โลกเปลี่ยน ไทยต้องปรับ ทางเลือกใหม่ของการเมืองไทย ก้าวข้ามความขัดแย้ง สานพลังประชาราษฎร์ ร่วมสร้างชาติให้ยั่งยืน

หมวดหมู่: ข่าวกิจกรรม

“พลเอก ประวิตร” ประธานโอลิมปิค ต้อนรับอบอุ่น “คณะมนตรีซีเกมส์” ไทยพร้อมเป็นเจ้าภาพซีเกมส์ ครั้งที่ 33 จัดยิ่งใหญ่ มาตรฐานสากล

,

“พลเอก ประวิตร” ประธานโอลิมปิค ต้อนรับอบอุ่น “คณะมนตรีซีเกมส์” ไทยพร้อมเป็นเจ้าภาพซีเกมส์ ครั้งที่ 33 จัดยิ่งใหญ่ มาตรฐานสากล

วันที่ 25 ตุลาคม 2567 เวลา 10.00 น. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ประธานคณะกรรมการ โอลิมปิคแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ให้การต้อนรับคณะมนตรีซีเกมส์ รวม 11 ประเทศ ที่เดินทางมาเข้าร่วมประชุมหารือติดตามความพร้อมการเตรียมจัดการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ ครั้งที่ 33 ซึ่งประเทศไทยจะเป็นเจ้าภาพ ระหว่างวันที่ 9 – 20 ธันวาคม 2568 สำหรับการประชุมคณะมนตรีซีเกมส์ครั้งที่ 2 จัดขึ้น ณ ห้องประชุมอาคารสำนักงานคณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทยฯ โดยพลเอก.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ได้เดินทางมาเป็นประธาน และกล่าวต้อนรับในฐานะประธานสหพันธ์กีฬาซีเกมส์ และประธานคณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทยฯ ซึ่งได้ยืนยันว่าประเทศไทยได้เตรียมความพร้อมในการจัดการแข่งขันกีฬาซีเกมส์ครั้งที่ 33 ที่มีความก้าวหน้ามาอย่างต่อเนื่องเป็นไปตามระเบียบข้อบังคับของธรรมนูญซีเกมส์ทุกประการ และจะดำเนินการจัดการแข่งขันในครั้งนี้ ภายใต้มาตรฐานในระดับสากลเพื่อรักษาชื่อเสียงของสหพันธ์กีฬาซีเกมส์และประเทศไทยอย่างดีที่สุด

ทั้งนี้ พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ ได้รับมอบของที่ระลึกจากนายกองเอก ชัยภักดิ์ศิริวัฒน์ หัวหน้าสำนักงานซีเกมส์ ซึ่งเป็นประธานการประชุมคณะมนตรีซีเกมส์ และได้ร่วมถ่ายภาพหมู่เป็นที่ระลึกกับคณะมนตรีซีเกมส์ ทั้ง 11 ประเทศ  อย่างไรก็ตาม คณะมนตรีซีเกมส์ได้กล่าวชื่นชมและขอบคุณ พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ ที่ให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น ด้วยมิตรไมตรีอีกทั้งแสดงความเชื่อมั่นความสำเร็จอย่างดียิ่งต่อประเทศไทย

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 25 ตุลาคม 2567

“พรรคพลังประชารัฐเสนอ ยกเลิกมาตรฐานอุตสาหกรรม มาตรฐาน มอก. 2333 เพื่อป้องกันมิให้เกิดโศกนาฏกรรมกลับรถโดยสารที่ใช้ก๊าซ NGV ซ้ำอีก”

,

“พรรคพลังประชารัฐเสนอ ยกเลิกมาตรฐานอุตสาหกรรม มาตรฐาน มอก. 2333 เพื่อป้องกันมิให้เกิดโศกนาฏกรรมกลับรถโดยสารที่ใช้ก๊าซ NGV ซ้ำอีก”

วันที่ 24 ตุลาคม 2567 พรรคพลังประชารัฐ นำโดย ดร. ม.ล. กรกสิวัฒน์ เกษมศรี กรรมการบริหารพรรค และนายชัยมงคล ไชบรบ รองหัวหน้าพรรค พร้อมด้วย สส. ของพรรค ได้ยื่นหนังสือด่วนต่อ นายเอกนัฐ พร้อมพันธ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ให้ยกเลิก มาตรฐาน มอก. 2333 ที่ใช้ติดตั้งระบบก๊าซ NGV ทันที เพราะเปิดช่องให้ไม่ต้อง ปฏิบัติตาม มาตรฐานความปลอดภัยสากล
มาตรฐาน ECE  R110 และ ISO 15501 กำหนดว่า ถังก๊าซ NGV ต้องมีลิ้นเปิดปิดอัตโนมัติ (วาร์วไฟฟ้า) เพื่อควบคุมการรั่วของก๊าซท่อก๊าซแตก แต่มาตรฐาน มอก. 2333 ระบุว่า ผู้ติดตั้งเลือกได้ว่า จะใช้ ลิ้นเปิด-ปิดด้วยมือ หรือ ลิ้นเปิด-ปิดอัตโนมัติ  (วาร์วไฟฟ้า) ก็ได้ ดังนั้น รถโดยสารสาธารณะส่วนใหญ่จึงติดตั้งเพียงลิ้นเปิด-ปิดด้วยมือที่ถังแต่ละใบ เพราะมีราคาถูกกว่า เมื่อเกิดอุบัติจึงขาดอุปกรณ์ตัดก๊าซจากหัวถัง เพราะคงไม่มีใครสามารถเอามือไปหมุนลิ้นเปิด-ปิดด้วยมือได้ขณะเกิดเพลิงไหม้

ลิ้นเปิดปิดอัตโนมัติ (วาร์วไฟฟ้า) ประจำหัวถัง ถือเป็นอุปกรณ์จำเป็นในการป้องกันเพลิงไหม้ตามมาตรฐานยุโรป และ ISO กรณี รถบัสนักเรียนเพลาหน้าหักจนท่อก๊าซหลุด หากการติดตั้งเป็นไปตามมาตรฐานสากลแล้ว วาร์วไฟฟ้าจะตัดการจ่ายเชื้อเพลิงทันที โศกนาฏกรรมครั้งนี้ก็ไม่น่าจะเกิดขึ้น

พรรคพลังประชารัฐ เห็นว่า การเรียกรถโดยสารเข้ามาตรวจสอบตามระเบียบเดิมที่มีอยู่ จะไม่บรรลุมาตรฐานความปลอดภัยสากลอย่างแน่นอน และการห้ามการมีถังก๊าซ NGV ในห้องโดยสารหรือใต้ท้องรถ ก็ต้องให้เวลาผู้ประกอบการในการแก้ไข แต่การยกเลิกมาตรฐาน มอก. 2333 พร้อมรณรงค์ให้เร่งติดตั้งลิ้นเปิดปิดอัตโนมัติ (วาร์วไฟฟ้า) ที่ถังก๊าซในรถขนส่งสาธารณะจะช่วยป้องกันปัญหาได้อย่างฉับพลัน

พรรคพลังประชารัฐตั้งข้อสังเกตุว่า ในปี 2547 รัฐบาลได้ผลักดันนโยบายการใช้ก๊าซ NGV ในยานยนต์ โดยรณรงค์ว่า ก๊าซ NGV ปลอดภัยติดไฟยากกว่าเชื้อเพลิงทุกชนิด ซึ่งเป็นสภาพในอุดมคติที่ไม่มีประกายไฟ การรณรงค์เช่นนี้ นำไปสู่ความเข้าใจที่ผิดพลาดคลาดเคลื่อนถึงอันตรายของก๊าซ NGV อันเป็นต้นเหตุนำไปสู่มาตรฐาน มอก. 2333 ที่หละหลวม จึงควรทำความเข้าใจที่ถูกต้องให้แก่ประชาชนเป็นการเร่งด่วนที่สุด

“สส.อัคร” ปลื้ม เป็นตัวแทนอภิปรายในฐานะยุวสมาชิก บนเวทีประชุม 149th IPU ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เผย ได้เปิดมุมมองใหม่ นำมาใช้ในการทำงานการเมือง

,

“สส.อัคร” ปลื้ม เป็นตัวแทนอภิปรายในฐานะยุวสมาชิก บนเวทีประชุม 149th IPU ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เผย ได้เปิดมุมมองใหม่ นำมาใช้ในการทำงานการเมือง
     
นายอัคร ทองใจสด สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เปิดเผยว่า ตนได้เป็นตัวแทนของรัฐสภาไทย เดินทางไปประชุมสหภาพรัฐสภาที่นครเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ระหว่างวันที่ 11-18 ต.ค.ที่ผ่านมา และได้เป็นตัวแทนขึ้นอภิปรายในฐานะยุวสมาชิกในหัวข้อ “Science Technology and Innovation” ในการประชุม 149th IPU ณ กรุงเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งการได้รับเกียรติขึ้นอภิปรายในครั้งนี้นับเป็นครั้งที่ 2 แล้วบนเวทีโลกแห่งนี้

“นอกจากการประชุมในเวทีรัฐสภาโลกแล้วยังได้แลกเปลี่ยนความคิดกับเพื่อนสส.ในอีกหลายๆประเทศ ซึ่งได้มีการยกประเด็นยุวสมาชิกและนโยบายที่อาจเป็นประโยชน์ต่อแต่ละประเทศมาหารืออีกด้วยครับ” นายอัคร กล่าว

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 24 ตุลาคม 2567

ด้วยรักจากใจ“ลุงป้อม“ ส่งผู้สมัครลงพื้นที่ อำเภอสันกำแพง แม่ออน ดอยสะเก็ด ช่วยเหลือผู้ประสบภัยอย่างต่อเนื่องและจริงจัง

ด้วยรักจากใจ“ลุงป้อม“ ส่งผู้สมัครลงพื้นที่ อำเภอสันกำแพง แม่ออน ดอยสะเก็ด ช่วยเหลือผู้ประสบภัยอย่างต่อเนื่องและจริงจัง

วันนี้(9 ต.ค.67) เวลา10.00น  พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ  มีความห่วงใยประชาชนในพื้นที่จังหวัด เชียงใหม่ในอำเภอต่างๆ ที่ประสบภัยน้ำท่วม และ พรรคพลังประชารัฐ ไม่เคยทอดทิ้งพี่น้องประชาชนยามเดือดร้อน จึงได้มอบหมายให้ ว่าที่ผู้สมัคร สส.จ.เชียงใหม่ ประกอบด้วย นายพจนารถ ศรียารัณย์ , นางศรีพรรณ เขียวทอง ,นายพรชัย อรรถปรียางกูร  และ นายนรพล ตันติมนตรี  ลงพื้นที่และออกให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมอย่างต่อเนื่อง

ทีมงานดังกล่าว ได้ลงพื้นที่ น้ำท่วมพื้นที่ตำบลต้นเปา ปูคา สันกลาง  ช่วยเหลือประชาชนดินสไลด์ ต้นไม้ล้ม บ้านพัง  และ บ้านแม่กำปอง ตำบลห้วยแก้ว อำเภอแม่ออน
หมู่3 บ้านทุ่งใต้ ตำบลแม่ปูคา   ไปจนถึงบ้านบ่อสร้าง ตำบลต้นเปา

นายพรชัยฯ กล่าวว่า ชาวเชียงใหม่ที่ประสบอุทกภัยน้ำท่วมในครั้งนี้  ฝากขอบคุณท่านพลเอกประวิตร  วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ และสมาชิกพรรคพลังประชารัฐทุกท่านที่ลงมาให้การช่วยเหลือพี่น้องประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนในครั้งนี้ และทำอย่างจริงจังและต่อเนื่อง“

พร้อมกันนี้ได้ให้   ตัวแทนพรรค พลังประชารัฐทั้งสี่เขต  จัดตั้งโรงครัวชั่วคราวเพื่อทำการประกอบอาหารช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมและให้การสนับสนุนเจ้าหน้าที่ ปกครอง  ทหาร ตำรวจและ อาสาสมัครที่ลงให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยในพื้นที่ในเขตอำเภอเมือง  อำเภอสารภี อำเภอสันป่าตอง  อำเภอสันกำแพง และอำเภอดอยสะเก็ด  โดยโดยใช้ ศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมชั่วคราวพรรคพลังประชารัฐของแต่ละเขตเป็นศูนย์กลางในการประสานงานเพื่อประกอบอาหารและให้การช่วยเหลือพี่ น้องประชาชน ในพื้นที่

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 10 ตุลาคม 2567

“สส.พิมพ์พร”ขอ ก.ศึกษาธิการ อนุมัติงบพัฒนา โครงสร้างพื้นฐานให้ รร.ใน จ.เพชรบูรณ์ ให้สอดคล้องกับแผนยุทธศาสตร์ ด้านการพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพทรัพยากรมนุษย์

“สส.พิมพ์พร”ขอ ก.ศึกษาธิการ อนุมัติงบพัฒนา โครงสร้างพื้นฐานให้ รร.ใน จ.เพชรบูรณ์ ให้สอดคล้องกับแผนยุทธศาสตร์ ด้านการพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพทรัพยากรมนุษย์

น.ส.พิมพ์พร พรพฤฒิพันธุ์ สส.เพชรบูรณ์ เขต 1 พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) กล่าวหารือในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรว่า ตนอยากจะของบประมาณเพื่อพัฒนาปรับปรุง โครงสร้างพื้นฐานให้แก่โรงเรียนในชุมชนของ จ.เพชรบูรณ์ เนื่องจาก จ.เพชรบูรณ์มีโรงเรียนภายใต้สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน หรือ สพฐ. กว่า 500 โรงเรียน ซึ่งปัจจุบันพบว่า มีการของบประมาณเพื่อพัฒนาศักยภาพในการเรียนการสอนรวมถึงระบบสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน เป็นไปตามเกณฑ์ของกระทรวงศึกษาธิการที่ใช้หลักธรรมาภิบาล และ มีการนำหลัก economic of scale มาช่วยบริหารเพื่อให้เกิดความเท่าเทียม

น.ส.พิมพ์พร กล่าวต่อว่า ภายในสถานศึกษาควรมีระบบสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐาน ไม่ว่าจะเป็นอาคารเรียน ห้องเรียนที่เพียงพอ มีคุณภาพ ห้องสมุด และ อุปกรณ์การเรียนที่เพียงพอ และทันสมัย สนามกีฬาและอุปกรณ์กีฬาที่เพียงพอ และ ปลอดภัยสื่อสารสนเทศที่เพียงพอ และเข้าถึงได้ แต่เราพบว่า ยังมีโรงเรียนอีกหลายแห่งที่อยู่รอบนอก และอาจตกสำรวจในเรื่องขอการขอ
งบประมาณ เพียงเพื่อต้องการของบประมาณในสิ่งที่อาจดูว่าเล็ก สำหรับคำว่าพื้นฐานด้านการศึกษา เช่น งบประมาณเพื่อสร้างห้องน้ำสำหรับนักเรียน,งบสร้างหลังคา,งบปรับปรุงโครงสร้างอาคารเรียน,งบปรับปรุงบ้านพักครู ซึ่งวิธีการแก้ปัญหาของโรงเรียนเหล่านี้จะใช้วิธีรวบรวมเงินในชุมชน ผู้นำ วัด หรือแม้กระทั่ง
ทอดผ้าป่า เพื่อนำมาเงินมาช่วยโรงเรียน

“ดิฉันจึงอยากขอความกรุณากระทรวงศึกษาธิการพิจารณาเรื่องดังกล่าวโดยเร่งด่วน เพื่อให้น้องๆ เยาวชนเด็กนักเรียน รวมถึงคุณครู ได้รับสิทธิขั้นพื้นฐานด้านการศึกษา ให้พวกเขาได้เรียนได้สอนอย่างมีความสุขและปลอดภัยมากขึ้น และสำคัญที่สุดเพื่อให้สอดคล้องเป็นไปตามแผนยุทธศาสตร์ ด้านการพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพทรัพยากรมนุษย์ ด้านการสร้างโอกาสและความเสมอภาคทางสังคมด้วย“

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 10 ตุลาคม 2567

“สส.คอซีย์”ขอ ก.หมาดไทย ย้ายโรงเรียนตาดีกาไปสังกัดองค์กรท้องถิ่น เพื่อจะเข้าไปสนับสนุนโรงเรียน สอนศาสนา ได้โดยไม่ขัด กม.ให้โรงเรียนมีมาตรฐานที่ดีขึ้น

“สส.คอซีย์”ขอ ก.หมาดไทย ย้ายโรงเรียนตาดีกาไปสังกัดองค์กรท้องถิ่น เพื่อจะเข้าไปสนับสนุนโรงเรียน สอนศาสนา ได้โดยไม่ขัด กม.ให้โรงเรียนมีมาตรฐานที่ดีขึ้น

นายคอซีย์ มามุ สส.ปัตตานี เขต 2 พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.)กล่าวหารือในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรถึงการพัฒนาเพิ่มศักยภาพโรงเรียน โรงเรียนตาดีกาในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ จากกรณีที่ตนได้จัดกิจกรรมรับฟังความคิดเห็นของประชาชนในพื้นที่ได้มีผู้แทนชมรมโรงเรียนตาดีกา จังหวัดปัตตานี ชี้แจงข้อจำกัดการพัฒนาครูผู้ฝึกสอน และ นักเรียนโรงเรียนตาดีกา ที่มีงบประมาณไม่เพียงพอ ปัจจุบันโรงเรียนตาดีกาอยู่ภายใต้สังกัดสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน เป็นหน่วยงานในสังกัดกระทรวงศึกษาธิการ โดยส่วนใหญ่ใช้พื้นที่การเรียนที่มัสยิส และจะเปิดการสอนในวันหยุด ปัจจุบันโรงเรียนขาดความพร้อมด้านงบประมาณ เพราะโรงเรียนก่อตั้งขึ้นเพื่อให้เด็กมีความรู้พื้นฐานด้านศาสนา ไม่ได้ก่อตั้งเพื่อก่อให้เกิดผลกำไร

นายคอซีย์ กล่าวต่อว่า องค์กรท้องถิ่นทุกระดับ ไม่ว่าเป็น อบจ. อบต. เทศบาล เมื่อรับรูัปัญหาก็ต้องการเข้าไปช่วยเหลือสนับสนุนงบประมาณให้กับโรงเรียน แต่ไม่สามารถเข้าไปช่วยเหลือได้ ภายใต้อำนาจหน้าที่กำหนดให้องค์กรท้องถิ่น ส่งเสริมสนับสนุนการศึกษาประชาชนได้ แต่ปัจจุบันองค์กรท้องถิ่น เกิดปัญหาโรงเรียนตาดีกา มีสถานะเป็นโรงเรียนเอกชน เป็นเหตุให้องค์กรท้องถิ่น ไม่สามารถเข้าไปอุดหนุนงบประมาณ เพื่อเพิ่มจำนวนครู เพิ่มค่าสื่อการเรียนการสอน รวมถึงการนำนักเรียนไปเรียนแลกเปลี่ยนเรียนรู้ได้

”ผมในฐานะ สส.ในพื้นที่ขอให้กระทรวงมหาดไทย ในส่วนกำกับดูแลองค์กรท้องถิ่น พิจารณาวางแนวทางให้องค์กรท้องถิ่นได้ใช้อำนาจในหน้าที่เข้าไปสนับสนุนโรงเรียน สอนศาสนา ประจำมัสยิส ได้โดยไม่ขัดต่อระเบียบและกฎหมาย และให้หาเรือร่วมกับกระทรวงศึกษาธิการ วางแนวทางให้โรงเรียนตาดีกามาอยู่ภายใต้สังกัดองค์กรท้องถิ่น เพื่อให้การจัดระบบข้อมูลทางการศึกษามีมาตรฐานเดียวกัน และสามารถกำหนดครูผู้สอนได้พอเพียง และมีค่าตอบแทนที่เหมาะสม เพื่อให้โรงเรียนตาดีกามีมาตรฐานที่ดีขึ้น“นายคอซีย์ กล่าว

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 10 ตุลาคม 2567

พล.อ.ประวิตร มองเหตุน้ำท่วมหนัก เพราะรัฐบาลไม่เป็นมืออาชีพ ยกสมัยเป็นรองนายกฯน้ำมากกว่านี้ยังจัดการได้ เผยหากอยากได้คำแนะนำพร้อมช่วยเหลือ

พล.อ.ประวิตร มองเหตุน้ำท่วมหนัก เพราะรัฐบาลไม่เป็นมืออาชีพ ยกสมัยเป็นรองนายกฯน้ำมากกว่านี้ยังจัดการได้ เผยหากอยากได้คำแนะนำพร้อมช่วยเหลือ

วันที่ 8 ตุลาคม 2567.  พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ  หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ กล่าวในที่ประชุมกรรมการบริหารและ  สส.พรรคถึงสถานการณ์อุทกภัยในขณะนี้ว่า การบริหารจัดการน้ำถือเป็นเรื่องสำคัญ ซึ่งในอดีต ตนเคยดำรงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรี ได้มีการวางแนวทางการบริหารจัดการไว้เป็นอย่างดีแล้ว โดยในปี 2565 ปริมาณน้ำมีมากกว่า ปี 2554 ที่มีเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ในกรุงเทพมหานคร แต่ก็สามารถจัดการได้ตามแผน จนไม่เกิดน้ำท่วมใหญ่ แต่ในปัจจุบันการเผชิญปัญหาของรัฐบาลยังไม่เป็นมืออาชีพ ถ้ารัฐบาลอยากรู้ว่าเขาทำอย่างไร ก็ควรไปศึกษาผลงานที่รัฐบาลชุดก่อนหน้านี้เคยวางรากฐานเอาไว้ และจะเห็นข้อแตกต่างของการบริหารจัดการน้ำที่เป็นระบบ ทั้งนี้ ตนพร้อมเสนอแนะและทำงานในฐานะฝ่ายค้านให้เกิดประโยชน์ต่อประชาชนอย่างเต็มที่

นอกจากนี้ ที่ประชุมพรรคพลังประชารัฐได้มีการนำเสนอปัญหาในแต่ละพื้นที่ถึงการจัดหาแหล่งน้ำดิบคุณภาพ  เพื่อนำไปผลิตประปาหมู่บ้านที่ยังขาดแคลนน้ำในหลายพื้นที่ รวมถึงงบประมาณการซ่อมบำรุงที่ยังไม่เพียงพอในการผลิตประปาเพื่อใช้ในการอุปโภคบริโภค รวมไปถึงการแก้ปัญหาภัยแล้งและอุทกภัยที่สร้างผลกระทบในวงกว้าง ควรมีการวางระบบการบริหารจัดการน้ำให้มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้น เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดี ซึ่งเรื่องนี้ พรรคพลังประชารัฐในฐานะเป็นประธานกรรมาธิการบริหารทรัพยากรน้ำจะนำเรื่องเข้าสู่ที่ประชุม เพื่อวางแนวทางการนำเสนอข้อมูลและการแก้ไขปัญหาอย่างเป็นรูปธรรมต่อไป

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 8 ตุลาคม 2567

“พล.ต.ท.ปิยะ “เผย ที่ประชุม พปชร.เห็นควรต้องยกเลิก MOU 2544 ไทย-กัมพูชา เพื่อป้องอธิปไตยทางทะเล เกาะกูด พร้อมเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร สส.ภาคอีสานเสริมทัพอีก 7 คน

,

“พล.ต.ท.ปิยะ “เผย ที่ประชุม พปชร.เห็นควรต้องยกเลิก MOU 2544 ไทย-กัมพูชา เพื่อป้องอธิปไตยทางทะเล เกาะกูด พร้อมเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร สส.ภาคอีสานเสริมทัพอีก 7 คน

พล.ต.ท.ปิยะ ต๊ะวิชัย โฆษกพรรคพลังประชารัฐ และ น.ส.กาญจนา จังหวะ รองเลขาธิการพรรค ร่วมแถลงข่าวภายหลังการประชุม คณะกรรมการบริหารพรรค และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร(สส.) พปชร. ที่มี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เป็นประธานเปิดเผยว่า ก่อนอื่นในนามของพรรคพลังประชารัฐ ขอแสดงความเสียใจอย่างสุดซึ้งกับครอบครัวของผู้สูญเสียในเหตุการณ์ไฟไหม้รถบัสทัศนศึกษาของนักเรียนโรงเรียนวัดเขาพระยาสังฆาราม อ.ลานสัก จ.อุทัยธานี บริเวณถนนวิภาวดีรังสิต หน้าอนุสรณ์สถาน จ.ปทุมธานี จนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บ

พล.ต.ท.ปิยะ กล่าวต่อว่า ในวันนี้ที่ประชุมพรรคพลังประชารัฐได้มีการหารือถึงสถานการณ์อุทกภัยในหลายจังหวัดของประเทศไทย โดย พล.อ.ประวิตร เป็นห่วงสถานการณ์ความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนอย่างมาก จึงกำชับให้ สส.ของพรรค โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคเหนือและภาคอีสาน ลงพื้นที่ดูแลประชาชนในเขตอุทกภัย โดยพื้นที่ใดที่ความช่วยเหลือจากภาครัฐยังเข้าไปไม่ถึง พรรคพลังประชารัฐจะลงไปให้การช่วยเหลือในทุกพื้นที่

นอกจากนี้ ที่ประชุมได้พิจารณาเห็นชอบการดำเนินจัดทำข้อมูลจังหวัดในเขตเลือกตั้ง และมอบหมายให้รองหัวหน้าพรรคแต่ละคนลงพื้นที่ไปติดตามเพื่อเข้าถึงปัญหาต่าง ๆ ของชาวบ้าน และนำมาแก้ปัญหาต่อไป

พล.ต.ท.ปิยะ ยังเปิดเผยด้วยว่า พรรคพปชร.มีการหารือถึงประเด็นบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลกัมพูชา ว่าด้วยพื้นที่ที่ไทยและกัมพูชาอ้างสิทธิในไหล่ทวีปทับซ้อนกัน หรือ “MOU 2544” ที่ทำขึ้น ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ และนำมาใช้เป็นเครื่องมือมาดำเนินการแบ่งเขตอธิปไตยของไทยทางทะเลอ่าวไทย และแบ่งผลประโยชน์ทรัพยากรพลังงานธรรมชาติในทะเลของไทยให้แก่กัมพูชา ทั้งนี้ พปชร.ต้องการปกป้องเขตอธิปไตยทางทะเลบริเวณเกาะกูดอ่าวไทยเนื้อที่ 26,000 ตารางกิโลเมตร และผลประโยชน์ทรัพยากรพลังงานธรรมชาติ มูลค่า 20 ล้านล้านบาทของไทยในทะเลอ่าวไทย โดยจะมีการยื่นกระทู้หรือเสนอเป็นญัตติในที่ประชุมสภาฯเพื่อสอบถามรัฐบาลถึงแนวทางของเรื่องนี้ต่อไป

ด้าน น.ส.กาญจนา กล่าวว่า วันนี้พรรคพลังประชารัฐ มีบุคคลที่เข้ามาร่วมงานกับพรรคด้วยอุดมการณ์ทางการเมืองที่ตรงกัน โดยจะมาเป็นว่าที่ผู้สมัครในจังหวัดภาคอีสาน 7 คน ได้แก่ นางสาวปภาสิริ ศรีตะบุตร จังหวัดหนองคาย,นายสุชาติ ศรีสังข์ จังหวัดมหาสารคาม,นายโกศล คาดพันโน จังหวัดมหาสารคาม,นางสาววารุณี งอยผาลา จังหวัดสกลนคร,นายประพันธ์ คนหาญ จังหวัดมุกดาหาร,ดร.สมชอบ นิติพจน์ จังหวัดนครพนม และนางสาวจารุวรรณ จังหวะ จังหวัดชัยภูมิ

“ทุกท่านล้วนเป็นผู้มีความสามารถ และมีประสบการณ์ในพื้นที่มายาวนาน โดยเราจะทำหน้าที่ฝ่ายค้านอย่างเต็มรูปแบบ ควบคู่ไปกับการดูแลทุกข์สุขของพี่น้องประชาชน พวกเราทุกคนที่ยืนอยู่ตรงนี้มีอุดมการณ์ตรงกัน พร้อมที่จะทำเพื่อชาติ และยึดมั่นในสถาบันพระมหากษัตริย์“น.ส.กาญจนา กล่าว

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 1 ตุลาคม 2567

“วรโชติ” เผย ลงพื้นที่ ต.ดงขุย แจกกระสอบทรายเตรียมรับมือน้ำเริ่มท่วมแล้ว หลังฝนตกหนักต่อเนื่อง หวั่น ชาวบ้านกว่า 1,200 ครัวเรือนจะเดือดร้อนหนัก

,

“วรโชติ” เผย ลงพื้นที่ ต.ดงขุย แจกกระสอบทรายเตรียมรับมือน้ำเริ่มท่วมแล้ว หลังฝนตกหนักต่อเนื่อง หวั่น ชาวบ้านกว่า 1,200 ครัวเรือนจะเดือดร้อนหนัก

นายวรโชติ สุคนธ์ขจร สส.เพชรบูรณ์ เขต 4 พรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า ในพื้นที่จังหวัดเพชรบูรณ์ได้เกิดฝนตกหนักต่อเนื่อง ทำให้ปริมาณจากน้ำฝนและน้ำป่าไหลทะลักเข้าท่วมพื้นที่ ตำบล ดงขุย ทั้งในเขตเทศบาลและเขต.อบต ดงขุย เป็นบริเวณกว้าง กระทบต่อชาวบ้านใน ม2. ม3. ม5. ม 4. ม14 ม 15. จำนวน 1200 ครัวเรือน ในขณะนี้เดือดร้อนอย่างหนัก บ้านเรือน ทรัพย์สิน รวมถึงพื้นที่ทางการเกษตร เสียหายจากเหตุอุทกภัย เพราะน้ำมาค่อนข้างเร็วและมีปริมาณมากจนทำให้ระดับสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว

“ผมได้ลงพื้นที่ร่วมกับนายกเทศมนตรี ต.ดงขุย กำนันผู้ใหญ่บ้าน ตำบลดงขุย เพื่อแจกกระสอบทรายให้กับประชาชนที่ได้รับผลกระทบ และได้เตรียมการจัดตั้งโรงครัว เพื่อทำอาหารมอบให้กับประชาชนทั้งเขตเทศบาล และเขต อบต.ดงขุย ซึ่งยังเป็นที่น่ากังวลว่า ปริมาณน้ำที่เพิ่มอย่างรวดเร็วอาจจะทำให้การสัญจรถูกตัดขาด และจะทำให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อนกว่า 1,200 ครัวเรือน โดยชจะไม่สามารถเข้าออกมาซื้ออาหาร เครื่องอุปโภค-บริโภคได้“นายวรโชติ กล่าว

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 25 กันยายน 2567

“สส.ฉกาจ”วอน กระทรวงเกษตรฯ หามาตรการเยียวยา”เกษตรกร“ในพื้นที่น้ำท่วม หลังไร่นา พืชผลเสียหาย สร้างความทุกข์แสนสาหัส

,

“สส.ฉกาจ”วอน กระทรวงเกษตรฯ หามาตรการเยียวยา”เกษตรกร“ในพื้นที่น้ำท่วม หลังไร่นา พืชผลเสียหาย สร้างความทุกข์แสนสาหัส

นายฉกาจ พัฒนกิจวิบูลย์ พังงา เขต 2 และรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.)กล่าวว่า จากการที่มีฝนตกหนักในพื้นที่ติดต่อกันเป็นเวลาหลายวัน ทำให้น้ำในแม่น้ำตะกั่วป่าเอ่อล้นเข้าท่วมพื้นที่ราบลุ่ม มีบ้านเรือนประชาชนได้รับผลกระทบ 5-6 หลังเรือน และพื้นที่การเกษตร สวนปาล์มน้ำมันและสวนผลไม้ ได้รับความเสียหาย ตนได้ลงพื้นที่ส่งกำลังใจให้พี่น้องประชาชน ต.โคกเคียน อ.ตะกั่วป่า จ.พังงา

นายฉกาจ กล่าวต่อว่า ทาง อบต.โคกเคียน ได้ขอติดตั้งเครื่องสูบน้ำ เร่งระบายน้ำเพื่อลดความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน โดยติดตั้งเครื่องสูบน้ำขนาด 28,000 ลิตร เร่งระบายน้ำออกจากพื้นที่ราบลุ่มที่ส่งผลกระทบต่อบ้านเรือนประชาชนเพื่อระบายน้ำออกสู่แม่น้ำตะกั่วป่า

“ในพื้นที่ยังคงมีฝนตก ประกอบกับน้ำที่ไหลมาจากอำเภอกะปง ลงสู่แม่น้ำตะกั่วป่าเพื่อระบายลงสู่ทะเลได้เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับน้ำทะเลหนุนสูงบางช่วง ทำให้น้ำได้เอ่อล้นเข้าท่วมพื้นที่ทางการเกษตรสวนปาล์มน้ำมัน สวนผลไม้ กระทบกับเกษตรกรในพื้นที่เป็นอย่างมาก ผมขอให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ดูแลและให้การเยียวยากับเกษตรกรไทยด้วย เพราะน้ำมาครั้งนี้แทบจะหมดตัว และไม่ใช่เฉพาะใน จ.พังงานเท่านั้น ผมเชื่อว่า เกษตรกรในพื้นที่อุทกภัยต่างกำลังเผชิญกับความทุกข์แสนสาหัส”นายฉกาจ กล่าว

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 23 กันยายน 2567

“สส.จักรัตน์”นำ กมธ.บริหารจัดการทรัพยากรน้ำ สภาฯ ศึกษาการบริหารจัดการน้ำบาดาล ณ กรมทรัพยากรน้ำบาดาล พร้อมเรียกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการแจ้งเตือนภัย ถกหาแนวทางแก้ปัญหา

,

“สส.จักรัตน์”นำ กมธ.บริหารจัดการทรัพยากรน้ำ สภาฯ ศึกษาการบริหารจัดการน้ำบาดาล ณ กรมทรัพยากรน้ำบาดาล พร้อมเรียกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการแจ้งเตือนภัย ถกหาแนวทางแก้ปัญหา

นายจักรัตน์ พั้วช่วย สส.เพชรบูรณ์ เขต 2 พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ สภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยว่า ตนและคณะกรรมาธิการฯ ได้ไปศึกษาดูงาน บทบาทของกรมทรัพยากรน้ำบาดาลในการบริหารจัดการน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภค น้ำเพื่อการเกษตร และการสำรวจและประเมินศักยภาพน้ำบาดาล เพื่อรับฟังการบรรยายสรุปในประเด็นที่เกี่ยวข้องกับการบริหารจัดการน้ำบาดาลเพื่อการอุปโภคบริโภค น้ำบาดาลเพื่อการเกษตร และการสำรวจและประเมินศักยภาพน้ำบาดาล รวมทั้งได้หารือแลกเปลี่ยนความคิดเห็นถึงปัญหาและอุปสรรค พร้อมให้ข้อเสนอแนะในการดำเนินงานของกรมทรัพยากรน้ำบาดาล เพื่อเป็นแนวทางในการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการน้ำของประเทศต่อไป

นอกจากนี้ คณะกรรมาธิการการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ยังได้ไปศึกษาดูงานจังหวัดนครปฐม เพื่อหารือถึงการบำรุงรักษาแม่น้ำท่าจีน และการบริหารจัดการน้ำเพื่อป้องกันปัญหาน้ำท่วมในจังหวัดนครปฐม และความพร้อมในการเตรียมรับมืออุทกภัย และลงพื้นที่ดูศักยภาพของแม่น้ำท่าจีน ช่วงที่ไหลผ่าน อ.บางเลน เพื่อนำมาเป็นข้อมูลเพื่อพัฒนา

นายจักรัตน์ กล่าวต่อว่า คณะกมธ.บริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ได้เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวเนื่องกับการแจ้งเตือน และการพยากรณ์อากาศ อาทิ สทนช. กรมชลประทาน,กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย,กรมอุตุนิยมวิทยา, สสน.และ Gistda เข้าให้ข้อมูลกับกรรมาธิการ เพื่อทบทวนข้อพกพร่องก่อนที่จะต้องเดินหน้าแก้ไขปัญหาการแจ้งเตือนภัยต่างๆ

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 23 กันยายน 2567

“สส.อัคร”ถาม รัฐบาลมีแผนบริหารจัดการน้ำ แก้วิกฤตน้ำท่วม-ภัยแล้ง จ.เพชรบูรณ์ อย่างไร ชี้ ที่ผ่านมาระบบยังไม่ดีพอ แถมน้ำประปายังไม่พอต่อการใช้ชีวิตประจำวัน

,

“สส.อัคร”ถาม รัฐบาลมีแผนบริหารจัดการน้ำ แก้วิกฤตน้ำท่วม-ภัยแล้ง จ.เพชรบูรณ์ อย่างไร ชี้ ที่ผ่านมาระบบยังไม่ดีพอ แถมน้ำประปายังไม่พอต่อการใช้ชีวิตประจำวัน

เมื่อวันที่ 19 ก.ย. ที่รัฐสภา ในการประชุมสภา ฯ นายนายอัคร ทองใจสด สส.เพชรบูรณ์ เขต 6 พรรคพลังประชารัฐ ได้ตั้งกระทู้ถามนายกรัฐมนตรี โดยได้มอบหมายให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นผู้ตอบกระทู้ถึงแนวทางการแก้ปัญหาน้ำในจังหวัดเพชรบูรณ์อย่างเป็นระบบว่า ตนได้ลงพื้นที่พบปะพี่น้องประชาชนและได้พบว่า ปัญหาหลักของเพชรบูรณ์คือ ระบบการจัดการน้ำ ซึ่งประสิทธิภาพยังไม่ดีพอที่จะรองรับต่อการใช้งานได้อย่างทั่วถึงในอีกหลาย ๆ พื้นที่ของจังหวัด ปัญหาการขาดแคลนน้ำนับเป็นสิ่งที่เร่งด่วนและสำคัญต่อการดำรงชีวิตของประชาชนเป็นอย่างมาก

นายอัคร กล่าวต่อว่า จังหวัดเพชรบูรณ์ได้รับผลกระทบจากสภาวะการเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศและปัญหาโลกร้อน ซึ่งทำให้ปริมาณของน้ำฝนที่ตกนั้นไม่แน่นอน และยากต่อการคาดเดา บางปีฝนตกน้อยก็เกิดภัยแล้ง บางปีฝนตกหนักก็น้ำท่วม ส่งผลให้ประชาชนเดือดร้อนในทุกพื้นที่ โดยเฉพาะเกษตรกร แม้ว่าเพชรบูรณ์จะมีอ่างเก็บน้ำทั้งหมด 11 แห่ง แต่กลับไม่เพียงพอ แสดงให้เห็นถึงความไม่สอดคล้องของปริมาณน้ำในอ่างต่อความต้องการของประชาชนในพื้นที่ ตัวอย่างเช่น อำเภอวิเชียรบุรีและศรีเทพ มีประชากรเกือบๆ 200,000 คนซึ่งคิดเป็นประมาณเกือบ 20% จากประชากรทั้งจังหวัด แต่กลับมีเพียง อ่างเก็บน้ำขนาดกลางห้วยเล็งเพียงที่เดียว ทำให้เกษตรกรในพื้นที่มีน้ำไม่เพียงพอที่จะไปเพาะปลูกพืชผล และในปี 2566 อำเภอวิเชียรบุรีมีพืชผลเสียหายกว่า 1,000 ไร่ ส่งผลให้รายได้ของเกษตรกรลดลง ชาวบ้านเดือดร้อนมาก

นายอัคร กล่าวต่ออีกว่า ตนยังได้รับการร้องเรียนจากประชาชน หมู่ 13 ต.ศรีเทพ อ.ศรีเทพ ว่า น้ำประปาไม่ไหลและไม่เพียงพอต่อการใช้ชีวิตประจำวัน แถมน้ำที่ใช้ได้กลับเป็นน้ำสกปรก มีกลิ่นเหม็น และมีสีแดงขุ่น ตนคิดว่า ควรหาทางแก้สำหรับเรื่องนี้ และนี่เป็นเพียงแค่ปัญหาภัยแล้งในเพชรบูรณ์ ยังไม่รวมถึงปัญหา อุทกภัยที่เกิดจากสภาพแวดล้อมที่ไม่เอื้ออำนวย ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่ที่ตั้งอยู่ ช่วงทางน้ำผ่าน หรือขนาดของลำน้ำป่าสักที่แคบและตื้น ทำให้รองรับน้ำได้อย่างจำกัด ส่งผลให้เกิดน้ำท่วม

โดยในปี 2565 เกิดฝนตกหนักในจังหวัด พื้นที่อำเภอวิเชียรบุรีและศรีเทพ มีน้ำท่วมขัง สูงถึง 150 เซนติเมตร ประชาชนในหลายตำบลได้รับความเดือดร้อนเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นบ้านเรือน ทรัพย์สิน หรือพืชผล
ทางการเกษตร เราได้เรียนรู้มากมายจากภัยธรรมชาติที่เกิดในอดีต ปัจจุบัน เราควรนำมาถอดบทเรียน เพื่อวางแผนการจัดการน้ำที่มีประสิทธิภาพและเป็นระบบสำหรับอนาคตของเพชรบูรณ์

”ผมจึงอยากทราบว่ารัฐบาลมีแผนบริหารจัดการน้ำรวมถึงแผนงานโครงการแก้ไขปัญหาน้ำเพื่ออุปโภคบริโภคน้ำเพื่อการเกษตร รวมถึงการบรรเทาอุทกภัยและบรรเทาภัยแล้งในพื้นที่จังหวัดเพชรบูรณ์ เพื่อสร้างความมั่นคงด้านน้ำอย่างสมบูรณ์ได้อย่างไร รวมถึงความก้าวหน้าโครงการฝายยางบ้านท่า ในอำเภอศรีเทพ อยู่ในขั้นตอนไหนแล้ว สุดท้าย ผมขอให้จังหวัดเพชรบูรณ์ได้รับการแก้ไขปัญหาอย่างเป็นระบบและยั่งยืน“

ต่อมา รัฐมนตรีกระทรวงเกษตร ตอบคำถามของนายอัคร โดยชี้แจงถึงความคืบหน้าโครงการฝายทั้ง 2 แห่งว่า อยู่ระหว่างการดำเนินการจะแล้วเสร็จช่วงปี 2568-2570 ซึ่งจะทำให้ประชาชนมีน้ำอุปโภค บริโภค และเกษตรกรจะมีน้ำใช้ในการเพาะปลูก

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 19 กันยายน 2567