โลกเปลี่ยน ไทยต้องปรับ ทางเลือกใหม่ของการเมืองไทย ก้าวข้ามความขัดแย้ง สานพลังประชาราษฎร์ ร่วมสร้างชาติให้ยั่งยืน

หมวดหมู่: ข่าวประชาสัมพันธ์

“พรรคพลังประชารัฐ”เร่งเก็บข้อมูลพื้นที่ขับเคลื่อน 3 พันธกิจหลัก วิเคราะห์ 6 กลุ่มอาชีพเป้าหมายสร้างหลักประกันให้คนไทยอยู่ดีกินดี

,

“พรรคพลังประชารัฐ”เร่งเก็บข้อมูลพื้นที่ขับเคลื่อน 3 พันธกิจหลัก
วิเคราะห์ 6 กลุ่มอาชีพเป้าหมายสร้างหลักประกันให้คนไทยอยู่ดีกินดี

วันที่ 28 พฤศจิกายน 2565 ที่ทำการพรรคพลังประชารัฐ นางสาวเกณิกา อุ่นจิตร์ ทีมโฆษกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เปิดเผยว่า ตามที่ พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ได้แต่งตั้งคณะกรรมการทั้ง 3 ชุดขึ้นมา เพื่อขับเคลื่อน 3 พันธกิจหลัก ได้แก่ 1. คณะกรรมการขับเคลื่อนสวัสดิการประชารัฐ : ขจัดความเหลื่อมล้ำ มี นายสุรพร ดนัยตั้งตระกูล ส.ส.บัญชีรายชื่อเป็นประธาน 2. เศรษฐกิจประชารัฐ : สร้างความสามารถและโอกาสที่เท่าเทียม มี นายพรชัย ตระกูล วรานนท์ ส.ส.บัญชีรายชื่อเป็นประธาน และ 3. สังคมประชารัฐ : สงบสุข เข้มแข็ง ที่มีนายชาญกฤช เดชวิทักษ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน โดยเมื่อเร็วๆนี้ คณะกรรมการเพื่อการขับเคลื่อน 3 พันธกิจ ได้ติดตามความคืบหน้าในการจัดทำนโยบายพรรค โดยมีคณะกรรมการทั้ง 3 คณะเข้าร่วมประชุม อาทิ นายชวน ชูจันทร์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ นายสุทา ประทีป ณ ถลาง ส.ส. ภูเก็ต เขต1 นายกองตรีอาญาสิทธิ์ ศรีสุวรรณ ส.ส. นครศรีธรรมราช เขต3 เป็นต้น

ทั้งนี้ที่ประชุมคณะทำงานได้หารือและศึกษา ถึงแนวทางในการกำหนดและวางกรอบนโยบายเพื่อขับเคลื่อน 3 พันธกิจ ทั้ง 3 ด้าน โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจประชารัฐ ได้มีการวิเคราะห์ หาจุดแข็งและจุดอ่อนของนโยบายของพรรคการเมืองต่างๆ เพื่อนำมาสู่การวางยุทธศาสตร์ และกำหนดนโยบายของพรรค โดยจัดเป็น 6 กลุ่ม อาชีพเป้าหมายหลักซึ่งคณะกรรมการขับเคลื่อนเศรษฐกิจประชารัฐ จะเร่งทำการศึกษาและเก็บข้อมูลเพิ่มเติมใน 6 กลุ่มอาชีพและจะมีการประชุมอีกครั้งในวันที่ 30 พ.ย.นี้

สำหรับ 6 กลุ่มอาชีพประกอบด้วย 1. กลุ่มเกษตรกร ได้ศึกษาข้อดีและข้อเสียของนโยบายจำนำข้าวและประกันราคาข้าว ซึ่งเป็นที่ชื่นชอบของประชาชน โดยจะให้ความสำคัญกับ 8 ชนิดพืชเศรษฐกิจ เช่น ข้าว ข้าวโพด มันสำปะหลัง ยางพารา ปาล์ม เป็นต้น รวมถึงกลุ่มปศุสัตว์ต่างๆ กลุ่มอาชีพประมงพื้นบ้าน เพื่อกำหนดเนื้อหาและศึกษาถึงสิทธิประโยชน์ต่างๆ

2. กลุ่มผู้มีรายได้ปานกลางหรือกลุ่มผู้ประกอบการเอสเอ็มอี รวมถึงกลุ่มกิจการเพื่อสังคม หรือ Social Enterprise (SE) และกลุ่มสตาร์ทอัพ ซึ่งเป็นกลุ่มที่นำเทคโนโลยีและนวัตกรรมใหม่ๆ มาใช้ในการดำเนินธุรกิจ พร้อมทั้งกำหนดกรอบนโยบายในการสร้างกลุ่มยูนิคอร์นของไทย ให้เห็นถึงความสำเร็จของกลุ่มสตาร์ทอัพ ที่ไปสร้างชื่อเสียงให้กับเศรษฐกิจไทยในเวทีระดับโลก

3. กลุ่มอุตสาหกรรมการท่องเที่ยว ซึ่งจะต้องมีการศึกษาเพิ่มเติม เนื่องจากซัพพลายเชนของอุตสาหรกรรมท่องเที่ยวที่เกี่ยวข้องกับจำนวนคนเป็นจำนวนมาก ทั้งภาคการท่องเที่ยวกลางวันและภาคการท่องเที่ยวกลางคืน ซึ่งเป็นอีกหนึ่งในการกำหนดนโยบายที่ต้องเข้าไปช่วยเหลือ เนื่องจากที่ผ่านมาไม่ค่อยมีใครให้ความสำคัญและช่วยเหลือ ทั้งนี้ ก่อนการแพร่ระบาดเชื้อโควิด-19 ประเทศไทยมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามามากกว่า 40 ล้านคน และคาดว่าในปี 66 จะมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าไทย 23.5 ล้านคน ซึ่งสถานการณ์อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวยังไม่ฟื้นกลับไปอยู่จุดเดิม ดังนั้นจึงต้องมีนโยบายช่วยเหลือ

4. ส่งเสริมและผลักดันให้อาหารไทยเป็นแหล่งผลิตอาหารโลก เพราะที่ผ่านมาอาหารไทยถือว่าประสบความสำเร็จในเวทีการประชุมเอเปค และยังเป็นหนึ่งในซอฟ์ทพาวเวอร์ รวมถึงการผลักดันให้เกิดฟิวเจอร์ฟู้ดที่สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับอาหารไทยได้มากยิ่งขึ้น พร้อมทั่งยกระดัยสตรีทฟู้ดของไทยให้เป็นซอฟ์ทพาวเวอร์ของไทยอีกแขนงหนึ่ง

5. กลุ่มการขับเคลื่อนอุตสาหกรรมสีเขียว ที่ให้สอดคล้องกับแนวทาง BCG (เศรษฐกิจชีวภาพ -เศรษฐกิจหมุนเวียน- เศรษฐกิจสีเขียว) โดยเฉพาะพลังงานสะอาดที่ได้จากพลังงานแสงอาทิตย์ ที่จะผลักดันให้สามารถเข้าถึงภาคครัวเรือนมากขึ้น

6. กลุ่มอุตสาหกรรมเอ็นเตอร์เทนเม้นท์และมีเดีย เพื่อส่งเสริมให้บุคคลในวงการอุตสาหกรรมเอ็นเตอร์เทนเม้นท์และมีเดีย อาทิ ศิลปิน ดารา นักร้อง เอ็นฟลูเอ็นเซอร์ ให้สามารถประกอบอาชีพได้อย่างมั่นคง

ในส่วนของพันธกิจสังคมประชารัฐ ขณะนี้อยู่ระหว่างการเก็บรวบรวมข้อมูลจากพื้นที่ต่างๆ เพื่อนำมาเป็นฐานในการวิเคราะห์ความต้องการของประชาชน ให้สอดคล้องกับสังคมที่เปลี่ยนแปลง ซึ่งจะต้องเข้าไปช่วยเหลือและสนับสนุนประชาชนในแต่ละพื้นที่ให้สอดรับกับบริบท เพราะแต่ละภูมิภาคก็มีวิถีชีวิตที่แตกต่างกัน โดยเฉพาะการสร้างระบบอีโค่ซิสเต็มส์ ที่สามารถลดภาระด้านต้นทุนในการประกอบอาชีพ โดยมีภาครัฐให้การสนับสนุนและส่งเสริมด้านการตลาด ซึ่งเป็นการวางกรอบของกลุ่มสังคมประชารัฐ เพื่อใช้ในการกำหนดนโยบายของพรรคในอนาคต

“ในเรื่องของสวัสดิการประชารัฐ ได้มีการวางแนวทางในการส่งเสริมให้ประชาชนเข้าถึงนโยบายที่ภาครัฐให้การสนับสนุนในรูปแบบใหม่ โดยการหาแนวทางอำนวยความสะดวก และเข้าถึงการสร้างรายได้ที่มั่นคง เพราะมีหลายอาชีพที่เป็นอุปสรรคในการประกอบอาชีพของประชาชน เช่น ภาคพลังงานที่ยังมีเงื่อนไขและข้อกำหนดต่างๆ ที่ทำให้ประชาชนไม่สามารถเข้าถึงการรับประโยชน์จากการผลิตพลังงาน รวมถึงการส่งเสริมให้ประชาชนเข้าถึงพลังงานโซลาร์ในราคาต่ำ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพด้านต้นทุนต่ำในการประกอบอาชีพเกษตรกรรม” นางสาวเกณิกา กล่าว

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 29 พฤศจิกายน 2565

‘พล.อ.ประวิตร ’ ห่วงปชช. ตกเป็นเหยื่อโกงออนไลน์ สั่งลุยกวาดล้าง ปี 65 จับ 1,383 คดี 1,980 ราย

,

‘พล.อ.ประวิตร ’ ห่วงปชช. ตกเป็นเหยื่อโกงออนไลน์ สั่งลุยกวาดล้าง ปี 65 จับ 1,383 คดี 1,980 ราย

เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ระหว่างการเยือนประเทศกัมพูชาเมื่อ 22-24 พฤศจิกายนที่ผ่านมา ได้เจรจาขอความร่วมมือรัฐบาลกัมพูชาให้ช่วยเหลือคนไทยที่ถูกหลอกไปทำงานในแก๊งคอลเซนเตอร์ โดยให้ พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. เข้าร่วมปฏิบัติการปราบปราบ เพื่อยุติปัญหาให้หมดสิ้นไป เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนต่อประชาชนเป็นจำนวนมาก โดยสตช.เป็นหน่วยแกนหลักที่ต้องบูรณาการการบังคับใช้กฎหมายกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จึงได้มอบหมาย พล.ต.อ.ธรรมศักดิ์ วิชชารยะ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย พล.อ.สุชาติ ผ่องพุฒิ คณะทำงานรองนายกรัฐมนตรี ร่วมกับผู้แทนจากกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ธนาคารแห่งประเทศไทย สำนักงาน กสทช. สำนักงาน ปปง. สำนักงาน กลต. และหน่วยงานเกี่ยวข้อง หารือกำหนดมาตรการและขั้นตอนปฏิบัติในการบูรณาการบังคับใช้กฎหมาย รวมทั้งช่วยเหลือเยียวยาผู้เสียหายให้เสร็จใน 3 เดือน โดยในช่วงที่ผ่านมา ได้มีการแจ้งความคดีออนไลน์ จำนวน 132,747 เรื่อง แยกเป็นคดีออนไลน์ 22 ประเภท กรณีหลอกลวงซื้อขายสินค้าสูงสุด จำนวน 43,323 คดี การโอนเงินเพื่อหารายได้จากกิจกรรม จำนวน 18,143 คดี และการหลอกลวงให้กู้เงินแต่ไม่ได้รับเงิน จำนวน 15,887 คดี สามารถจับกุมอาชญากรรมทางเทคโนโลยีในปี 2565 แยกเป็นพนันออนไลน์สูงสุด 697 คดี ผู้ต้องหา 1,198 คน และการหลอกลวงออนไลน์ด้านการเงิน 686 คดี ผู้ต้องหา 782 คน

รองนายกฯ ได้สั่งการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแก้ปัญหาการฉ้อโกงผ่านสื่อสังคมออนไลน์ ทั้งในรูปแบบของการเงินนอกระบบ ( เช่น แชร์ลูกโซ่ การเล่นแชร์และการขายตรง ) การพนันออนไลน์ การหลอกลวงผ่านคอลเซ็นเตอร์ โดยมีมติเห็นชอบ มาตรการเร่งด่วน ในการแก้ไขปัญหาการฉ้อโกงประชาชนผ่านช่องทางสื่อสังคมออนไลน์ 6 ด้าน ประกอบด้วย มาตรการป้องกันปราบปราม มาตรการสืบสวนปราบปราม การปรับแก้กฎหมาย ระเบียบที่เกี่ยวข้องและกำหนดอัตราโทษสูงขึ้น รวมทั้ง มาตรการดูแลคุ้มครองประชาชน และมาตรการสร้างความร่วมมือเชิงรุก และพิจารณาแนวทางการดำเนินการเร่งด่วน อาทิ (1) ธนาคารแห่งประเทศไทยออกประกาศ หรือข้อบังคับให้ธนาคารพาณิชย์ระงับช่องทางการทำธุรกรรมออนไลน์กับบัญชีต้องสงสัย การกำหนดให้การโอนเงิน Mobile Banking ในจำนวนที่กำหนดขึ้นไป ต้องใช้ซิมโทรศัพท์ที่ลงทะเบียนเท่านั้น

(2) กสทช. ออกมาตรการในการลงทะเบียนซิม (3) ปปง. แก้ไขกฎกระทรวง เรื่องการกำหนดจำนวนเงินสดในการทำธุรกรรมที่สถาบันการเงินต้องรายงานต่อ ปปง. และกำหนดหลักเกณฑ์ให้สถาบันการเงินต้องดำเนินการเมื่อตรวจพบบัญชีม้า นอกจากนี้ยังกำหนดให้มีการดำเนินการในระยะถัดไป ได้แก่ การจัดให้มีการระบุตัวตน biometrics ของผู้เปิดและใช้บัญชีตั้งแต่เริ่มแรกและต่อมาเป็นระยะๆ โดยวิธีการ National Digital ID หรือ NDID เพื่อให้มั่นใจว่าข้อมูลถูกต้องแท้จริงและเป็นปัจจุบัน

สำหรับการประชุมวันนี้หน่วยปฏิบัติหลัก ประกอบด้วย กสทช., ธปท., ปปง., และ สตช. ร่วมพิจารณากำหนดร่างมาตรการและขั้นตอนปฏิบัติ (Work Flow) ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการแก้ไขปัญหา การพิจารณากำหนดหรือทบทวนเป้าหมายบุคคลพฤติกรรมเสี่ยงสูง หรือต้องเฝ้าระวัง กรณีบัญชีม้า (รหัส HR-03) โดยมีระบบแจ้งเตือนผ่านทาง Mobile Banking และรณรงค์รู้เท่าทันคนร้ายช่องทาง Social Media ของธนาคารพาณิชย์

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 29 พฤศจิกายน 2565

“เลขา พปชร.”นำทีมเปิดตัว”ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ภูเก็ต-นครศรีฯ” พร้อมเดินเคียงข้างชาวใต้ ลั่น หนุนคุณภาพชีวิตคนไทยดีขึ้น

,

“เลขา พปชร.”นำทีมเปิดตัว”ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ภูเก็ต-นครศรีฯ”
พร้อมเดินเคียงข้างชาวใต้ ลั่น หนุนคุณภาพชีวิตคนไทยดีขึ้น

วันที่ 28 พฤศจิกายน 2565 ที่พรรคพลังประชารัฐ นายอรรถกร ศิริลัทธยากร ทีมโฆษก พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) แถลงข่าว เปิดตัวว่าที่ผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) พื้นที่ภาคใต้ ใน 2 จังหวัด ซึ่งเป็นจังหวัดที่พรรค ให้ความสำคัญ และเป็นพื้นที่ที่พรรคให้ความมั่นใจในบุคลากรที่ได้รับการคัดสรร เพื่อเป็นปากเสียงแทนพี่น้องประชาชน โดยการเปิดตัวครั้งนี้ นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ในฐานะเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เป็นประธานในการแถลงข่าว

นายอรรถกร กล่าวว่า การเปิดตัวว่าที่ผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรพื้นที่ภาคใต้ ครั้งนี้ ประกอบด้วย จ.ภูเก็ต และ จ.นครศรีธรรมราช โดยในพื้นที่ จ. ภูเก็ต เปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร 3 เขต ประกอบด้วย 1.นายนัทธี ถิ่นสาคู เขต 2 2.นายสุธา ประทีป ณ ถลาง เขต 3 3. นายจิรายุส ทรงยศ อดีตนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดภูเก็ต เขต 1 ในส่วนของ จ.นครศรีธรรมราช เปิดตัว นายคมเดช มัชฌิมวงศ์ อดีตนายกองค์การบริหารส่วนตำบลยางค้อม ว่าที่ผู้สมัครในพื้นที่เขต 5

นายสันติ กล่าวว่า พรรคพลังประชารัฐได้เปิดตัวผู้สมัคร ส.ส.ของพรรค ซึ่งเดิมเรามี ส.ส.อยู่ 2 เขต แต่การแบ่งพื้นที่ใหม่ทำให้จังหวัดภูเก็ตจะมี ส.ส.เพิ่มขึ้นอีก 1 เขตเป็น 3 เขต โดยพรรคเราจะส่งครบทุกเขตแน่นอน ซึ่งทั้ง 3 คน จะเข้าไปทำหน้าที่แทนพี่น้องประชาชนชาวภูเก็ต เหมือนเช่น ส.ส.ภูเก็ตทั้ง 2 เขตของเราทำงานหนักมากกว่า 3 ปี แล้ว ทั้งนี้จังหวัดภูเก็ตคือ อีกหนึ่งจังหวัดที่สำคัญทางเศรษฐกิจ เพราะถือเป็นอีกแหล่งท่องเที่ยวสำคัญที่สามารถสร้างรายได้ให้กับประเทศและประชาชน ในส่วนของจ.นครศรีธรรมราช ผู้สมัครของพรรคเราก็เป็นที่กว้างขวางทำงานเพื่อชาวตำบลยางค้อมมาตลอดเช่นกัน

“ผมขอโอกาสพี่น้องประชาชนให้กับผู้สมัครของเราด้วย เพื่อที่จะเข้าไปดูแลแก้ไขปัญหาให้พี่น้องประชาชนชาวจังหวัดภูเก็ตและนครศรีธรรมราช โดยพลังประชารัฐมีเป้าหมายที่จะเดินเคียงข้างชาวใต้ เพื่อเพัฒนาพื้นที่ภาคใต้ในทุกๆ จังหวัด เราจะเข้าไปแก้ปัญหาบำบัดทุกข์ บำรุงสุข พัฒนา เพิ่มศักยภาพ ของจังหวัดภาคใต้ รวมถึงลงไปช่วยพี่น้องชาวใต้ในการพัฒนาทรัพยากรต่างๆ เพื่อให้พี่น้องชาวใต้อยู่ดีกินดี มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น”นายสันติ กล่าว

ด้านนายนัทธี กล่าวว่า ตนได้รับคำถามมาโดยตลอดว่าพรรคพลังประชารัฐจะส่งใครลงรับสมัครเลือกตั้งในครั้งนี้ ตนจึงอยากให้พี่น้องจังหวัดภูเก็ตมั่นใจว่า เรามีความตั้งใจแน่วแน่ว่าจะอยู่กับพรรคพลังประชารัฐด้วยเหตุผลหลายอย่าง เพราะที่นี่คือบ้านเดิมของเรา การที่อยู่ที่นี่ไม่ได้หมายความว่าเราต้องตัดใครคนใดคนหนึ่งออก ไม่ได้หมายความว่าเราต้องไปเป็นศัตรูกับใคร

“ผมเกิดมาจากพรรคพลังประชารัฐ ต้องการแสดงจิตสำนึกว่า อย่างน้อยเราเกิดจากที่ไหนควรที่จะอยู่ในอาศัยที่นั่นตลอดไป ส่วนอนาคตข้างหน้า ส.ส.ภูเก็ตทั้ง 3 เขตยืนยันว่า เราคือพลังประชารัฐ”นายนัทธี กล่าว


ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 28 พฤศจิกายน 2565

“รมต. อนุชา” เผยไทยเห็นชอบแนวคิดหลักของปฏิญญา ฯ ที่ว่า “นวัตกรรมและความร่วมมือเพื่อเสริมสร้างความมั่นคงด้านน้ําและความยั่งยืนของลุ่มน้ําโขง”

,

“รมต. อนุชา” เผยไทยเห็นชอบแนวคิดหลักของปฏิญญา ฯ ที่ว่า “นวัตกรรมและความร่วมมือเพื่อเสริมสร้างความมั่นคงด้านน้ําและความยั่งยืนของลุ่มน้ําโขง”

นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้รับมอบหมายจาก รองนายกรัฐมนตรี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ในการประชุมคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง ครั้งที่ 29 ณ โรงแรม Inter Continental Grand Ho Tram จังหวัดบ่าเหรียะ-หวุงเต่า พร้อมด้วยนายสุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการ สทนช. และคณะผู้แทนไทยเข้าร่วมประชุมคณะมนตรี คณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง ครั้งที่ 29 และการประชุมระหว่างคณะมนตรี คณะกรรมาธิการแม่น้ำโขง กับกลุ่มหุ้นส่วนการพัฒนา ครั้งที่ 27 โดยที่ประชุมพิจารณาเห็นชอบแนวคิดหลักปฎิญญาสำหรับการประชุมสุดยอดผู้นำลุ่มน้ำโขง ครั้งที่ 4 ในเดือนเมษายน 2566 ซึ่งสปป.ลาวจะเป็นเจ้าภาพจัดการประชุม

ทั้งนี้ ประเทศไทยเห็นชอบแนวคิดหลักของปฏิญญา ฯ ที่ว่า “นวัตกรรมและความร่วมมือเพื่อเสริมสร้างความมั่นคงด้านน้ําและความยั่งยืนของลุ่มน้ําโขง” และยินดีจะเข้าร่วมประชุมระดับภูมิภาค เพื่อพิจารณาจัดทําปฏิญญาฯ ร่าง สุดท้าย เสนอในการประชุมระดับรัฐมนตรี ก่อนการประชุมสุดยอดผู้นําลุ่มน้ําโขงตอนล่าง ครั้งที่ 4 ต่อไป

พร้อมกันนี้ ประเทศไทยให้การสนับสนุนการจัดเตรียมการประชุมสุดยอดผู้นําลุ่มน้ําโขงครั้งที่ 4 ให้บรรลุวัตถุประสงค์ที่ตั้งไว้ อีกทั้ง สนับสนุนส่งเสริมให้ประเทศสมาชิกมีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนโครงการพัฒนาในลุ่มน้ำโขงตอนล่างเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการดําเนินโครงการให้เป็นไปตามแผนที่ได้รับการอนุมัติ เพื่อประโยชน์สูงสุดต่อประเทศสมาชิก


ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 28 พฤศจิกายน 2565

“รมว.ตรีนุช” เดินหน้าเจรจาญี่ปุ่นขยายเวลามอบทุนนร.ไทย พร้อมเสนอเพิ่มโควตาทุน KOSEN ขยายโอกาสศึกษาต่างปท.

,

“รมว.ตรีนุช” เดินหน้าเจรจาญี่ปุ่นขยายเวลามอบทุนนร.ไทย พร้อมเสนอเพิ่มโควตาทุน KOSEN ขยายโอกาสศึกษาต่างปท.

วันนี้ 28 พ.ย.2565 น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) เปิดเผยว่า กระทรวงศึกษาธิการและคณะผู้บริหารกระทรวง ประกอบด้วย ตนพร้อมด้วยนางสาวอรพินทร์ เพชรทัต เลขานุการ รมว.ศธ. และ ดร.อัมพร พินะสา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) ได้เดินทางไปยังประเทศญี่ปุ่น เพื่อเจรจาขยายความร่วมมือระหว่างกระทรวงศึกษาธิการ กับ ดร.อิโนเอะ มิสึเทรุ กรรมการบริหารอาวุโส National Institute of Technology (KOSEN) หรือ สถาบันโคเซ็น และ ดร.โนบุคาซู โออิ อธิการบดีสถานบันโคเซ็นแห่งเมืองอากาชิ (Akashi KOSEN) และ ตรวจเยี่ยมติดตามความเป็นอยู่ และการศึกษา ของนักเรียนทุนรัฐบาลไทย ในโครงการทุนการศึกษาต่อสำหรับนักเรียนกลุ่มโรงเรียนจุฬาภรณราชวิทยาลัย (โรงเรียนวิทยาศาสตร์ภูมิภาค)ไปศึกษาต่อ ณ National Institute of Technology (KOSEN) ประเทศญี่ปุ่น

ทั้งนี้ทุนการศึกษาดังกล่าวสำหรับนักเรียนที่สำเร็จการศึกษาชั้นมัธยมปีที่ 3 ของกลุ่มโรงเรียนจุฬาภรณราชวิทยาลัยในการศึกษาต่อในสาขาวิศวกรรมศาสตร์ ณ สถาบันโคเซ็น ของญี่ปุ่น ตั้งแต่ชั้นปีที่ 1 ถึงชั้นปีที่ 5 สำเร็จการศึกษาระดับประกาศนียบัตรวิชาชีพชั้นสูง และ เข้าศึกษาต่อในหลักสูตร Advance Course จนสำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรี รวมระยะเวลาในการศึกษา 7 ปี พร้อมทั้งติดตามการดำเนินงานของ ศธ.ในการประสานงานและการดูแลนักเรียนในโครงการฯดังกล่าว

รมว.ศธ.กล่าวว่า สถาบันโคเซ็น เป็นสถาบันการศึกษาระดับอุดมศึกษา ออกแบบกระบวนการเรียนรู้ที่เน้นให้ผู้เรียนได้ลงมือปฏิบัติ ร่วมเรียนรู้ที่สถานประกอบการ นำโจทย์ปัญหาที่พบกำหนดเป็นหัวข้อการเรียนรู้ด้วยกระบวนการวิจัย และวัดผลประเมินผลจากการวิจัยที่ผู้เรียนดำเนินการ ซึ่งสถาบันโคเซ็น ก่อตั้งครบรอบ 60 ปีในปีนี้ ปัจจุบันมีสถาบันโคเซ็น จำนวน 51 แห่ง กระจายอยู่ทั่วประเทศญี่ปุ่น และมี 2 แห่ง ในประเทศไทย ได้แก่ KOSEN-KMITL (โคเซ็น เคเอ็มไอทีแอล) และ KOSEN KMUTT (โคเซ็น เคเอ็มยูทีที) ซึ่งจากการที่เยี่ยมเยียนนักเรียนไทยที่กำลังศึกษา ณ สถาบันโคเซ็น ประจำเมืองอากาชิ จำนวน 11 คน พบว่า นักเรียนไทยในสถาบันโคเซ็น ได้รับการดูแลครอบคลุมในทุกด้าน ทั้งการเรียน ที่พักอาศัยที่สะดวกสบายและปลอดภัย มีกิจกรรมเสริมสร้างประสบการณ์นอกห้องเรียน รวมทั้งได้รับโอกาสในการเข้าฝึกประสบการณ์ในสถานประกอบการชั้นนำของประเทศญี่ปุ่น อย่างไรก็ตามการที่น้องๆที่เพิ่งจบระดับชั้น ม.ต้น ต้องเดินทางมาศึกษาต่อในต่างประเทศ ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะต้องปรับตัวในด้านการเรียน ความแตกต่างของภาษา สังคม และวัฒนธรรม แต่น้องๆ ทุกคนก็สามารถพัฒนาตนเอง และก้าวผ่านอุปสรรคเหล่านั้นมาได้ โดยสิ่งที่เห็นได้ชัด นอกเหนือจากศักยภาพด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี และด้านภาษาทั้งภาษาอังกฤษ และภาษาญี่ปุ่นแล้ว คือ การพัฒนาทักษะการใช้ชีวิตรอบด้าน โดยเฉพาะทักษะการสื่อสาร (Communication) การสร้าง(Creation) และ การเชื่อต่อ (Connection)

“ ดิฉันได้มีโอกาสรับฟังการนำเสนอผลการวิจัยโครงงานของ นางสาวธัญยธรณ์ เติมศรีวรานนท์ นักศึกษาชั้นปีสุดท้าย เรื่อง ‘การพัฒนาเว็บแอปพลิเคชันการวินิจฉัยทางการแพทย์ด้วยระบบผู้เชี่ยวชาญ’ ขอชื่นชมว่าเป็นโครงงานพัฒนานวัตกรรมที่ตอบโจทย์วิถีชีวิตของผู้คนและสถานการณ์ด้านสาธารณสุขในโลกปัจจุบัน สามารถต่อยอดเชิงพาณิชย์ได้จริง นอกจากนี้ยังได้เยี่ยมชมห้องเรียน อาคารหอพัก ที่ประเทศญี่ปุ่นให้ความสำคัญอย่างยิ่งในมิติด้านการจัดสภาพแวดล้อมทางกายภาพและความปลอดภัย ซึ่งดิฉันได้มอบหมายให้เลขาธิการ กพฐ.ศึกษารูปแบบที่ได้พบเห็นเพื่อประยุกต์ใช้ในบริบทประเทศไทยต่อไป นอกจากนี้ดิฉันยังได้หารือกับสถานกงสุลใหญ่ ณ นครโอซาก้า และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องถึงแนวทางการสร้างโอกาสให้นักเรียนไทยได้เข้าศึกษาต่อที่สถาบันโคเซ็น ประเทศญี่ปุ่นเพิ่มขึ้น รวมไปถึงการจัดสรรทุนในจำนวนที่มากขึ้น และ มีรูปแบบที่หลากหลาย โดยการสนับสนุนของภาคเอกชน หรือการสนันสนุนลักษณะทุนการศึกษาครึ่งหนึ่ง(half scholarship)ด้วย ” นางสาวตรีนุช กล่าว.


ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 28 พฤศจิกายน 2565

พล.อ.ประวิตร”ดันเศรษฐกิจดิจิทัลรับไทยแลนด์4.0 มุ่งปชช.ใช้นวัตกรรมแบบสร้างสรรค์สู่ผู้นำภูมิภาค

,

พล.อ.ประวิตร”ดันเศรษฐกิจดิจิทัลรับไทยแลนด์4.0 มุ่งปชช.ใช้นวัตกรรมแบบสร้างสรรค์สู่ผู้นำภูมิภาค

เมื่อวันที่ 28 พ.ย.65 พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้ไปเป็นประธานพิธีเปิด งานสัมมนาและนิทรรศการเศรษฐกิจดิจิทัล “Thailand 4.0 ประเทศไทยไปไกลกว่าที่คิด : THAILAND 4.0 THE FUTURE AND BEYOND” ณ ห้องประชุมวิภาวดีบอลรูม โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ เซ็นทรัลพลาซา ลาดพร้าว ที่จะมีขึ้นระหว่างวันที่ 28-29 พ.ย.65 โดยมีกระทรวงดิจิทัล เพื่อเศรษฐกิจและสังคม เป็นเจ้าภาพจัดกิจกรรม

พล.ท.พัชร์ชศักดิ์ ปฏิรูปานนท์ ผู้ช่วยโฆษก รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ภายหลัง นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดีอีเอส ได้กล่าวรายงานและวัตถุประสงค์การจัดงานในครั้งนี้แล้วพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รอง นรม. ประธานในพิธี ได้กล่าวเปิดงานและปาฐกถาพิเศษ ว่า ประเทศไทยมีความก้าวหน้าไปมากไม่แพ้ชาติใดในโลก ในด้านการส่งเสริม เศรษฐกิจดิจิทัล ส่งผลกระทบเชิงบวกที่จะเพิ่มขีดความสามารถ ในการแข่งขันของประเทศ และสามารถใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีดิจิทัล ขับเคลื่อนสังคม ซึ่งเป็นนโยบายของรัฐบาลในการนำประเทศสู่ “ประเทศไทย 4.0” โดยเน้นการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ด้วยนวัตกรรม และในงานนี้ ยังได้มุ่งเน้นการสร้าง องค์ความรู้ ให้กับประชาชน นักเรียน นักศึกษา สำหรับใช้เทคโนโลยีดิจิทัล ให้ได้อย่างถูกต้อง และสร้างสรรค์ และเพื่อเป็นภูมิคุ้มกัน ลดความเสี่ยงในการใช้เทคโนโลยีที่ไม่เหมาะสม สามารถรู้เท่าทันภัยออนไลน์ และลดความเสี่ยง จากภัยคุกคามทางไซเบอร์ ได้ด้วย

พล.อ.ประวิตร ยังได้กล่าวชื่นชม และขอบคุณ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมที่ได้จัดกิจกรรมที่มีคุณค่า และมีความสำคัญเร่งด่วน ตามนโยบายของรัฐบาล ตลอดจนภาคเอกชน ที่ให้การสนับสนุน ด้วยดี พร้อมขอให้การจัดงานสัมมนาและนิทรรศการในครั้งนี้ บรรลุตามวัตถุประสงค์เกิดประโยชน์ กับประชาชนทุกคน โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง เช่น คนพิการ เป็นต้นอย่างทั่วถึง ต่อไป


ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 28 พฤศจิกายน 2565

พล.อ.ประวิตร” โชว์ผลสำเร็จปราบค้ามนุษย์ปี65 คณะกต.สหรัฐ ชื่นชมนโยบายไทยเร่งแก้ไขปัญหาต่อเนื่อง

,

พล.อ.ประวิตร” โชว์ผลสำเร็จปราบค้ามนุษย์ปี65
คณะกต.สหรัฐ ชื่นชมนโยบายไทยเร่งแก้ไขปัญหาต่อเนื่อง

วันที่ 27 พฤศจิกายน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี/หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ในฐานะประธานกรรมการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ (ปคม.) เปิดเผยว่า ได้สั่งการให้ พล.ต.อ.ธรรมศักดิ์ วิชชารยะ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานอนุกรรมการร่วมว่าด้วยการต่อต้านการค้ามนุษย์ ไทย – สหรัฐอเมริกา ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จัดการต้อนรับผู้แทนสำนักงานตรวจสอบและต่อต้านการค้ามนุษย์ (J/TIP Office) กระทรวงต่างประเทศ ของสหรัฐอเมริกาในโอกาสเดินทางเยือนประเทศไทยเพื่อติดตามความคืบหน้าของการดำเนินงานป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ในประเทศไทยประจำปี 2565

ทั้งนี้ น.ส. Caitlin Heidenreich ผู้แทน J/TIP ของ กต.สหรัฐฯ พร้อมด้วย น.ส. Rebecca Hunter รองที่ปรึกษาฝ่ายการเมือง น.ส. Angeline Bickner ผู้ช่วยฝ่ายการเมือง น.ส. Elska Vuong ผู้ช่วยฝ่ายการเมือง และนางสาวจันทร์เจ้า จันทร์ศิริ ฝ่ายการเมืองของสถานทูตอเมริกาประจำประเทศไทย เข้าเยี่ยมชมหน่วยปฏิบัติหลักในด้านต่างๆ ทั้งด้านการดำเนินคดี ด้านการป้องกัน และด้านการคุ้มครอง

อย่างไรก็ตามเมื่อวันที่ 22 พ.ย. 2565 คณะภาคีเครือข่ายประชาสังคมและ TIP Report Hero ชาวไทยทั้ง 3 คน เข้าพบพล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร. ให้การต้อนรับคณะเข้าเยี่ยมชมฟังบรรยายสรุปผลงานของศูนย์พิทักษ์เด็ก สตรี ครอบครัว ป้องกันปราบปรามการค้ามนุษย์ และภาคประมง สำนักงานตำรวจแห่งชาติศูนย์ (ศพดส.ตร.) ที่มีผลจับกุมคดีค้ามนุษย์รวม 231 คดีในปี 2565 โดยเฉพาะ ผลงานชุดปฏิบัติการ TICAC ที่มีสถิติจับกุมคดีล่วงละเมิดทางเพศต่อเด็กทางอินเตอร์เน็ท รวม 398 คดีในปี 2565 ยอดสูงสุดในรอบ 8 ปี เนื่องจากได้มีการปรับรูปแบบในการสืบสวนทางออนไลน์ และปฏิบัติการร่วมกับ NGO ควบคู่กับได้รับความร่วมมือจากผู้เสียหายเป็นพยานมากขึ้น โดยใช้แผนกลไกการส่งต่อฯ (NRM) ของรัฐบาล ต่อมาวันที่ 23 พ.ย. 2565

พล.ต.อ.ธรรมศักดิ์ กล่าวอีกว่า ได้นำคณะเข้าเยี่ยมชมศูนย์ปฏิบัติการเฝ้าระวังการทําการประมง (FMC) ของกรมประมงและฟังบรรยายสรุปขั้นตอนตรวจแรงงานของศูนย์ PIPO ความร่วมมือกับภาคเอกชนในการนำแนวปฏิบัติการใช้แรงงานที่ดี (GLP) และมาตรฐานแรงงานไทย (TLS) มาตรฐานการปฏิบัติงาน ตรวจคัดกรองการบังคับใช้แรงงาน (SOP) และผู้บริหารกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ได้นำคณะเยี่ยมชมสถานคุ้มครองสวัสดิภาพผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์จังหวัดปทุมธานี นำเสนอพัฒนาการความก้าวหน้าที่สำคัญ อาทิ สถิติการคุ้มครองช่วยเหลือผู้เสียหาย การให้ความสำคัญในการคุ้มครองช่วยเหลือที่คำนึงถึงบาดแผลทางจิตใจของผู้เสียหาย (Trauma Informed Care) และการพัฒนาแนวทางการให้อิสระแก่ผู้เสียหาย (Freedom of Movement) ในการเดินทางเข้าออกสถานคุ้มครอง และการใช้เครื่องมือสื่อสารสำหรับผู้เสียหายกลุ่มผู้ใหญ่

พล.ต.อ.ธรรมศักดิ์ กล่าวว่า ฝ่ายสหรัฐอเมริกาชื่นชมความก้าวหน้าของรัฐบาลในการนำแผนปฏิบัติการว่าด้วยกลไกการส่งต่อระดับชาติฯ (NRM) ไปสู่การปฎิบัติ โดยเฉพาะโครงการสำคัญ (Flagship) อาทิ การจัดตั้งศูนย์คัดแยกผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ (ดอนเมือง) งบลงทุนราว 150 ล้านบาทเศษ การตั้งศูนย์บูรณาการคัดแยก 10 จังหวัดในพื้นที่เสี่ยง การตั้งทีมสหวิชาชีพคัดกรองแรงงานต่างด้าวที่ทำงานในเรือประมงในพื้นที่ 22 จังหวัดชายทะเล จำนวน 40,000 คน เป้าหมายสัมภาษณ์ครบ 100% การซุ่มคัดกรองแรงงานกลุ่มเสี่ยงทั่วประเทศ ภายใต้การกำกับดูแลของ พล.อ.ประวิตร ประธาน ปคม./ปกค. โดยได้เป็นกำลังใจและขอบคุณเจ้าหน้าที่ “ทีมประเทศไทย” ที่ได้ทุ่มเททำงานมาตลอดทั้งปี และยังได้เน้นย้ำให้ปราบปรามอย่างเข้มงวด ห้ามมิให้เข้าไปเกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์อย่างเด็ดขาด เพื่อยกระดับประเทศไทยให้ดียิ่งขึ้นในปี 2566


ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 27 พฤศจิกายน 2565

“พล.อ.ประวิตร” เคาะขยายเวลาพรก.ฉุกเฉินอีก 3 เดือนจ.ชายแดนใต้ เพิ่มประสิทธิภาพดูแลประชาชน

,

“พล.อ.ประวิตร” เคาะขยายเวลาพรก.ฉุกเฉินอีก 3 เดือนจ.ชายแดนใต้ เพิ่มประสิทธิภาพดูแลประชาชน

เมื่อวันที่ 25 พฤศจิกายน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รอง นายกรัฐมนตรี ได้เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการบริหารสถานการณ์ฉุกเฉิน ที่ประชุมรับทราบรายงานสถานการณ์และการบังคับใช้ พรก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินและข้อมูลตัวชี้วัดในพื้นที่ที่ผ่านมา

ที่ประชุมได้พิจารณาถึงเหตุการณ์และสถานการณ์ใช้ความรุนแรงในพื้นที่ และเห็นชอบ การขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ ยกเว้น อ.ศรีสาคร อ.สุไหงโก-ลก อ.แว้ง อ.สุคิริน จ.นราธิวาส อ.ยะหริ่ง อ.ไม้แก่น อ.แม่ลาน จ.ปัตตานี และอ.เบตง อ.กาบัง จ.ยะลา ออกไปอีกเป็นระยะเวลา 3 เดือน เริ่มตั้งแต่ 20 ธันวาคม 2565 และสิ้นสุดลงใน 19 มีนาคม 2566 โดยไม่มีการปรับลดพื้นที่ เพื่อให้เกิดความต่อเนื่องในการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ในป้องกัน ระงับ ยับยั้งสถานการณ์ในพื้นที่ได้อย่างทันท่วงที

‘พล.อ.ประวิตร ขอให้ กอ.รมน. พิจารณาใช้ พรก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินให้มีประสิทธิภาพ และให้ระมัดระวังการเมิดสิทธิมนุษยชนในการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่ รวมถึงให้มีการทบทวนการปรับลดพื้นที่ที่ผ่านเกณฑ์การประเมินอย่างรอบด้าน สอดคล้องกับบริบทสถานการณ์ที่เกิดขึ้น เพื่อเร่งขับเคลื่อนงานยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชนไปพร้อมกัน พร้อมทั้งขอให้เร่งสืบสวนขยายผลจับกุมผู้ก่อเหตุระเบิดคาร์บอมบ์ที่ จ.นราธิวาส เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก โดยเฉพาะต้องมีการเฝ้าระวังและเปิดเผยบุคคลเป้าหมายให้สาธารณะชนทราบ รวมทั้งมีมาตรการระวังป้องกัน การบังคับใช้กฎหมายที่เข้มข้นมากขึ้น และขอเป็นกำลังใจกับเจ้าหน้าที่ทุกคนและขอให้ไม่ประมาทในการปฏิบัติงาน ‘โฆษกประจำรองนายกฯ กล่าว

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 25 พฤศจิกายน 2565

“ศิริพงษ์” ขอบคุณรัฐบาลแทนเกษตรกรชาวหนอกจอก หลังได้รับเงินประกันราคาข้าว

,

“ศิริพงษ์” ขอบคุณรัฐบาลแทนเกษตรกรชาวหนอกจอก หลังได้รับเงินประกันราคาข้าว

นายศิริพงษ์ รัสมี ส.ส.กทม. พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวหารือในที่ประชุมว่า ตลอดระยะเวลากว่า 3 ปี ตนได้ใช้สภาผู้แทนราษฎร ผ่านประธานสภาผู้แทนราษฎร ไปถึงรัฐบาลและรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง เพื่อนำงบประมาณแผ่นดินมาพัฒนาหนองจอกอยู่ตลอดเวลาครับ โดยพื้นที่หนองจอกต้องดีขึ้นกว่าเดิม ซึ่งต้องขอขอบคุณรัฐบาลและผู้ที่เกี่ยวข้องทุกคนที่ช่วยแก้ไขในหลายๆ ปัญหาความเดือดร้อนของพี่น้องชาวหนองจอก จนเกิดเป็นรูปธรรมจากรัฐบาลและกรุงเทพมหานคร ในการช่วยเหลือพี่น้องชาวหนองจอก เช่น ถนนที่ชำรุดทรุดโทรม ศาลาพักผู้โดยสาร51 แห่ง

“ผมต้องขอขอบคุณรัฐบาลแทนเกษตรกรชาวนา ซึ่งกว่าร้อยละ 50 ของชาวหนองจอกประกอบอาชีพนี้ วันนี้ได้รับเงินประกันราคาข้าวแล้ว ผมขอแสดงความยินดีกับชาวนาด้วย”

#พรรคพลังประชารัฐ #พลังประชารัฐ #พปชร #PPRP #ศิริพงษ์รัสมี
Twitter : https://twitter.com/PPRPofficial

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 25 พฤศจิกายน 2565

“ส.ส.พัชรินทร์” ห่วงฤดูหนาวทำค่าฝุ่น PM 2.5 สูงขึ้น หวั่นกระทบสุขภาพคนไทย วอนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องคุมต้นกำเนิดอย่างสม่ำเสมอ

,

“ส.ส.พัชรินทร์” ห่วงฤดูหนาวทำค่าฝุ่น PM 2.5 สูงขึ้น หวั่นกระทบสุขภาพคนไทย วอนหน่วยงานที่เกี่ยวข้องคุมต้นกำเนิดอย่างสม่ำเสมอ

ดร.พัชรินทร์ ซำศิริพงษ์ ส.ส. กรุงเทพมหานคร เขต 2 ในฐานะโฆษกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) หารือสภาผู้แทนราษฎร ผ่านไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่า ในช่วงที่ผ่านมาสถานการณ์ ฝุ่น PM 2.5 มีภาวะที่ดีขึ้น แต่ขณะนี้ประเทศไทยกำลังเข้าสู่ฤดูหนาว ซึ่งฝุ่น PM 2.5 จะกลับมามีค่าสูงขึ้นอีกครั้ง โดยเมื่อฝุ่น PM 2.5 มีค่าสูงขึ้น จะเกิดผลเสียทำให้อันตรายกับสุขภาพ ไม่ว่าจะเป็นผลกระทบที่เกิดขึ้นทันที เช่น ระบบลมหายใจ อาการแสบจมูก ไอ ภูมิแพ้กำเริบ หรือผลกระทบต่อผิวหนัง เกิดการอักเสบ ผื่นคัน แพ้ รวมไปถึงผลกระทบระยะยาว เช่น เกิดการกระตุ้นต่อระบบหัวใจและหลอดเลือด รวมถึงโรคมะเร็งปอดแม้ว่าจะไม่ได้สูบบุหรี่ก็ตาม

“ดิฉันขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้ความร่วมมือช่วยกันป้องกันไม่ให้ฝุ่น PM 2.5 กลับมามีค่าสูงขึ้นอีก โดยขอให้คุมต้นกำเนิดของฝุ่น PM 2.5 อย่างสม่ำเสมอ เช่น ตรวจจับควันดำ หรือการเผาขยะ เป็นต้น หากทำได้เช่นนี้ก็จะเพื่อให้เราทุกคนได้มีอากาศบริสุทธิ์ตลอดทั้งปี”

#พรรคพลังประชารัฐ #พลังประชารัฐ #พปชร #PPRP #พัชรินทร์ซำศิริพงษ์
Twitter : https://twitter.com/PPRPofficial

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 25 พฤศจิกายน 2565

“รมช. สันติ” ร่วม“คิกออฟ” เงินประกันรายได้ข้าวปี 65/66 นำร่องเมืองมะขามหวาน ช่วยเหลือชาวนาไร่ละ1 พันบาท

,

“รมช. สันติ” ร่วม“คิกออฟ” เงินประกันรายได้ข้าวปี 65/66
นำร่องเมืองมะขามหวาน ช่วยเหลือชาวนาไร่ละ1 พันบาท

วันที่ 24 พฤศจิกายน 2565 นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า กระทรวงการคลัง ร่วมกับธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) และส่วนราชการ จัดกิจกรรม Kick off มาตรการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าว โครงการสนับสนุนค่าบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพผลผลิตเกษตรกรผู้ปลูกข้าวปีการผลิต 2565/66 ภายใต้วงวงเงิน 81,265 ล้านบาท โดยมี พล.อ.ประยุทธ์จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานในพิธีเปิดกิจกรรมฯ เพื่อมอบของเป็นของขวัญให้กับเกษตรกรผู้ปลูกข้าว และช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าวให้มีรายได้ที่แน่นอน ตามนโยบายประกันรายได้เกษตรกรของรัฐบาล โดยมี นายอาดม เติมพิทยาไสสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน นายกฤษณ์ คงเมือง ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบูรณ์ และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.)พรรคพลังประชารัฐ จ.เพชรบูรณ์ อาทิ นายจักรัตน์ พั้วช่วย ,นางสาวพิมพ์พร พรพฤฒิพันธุ์ ให้การต้อนรับ มีเกษตรกรในพื้นที่ จ.เพชรบูรณ์ และพื้นที่ข้างเคียงเข้าร่วม จำนวน 5,000 คน บริเวณ ศาลากลางจังหวัดเพชรบูรณ์

“เกษตรกรเปรียบเหมือนกระดูกสันหลังของชาติ การได้รับโอกาสในการสนับสนุนความรู้ นวัตกรรมและเทคโนโลยีให้กับเกษตรกรผู้ปลูกข้าว เป็นตามเป้าหมายสำคัญของรัฐบาล ในการพัฒนาคุณภาพชีวิตของเกษตรกรให้ดีขึ้น”

วันนี้เป็นวันเริ่มโครงการ เป็นวันแรกที่ ธ.ก.ส. จะโอนเงินเข้าบัญชีเกษตรกรผู้ปลูกข้าว จ.เพชรบูรณ์ โดยตรง ทั้งนี้ จ.เพชรบูรณ์ มีเกษตรกรผู้ปลูกข้าว เข้ารับการลงทะเบียนช่วยเหลือกับทาง ธ.ก.ส. ใน จ.เพชรบูรณ์ จำนวน 25 สาขา รวม จำนวน 77,452 ราย รวมวงเงินกว่า 932 ล้านบาท

สถานการณ์ความเดือดร้อนของเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ที่ส่งผลให้ต้นทุนการผลิตสูงขึ้น เช่น ภัยแล้ง น้ำท่วม โรคระบาด คณะรัฐมนตรีมีมติอนุมัติโครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปี 2565/2566 คณะอนุกรรมการฯ ได้พิจารณาราคาเกณฑ์กลางอ้างอิงประกันรายได้ ปี 2565/2566 (ปี4) จำนวน 6 งวด จาก 33 งวด ซึ่งหลักเกณฑ์ต่างๆ ในโครงการฯ ยังคงหลักการเช่นเดิม โดย ธ.ก.ส. จะโอนเงินส่วนต่างเข้าบัญชีเกษตรกรโดยตรง โดยงวดที่ 1 ธ.ก.ส. จ่ายเงินในวันที่ 24 พฤศจิกายน นี้ เป็นวันแรก

สำหรับการโอนเงินประกันรายได้ข้าว 2565/2566 มีเกษตรกร ได้รับประโยชน์ จำนวน 4.68 ล้านครัวเรือน ระยะเวลาดำเนินโครงการ ตั้งแต่วันนี้จนถึง 30 กันยายน 2566 โดยจะจ่ายเงินช่วยเหลือจาก 2 โครงการ ประกอบด้วย

1.โครงการประกันรายได้เกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2565/2566 ให้กับเกษตรกรผู้ปลูกข้าว 5 ชนิด ได้แก่
– ข้าวเปลือกหอมมะลิ ตันละ 15,000 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 14 ตัน
– ข้าวเปลือกหอมมะลินอกพื้นที่ ตันละ 14,000 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 16 ตัน
– ข้าวเปลือกเจ้า ตันละ 10,000 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 30 ตัน
– ข้าวเปลือกหอมปทุมธานี ตันละ 11,000 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 25 ตัน
– ข้าวเปลือกเหนียว ตันละ 12,000 บาท ครัวเรือนละไม่เกิน 16 ตัน

2. โครงการจ่ายเงินช่วยเหลือ เกษตรกร ค่าบริหารจัดการ และ พัฒนาคุณภาพผลผลิต เกษตรกร ผู้ปลูกข้าวการผลิต 2565/2566 ในอัตราไร่ละ 1,000 บาท สูงสุดไม่เกิน 20 ไร่ หรือไม่เกิน 20,000 บาทต่อครัวเรือน ยอดจ่ายทั้งประเทศ รวม 4.295 ล้านครัวเรือน จำนวนเงิน 50,617.045 ล้านบาท พร้อมทยอนจ่ายเงิน ตามแผนการโอนเงิน ให้กับเกษตรกรผู้ปลูกข้าวทั่วประเทศต่อไป

อย่างไรก็ตามการโอนเงินประกันรายได้ข้าว ประจำฤดูกาลเพาะปลูก ปี 2565/2566 งวดที่ 1- งวดที่ 6 นี้จะครอบคลุมกลุ่มเกษตรกรร้อยละ 73 ของเกษตรกรที่ขึ้นทะเบียนกับกรมส่งเสริมการเกษตร ซึ่งจะช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายในการแก้ไขปัญหาราคาผลผลิตตกต่ำจากสภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวและภัยธรรมชาติ ช่วยให้ชาวนามีเงินทุนในการพัฒนาคุณภาพการผลิต รวมถึงสร้างขวัญกำลังใจให้กับเกตรกร ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจให้เกิดความมั่งคั่งและยั่งยืน ไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง


ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 24 พฤศจิกายน 2565

“พัชรินทร์” สวนเพื่อไทย ใครทำสภาล่ม เปิดตัวเลของค์ประชุม ส.ส. พปชร. แสดงตน 77 คน เพื่อไทยแค่ 11 คน

,

“พัชรินทร์” สวนเพื่อไทย ใครทำสภาล่ม
เปิดตัวเลของค์ประชุม ส.ส. พปชร. แสดงตน 77 คน เพื่อไทยแค่ 11 คน

ดร.พัชรินทร์ ซำศิริพงษ์ ส.ส. กทม. เขต 2 ในฐานะโฆษกพรรคพลังประชารัฐ โต้ ส.ส.พรรคเพื่อไทย หลังแถลงเหตุสภาล่ม โยนเผือกร้อนให้พรรคพลังประชารัฐ โดยอ้างว่า มี ส.ส. โดดไปบ้านป่ารอยต่อฯ ว่าขอให้แถลงอย่างตรงไปตรงมา ให้ข้อมูลที่ถูกต้อง อย่าบิดเบือนข้อเท็จจริงหวังดิสเครดิตทางการเมือง พร้อมทั้งยืนยันว่าไม่มีใครเข้าป่ารอยต่อฯ และไม่ได้มีการเช็คชื่อ ส.ส. อย่างที่ถูกกล่าวอ้าง ซึ่ง พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ก็ยังติดพันภารกิจร่วมประชุมรัฐมนตรีกลาโหมอาเซียน อยู่ที่ประเทศกัมพูชา วานนี้

ดร.พัชรินทร์ ย้ำว่า พรรคพลังประชารัฐ ให้ความสำคัญกับการเข้าร่วมประชุมสภาฯ เห็นได้จากตัวเลข ส.ส. แสดงตนเป็นองค์ประชุม ก่อนเกิดเหตุสภาล่มวานนี้ ที่มีผู้แสดงตนเป็นองค์ประชุมทั้งสิ้น 228 คน จากจำนวนครบองค์ประชุมต้องมีสมาชิกแสดงตนจำนวน 237 คน จากสมาชิกทั้งสภา 474 คน โดยมาจาก ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ มากที่สุด 77 คน ขณะที่พรรคเพื่อไทยแสดงตนเพียง 11 คนเท่านั้น จึงอยากให้กลับไปพิจารณาดูว่า ใครที่เป็นต้นเหตุสภาล่ม

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 24 พฤศจิกายน 2565