพชร ต.หนองค่าย กรณีน้ำท่วมบึงกระโตนและไหลออกมาท่วมชุมชนบริเวณบ้านกระโตน บ้านไร่ ในเทศบาลตำบลประทาย และบ้านโคกเพชร โดยในเบื้องต้น

ปภ.เขต 5 นครราชสีมา นำชุดรถปฏิบัติการสูบน้ำท่วม/ขัง พร้อมติดตั้งเครื่องสูบน้ำขนาดใหญ่ อัตราสูบ 54,000 ลิตร/นาที จำนวน 1 ชุดอบต.ประทาย ได้ดำเนินการติดตั้งเครื่องสูบน้ำ
– ขนาด 8 นิ้ว จำนวน 1 เครื่อง ในเขตเทศบาลตำบลประทาย
– ขนาด 6 นิ้ว จำนวน 1 เครื่อง เขตบ้านนางิ้ว
เพื่อสูบน้ำที่ท่วมขังผิวการจราจร และพื้นที่ชุมชน และสูบน้ำกลับเข้าไปใน “บึงกระโตน” เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน

ทั้งนี้ ตนได้สั่งการกำชับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เฝ้าระวังสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และเตรียมพร้อมมาตรการช่วยเหลือประชาชน ดังนี้

1. การช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน
1.1 ให้อำเภอ และ อปท. ประชาสัมพันธ์ เฝ้าระวัง สำรวจเส้นทางน้ำ หากพื้นที่ใดพบว่ามีปริมาณน้ำเพิ่มขึ้น ให้เร่งดำเนินการเสริมแนวคันดิน กระสอบทราย พร้อมจัดเวรยามเฝ้าระวังตลอดเวลา
1.2 ให้ทุกหน่วยงานประชาสัมพันธ์และให้ข้อมูลที่ถูกต้องกับประชาชน กรณีการระบายน้ำในอ่างเก็บน้ำ และคำนึงถึงภัยแล้งที่อาจจะเกิดขึ้นด้วย
1.3 ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง มอบถุงยังชีพ น้ำดื่ม อาหารแก่ผู้ประสบภัย
1.4 ให้แขวงทางหลวงนครราชสีมา แขวงทางหลวงชนบทนครราชสีมา สนับสนุนเครื่องมือ เครื่องจักรให้กับ อปท. เช่น กรณีคอสะพานชำรุด หากมีน้ำท่วมขังให้ดำเนินการตามมาตรการของหน่วยงาน และให้แจ้งจังหวัดเพื่อประชาสัมพันธ์ต่อไป

2. การเยียวยาฟื้นฟูในพื้นที่หลังเกิดภัย
2.1 ให้อำเภอ และ อปท.ดำเนินการสำรวจความเสียหายบ้านเรือนที่อยู่อาศัย เพื่อดำเนินการช่วยเหลือตามระเบียบฯ และหลักเกณฑ์
2.2 ด้านการเกษตร พืช ประมง ปศุสัตว์ ดำเนินการสำรวจความเสียหายหลังน้ำลด ช่วยเหลือเยียวยา ตามระเบียบฯ และหลักเกณฑ์

" รมช อธิรัฐ “ ลงพื้นติดตามสถานการณ์น้ำท่วม อ.ประทาย จากอิทธิพลพายุไต้ฝุ่น 'โนรู' พร้อมวางแผนบริหารจัดการน้ำร่วมกับพื้นที่ รับมือฝนตกต่อเนื่อ เยี่ยมเยียนประชาชนที่ประสบภัยน้ำท่วม" " รมช อธิรัฐ “ ลงพื้นติดตามสถานการณ์น้ำท่วม อ.ประทาย จากอิทธิพลพายุไต้ฝุ่น 'โนรู' พร้อมวางแผนบริหารจัดการน้ำร่วมกับพื้นที่ รับมือฝนตกต่อเนื่อ  เยี่ยมเยียนประชาชนที่ประสบภัยน้ำท่วม" " รมช อธิรัฐ “ ลงพื้นติดตามสถานการณ์น้ำท่วม อ.ประทาย จากอิทธิพลพายุไต้ฝุ่น 'โนรู' พร้อมวางแผนบริหารจัดการน้ำร่วมกับพื้นที่ รับมือฝนตกต่อเนื่อ  เยี่ยมเยียนประชาชนที่ประสบภัยน้ำท่วม" " รมช อธิรัฐ “ ลงพื้นติดตามสถานการณ์น้ำท่วม อ.ประทาย จากอิทธิพลพายุไต้ฝุ่น 'โนรู' พร้อมวางแผนบริหารจัดการน้ำร่วมกับพื้นที่ รับมือฝนตกต่อเนื่อ  เยี่ยมเยียนประชาชนที่ประสบภัยน้ำท่วม" " รมช อธิรัฐ “ ลงพื้นติดตามสถานการณ์น้ำท่วม อ.ประทาย จากอิทธิพลพายุไต้ฝุ่น 'โนรู' พร้อมวางแผนบริหารจัดการน้ำร่วมกับพื้นที่ รับมือฝนตกต่อเนื่อ  เยี่ยมเยียนประชาชนที่ประสบภัยน้ำท่วม" " รมช อธิรัฐ “ ลงพื้นติดตามสถานการณ์น้ำท่วม อ.ประทาย จากอิทธิพลพายุไต้ฝุ่น 'โนรู' พร้อมวางแผนบริหารจัดการน้ำร่วมกับพื้นที่ รับมือฝนตกต่อเนื่อ  เยี่ยมเยียนประชาชนที่ประสบภัยน้ำท่วม" " รมช อธิรัฐ “ ลงพื้นติดตามสถานการณ์น้ำท่วม อ.ประทาย จากอิทธิพลพายุไต้ฝุ่น 'โนรู' พร้อมวางแผนบริหารจัดการน้ำร่วมกับพื้นที่ รับมือฝนตกต่อเนื่อ  เยี่ยมเยียนประชาชนที่ประสบภัยน้ำท่วม" " รมช อธิรัฐ “ ลงพื้นติดตามสถานการณ์น้ำท่วม อ.ประทาย จากอิทธิพลพายุไต้ฝุ่น 'โนรู' พร้อมวางแผนบริหารจัดการน้ำร่วมกับพื้นที่ รับมือฝนตกต่อเนื่อ  เยี่ยมเยียนประชาชนที่ประสบภัยน้ำท่วม" " รมช อธิรัฐ “ ลงพื้นติดตามสถานการณ์น้ำท่วม อ.ประทาย จากอิทธิพลพายุไต้ฝุ่น 'โนรู' พร้อมวางแผนบริหารจัดการน้ำร่วมกับพื้นที่ รับมือฝนตกต่อเนื่อ  เยี่ยมเยียนประชาชนที่ประสบภัยน้ำท่วม" " รมช อธิรัฐ “ ลงพื้นติดตามสถานการณ์น้ำท่วม อ.ประทาย จากอิทธิพลพายุไต้ฝุ่น 'โนรู' พร้อมวางแผนบริหารจัดการน้ำร่วมกับพื้นที่ รับมือฝนตกต่อเนื่อ  เยี่ยมเยียนประชาชนที่ประสบภัยน้ำท่วม" " รมช อธิรัฐ “ ลงพื้นติดตามสถานการณ์น้ำท่วม อ.ประทาย จากอิทธิพลพายุไต้ฝุ่น 'โนรู' พร้อมวางแผนบริหารจัดการน้ำร่วมกับพื้นที่ รับมือฝนตกต่อเนื่อ  เยี่ยมเยียนประชาชนที่ประสบภัยน้ำท่วม" " รมช อธิรัฐ “ ลงพื้นติดตามสถานการณ์น้ำท่วม อ.ประทาย จากอิทธิพลพายุไต้ฝุ่น 'โนรู' พร้อมวางแผนบริหารจัดการน้ำร่วมกับพื้นที่ รับมือฝนตกต่อเนื่อ  เยี่ยมเยียนประชาชนที่ประสบภัยน้ำท่วม"

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 1 ตุลาคม 2565

รมว.ชัยวุฒิ ขอเชื่อมั่น พล.อ. ประยุทธ์ นายกฯขับเคลื่อนรัฐบาล ดูแลประชาชนต่อเนื่อง พล.อ.ประวิตร ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำภาคกลางจันทร์นี้

,

รมว.ชัยวุฒิ ขอเชื่อมั่น พล.อ. ประยุทธ์ นายกฯขับเคลื่อนรัฐบาล ดูแลประชาชนต่อเนื่อง พล.อ.ประวิตร ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำภาคกลางจันทร์นี้

นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม พร้อมคณะ ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำภาคกลาง ที่ จ.สิงห์บุรี พร้อมประชุมติดตามสถานการณ์ ร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัด และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ก่อนที่ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี จะเดินทางไปตรวจราชการ พื้นที่ภาคกลาง ในวันจันทร์นี้

โดย นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กล่าวว่า นำความห่วงใย จากพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี มาให้กำลังใจ และติดตาม สถานการณ์ น้ำท่วมซึ่งพลเอกประวิตร จะลงพื้นที่ ภาคกลางในวันจันทร์นี้

โดย นายชัยวุฒิ กล่าวเพิ่มเติมว่า จากสถานการณ์น้ำท่วมในปัจจุบันมีผลกระทบในหลายพื้นที่ วันนี้ได้ลงพื้นที่จังหวัดสิงห์บุรี เพื่อติดตามความพร้อมในการรับมือสถานการณ์ ‘พายุโนรู’ รวมถึงสถานการณ์น้ำในลุ่มแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งได้หารือกับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวเนื่องเร่งจัดการ ตั้งแต่การให้หน่วยงานและเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ รวมถึงชุดปฏิบัติการฝ่ายปกครอง หน่วยแพทย์ พยาบาล เข้าถึงประชาชนที่อยู่ในพื้นที่รับผลกระทบจากพายุและน้ำท่วมขัง โดยหากที่พักอาศัยของครอบครัวใดประสบเหตุจากน้ำท่วมหนัก ก็จะมีหน่วยงานเข้าดูแลและเร่งพาไปศูนย์พักพิงที่จัดเตรียมไว้ ได้กำชับให้เตรียมนำ้ อาหาร ยารักษาโรค ห้องนำ้เคลื่อนที่

ขณะเดียวกัน ก็เร่งให้ติดตั้งเครื่องสูบนำ้เพื่อระบายนำ้ออกจากพื้นที่ชุมชน หากพื้นที่ใดประสบเหตุน้ำท่วมหนัก ก็จะเร่งการเปิดทางระบายน้ำท่วมขังโดยทันที ส่วนภายหลังเหตุการณ์คลี่คลายแล้ว ทั้งนี้หาก สถานการณ์คลี่คลายแล้ว ทางรัฐบาลได้มีก็เตรียม มาตรการเยียวยาช่วยเหลือประชาชนให้เร็วที่สุดด้วยพร้อมกับ ฝากประชาชนว่า รัฐบาลทำงานต่อขอให้มั่นใจใน พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ว่าท่านตั้งใจช่วยเหลือ พี่น้องประชาชนอย่างเต็มที่ และ ขอร้องกลุ่มที่ออกมาเคลื่อนไหวทางการเมืองในขณะนี้ว่า ขอให้เห็นใจ ประชาชน ที่ประสบอุทกภัย ขอให้รัฐบาลได้ทำงานเต็มที่ ในการรับมือนำ้ท่วมช่วยเหลือพี่น้องประชาชนจะดีกว่า การออกมาเคลื่อนไหวทางการเมือง ในขณะที่กฎหมายเลือกตั้งยังไม่เสร็จ

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 30 กันยายน 2565

‘พล.อ.ประวิตร ’ เร่งช่วยคน”หล่มสัก” ติดตามแก้ปัญหาน้ำ ชาวบ้านต้อนรับคับคั่ง ขอบคุณรัฐบาล จริงใจ พร้อมร่วมมือพัฒนาท้องถิ่น ต่อเนื่อง

, ,

‘พล.อ.ประวิตร ’ เร่งช่วยคน”หล่มสัก” ติดตามแก้ปัญหาน้ำ ชาวบ้านต้อนรับคับคั่ง ขอบคุณรัฐบาล จริงใจ พร้อมร่วมมือพัฒนาท้องถิ่น ต่อเนื่อง

เมื่อ 25 ก.ย.65 พล.ท.พัชร์ชศักดิ์ ปฏิรูปานนท์ ผช.โฆษก รอง นรม. เปิดเผยว่าเวลา 14.30 น. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รอง นรม. ในฐานะ ผอ.กอนช. พร้อมคณะได้เดินทางไปปฏิบัติราชการ ต่อเนื่องจากช่วงเช้า ในพื้นที่ อ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ เพื่อติดตามสถานการณ์น้ำท่วม ณ เทศบาลเมืองหล่มสัก และเทศบาล ต.ตาลเดี่ยว อ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ โดยได้รับฟังรายงานสถานการณ์น้ำ และปัญหาอุทกภัยพร้อมแนวทางการแก้ไขจาก สทนช. ณ บริเวณสะพานข้ามแม่น้ำป่าสัก โดยสรุปภาพรวม พื้นที่อ.หล่มสัก มีแม่น้ำสายหลักคือแม่น้ำป่าสัก มีอ่างเก็บน้ำขนาดกลาง 3แห่ง ฝาย 2แห่ง มีปริมาณน้ำกักเก็บ จำนวน 61,320 ล้าน ลบ.ม.มีพื้นที่ชลประทาน ได้รับประโยชน์ 37,359 ไร่ สถานการณ์อุทกภัยที่ผ่านมาตั้งแต่ ก.ค.65 ได้รับผลกระทบจากอิทธิพลของพายุ 3ครั้ง และส่งผลกระทบต่อการดำรงค์ชีวิตประชาชน ทั้งทางด้านการเกษตร พืชผล ด้านปศุสัตว์ และประมง ซึ่งรัฐบาลได้สนับสนุนงบประมาณเพื่อช่วยเหลือเยียวยาแล้ว สำหรับอุทกภัยและภัยแล้งที่ยังคงเป็นปัญหา ซึ่งจะต้องเร่งดำเนินการแก้ไขเพิ่มเติม โดยจังหวัดและผู้เกี่ยวข้องได้เสนอให้ สทนช.ศึกษาความเป็นไปได้ในภาพรวมของจังหวัด อย่างเป็นระบบ ให้กรมชลประทาน จัดทำโครงการระบบผันน้ำพื้นที่ต้นน้ำ และโครงการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำเพื่อการกักเก็บน้ำ และชะลอน้ำไม่ให้ไหลเข้าชุมชน อย่างรวดเร็ว รวมถึงให้กรมโยธาธิการและผังเมือง สนับสนุนงบประมาณเพิ่มเติมในการทำเขื่อนป้องกันตลิ่ง และป้องกันน้ำท่วมพื้นที่วิกฤติในพื้นที่เขตเทศบาลเมืองหล่มสัก เป็นต้น

พล.อ.ประวิตร ได้พบปะกับพี่น้องประชาชน และข้าราชการในพื้นที่ที่มาให้การต้อนรับ จำนวนมากโดยแสดงความห่วงใยชาวบ้านและเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากปัญหาน้ำท่วม ภัยแล้ง ที่ยังประสบอยู่ทุกปีในบางพื้นที่ รวมทั้ง การเตรียมรับมือกับพายุ “โนรู” ที่กำลังจะเข้าประเทศไทย บริเวณภาคเหนือ เร็วๆนี้ด้วย ทั้งนี้ พล.อ.ประวิตร ได้เข้าเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์หล่มสัก และยังได้กล่าวชื่นชมวิถีชีวิตดังเดิมสู่ปัจจุบัน ที่น่าภาคภูมิใจ พร้อมขอบคุณ ชาวหล่มสัก และชาว จ.เพชรบูรณ์ ที่ให้ความร่วมมือกับภาครัฐด้วยดีในการพัฒนาพื้นที่ กล่าวยืนยัน ว่ารัฐบาลพร้อมที่จะให้ความช่วยเหลือ เยียวยา ทุกความเดือดร้อนของประชาชน อย่างเต็มที่ ซึ่งตนจะนำข้อเสนอแนะจากพื้นที่ในวันนี้ ไปให้รัฐบาล เร่งหาวิธีแก้ไข เพื่อช่วยเหลือบรรเทาความเดือดร้อน และพัฒนาความเป็นอยู่ ของพี่น้องประชาชนให้ดียิ่งขึ้น ต่อไป


ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 25 กันยายน 2565

 

 

“พล.อ.ประวิตร” เป็นประธานเปิดประเพณีอุ้มพระดำน้ำจ.เพชรบูรณ์ ติดตามแผนปฏิบัติการรับมือน้ำหวั่นพายุโนรูซ้ำอุทกภัยเหนือ- อีสาน

“พล.อ.ประวิตร” เป็นประธานเปิดประเพณีอุ้มพระดำน้ำจ.เพชรบูรณ์ ติดตามแผนปฏิบัติการรับมือน้ำหวั่นพายุโนรูซ้ำอุทกภัยเหนือ- อีสาน

,

วันที่ 25 กันยายน 2565 พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานในพิธีอุ้มพระดำน้ำ จ.เพชรบูรณ์ ณ วัดโบสถ์ชนะมาร อ.เมืองเพชรบูรณ์ พร้อมด้วยน.ส.ตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ร่วมในพิธี พร้อมด้วยคณะข้าราชการในจังหวัด อาทิ นายอำนาจ แย้มศิริ รองผู้ว่าราชการจังหวัด นายสมศักดิ์ คณาคำ ปลัดจังหวัดเพชรบูรณ์ นายเสกสรร นิยมเพ็ง นายกเทศมนตรีเมืองเพชรบูรณ์ พร้อมด้วยสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เพชรบูรณ์ และจังหวัดใกล้เคียงมาร่วมงานกันอย่างคับคั่ง อาทิ นางวันเพ็ญ พร้อมพัฒน์ สส พปชร. เขต 3 นายจักรัตน์ พั้วช่วย สส พปชร. เขต 2 น.ส.พิมพ์พร พรพฤฒิพันธุ์ ส.สพปชร เขต 1 และนางสาวกัลยา รุ่งวิจิตรชัย สส เขต1 พปชร จ.สระบุรี นายสัญญา นิลสุพรรณ ส.ส.นครสวรรค์ นายเพชรภูมิ อาภรรัตน์ ส.ส. กำแพงเพชร นายอนุชา น้อยวง ส.ส. พิษณุโลก ซึ่งการจัดงานในพิธีดังกล่าวเป็นเทศกาลและประเพณีประจำปีของจังหวัดที่สืบสานมาอย่างต่อเนื่อง โดยมีประชาชนเข้าร่วมงานอย่างเนื่องแน่นกว่า 3,000 คน เพื่อร่วมพิธีอันศักดิ์สิทธ์ที่เป็นมงคล ท่ามกลางสายฝนโปรยปราย โดยเชื่อว่าการทำพิธีจะทำให้ฝนตกต้องตามฤดูกาล ผู้คนมีความสุข บ้านเมืองปราศจากโรคระบาดคุกคาม

นอกจากนี้ ได้ เดินทางไปศาลากลางจังหวัด เพื่อติดตามสถานการณ์น้ำและการดำเนินงานโครงการลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐปี 2565 ของกระทรวงการคลัง เพื่ออำนวยความสะดวกการลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐของประชาชนที่มีสิทธิ์ และช่วยยกระดับรายได้ต่อหัวของประชาชนเพชรบูรณ์ในภาพรวม ในส่วนสถานการณ์น้ำ พล.อ.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกประจำ รอง นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การลงพื้นที่เพชรบูรณ์ครั้งนี้ เป็นการติดตามสถานการณ์น้ำในภาคเหนือและอีสานของพล.อ.ประวิตร โดยเน้นการเตรียมรับมือพายุโนรูที่คาดการณ์พาดผ่านประเทศไทยในเร็วๆนี้ โดย สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ได้รายงานสถานการณ์น้ำภาพรวม และผลกระทบที่ประชาชนได้รับความเดือดร้อนที่ผ่านมา รวมถึงแผนเตรียมความพร้อมรับมือภัยพิบัติที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต

พล.อ.ประวิตร’ ยังได้สั่งการ สทนช.และฝ่ายปกครอง ติดตามสถานการณ์พายุโนรู และผลกระทบที่จะเกิดขึ้นในพื้นที่ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ตั้งแต่ 25 ก.ย.65 เป็นต้นไป โดยให้ประสาน กรมชลประทานและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เตรียมเร่งระบายน้ำรักษาสมดุลพื้นที่เหนือเขื่อนและท้ายเขื่อนรองรับมวลน้ำสะสม ที่จะเกิดขึ้นจากฝนตกหนักและหนักมากต่อเนื่อง พร้อมทั้งสั่งการฝ่ายปกครอง แจ้งเตือนและดูแลให้การช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่เสี่ยงอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะในพื้นที่ท้ายเขื่อนริมเจ้าพระยาและลำน้ำสายหลัก เช่น แม่น้ำยม แม่น้ำวังและแม่น้ำมูล ที่มีปริมาณน้ำเอ่อล้นสูงขึ้น สำหรับพื้นที่ กทม.และปริมณฑล ขอให้ยังคงเฝ้าระวังและร่วมกันบริหารจัดการน้ำ พื้นที่ริมตลิ่งให้ได้รับผลกระทบน้อยที่สุด นอกจากนี้ ได้เร่งเข้าไปช่วยดูปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนในจ.เพชรบูรณ์ ในการใช้ประโยชน์ที่ดินในพื้นที่ป่าไม้น้ำหนาว เขาค้อและป่าภูทับเบิก ปัญหาอุทกภัยและภัยแล้งในพื้นที่ชุมชนเมือง ที่จะต้องเตรียมเขื่อนป้องกันตลิ่งและสร้างอ่างเก็บน้ำรองรับ

“สำหรับการลงพื้นที่ครั้งนี้ ย้ำว่า เพื่อดูแลประชาชนเป็นหลัก เพราะประชาชนได้รับความเดือดร้อนจากปัญหาน้ำท่วม ตนมาช่วยเหลือประชาชน ไม่ได้เล่นการเมือง ย้ำว่ามาช่วยเหลือประชาชน ส่วนข้าราชการทุกคนไม่ใช่เจ้านายประชาชน แต่เป็นลูกน้อง ฉะนั้นต้องเอาประชาชนเป็นศูนย์กลาง ต้องดูแลให้ประชาชนให้อยู่ดีกินดี มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น เป็นความประสงค์ของรัฐบาล” พล.อ.ประวิตรกล่าว

“พล.อ.ประวิตร” เป็นประธานเปิดประเพณีอุ้มพระดำน้ำจ.เพชรบูรณ์ ติดตามแผนปฏิบัติการรับมือน้ำหวั่นพายุโนรูซ้ำอุทกภัยเหนือ- อีสาน “พล.อ.ประวิตร” เป็นประธานเปิดประเพณีอุ้มพระดำน้ำจ.เพชรบูรณ์   ติดตามแผนปฏิบัติการรับมือน้ำหวั่นพายุโนรูซ้ำอุทกภัยเหนือ- อีสาน “พล.อ.ประวิตร” เป็นประธานเปิดประเพณีอุ้มพระดำน้ำจ.เพชรบูรณ์   ติดตามแผนปฏิบัติการรับมือน้ำหวั่นพายุโนรูซ้ำอุทกภัยเหนือ- อีสาน “พล.อ.ประวิตร” เป็นประธานเปิดประเพณีอุ้มพระดำน้ำจ.เพชรบูรณ์   ติดตามแผนปฏิบัติการรับมือน้ำหวั่นพายุโนรูซ้ำอุทกภัยเหนือ- อีสาน “พล.อ.ประวิตร” เป็นประธานเปิดประเพณีอุ้มพระดำน้ำจ.เพชรบูรณ์   ติดตามแผนปฏิบัติการรับมือน้ำหวั่นพายุโนรูซ้ำอุทกภัยเหนือ- อีสาน “พล.อ.ประวิตร” เป็นประธานเปิดประเพณีอุ้มพระดำน้ำจ.เพชรบูรณ์   ติดตามแผนปฏิบัติการรับมือน้ำหวั่นพายุโนรูซ้ำอุทกภัยเหนือ- อีสาน “พล.อ.ประวิตร” เป็นประธานเปิดประเพณีอุ้มพระดำน้ำจ.เพชรบูรณ์   ติดตามแผนปฏิบัติการรับมือน้ำหวั่นพายุโนรูซ้ำอุทกภัยเหนือ- อีสาน “พล.อ.ประวิตร” เป็นประธานเปิดประเพณีอุ้มพระดำน้ำจ.เพชรบูรณ์   ติดตามแผนปฏิบัติการรับมือน้ำหวั่นพายุโนรูซ้ำอุทกภัยเหนือ- อีสาน “พล.อ.ประวิตร” เป็นประธานเปิดประเพณีอุ้มพระดำน้ำจ.เพชรบูรณ์   ติดตามแผนปฏิบัติการรับมือน้ำหวั่นพายุโนรูซ้ำอุทกภัยเหนือ- อีสาน “พล.อ.ประวิตร” เป็นประธานเปิดประเพณีอุ้มพระดำน้ำจ.เพชรบูรณ์   ติดตามแผนปฏิบัติการรับมือน้ำหวั่นพายุโนรูซ้ำอุทกภัยเหนือ- อีสาน “พล.อ.ประวิตร” เป็นประธานเปิดประเพณีอุ้มพระดำน้ำจ.เพชรบูรณ์   ติดตามแผนปฏิบัติการรับมือน้ำหวั่นพายุโนรูซ้ำอุทกภัยเหนือ- อีสาน

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 25 กันยายน 2565

 

 

พลังใจจากประชาชน พล.อ.ประวิตร ขอใช้ “ใจบันดาลแรง” ลุยงานเพื่อประชาชน

พลังใจจากประชาชน พล.อ.ประวิตร ขอใช้ “ใจบันดาลแรง” ลุยงานเพื่อประชาชน

,

ที่จังหวัดหนองบัวลำภู พรรคพลังประชารัฐ จัดงาน “พลังประชารัฐ มัดใจประชาชน” ซึ่งงานในครั้งนี้มีว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. อีสานเหนือและแกนนำพรรคพลังประชารัฐเดินทางเข้าร่วมกิจกรรมอย่างพร้อมเพรียง นำโดย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ และนายสันติ พร้อมพัฒน์ เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ โดยบรรยากาศภายในงานเป็นไปอย่างชื่นมื่น เป็นกันเอง และอบอุ่น ซึ่งงานในครั้งนี้ได้มีการจัดเวทีเสวนาขึ้น เพื่อพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นระหว่างผู้สมัคร ส.ส. กับชาวบ้านในพื้นที่ เพื่อสรุปเป็นแนวนโยบายเสนอต่อท่าน พล.อ.ประวิตร

พล.อ.ประวิตร ได้ขึ้นกล่าวกับบรรดาว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. อีสานเหนือและแกนนำพรรค ว่า วันนี้ผมมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้มาพบสมาชิกพรรคพลังประชารัฐทุกท่าน เราจะเปลี่ยนพรรคพลังประชารัฐให้เป็นพลังเพื่อชาติ เพื่อที่จะให้ทุกคนได้รวมกันเป็นหนึ่งเดียว เพื่อทำงานให้กับประเทศชาติให้เกิดความก้าวหน้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งจังหวัดหนองบัวลำภู ซึ่งมีรายได้น้อยเป็นลำดับที่ 76 ของประเทศ ปีหน้าเราจะทำให้ขึ้นมาอย่างน้อย 10 อันดับ เพื่อที่จะพัฒนาให้เรื่องน้ำ คน ยานพาหนะ รวมไปถึงเส้นทางต่าง ๆ ซึ่งรัฐบาลได้ให้ความสำคัญกับทุกจังหวัดอย่างเท่าเทียม ไม่ว่าจะเป็นจังหวัดไหน

งาน “พลังประชารัฐ มัดใจประชาชน” ครั้งนี้คือความตั้งใจของตัวผมที่อยากจะเปิดพื้นที่ให้ประชาชน ผู้สมัคร แกนนำพรรคพลังประชารัฐ ได้มีโอกาสพบปะพูดคุยกัน แลกเปลี่ยนเรียนรู้อย่างเป็นกันเอง เพราะฉะนั้นทุกจังหวัดที่มาในวันนี้อยากให้พูดคุยกัน มีอะไรอยากให้พรรคพลังประชารัฐได้ดำเนินการ เราต้องแลกเปลี่ยน ด้วยบรรยากาศแบบพี่ ๆ น้อง ๆ แบบนี้

สอดคล้องกับแนวคิด “ผ้าขาวม้าเชื่อมโลก” ที่เป็นความตั้งใจของทั้งรัฐบาล ที่อยากจะให้ภาคอีสานเป็นเสมือน “ตัวกลาง” เชื่อมไทยกับโลก พร้อมทั้งรองรับการขนส่งผู้คนและสินค้าไปมาระหว่างกัน ไม่ว่าจะทั้งทางราง ทางบก และทางอากาศ เมื่อพื้นฐานเราแข็งแรง ต่างชาติเขาเชื่อมั่น มันก็ช่วยสร้างงานให้คนในพื้นที่ เศรษฐกิจดี การท่องเที่ยวก็จะตามมา นี่คือความตั้งใจของรัฐบาลที่อยากให้พี่น้องอยู่ดีกินดี

ผมเชื่อมั่นในความสามารถของทุกท่าน ที่จะทำให้เกิดความคิดที่จะทำด้วยหัวใจ ใจบันดาลแรงคืออายุมากแล้วมีแรงใจจากพี่น้องประชาชนทำให้มีแรงทำงานเพื่อประชาชน เพื่อชาติ เพื่อทุกคน

พลังใจจากประชาชน พล.อ.ประวิตร ขอใช้ “ใจบันดาลแรง” ลุยงานเพื่อประชาชน พลังใจจากประชาชน พล.อ.ประวิตร ขอใช้ “ใจบันดาลแรง” ลุยงานเพื่อประชาชน พลังใจจากประชาชน พล.อ.ประวิตร ขอใช้ “ใจบันดาลแรง” ลุยงานเพื่อประชาชน พลังใจจากประชาชน พล.อ.ประวิตร ขอใช้ “ใจบันดาลแรง” ลุยงานเพื่อประชาชน พลังใจจากประชาชน พล.อ.ประวิตร ขอใช้ “ใจบันดาลแรง” ลุยงานเพื่อประชาชน พลังใจจากประชาชน พล.อ.ประวิตร ขอใช้ “ใจบันดาลแรง” ลุยงานเพื่อประชาชน พลังใจจากประชาชน พล.อ.ประวิตร ขอใช้ “ใจบันดาลแรง” ลุยงานเพื่อประชาชน พลังใจจากประชาชน พล.อ.ประวิตร ขอใช้ “ใจบันดาลแรง” ลุยงานเพื่อประชาชน พลังใจจากประชาชน พล.อ.ประวิตร ขอใช้ “ใจบันดาลแรง” ลุยงานเพื่อประชาชน พลังใจจากประชาชน พล.อ.ประวิตร ขอใช้ “ใจบันดาลแรง” ลุยงานเพื่อประชาชน พลังใจจากประชาชน พล.อ.ประวิตร ขอใช้ “ใจบันดาลแรง” ลุยงานเพื่อประชาชน พลังใจจากประชาชน พล.อ.ประวิตร ขอใช้ “ใจบันดาลแรง” ลุยงานเพื่อประชาชน พลังใจจากประชาชน พล.อ.ประวิตร ขอใช้ “ใจบันดาลแรง” ลุยงานเพื่อประชาชน พลังใจจากประชาชน พล.อ.ประวิตร ขอใช้ “ใจบันดาลแรง” ลุยงานเพื่อประชาชน

#ใจบันดาลแรง #พรรคพลังประชารัฐ #ลุงป้อม #บิ๊กป้อม #อีสานเหนือ #หนองบัวลำภู

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 18 กันยายน 2565

สุดชื่นมื่น “บิ๊กป้อม” เปิดพื้นที่พบปะผู้สมัคร ส.ส. อีสาน ในงาน “พลังประชารัฐ มัดใจประชาชน”

สุดชื่นมื่น “บิ๊กป้อม” เปิดพื้นที่พบปะผู้สมัคร ส.ส. อีสาน ในงาน “พลังประชารัฐ มัดใจประชาชน”

,

ที่จังหวัดหนองบัวลำภู พรรคพลังประชารัฐ จัดงาน “พลังประชารัฐ มัดใจประชาชน” ซึ่งงานในครั้งนี้มีว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. อีสานเหนือและแกนนำพรรคพลังประชารัฐเดินทางเข้าร่วมกิจกรรมอย่างพร้อมเพียง นำมาโดย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง พร้อมด้วยว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. สจ.ประภาลักษณ์ สิทธิ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. หนองบัวลำภู เขต 3 ว่าที่ พ.ต. สรชาติ วิชย สุวรรณพรหม ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. หนองบัวลำภู เขต 2 นพ.กันณพงศ์ อัครไชยพงศ์ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. ขอนแก่น เขต 11 น.ส.กัญจน์พร วงศ์เวไนย ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส ร้อยเอ็ด เขต 4 และนายสมรักษ์ คำสิงห์ ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. ขอนแก่น เขต 10

โดยบรรยากาศภายในงานเป็นไปอย่างชื่นมื่น ซึ่งงานในครั้งนี้ได้มีการจัดเวทีเสวนาขึ้น เพื่อพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นระหว่างผู้สมัคร ส.ส. กับชาวบ้านในพื้นที่ เพื่อสรุปเป็นแนวนโยบายเสนอต่อท่าน พล.อ.ประวิตร นำโดยว่าที่ผู้สมัครในพื้นที่

สจ.ประภาลักษณ์ กล่าวว่า ปัญหาหลักของหนองบัวลําภูคือโครงสร้างพื้นฐาน ทั้งถนนสายหลัก และถนนสายรอง ขอยกตัวอย่างถนนสายหลัก ที่เป็นปัญหาหนักตอนนี้ คือ ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 210 สายอุดรธานี-วังสะพุง เป็นทางหลวงแผ่นดินแนวตะวันออก–ตะวันตกที่เชื่อมต่อจังหวัดอุดรธานี จังหวัดหนองบัวลําภู และจังหวัดเลยเข้าด้วยกัน มีปลายทางทิศตะวันออกบนถนนวงแหวนรอบเมืองอุดรธานี หรือทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 216 ในอําเภอเมืองอุดรธานี จังหวัดอุดรธานี ปัญหาหลักอีกเรื่องคือเรื่องนํ้า เพราะประชากรส่วนใหญ่เป็นเกษตรกร ประกอบอาชีพทําการเกษตร เลี้ยงสัตว์ จังหวัดหนองบัวลําภูยัง ขาดนํ้าเพื่อการเกษตร มีนํ้าไม่เพียงพอในการทําการเกษตร เนื่องจากไม่มีที่เก็บนํ้าไว้ใช้ ที่สามารถใช้ได้ทําการเกษตรได้ตลอดทั้งปี สิ่งที่อยากให้เกิดขึ้นเพื่อใช้ประโยชน์จากแหล่งนํ้าลําพะเนียงคือ อยากให้มีที่กั้นนํ้าไว้เป็นช่วง ๆ เพื่อใช้ในการทําการเกษตร และดึงนํ้าจากพะเนียงส่งไปเก็บ และกระจายไปยังตําบลต่าง ๆ ให้ทั่วถึง

ว่าที่พันตรี สรชาติ กล่าวว่า ผมกับท่านรัฐมนตรีสันติอยู่ด้วยกันมาหลายสิบปี วันนี้ก็ดีใจได้ไปอยู่ที่กระทรวงการคลัง โดยเฉพาะอย่างยิ่งท่านรัฐมนตรีท่านเป็นประธานคณะกรรมการประชารัฐสวัสดิการเพื่อเศรษฐกิจฐานรากและสังคม เลือกตั้งครั้งที่แล้วผมได้มีโอกาสไปช่วยผู้สมัครหาเสียง ที่จังหวัดหนองบัวลําภูรู้เลยว่าพี่น้องอยากได้บัตรประชารัฐกันมาก แต่เราไม่สามารถเอาให้เขาได้ในขนาดนั้น ผมคุยกับท่านรัฐมนตรีสันติยังไงเราก็ต้องมีโอกาสเปิดให้ลงทะเบียนบัตรประชารัฐรอบใหม่ เพื่อให้พี่น้องชาวหนองบัวและทั่วประเทศได้รับบัตรที่อยากได้และต้องการจริง ๆ และผมเชื่อแน่ว่า “บัตรประชารัฐ” นี่ละจะทำให้เราได้ผู้แทนทุกจังหวัด

นพ.กันณพงศ์ กล่าวว่า ในฐานะที่ผมเป็นคนรุ่นใหม่ ที่มีความตั้งใจ และมุ่งมั่น จะพัฒนาและสร้างความเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้นให้ประเทศของเรา จึงขออาสา และ ขอโอกาสให้ผม หมอโน่ นพ.กันณพงศ์ อัครไชยพงศ์ ได้ร่วมอุดมการณ์ ไปกับพรรคพลังประชารัฐและผมมั่นใจว่า จะเป็นกำลังที่สำคัญของพรรค ที่จะทำงานเพื่อพี่น้องประชาชนต่อไปครับ

น.ส.กัญจน์พร กล่าวว่า การเปลี่ยนการเมืองให้เป็นพลัง ด้วยการทำกิจกรรมกับพี่น้องประชาชนในหลายด้านทั้งทางด้านพลังใจ พลังกาย และพลังความรู้ พลังใจ ไม่ว่าจะเป็นโครงการสอนทำปุ๋ยพลังใจ สอนชาวนาทำปุ๋ยน้ำหมักรำข้าวใช้เอง ทดแทนปุ๋ยเคมีในภาวะปุ้ยแพงในวิกฤตพลังงาน โครงการปุ๋ยพลังใจ ลดต้นทุนการผลิต สร้างอาชีพ ลดรายจ่ายภาคเกษตร ลดหนี้ สร้างรายได้ สร้างพลังใจให้ชาวนาชาวสวนชาวไร่ภาคการเกษตร พลังกาย ผ่านสายยางวิเศษ ภูมิปัญญาการยืดเส้นเพื่อดูแลสุขภาพตัวเอง และพลังของความรู้ภูมิปัญญา โดยการเข้าไปทำงานสร้างความรู้ต่อยอดภูมิปัญญาอยู่กับพี่น้องประชาชน

ทางด้าน นายสมรักษ์ ขึ้นกล่าวว่า ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ผมตัดสินใจร่วมงานกับพรรคพลังประชารัฐ เชื่อหรือไม่ครับ วันนั้นโซเชียลถล่มผมเละเลย แต่ด้วยใจที่หนักแน่นของผม ชีวิตผมต่อยมวยมาตั้งแต่เด็ก ใครด่าผมก็ช่างเพราะผมได้เลือกแล้วว่า ชีวิตหลังจากนี้เราอยากจะทำเพื่อบ้านเกิด เพื่อพี่น้องประชาชน

ปิดท้ายด้วย พล.อ.ประวิตร ได้ขึ้นกล่าวกับบรรดาว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. อีสานเหนือและแกนนำพรรค ว่า วันนี้ผมมีความยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้มาพบสมาชิกพรรคพลังประชารัฐทุกท่าน เราจะเปลี่ยนพรรคพลังประชารัฐให้เป็นพลังเพื่อชาติ เพื่อที่จะให้ทุกคนได้รวมกันเป็นหนึ่งเดียว เพื่อทำงานให้กับประเทศชาติให้เกิดความก้าวหน้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งจังหวัดหนองบัวลำภู ซึ่งมีรายได้น้อยเป็นลำดับที่ 76 ปีหน้าเราจะทำให้ขึ้นมาอย่างน้อย 10 อันดับ เพื่อที่จะพัฒนาให้เรื่องน้ำ คน ยานพาหนะ รวมไปถึงเส้นทางต่าง ๆ ซึ่งรัฐบาลได้ให้ความสำคัญกับทุกจังหวัดอย่างเท่าเทียม ไม่ว่าจะเป็นจังหวัดไหนงาน “พลังประชารัฐ มัดใจประชาชน” ครั้งนี้คือความตั้งใจของตัวผมที่อยากจะเปิดพื้นที่ให้ประชาชน ผู้สมัคร แกนนำพรรคพลังประชารัฐ ได้มีโอกาสพบปะพูดคุยกัน แลกเปลี่ยนเรียนรู้อย่างเป็นกันเอง เพราะฉะนั้นทุกจังหวัดที่มาในวันนี่้ก็อยากให้พูดคุยกัน มีอะไรอยากให้พรรคพลังประชารัฐได้ดำเนินการ เราต้องแลกเปลี่ยน ด้วยบรรยากาศแบบพี่ ๆ น้อง ๆ แบบนี้สอดคล้องกับแนวคิด “ผ้าขาวม้าเชื่อมโลก” ที่เป็นความตั้งใจของทั้งรัฐบาล ที่อยากจะให้ภาคอีสานเป็นเสมือน “ตัวกลาง” เชื่อมไทยกับโลก พร้อมทั้งรองรับการขนส่งผู้คนและสินค้าไปมาระหว่างกัน ไม่ว่าจะทั้งทางราง ทางบก และทางอากาศ เมื่อพื้นฐานเราแข็งแรง ต่างชาติเขาเชื่อมั่น มันก็ช่วยสร้างงานให้คนในพื้นที่ เศรษฐกิจดี การท่องเที่ยวก็จะตามมา นี่คือความตั้งใจของรัฐบาลที่อยากให้พี่น้องอยู่ดีกินดี ผมเชื่อมั่นในความสามารถของทุกท่าน ที่จะทำให้เกิดความคิดที่จะทำด้วยหัวใจ ด้วยใจบันดาลแรง ที่ผมบอกใจบันดาลแรงนั้นไม่ใช่แรงบันดาลใจ เพราะผมอายุ 78 แล้ว เพราะฉะนั้นจึงต้องใช้ใจบันดาลแรง เพื่อจะเอาแรงนี้ไปช่วยพี่น้องคนไทยและประเทศชาติ มีความสมบูรณ์ มีความเป็นหนึ่งเดียวให้ได้ พวกเราทุกคนตลอดจนลูกหลานของเราจะมีความสุขตลอดไป ถ้าทุกคนได้ร่วมมือร่วมใจกัน ในการที่จะทำเพื่อประเทศชาติและการทำงานเสียสละเพื่อพี่น้องประชาชน ผมขอขอบคุณทุกท่านที่ได้ให้ความร่วมแรงร่วมใจเพื่อพรรคพลังประชารัฐของเราจะได้มีความเจริญก้าวหน้า พรรคนี้ไม่ได้เป็นพรรคของใครหรือคนใดคนหนึ่ง แต่เป็นพรรคของทุกคนที่เป็นสมาชิกของพรรคพลังประชารัฐ เราจะทำให้เป็นองค์กรทางการเมืองที่มีความเข้มแข็งต่อในอนาคต เพื่อประชาชนคนไทยทุกคน

สุดชื่นมื่น “บิ๊กป้อม” เปิดพื้นที่พบปะผู้สมัคร ส.ส. อีสาน ในงาน “พลังประชารัฐ มัดใจประชาชน” สุดชื่นมื่น “บิ๊กป้อม” เปิดพื้นที่พบปะผู้สมัคร ส.ส. อีสาน ในงาน “พลังประชารัฐ มัดใจประชาชน”

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 17 กันยายน 2565

“พัชรินทร์” ตอบ “เพื่อไทย” อย่าโยนความผิดน้ำท่วม 54 ให้รัฐบาลอื่น ยัน “ลุงป้อม” แก้น้ำท่วมจริงจัง กำหนดเป็นวาระแห่งชาติ ออก 13 มาตรการ รับมือฤดูฝน 65 ก่อนน้ำมา

,

“พัชรินทร์” ตอบ “เพื่อไทย” อย่าโยนความผิดน้ำท่วม 54 ให้รัฐบาลอื่น ยัน “ลุงป้อม” แก้น้ำท่วมจริงจัง กำหนดเป็นวาระแห่งชาติ ออก 13 มาตรการ รับมือฤดูฝน 65 ก่อนน้ำมา

ดร.พัชรินทร์ ซำศิริพงษ์ ส.ส.กทม.เขต 2 ในฐานะโฆษกพรรคพลังประชารัฐ ชี้แจงถึงกรณีที่ฝ่ายค้านตั้งกระทู้ถามสดนายกรัฐมนตรี ถึงปัญหาน้ำท่วม ที่มี พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย มาตอบกระทู้ ซึ่ง นางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงเหตุการณ์น้ำท่วมปี 54 ว่า “น้ำท่วมสูงเหมือนสั่งได้ เหมือนรับน้อง รัฐบาลนางสาวยิ่งลักษณ์” ทั้งนี้ ตนมองว่าเหตุการณ์ น้ำท่วมใหญ่ ในครั้งนั้น เป็นผลที่เกิดจากการบริหารจัดการน้ำของรัฐบาลพรรคเพื่อไทยเอง ขออย่าเบี่ยงเบน โยนความผิดให้รัฐบาลอื่น และใช้พื้นที่ของสภาฯ ให้เกิดประโยชน์ ไม่ใช้วาทะกรรม เพื่อบิดเบือนข้อมูล ต่อการรับรู้ของประชาชน

ส่วนที่ตั้งคำถามถึง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี รักษาการนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยการกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ ว่ารัฐบาลมองปัญหาการบริหารจัดการน้ำ สำคัญแค่ไหน และการบริหารจัดการน้ำ ขอยืนยันว่า รัฐบาล ให้ความสำคัญกับการแก้ปัญหาเรื่องน้ำ มาอย่างต่อเนื่อง โดยกำหนดเป็นวาระแห่งชาติ ซึ่งได้ตั้งศูนย์อำนวยการแก้น้ำท่วมส่วนหน้า เพื่อรับมือก่อนน้ำมา และสั่งการให้มีการฟื้นฟูเยียวยา ผู้ที่ได้รับผลกระทบ โดยไม่ได้ทอดทิ้งประชาชน อย่างที่ถูกกล่าวอ้าง

ส่วนข้อคำถามที่ว่า รัฐบาลเคยนำผลศึกษาที่ผ่านมาในอดีต มาดำเนินการต่อหรือไม่นั้น ขอยืนยันว่า พล.อ.ประวิตร ในฐานะผู้อำนวยการกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ ได้ลงพื้นที่ติดตามการบริหารจัดการน้ำ ด้วยตนเองทุกพื้นที่ ทั่วประเทศ ตั้งแต่รับหน้าที่ และได้บูรณาการ ร่วมกับส่วนราชการ นักวิชาการ เพื่อศึกษา และประเมินสถานการณ์น้ำ เพื่อรับมือในระยะเร่งด่วน และวางแผนในระยะยาวจนส่งผลให้ตลอด 3 ปี ที่ผ่านมา เราไม่เจอกับปัญหาภัยแล้ง เนื่องจากการบริหารน้ำต้นทุน ที่มีประสิทธิผล และได้นำการศึกษาในอดีตมาปรับใช้ ออกแบบแนวทางรับมือ จนออกเป็น 13 มาตรการรับมือฤดูฝน ปี 2565
เช่น การจัดทำแผนการใช้พื้นที่ลุ่มต่ำ/แก้มลิงเพื่อรองรับน้ำหลาก และเป็นพื้นที่หน่วงน้ำ 1ในช่วงฤดูน้ำหลาก จัดทำแผนเก็บกักน้ำไว้ใช้ก่อนสิ้นฤดูฝน ติดตามสถานการณ์น้ำในแหล่งน้ำขนาดใหญ่ – กลาง เพื่อเฝ้าระวังและควบคุมการบริหารจัดการน้ำให้เป็นไปตามเกณฑ์ปฏิบัติการอ่างเก็บน้ำหรือเกณฑ์ควบคุม จัดทำแผนการบริหารจัดการน้ำแหล่งน้ำขนาดใหญ่ – กลาง ในช่วงภาวะวิกฤต ตรวจความมั่นคงและปลอดภัยคัน/ทำนบ/พนังกั้นน้ำ (ก่อนฤดูฝน-ตลอดช่วงฤดูฝน) ตรวจสอบความมั่นคง แข็งแรงของคันกั้นน้ำ ทำนบ และพนังกั้นน้ำ และซ่อมแซม ปรับปรุงให้มีสภาพดี ทั้งนี้เชื่อว่ารัฐบาลพร้อมเรียนรู้ข้อบกพร่องในอดีต มาปรับใช้กับปัจจุบัน เพื่อให้เกิดประโยชน์กับประชาชนให้ได้มากที่สุด

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 15 กันยายน 2565

“พล.อ.ประวิตร” ตรวจน้ำท่วมเขตมีนบุรี-หนองจอก รับปากไม่ทอดทิ้งปชช.เร่งสูบน้ำออกจากพื้นที่โดยเร็ว

,

“พล.อ.ประวิตร” ตรวจน้ำท่วมเขตมีนบุรี-หนองจอก รับปากไม่ทอดทิ้งปชช.เร่งสูบน้ำออกจากพื้นที่โดยเร็ว

วันที่ 14 กันยายน 2565 พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยนายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม(DES) และพล.อ.ชัชชาญ ช้างมงคล รัฐมนตรีช่วยกลาโหม นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯ กทม.,นายวิรัช รัตนเศรษฐ์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) และนายชาญวิทย์ วิบูลย์ศิริ ส.ส.กทม. เขตมีนบุรี-เขตคันนายาว ร่วมคณะเดินทางลงตรวจสถานการณ์น้ำในพื้นที่เขต หนองจอก กทม. ในจุดแรกบริเวณประตูระบายน้ำคลองแสนแสบ ซึ่งได้กล่าวกับผู้ว่าฯ กทม. ว่า ไม่เป็นไร ประเทศเดียวกันใช้ได้หมด อย่างไรต้องช่วยเหลือประชาชนให้รอดพ้นจากปัญหาน้ำท่วมให้ได้เร็วที่สุด ส่วนการพัฒนาคลองแสนแสบก็ต้องทำให้ดีขึ้นกว่าเดิม และได้ดำเนินนโยบายมานานแล้ว เพราะแต่เดิมมันส่งกินเหม็น ฉะนั้นก็ต้องช่วยทำให้ดีขึ้น และน้ำสะอาด

พล.อ.ประวิตร ยังเดินทางไปยังวัดวิบูลย์ธรรมาราม เขตหนองจอก เพื่อมอบถุงยังชีพให้ประชาชนที่ได้รับผลกระทบ โดยมีนายศิริพงษ์ รัสมี ส.ส.กทม.เขตหนองจอก พรรคพลังประชารัฐ ให้การต้อนรับ พร้อมพบปะประชาชนและมอบถุงยังชีพ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อน จากผลกระทบจากปริมาณฝนตกต่อเนื่อง ทำให้เกิดน้ำท่วมขัง

โดยพล.อ.ประวิตร กล่าวกับประชาชนที่มาต้อนรับว่า สถานการณ์ฝนตกในช่วงนี้ทำให้หลายพื้นที่ใน กทม.เกิดน้ำท่วมขัง ซึ่งรวมถึงเขตหนองจอกด้วย ตอนนี้รัฐบาลได้ติดตั้งเครื่องสูบน้ำ 18 ตัว เพื่อเร่งสูบน้ำออกจากพื้นที่ กทม.ขอให้เชื่อมั่นในรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทรโอชา ที่กำลังแก้ปัญหาน้ำท่วม โดยเร่งระบายน้ำให้เร็วที่สุด เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้กับประชาชน ขอให้ทุกคนใจเย็น ๆ ขณะนี้รัฐบาลกำลังทำงานเพื่อประชาชน และต้องขอขอบคุณเจ้าหน้าที่ ๆ เกี่ยวข้องทุกคนที่ทำงานกันอย่างหนัก การแก้ปัญหาให้ประชาชนถือเป็นความประสงค์ของท่านชัชชาติ และรัฐบาล ทั้งนี้ขอให้ประชาชนทุกคนปลอดภัยจากโควิด-19 เพื่อเป็นกำลังในการพัฒนาประเทศร่วมกับรัฐบาลต่อไป

ทั้งนี้ พล.อ.ประวิตร ได้นำความห่วงใยถุงยังชีพ เครื่องอุปโภคบริโภค เช่น ข้าวสาร ไข่ไก่ น้ำดื่ม บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป และของใช้ที่จำเป็นมอบให้กับผู้ประสบอุทกภัยในพื้นที่เขตหนองจอก เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้นให้กับพี่น้องประชาชนด้วย

นายศิริพงษ์ กล่าวว่า พื้นที่หนองจอก เป็นพื้นที่มีอาณาเขตกว้างใหญ่ที่สุดในเขตกทม. และมีคลองและคลองซอยกว่า 100 คลอง มีถนนกว่า 100 สาย พื้นที่เขตหนองจอกประสบอุทกภัยทุกปี ขอเป็นพื้นที่รับน้ำก่อนที่จะเข้าสู่พื้นที่ กทม.ชั้นใน ตนต้องขอขอบคุณผู้หลักผู้ใหญ่ทุกคนที่ให้คงามสำคัญประชาชนชาวหนองจอกที่เผชิญน้ำท่วมมากว่า 3 สัปดาห์แล้ว ถือว่าเป็นอีกหนึ่งวันประวัติศาสตร์ สุดท้ายตนต้องขอฝากพี่น้องประชาชนไว้กับ พล.อ.ประวิตร ด้วย

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 14 กันยายน 2565