โลกเปลี่ยน ไทยต้องปรับ ทางเลือกใหม่ของการเมืองไทย ก้าวข้ามความขัดแย้ง สานพลังประชาราษฎร์ ร่วมสร้างชาติให้ยั่งยืน

หมวดหมู่: ข่าวประชาสัมพันธ์

ส.ส.อนุชา วอน ก.ทรัพย์ฯ – ก.สหกรณ์ฯ ลดขั้นตอนขอGAP ส่งเสริมอาชีพ

,

‘พล.อ.ประวิตร’ สั่ง กนช. เดินหน้า 9 มาตรการแก้ภัยแล้ง เพิ่มแหล่งน้ำต้นทุนท้องถิ่น บริหารจัดการน้ำหนุนเกษตร

เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (กนช.) ครั้งที่ 4/2564 โดยมีดร.สุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) พร้อมด้วยผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุมโดยผ่านระบบวีดิโอคอนเฟอเรนท์ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า การประชุมกนช. ในวันนี้ มีการพิจารณาให้ความเห็นชอบมาตรการรองรับสถานการณ์ขาดแคลนน้ำ ฤดูแล้ง ปี 2564/2565 จำนวน 9 มาตรการ ได้แก่ 1.เร่งกักเก็บน้ำ 2.จัดหาแหล่งน้ำสำรองในพื้นที่เสี่ยงขาดแคลนน้ำ 3. ปฏิบัติการเติมน้ำ 4.กำหนดการจัดสรรน้ำฤดูแล้ง 5.วางแผนเพาะปลูกพืชฤดูแล้ง 6.เตรียมน้ำสำรองสำหรับพื้นที่ลุ่มต่ำ 7.เฝ้าระวังคุณภาพน้ำ 8.ติดตามและประเมินผล เพื่อให้ผลการดำเนินงานเป็นไปตามแผน และ 9.สร้างการรับรู้สถานการณ์และแผนบริหารจัดการน้ำ รวมทั้งโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำเพื่อรองรับสถานการณ์ภัยแล้งและฝนทิ้งช่วง ปี 2565 เพื่อเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) และให้หน่วยงานดำเนินการตามมาตรการดังกล่าวต่อไป

พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า นอกจากนี้ ยังเห็นชอบให้สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) เร่งพัฒนาโครงการพัฒนาแหล่งน้ำเพื่อการเกษตรในพื้นที่ ส.ป.ก.จังหวัดกระบี่ เพื่อสนับสนุนพื้นที่เกษตรกรรม 3,321 ไร่ ให้มีน้ำใช้อย่างเพียงพอ โดยให้ ส.ป.ก. และกรมพัฒนาที่ดิน เร่งพัฒนาระบบสาธารณูปโภคในพื้นที่ และเร่งวางแผนการดำเนินการได้ทันที เมื่อได้รับงบประมาณ เนื่องจากมีประชาชนเข้าใช้ประโยชน์แล้ว รวมทั้งยังเห็นชอบ

ทั้งนี้ที่ประชุมยังได้ติดตามความก้าวหน้าการได้มาซึ่งคณะกรรมการลุ่มน้ำฯ จากผู้แทนภาคส่วนต่างๆ เพื่อให้การคัดเลือกมีความโปร่งใสและเป็นธรรม โดยเริ่มดำเนินการคัดเลือกกรรมการลุ่มน้ำผู้แทนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทุกลุ่มน้ำในเดือนมกราคม 65 และประกาศรายชื่อผู้ได้รับการคัดเลือกในเดือนมีนาคม 65 ซึ่งเป็นระยะเวลาเดียวกันหรือใกล้เคียงกันกับการประกาศแต่งตั้งคณะกรรมการลุ่มน้ำผู้ทรงคุณวุฒิ ส่วนกรรมการลุ่มน้ำผู้แทนองค์กรผู้ใช้น้ำได้ดำเนินการคัดเลือกครบถ้วนทุกลุ่มน้ำแล้ว นอกจากนี้ ที่ประชุมยังได้พิจารณาเห็นชอบร่างแผนปฏิบัติการด้านทรัพยากรน้ำ 5 ปี (พ.ศ. 2566 – 2570) และร่างแผนปฏิบัติการด้านทรัพยากรน้ำ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2566 โดยมอบหมายให้หน่วยงานของรัฐและ อปท.พิจารณาจัดทำแผนปฏิบัติการฯ ให้สอดคล้องแผนแม่บทฯน้ำ 20 ปี ก่อนเสนอกนช. และครม. พิจารณาเห็นชอบต่อไป

การขับเคลื่อนการถ่ายโอนโครงการขนาดเล็กให้กับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น(อปท.) โดยหน่วยงานราชการสามารถถ่ายโอนแหล่งน้ำขนาดเล็กที่ซ่อมแซมแซมแล้วให้แก่ อปท. นำไปบริหารจัดการเองได้ เพื่อให้ประชาชนสามารถนำน้ำจากแหล่งน้ำที่ซ่อมแซมแล้วไปใช้ประโยชน์ในการดำรงชีพและประกอบอาชีพต่อไป

ทั้งนี้ ยังได้เน้นย้ำให้ทุกหน่วยงานร่วมมือในการแก้ไขปัญหาน้ำท่วม น้ำแล้ง และคุณภาพน้ำ โดยเฉพาะการดำเนินการตามมาตรการฤดูแล้งที่ต้องวางแผนบริหารจัดการน้ำไว้ล่วงหน้า ในส่วนแผนงาน/โครงการใดที่ยังติดขัดปัญหาและอุปสรรค ขอให้หน่วยงานเร่งดำเนินการตามระเบียบที่ถูกต้อง พร้อมจัดลำดับความสำคัญของแผนงานตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดเพื่อให้การแก้ไขปัญหาด้านน้ำบรรลุผลอย่างเป็นรูปธรรมและยั่งยืน ประชาชนจะได้รับประโยชน์อย่างเท่าเทียม ที่สำคัญยังได้สั่งการหน่วยงานเกี่ยวข้องวางแผนเตรียมความพร้อมก่อนเข้าฤดูฝนปี 2565 ให้แล้วเสร็จภายในเดือนกุมภาพันธ์เพื่อเสนอ กนช. พิจารณาต่อไปด้วย

ที่มา : facebook.com/PPRPThailand/
เมื่อวันที่ : 10 ธันวาคม 2564

ส.ส.เร่งติดตามความคืบหน้ากรณีเงินชดเชย เกษรตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลัง

,

ผนึกพลัง ส.ส.เร่งติดตามความคืบหน้ากรณีเงินชดเชยส่วนต่างราคาให้เกษรตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลัง

เมื่อเร็วๆนี้ ณ กรมการค้าภายใน กระทรวงพาณิชย์ นายเชิงชาย ชาลีจันทร์ ส.ส. เขต 2 จ.ชัยภูมิ พร้อมนายสัมฤทธิ์ แทนทรัพย์ ส.ส. เขต 3 จังหวัดชัยภูมิ และนาย วัฒนา ช่างเหลา ส.ส. เขต 2 จ.ขอนแก่น พรรคพลังประชารัฐ ร่วมกับ นายรังษี ไผ่สอาด นายกสมาคมชาวไร่มันสำปะหลังแห่งประเทศไทย ได้ไปติดตามความคืบหน้ากรณีเงินชดเชยส่วนต่างราคาให้เกษรตรกรผู้ปลูกมันสำปะหลัง ที่ยังไม่ได้รับอีกจำนวนมาก โดยมีนายวัฒนศักย์ เสือเอี่ยม อธิบดีกรมการค้าภายในและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ชี้แจงปัญหาที่เกิดขึ้น เรื่องเงื่อนเวลาการลงทะเบียนปลูก-ขุด มันสำปะหลัง ทั้งนี้ ทางกรมการค้าภายใน ได้รับเรื่องและเร่งแก้ไขปัญหาให้กับพี่น้องชาวไร่มันสำปะหลังไว้แล้ว และอยู่ระหว่างดำเนินการอีกไม่นานนี้

“ขอขอบพระคุณทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ของกระทรวงพาณิชย์ ที่ก่อนหน้านี้ ผมและคณะเคยไปยื่นเรื่องนี้ไว้ ” ส.ส.เชิงชาย กล่าว

#พร้อมเสมอเจอตัวง่าย
#พปชร
#พลังประชารัฐ

ที่มา : facebook.com/PPRPThailand/
เมื่อวันที่ : 9 ธันวาคม 2564

“ส.ส. พัชรินทร์” เสนอเพิ่มไฟส่องสว่างพื้นที่เปลี่ยวห่วงความปลอดภัยของปชช.

,

“ส.ส. พัชรินทร์” เสนอเพิ่มไฟส่องสว่างพื้นที่เปลี่ยวห่วงความปลอดภัยของปชช.
เร่งสนง.เขตปทุมวันพิจารณาปักเสาไฟฟ้าใหม่ ลดก่ออาชญากรรมแหล่งมั่วสุม

นางสาวพัชรินทร์ ซำศิริพงษ์ ส.ส.กรุงเทพฯ เขตปทุมวัน-บางรัก-สาทร พรรคพลังประชารัฐ หารือที่ในประชุมสภาผู้แทนราษฎร ถึงความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนในพื้นที่ชุมชนวัดบรมนิวาสราชวรวิหาร เขตปทุมวัน บริเวณริมทางเดินคลองแสนแสบ ไปยังสำนักงานเขตปทุมวัน ช่วยพิจารณาและแก้ไข เปลี่ยนพื้นที่เสี่ยงให้เป็นพื้นที่ปลอดภัย โดยขอให้เร่งติดตั้งไฟฟ้าส่องสว่าง เพื่อลดพื้นที่จุดเสี่ยง มืดเปลี่ยว และเป็นแหล่งมั่วสุม อาจจะก่อให้เกิดอันตรายแก่พี่น้องประชาชนที่สัญจรไปมาบริเวณนั้นได้ ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาขั้นตอนของสำนักงานเขตปทุมวัน

นอกจากนี้ ในพื้นที่ชุมชนซอยพระเจน เขตปทุมวัน พบว่าเสาไฟฟ้าโน้มเอียง จำนวน 2 ต้น ซึ่งเรื่องนี้ได้เคยหารือในสภาฯ ไปแล้วหลายครั้ง แต่ยังไม่ได้รับการแก้ไขปัญหาใดๆ ซึ่งปัจจุบันเสาไฟฟ้าทั้งสองต้นนี้เริ่มโน้มเอียงลงมามากกว่าเดิม กลัวว่าจะเป็นอันตรายต่อพี่น้องประชาชนที่พักอาศัยและสัญจรไปมาบริเวณดังกล่าว จึงอยากหารือท่านประธานสภาฯ ไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งพิจารณาและดำเนินการแก้ไขปัญหาดังกล่าว เพื่อไม่ให้เกิดอันตรายกับพี่น้องประชาชนในอนาคต

#พัชรินทร์ซำศิริพงษ์
#สสกรุงเทพฯ
#พลังประชารัฐ
#พปชร

ที่มา : facebook.com/PPRPThailand/
เมื่อวันที่ : 9 ธันวาคม 2564

ส.ส. ภาคภูมิ เขต 3 จ.ตาก พปชร.เสนอ ก.แรงงาน เข้มนำเข้าต่างด้าว

,

ส.ส. ภาคภูมิ เขต 3 จ.ตาก พปชร.เสนอก.แรงงาน เข้มนำเข้าต่างด้าว
สร้างความเชื่อมั่น กระตุ้นท่องเที่ยวฟื้นหลังเป็นพื้นที่ควบคุมโควิด-19

เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 2564 นาย ภาคภูมิ บูลย์ประมุข ส.ส.จังหวัดตาก เขต 3 พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ร่วมหารือในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ครั้งที่ 14 (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง) ไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอยู่ 3 เรื่อง คือ เรื่องแรก ฝากไปยัง กระทรวงแรงงาน การนำเข้าแรงงานที่ถูกกฎหมาย เนื่องจากจังหวัดตากอยู่ติดกับชายแดน มีการลักลอบเข้าเมืองที่ผิดกฎหมายเข้ามาเป็นจำนวนมาก ซึ่งในแต่ละวันหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ดำเนินการจับกุมผู้ที่ลักลอบเข้าเมืองจำนวนหลาย 10 คน มาอย่างต่อเนื่อง

ดังนั้นเพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาการลักลอบเข้าเมืองที่ผิดกฎหมายของแรงงานต่างชาติลดลง จะต้องมีการดำเนินการนำเข้าแรงงานต่างชาติที่ถูกกฎหมาย โดยผ่านกระทรวงแรงงาน การกักตัว ก็จะช่วยลดปัญหาการลักลอบเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมายได้อย่างเป็นรูปธรรม พร้อมกันนี้เพื่อเป็นการป้องกันการแพร่เชื้อไวรัสโควิด-19 สายพันธุ์ใหม่ เข้ามาภายในประเทศด้วยเช่นกัน

เรื่องที่สองของหารือไปยัง ศบค. ในการลดอัตราภาษีของจังหวัดตาก ซึ่งปัจจุบันพื้นที่จังหวัดเป็นเขตควบคุมสูงสุดพื้นที่สีแดงที่มีการแพร่ระบาดโควิด-19 และถึงแม้ว่า เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาได้จัดให้เป็นพื้นที่ที่มีการบริหารจัดการการแพร่ระบาดโควิด-19 ดีขึ้น แต่ก็ยังไม่สามารถเยียวยาผลกระทบให้กับพี่น้องประชาชนในพื้นที่จังหวัดตากได้ เช่นร้านอาหาร ซึ่งในตอนนี้เข้าสู่ฤดูหนาวแล้วและจะเห็นว่าเริ่มมีนักท่องเที่ยวกลับมาท่องเที่ยวในพื้นที่มากขึ้นดังนั้นจึงอยากฝากไปยัง ศบค.พิจารณาจังหวัดตาก ลดลำดับพื้นที่ดังกล่าวลงเพื่อสร้างความเชื่อมั่นและเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้ามาท่องเที่ยวในพื้นที่อีกครั้ง

ส่วนเรื่องสุดท้าย ตนขอฝากไปยัง กระทรวงทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม ในเรื่อง คทช. ทราบว่าหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจังหวัดตาก โดยเฉพาะ กรมป่าไม้ และ กรมอุทยานแห่งชาติ ส่งเรื่องไปยังกระทรวงทรัพยากร เพื่อพิจารณาเอกสารสิทธิ์ ดังนั้นอยากให้กระทรวงทรัพยากร เร่งรัดออกเอกสารสิทธิ์ให้ซึ่งพื้นที่ดังกล่าวส่วนใหญ่เป็นพี่น้องกลุ่มชาติพันธุ์ ที่รอเอกสารสิทธิ์ และส่วนที่เหลือ 75% เป็นพื้นที่ป่าไม้

#พปชร
#พลังประชารัฐ
#โควิด19

ที่มา : facebook.com/PPRPThailand/
เมื่อวันที่ : 9 ธันวาคม 2564

ส.ส. กานต์กนิษฐ์ ร้อง กทม.สำนักงานสิ่งแวดล้อม แก้ปัญหามลพิษทางกลิ่น

,

ส.ส. กานต์กนิษฐ์ ร้อง กทม.สำนักงานสิ่งแวดล้อม แก้ปัญหามลพิษทางกลิ่น
หาจุดจอดรถดูดสิ่งปฏิกูล ส่งผลกระทบปชช.ใช้บริการสถานีรถไฟฟ้าสามยอด

เมื่อวันที่ 8 ธันวาคม 2564 นางสาวกานต์กนิษฐ์ แห้วสันตติ ส.ส. กทม.เขต 1 พระนครป้อมปราบฯ พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) หารือในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ครั้งที่ 14 (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง)ในประเด็นที่เกี่ยวข้องการร้องขอให้กรุงเทพมหานคร สำนักงานสิ่งแวดล้อมช่วยเข้ามาดำเนินการเคลื่อนย้ายจุดจอดรถดูดสิ่งปฏิกูลที่บริเวณอู่ทางเข้าสวนรมนีนาถ ด้านประตูสามยอด ซึ่งจุดนี้ จะมีประชาชนที่มารอใช้บริการรถไฟฟ้าที่บริเวณประตูดังกล่าว และรถที่ใช้ดูดสิ่งปฏิกูลจอดพักทำให้มีกลิ่นเหม็นและมีน้ำปฏิกูล ไหล ออกมาส่งผลกระทบต่อพี่น้องประชาชนที่เข้าสัญจรไปยังสถานีรถไฟฟ้า

ดังนั้นจึงขอความอนุเคราะห์ไปยังกรุงเทพมหานคร สำนักงานสิ่งแวดล้อมเข้ามาดำเนินการเคลื่อนย้ายรถดูดสิ่งปฏิกูลในพื้นที่ดังกล่าวอย่างเร่งด่วน ส่วนเรื่องถัดมาจะเกี่ยวข้องกับพี่น้องประชาชน ที่เป็นกลุ่มไม่ได้มีการจดทะเบียนจัดตั้งที่อยู่อาศัย ทำให้มีเสียงสะท้อนมาในการเข้าถึงการให้บริการสวัสดิการต่างๆจากกรุงเทพมหานคร และสำนักงานเขต กรุงเทพฯ อย่างทั่วถึงเช่น ถังดับเพลิง ซึ่งได้รับแจ้งจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่าถังดับเพลิงจะสามารถติดตั้งให้เฉพาะชุมชนที่ขึ้นทะเบียนที่อยู่อาศัย รวมไปถึงการที่ไม่ได้รับสิ่งของสนับสนุนอุปโภคบริโภคที่จำเป็นในช่วงที่มีการแพร่ระบาด โควิด-19 ซึ่งสิ่งของเหล่านี้มีการสนับสนุนเฉพาะในพื้นที่ที่เป็นชุมชนเท่านั้น

“การหารือทั้งสองเรื่องดังกล่าวเพื่อหาแนวทางในการแก้ไขปัญหาในการช่วยเหลือพี่น้องประชาชนให้สามารถเข้าถึงการสนับสนุนสิ่งของที่จำเป็นอย่างเสมอภาคในฐานะที่เป็นผู้เสียภาษี แต่ไม่ได้อาศัยอยู่ในชุมชนที่ขึ้นทะเบียนเช่นกัน” นางกานต์กนิษฐ์

ที่มา : facebook.com/PPRPThailand/
เมื่อวันที่ : 9 ธันวาคม 2564

ส.ส.สิระ รับหนังสือจาก เลขาธิการสมาคมชาวอีสาน คลับเฮ้าส์ “TOXIC”

,

“ส.ส.สิระ”รับหนังสือจาก เลขาธิการสมาคมชาวอีสาน กรณีกลุ่มคลับเฮ้าส์ “TOXIC” ตั้งกระทู้สนทนาพฤติกรรมชาวอีสาน เตรียมนำเข้าหารือคณะกมธ.เร็วๆนี้

วันที่ 7 ธ.ค. 64 ณ จุดรับยื่นหนังสือ ชั้น 1 (โซนกลาง) อาคารรัฐสภา นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม.พปชร.ในฐานะประธานคณะ กมธ.การกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน รับยื่นหนังสือจาก พล.อ.ต.ณัฏฐอรรจน์ ถวิลหวัง เลขาธิการสมาคมชาวอีสาน เรื่อง กลุ่มคลับเฮ้าส์ “TOXIC” ตั้งกระทู้สนทนาพฤติกรรมชาวอีสานด้วยถ้อยคำหยาบคายเป็นการดูหมิ่น ดูแคลน และละเมิดศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของชาวอีสาน

เนื่องด้วยเมื่อวันที่ 4 พ.ย. 64 ได้ปรากฏผู้ใช้บัญชีคลับเฮ้าส์ “TOXIC” ตั้งกระทู้สนทนากันเกี่ยวกับพฤติกรรมชาวอีสานโดยใช้ถ้อยคำดูถูก เหยียดหยาม สร้างความอับอายและเป็นที่จงเกลียดจงชังจากบุคคลอื่น ซึ่งอาจนำไปสู่การสร้างความแตกแยกและแบ่งชนชั้นในสังคมไทย ในการนี้ สมาคมชาวอีสาน พิจารณาแล้วเห็นว่า การกระทำของผู้ใช้บัญชีคลับเฮ้าส์ “TOXIC” ในการสนทนานั้น น่าจะเข้าข่ายการกระทำความผิดเกี่ยวกับการนำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ สร้างความเสียหายและตื่นตระหนกต่อประชาชนทั่วไป โดยเฉพาะชาวภาคอีสาน รวมทั้งเป็นการละเมิดรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ในมาตรา 4 ที่ระบุว่า “ศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ สิทธิ เสรีภาพ และความเสมอภาคของบุคคลย่อมได้รับความคุ้มครอง”

ด้าน นายสิระ เจนจาคะ กล่าวภายหลังรับหนังสือว่า ตนได้ติดตามกรณีดังกล่าวมาโดยตลอด และเกิดความไม่สบายใจที่มีผู้ใช้คำดูหมิ่นดูแคลนชาวอีสาน ทั้งนี้ จะนำเรื่องดังกล่าวบรรจุเข้าสู่วาระการประชุมของคณะ กมธ. โดยจะเชิญตำรวจไซเบอร์ ผู้แทนจากกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ผู้แทนจากกระทรวงวัฒนธรรม ตลอดจนกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ มาร่วมประชุมเพื่อให้ความเห็นในกรณีดังกล่าวว่าเป็นการละเมิดสิทธิประชาชนของชาวอีสานหรือไม่ พร้อมทั้งขอฝากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้เร่งดำเนินการตามกฎหมายด้วย

อย่างไรก็ตาม ตนมีความเห็นว่าเราทุกคนล้วนเป็นคนไทยด้วยกัน จึงไม่ควรมีการดูถูกดูแคลนกัน ไม่ว่าจะเป็นเชื้อชาติ ศาสนา หรือภูมิลำเนาถิ่นกำเนิด พร้อมทั้งขอให้คนไทยเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันและมีความรักสามัคคีเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน

ที่มา : facebook.com/PPRPThailand/
เมื่อวันที่ : 8 ธันวาคม 2564

ส.ส. อรรถกรณ์ หารือสภาฯแก้ปัญหาชุมชนบางกระเจ็ดไฟไม่เพียงพอ

,

ส.ส. อรรถกรณ์ จ.ฉะเชิงเทรา หารือสภาฯแก้ปัญหาชุมชนบางกระเจ็ดไฟไม่เพียงพอ เร่ง กฟภ.วางระบบสายส่งครอบคลุม2หมู่บ้านลุยแก้ปัญหาค่าความเค็มน้ำในแหล่งน้ำ

นายอรรถกร ศิริลัทธยากร สมาชิกสภาแทนราษฎร(ส.ส.) จ.ฉะเชิงเทรา ได้หารือในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่ได้รับการร้องเรียนจากกำนัน ตำบลบางกระเจ็ด และประชาชนในพื้นที่ๆ ได้รับความเดือดร้อน จากปัญหาระบบไฟฟ้าที่ให้บริการไม่ทั่วถึง เนื่องจากไม่มีการวางระบบสายส่ง ในพื้นที่ หมู่บ้านหมู่ ที่ 1 และหมู่ที่ 7 ต.บางกระเจ็ด อ.บางคล้า จ.ฉะเชิงเทรา โดยขอให้กระทรวงมหาดไทย ที่กำกับดูแลการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) เร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาอย่างเร่งด่วน

ที่ผ่านมาประชาชนทั้งสองหมู่บ้านได้มีการระดมทุน เดินสายส่งไฟฟ้าเพื่อใช้ในหมู่บ้านทั้งสองแห่งด้วยตนเอง แต่แรงดันไฟฟ้าไม่เพียงพอ ต่อความต้องการใช้ของประชาชน ทำให้เครื่องใช้ไฟฟ้าภายในครัวเรือนได้รับความเสียหาย จึงได้เข้าร้องเรียนต่อ กฟภ. สาขาบางคล้า เพื่อให้มีการประเมินความเป็นได้ในงบค่าใช้จ่าย การวางระบบ การเดินสายส่งไว้ รวมมูลค่า 1,021,453.95 บาท

นอกจากนี้ ยังได้หารือถึงปัญหาความเค็มในพื้นที่ จังหวัดฉะเชิงเทรา ที่ได้รับผลกระทบจากค่าความเค็มสูงขึ้นเร็วผิดปกติ ได้เสนอให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกรมชลประทาน ในการปล่อยน้ำเพื่อลดค่าความเค็มของน้ำ และเพื่อให้ประชาชนใช้ประโยชน์จากแหล่งน้ำได้ เพราะที่ผ่านมาเกิดภาวะน้ำทะเลหนุนสูงเร็วกว่าคาดการณ์ 13-15 วัน จึงทำให้ประชาชนในพื้นที่ได้รับผลกระทบ โดยเฉพาะเกษตรกร

#พปชร
#พลังประชารัฐ
#กฟภ

ที่มา : facebook.com/PPRPThailand/
เมื่อวันที่ : 8 ธันวาคม 2564

ตรีนุช ให้การบ้านผู้ตรวจราชการ ศธ. เริ่มติดตาม 3 ประเด็นใหญ่ รายงานผลทุกสัปดาห์

,

“ตรีนุช” ให้การบ้านผู้ตรวจราชการ ศธ.

เสมา 1 ให้การบ้านผู้ตรวจราชการ ศธ.เริ่มติดตาม 3 ประเด็นใหญ่ “เปิดสอนแบบ on-site -โครงการโรงเรียนคุณภาพของชุมชน โรงเรียนดี 4 มุมเมือง-เด็กตกหล่น” สั่งรายงานผลทุกสัปดาห์

น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 7 ธ.ค.ที่ผ่านมา ตนได้ประชุมกับ ดร.สุภัทร จำปาทอง ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ และ ผู้ตรวจราชการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ทุกคน โดยตนได้มอบนโยบายและแนวทางการตรวจราชการ ในปีงบประมาณ 2565 ว่า ประเด็นในการตรวจติดตามขอให้เน้นตรวจติดตามในประเด็นสำคัญในช่วงนั้นๆ เช่น ขณะนี้มีเรื่องสำคัญที่ต้องตรวจติดตาม คือ 1.การเปิดภาคเรียนที่ 2 ประจำปีการศึกษา 2565 แบบในชั้นเรียนปกติ หรือ on-site ในสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา (โควิด-19)ว่า โรงเรียนในสังกัด ศธ. สามารถเปิดสอนแบบ on-site ได้หรือไม่ จำนวนเท่าไหร่ เปิดสอนแล้วได้ดำเนินการตามมาตรการของ ศธ.หรือไม่ มีปัญหาอะไรเกิดขึ้นบ้าง และในกรณีที่เปิดสอนไม่ได้เพราะอะไร 2.โครงการโรงเรียนคุณภาพของชุมชน และโรงเรียนดี 4 มุมเมือง มีการดำเนินการเป็นไปตามวัตถุประสงค์หรือไม่ และ 3.เรื่องการติดตามเด็กตกหล่น นักเรียนออกกลางคัน ตั้งแต่ระดับอนุบาลถึงมัธยมศึกษาตอนปลาย และประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) เพื่อนำกลับเข้าสู่ระบบการศึกษา ทั้งนี้ ประเด็นการตรวจราชการสามารถเปลี่ยนแปลงได้ตามสถานการณ์

รมว.ศธ. กล่าวต่อไปว่า สำหรับแนวทางการตรวจราชการให้ใช้วิธีผสมผสานสื่อทางไกลกับการตรวจในพื้นที่ นำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ให้เกิดประโยชน์ กรณีไปตรวจราชการในพื้นที่ขอให้ดำเนินการอย่างเรียบง่ายไม่เป็นภาระต่อครู ผู้บริหารสถานศึกษา และผู้บริหารการศึกษาในพื้นที่ เน้นตรวจราชการให้ได้ข้อมูลเชิงคุณภาพ มากกว่าเชิงปริมาณ และมีข้อเสนอแนะเชิงนโยบายเพื่อการพัฒนานำเสนอด้วย ซึ่งเนื้อหาที่ใช้ในการรายงานต้องสั้น กระชับ ให้นำเสนอโดยใช้อินโฟกราฟิก ซึ่งเป็นการแสดงผลของข้อมูลหรือโดยภาพที่อ่านและเข้าใจง่ายเพียง 1-2 แผ่น ไม่ใช้เอกสารจำนวนมาก และให้รายงานทุกสัปดาห์ โดยเริ่มตั้งแต่สัปดาห์หน้าเป็นต้นไป

ที่มา : facebook.com/PPRPThailand/
เมื่อวันที่ : 8 ธันวาคม 2564

“ส.ส. กัลยา” วอน สถ.เร่งปรับปรุงประปาหมู่บ้านชำรุด แนะวางท่อส่งน้ำพื้นที่เกษตร

,

“ส.ส. กัลยา” วอน สถ.เร่งปรับปรุงประปาหมู่บ้าน ต.หนองยาว จ.สระบุรี ชำรุด เสนอ ใช้ประโยชน์น้ำผิวดิน แนะวางท่อเชื่อมส่งน้ำป้อนพื้นที่เกษตรหน้าแล้ง

นางสาวกัลยา รุ่งวิจิตรชัย ส.ส. สระบุรี เขต 1 พรรคพลังประชารัฐ หารือในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร กรณีชาวบ้านในพื้นที่ หมู่ที่ 4 ต.หนองยาว อ.เมือง จ.สระบุรี บริเวณวัดหนองเขื่อนช้าง ได้รับความเดือดร้อนจากประปาหมู่บ้านที่ให้บริการชาวบ้านหมู่ที่ 3, 4, 5, 6 และ 7 ประมาณกว่า 500 ครัวเรือน ที่มีสภาพชำรุดและทรุดโทรม น้ำรั่วซึมบริเวณอาคารกรองน้ำ อันเนื่องจากก่อสร้างมานานกว่า 20 ปี และมีปริมาณน้ำไม่เพียงพอต่อการใช้งานจากจำนวนประชากรที่เพิ่มขึ้น จึงอยากฝากท่านประธานสภาฯ ไปยังกรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น (สถ.) เพื่อดำเนินการปรับปรุงและซ่อมแซมอาคารที่ชำรุด และให้ขยายอาคารเพิ่มอีก 1 หลัง ในการรองรับน้ำให้เพียงพอกับปริมาณการใช้น้ำของจำนวนประชากรที่เพิ่มขึ้นในปัจจุบัน

นอกจากนี้ ยังได้หารือเรื่องน้ำภาคการเกษตร โดยพบว่ามีน้ำผิวดินที่อยู่นอกเขตชลประทาน โครงการอ่างเก็บน้ำหนองสองตอนในพื้นที่ ต.พุกร่าง อ.พระพุทธบาท จ.สระบุรี ซึ่งสามารถนำมาต่อท่อส่งไปยังพื้นที่การเกษตร เพื่อให้เกษตรกรมีน้ำไว้ใช้งานในช่วงหน้าแล้ง และอยากให้ปรับภูมิทัศน์บริเวณอ่างเก็บน้ำดังกล่าว เพื่อให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวและสถานที่ออกกำลังกาย จึงฝากเรียนท่านประธานสภาฯ ไปยังสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) และกรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น ให้ช่วยพิจารณาและเร่งดำเนินการปรับภูมิทัศน์ เพื่อให้เกิดการสร้างงานและรายได้ให้กับชาว อ.พระพุทธบาท จ.สระบุรี

#กัลยารุ่งวิจิตรชัย
#สสสระบุรี
#พลังประชารัฐ
#พปชร.
#สทนช.

ที่มา : facebook.com/PPRPThailand/
เมื่อวันที่ : 8 ธันวาคม 2564

“ส.ส.กัลยา” เชิญ กสทช.-พณ.-ก.ล.ต. แจงรายละเอียดทรู-ดีแทค

,

“ส.ส. กัลยา” เชิญ กสทช.-พณ.-ก.ล.ต. แจงรายละเอียดทรู-ดีแทค” ควบรวมกิจการ ผลจากการแข่งขันการตลาดธุรกิจสื่อสารลดลง หวั่นกระทบภาระค่าใช้จ่ายประชาชน

น.ส.กัลยา รุ่งวิจิตรชัย ส.ส. สระบุรี พรรคพลังประชารัฐ ในฐานประธานคณะกรรมาธิการการสื่อสาร โทรคมนาคม และดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) เปิดเผยว่า การประชุม กมธ.ดีอีเอส สัปดาห์ที่ผ่านมา ได้มีการพิจารณาผลกระทบ ที่จะเกิดขึ้นต่อผู้บริโภค ภาคธุรกิจ และภาครัฐ เกี่ยวกับกรณีการควบรวมกิจการ ของผู้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ระหว่าง บริษัท ทรู คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) กับบริษัท โทเทิ่ล แอ็คเซ็ส คอมมูนิเคชั่น จำกัด (มหาชน) โดยมีผู้แทนจากหน่วยงานรัฐทั้ง กรมการค้าภายใน และกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์, ผู้แทนจากสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) และสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เข้าชี้แจง โดยทางกมธ. เห็นว่า การสื่อสารเป็นสาธารณูปโภคพื้นฐาน ที่จำเป็นต่อประชาชน และการขับเคลื่อนประเทศ จึงขอให้ กสทช.และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้รับข้อเสนอจากกมธ. ไปพิจารณาเตรียมความพร้อม ก่อนที่จะเกิดการควบรวมบริษัท เพื่อป้องกันปัญหาเกิดขึ้นต่อประชาชนในผลกระทบต่าง ๆ และคาดหวังให้ กสทช.ได้เสนอรายงานความคืบหน้าข้อห่วงกังวลของกมธ. กลับมาเพื่อรับทราบอีกครั้ง

“แม้ว่าเรื่องการควบรวมยังไม่เกิดขึ้น แต่ทาง กมธ.ดีอีเอส ต้องทำงานเชิงรุก เชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาหารือเพื่อเตรียมความพร้อมเอาไว้ก่อน เพราะเรื่องนี้สังคมเป็นกังวลอย่างมาก เพราะเกรงว่า เมื่อมีผู้ให้บริการน้อยลง การกำหนดราคาค่าบริการ และการให้บริการจะเกิดปัญหาการผู้กขาด ขาดการแข่งขัดทำให้ไม่เกิดการพัฒนาเรื่องระบบและการบริการ นี่คือข้อกังวลที่ ทางกมธ.ได้แจ้งต่อหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อหานำไปพิจารณา” น.ส.กัลยา กล่าว

หากมีการควบรวมกันอย่างเป็นทางการ เกรงว่าจะอาจจะส่งผลกระทบของประชาชน ที่จะต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่าย จึงจำเป็นจะต้องมีการสอบถามเพื่อให้เกิดความชัดเจน และเตรียมการล่วงหน้า แม้จะยังไม่มีการเกิดการควบรวบเกิดขึ้น และทางกมธ. ก็ได้ขอให้ กสทช.พิจารณาศึกษาขอบข่ายกฎหมายให้ชัดเจน และได้กำชับให้ กสทช.ไปหารือ และอาจจะต้องตั้งกรรมการศึกษาในเรื่องนี้ด้วย ซึ่งอาจจะไม่ได้แค่ศึกษากรณีนี้อย่างเดียว แต่อาจจะต้องเตรียมความพร้อมหากเกิดกรณีอื่นๆด้วย

ที่มา : facebook.com/PPRPThailand/
เมื่อวันที่ : 6 ธันวาคม 2564

“ส.ส. พยม” ประสานสิบทิศ เร่งแก้น้ำท่วมแบบยั่งยืน-ปัญหาที่ดินทำกิน

,

“ส.ส. พยม” ประสานสิบทิศช่วยชาวสงขลา เร่งแก้น้ำท่วมแบบยั่งยืน-ปัญหาที่ดินทำกิน

นายพยม พรหมเพชร สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) เขต 3 จังหวัด สงขลา เปิดเผยว่า การประชุมสภาผู้แทนราษฎร ไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เมื่อเร็วๆนี้ได้นำเรียนหารือการช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่จังหวัดสงขลาที่สำคัญว่าด้วยการแนวทางการแก้ไขปัญหาน้ำท่วมเส้นถนนกาญจนวนิชฉับพลันที่เกิดขึ้นช่วงวันที่ 28 พ.ย. 2564 เพราะปริมาณฝนที่ตกหนักส่งผลให้เกิดจราจรติดขัดซึ่งได้ตนได้มีการประสานงานกับหน่วยงานต่างๆแก้ไขปัญหาเบื้องต้นและจะหารือกับผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลาเพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าวอย่างบูรณาการเพื่อที่จะเป็นการป้องกันปัญหาที่จะเกิดขึ้นในอนาคตแบบยั่งยืนต่อไป

“น้ำท่วมที่เกิดขึ้นผมได้ให้ทางเลขานุการประสานแขวงการทาง การประปา ท้องถิ่นในพื้นที่ เทศบาลตำบลน้ำน้อย อบต.ท่าข้าม อบต.ทุ่งใหญ่ มาขุดท่อประปาซึ่งทับซ้อนกับทางระบายน้ำ เขตทางหลวง และที่ 3 ธ.ค. แขวงการทางสงขลาที่ 1 ขุดท่อระบายน้ำอีกครั้ง เพื่อไม่ให้ทับซ้อนกัน เป็นการแก้ปัญหาเบื้องต้น และในสัปดาห์นี้ ผมจะเรียนหารือท่านผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลาในการแก้ปัญหาอย่างบูรณการต่อไป” นายพยมกล่าว

นอกจากนี้ยังได้เรียนให้ทราบถึงประเด็นปัญหาเอกสารสิทธิ์ที่ดิน ในพื้นที่ บ้านวังพา ม.9 ต.ทุ่งตำเสา อ.หาดใหญ่, อ.รัตภูมิ, อ.คลองหอยโข่ง ซึ่งได้ติดตามปัญหาหลายเดือนแต่ยังไม่เรียบร้อย โดยปัจจุบันศูนย์ออกโฉนด ของกรมที่ดิน ได้มีโครงการออกโฉนดที่ดินในพื้นที่ดังกล่าว จึงจะติดตามเพื่อเพื่อที่จะช่วยเหลือและแก้ไขปัญหาที่ดินทำกินให้กับประชาชนอย่างเต็มที่ต่อไป

ที่มา : facebook.com/PPRPThailand/
เมื่อวันที่ : 5 ธันวาคม 2564

“ส.ส. เกษม” ฝาก กฟภ. เร่งขยายพื้นที่ให้บริการไฟฟ้า บ.โพธิ์กลาง

,

“ส.ส. เกษม” ฝาก กฟภ. เร่งขยายพื้นที่ให้บริการไฟฟ้า บ.โพธิ์กลาง หลังประชาชนต้องแบกภาระ
รับซื้อไฟฟ้าใช้เองราคาหน่วยละ 10 บาท

นายเกษม ศุภรานนท์ ส.ส.นครราชสีมา เขต 1 พรรคพลังประชารัฐ หารือในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร กรณีได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้านพื้นที่ หมู่ที่ 3 บ้านหนองพวงน้อย ต.โพธิ์กลาง อ.เมือง จ.นครราชสีมา ที่ได้รับความเดือดร้อนจากการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคไม่ได้ขยายเขตการให้บริการไฟฟ้าให้กับชาวบ้านในพื้นที่ดังกล่าว ทำให้ชาวบ้านต้องใช้ไฟฟ้าพิเศษ ในราคาหน่วยละ 10 บาท ซึ่งนับว่าแพงมากสำหรับชาวบ้าน นอกจากนี้ ชาวบ้านในพื้นที่ต้องติดตั้งเสาไฟฟ้าด้วยงบประมาณของตัวเอง จึงขอฝากท่านประธานสภาฯ ผ่านไปยังการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค และกระทรวงมหาดไทย ช่วยกรุณาติดตั้งเสาไฟฟ้าและขยายการให้บริการไฟฟ้าในพื้นที่ดังกล่าว เพื่ออำนวยความสะดวกให้กับประชาชน โดยเฉพาะผู้ป่วย
ติดเตียงที่ต้องนอนรักษาตัวอยู่ที่บ้าน และสุดท้ายด้วยความสำนึกในหน้าที่ของการเป็นผู้แทนฯ จึงอยากขอฝากไปยังกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ให้ดำเนินการแก้ไขและเพิ่มสวัสดิการให้กับผู้ป่วยติดเตียงและคนชรา

#เกษมศุภรานนท์
#ส.ส.นครราชสีมา
#พรรคพลังประชารัฐ
#พปชร
#กฟภ

ที่มา : facebook.com/PPRPThailand/
เมื่อวันที่ : 4 ธันวาคม 2564