โลกเปลี่ยน ไทยต้องปรับ ทางเลือกใหม่ของการเมืองไทย ก้าวข้ามความขัดแย้ง สานพลังประชาราษฎร์ ร่วมสร้างชาติให้ยั่งยืน

หมวดหมู่: สื่อออนไลน์

พรรคพลังประชารัฐ ประกาศแต่งตั้ง ‘อัคร ทองใจสด’ รองโฆษกพรรค ดึงคนรุ่นใหม่เสริมศักยภาพภารกิจสื่อสารครอบคลุมทุกมิติเพื่อ ปชช.

,

พรรคพลังประชารัฐ ประกาศแต่งตั้ง ‘อัคร ทองใจสด’ รองโฆษกพรรค ดึงคนรุ่นใหม่เสริมศักยภาพภารกิจสื่อสารครอบคลุมทุกมิติเพื่อ ปชช.

(31 ตุลาคม 2567) พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ได้ลงนามในคำสั่งที่ 28/2567 เพื่อแต่งตั้ง นายอัคร ทองใจสด เข้ารับตำแหน่งรองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ โดยมีภารกิจสำคัญ เพื่อสื่อสาร และประชาสัมพันธ์ถึงแนวทางการขับเคลื่อนนโยบาย มุ่งแก้ไขปัญหาปากท้องความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชน รวมถึงการปกป้องผลประโยชน์ของประเทศชาติ ธำรงไว้ซึ่งการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ด้วยเป้าหมายของการเป็น “พรรคอนุรักษ์นิยม ทันสมัย”
 
ทั้งนี้ การแต่งตั้งเป็นไปตามข้อบังคับพรรคพลังประชารัฐ พ.ศ.2561 ข้อ 17 (1) (ช) ซึ่งได้รับการปรับปรุงให้สอดคล้องกับภารกิจที่เปลี่ยนแปลง โดยพรรคเล็งเห็นถึงความสำคัญของการสื่อสารที่ชัดเจน โปร่งใส และเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายในวงกว้าง จึงแต่งตั้งให้นายอัคร ทองใจสด สมาชิกสภาผู้แทนราษฏร พรรคพลังประชารัฐ ซึ่งเป็นคนรุ่นใหม่เป็นรองโฆษกพรรค เพื่อเข้ามาทำหน้าที่เสริมทัพให้กับทีมโฆษกของพรรค พร้อมสานต่อภารกิจด้านประชาสัมพันธ์ให้ครอบคลุมทุกมิติ ทั้งที่สภาผู้แทนราษฎรและที่พรรคพลังประชารัฐ

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 31 ตุลาคม 2567

พปชร.คัดค้าน เจรจาผลประโยชน์ปิโตรเลียมในกรอบ MOU44 ประกาศ จะไม่ยอมเสียแผ่นดินไทยแม้แต่ตารางนิ้วเดียว จี้ “แพทองธาร” ยกเลิกด่วนก่อนเสียดินแดน

พปชร.คัดค้าน เจรจาผลประโยชน์ปิโตรเลียมในกรอบ MOU44 ประกาศ จะไม่ยอมเสียแผ่นดินไทยแม้แต่ตารางนิ้วเดียว จี้ “แพทองธาร” ยกเลิกด่วนก่อนเสียดินแดน

เมื่อวันที่ 30 ต.ค.เวลา 09.00 น.ที่อาคารรัฐสภา พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) นำโดย นายชัยมงคล ไชยรบ สส.สกลนคร เขต 5 พรรคพลังประชารัฐ นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล ประธานด้านวิชาการของพรรคฯ ม.ล.กรกสิวัฒน์ เกษมศรี กรรมการบริหารพรรคฯ พร้อมด้วย สส.ของพรรคฯ ร่วมแถลงข่าวคัดค้านการเจรจาผลประโยชน์ปิโตรเลียมในกรอบ MOU44

โดย นายชัยมงคล กล่าวว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ได้ประกาศในที่ประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคว่า พรรคพลังประชารัฐจะคัดค้าน MOU44 ซึ่งมีความเสี่ยงจะทำให้เสียดินแดน เสี่ยงเสียอธิปไตยของชาติ และเสี่ยงเสียทรัพยากรธรรมชาติอันเป็นของประชาชน และย้ำให้พรรคพลังประชารัฐดำเนินการให้เป็นที่พึ่งแก่ประชาชน โดยเราจะไม่ยอมเสียพื้นที่ไปแม้แต่ตารางนิ้วเดียว และจะร่วมกันลงชื่อเพื่อทำจดหมายเปิดผนึกถึง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ซึ่ง สส.ของพรรคจะไปยื่นจดหมายให้กับนายกรัฐมนตรีที่ทำเนียบรัฐบาลอีกครั้งหนึ่ง

“พรรคพลังประชารัฐขอเรียกร้องให้รัฐบาลเร่งดำเนินการยกเลิก MOU44 และแก้ปัญหาเขตแดนทางทะเล โดยเห็นความสำคัญของข้อตกลงในเรื่องเขตแดนทางทะเล และอำนาจอธิปไตย ยิ่งไปกว่าผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ โดยจะต้องรักษาทรัพยากรของชาติไว้ให้ลูกหลานสืบไป” นายชัยมงคล กล่าว

ด้านนายธีระชัย กล่าวว่า ข้อความในเอกสาร MOU44 ประกอบแผนที่แนบ แสดงว่าสองประเทศได้ยอมรับว่ามีพื้นที่พัฒนาร่วมเพื่อให้ทำการเจรจาแบ่งผลประโยชน์ปิโตรเลียม แต่ขอบพื้นที่ดังกล่าวด้านทิศตะวันตก ใช้เส้นเขตแดนในทะเลที่ประกาศโดยกัมพูชาในปี 2515 โดยมีจุดตั้งต้นในเส้นที่พาดผ่านเกาะกูด ทั้งนี้ ได้ตรวจสอบหลักฐานแล้ว พบว่าขัดกับสนธิสัญญาสยาม-ฝรั่งเศส ค.ศ.1907 ดังนั้น จึงมีความเห็นว่าพื้นที่พัฒนาร่วมตามที่ระบุใน MOU44 ซึ่งขัดกับสนธิสัญญาฯ ย่อมทำให้เอกสาร MOU44 ทั้งฉบับผิดกฎหมาย

“ผมไม่ขัดข้องที่รัฐบาลจะเจรจาหาทางลงทุนร่วมกับกัมพูชา แต่ขัดข้องถ้าหากรัฐบาลจะใช้ MOU44 เป็นกรอบในการเจรจา เพราะนอกจากเห็นว่าผิดกฎหมายแล้ว ยังอาจจะทำให้ไทยเสียดินแดนอีกด้วย” นายธีระชัยกล่าว

นายธีระชัย กล่าวย้ำว่า ถ้าหากกัมพูชายอมรับว่าไทยมีเอกสิทธิ์ในเกาะกูดอย่างสมบูรณ์แต่ผู้เดียวจริง กัมพูชาจะต้องยอมรับไทยลากเส้นห่างจากชายฝั่งของเกาะกูด 200 ไมล์ทะเลตามกติกาสากล ไม่ใช่ลากเส้นพาดผ่านเกาะกูด ซึ่งการที่ใน MOU44 ไทยยอมรับเส้นพาดผ่านเกาะกูดนั้น ย่อมหมายความได้ว่าไทยยอมให้กัมพูชามีสิทธิ์ในเกาะกูดครึ่งหนึ่ง เป็นการทำให้ไทยเสียดินแดนชัดเจน

ด้าน ม.ล.กรกสิวัฒน์ กล่าวว่า ความแตกต่างที่ต้องระวังอย่างยิ่งของพื้นที่ทับซ้อนไทย-กัมพูชา (MOU44)

1. ไทยและมาเลเซีย ทั้งสองฝ่ายปฏิบัติตามกฎหมายสากลแล้ว ยังเกิดพื้นที่พิพาท 7,250 ตร.กม. ใช้เวลา 7 ปี จึงตกลงกันได้ มาเลเซียเห็นว่ามีบ่อน้ำมันกลางพื้นที่ หากแบ่งเส้นกึ่งกลางจะเกิดปัญหาจึงเสนอการพัฒนาปิโตรเลียมร่วมกันในปี 2523

2. ไทยและเวียตนาม ทั้งสองฝ่ายปฏิบัติตามกฎหมายสากลแล้ว มีพื้นที่ทับซ้อนกันกลางอ่าวไทย เนื้อที่ 6,000 ตร.กม. ได้ตกลงเมื่อ 9 ส.ค.2540 กินเวลา 6 ปี เลือกวิธีแบ่งเขตทางทะเล เพราะมุ่งหมายแก้ปัญหาการทำประมงและโจรสลัด ไทยได้เนื้อที่ 67.75% ส่วนเวียดนามได้ 32.25% ผลสําเร็จเกิดขึ้นบนพื้นฐานกฎหมายระหว่างประเทศ

3. ไทยและกัมพูชามีการเจรจาเส้นเขตแดนทางทะเล ปี 2513 โดยไทยยึดมั่นตามอนุสัญญาเจนีวา 1958 ระหว่างเจรจา ฝ่ายกัมพูชาก็ประกาศเส้นเขตแดนในปี 2515 โดยมิได้เป็นไปตามกฎหมายสากล เพื่อรักษาสิทธิฝ่ายไทยจึงมีประกาศพระบรมราชโองการกำหนดเขตไหล่ทวีปของประเทศไทยฝั่งอ่าวไทย ปี 2516 ทำให้เห็นว่า เส้นที่ฝ่ายกัมพูชาประกาศไปนั้น เป็นการล่วงล้ำพระราชอาณาเขต ทำให้การเจรจายุติลง

แต่เพียงสองเดือนของรัฐบาลนายทักษิณ ชินวัตร ในปี 2544 รัฐบาลได้นำเรื่องนี้ขึ้นมาอย่างเร่งรีบ โดยเริ่มเจรจา 21 เม.ย.2544 และตกลงเซ็นต์ MOU44 ในวันที่ 4 มิ.ย.2544 รวมเวลาเจรจา 44 วัน โดยไทยเปลี่ยนท่าทีจากเดิม คือไม่รักษาสิทธิอันพึงมีของไทยตามกฎหมายสากล กลับยอมรับเส้นของกัมพูชาขีดทับอาณาเขตของราชอาณาจักรไทยเป็นครั้งแรก จนเกิดพื้นที่ทับซ้อนที่ใหญ่โตมากถึง 26,000 ตร.กม. ทั้งที่ พื้นที่นี้ เดิมทีไม่มีกฎหมายรับรอง

“รัฐบาลอ้างการการพัฒนาปิโตรเลียมร่วมกันบดบังสาระสำคัญที่ไทยเปลี่ยนสถานะจากผู้ที่เป็นฝ่ายถูกเพราะยึดมั่นในกฎหมายสากล กลายเป็นฝ่ายเสียเปรียบทันที เพราะเปิดโอกาสให้กัมพูชานำพื้นที่ที่ได้มาโดยไม่มีกฎหมายสากลรับรองเข้ามาเจรจาได้ ซึ่งแตกต่างจากกรณีไทย-มาเลเซียอย่างชัดเจน พรรคพลังประชารัฐ จึงเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรียกเลิก MOU44 โดยเร็วที่สุด เนื่องจากแผนที่แนบท้าย MOU44 เขตของกัมพูชา ได้รวมเอาน่านน้ำภายในของจังหวัดตราด เกาะกูด และทะเลอาณาเขตของไทยเข้าไปด้วย ทำให้ไทยตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบและมีโอกาสเสียดินแดน เช่นเดียวกับเขาพระวิหาร คล้ายกับกรณีฝรั่งเศสที่เข้ายึดพื้นที่ของสยามเพื่อเป็นตัวประกันในการเจรจาต่อรอง” ม.ล.กรกสิวัฒน์ กล่าว

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 30 ตุลาคม 2567

“พล.ต.ท.ปิยะ” เผย เลขาฯพรรค ขอขยายเวลาทำงานชุดกรรมการสอบ 20 สส. “ก๊วนธรรมนัส” ฝ่าฝืนข้อบังคับพรรค เพิ่ม 30 วัน

,

“พล.ต.ท.ปิยะ” เผย เลขาฯพรรค ขอขยายเวลาทำงานชุดกรรมการสอบ 20 สส. “ก๊วนธรรมนัส” ฝ่าฝืนข้อบังคับพรรค เพิ่ม 30 วัน

พล.ต.ท.ปิยะ ต๊ะวิชัย โฆษกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) แถลงข่าวภายหลังการประชุมพรรคว่า จากกรณีเมื่อวันที่ 10 ก.ย.ที่ผ่านมา ที่ประชุมพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ได้มีมติให้นายไพบูลย์ นิติตะวัน เป็นประธานคณะกรรมการตรวจสอบ และนายฉกาจ พัฒนกิจวิบูลย์ นายชัยมงคล ไชยรบ เป็นกรรมการ นายสุธรรม จริตงาม เป็นเลขาธิการคณะกรรมการตรวจสอบ กรณีสมาชิก สส.พรรคพลังประชารัฐ จำนวน 20 คน มีการกระทำอันอาจเป็นการฝ่าฝืนข้อบังคับพรรค ข้อ 56 อนุ 1 อนุ 3 และอนุ 4 และข้อ 64 กำหนดกรอบเวลาตรวจสอบภายใน 60 วัน

“วันนี้ นายไพบูลย์ ได้แจ้งต่อที่ประชุมเพื่อขอขยายระยะเวลาทำงานไปอีก 30 วัน และจะนำมารายงานผลต่อคณะกรรมการบริหารพรรคอีกครั้งหนึ่ง” พล.ต.ท.ปิยะ กล่าว

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 29 ตุลาคม 2567

“บิ๊กป้อม” ขยับ ปรับทัพใหม่ เซ็นตั้ง “ชาญกฤช-พล.ต.ท.ปิยะ” คุมสื่อสารทางการเมืองเข้มข้น

,

“พล.อ.ประวิตร” ปรับทัพ เซ็นตั้ง “ชาญกฤช-พล.ต.ท.ปิยะ” ดูแลการสื่อสารทางการเมือง เข้มข้น ทันสมัย หวังเพิ่มกลุ่มเป้าหมาย เข้าถึงรวดเร็ว เป็นไปในทิศทางเดียวกัน

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ได้ลงนามคำสั่งเมื่อวันที่ 18 ตุลาคมที่ผ่านมา มอบหมายให้นายชาญกฤช เดชวิทักษ์ และ พล.ต.ท. ปิยะ ต๊ะวิชัย กรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ ปฏิบัติหน้าที่กำกับดูแลสั่งการฝ่ายสื่อสารทางการเมืองและเทคโนโลยี เพื่อดูแลการสื่อสารภารกิจขององค์กรผ่านสื่อทั่วไปและสื่อสมัยใหม่ โดยเฉพาะสื่อออนไลน์ และสื่อโซเชียล ให้เป็นไปในทิศทางเดียวกัน สร้างความเข้าใจอันดีต่อประชาชนและสังคม เสริมสร้างภาพลักษณ์องค์กรและบุคลากรของพรรคฯ ให้ตรงจุดและเกิดความน่าสนใจมากยิ่งขึ้น ตลอดจนเสริมสร้างและรักษาสัมพันธ์ระหว่างองค์กรกับประชาชนในยุคที่การสื่อสารเปลี่ยนแปลงไป ภายหลังเทคโนโลยีอินเตอร์เน็ตเข้ามามีบทบาททางการเมืองมากขึ้น และมีความสำคัญต่อการเคลื่อนไหวทางการเมือง ประชาชนสามารถเข้าถึงได้ทุกกลุ่ม ทุกพื้นที่ทั่วประเทศ

สำหรับฝ่ายสื่อสารทางการเมืองและเทคโนโลยี มีหน้าที่วิเคราะห์ กำหนดแนวทาง ประเด็นและสนับสนุนเนื้อหาการประชาสัมพันธ์ข้อมูลและภารกิจต่างๆ ภายในพรรคฯ ผ่านสื่อหลัก สื่อโซเชียล และสื่อสมัยใหม่ เพื่อสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้กับบุคลากรและพรรคพลังประชารัฐ ตลอดจนเก็บรวบรวมข้อมูล ข่าวสาร เพื่อประเมินสถานการณ์การเมืองและปรับการสื่อสารให้ตรงกลุ่มเป้าหมายมากยิ่งขึ้น

ที่มา: https://www.tnnthailand.com/news/politics/179165
วันที่: 21 ตุลาคม 2567

“ไพบูลย์” เผย พปชร.มีคำสั่งให้ “สามารถ” พ้นจากการตำแหน่งรองโฆษกพรรคแล้ว พร้อมติดตามความคืบหน้าคดีดิไอคอน ก่อนรายงาน กก.บห.29 ต.ค.นี้

,

“ไพบูลย์” เผย พปชร.มีคำสั่งให้ “สามารถ” พ้นจากการตำแหน่งรองโฆษกพรรคแล้ว พร้อมติดตามความคืบหน้าคดีดิไอคอน ก่อนรายงาน กก.บห.29 ต.ค.นี้

18 ตุลาคม 2567 นายไพบูลย์ นิติตะวัน เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ ได้เปิดเผยว่า ตามที่ปรากฏเป็นข่าวเมื่อวานนี้เจ้าพนักงานสอบสวน บก.ปคบ. นำตัวกลุ่มผู้ต้องหาของดิไอคอน กรุ๊ป จำนวน 17 คน มายื่นขอฝากขังต่อศาลอาญา และส่งตัวไปฝากขังเรือนจำพิเศษกรุงเทพและทัณฑสถานหญิงกลางนั้น และในคดีดิไอคอน กรุ๊ป คาดว่าเจ้าพนักงานสอบสวน บก.ปคบ.จะมีการสอบสวนขยายผลเพิ่มขึ้นอีก ซึ่งอาจจะมีการสอบสวนพาดพิงไปถึงบุคคลในพรรคพลังประชารัฐอย่างใดหรือไม่

ดังนั้นเพื่อความสงบเรียบร้อยในการดำเนินงานของพรรคพลังประชารัฐ ตนในฐานะเลขาธิการพรรคจึงเสนอหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐออกคำสั่งให้นายสามารถ เจนชัยจิตรวนิช พ้นจากการดำรงตำแหน่งรองโฆษกพรรคพลังประชารัฐ ทั้งนี้ให้มีผลตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป

นายไพบูลย์กล่าวต่อว่า ตนจะติดตามความคืบหน้าการสอบสวนดำเนินคดีดิไอคอน กรุ๊ป ของเจ้าพนักงานสอบสวน บก.ปคบ.ว่ามีความคืบหน้าเป็นประการใด เพื่อเสนอรายงานและความเห็นต่อที่ประชุม คณะกรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ ในคราวประชุมวันอังคารที่ 29 ตุลาคม 2567 นี้

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 18ตุลาคม 2567

“พล.ต.ท.ปิยะ” เผย พปชร.ตั้ง “สนธิรัตน์” เป็นหัวหน้าทีมศึกษาข้อมูลยกเลิก MOU 2544 ประกาศ ไม่ยอมให้เสียผืนแผ่นดินไทย

,

“พล.ต.ท.ปิยะ” เผย พปชร.ตั้ง “สนธิรัตน์” เป็นหัวหน้าทีมศึกษาข้อมูลยกเลิก MOU 2544 ประกาศ ไม่ยอมให้เสียผืนแผ่นดินไทย

พล.ต.ท.ปิยะ ต๊ะวิชัย โฆษกพรรคพลังประชารัฐ แถลงข่าวภายหลังการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรค และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร(สส.) พปชร. ที่มีพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เป็นประธานว่า          ที่ประชุมได้มีการพูดคุยถึงความเดือดร้อนของประชาชนในพื้นที่ภาคเหนือและภาคกลางตอนบน ซึ่งสส.และสมาชิกพรรคได้ดำเนินการช่วยเหลือประชาชนที่ประสบอุทกภัยมาอย่างต่อเนื่อง

พล.ต.ท.ปิยะ กล่าวต่อว่า ที่ประชุมยังได้หารือถึงประเด็นการยกเลิก MOU 2544 โดย พรรคพลังประชารัฐ ยืนยันว่า เกาะกูดเป็นพื้นที่และอาณาเขตของประเทศไทย โดยในสมัยรัชกาลที่ 5 ท่านทรงมีพระราชดำรัสว่า เกาะกูดแห่งนี้เป็นพื้นที่ของแผ่นดินไทย พรรคพลังประชารัฐจะทำทุกวิถีทาง เพื่อรักษาไว้ซึ่งอาณาเขตอาณาจักรของประเทศไทย โดยเฉพาะเกาะกูดจะต้องเป็นของคนไทยทุกคนจะไม่มีการแบ่งเกาะกูดไปให้กับประเทศอื่นประเทศใด เพื่อประโยชน์ของกลุ่มบุคคลใดหรือครอบครัวหนึ่ง ครอบครัวใดเป็นอันขาด

“พล.อ.ประวิตร ได้มอบหมายให้นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เป็นหัวหน้าทีมในการศึกษาข้อมูลการยกเลิก MOU 2544 เชิงลึก เพื่อทำทุกวิถีทางในรักษาไว้ซึ่งพื้นแผ่นดินไทย โดยเราจะไม่ยอมเสียผืนแผ่นดินไทยเป็นอันขาด”

นอกจากนี้ ศูนย์วิชาการและนโยบายของพรรคประชารัฐมีเรื่องที่ต้องดำเนินการศึกษาอย่างต่อเนื่องไม่ว่าจะเป็นเรื่องขบวนการกรณีศึกษารถแก๊สที่ก่อเหตุและทำให้ต้องสูญเสียครูและนักเรียนจากจังหวัดอุทัยธานีหลายคนโทษว่า เป็นความผิดอยู่ที่ทัศนศึกษา แต่ทางพรรคมองถึงต้นเหตุที่แท้จริงในขบวนการใช้กฎหมายที่เกี่ยวกับแก๊สเอ็นจีวี ซึ่งเรื่องนี้ทางทีมงานศูนย์วิชาการนโยบายพรรคพลังประชารัฐได้ดำเนินการศึกษาเพื่อขอเสนอแก้ไขแนวทางและมาตรการการใช้แก๊ส NGV มีความปลอดภัยมากขึ้นกว่าเดิม และลดการสูญเสียที่เกิดขึ้น ปัญหาเหล่านี้จะต้องหมดไปจากประเทศไทย

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 18ตุลาคม 2567

โฆษกพปชร.ยืนยัน พร้อมเอาผิดทางวินัยและอาญาหากมีข้อมูล หรือพยานหลักฐานเชื่อมโยงคนในพรรค  ไม่ปกป้องคนผิดอย่างแน่นอน

,

โฆษกพปชร.ยืนยัน พร้อมเอาผิดทางวินัยและอาญาหากมีข้อมูล หรือพยานหลักฐานเชื่อมโยงคนในพรรค  ไม่ปกป้องคนผิดอย่างแน่นอน

เวลา 14.00 น. วันที่ 15 ตุลาคม 2567 – พล.ต.ท.ปิยะ ต๊ะวิชัย โฆษกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีการปล่อยคลิปเสียง ถึงการเรียกร้องผลประโยชน์โดยอาศัยกลไกทางรัฐสภา เพื่อช่วยเหลือธุรกิจของกลุ่มดิไอคอน ซึ่งกำลังเป็นที่สนใจของประชาชนและภาคสังคม และมีการเชื่อมโยงเป็นบุคคลในพรรคว่า จากการนำประเด็นดังกล่าวเข้าหารือในคณะกรรมการบริหารและสมาชิก ในเรื่องดังกล่าว พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ  หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ  ยืนยันมาตรฐานทางจริยธรรมของพรรค   พร้อมเอาผิดทางวินัยและอาญาหากมีข้อมูล หรือพยานหลักฐานเชื่อมโยงคนในพรรค  ไม่ปกป้องคนผิดอย่างแน่นอน  แต่ในขณะนี้   แม้ว่าบอสพอล” นายวรัตน์พล วรัทย์วรกุล ผู้ก่อตั้งและซีอีโอ The iCon Group จะออกมายอมรับว่าเป็นเสียงของตัวเองจริง  แต่ไม่มีการยืนยันผู้ที่สนทนาด้วยเป็นใคร จึงยังไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าเป็นเสียงของผู้หนึ่งผู้ใด ดังนั้น การที่จะกล่าวหาผู้หนึ่งผู้ใดนั้น หรือใครเป็นผู้กระทำผิดต้องรอการพิสูจน์  และมีพยานหลักฐานที่ชัดเจน

อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ได้มีผู้ยื่นให้ นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา  ประธานสภาผู้แทนราษฎร ได้รับเรื่องนี้ไว้พิจารณาแล้ว  เพื่อหาความจริงให้ปรากฎ  หากปรากฎหลักฐานที่ชัดเจนว่า เป็นผู้หนึ่งผู้ใดที่อยู่ในพรรคพลังประชารัฐ  หรือตำแหน่งใดก็ตาม ทางพรรคโดยพล.อ ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค  ยืนยันชัดเจนว่าจะไม่เอาไว้ จะต้องมีการดำเนินการในทุกมิติ  ไม่ว่าจะเป็นทางวินัยของพรรค และ คดีอาญา

พล.ต.ท.ปิยะฯ กล่าวว่า “ นอกจากนี้ สำนักตำรวจแห่งชาติ โดยขณะนี้ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.)ได้มีการตั้งคณะทำงาน  เพื่อดำเนินคดีกับกลุ่ม The Icon แล้ว  ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะทำการสืบสวนสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐานเพื่อพิสูจน์ความผิดอย่างแน่นอน  หากผลการสอบสวนปรากฏ ว่าผู้หนึ่งผู้ใดของพรรคเข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องหรือไม่  หรือมีส่วนกระทำความผิด เราก็จะดำเนินการตามมาตรการของพรรคเช่นเดียวกัน

ตอบข้อซักถามผู้สื่อข่าว กรณีนี้แตกต่างกับกรณีของพรรคเพื่อไทยขับ พล.อ.พิศาลฯ หรือไม่  พล.ต.ท.ปิยะฯ กล่าวว่า กรณีพล.อ. พิศาลฯ ลาออก ไม่ใช่ พรรคขับออก และกรณีนั้นศาลได้ออกหมายจับให้นำตัวมาดำเนินคดี  แตกต่างจากกรณีคลิปเสียง ยังไม่รู้เลยว่าเป็นเสียงของใคร ยังไม่มีมีการร้องทุกข์กล่าวโทษหรือดำเนินคดีกับใครเลย  มันไม่เหมือนกัน  และที่สำคัญที่พรรคพลังประชารัฐ ได้มีการเรียกร้องให้ท่านนายกรัฐมนตรีดำเนินการตามหน้าที่ ใน 3 ฐานะ คือ 1. หัวหน้ารัฐบาล 2. หัวหน้าพรรคเพื่อไทย 3. หัวหน้าส่วนราชการ ที่ดูแลงานการต่างประเทศ งานยุติธรรม และ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ  กรณีดังกล่าว ศาลได้ออกหมายจับ มาตั้งแต่วันที่ 3 ตุลาคม 2567 นายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าส่วนราชการที่ดูแลกระทรวงการต่างประเทศได้มีการดำเนินการมาตรการทางการต่างประเทศเพื่อให้ได้มาซึ่งตัวผู้มีหมายจับมาดำเนินคดีตามกฎหมายหรือไม่  ไม่ว่าจะเป็นการส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดน  เพิกถอนหนังสือเดินทาง หรือการดำเนินการอื่นๆเพื่อ ตัวมาดำเนินคดีตามกฎหมายในอายุความ ได้มีสั่งการให้สำนักงานแห่งชาติประสานตำรวจสากลออกหมายแดงเพื่อให้ได้ตัว สส. บัญชีรายชื่อ ของพรรคเพื่อไทยมาตามกฎหมาย  ซึ่งในกรณีนี้ญาติผู้สูญเสียชีวิตครางแครงใจว่ามีการพยายามปล่อยให้ขาดอายุความหรือไม่

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 18ตุลาคม 2567

 “พล.ต.ท.ปิยะ”แถลงหลังประชุม พปชร.ตั้งศูนย์ประสานข้อมูลเขตเลือกตั้ง 77 จังหวัด พร้อมตั้งโรงครัวช่วยชาวเชียงใหม่ประสบภัยน้ำท่วม มอบว่าที่ สส.เชียงใหม่ ดูแลชาวบ้าน

,

 “พล.ต.ท.ปิยะ”แถลงหลังประชุม พปชร.ตั้งศูนย์ประสานข้อมูลเขตเลือกตั้ง 77 จังหวัด พร้อมตั้งโรงครัวช่วยชาวเชียงใหม่ประสบภัยน้ำท่วม มอบว่าที่ สส.เชียงใหม่ ดูแลชาวบ้าน

เมื่อเวลา 15.00 น. วันที่ 8 ต.ค.ที่พรรคพลังประขารัฐ พล.ต.ท.ปิยะ ต๊ะวิชัย โฆษกพรรคพลังประชารัฐ แถลงข่าวภายหลังการประชุมกรรมการบริหารพรรค ที่มีกรรมการบริหารและแกนนำ ที่มีพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เป็นประธานการประชุม ว่า พล.อ.ประวิตร มีความห่วงใยประชาชนในพื้นที่ 18 จังหวัดที่ประสบภัยน้ำท่วม และท่านไม่เคยทอดทิ้งพี่น้องประชาชนยามเดือดร้อน จึงได้มอบหมายให้ ว่าที่ผู้สมัคร สส.จ.เชียงใหม่ ประกอบด้วย นายพจนารถ ศรียารัณย์ ผู้เขต 1 อ.เมืองเชียงใหม่,นางศรีพรรณ เขียวทอง เขต 2 อ.สารกี 3.นายพรชัย อรรถปรียางกูร เขต 3 อ.ดอยสะเก็ด 4.นายนรพล ตันติมนตรี เขต 10 ทำหน้าที่ประสานงานในพื้นที่และออกให้การช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมอย่างต่อเนื่อง

“พรรคพลังประชารัฐจะไม่ทอดทิ้งพี่น้องประชาชนในยามลำบาก และได้ก่อตั้งศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบภัย เพื่อเป็นศูนย์กลางในการประสานงานกับหน่วยงานราชการเพื่อขอรับการชดเชยและช่วยเหลือตามกฎหมาย และยังได้ตั้งโรงครัว เพื่อดูแลเรื่องอาหารน้ำดื่มของประชาชนเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้น”

ที่ประชุมกรรมการบริหารพรรคได้เห็นชอบ เสนอให้จัดตั้งศูนย์ประสานข้อมูลเขตเลือกตั้ง 77 จังหวัด โดยมีนายภัครธรณ์ เทียนไชย รองเลขาธิการพรรค พปชร.เป็นผู้อำนวยการศูนย์ฯ โดยมีจุดประสงค์ของการตั้งศูนย์ฯ เพื่อสนับสนุนการทำงานของ ส.ส. และกรรมการบริหารพรรค สมาชิกพรรค โดยจะหาวิธีการทำให้พรรคมีผู้สนับสนุนมากขึ้น และจะทำการจัดเก็บข้อมูลเขตเลือกตั้ง ทั้ง 77 จังหวัด เพื่อนำมาวิเคราะห์และเสนอกรรมการบริหารพรรค นำไปพัฒนาข้อมูล ตอบสนองต่อความต้องการของประชาชนและสนับสนุนการทำงานของพรรคต่อไป
นอกจากนี้ พล.ต.ท.ปิยะฯ โฆษกพรรคพลังประชารัฐ  กล่าวถึงการติดตามตัว พล.อ. พิศาลฯ ผู้ต้องหาตามหมายจับของศาลซึ่งเป็น สส. แบบบัญชีรายชื่อของพรรคเพื่อไทยลำดับที่ 27 นายกรัฐมนตรีเป็น1. หัวหน้าทุกภาคส่วนของรัฐบาล  2. หัวหน้าพรรคเพื่อไทย 3. หัวหน้าส่วนราชการ โดยเฉพาะกระทรวงยุติธรรมและกระทรวงการต่างประเทศ  กรณีที่ สส. พรรคเพื่อไทยถูกหมายจับและหลบหนีออกนอกประเทศ นายกรัฐมนตรีจะต้องมีมาตรการเพื่อให้ได้ถึงตัว สส. ที่ถูกจับนั้นมาเพื่อเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมและพิสูจน์ความผิด  หากปล่อยให้คดีขาดอายุความ  ผู้กระทำผิดก็ยังถือว่าเป็นผู้ที่กระทำผิดกฏหมาย แต่คดีขาดอายุความ ไม่สามารถนำมาฟ้องร้องดำเนินคดีได้ตาม ป.วิ อาญา มาตรา 39 (6) เท่านั้น  แต่การกระทำผิดตามกฏหมายยังคงอยู่  นายกรัฐมนตรีต้องใช้มาตรการผ่านทางกระทรวงการต่างประเทศเพื่อให้ได้มาถึงตัวผู้ที่ถูก หมายจับ เพื่อเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ก่อนคดีจะขาดอายุความ

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 8 ตุลาคม 2567

ทีม ศก. พรรคพลังประชารัฐ ‘’ดร. ม.ล.กรกสิวัฒน์-ดร.บุณณดา“  วิพากษ์รัฐบาล เรื่อง  การป้องกันอุบัติเหตุรถทัวร์ติดก๊าซ

,

ทีม ศก. พรรคพลังประชารัฐ ‘’ดร. ม.ล.กรกสิวัฒน์-ดร.บุณณดา“  วิพากษ์รัฐบาล เรื่อง  การป้องกันอุบัติเหตุรถทัวร์ติดก๊าซ

วันที่  8 ตุลาคม 2567  ทีมเศรษฐกิจพรรคพลังประชารัฐ ประกอบด้วย  ดร.ม.ล.กรกสิวัฒน์ เกษมศรี กรรมการบริหารพรรคฯ ,ดร.บุณณดา สุปิยพันธุ์ อดีตโฆษกกระทรวงทรัพยากรฯ , นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล ประธานร่วมศูนย์นโบบายและวิชาการและอดีต รมว.กระทรวงการคลัง และ พล.ต.ท.ปิยะ  ต๊ะวิชัย โฆษกพรรคพลังประชารัฐ  ร่วมกันแถลงข่าวตรวจสอบการทำงานของรัฐบาลนายกฯ แพทองธาร  วิจารณ์ปัญหารถทัวร์ติดก๊าซ

ดร.มล.กรกสิวัฒน์ ตั้งคำถามว่า  ทำไมยานยนต์ติดก๊าซ NGV ไทยจึงเกิดโศกนาฏกรรมอย่างต่อเนื่อง ทั้งที่ถ้าเป็นตามมาตรฐานยุโรปจะไม่เกิดเหตุการณ์ร้ายแรงเช่นนี้

“การใช้ก๊าซ NGV ทำให้ประหยัด  จึงต้องยอมรับว่า  รถทัวร์และรถบรรทุกนิยมใช้  แต่เป็นที่น่าสังเกตว่า  ทุกครั้งที่เกิดอุบัติเหตุ  จะพุ่งเป้าไปที่คนขับรถ  ทั้งที่ดูแล้วน่าจะเป็นปลายเหตุเสียมากกว่า  และเนื่องจากครั้งนี้ทำให้สูญเสียเด็กเล็กไปจำนวนมาก  รวมทั้งคุณครูผู้กล้าหาญ  พรรคพลังประชารัฐจึงต้องการเจาะลึกเรื่องนี้”  ดร.ม.ล.กรกสิวัฒน์ กล่าว

ดร.มล.กรกสิวัฒน์ แจ้งว่า  ปัญหาเกิดจากภาครัฐ  ตั้งแต่ปี 2547  ที่ภาครัฐต้องการโปรโมตการขาย NGV  จึงออกกฎเกณฑ์ที่หย่อนยานและบิดเบือนเรื่องอันตราย  ดังนี้
1) มีการรณรงค์โดยหน่วยงานของรัฐด้านพลังงานว่า  ก๊าซ NGV ไม่ติดไฟง่ายปลอดภัยมากกว่าน้ำมัน  ทั้งที่เมื่อเกิดอุบัติเหตุมีประกายไฟ  ก๊าซที่รั่วไหลมีแรงดันสูงจะเกิดไฟไหม้รุนแรง
2) มีการรณรงค์ว่าก๊าซ NGV เมื่อรั่วไหลจะกระจายตัวลอยขึ้นสู่อากาศไม่เป็นอันตราย เพราะไม่สะสมจนเกิดเพลิงไหม้ และปล่อยปละละเลยให้ติดตั้งถังก๊าซภายในห้องผู้โดยสาร ห้องเก็บสัมภาระโดยปราศจากเรือนกักก๊าซ (gas tight housing) เมื่อเกิดเหตุก๊าซรั่วทำให้เกิดอันตรายถึงชีวิตกับผู้โดยสาร
3) รัฐเน้นส่งเสริม NGV โดยอนุญาตให้ผู้ติดตั้งเลือกมาตรฐานความปลอดภัยต่ำ หรือ สูงก็ได้ เช่น เรื่องการไม่บังคับให้ต้องใช้วาร์วไฟฟ้าติดหัวถังเพื่อตัดก๊าซรั่ว  ซึ่งเป็นมาตรฐานความปลอดภัยที่จำเป็นที่จะรักษาชีวิตคนได้จำนวนมาก

“รัฐไม่ควรโยนความผิดให้เอกชนเพียงฝ่ายเดียว  เพราะต้นเหตุเกิดจากรัฐบาลตั้งแต่ปี 2547 ที่เน้นผลักดันให้ประชาชนหันมาใช้ก๊าซ NGV  จนย่อหย่อนมาตรฐานความปลอดภัยลง” ดร.มล.กร กล่าว

ดร.มล.กรกสิวัฒน์ กล่าวว่า ถึงเวลาต้องปฏิรูปมาตรฐานความปลอดภัยให้ครบวงจร  ทั้งตำแหน่งติดตั้งถังที่ควรติดบนหลังคา หรือ ท้ายรถนอกห้องโดยสาร  ต้องติดตั้งอุปกรณ์วาร์วไฟฟ้าเพื่อตัดการจ่ายก๊าซหากก๊าซรั่ว  และกระบวนการตรวจสอบประจำปีจะต้องแก้ไขเป็นการเร่งด่วนที่สุด

ดร.บุณณดา สุปิยพันธุ์ อดีตโฆษกกระทรวงทรัพยากรฯ กล่าวไม่เห็นด้วยที่ผู้มีอำนาจจะประกาศยกเลิกทัศนศึกษา  เพราะจะเป็นการปิดกั้นการเรียนรู้โลกนอกห้องเรียน  และเป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ  จึงขอเสนอแนะให้ปรับปรุงระเบียบ  ดังนี้
1. กำหนดระดับชั้นและระยะทางให้เหมาะสมในแต่ละช่วงวัย
2. กำหนดสัดส่วนจำนวนครูผู้ดูแลที่เหมาะสม
3. ก่อนการเดินทาง  ต้องซักซ้อมแผนฉุกเฉิน  ทดสอบประตูฉุกเฉิน
4. กำหนดมาตรฐานยานพาหนะให้สูง  และมีหลักฐานการตรวจสอบจากแหล่งที่น่าเชื่อถือ
“เด็กเป็นทรัพยากรที่มีค่าที่สุดของประเทศ  เราทุกคนมีหน้าที่ต้องหวงแหนและช่วยป้องกัน”  ดร.บุณณดา กล่าว

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 8 ตุลาคม 2567

 “เลขาฯไพบูลย์” ยืนยัน 10 ต.ค. 7 โมงเช้าเป็นต้นไป มีเหตุที่จะนำไปสู่จุดจบพรรคแกนนำรัฐบาลล่มสลาย ชี้ เป็นเรื่องใหญ่แน่นอน

,

 “เลขาฯไพบูลย์” ยืนยัน 10 ต.ค. 7 โมงเช้าเป็นต้นไป มีเหตุที่จะนำไปสู่จุดจบพรรคแกนนำรัฐบาลล่มสลาย ชี้ เป็นเรื่องใหญ่แน่นอน

เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 8 ต.ค. ที่พรรคพลังประชารัฐ นายไพบูลย์ นิติตะวัน เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ แถลงข่าวว่า จากที่ตนได้ให้ข้อมูลในวันที่ 10 ต.ค. 2567 นี้จะเป็นจุดเริ่มต้นของปัญหาใหญ่มากของพรรคแกนนำรัฐบาล ซึ่งอาจจะถึงบทจบของพรรคนี้

“วันนี้ได้รับการยืนยันล่าสุดแล้วว่าจะเป็นวันที่ 10 ต.ค.แน่นอน ซึ่งวันนี้ 8 ต.ค.เหลือเวลาไม่ถึง 48 ชม.แล้ว ที่พรรคแกนนำรัฐบาลพรรคหนึ่งอาจจะล่มสลายได้ โดยในวันที่ 10 ต.ค.สื่อมวลชนจะได้ทราบเวลา 07.00 น.เป็นต้นไป ให้ทราบ ว่าเรื่องอะไร ที่ไหน เวลาเท่าไหร่ผมยืนยันว่า เป็นเรื่องใหญ่และอาจจะพัฒนาไปสู่บทจบของพรรคแกนนำรัฐบาล“

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 8 ตุลาคม 2567

แถลงข่าวพรรคพลังประชารัฐ ทีม ศก. พรรคพลังประชารัฐ ‘’มล.กรกสิวัฒน์-ธีระชัย“ วิพากษ์ผลงานของรัฐบาล กระทุ้งให้เงินบาทแข็งลดราคานํ้ามัน และระวังการเขมือบบริหารกองทุนวายุภักษ์

,

แถลงข่าวพรรคพลังประชารัฐ
ทีม ศก. พรรคพลังประชารัฐ ‘’มล.กรกสิวัฒน์-ธีระชัย“ วิพากษ์ผลงานของรัฐบาล กระทุ้งให้เงินบาทแข็งลดราคานํ้ามัน และระวังการเขมือบบริหารกองทุนวายุภักษ์

วันที่ 1 ตุลาคม 2567 ทีมเศรษฐกิจพรรคพลังประชารัฐ ประกอบด้วย มล.กรกสิวัฒน์ เกษมศรี กรรมการบริหารพรรคฯ นาย ธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และ พล.ต.ท.ปิยะ ต๊ะวิชัย โฆษกพรรคพลังประชารัฐ ร่วมกันแถลงข่าวตรวจสอบการทำงานของรัฐบาลนายกฯ แพทองธาร โดยมุ่งตรงไปยัง เรื่องเงินบาทกระทบราคานํ้ามัน และกองทุนวายุภักษ์

ดร.ม.ล.กรกสิวัฒน์ เกษมศรี กรรมการบริหารพรรค กล่าวว่า เรื่องเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมาเป็นสิ่งที่น่าเห็นใจต่อผู้ส่งออก เพราะแม้ว่าขายสินค้าเป็นเงินดอลล่าร์เท่าเดิมก็จริง แต่เมื่อแปลงเป็นบาทก็จะได้จำนวนน้อยลงกว่าเดิมถึง 10%

แต่เงินบาทอยู่ในตลาดเสรี การจะกำหนดให้ค่าเงินบาทแข็งหรืออ่อนคงที่ เป็นสิ่งที่ทำได้ยาก เนื่องจากเงินบาทก็มันเหมือนสินค้าทั่วไปเมื่อมีคนต้องการมาก ราคาก็แพง หรือ เรียกว่า “บาทแข็ง” ตอนนี้ใช้เงินเพียง 33 บาท แลกเงินดอลล่าร์ได้ 1 เหรียญ ขณะที่ 3 เดือนก่อนต้องใช้เงินถึง 36 บาท จึงแลกเงินดอลล่าร์ได้ 1 เหรียญ

เงินบาทแข็งมีข้อเสีย ที่รู้กันดี คือ ส่งออกแล้วได้เงินบาทน้อยลง แต่การนำเข้าก็จ่ายเงินบาทน้อยลงเช่นกัน ข้อดีของบาทแข็ง คือ การนำเข้าสินค้าจำเป็นทั้ง นํ้ามันดิบ เพื่อกลั่นเป็นนํ้ามันเบนซินและดีเซล การนำเข้าก๊าซแอลเอ็นจี เพื่อผลิตไฟฟ้าก็ต้องถูกลง ดังนั้น เมื่อบาทแข็งค่าครองชีพควรถูกลง เพราะต้นทุนการผลิตสินค้าและการขนส่งถูกลง

แต่ภายใต้การบริหารงานของนายกรัฐมนตรีแพทองธาร ชินวัตร ราคานํ้ามันกลับมีราคาแพงขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญ ซึ่งจะส่งผลให้ต้นทุนการผลิตและการขนส่งยังคงสูง เงินเฟ้อจึงปรับตัวลงได้ยาก

เปรียบเทียบราคานํ้ามันในวันที่ 17 ธ.ค. 2564 ในช่วงที่เงินบาทและราคานํ้ามันดิบอยู่ในระดับเดียวกันกับปัจจุบัน (24 ก.ย. 2567) พบว่า ภายใต้การจัดการของนายกรัฐมนตรีแพทองธาร ในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช) ราคานํ้ามันกลับแพงขึ้น 4.5-5.5 บาท (ดูตารางแนบ) ทั้งนํ้ามันเบนซิน แก๊ซโซฮอลและนํ้ามันดีเซล เพราะมีการเรียกเก็บเงินกองทุนสูงขึ้น เก็บค่าการตลาดสูงขึ้น เก็บภาษีมูลค่าเพิ่มสูงขึ้น

ดังนั้น ท่านนายกฯ ต้องตระหนักว่า ท่านต้องปฏิบัติหน้าที่ในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช) ซึ่งมีอำนาจในการกำหนดนโยบายยิ่งกว่ารัฐมนตรีพลังงาน จึงต้องจัดการปัญหาราคาพลังงานอย่างจริงจังและเร่งด่วน ก่อนที่ประชาชนจะตำหนิท่านว่า บริหารประเทศแบบ ปากว่าตาขยิบ

เพราะท่านเคยหาเสียงไว้ว่า ถ้าท่านเป็นรัฐบาลจะลดราคาพลังงานทันที แต่วันนี้ท่านเป็นนายกฯ แล้วกลับปล่อยปละละเลยให้ราคานํ้ามันสูงไม่สะท้อนค่าเงินบาทแข็ง ส่วนค่าไฟฟ้าก็ไม่มีแนวโน้มว่าจะลดลง ทั้งที่การนำเข้าก๊าซแอลเอ็นจีมีราคาตํ่าลง และข่าวร้ายก็คือ ค่าไฟฟ้าอาจจะปรับขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้อีกด้วย

ดังนั้น หากท่านแพทองธารเป็นนายกฯ ที่ดี ต้องไม่นิ่งเฉย เพราะการไม่แก้ไขปัญหาจะเหมือนการทำร้ายประเทศชาติ ประชาชน และผู้ประกอบการ

**********

นายธีระชัยเปิดเผย มีข่าวว่าอาจมี “กลุ่มทุนยักษ์ไทยดูไบ” สนใจเรื่องคาสิโน และเรื่องกองทุนวายุภักษ์

กรณีคาสิโน:- นายธีระชัยนำข่าวจากสื่อมวลชนมาถ่ายทอด เกี่ยวกับบริษัท VGI ซึ่งราคาหุ้นพุ่งขึ้นหวือหวา โดยนสพ.’ข่าวหุ้น’ ระบุสาเหตุเนื่องจาก มีข่าวว่าเป็นรายหนึ่งที่จะยื่นขอใบอนุญาตคาสิโน

สื่อรายงานว่า บริษัท VGI เดิมมีนายคีรี กาญจนพาสน์ถือหุ้นอยู่ 60% บัดนี้ยอมลดลงเหลือ 30% เพราะขายหุ้น 45% ให้แก่นักลงทุนใหม่ 4 ราย รายหนึ่งชื่อกองทุน Opus Chartered Issuance ซึ่งนสพ.’ข่าวหุ้น’ เรียกเป็น “กลุ่มทุนยักษ์ไทยดูไบ”

ทั้งนี้ ข้อมูลจากกูเกิ้ลพบว่า Opus Chartered Issuance เป็นบริษัทโบรกเกอร์จดทะเบียนจัดตั้งในประเทศลักเซมเบิร์กในยุโรป ให้บริการเป็นหน้าฉากเพื่อปิดบังชื่อของผู้ถือหุ้นแท้จริง มีที่อยู่ติดต่อได้ในเมือง Umm Al Quwain ซึ่งอยู่ในสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ใกล้กับดูไบ ประชาชนจึงควรติดตามว่า โครงสร้างการถือหุ้นแบบนี้ ตั้งสมญานามเป็นไอ้โม่งดูไบ ได้หรือไม่? และเข้ามาลงทุนเพื่อวัตถุประสงค์ใด?

สื่อรายงานอีกว่า ส่วนนักลงทุนใหม่ในบริษัท VGI อีก 2 รายคือ CAI Optimum Fund VCC และ ASEAN Bounty นั้น นสพ. ‘ข่าวหุ้น’ พบว่ามีความเชื่อมโยงไปที่ บล.ฟินันซ่า ซึ่งเป็นที่ปรึกษาให้แก่กองทุนวายุภักษ์ด้วย
กรณีกองทุนวายุภักษ์:- นายธีระชัยนำข่าวจากสื่อมวลชนมาถ่ายทอด เหตุการณ์เมื่อวันที่ 24 ก.ย. 2567 กองทุน Opus เข้ามาซื้อหุ้นใน บลจ. MFC 24.96% ซึ่งทำให้เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่สุด (ธนาคารออมสิน 24.94% และกระทรวงการคลัง 15.92%) ทั้งนี้ เนื่องจาก บลจ. MFC เป็นหนึ่งในสองผู้บริหารกองทุนวายุภักษ์ ประชาชนจึงควรติดตามว่า อาจมีไอ้โม่งเบื้องหลัง ที่ต้องการควบคุมการบริหารกองทุน ใช่หรือไม่?

นายธีระชัยอธิบายว่ากองทุนวายุภักษ์เป็นเป้าหมายที่ล่อใจ เพราะเงินที่เพิ่งระดมจากเอกชน 1.5 แสนล้านบาทนั้น กระทรวงการคลังได้ขยายขอบเขตให้ลงทุนได้แบบซูเปอร์เสี่ยง ได้ทั้งในและนอกประเทศไทย ทั้งหุ้นและตราสารหนี้ ทั้งในและนอกตลาดหลักทรัพย์

“ผมตั้งคำถาม ทำไมรัฐมนตรีคลังอนุมัติให้เสนอขายกองทุนวายุภักษ์อย่างไม่โปร่งใส ผิดวิสัยกองทุนขายประชาชนทั่วไป เพราะไม่ระบุเป้าหมายประเภทธุรกิจที่จะลงทุน แบบนี้ผู้จองซื้อจะไม่สามารถวิเคราะห์อนาคตได้เลย เพียงแค่จูงใจด้วยการประกันผลตอบแทนขั้นตํ่า และคุ้มครองเงินต้น ..

ผมจึงขอเตือนรัฐมนตรีคลัง ท่านมีหน้าที่ต้องป้องกันมิให้โครงการซึ่งเป็นของรัฐบาลไทย ตกไปเป็นเครื่องมือในการสมคบกันหาประโยชน์ส่วนตนให้แก่กลุ่มพรรคพวก” นายธีระชัยยํ้า

พร้อมทั้งเปิดเผยด้วยว่า ตนเองได้ร้องเรียนขอให้ ป.ป.ช. ตรวจสอบว่า อาจมีการปฏิบัติไม่สอดคล้องกฎหมายอาญา มาตรา 147, มาตรา 152, มาตรา 157 และมาตรา 358 หรือไม่ เพราะการเอาเงินแผ่นดิน 3.5 แสนล้านบาทไปประกันผลตอบแทนและคุ้มครองเงินต้นให้แก่ผู้ลงทุนเอกชนนั้น อาจเป็นการมิชอบ

นายธีระชัยเชิญชวน ผู้ใดที่สนใจจะปกป้องผลประโยชน์ของชาติ และต้องการเจาะลึกในประเด็นเทคนิค ก็ติดต่อมาขอคำอธิบายได้

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 1 ตุลาคม 2567

“พล.อ.ประวิตร”แสดงความเสียใจต่อครอบครัวผู้สูญเสียในเหตุไฟไหม้รถบัสของครู นักเรียน จ.อุทัย ชี้ เยาวชนถือเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาชาติ ต้องดูแลคุณภาพชีวิตให้ดี

,

“พล.อ.ประวิตร”แสดงความเสียใจต่อครอบครัวผู้สูญเสียในเหตุไฟไหม้รถบัสของครู นักเรียน จ.อุทัย ชี้ เยาวชนถือเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาชาติ ต้องดูแลคุณภาพชีวิตให้ดี

เมื่อวันที่ 1 ตุลาคม 2567 เวลา 16.00  น.พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวว่า ในนามของพรรคพลังประชารัฐ ตนและสมาชิกพรรคทุกคน ขอแสดงความเสียใจกับครอบครัวของผู้ที่ได้รับบาดเจ็บและผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์ไฟไหม้รถบัสทัศนศึกษาของนักเรียนโรงเรียนวัดเขาพระยาสังฆาราม อ.ลานสัก จ.อุทัยธานี บริเวณถนนวิภาวดีรังสิต หน้าอนุสรณ์สถาน จ.ปทุมธานี

“เหตุการณ์ดังกล่าวไม่ควรที่จะเกิดขึ้น เพราะทำให้เยาวชนและบุคลากรครูสูญเสียจำนวนมาก และยังมีผู้ที่ได้รับบาดเจ็บในโรงพยาบาลอีกส่วนหนึ่งด้วย โดยพรรคพลังประชารัฐขอเป็นกำลังใจกับผู้ประสบเหตุทุกคน และเราจะผลักดันให้เกิดมาตรการการป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ร้ายแรงเช่นนี้อีก เพราะเยาวชนถือเป็นหัวใจสำคัญและเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาชาติ จึงต้องดูแลเรื่องคุณภาพชีวิตของพวกเขาด้วย”

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 1 ตุลาคม 2567