โลกเปลี่ยน ไทยต้องปรับ ทางเลือกใหม่ของการเมืองไทย ก้าวข้ามความขัดแย้ง สานพลังประชาราษฎร์ ร่วมสร้างชาติให้ยั่งยืน

หมวดหมู่: ข่าวประชาสัมพันธ์

“โฆษกพรรค พปชร.”ช่วย ปชช.ที่ได้รับผลกระทบจากเหตุอุทกภัยสำเร็จ หลังตั้งกระทู้ถาม รมว.ทหาดไทยกลางสภา เร่งเยียวยาซ่อมแซมบ้านเรือนเสียหาย

พปชร.จัดทัพ “ส.ส.” เดินเกมรุกขับเคลื่อนนโยบาย 3 พันธกิจ มั่นใจเข้าถึงความต้องการปชช.ในทุกพื้นที่ทั่วประเทศได้จริง

ดร.พัชรินทร์ ซำศิริพงษ์ ส.ส.กทม. เขต 2 และโฆษกพรรคพลังประชารัฐ ได้ตั้งกระทู้ถาม ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรที่มีนายชวน หลีกภัย ประธานสภา เป็นประธานการประชุม ไปยัง พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ถึงสถานการณ์อุทกภัย และการเยียวยาช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบ โดย ขอให้กระทรวงมหาดไทย ซึ่งกำกับดูแล กทม.เร่งรัดให้กทม.ประกาศให้พื้นที่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาของ กทม.ที่บ้านเรือนประชาชนได้รับผลกระทบจากน้ำล้นตลิ่ง เป็นเขตประสบภัยพิบัติ เพื่อให้สำนักงานเขต สามารถตั้งงบประมาณ เพื่อซ่อมแซมบ้านเรือนที่เสียหายได้โดยเร็ว ซึ่ง พล.อ.อนุพงษ์ รับปากในที่ประชุมว่าจะแจ้งท่านผู้ว่าฯกทม.ให้เร่งดำเนินการดังกล่าว รวมทั้ง การเยียวยาพี่น้องประชาชนทั้งประเทศที่ได้รับผลกระทบ รวมทั้งแนวทางในระยะยาวที่จะเตรียมพร้อมในการบริหารจัดการน้ำ ให้ประชาชนได้รับผลกระทบน้อยที่สุด

นอกจากนี้ จากกรณีที่ประธาน กกต. ได้ออกระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้ง ว่าด้วยวิธีการหาเสียงและลักษณะต้องห้ามในการหาเสียงเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ฉบับที่ 3) โดยอาศัยอำนาจตามความในมาตรา 22 แห่งพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยคณะกรรมการเลือกตั้ง และ พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ประเด็นแนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับเกณฑ์การหาเสียงช่วง 180 วัน ก่อนสภาครบวาระ ในวันที่ 23 มี.ค 2566 ทำให้ช่วงนี้ไม่สามารถให้การช่วยเหลือใดๆ แก่พี่น้องประชาชนได้ จึงต้องใช้กลไกสภาฯช่วยติดตามและแก้ไขปัญหาของพี่น้องประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนให้กับพี่น้องประชาชน

#พรรคพลังประชารัฐ #พลังประชารัฐ #พปชร #PPRP #ดร.พัชรินทร์ซำศิริพงษ์
Twitter : https://twitter.com/PPRPofficial

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 3 พฤศจิกายน 2565

พปชร.จัดทัพ”ส.ส.”เดินเกมรุกขับเคลื่อนนโยบาย 3 พันธกิจ มั่นใจเข้าถึงความต้องการปชช.ในทุกพื้นที่ทั่วประเทศได้จริง

พปชร.จัดทัพ “ส.ส.” เดินเกมรุกขับเคลื่อนนโยบาย 3 พันธกิจ มั่นใจเข้าถึงความต้องการปชช.ในทุกพื้นที่ทั่วประเทศได้จริง

วันที่ 3 ตุลาคม 2565 พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เปิดเผยว่า จากการที่พรรคพลังประชารัฐ ได้มีการวางนโยบายขับเคลื่อนและสานต่อ 3 พันธกิจหลัก ที่ประกอบด้วย 1.สวัสดิการประชารัฐขจัดความเหลื่อมล้ำ 2.เศรษฐกิจประชารัฐ สร้างความสามารถและโอกาสที่เท่าเทียม และ 3.สังคมประชารัฐ สงบสุข เข้มแข็ง แบ่งปัน ที่เป็นนโยบายสำหรับการเลือกตั้งที่จะมาถึงในอนาคตเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตให้กับพี่น้องประชาชน ล่าสุดพรรคได้ดำเนินการแต่งตั้งคณะกรรมการขับเคลื่อน 3 พันธกิจ ได้แก่ คณะกรรมการด้านสวัสดิการประชารัฐ,คณะกรรมการด้านเศรษฐกิจประชารัฐ และคณะกรรมการด้านสังคมประชารัฐ เพื่อสานต่อนโยบายที่จะช่วยเหลือประชาชนคนไทยให้ครอบคลุมได้มากที่สุด

ทั้งนี้ เพื่อให้นโยบายตอบโจทย์ประชาชนในแต่ละพื้นที่ที่มีบริบทแตกต่างกันในด้านวิถีชีวิต ความเป็นอยู่ และการประกอบอาชีพ ดังนั้นการขับเคลื่อนนโยบาย ที่ต้องคำนึงถึงประโยชน์ของประชาชนเป็นที่ตั้งจึงได้เปิดให้ ส.ส.ของพรรคทุกคน ซึ่งเป็นตัวแทนของประชาชนคนไทยในแต่ละพื้นที่ทั่วประเทศ เข้ามามีส่วนร่วมพัฒนานโยบาย3 พันธกิจหลักของพรรค โดยเชื่อว่านโยบายที่ได้จะสะท้อนมาจากความต้องการ และเชื่อมโยงกับประชาชนทุกพื้นที่ ทุกภาคของประเทศไทย เนื่องจาก ส.ส.ที่ทำงานมาตลอด 4 ปี จะทราบถึงความต้องการและปัญหาของประชาชนในพื้นที่เป็นอย่างดี

“พรรคพลังประชารัฐ จะเดินหน้าทำทุกทางให้ประชาชนมีความกินดีอยู่ดี มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น มุ่งเน้นไปที่การพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากในระยะยาว โดยมีกลไกที่สามารถช่วยเหลือชุมชนให้เกิดความเข้มแข็ง และยั่งยืน ดังนั้น นโยบายของพรรคในครั้งนี้ จะเป็นการดำเนินนโยบาย เพื่อเป็นการต่อยอดจากการทำงาน และร่วมขับเคลื่อนนโยบายของพรรคในการบริหารราชการของรัฐบาลชุดนี้ เพราะเราต้องการต่อยอดนโยบายที่ดีและเป็นประโยชน์กับประชาชน พร้อมกับนำเสนอสิ่งใหม่ๆ ที่ตรงกับความต้องการของประชาชนอย่างแท้จริง” พล.อ.ประวิตรกล่าว

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 3 พฤศจิกายน 2565

“อรรถกร” ยันจุดยืน ต่อการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.สุราก้าวหน้า ต้องไม่ผูกขาดกลุ่มทุน เปิดโอกาสให้ประชาชนสามารถผลิตได้ และต้องมีการควบคุม คำนึงถึงอันตรายที่อาจเกิดขึ้นกับผู้บริโภคเป็นหลัก

,

“อรรถกร” ยันจุดยืน ต่อการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.สุราก้าวหน้า ต้องไม่ผูกขาดกลุ่มทุน เปิดโอกาสให้ประชาชนสามารถผลิตได้ และต้องมีการควบคุม คำนึงถึงอันตรายที่อาจเกิดขึ้นกับผู้บริโภคเป็นหลัก

นายอรรถกร ศิริลัทธยากร เลขานุการคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล หรือวิปรัฐบาล ในฐานะทีมโฆษกพรรคพลังประชารัฐ ระบุถึงการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.สุราก้าวหน้า ว่าวันนี้เป็นที่ทราบกันดี มีกฎกระทรวง ที่เพิ่งคลอดออกมาใช้กับเรื่องนี้สดๆ ร้อนๆ ซึ่งถ้ามองกลับไป ในการพิจารณากฎหมายในวาระที่1 เวลานั้นยังไม่มีกฎกระทรวง ถ้าวันที่พิจารณาในวาระที่1 ได้มีกฎกระทรวงนี้ อาจจะไม่ต้องพิจารณาต่อในวาระที่2-3 ก็เป็นได้

ทั้งนี้ต้องขอชื่นชม ผู้ที่ได้เสนอกฎหมายฉบับนี้ และกรรมาธิการ ที่มีความปรารถนาดี ในการแก้ไขปัญหา ให้กับพี่น้องประชาชนรายเล็ก เพื่อเปิดโอกาสให้นำเอาภูมิปัญญาท้องถิ่น เรื่องของสุราพื้นบ้านมาต่อยอดทางธุรกิจได้ จากเดิมที่ไม่สามารถทำได้

ซึ่งในการประชุมวิปรัฐบาลครั้งก่อน เคยได้มีการพูดคุยหารือให้ทางหน่วยงานที่กำกับดูแล ได้เร่งออกกฎกระทรวงในการดูแล ควบคุม อุตสาหกรรมสุรา มาเป็นระยะเวลาหนึ่งแล้ว

โดยมีข้อคำนึง คือ ประการแรก ต้องไม่ผูกขาดโดยกลุ่มทุน ประการที่สอง ต้องเปิดโอกาสให้ประชาชนสามารถผลิตได้ และประการสุดท้าย คือ การผลิตสุรานั้น ต้องมีการควบคุม มิใช่ว่าจะผลิตอะไรก็ได้ เพราะเราต้องคำนึงถึงอันตรายที่อาจเกิดขึ้นกับผู้บริโภคเป็นหลัก

ซึ่งหากพิจารณาจากเหตุผลดังกล่าวข้างต้น ถือว่าการออกกฎกระทรวงดังกล่าวเป็นไปตามเจตนารมณ์ของสภาฯ ที่ต้องการเห็นการเปิดโอกาสให้ประชาชนที่มีขีดความสามารถเข้าสู่การแข่งขันในตลาดสุราได้อย่างมีคุณภาพโดยคำนึงถึงผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชนผู้บริโภคด้วย

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 3 พฤศจิกายน 2565

พปชร.เพชรบุรี เป็นประธานประชุม กมธ.ศาสนาฯ พิจารณาแก้ปัญหาที่พักสงฆ์

,

พปชร.เพชรบุรี เป็นประธานประชุม กมธ.ศาสนาฯ พิจารณาแก้ปัญหาที่พักสงฆ์

วันที่ 1 พ.ย. 2565 – นายสุชาติ อุสาหะ พปชร.จังหวัดเพชรบุรี เขต 3 ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการการศาสนา ศิลปะ และวัฒนธรรม เป็นประธานการประชุมคณะ กมธ. ครั้งที่ 76 ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ เพื่อพิจารณาเรื่องดังนี้ 1. พิจารณาติดตามความคืบหน้าการขออนุญาตตั้งวัดของที่พักสงฆ์พระธาตุดอยเวียงแก้ว ต.ศรีดอนมูล อ.เชียงแสน จ.เชียงราย 2. พิจารณาติดตามความคืบหน้าการขออนุญาตใช้พื้นที่ป่าไม้ของมูลนิธิวิมุตตยาลัย (ศูนย์วิปัสสนาสากลไร่เชิญตะวัน) ต.ห้วยสัก อ.เมืองเชียงราย จ.เชียงราย และ 3. พิจารณาแนวทางการต่ออายุใบอนุญาตให้ใช้พื้นที่ป่าไม้ของวัดห้วยปลากั้ง ต.ริมกก อ.เมืองเชียงราย จ.เชียงราย

ทั้งนี้ ในที่ประชุมได้เชิญหน่วยงานและผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง อาทิ ผู้แทนจากกรมที่ดิน และสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ โดยมีความเห็นว่าการขอสร้างและตั้งวัดภายหลังพระราชบัญญัติคณะสงฆ์ พ.ศ. 2505 บังคับใช้แล้ว จะต้องมีเอกสารแสดงกรรมสิทธิ์ในที่ดินหรือหนังสือยินยอมให้ใช้ประโยชน์ในที่ดินก่อนจึงจะขอสร้างวัดได้ แต่กรณีนี้เป็นการใช้ที่ดินสาธารณประโยชน์เพื่อตั้งวัดหรือสร้างวัด และมีการก่อสร้างอาคารหรือสิ่งปลูกสร้างที่มีสภาพเป็นถาวรวัตถุเพื่อใช้ประกอบศาสนกิจ จึงมิใช้เป็นการใช้ประโยชน์ในราชการ จึงไม่อาจดำเนินการถอนสภาพที่ดินตามมาตรา 8 วรรค 2 (1) แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน

#พรรคพลังประชารัฐ #พลังประชารัฐ #พปชร #PPRP #สุชาติอุสาหะ
Twitter : https://twitter.com/PPRPofficial

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 3 พฤศจิกายน 2565

“พล.อ.ประวิตร”สานสัมพันธ์ออสเตรเลียเดินหน้าร่วมมือทุกมิติ ร่วมหนุนตั้งศูนย์แลกเปลี่ยนข้อมูลปราบปรามค้ามนุษย์ระดับสากล

,

“พล.อ.ประวิตร”สานสัมพันธ์ออสเตรเลียเดินหน้าร่วมมือทุกมิติ
ร่วมหนุนตั้งศูนย์แลกเปลี่ยนข้อมูลปราบปรามค้ามนุษย์ระดับสากล

2 พ.ย.65 พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้ให้การต้อนรับ นางสาวเพนนี หว่อง รัฐมนตรีว่าการต่างประเทศ เครือรัฐออสเตรเลีย เพื่อหารือ และแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็น ในการกระชับความสัมพันธ์อันดีระหว่าง2ประเทศ ในโอกาสครบรอบ 70 ปี และเดินหน้าในการยกระดับความร่วมมือด้านการต่อต้านการค้ามนุษย์ของทั้งสองประเทศ

พล.อ.ประวิตร ได้กล่าวแสดงความมุ่งมั่นของรัฐบาลไทย ในการต่อต้านการค้ามนุษย์อย่างจริงจัง โดยให้เป็นวาระแห่งชาติเพื่อขจัดการค้ามนุษย์ในทุกรูปแบบ และให้หมดไปจากประเทศไทยโดยเร็วที่สุด ซึ่งในฐานะเป็นประธานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ ได้พยายามยกระดับเทียร์ (Tier) สถานการณ์ค้ามนุษย์ของไทย จนได้รับการจัดอันดับขึ้นเป็น เทียร์2 ในปีนี้ และยืนยันจะขับเคลื่อนการแก้ปัญหาต่อเนื่องให้มากขึ้น โดยร่วมกับภาคต่างประเทศ ต่อไป พล.อ.ประวิตร ยังได้ขอบคุณรัฐบาลออสเตรเลีย ที่สนับสนุนความร่วมมือที่ผ่านมา พร้อมได้จัดตั้งศูนย์ความเป็นเลิศเพื่อต่อต้านการค้ามนุษย์ ในโอกาสนี้ ซึ่งถือเป็นหมุดหมายสำคัญที่จะยืนยันความตั้งใจของไทย ต่อไป

พล.ท.พัชร์ชศักดิ์ ปฏิรูปานนท์ ผู้ช่วยโฆษก รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ทั้งสองฝ่ายจะร่วมมือกันส่งเสริมความสัมพันธ์ให้ใกล้ชิดและครอบคลุมในหลายมิติให้มากยิ่งขึ้น ทั้งด้านการค้า การลงทุนเพื่อส่งเสริมเศรษฐกิจระหว่างกัน และการแก้ไขปัญหาด้านความมั่นคง โดยเฉพาะด้านการปราบปรามการค้ามนุษย์ ที่ยังเป็นปัญหาสำคัญ โดยพล.อ.ประวิตรได้ร่วมเป็นสักขีพยานพิธีลงนามบันทึกความเข้าใจว่าด้วย ความร่วมมือระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลออสเตรเลีย ในการจัดตั้งศูนย์ความเป็นเลิศเพื่อต่อต้านการค้ามนุษย์ โดยมี นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ฝ่ายไทย ลงนามร่วมกับ นางสาวเพนนี หว่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศ ประเทศออสเตรเลีย

นางสาว เพนนี หว่อง ได้กล่าวย้ำถึงความสัมพันธ์ที่แนบแน่นในระดับต่างๆของทั้ง 2ประเทศ และยินดีให้การสนับสนุนไทยในการยกระดับความร่วมมือมิติต่างๆ และด้านการต่อต้านการค้ามนุษย์ โดยจะส่งเสริมความร่วมมือด้านวิชาการ รวมทั้งเพิ่มศักยภาพของเจ้าหน้าที่บังคับใช้กฎหมาย การสืบสวนดำเนินคดีในระดับประเทศและระดับภูมิภาคอาเซียน

พล.อ.ประวิตร ยังได้ให้การต้อนรับ นางอภิญญา ทาจิตต์ รอง ผอ.ศูนย์อภิบาลผู้เดินทางทางทะเล ซึ่งได้รับรางวัล TIP Report Hero ประจำปี 2565 จากสหรัฐ พร้อมกล่าวชื่นชม มอบช่อดอกไม้แสดงความยินดีที่ได้รับรางวัลดังกล่าวและสร้างชื่อเสียงให้กับประเทศไทย อย่างน่าภาคภูมิใจ ซึ่ง นางอภิญญาฯ ยังได้รายงาน ผลการเดินทางไปชี้แจงการดำเนินงานป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ ของไทย ณ สำนักงานตรวจสอบและต่อต้านการค้ามนุษย์ ประเทศสหรัฐอเมริกา ให้ทราบด้วย


ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 2 พฤศจิกายน 2565

“พล.อ.ประวิตร” โชว์ผลสำเร็จแข่งจักรยานยนต์ชิงแชมป์โลก โมโตจีพี ปี65 สร้างมูลค่าเพิ่มจากกีฬาสู่การฟื้นฟูการท่องเที่ยว กว่า 4,048 ลบ.

,

“รมว.ตรีนุช”ตั้งเป้าสิ้นปีการศึกษา 2565 ดึงนักเรียนเข้าระบบ100%
มอบครูต้องเข้าถึง-เข้าใจนักเรียนรายคนมุ่งลดปัญหาช่องว่างการศึกษา

พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี รายงานต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (1 พ.ย.65) ถึงผลสรุปการจัดการแข่งขันจักรยานยนต์ชิงแชมป์โลก รายการโมโตจีพี ประจำปี 2565 ระหว่างวันที่ 30 กันยายน – 2 ตุลาคม 2565 ณ สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต จังหวัดบุรีรัมย์ สามารถเพิ่มมูลค่ากีฬาที่มีศักยภาพเพื่อการท่องเที่ยว มีการตอบรับเป็นอย่างดีจากนักท่องเที่ยวทั่วโลก โดยมีผู้เข้าร่วมงาน ประมาณ 178,463 คน และมีผู้รับชม การถ่ายทอดสดทั่วโลก มากกว่า 800 ล้านคน ซึ่งการเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาระดับนานาชาติในครั้งนี้ สามารถสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจรวมเป็น มูลค่ากว่า 4,048,000,000 บาท


ที่มา:
ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 1 พฤศจิกายน 2565

“รมว.ตรีนุช”ตั้งเป้าสิ้นปีการศึกษา 2565 ดึงนักเรียนเข้าระบบ100% มอบครูต้องเข้าถึง-เข้าใจนักเรียนรายคนมุ่งลดปัญหาช่องว่างการศึกษา

,

“รมว.ตรีนุช”ตั้งเป้าสิ้นปีการศึกษา 2565 ดึงนักเรียนเข้าระบบ100%
มอบครูต้องเข้าถึง-เข้าใจนักเรียนรายคนมุ่งลดปัญหาช่องว่างการศึกษา

นางสาวตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) กล่าวในการมอบนโยบายเปิดภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2565 ให้แก่ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา และ ผู้อำนวยการโรงเรียนทั่วประเทศ ผ่าน OBEC Channel ว่า ขอบในโอกาสเปิดภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2565 เรื่องที่สำคัญ จะต้องให้สำคัญในการดูแลพัฒนาการของนักเรียนแบบองค์รวม ตั้งแต่ ความปลอดภัยในสถานศึกษา การเดินทางไป-กลับของนักเรียน การจัดสภาพแวดล้อมสถานศึกษาให้มีความปลอดภัย การให้บริการดูแลด้านโภชนาการ และสุขภาพ การป้องกันภัยธรรมชาติ

“ที่สำคัญในยังไปรวมถึง การป้องกันภัยจากยาเสพติด และภัยจากอาวุธปืน ซึ่งต้องไม่เกิดขึ้นในสถานศึกษาอย่างเด็ดขาด และต้องปฏิบัติอย่างเข้มข้น ตามหลัก 3 ป. ได้แก่ ป้องกัน ปลูกฝัง และ ปราบปราม ภายใต้โครงการ MOE Safety Center เพื่อสร้างความปลอดภัยให้นักศึกษา ครู และบุคลากรทุกคน” นางสาวตรีนุชกล่าว

ทั้งนี้ในภาคเรียนที่ 2/2565 นี้ กระทรวงศึกษาธิการ ได้มุ่งเน้นให้ครูกระชับความสัมพันธ์กับนักเรียนและผู้ปกครองมากขึ้น เพื่อทำให้เข้าใจนักเรียนเป็นรายบุคคล ทั้งนิสัยและชีวิตความเป็นอยู่ ได้พูดคุยกับผู้ปกครองโดยตรง เพื่อร่วมกันหาแนวทางช่วยเหลือได้อย่างถูกต้องเหมาะสม อีกทั้งยังเป็นการสร้างเครือข่ายผู้ปกครองและชุมชนให้ช่วยกันเฝ้าระวัง และมีส่วนร่วมในการแจ้งเหตุความไม่ปลอดภัย ตลอดจนสร้างความเชื่อมั่นให้ผู้ปกครองไว้วางใจในการนำผู้เรียนมาอยู่ภายใต้การดูแลของเราผ่านการเยี่ยมบ้านนักเรียน

นางสาวตรีนุช กล่าวว่า การสร้างความเข้มแข็งให้แก่นักเรียน ผ่านระบบ “ Screening Learning Loss” ครอบคลุม 4 มิติ ทั้งร่างกาย จิตใจ อารมณ์ และสังคม เพื่อการแก้ไขปัญหาการเรียนรู้ที่ถดถอย โดยการนำข้อมูลของนักเรียนมาใช้ในการออกแบบการเรียนการสอนที่เหมาะสม และป้องกันนักเรียนหลุดออกจากระบบการศึกษา ซึ่งโครงการพาน้องกลับมาเรียน ยังเป็นนโยบายสำคัญที่เดินหน้าต่อเนื่อง โดยติดตามเด็กกลับเข้าสู่ระบบการศึกษาครบ 100% และ ทำให้การออกกลางคันเป็นศูนย์ (zero drop out ) ในปีการศึกษา 2565 นี้

นอกจากนี้ยังมีแพลตฟอร์ม School Mental Health ระบบดูแลนักเรียนและครูในสถานศึกษา ร่วมกับกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เพื่อตรวจสภาพจิตใจของเด็กและครู ซึ่งสถานศึกษาสามารถประสานกับหน่วยงานสาธารณสุขในพื้นที่ เพื่อขอรับคำปรึกษาและความช่วยเหลือเกี่ยวกับสุขภาพจิตได้

รมว.ศธ.กล่าวอีกว่า การยกระดับคุณภาพทางการศึกษา และการแก้ไขปัญหาการเรียนรู้ที่ถดถอย นั้น ให้โรงเรียนจัดกิจกรรมสอนซ่อมเสริม ชดเชย หรือ กิจกรรมเสริมทักษะเพิ่มเติมตามความถนัด ความสนใจ และเหมาะสมกับวัยของผู้เรียน โดยนำการเรียนการสอนรูปแบบ Active Learning มาใช้ช่วยให้ผู้เรียน เรียนอย่างมีความสุข สนุก และมีทักษะการคิด ซึ่งจะทำให้เรียนรู้ได้เร็วและนำไปใช้ในชีวิตจริงได้ และขอให้เพิ่มความสำคัญในวิชาประวัติศาสตร์และหน้าที่พลเมือง เพื่อสร้างสำนึกของความเป็นไทย รักในการเป็นชาติของเรา โดยจัดการเรียนรู้ตามความพร้อม และเหมาะสมในแต่ละบริบทพื้นที่

สำหรับนักเรียนที่จะจบชั้น ม. 3 สถานศึกษาควรสำรวจความต้องการในการศึกษาต่อสายอาชีพ เพื่อเตรียมความพร้อม ให้คำแนะนำและส่งต่อเข้าสู่โครงการ “อาชีวะ อยู่ประจำ เรียนฟรี มีอาชีพ” ในปีการศึกษา 2566โดยเฉพาะกลุ่มเด็กที่ครอบครัวประสบปัญหาด้านค่าใช้จ่าย สำหรับหลักสูตรทวิศึกษา ซึ่งเป็นการเรียนร่วมหลักสูตรอาชีวศึกษาและมัธยมศึกษาตอนปลาย เมื่อสำเร็จการศึกษาผู้เรียนจะได้รับวุฒิการศึกษาทั้งการศึกษาขั้นพื้นฐานระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย และประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) นั้น ตนได้มอบหมายให้ สพฐ. ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา(สอศ. )จัดทำแผนระดับจังหวัดว่า ควรจัดทวิศึกษารายวิชาใด ในโรงเรียนไหน โดยให้เหมาะสมกับบริบทของพื้นที่ ทั้งแก้ไขปัญหา และข้อจำกัดจากการดำเนินงานในอดีต โดยเป้าหมายระยะสั้น เน้นการเรียนการสอนทวิศึกษาในโรงเรียนราชประชานุเคราะห์ ,โรงเรียนตามโครงการพระราชดำริ และโรงเรียนที่มีความพร้อม

“ ขณะนี้ยังมีสถานการณ์น้ำท่วมขังในหลายพื้นที่ รวมถึงบางพื้นที่น้ำลดลงแล้ว ขอให้สำรวจความเสียหาย เพื่อจัดหางบประมาณสนับสนุน หากไม่สามารถเปิดการเรียนการสอนได้ให้โรงเรียนออกแบบการเรียนการสอนที่เหมาะสม หรือ นำไปเรียนรวมกับโรงเรียนใกล้เคียง โดยให้สนับสนุนค่าใช้จ่ายในการเดินทางของนักเรียน ” นางสาวตรีนุช กล่าวและว่า สำหรับเรื่องหลักเกณฑ์และวิธีการประเมินตำแหน่งและวิทยฐานะข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา(ใหม่) หรือ เกณฑ์ PA นั้น ขณะนี้มี PA Support Team ลงพื้นที่สร้างความเข้าใจถึงหลักเกณฑ์ และวิธีการประเมินแบบใหม่แล้ว ซึ่งหลายคนในที่นี้ ได้รับผิดชอบใน PA Support Team ซึ่งผู้บริหารสถานศึกษา เป็นบุคลากรสำคัญในการเชื่อมโยงนโยบาย และสร้างความเข้าใจแก่ครู ไปสู่การปฏิบัติตามบทบาทหน้าที่ ตนขอให้ทุกฝ่ายเป็นพลังผลักดันขับเคลื่อนงาน รวมทั้งการประสานการทำงานแบบเครือข่ายความร่วมมือ เพื่อเป้าหมายของการจัดการศึกษา คือ คุณภาพผู้เรียน. และหากสถานศึกษาใด มีความสำเร็จในการยกระดับคุณภาพศึกษา ตนจะถือโอกาสในการลงพื้นที่เพื่อขอไปเยี่ยมเยียนโรงเรียนของท่านด้วย.



ที่มา:
ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 1 พฤศจิกายน 2565

“รมช.อธิรัฐ”ลงพื้นที่รับฟังปัญหาปชช. ร่วมหาแนวทางฟื้นฟูพื้นที่ประสบภัยน้ำท่วม

,

“รมช.อธิรัฐ”ลงพื้นที่รับฟังปัญหาปชช. ร่วมหาแนวทางฟื้นฟูพื้นที่ประสบภัยน้ำท่วม

นายอธิรัฐ รัตนเศรษฐ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม พร้อมด้วยคณะทำงาน ร่วมกันลงพื้นที่เยี่ยมเยียนพี่น้องประชาชนในพื้นที่ตำบลบ้านยาง อำเภอลำทะเมนชัย จังหวัดนครราชสีมา หลังประสบปัญหาน้ำท่วมกระทบต่อความเป็นอยู่ของชาวบ้าน พร้อมกันนี้ ยังได้เฝ้าติดตามสถานการณ์น้ำในพื้นที่ เพื่อสร้างขวัญและกำลังใจให้กับชาวบ้านในพื้นที่ต่างๆ

ทั้งนี้ ยังได้ร่วมพูดคุย รับฟังปัญหา และข้อเสนอแนะจากชาวบ้าน เพื่อร่วมกันหาแนวทางแก้ไขและฟื้นฟูพื้นที่ประสบอุทกภัยหลังน้ำลดในพื้นที่ต่างๆ ได้แก่ วัดหนองม่วง โรงเรียนบ้านหนองยาง วัดโสกดู่ วัดหินแร่ และวัดหนองดู่ โดยมีชาวบ้านในพื้นที่ต่างๆ ให้การต้อนรับอย่างเป็นกันเอง

#พรรคพลังประชารัฐ #พลังประชารัฐ #พปชร #PPRP #อธิรัฐรัตนเศรษฐ
Twitter : https://twitter.com/PPRPofficial


ที่มา:
ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 31 ตุลาคม 2565

พล.อ.ประวิตร ขอเป็นตัวแทนคนไทย แสดงความเสียใจเหตุโศกนาฏกรรมอิแทวอน ขอความร่วมมือผู้ประกอบการ เฝ้าระวังเข้มดูแลความปลอดภัยในเทศกาลฮาโลวีนในไทย

“พล.อ.ประวิตร”ขอเป็นตัวแทนคนไทย แสดงความเสียใจเหตุโศกนาฏกรรมอิแทวอน ขอความร่วมมือผู้ประกอบการ เฝ้าระวังเข้มดูแลความปลอดภัยในเทศกาลฮาโลวีนในไทย

,

วันนี้ (30 ตุลาคม) พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงโศกนาฏกรรมเทศกาลฉลองวันฮาโลวีน ที่ย่านอิแทวอน กรุงโซล เมื่อคืนวันเสาร์ที่ 29 ตุลาคมที่ผ่านมา จนเป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตเป็นจำนวนมาก ตนขอเป็นตัวแทนประชาชนคนไทยทุกคนแสดงความเสียใจกับชาวเกาหลีใต้ทุกคน รวมถึงครอบครัวคนไทยที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์ในครั้งนี้ และขอส่งความห่วงใยไปยังทุกคนที่ได้รับผลกระทบ นับเป็นเรื่องที่น่าเสียใจอย่างยิ่ง ประเทศไทยขออยู่เคียงข้างให้กำลังใจกับทุกครอบครัว

ในส่วนของการดูแลเรื่องความปลอดภัยในการจัดงานเทศกาลฉลองวันฮาโลวีนในประเทศไทยนั้นพล.อ.ประวิตร ระบุว่า ได้ขอให้หน่วยงานต่างๆ และขอความร่วมมือจากผู้ประกอบการ ผู้จัดงานต่างๆ คำนึงถึงความปลอดภัย ประเมินสถานการณ์ผู้เข้าร่วมงานเป็นระยะ และตรวจสอบมาตรการรักษาความความปลอดภัยอย่างเข้มงวด ไม่ว่าจะเป็นการเตรียมรับสถานการณ์ฉุกเฉิน หากเป็นสถานประกอบการแบบปิด ต้องตรวจตราระบบไฟ ประตู ทางหนีไฟให้พร้อมใช้งานได้ดีอยู่เสมอ เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์ร้ายเกิดขึ้นซ้ำอีก

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 30 ตุลาคม 2565

“พล.อ.ประวิตร” ชู”สังคมประชารัฐ สงบสุข เข้มแข็ง แบ่งปัน” สานต่อ”สังคมคุณภาพสูง”ยกระดับความเป็นอยู่แบบยั่งยืน

“พล.อ.ประวิตร” ชู”สังคมประชารัฐ สงบสุข เข้มแข็ง แบ่งปัน”
สานต่อ”สังคมคุณภาพสูง”ยกระดับความเป็นอยู่แบบยั่งยืน

วันที่ 29 ตุลาคม 2565 พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เปิดเผยว่า พปชร.มีนโยบายที่จะขับเคลื่อน “ สังคมประชารัฐ สงบสุข เข้มแข็ง แบ่งปัน” ซึ่งเป็น 1 ใน 3 พันธกิจหลักเพราะเชื่อว่าชุมชนแต่ละชุมชนในประเทศไทย มีศักยภาพที่จะพัฒนาประเทศไปพร้อมๆกันได้ ซึ่งนโยบายรัฐที่ตอบสนองและส่งเสริม ความสามารถของชุมชนจะนำมาซึ่ง สังคมคุณภาพ ที่สะท้อนความเป็นอยู่ที่ดีของคนไทยทั้งประเทศ โดยโครงสร้างของสังคมประชารัฐ จะเป็นการกระจายอำนาจไปยังภูมิภาคต่างๆ ทั่วประเทศไทย ไปพร้อมองค์ความรู้ และเงินลงทุนในการเริ่มต้นพัฒนาความเป็นอยู่ ตั้งแต่พื้นที่ทำกิน การสร้างอาชีพ รวมไปถึงการส่งเสริมวัฒนธรรมชุมชน

สำหรับการสร้าง”สังคมประชารัฐ สงบสุข เข้มแข็ง แบ่งปัน” มีเป้าหมายใน 4 ด้าน โดยจะให้ความสำคัญในการพัฒนาตามบริบททางสังคม ของแต่ละพื้นที่ทั่วประเทศ ประกอบด้วย
1. กระจายความเจริญไปสู่ภูมิภาค สร้างเมืองน่าอยู่ใกล้บ้าน เป็นแหล่งสร้างงาน สร้างอาชีพด้วยแนวคิด “30เมืองน่าอยู่” โดยประชาชนมีส่วนร่วมในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานการสร้างที่อยู่อาศัย พัฒนาย่านธุรกิจ ย่านนวัตกรรม
2. ชุมชนประชารัฐ ร่วมพัฒนาบ้านเกิด “ชุมชนเข้มแข็ง” เพื่อให้ทุกคนอยากกลับไปพัฒนาบ้านเกิด โดยจะมีกองทุนพัฒนาชุมชนประชารัฐจะมีแหล่งน้ำชุมชน โครงการป่าไม้มีค่า และสร้างวิสาหกิจชุมชน
3. เมืองอัจฉริยะสีเขียว เพื่อความสุขของทุกคน เพราะสิ่งแวดล้อมเป็นเรื่องสําคัญ คนจะต้องอยู่กับสิ่งแวดล้อม เราจะปรับเป็นเมืองอัจฉริยะสีเขียวเพื่อความสุขของทุกคน โดยใช้เทคโนโลยีที่เหมาะสมกับไลฟ์สไตล์ของคน เพื่อให้คนอยู่กับสภาพแวดล้อมที่ดีอย่างมีความสุข
4. สังคมประชารัฐสีขาว สังคมจะสงบสุข เข้มแข็ง แบ่งปันได้ ต้องเป็นประชารัฐสีขาว ที่ “ปลอดภัย ปลอดโรค ปลอดยาเสพติด”

สำหรับการขับเคลื่อนมุ่งเน้นกลไกการมีส่วนร่วมจากทุกฝ่ายโดยเฉพาะส่งเสริมให้มีการจัดตั้ง ”กองทุนรวมเพื่อสังคม” ซึ่งจะเป็นกองทุน ที่เข้าไปพัฒนาศักยภาพให้ชุมชนและประชาชนโดยรัฐทำหน้าที่ออกมาตรการหรือกลไก ในการส่งเสริมให้เกิดการจัดตั้งกองทุน เพื่อเข้าไประดมทุนจากนักลงทุนในตลาดทุน ทั้งในและต่างประเทศ มีการกำกับดูแล โดยคณะกรรมการที่คัดเลือกจากนักลงทุนด้วยกันเอง ทำหน้าที่พิจารณาเข้าไปลงทุนในธุรกิจเพื่อสังคม พร้อมกับตัวชี้วัดความสำเร็จของการเข้าไปช่วยเหลือ ควบคู่ไปกับการส่งเสริมให้เกิดการขับเคลื่อนด้วยผู้ประกอบการคนรุ่นใหม่ ที่สนใจในการทำโครงการแก้ไขปัญหาสังคมที่ยั่งยืน แนวทางเหล่านี้ ล้วนแล้วเป็นการพัฒนาเศรษฐกิจในระยะยาว

“จากนี้ไปสังคมไทยจะมีครบ ทั้งสวัสดิการที่ดี เศรษฐกิจที่ดี และพื้นที่ที่ดี ประชาชนมีอาชีพ และมีพื้นที่ทำกินที่รัฐจะเข้าไปส่งเสริม สามารถขยายสินค้าและบริการไปในวงกว้าง จนทำให้ชุมชนดูแลตัวเองได้ เมื่อเจ็บป่วยก็สามารถเข้าถึงสถานบริการสุขภาพได้อย่างสะดวก เยาวชนมีการศึกษาที่ดี เติบโตอย่างมีคุณภาพ ซึ่งเยาวชนเหล่านี้ก็จะกลับมาพัฒนาชุมชนต่อไป พรรคพลังประชารัฐจะสร้างการพัฒนาอย่างยั่งยืนให้กับคนไทย เพื่อตอบสนองคนไทยทุกคน นับแต่วันแรกที่มีลมหายใจ จนถึงวันสุดท้ายของลมหายใจ ด้วยแนวคิด จากครรภ์มารดาสู่เชิงตะกอน
“พล.อ.ประวิตร กล่าว


ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 29 ตุลาคม 2565

“ลุงป้อม” ห่วงคนกรุง ลงพื้นที่คลองโอ่งอ่าง ตรวจความพร้อมรับมือน้ำทะเลหนุนสูง สั่งการวางแผนช่วงเวลาระบายน้ำ ลดผลกระทบไม่ให้เกิดน้ำท่วมขัง พร้อมลงเรือ ตรวจเยี่ยมการปรับปรุงภูมิทัศน์ รอบคลองผดุงกรุงเกษม ชูเป็นแลนด์มาร์คแห่งใหม่ ของเมืองกรุง

“ลุงป้อม” ห่วงคนกรุง ลงพื้นที่คลองโอ่งอ่าง ตรวจความพร้อมรับมือน้ำทะเลหนุนสูง สั่งการวางแผนช่วงเวลาระบายน้ำ ลดผลกระทบไม่ให้เกิดน้ำท่วมขัง พร้อมลงเรือ ตรวจเยี่ยมการปรับปรุงภูมิทัศน์ รอบคลองผดุงกรุงเกษม ชูเป็นแลนด์มาร์คแห่งใหม่ ของเมืองกรุง

ดร.พัชรินทร์ ซำศิริพงษ์ ส.ส.กทม.เขต2 และโฆษกพรรคพลังประชารัฐ เปิดเผยว่า พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ในฐานะผอ.กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) พร้อมด้วยนางสาวตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ได้ลงพื้นที่ติดตามการเตรียมความพร้อมรับสถานการณ์น้ำทะเลหนุนสูง ณ คลองโอ่งอ่าง เขตพระนคร กรุงเทพฯ โดยมี นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร นายขจิต ชัชวานิชย์ ปลัดกรุงเทพมหานคร รายงานการเตรียมความพร้อมรับสถานการณ์น้ำทะเลหนุนสูง และ นางสาวกานต์กนิษฐ์ แห้วสันตติ ส.ส.กทม. เขต 1 ให้การต้อนรับ พร้อมพบปะประชาชนในพื้นที่ ที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมขัง ในห้วงที่ผ่านมา นอกจากนี้ พลเอกประวิตร ยังได้ลงเรือตรวจเยี่ยมการปรับปรุงภูมิทัศน์รอบคลองผดุงกรุงเกษม เพื่อเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ และเป็นแลนด์มาร์คแห่งใหม่ของกรุงเทพมหานคร

พลเอกประวิตร ระบุว่า จากสถานการณ์น้ำท่วมขังในหลายพื้นที่ รัฐบาลได้ติดตามสถานการณ์น้ำอย่างใกล้ชิด และได้สั่งการให้เร่งระบายน้ำเพื่อให้สถานการณ์คลี่คลายโดยเร็ว เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้กับประชาชนอย่างเร่งด่วน ควบคู่ไปกับการช่วยเหลือเยียวยาประชาชนผู้ได้รับผลกระทบ ทั้งนี้ตนโดยได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการวางแผนช่วงเวลาในการระบายน้ำ ให้สอดคล้องกับช่วงเวลาที่น้ำทะเลหนุนสูง เพื่อลดผลกระทบไม่ให้เกิดปัญหาน้ำท่วมขัง และให้สามารถระบายน้ำลงสู่ทะเลได้โดยเร็ว

ทั้งนี้นายสุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) เปิดเผยว่ากอนช. ได้เฝ้าระวังติดตามสถานการณ์น้ำทะเลหนุนสูง โดยข้อมูลจากกรมอุทกศาสตร์ กองทัพเรือ พบว่า ช่วงวันที่ 28-31 ต.ค.65 จะเป็นช่วงที่น้ำทะเลหนุนสูงสุดของเดือน ส่วนช่วงเวลาที่จะเกิด น้ำทะเลหนุนสูงจะเป็น 2 ช่วงเวลา คือ ช่วงเช้า เวลา 06.00-10.00 น. และช่วงเย็นถึงค่ำ เวลา 16.00-20.00 น. โดยสถานการณ์น้ำทะเลหนุนสูงจะยังคงมีอยู่ต่อไปจนถึงวันที่ 9 พ.ย.65 ทั้งนี้ สทนช. ได้ประสานกรุงเทพมหานคร ในการเตรียมความพร้อมรับมือกับสถานการณ์ดังกล่าว ที่อาจส่งผลทำให้ระดับน้ำในแม่น้ำเจ้าพระยายกตัวขึ้นสูงได้ ซึ่งจะส่งผลให้ชุมชนต่างๆ ที่อยู่นอกคันกั้นน้ำตามแนวริมแม่น้ำเจ้าพระยา ที่อาจได้รับผลกระทบในช่วงน้ำหนุนในบางช่วงเวลาได้ จึงขอให้ประชาชนที่อยู่นอกคันกั้นน้ำ ให้ติดตามและเฝ้าระวังการขึ้น-ลงของระดับน้ำทะเลอย่างใกล้ชิด
สำหรับชุมชนนอกคันกั้นน้ำริมแม่น้ำเจ้าพระยาที่ต้องเฝ้าระวังสถานการณ์น้ำทะเลหนุนสูง มี 16 ชุมชน ในพื้นที่ 7 เขต ได้แก่ เขตดุสิต เขตพระนคร เขตสัมพันธวงศ์ เขตบางคอแหลม เขตยานนาวา เขตบางกอกน้อย และเขตคลองสาน ทั้งนี้ กรุงเทพมหานคร ได้มีมาตรการเตรียมความพร้อมรับมือในการตรวจสอบความแข็งแรงและจุดรั่วซึมของแนวป้องกันน้ำท่วม และเสริมกระสอบทรายจุดเสี่ยงอย่างต่อเนื่อง และตรวจสอบความพร้อมของเครื่องสูบน้ำตามแนวริมแม่น้ำให้พร้อมใช้งาน รวมทั้งติดตามสถานการณ์น้ำเหนือและการบริหารจัดการน้ำของกรมชลประทานเป็นประจำทุกวันด้วย


ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 28 ตุลาคม 2565

“ตรีนุช”รวมพลังพันธมิตรจัดอาชีวะทวิภาคีสมรรถนะสูง

“พัชรินทร์” ปลื้มใจ หลังราชกิจฯเผยแพร่ กม.ป้องกันการกระทำผิดซ้ำ ในคดีทางเพศหรือที่ใช้ความรุนแรง เชื่อจะเป็นเครื่องมือสำคัญ ช่วยเหลือกลุ่มเปราะบาง ในสังคมไทย

“ตรีนุช”รวมพลังพันธมิตรจัดอาชีวะทวิภาคีสมรรถนะสูง

นางสาวตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 26 ตุลาคมที่ผ่านมา ตน พร้อมด้วย ว่าที่ร้อยตรี ธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา ได้ประชุมหารือถึงแนวทางการพัฒนาความร่วมมือเพื่อผลิตและพัฒนากำลังคนอาชีวศึกษาสมรรถนะสูง ร่วมกับหน่วยงานภาคีเครือข่าย ได้แก่ สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และ บริษัท น้ำตาลมิตรผล จำกัด ซึ่งหน่วยงานภาคีเครือข่าย เห็นตรงกันว่า กำลังคนอาชีวศึกษาสมรรถนะสูง เป็นที่ต้องการของตลาดแรงงานทั้งในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งการจัดอาชีวศึกษาระบบทวิภาคีจะตอบโจทย์เรื่องนี้ได้เพราะเชื่อมโลกอาชีพกับโลกการศึกษา โดยหน่วยงานภาคีเครือข่าย ได้เสนอว่า การแก้ไขปัญหาในด้านการบริหารจัดการ กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) โดยสำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) ควรกำหนดนโยบาย หลักเกณฑ์ และวิธีปฏิบัติที่เกี่ยวกับการจัดการศึกษาของวิทยาลัยในสังกัด สอศ.อย่างชัดเจน ต่อเนื่องและยั่งยืน

รมว.ศธ. กล่าวต่อไปว่า สำหรับกลไกการขับเคลื่อนเพื่อเพิ่มการจัดอาชีวศึกษาระบบทวิภาคีให้มากขึ้น ควรมีหน่วยงานที่รับผิดชอบโดยตรงและให้มีคณะกรรมการร่วมที่ประกอบด้วยผู้แทนจากภาครัฐและภาคเอกชนที่เกี่ยวข้อง , มีการประชาสัมพันธ์เชิงรุก สร้างภาพลักษณ์ สร้างแรงจูงใจให้ภาคเอกชนเข้าร่วม และมีจำนวนผู้เรียนมาเรียนอาชีวะทวิภาคีมากขึ้น รวมถึงลดความยุ่งยากในการเข้าร่วมจัดทวิภาคีของภาคเอกชน , ด้านการพัฒนาครู ต้องกำหนดให้ครูได้รับการเข้าฝึกประสบการณ์วิชาชีพในสถานประกอบการชั้นนำ และได้รับการรับรอง สามารถนำไปเป็นส่วนหนึ่งในการขอมีหรือเลื่อนวิทยฐานะได้ ตลอดจนกำหนดมีการพัฒนานักเรียน นักศึกษา เพื่อให้เกิดอาชีวะทวิภาคีที่มีคุณภาพสูง เช่น ทักษะด้านวิชาชีพ ทักษะด้านภาษา และทักษะด้านดิจิทัลตามมาตรฐานสากล ทั้งนี้ ภายในเดือนพฤศจิกายนนี้จะมีการหารือกับสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทยด้วย และดิฉัน ได้มอบหมายให้ สอศ.นำข้อเสนอแนะของหน่วยงานภาคีเครือข่าย มาพิจารณาดำเนินการต่อไป.


ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 27 ตุลาคม 2565