โลกเปลี่ยน ไทยต้องปรับ ทางเลือกใหม่ของการเมืองไทย ก้าวข้ามความขัดแย้ง สานพลังประชาราษฎร์ ร่วมสร้างชาติให้ยั่งยืน

หมวดหมู่: สื่อออนไลน์

“รมว.ตรีนุช”ยกระดับความร่วมมือการพัฒนาการศึกษา ระดับอาชีวศึกษา พัฒนากำลังคนรองรับภาคอุตสาหกรรม

“รมว.ตรีนุช”ยกระดับความร่วมมือการพัฒนาการศึกษา ระดับอาชีวศึกษา พัฒนากำลังคนรองรับภาคอุตสาหกรรม

วันนี้ 19 ธันวาคม 2565 ณ โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ คอนเวนชั่น กรุงเทพมหานคร นางสาวตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) เป็นประธานในพิธีลงนามความร่วมมือเพื่อยกระดับความร่วมมือการพัฒนาการศึกษาระดับอาชีวศึกษาในการผลิตและพัฒนากำลังคนรองรับภาคอุตสาหกรรม ระหว่าง สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา กับ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สภาเกษตรกรแห่งชาติ และสภาดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งประเทศไทย

โดย นางสาวตรีนุช กล่าวว่า รัฐบาลและกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ให้ความสำคัญในการจัดการอาชีวศึกษา และเห็นว่าการพัฒนาอาชีวศึกษาให้ก้าวไกลเป็นแนวทางสำคัญของการพัฒนาประเทศ โดยเฉพาะการสร้างความแข็งแกร่งของระบบเศรษฐกิจ เพราะกำลังคนอาชีวศึกษาถือได้ว่ามีบทบาทและเป็นปัจจัยสำคัญต่อการผลิต ทั้งในภาคเกษตรกรรม อุตสาหกรรม และภาคธุรกิจบริการ ซึ่งมีการกระจายตัวอยู่ทุกภูมิภาคของประเทศ ดังนั้นอาชีวศึกษาจึงต้องเร่งสร้างขีดความสามารถในการผลิตและพัฒนากำลังคนให้มีทักษะที่จำเป็น เพื่อให้มีสมรรถนะตรงตามความต้องการของตลาดแรงงาน และสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมของประเทศ ซึ่งต้องมีการพัฒนาครู พัฒนาผู้เรียน พัฒนาหลักสูตรให้ทันสมัย ตอบโจทย์กับภาคธุรกิจ

“ การบูรณาการความร่วมมือจากภาคเอกชน ในฐานะองค์กรวิชาชีพ มีความเชี่ยวชาญ มีความเป็นผู้นำในภาคเศรษฐกิจ และเทคโนโลยีที่ทันสมัย โดยจัดการศึกษาอาชีวศึกษาระบบทวิภาคี ศธ.ได้ดำเนินการมาแล้วระยะหนึ่ง ซึ่งการลงนามความร่วมมือกับ 5 องค์กรเอกชนของ สอศ.ในครั้งนี้ แสดงให้เห็นถึงความตั้งใจของทั้ง 6 หน่วยงาน ที่เล็งเห็นความสำคัญในการเข้ามาร่วมมีบทบาท เพื่อการพลิกเปลี่ยนและยกระดับความร่วมมือการพัฒนาคุณภาพการศึกษาด้านอาชีวะในการผลิตและพัฒนากำลังคนรองรับภาคอุตสาหกรรมธุรกิจ ซึ่งจะเป็นการวางรากฐาน และเชื่อมโยงการทำงานในการวางแนวทางการพัฒนาคนอาชีวะอย่างเป็นระบบที่แข็งแรง เข้มข้น และครบวงจรมากขึ้น เพื่อให้การผลิตบุคลากรได้อย่างมีคุณภาพ ตรงกับความต้องการของภาคธุรกิจ และจะเป็นแนวทางสำคัญในขับเคลื่อนระบบการศึกษาทางด้านสายอาชีพ ให้มีการปรับตัว และบรรลุสู่เป้าหมายแห่งความสำเร็จในการสร้างทรัพยากรบุคคลที่พร้อมด้วยความรู้ ความสามารถ มีทักษะ ที่พร้อมรับต่อการเปลี่ยนแปลงของสังคมโลกในศตวรรษที่ 21 และสอดรับกับแผนยุทธศาสตร์ชาติ ในการเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันด้านเศรษฐกิจของประเทศในเวทีระดับโลก” นางสาวตรีนุช กล่าว.​


ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 19 ธันวาคม 2565

ลุยดูแลชาวภูเก็ต พัฒนาแหล่งน้ำส่งเสริมอาชีพมั่นคง !!! พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่จ.ภูเก็ต พร้อมพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน สร้างประโยชน์ เพิ่มคุณภาพชีวิตให้ประชาชน อยู่ดี กินดี

ลุยดูแลชาวภูเก็ต พัฒนาแหล่งน้ำส่งเสริมอาชีพมั่นคง !!! พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่จ.ภูเก็ต พร้อมพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน สร้างประโยชน์ เพิ่มคุณภาพชีวิตให้ประชาชน อยู่ดี กินดี

ลุยดูแลชาวภูเก็ต พัฒนาแหล่งน้ำส่งเสริมอาชีพมั่นคง !!! พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่จ.ภูเก็ต พร้อมพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน สร้างประโยชน์ เพิ่มคุณภาพชีวิตให้ประชาชน อยู่ดี กินดี


ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 19 ธันวาคม 2565

“พล.อ.ประวิตร” ลงพื้นที่3 จ.ภาคใต้หนุนพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก ย้ำเดินหน้าสร้างสันติสุขเพื่อสร้างความมั่นคง กินดีอยู่ดี ให้ประชาชน

“พล.อ.ประวิตร” ลงพื้นที่3 จ.ภาคใต้หนุนพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก ย้ำเดินหน้าสร้างสันติสุขเพื่อสร้างความมั่นคง กินดีอยู่ดี ให้ประชาชน

วันนี้ 19 ธันวาคม 2565 พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยนายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม พล.อ.ชาญชัย ช้างมงคล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม และคณะ ได้เดินทางลงภาคใต้ เพื่อตรวจติดตามราชการในพื้นที่ จ.ปัตตานี และ จ.ภูเก็ต โดยมีนายวิรัช รัตนเศรษฐ รองหัวหน้าพรรค นายทศพล เพ็งส้ม ผู้ช่วยรัฐมนตรีช่วยว่าการ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ ว่าที่ผู้สมัครพรรคพลังประชารัฐ ให้การต้อนรับ ที่ สนามบินหาดใหญ่ จ.สงขลา ก่อนเดินทางต่อไปยัง คณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีๆ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี เพื่อติดความคืบหน้าการขับเคลื่อน เมืองปูทะเลโลก”ตามมติของคณะกรรมการยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (กพต.)

ทั้งนี้ ได้ติดความคืบหน้าการขับเคลื่อน” เมืองปูทะเลโลก”ตามมติของ กพต. โดยได้ทำพิธีเปิดโรงเพาะเลี้ยงปูบริเวณคณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี พร้อมทั้งได้ชมนิทรรศการการขับเคลื่อน Soft Power ด้านอาหาร ร่วมกับเชฟชุมพล ภายใต้แนวคิด “มหานครแห่งอาหารและบริการฮาลาล สู่ตลาดโลก

นอกจากนี้ ยังได้ร่วมประชุมคณะกรรมการยุทธศาสตร์การพัฒนา จ.ชายแดนภาคใต้ เพื่อรับทราบความก้าวหน้าของการดำเนินโครงการตามการปฏิบัติพระราชกรณียกิจ ( เป็นการส่วนพระองค์ ) กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ในการส่งเสริมการศึกษาและการพัฒนาคุณภาพชีวิตประชาชนในพื้นที่ และรับทราบความคืบหน้าการดำเนินการงานที่สำคัญ ประกอบด้วย การพัฒนาทักษะแรงงาน และการสอนภาษานานาชาติ การขับเคลื่อนโครงการแก้ปัญหาความยากจน ตำบลมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน เพื่อเพิ่มรายได้ครัวเรือน โดยปัจจุบันได้มีการขยายการช่วยเหลือเพิ่ม 1,200 ครอบครัวในปี 2566 โครงการเมืองปศุสัตว์ตามกรอบระเบียงเศรษฐกิจฮาลาล ซึ่งมีเกษตรกรนำร่อง 5 จว. 171 กลุ่ม ความก้าวหน้าการจัดทำแผนพัฒนา จ.นราธิวาสและปัตตานี

ขณะเดียวกันได้ร่วมพิจารณาและให้ความเห็นชอบในหลักการโครงการที่สำคัญ เช่น โครงการส่งเสริมการมีส่วนร่วมของประชาชนในการแก้ปัญหาและพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากระดับชุมชนหมู่บ้าน ปี 66-70 รวมทั้ง โครงการส่งเสริมการมีส่วนร่วมของผู้นำทุกศาสนาในพื้นที่ จังหวัดชายแดนภาคใต้ ปี2566- 2570 และ (ร่าง) แผนส่งเสริมการมีส่วนร่วมภาคประชาชนในการแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ปี 2566- 2570 ซึ่งมีองค์กรกว่า 200 องค์กรเข้าร่วมโครงการ เป็นต้น

พล.อ.ประวิตร’ แสดงความพอใจที่โครงการต่างๆที่มีความคืบหน้าอย่างต่อเนื่องพร้อมกำชับ ศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.)ให้ความสำคัญกับการพัฒนาแก้ปัญหาแบบมีส่วนร่วมไปในทิศทางเดียวกัน โดยเฉพาะระดับพื้นที่หมู่บ้าน มีกำนันผู้ใหญ่เป็นแกนกลาง เน้นการมีส่วนร่วมของผู้นำทุกศาสนาและการมีส่วนร่วมของประชาชน โดยต้องเพิ่มศักยภาพภาคประชาสังคมและดึงทุกภาคส่วนเข้ามาร่วม ทั้งการร่วมคิด ร่วมทำและรับประโยชน์ไปด้วยกันอย่างทั่วถึง เป็นนโยบายหลักรัฐบาลในการสร้างความกินดีอยู่ดีให้กับประชาชนและให้เกิดสันติสุขในพื้นที่ภาคใต้ และต้องรับฟังปัญหาและความต้องการจากภาคประชาสังคมอย่างรอบด้านไปพร้อมๆกัน สำหรับแผนงานโครงการที่เห็นชอบร่วมกัน ขอให้เร่งขับเคลื่อนการบริหารจัดการให้เป็นไปตามแผนงาน โดยมุ่งผลสัมฤทธิ์ของงาน ใช้งบประมาณอย่างเต็มประสิทธิภาพ และโปร่งใส

พล.อ.ประวิตร ได้พบปะกับประชาชน โดยเฉพาะผู้นำชุมชนกว่า 300 คน พร้อมระบุว่าจากการตรวจเยี่ยมครั้งนี้ เพื่อมารับฟังปัญหาความเดือดร้อน และความต้องการของประชาชน สิ่งที่สำคัญที่สุดในเป้าหมายของรัฐ ให้พื้นที่จ.ชายแดนภาคใต้ มีสันติสุข ซึ่งทุกฝ่ายเห็นในทิศทางเดียวกัน ย้ำให้ทุกฝ่ายมีความเชื่อใจและร่วมมือกัน โดยต้องมีการพูดคุยนำไปสู่การแก้ไขปัญหา ไม่มีการแบ่งแยก ทุกคนจะได้รับความช่วยเหลือจากรัฐบาลในการแก้ไขปัญหาต่างๆอย่างเท่าเทียมและทั่วถึง ซึ่งประชาชนในพื้นที่ 3 จ. ภาคใต้ มีถึง 2ล้านคน หากพื้นที่ดังกล่าวมีความสันติสุข มั่นใจว่าจะส่งเสริมให้เกิดการเข้ามาในพื้นที่ได้มากขึ้น จะเห็นได้ว่า ประเทศไทย ในช่วงก่อนสถานการณ์โควิด 19 มีนักท่องเที่ยวเข้ามาในไทย ถึง 30 ล้านคน ซึ่งต่างประเทศ มองว่าไทยเป็นประเทศที่น่าอยู่ หากเกิดสันติสุขในพื้นที่ดังกล่าว ก็จะส่งผลดีต่อไทยให้เป็นประเทศที่น่าอยู่มากยิ่งขึ้นอีก เชื่อว่าปัญหาที่เกิดขึ้นหากมีการส่งตัวแทนเข้ามาพูดคุย รัฐบาลก็พร้อมจะนำมาสู่การแก้ไขปัญหา และเกิดสันติสุขในพื้นที่ได้อย่างมั่นคง

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 19 ธันวาคม 2565

“ผู้กองมาร์ค” ซบอก”พปชร.”เดินหน้าสู้ศึกเลือกตั้ง นโยบายตอบโจทย์ลด เหลื่อมล้ำปชช.-แก้ไขสิ่งแวดล้อม

,

“ผู้กองมาร์ค” ซบอก”พปชร.”เดินหน้าสู้ศึกเลือกตั้ง นโยบายตอบโจทย์ลด เหลื่อมล้ำปชช.-แก้ไขสิ่งแวดล้อม

ร.ต.อ.วัฒนรักษ์ อำนรรฆสรเดช อดีตผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) กรุงเทพมหานคร เขต 7 บางซื่อ-ดุสิต พรรคเพื่อไทย เปิดเผยว่า ขณะนี้ตนได้ตัดสินใจลาลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคเพื่อไทย และได้เข้าสมัครเป็นสมาชิกของพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) เป็นที่เรียบร้อยแล้วหลังจากที่ผ่านมาได้รับคำเชิญจากผู้ใหญ่ในพรรคพปชร.และได้ศึกษานโยบายและแนวทางในการทำงานของพรรคซึ่งเห็นว่าตอบโจทย์แนวทางในการทำงานที่เหมือนกันและพร้อมพิสูจน์ว่าเป็นพรรคที่ตั้งใจทำงานให้กับประชาชนอย่างแท้จริง โดยทางพรรคมีการพัฒนาการและปรับตัวเองให้เข้าได้กับคนทุกรุ่น เน้นเรื่องการลดความเหลื่อมล้ำทางสังคมและมุ่งมั่นที่จะแก้ไขปัญหาด้านสิ่งแวดล้อม

“ ผมยืนยันว่าไม่เคยคิดจะเผาบ้านเก่า เพราะทุกการตัดสินใจทางการเมืองขึ้นอยู่กับอุดมการณ์ทางความคิดของสมาชิกและพรรคที่มีนโยบายแนวทางในการทำงานที่ตรงกันว่าอะไรดีที่สุดสำหรับประเทศ ซึ่งในส่วนของการย้ายพรรคก่อนเลือกตั้งใหม่นั้นเป็นเรื่องปกติของนักการเมืองที่ต้องหาบ้านที่เหมาะสม เพื่อที่จะทำงานให้ตอบสนองความต้องการของประชาชนให้มากที่สุด ประชาชนก็มีโอกาสได้พิจารณาใหม่ มีสิทธิเลือกผู้แทนที่สามารถทำงานให้กับพวกเค้าได้ตรงตามระบอบของประชาธิปไตย”ร.ต.อ.วัฒนรักษ์กล่าว
ทั้งนี้แม้ว่าหลายคนมีคำถามว่ามาสังกัดพรรคพลังประชารัฐแล้วจะทำอะไร ซึ่งเป็นที่แน่นอนว่าจุดประสงค์หลักของตนคือจะลงสมัครรับเลือกตั้งในเขตเดิม บางซื่อ-ดุสิต เพราะผลการเลือกตั้งในปี 2562 นั้นตนแพ้คะแนนไปเพียงหลักร้อย และตลอดเวลาที่ผ่านมายังได้ลงพื้นที่อย่างสม่ำเสมอ โดยมีเสียงตอบรับที่ดีมาก และผลจากการสำรวจในการทำโพลทุกครั้ง ก็ชนะว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.ในเขตมาโดยตลอด และจากการที่ตนได้เสนอนโยบายทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมให้กับทางพปชร. ซึ่งเป็นสิ่งที่ผมถนัด และทำผลงานด้านนี้มาตลอดทั้งชีวิต โดยได้รับการรับรองจากองค์กรระดับโลกมามากมายหลายครั้ง ก็ได้รับการสนับสนุนจากทางพรรค
อย่างไรก็ตามที่กล่าวมาทั้งหมดนี้เพียงเพื่อจะเน้นย้ำว่าไม่ใช่เพียงแค่ผมคนเดียวที่จะทำ แต่จะเป็นสมาชิกของพรรคที่จะร่วมมือร่วมใจกันทำเพื่อที่จะแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมให้กับประชาชนได้อย่างยั่งยืนและถาวร ซึ่งตนเชื่อว่าหากพรรคพลังประชารัฐได้รับความไว้วางใจจากประชาชนอีกครั้งและได้เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาลสมัยหน้าจะสามารถ “ทำน้ำให้สะอาด คืนอากาศบริสุทธิ์ให้กับคนไทยได้อย่างแน่นอน”

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 19 ธันวาคม 2565

‘พล.ประวิตร’สนับสนุน’ซอฟต์ เพาเวอร์’นำมวยไทย เผยแพร่สู่ต่างแดน

,

‘พล.ประวิตร’สนับสนุน’ซอฟต์ เพาเวอร์’นำมวยไทย เผยแพร่สู่ต่างแดน

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ในฐานะประธานกรรมการบริหารกองทุนฯ และประธานกรรมการคณะกรรมการ กกท.สนับสนุนให้มีการนำ “มวยไทย” ศิลปวัฒนธรรมประจำชาติที่เป็น “ซอฟต์ เพาเวอร์” ของประเทศไทยไปเผยแพร่ในต่างแดน

โดย ดร.สุปราณี คุปตาสา ผู้จัดการกองทุนกีฬา ( NSDF) เปิดเผยถึงความสำเร็จครั้งนี้ว่า ต้องขอขอบคุณการสนับสนุน จากพล.อ.ประวิตร ที่ทำให้งานมหกรรมส่งเสริมการขายทางการท่องเที่ยว World Travel Market 2022 (WTM) ที่ศูนย์การประชุมและแสดงสินค้าเอ็กเซล กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ได้มีการนำ บัวขาว บัญชาเมฆ นักมวยไทยชื่อดัง ร่วมแสดงศิลปะแม่ไม้มวยไทย และได้รับความสนใจจากผู้เข้าร่วมงานจำนวนมาก และยังได้เข้าถึงสำนักงานกีฬามวยไทยที่อยู่ใต้คณะกรรมการโอลิมปิกสากล (IOC) อีกด้วย ซึ่งเป็นการเปิดประตูสู่นานาชาติให้รับรู้ และเข้าใจ เรื่องมาตรฐานมวยไทยที่ถูกต้องตรงภายใต้สหพันธ์มวยไทยนานาชาติ หรือ IFMA

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 17 ธันวาคม 2565

พล.อ.ประวิตร นำทีมคณะผู้บริหาร-ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ ลงนามถวายพระพรสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภาฯ

,

พล.อ.ประวิตร นำทีมคณะผู้บริหาร-ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ
ลงนามถวายพระพรสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภาฯ

วันที่ 16 ธันวาคม 2565 ที่โรงพยาบาลจุฬาฯ – เมื่อเวลา 14.30 น. พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคพลังประชารัฐ เดินทางไปยังโรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย เพื่อร่วมลงนามถวายพระพร สมเด็จพระเจ้าลูกเธอเจ้าฟ้าพัชรกิติยาภานเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา ณ อาคารภูมิสิริมังคลานุสรณ์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ

พลเอกประวิตร กล่าวว่า ในวันนี้ได้ตนได้นำคณะผู้บริหาร และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ร่วมถวายพระพร และถวายกำลังใจ แด่สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา พร้อมขอให้ประชาชนคนไทย ร่วมกันสวดมนต์ เพื่อถวายพระพร แด่สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภาฯ เพื่อให้พระองค์ทรงพระพลานามัยแข็งแรง และทรงหายจากพระอาการประชวรสมบูรณ์โดยเร็ววัน


ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 16 ธันวาคม 2565

พล.อ.ประวิตร เคาะโครงการแก้ปัญหาน้ำตามแผนจัดการน้ำ 20ปี เตรียมชงคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ พิจารณา 29 ธ.ค.นี้

,

พล.อ.ประวิตร เคาะโครงการแก้ปัญหาน้ำตามแผนจัดการน้ำ 20ปี
เตรียมชงคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ พิจารณา 29 ธ.ค.นี้

วันนี้ (15 ธ.ค. 65) พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เรียกประชุมคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนแผนแม่บทการบริหารจัดการน้ำ และคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนโครงการพัฒนาทรัพยากรน้ำ ผ่านระบบ VTC ณ มูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อห้าจังหวัด โดยที่ประชุมรับทราบผลการขับเคลื่อนโครงการพัฒนาทรัพยากรน้ำที่สำคัญ ปี 65 และการติดตามประเมินผลการดำเนินโครงการภายใต้แผนแม่บทการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ 20 ปี ( 61-65 ) รวมถึงความก้าวหน้าโครงการแก้มลิงทุ่งหิน จ.สมุทรสงคราม

นอกจากนี้ที่ประชุมได้ความเห็นชอบ โครงการปรับปรุงระบบชลประทานเจ้าพระยาฝั่งตะวันออกตอนล่าง ตั้งแต่ จ.พระนครศรีอยุธยา – สมุทรปราการ และฝั่งตะวันตก ตั้งแต่ จ.พระนครศรีอยุธยา – สมุทรสาคร เพื่อระบายน้ำเหนือ – ใต้ ออกสู่ทะเลทั้งสองฝั่ง โดยปรับปรุงโครงข่ายชลประทาน เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำ เพิ่มแหล่งเก็บกักน้ำนำไปใช้ประโยชน์ และสามารถช่วยบรรเทาอุทกภัยลดพื้นที่น้ำท่วม

รวมทั้งโครงการพัฒนาและเพิ่มประสิทธิภาพการระบายน้ำของ กทม. ด้วยการปรับปรุงสถานนีสูบน้ำพระโขนง การก่อสร้างเขื่อนคลองหนองบอน เขื่อนคลองมะขามเทศ ลดผลกระทบน้ำท่วมในพื้นที่ กทม. พร้อมทั้งเห็นชอบการขยายระยะเวลาและกรอบวงเงิน โครงการคลองระบายน้ำหลาก บางบาล – บางไทร และโครงการปรับปรุงขยายการประปาส่วนภูมิภาค สาขาพังงา – ภูเก็ต เพื่อเพิ่มศักยภาพระบบประปา รองรับการขยายตัวของชุมชนเมือง

อย่างไรก็ตามที่ประชุมยังได้เห็นชอบ (ร่าง) แผนปฏิบัติการด้านทรัพยากรน้ำปี 67 จำนวน 63,589 รายการ วงเงิน 337,736 ล้านบาท โดยให้ความเร่งด่วน 26,421 โครงการ วงเงิน 184,530 ล้านบาท ในพื้นที่ทั่วประเทศ ในด้านต่างๆ ประกอบด้วย การจัดการน้ำอุปโภคบริโภค การสร้างความมั่นคงของน้ำภาคการผลิต การจัดการน้ำท่วมและอุทกภัย การอนุรักษ์ ฟื้นฟูระบบนิเวศทรัพยากรน้ำ และด้านบริหารจัดการ ซึ่งผลสัมฤทธิ์ สามารถเพิ่มความจุเก็บกักน้ำกว่า 1,400 ล้าน ลบ.ม.พื้นที่รับประโยชน์ 6.23 ล้านไร่ ประชาชนได้ประโยชน์ 5.64 ล้านครอบครัว และพื้นที่ได้รับการป้องกัน 5.37 ล้านไร่ เตรียมเสนอที่ประชุมคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ 29 ธ.ค. นี้ต่อไป

พล.อ.ประวิตร กล่าวว่าได้มอบหมายให้กรมชลประทานและหน่วยเกี่ยวข้อง เพิ่มน้ำหนักการพิจารณาปัจจัยเสี่ยงของโครงการให้ละเอียดมากขึ้น เพื่อมิให้มีปัญหาการขยายระยะเวลาและกรอบวงเงิน พร้อมทั้งขอให้คณะกรรมการร่วมกันพิจารณากลั่นกรองโครงการอย่างรอบคอบ โดยหลายโครงการมีความสำคัญต่อการลดปัญหาการขาดแคลนน้ำและอุทกภัยอย่างเป็นระบบ เพื่อให้ประชาชนส่วนใหญ่ได้รับประโยชน์สูงสุด ซึ่งอาจมีผลกระทบต่อประชาชนในหลายพื้นที่บ้าง จึงขอให้พิจารณาดำเนินการให้กระทบต่อประชาชนน้อยที่สุด

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 15 ธันวาคม 2565

“รองหน.วิรัช” ติวเข้มว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.พปชร.แม่นกติกาเลือกตั้ง เสริมศักยภาพเลือดใหม่ลุยทำงานในพื้นที่ใกล้ชิดประชาชน

,

“รองหน.วิรัช” ติวเข้มว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.พปชร.แม่นกติกาเลือกตั้ง เสริมศักยภาพเลือดใหม่ลุยทำงานในพื้นที่ใกล้ชิดประชาชน

วันที่ 15 ธันวาคม 3565 เวลา 10.30 น.นายวิรัช รัตนเศรษฐ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เปิดเผยว่า พรรคได้จัดอบรมว่าที่ผู้สมัครของพรรคพลังประชารัฐรุ่นที่ 1 ในด้านการเตรียมตัว การวางแผนการเลือกตั้ง กลยุทธ์การต่อสู้ การเลือกตั้ง และเน้นย้ำกฎหมายสำคัญ ที่เกี่ยวกับการเลือกตั้ง โดยเป็นการอบรมภายในของพรรค ได้เชิญนายนิพิฎธิ์ อินทรสมบัติ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ร่วมบรรยาย ถ่ายทอดประสบการณ์การทำพื้นที่ เพื่อให้ว่าที่ผู้สมัครดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมาย และนำไปปรับใช้ในการลงพื้นที่ เพื่อการแข่งขันการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึงในปี 2566 โดยการอบรมรุ่นที่ 1 มีว่าที่ผู้สมัครกว่า 30 การอบรมจะแบ่งเป็นชุด โดยจะมีชุดละ 30 คน

สาระสำคัญของการอบรมครั้งนี้ เป็นการแลกเปลี่ยนมุมมองของการทำพื้นที่ของว่าที่ผู้สมัคร ที่ต้องมีใจเกินร้อย เพื่อเป็นความหวังของของคนในพื้นที่ ที่จะนำนโยบายของพรรคไปนำเสนอ พร้อมสานต่อนโยบายให้สอดรับกับความต้องการของคนในพื้นที่ พร้อมเน้นย้ำเรื่องการหาเสียงต้องศึกษาข้อกฎหมายที่ชัดเจน ให้เป็นไปตามกติกา ไม่ให้ทำในสิ่งที่สุ่มเสี่ยงต่อการร้องเรียนของคู่แข่ง เพราะเป็นกลยุทธ์ของการแข่งขันในพื้นที่ ดังนั้นทุกคนต้องเตรียมความพร้อม และหลักฐานเพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ โดยการทำตัวเองให้ปลอดจากเงื่อนไข ของกฎหมาย และสร้างความมั่นใจในการลงพื้นที่ เพื่อเสนอตัวเองเป็นตัวแทนของประชาชน อย่างไรก็ตามห้ามประมาท โดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ ที่อาจยังมีช่องว่าง ในเรื่องของความมั่นใจเกินไป อาจจะนำมาซึ่งความพ่ายแพ้

ในการอบรมครั้งนี้ ได้ให้ว่าที่ผู้สมัครทุกคน แนะนำตัว แลกเปลี่ยนประสบการณ์จากทำพื้นที่ ที่มีความแตกต่างของบริบททางสังคม ได้นำไปปรับใช้ในพื้นที่ของตนเองได้ ซึ่งจะเป็นการส่งเสริมประสบการณ์ให้ว่าที่ผู้สมัครมีมุมมองและวางกลยุทธ์ในการทำพื้นที่ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น และยังเป็นการสานความสัมพันธ์ของผู้สมัครให้มีความรักและเป็นหนึ่งเดียว

ส่วนการแบ่งเขตพื้นที่การเลือกตั้ง ขณะนี้ยังไม่มีความชัดเจน ในการแบ่งพื้นที่เขต แต่พรรคมีความพร้อม เรามีว่าที่ผู้สมัครแล้ว 75% และยังมีบางพื้นที่ที่ทับซ้อนกันพรรคก็ดำเนินการทำโพล ซึ่งขณะนี้ จากการติดตาม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่ตรวจราชการในพื้นที่ เช่นใน จ.ร้อยเอ็ด และกาฬสินธุ์ ใน 2 จังหวัด คะแนนเสียงพรรคยังไม่ดีพอ และอาจทำให้การทำพื้นที่ของว่าผู้ที่สมัครมีความยากลำบาก แต่เมื่อสัมผัสพื้นที่จริง กลับมองเห็นโอกาสที่พรรคจะได้รับชัยชนะ มั่นใจว่าพรรคมีหวังได้หลายเขตซึ่งหลักใหญ่ของพรรค ก็คือให้พื้นที่กับคนเก่า 95% ในส่วนที่เหลือต้องมีการพิจารณาต่อไป เพราะบางท่านเป็น ส.ส.เขต แต่วันนี้ขอขึ้นเป็นบัญชีรายชื่อ ก็ต้องดูแลและวางระบบการบริหารให้สอดคล้องในการส่งว่าที่ผู้สมัครลงสนามเลือกตั้ง ขณะนี้พรรค วางตัวผู้สมัครได้ แล้ว 75% แต่มีบางพื้นที่มีความทับซ้อนของตัวผู้สมัคร ต้องตัดสินด้วยทำโพล โดยเฟ้นหาส.ส.ใหม่ที่มีศักยภาพ เข้ามาทำหน้าที่ เพราะประสบการณ์การเลือกตั้งที่ผ่านมา ส.ส.เก่า จะเข้าสู่สภาได้ 65% อีก 35% เป็น ส.ส.ใหม่

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 15 ธันวาคม 2565

“พล.อ.ประวิตร”ลุยกาฬสินธุ์-ร้อยเอ็ด แก้ปัญหาน้ำ-มอบสิทธิ์ที่ดินทำกิน ป้องกันที่ดินหลุดจำนองมือิเกษตรกร ลดความเหลื่อมล้ำสร้างอาชีพมั่นคง

,

“พล.อ.ประวิตร”ลุยกาฬสินธุ์-ร้อยเอ็ด แก้ปัญหาน้ำ-มอบสิทธิ์ที่ดินทำกิน
ป้องกันที่ดินหลุดจำนองมือิเกษตรกร ลดความเหลื่อมล้ำสร้างอาชีพมั่นคง

เมื่อวันที่ 14 ธ.ค.2565 ที่ศ่ลากลางจ.กาฬสินธุ์ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี พร้อมนายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัล เพื่อเศรษฐกิจและสังคม น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รมว.ศึกษาธิการ นายสันติ พร้อมพัฒน์ รมช.คมนาคม และคณะ ลงพื้นที่จ.กาฬสินธุ์ และร้อยเอ็ด เพื่อตรวจติดตามการบริหารจัดการแก้ปัญหาที่ดินทำกินและการฟื้นฟูแหล่งน้ำ และรับฟังปัญหาจากประชาชนในพื้นที่ มีตัวแทนหน่วยงานเกี่ยวข้องรอต้อนรับ

โดยรับฟังการบรรยายสรุปภาพรวม พบปัญหาขาดแคลนแหล่งน้ำต้นทุนการเกษตร การบริโภคจากการขยายตัวของชุมชนเมือง โดยเฉพาะนอกเขตชลประทาน ซึ่งในปี 61-64 มีแผนงานพัฒนาพื้นที่แล้ว 1,152 โครงการ วงเงินกว่า 3,100 ล้านบาท พื้นที่รับประโยชน์ 107,582 ไร่ ประชาชนได้ประโยชน์กว่า 48,000 ครอบครัว และอยู่ระหว่างดำเนินการ 165 โครงการ โดยงบกลางกว่า 280 ล้าน ทั้งการพัฒนาแหล่งกักเก็บน้ำ ระบบกระจายน้ำและระบบป้องกันน้ำท่วม สำหรับปี 66-67 มี 3 โครงการ ได้รับการจัดสรรงบประมาณ 912 ล้านบาท ซึ่งจะทำให้ประชาชนได้ประโยชน์อีก 3,100 ครอบครัว พื้นที่กว่า 5,800 ไร่

พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ขอย้ำให้สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง เตรียมมาตรการรองรับสถานการณ์ภัยแล้งและฝนทิ้งช่วง โดยเร่งพัฒนาแหล่งน้ำต้นทุนในพื้นที่ให้เสร็จทันตามกำหนด โดยเฉพาะพื้นที่เสี่ยงขาดแคลนน้ำ และให้ลงไปดูแก้ปัญหาที่ดินทำกิน ที่อยู่อาศัย ป้องกันการเสียสิทธิ์ในที่ดินทำกินจากการจำนองและขายฝากของเกษตรกร อย่าให้หลุดมือเกษตรกร และเร่งช่วยเหลือเกษตรกรที่ไม่มีที่ดินทำกิน การแก้ปัญหาความยากจนและลดความเหลื่อมล้ำในพื้นที่ โดยให้บูรณาการความร่วมมือภาคีการพัฒนาต่างๆ และบริหารจัดการข้อมูลแบบชี้เป้าให้เป็นผล ทั้งนี้ให้กระจายรับฟังปัญหาและความต้องการของประชาชน เพื่อบริหารจัดการแบบมีส่วนร่วมไปด้วยกัน

จากนั้นพล.อ.ประวิตร มอบหนังสืออนุญาตให้ใช้ประโยชน์ในที่ดินทำกินของรัฐเป็นการชั่วคราว ตามนโยบายแก้ปัญหาความยากจนและพบปะประชาชน ในพื้นที่หนองผัวเมียสาธารณประโยชน์ ต.ดอนสมบูรณ์ และแปลงโสกหมูสาธารณประโยชน์ ต.เขาพระนอน อ.ยางตลาด โดยกล่าวขอบคุณทางจ.กาฬสินธุ์ ที่แก้ปัญหาการบริหารจัดการใช้ประโยชน์ที่ดินสาธารณประโยชน์อย่างถูกต้องใน 7 อำเภอ รวมทั้งสิ้น 2,938 แปลง เพื่อคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นตามนโยบายของรัฐบาล พร้อมกับพบปะเยี่ยมเยียนและรับทราบปัญหาจากประชาชนในพื้นที่

ในช่วงบ่ายวันเดียวกัน พล.อ.ประวิตร จะเดินทางพบปะประชาชน และติดตามการแก้ปัญหาการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ จ.ร้อยเอ็ด ต่อไป


ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 14 ธันวาคม 2565

“พล.อ.ประวิตร”ขอความร่วมมือพรรคร่วมรัฐบาล ผ่านเข้าประชุมสภาฯ ทำหน้าที่ผู้แทนประชาชนพิจารณาเพื่อแก้ไขปัญหาให้ประชาชนมีความต่อเนื่อง

,

“พล.อ.ประวิตร”ขอความร่วมมือพรรคร่วมรัฐบาล ผ่านเข้าประชุมสภาฯ
ทำหน้าที่ผู้แทนประชาชนพิจารณาเพื่อแก้ไขปัญหาให้ประชาชนมีความต่อเนื่อง

เมื่อ13 ธ.ค.65 พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รอง นายกรัฐมนตรีเป็นประธานการประชุม คณะรัฐมนตรี เนื่องจาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีเดินทางไปปฏิบัติราชการประชุมสุดยอด อาเซี่ยน -สหภาพยุโรป สมัยพิเศษ ณ กรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยี่ยม ระหว่าง 12-15 ธ.ค.65 โดยก่อนเริ่มวาระการประชุม

พล.อ.ประวิตร ได้กล่าวแสดงความห่วงใย ต่อการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งมักเกิดปัญหา สภาฯไม่ครบองค์ประชุม ทำให้ไม่สามารถดำเนินการพิจารณาเรื่องต่างๆได้ จึงขอความร่วมมือพรรคร่วมรัฐบาลที่เข้าร่วมประชุม ผ่านไปยัง สส.ของพรรคทุกท่าน ให้เข้าร่วมประชุมสภาฯ โดยพร้อมเพรียงกัน เพื่อทำหน้าที่ผู้แทนประชาชน อย่างมีเกียรติในการร่วมกันพิจารณา หารือ และผ่าน ก.ม.ที่สำคัญ ซึ่งจะเกิดประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชน และประเทศชาติโดยรวม ต่อไป

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 13 ธันวาคม 2565

เลขาฯ สันติ พปชร. เปิดตัว 12 ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. อีสาน- ใต้ มั่นใจคัดคนดี แก้ปัญหาปากท้องปชช.หนุน”นิพิฎฐ์”นำธงพัฒนาพื้นที่ใต้

,

เลขาฯ สันติ พปชร. เปิดตัว 12 ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. อีสาน- ใต้ มั่นใจคัดคนดี แก้ปัญหาปากท้องปชช.หนุน”นิพิฎฐ์”นำธงพัฒนาพื้นที่ใต้

วันที่ 13 ธ.ค. 65 ที่พรรคพลังประชารัฐ นายสันติ พร้อมพัฒน์ เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร. )นายวิรัช รัตนเศรษฐ รองหัวหน้าพรรค ร่วมกันแถลงข่าวเปิดตัวว่าที่ผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) พื้นที่ภาคอีสานและภาคใต้ โดยมีแกนนำคนสำคัญอย่าง นายนิพิฎฐ์ อินทรสมบัติ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม และ ส.ส.พัทลุง 8 สมัย ร่วมเปิดตัวกับพรรคพลังประชารัฐด้วย

โดยการเปิดตัวว่าที่ผู้สมัครฯ ในครั้งนี้ แบ่งเป็น แบบบัญชีรายชื่อ พื้นที่ภาคใต้ ประกอบด้วย จ.สงขลา ได้แก่ นายณรงค์พร ณ พัทลุง อดีตผู้สมัครนายกเทศมนตรีนครหาดใหญ่ ซึ่งได้ลำดับที่ 2 ในครั้งที่ผ่านมา จ.นครศรีธรรมราช ได้แก่ นางสุภาพ ขุนศรี และนายสุธรรม จริตงาม

พื้นที่ภาคอีสาน ประกอบด้วย จ.นครราชสีมา ได้แก่ ดร.ประพิศ นวมโคกสูง, นางอรทัย พลวิเศษ, นายตติรัฐ รัตนเศรษฐ, ดร.อรัชมน รัตนเศรษฐ, นายวิรัตน์ วาริชอลังการ, นายพจน์ เจริญสันเทียะ ในส่วน จ.ชัยภูมิ ได้แก่ นางสาวจิตราภรณ์ กล้าแท้, นางสาวกาญจนา จังหวะ, นายสนั่น พัชรเตชโสภณ
ด้านนายสันติ กล่าวว่า ในฐานะตัวแทนของสมาชิกพรรคพลังประชารัฐทุกคน ขอขอบคุณท่านนิพิฎฐ์ ที่จะเข้ามาช่วยดูแลชาติบ้านเมือง โดยเฉพาะจังหวัดทำภาคใต้ ที่มีความสำคัญ เพราะถือเป็นด้ามขวานทองของประเทศไทย ที่จะต้องมีตัวแทนของประชาชนชาวใต้ในการดูแลพัฒนาจังหวัดที่มีทรัพยากรต่าง ๆ มากมาย และยังรอที่จะพัฒนาจากนโยบายของพรรคการเมือง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการพัฒนาคุณภาพชีวิต หรือการเพิ่มศักยภาพในการแข่งขัน หรือการลงทุนในอุตสาหกรรมต่างๆ ที่จะไปดูแลพืชผลสินค้าทางการเกษตรเช่นยางพารา ปาล์ม ก็กำลังรอผู้ที่มีความรู้ความสามารถ

“ท่านนิพิฎฐ์เป็นผู้ที่มีความตั้งใจจริง ผมต้องขอขอบคุณท่านเป็นกรณีพิเศษ เพราะท่านห่วงใยพี่น้องชาวใต้ เฉกเช่นเดียวกันกับพรรคพลังประชารัฐ ที่เรามีความตั้งใจที่จะพัฒนาภาคใต้ของเราให้มีความเข้มแข็ง และเพิ่มศักยภาพให้กับเยาวชน และคนรุ่นใหม่ ๆ ที่จะขึ้นมาดูแลจังหวัดต่อไป”

ทั้งนี้ พรรคมั่นใจว่าว่าที่ผู้สมัครฯ ดังกล่าว ล้วนเป็นบุคลากรที่ได้รับการคัดสรรมาเป็นอย่างดี และมีทีมงานที่มีฐานเสียงเข้มแข็ง และกว้างขวางในพื้นที่ภาคใต้ ที่จะเข้ามาร่วมงานกับพรรคพลังประชารัฐ เพื่อเป็นปากเสียงแทนในการเข้าไปเป็นตัวแทนให้กับพี่น้องประชาชนต่อไป

นายนิพิฎฐ์ กล่าวว่า การตัดสินใจร่วมงานกับพรรคพลังประชารัฐ ขอให้อย่าคิดว่า ตนมาในฐานะขุนพล เพราะตนตั้งใจมาทำงานร่วมกันกับสมาชิกพรรคคนอื่น ๆ ไม่ได้มาเป็นผู้นำใดๆ ทั้งสิ้น ในส่วนของพื้นที่ภาคใต้ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ได้รับมอบหมายจากท่านหัวหน้าพรรค ต้องการให้เข้ามาช่วยดูแลภาคใต้ โดยยังมีบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถในพรรคอย่างเช่น นายอภิชัย เตชะอุบล มาช่วยงานด้วย รวมไปถึงนายอนุมัติ อาหมัด อดีตสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) แต่ยังปิดเงื่อนไขทางกฏหมายการเว้นวรรคทางการเมืองจาก ส.ว.อยู่ ก็จะมาให้คำปรึกษาในส่วนที่ไม่ผิดกฎหมายรัฐธรรมนูญ

“ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป สิ่งใดที่ผมสามารถทำได้เพื่อชัยชนะของพรรคพลังประชารัฐ ผมพร้อมที่จะทำอย่างเต็มที่ เพื่อให้พื้นที่ภาคใต้ได้รับชัยชนะในการเลือกตั้งครั้งนี้ ผมขอขอบคุณผู้ใหญ่ และกรรมการบริหารพรรคทุกท่านที่ให้เกียรติผมมาร่วมงานกันในวันนี้”

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 13 ธันวาคม 2565

“พล.อ.ประวิตร” เกาะติด “ปราบปรามค้ามนุษย์” ต่อเนื่อง สั่งเข้มประสานข้อมูลระดับชาติ ดูแลเหยื่อ สร้างความเชื่อมั่นให้ไทย

,

“พล.อ.ประวิตร” เกาะติด “ปราบปรามค้ามนุษย์” ต่อเนื่อง
สั่งเข้มประสานข้อมูลระดับชาติ ดูแลเหยื่อ สร้างความเชื่อมั่นให้ไทย

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ประธานการประชุมคณะกรรมการ ป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ (ปคม.) ครั้งที่ 3/2565 และ คณะกรรมการประสานและกำกับการดำเนินงานป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ (ปกค.) ครั้งที่ 5/2565 ณ ห้องประชุมมูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อ 5 จังหวัด ผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ โดยพล.ท.พัชร์ชศักดิ์ ปฏิรูปานนท์ ผู้ช่วยโฆษก รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่าที่ ประชุม ปคม.ที่ประชุมได้รับทราบ รายงานความก้าวหน้า การจัดตั้งศูนย์คัดแยกผู้เสียหาย (ดอนเมือง) โดย สตช. ซึ่งประกอบด้วย การปรับปรุงอาคารศูนย์ฝึกอบรมฯ และการพัฒนาระบบศูนย์คัดแยกฯ ซึ่ง สหรัฐให้ความสนใจ และพล.อ.ประวิตร ได้กำชับให้เร่งรัดดำเนินการให้แล้วเสร็จโดยเร็ว และรับทราบผลการดำเนินงานของคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนกลไกการส่งต่อระดับชาติ (National Referral Mechanism :NRM) ซึ่ง พล.อ.ประวิตร ย้ำให้ทุกหน่วยงานทำความเข้าใจและดำเนินการให้เป็นไปตาม NRM อย่างเคร่งครัด รวมทั้งรับทราบ FBI ได้สนับสนุนการฝึกอบรมให้เจ้าหน้าที่ของไทย หัวข้อ “การสืบสวนสอบสวนกรณีการค้ามนุษย์” ห้วง 10-21ต.ค.65 ในประเทศไทย เพื่อเสริมสร้างศักยภาพของเจ้าหน้าที่ไทย จำนวน 32 คน

จากนั้นที่ประชุม ได้พิจารณาเห็นชอบ (ร่าง) รายงานผลการดำเนินงานป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ของไทย ประจำปี2565 และกรอบเวลาการจัดทำรายงาน ซึ่งมีผลการดำเนินงานคืบหน้าที่สำคัญ ทั้งด้านการดำเนินคดีและการบังคับใช้กฎหมาย ด้านช่วยเหลือคุ้มครอง และด้านการป้องกัน รวมทั้งได้เห็นชอบแต่งตั้ง พล.ต.อ.ธรรมศักดิ์ วิชารยะ ให้เป็นประธานอนุกรรมการร่วม ว่าด้วยการขับเคลื่อนศูนย์ความเป็นเลิศเพื่อต่อต้านการค้ามนุษย์ระหว่างไทย-ออสเตรเลีย (ฝ่ายไทย) เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพ และบรรลุเป้าหมาย ตามข้อตกลงร่วมกันของทั้ง 2 ฝ่าย

ต่อจากนั้น ได้มีการประชุม ปกค.โดยมีการพิจารณาเห็นชอบ ให้ปรับปรุงองค์ประกอบคณะกรรมการสรรหาคณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญระดับชาติ และคณะกรรมการผู้ชำนาญการระดับภาคหรือระดับหน่วยงาน และการขยายระยะเวลาการดำเนินงานจาก60วัน เป็น90วัน รวมทั้งเห็นชอบให้ปรับปรุงองค์ประกอบคณะอนุกรรมการเฉพาะกิจกำกับและติดตามการดำเนินงานช่วยเหลือและเยียวยาผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ ตามหลักมนุษยธรรม

พล.อ.ประวิตร ได้เน้นย้ำให้ทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการตามมาตรการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ อย่างเข้มข้น ต่อเนื่อง ควบคู่การให้ความช่วยเหลือ เยียวยาผู้เสียหาย เพื่อแก้ปัญหาการค้ามนุษย์ ให้หมดสิ้นไปจากประเทศไทย และให้สหรัฐฯ เห็นถึงความมุ่งมั่น ตั้งใจของไทยต่อการแก้ไขปัญหา อย่างจริงจัง และสร้างภาพลักษณ์ที่ดีต่อชาวโลก รวมถึงการที่ไทยมีความพยายาม ยกระดับขึ้นเป็น เทียร์1 ในปี66 ต่อไปด้วย


ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 9 ธันวาคม 2565