โลกเปลี่ยน ไทยต้องปรับ ทางเลือกใหม่ของการเมืองไทย ก้าวข้ามความขัดแย้ง สานพลังประชาราษฎร์ ร่วมสร้างชาติให้ยั่งยืน

หมวดหมู่: ข่าวกิจกรรม

“รมว. ตรีนุช”ออกประกาศ.ศธ สกัดนำกัญชา-กัญชงเข้าพท.โรงเรียน

, ,

“รมว. ตรีนุช”ออกประกาศ.ศธสกัดนำกัญชา-กัญชงเข้าพท.โรงเรียน

วันนี้ ( 17 มิ.ย.65) น.ส. ตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) เปิดเผยว่า เมื่อเร็วๆนี้ ตนได้ลงนามในประกาศกระทรวงศึกษาธิการ เรื่อง แนวทางการปฏิบัติเกี่ยวกับกัญชาหรือกัญชงในสถานศึกษา ส่วนราชการ หรือหน่วยงานในสังกัดและในกำกับของกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.)โดยที่เป็นการสมควรกำหนดมาตรการป้องกันและเฝ้าระวังปัญหาที่อาจเกิดจากการใช้กัญชาหรือกัญชงในนักเรียน นักศึกษา หรือบุคลากร ในสถานศึกษา ส่วนราชการ หรือหน่วยงานในสังกัดและในกำกับ ศธ. ประกอบกับประกาศกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) เรื่อง สมุนไพรควบคุม (กัญชา) พ.ศ. 2565 กำหนดให้ผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 20 ปี ไม่สามารถใช้และเข้าถึงกัญชาได้ ดังนั้น ศธ., สธ. และราชวิทยาลัยกุมารแพทย์แห่งประเทศไทย ประชุมร่วมกันเพื่อกำหนดแนวทางการปฏิบัติเกี่ยวกับกัญชาหรือกัญชงในสถานศึกษา ส่วนราชการ หรือหน่วยงานในสังกัดและในกำกับของ ศธ.ให้เหมาะสม โดยอาศัยอำนาจตามความในมาตรา 12 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบบริหารราชการ ศธ. พ.ศ. 2546 จึงออกประกาศแนวทางการปฏิบัติเกี่ยวกับกัญชาหรือกัญชงของสถานศึกษา ส่วนราชการ หรือหน่วยงานในสังกัดหรือในกำกับของ ศธ.ไว้ ดังนี้
1.สถานศึกษา ส่วนราชการ หรือหน่วยงานในสังกัดและในกำกับของศธ. ห้ามใช้กัญชาหรือกัญชงกับนักเรียน นักศึกษา หรือบุคลากรโดยเด็ดขาด เพราะอาจมีผลต่อการพัฒนาสมองของนักเรียน นักศึกษา หรือบุคลากร

2.ห้ามมิให้นักเรียน นักศึกษา หรือบุคลากร ของสถานศึกษา ส่วนราชการ หรือหน่วยงานในสังกัดและในกำกับของ ศธ. ใช้กัญชาหรือกัญชง เพื่อการนันทนาการใด ๆ เพราะอาจเกิดผลกระทบต่อสุขภาพได้ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว เช่น อาการทางจิต และระบบการทำงานต่าง ๆ ของร่างกาย 3.ให้ผู้บริหารสถานศึกษา ส่วนราชการ หรือหน่วยงานในสังกัดและในกำกับของ ศธ. กำกับควบคุมร้านค้าที่ จำหน่ายอาหารหรือเครื่องดื่มในบริเวณสถานศึกษา ส่วนราชการหรือหน่วยงานในสังกัดและในกำกับของ ศธ.ให้งดจำหน่ายอาหารหรือเครื่องดื่มที่มีการผสมส่วนใดๆ ของกัญชาหรือกัญชง อีกทั้งห้ามมีให้นักเรียน นักศึกษา หรือบุคลากร ของสถานศึกษา ส่วนราชการ หรือหน่วยงานในสังกัดและในกำกับของศธ. นำอาหารหรือเครื่องดื่มที่มีการผสมส่วนใดๆ ของกัญชาหรือกัญชง เข้ามาบริโภคในสถานศึกษา ส่วนราชการ หรือหน่วยงานในสังกัดและในกำกับของศธ. อย่างเด็ดขาด

4.ให้ผู้บริหารสถานศึกษา ส่วนราชการ หรือหน่วยงานในสังกัดและในกำกับของศธ. ส่งเสริม สนับสนุนให้มีการจัดกิจกรรม การจัดการเรียนการสอน การฝึกอบรม หรือการผลิตสื่อนวัตกรรมเพื่อให้เกิดความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับการใช้กัญชาหรือกัญชง และอันตรายที่อาจเกิดขึ้นจากการใช้สารสกัดจากทุกส่วนของพืชกัญชาหรือกัญชงที่ เกินปริมาณตามที่ สธ.ประกาศกำหนดให้แก่นักเรียน นักศึกษา บุคลากร ผู้ปกครองประชาชน หรือชุมชนที่อยู่หรืออาศัยบริเวณใกล้เคียงกับสถานศึกษาหรือหน่วยงาน เพื่อสร้างสังคมที่ปลอดภัยจากอันตรายของกัญชาหรือกัญชง

5.การใช้กัญชาหรือกัญชงเพื่อการรักษาต้องอยู่ภายใต้การควบคุมของแพทย์ หรือการใช้กัญชาหรือกัญชงเพื่อการศึกษาวิจัย ต้องอยู่ภายใต้การกำกับ ควบคุม และดูแลอย่างใกล้ชิดของผู้บริหารสถานศึกษา หัวหน้าส่วนราชการ หรือหัวหน้าหน่วยงานนั้น ๆ

6.นอกจากแนวทางที่กำหนดไว้ในประกาศฉบับนี้แล้ว ผู้บริหารสถานศึกษา หัวหน้าส่วนราชการ หรือหัวหน้าหน่วยงาน ของสถานศึกษา ส่วนราชการ หรือหน่วยงานในสังกัดและในกำกับของศธ. อาจออกมาตรการหรือแนวทางปฏิบัติเพิ่มเติมเพื่อป้องกันปัญหาที่อาจจะเกิดจากกัญชาหรือกัญชงได้ ทั้งนี้ เพื่อให้เหมาะสมและสอดคล้องกับบริบทของสถานศึกษา ส่วนราชการ หรือหน่วยงานในสังกัดและในกำกับของ ศธ. นั้นๆ ได้ ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 16 มิถุนายน 2565 เป็นต้นไป.

ที่มา : facebook.com/PPRPThailand/
เมื่อวันที่ : 17 มิถุนายน 2565

“ส.ส.ชาญวิทย์”ลงพื้นที่ดูแลกลุ่มผู้เปราะบาง มอบเครื่องอุปโภค

,

“ส.ส. ชาญวิทย์”ลงพื้นที่ดูแลกลุ่มผู้เปราะบาง มอบเครื่องอุปโภค บริโภคลดภาระค่าใช้จ่าย

นาย ชาญวิทย์ วิภูศิริ ส.ส.กทม. เขตมีนบุรี-คันนายาว และทีมงาน ลงพื้นที่ชุมชนสุกกาทองโครงการ 2 และชุมชนภราดรพัฒนา เขตมีนบุรี กรุงเทพฯ เพื่อเยี่ยมเยียนพี่น้องประชาชนกลุ่มผู้ป่วยและผู้สูงวัย ซึ่งถือเป็นกลุ่มที่ต้องได้รับการช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน ทั้งนี้ ยังได้มอบสิ่งของเครื่องใช้ที่จำเป็น เพื่อแบ่งเบาภาระและดูแลความเดือดร้อนต่างๆ ให้กับกลุ่มดังกล่าวให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น

“ยังมีผู้ป่วยและผู้สูงวัยที่ยังต้องการความช่วยเหลืออีกมาก จะทำอย่างไรให้ประชาชนมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดี นี่คือหน้าที่ของพวกเรา และขอเป็นกำลังใจให้พี่น้องทุกคนสู้ไปด้วยกัน”

#ชาญวิทย์วิภูศิริ
#สสกทม
#พลังประชารัฐ
#พปชร
#https://pprp.or.th
#https://twitter.com/pr_pprpthailand
#https://www.blockdit.com/pprp

ที่มา : facebook.com/PPRPThailand/
เมื่อวันที่ : 17 มิถุนายน 2565

เร่งแก้เรือประมงกระทำผิดกฎหมาย ลดผลกระทบประมงพื้นบ้านจ.เพชรบุรี

,

เร่งแก้เรือประมงกระทำผิดกฎหมาย ลดผลกระทบประมงพื้นบ้านจ.เพชรบุรี !!! “ส.ส.สุชาติ อุสาหะ-ส.ส.กฤษณ์ แก้วอยู่ พปชร. จ.เพชรบุรี”
ร่วมกับนายกสมาคมประมงอำเภอบ้านแหลม หารือแนวทางแก้ไขปัญหาจากเรือรุนและเรือคราดหอยที่ผิดกฎหมาย ในเขตพื้นที่อนุรักษ์ 27 ตร.กม สร้างความเดือดร้อนชาวประมงพื้นบ้าน ต.บางขุนไพร

การลักลอบกระทำผิดส่งผลกระทบระบบนิเวศน์ไม่เอื้อต่อการวางไข่ของหอยเสียบ หอยแครง และหอยลาย
ทำให้พื้นที่เป็นดินโคลนและดินเลนได้รับความเสียหายจากเครื่องทำการประมง ต้องเร่งดำเนินการเร่งด่วน เนื่องจากทรัพยากรสัตว์น้ำเป็นของพี่น้องชาวประมงทุกคน แต่การจัดสรรปันส่วนต้องอยู่ภายใต้กรอบแห่งกฎหมายและข้อตกลงที่เป็นธรรม ลดการเอารัดเอาเปรียบกัน

#สุชาติอุสาหะ
#กฤษณ์แก้วอยู่
#สสเพชรบุรี
#พลังประชารัฐ
#พปชร
#https://pprp.or.th
#https://twitter.com/pr_pprpthailand
#https://www.blockdit.com/pprp


ที่มา : facebook.com/PPRPThailand/
เมื่อวันที่ : 15 มิถุนายน 2565

“รมว.ชัยวุฒิ”เตรียมประกาศกม.ลูกพรบ. PDPA บังคับใช้สัปดาห์หน้า

,

“รมว.ชัยวุฒิ”เตรียมประกาศกม.ลูกพรบ. PDPA
ผ่อนปรน เอสเอ็มอี-วิสาหกิจชุมชนบังคับใช้สัปดาห์หน้า

นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) กล่าวว่า การประกาศใช้ พ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 (PDPA) เมื่อวันที่ 1 มิ.ย. ที่ผ่านมา นั้น เพื่อไม่ให้เป็นภาระกับผู้ประกอบการเอสเอ็มอีและวิสาหกิจชุมชน ซึ่งทางคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (สคส.) ได้เห็นชอบและเตรียมส่งกฎหมายลูก รอลงประกาศในราชกิจจานุเบกษา ประกอบด้วยกฎหมายผ่อนปรน PDPA สำหรับเอสเอ็มอีและวิสาหกิจชุมชน รวมทั้งเรื่องผ่อนปรนโทษ คาดว่าจะประกาศและมีผลบังคับใช้ในต้นสัปดาห์หน้า

ทั้งนี้ ในเชิงนโยบายและแนวทางการดำเนินงานของสำนักงานคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล มุ่งให้ผู้ที่เกี่ยวข้องมีภาระในการปฏิบัติตามกฎหมายน้อยที่สุด สะท้อนการเริ่มบังคับใช้ในช่วงแรก ที่ไม่ควรเป็นภาระมากเกินไป มีการผ่อนปรนโทษต่างๆ มุ่งเน้นการให้ความรู้และตักเตือนมากกว่าการลงโทษ

นายชัยวุฒิ กล่าวว่า กฎหมายลูกทั้ง 4 ฉบับ ที่คณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ได้เห็นชอบไปแล้วเมื่อสัปดาห์ก่อน ขณะนี้อยู่ระหว่างรอลงราชกิจจาประกาศบังคับใช้ คาดว่าจะประกาศใช้ในช่วงต้นสัปดาห์หน้า โดยมีเรื่องการผ่อนปรน PDPA สำหรับเอสเอ็มอีและวิสาหกิจชุมชน รวมถึงเรื่องการผ่อนปรนโทษที่เน้นการตักเตือน ขณะที่ (ร่าง) ประกาศชุดแรกที่เปิดรับฟังความคิดเห็นไปก่อนหน้านี้ คณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลได้เห็นชอบ และระหว่างรอการประกาศใช้เป็นกฎหมายลูก ได้แก่ 1.(ร่าง) ประกาศคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล เรื่อง การยกเว้นการบันทึกรายการของผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลซึ่งเป็นกิจการขนาดเล็ก พ.ศ. …. 2.(ร่าง) ประกาศคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการในการจัดทำและเก็บรักษาบันทึกรายการของกิจกรรมการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลสำหรับผู้ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. …. และ 3.(ร่าง) ประกาศคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล เรื่อง มาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัยของผู้ควบคุมข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. …. และ 4.(ร่าง) ประกาศหลักเกณฑ์มาตรการบังคับและพิจารณาลงโทษทางปกครอง พ.ศ. …..

นอกจากนี้ ยังมีกฎหมายลูกที่สำคัญอีก 4 ฉบับ ที่จะทยอย ประกาศ และบังคับใช้ คาดว่าจะสามารถดำเนินการเรื่องกฎหมาย ลูกทั้งหมด 8 ฉบับภายในเดือนมิ.ย.นี้ ส่วนเรื่องบทลงโทษทั้งทางแพ่งและอาญา ที่ผู้ประกอบการมีความกังวล ขอย้ำว่าในทางปฏิบัติ ถ้าผู้ประกอบการระมัดระวังการใช้ข้อมูลของลูกค้า พนักงาน และประชาชนไม่ให้เกิดการรั่วไหล หรือถูกนำไปใช้ในทางที่ผิด ก็ไม่ต้องกังวลในบทลงโทษต่างๆ ของ PDPA

“ขณะเดียวกัน ขอเตือนผู้คิดแสวงหาประโยชน์จาก PDPA ในการนำเรื่องไปฟ้องร้อง ก็ต้องระวังการถูกฟ้องกลับ เพราะการตัดสินโทษทางแพ่งและอาญาเป็นกระบวนการของศาล เป็นไปตามการตัดสินและดุลพินิจของศาล ซึ่งมีการพิจารณาจากข้อเท็จจริงต่างๆ พยานหลักฐาน เจตนา” นายชัยวุฒิ กล่าว

#ชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์
#รมวดิจิทัล
#ดีอีเอส
#พลังประชารัฐ
#พปชร
#https://pprp.or.th
#https://twitter.com/pr_pprpthailand
#https://www.blockdit.com/pprp

ที่มา : facebook.com/PPRPThailand/
เมื่อวันที่ : 15 มิถุนายน 2565

บรรเทาทุกข์-บำรุงสุขชาวบ้าน จ.ราชบุรี ส.ส.บุญยิ่ง นิติกาญจนา

,

บรรเทาทุกข์-บำรุงสุขชาวบ้าน จ.ราชบุรี! “ส.ส.บุญยิ่ง นิติกาญจนา พปชร. จ.ราชบุรี”
ร่วมเปิดตลาดปันสุข อบจ.ไม่ทิ้งกัน จำหน่ายข้าวสารราคาพิเศษ แบ่งเบาภาระให้ชาวบ้านใน อ.สวนผึ้ง พร้อมเปิดโครงการ อบจ.ราชบุรี ร่วมใจท้องถิ่นพัฒนา ครั้งที่ 2 ประชุมผู้นำท้องถิ่น-ท้องที่ หาแนวทางแก้ไขปัญหาและพัฒนาท้องถิ่น สร้างคุณภาพชีวิตให้พี่น้องประชาชน จ.ราชบุรี

#บุญยิ่งนิติกาญจนา
#สสราชบุรี
#พลังประชารัฐ
#พปชร
#https://pprp.or.th
#https://twitter.com/pr_pprpthailand
#https://www.blockdit.com/pprp

ที่มา : facebook.com/PPRPThailand/
เมื่อวันที่ : 15 มิถุนายน 2565

ดันอาหารวิถีชุมชนสู่การยกระดับมาตรฐานสตรีทฟู้ดไทย สร้างรายได้ยั่งยืน

,

ดันอาหารวิถีชุมชนสู่การยกระดับมาตรฐานสตรีทฟู้ดไทย สร้างรายได้ยั่งยืน !!!
“ส.ส.ชวน ชูจันทร์ ส.ส. พปชร.แบบรายชื่อ” พร้อมด้วย “ส.ส.จักรพันธ์ พรนิมิตร พปชร.กทม.” และ “ดร.บุณณดา สุปิยพันธุ์ ที่ปรึกษา ส.ส.” ร่วมประชุมยกระดับมาตรฐานสตรีทฟู้ด-Clean Food Good Taste ส่งเสริมการผลิตและจำหน่ายอาหารในมิติวัฒนธรรม เพื่อสืบทอดและสานต่อวัฒนธรรมด้านอาหาร ส่งเสริมอาชีพ-สร้างรายได้ให้กับชุมชน สร้างมูลค่าเพิ่มให้กับอาหารไทยประจำชุมชน หลังฟื้นตัวจากการระบาดของเชื้อโควิด-19
#ชวนชูจันทร์
#จักรพันธ์พรนิมิตร
#บุณณดาสุปิยพันธุ์
#พลังประชารัฐ
#พปชร
#https://pprp.or.th
#https://twitter.com/pr_pprpthailand
#https://www.blockdit.com/pprp


ที่มา : facebook.com/PPRPThailand/
เมื่อวันที่ : 14 มิถุนายน 2565

รมว.สุชาติ สั่งลุยฝึกแรงงาน ตอบรับความต้องการภาคอุตสาหกรรมอีอีซี

,

รมว.สุชาติ สั่งลุยฝึกแรงงาน ตอบรับความต้องการภาคอุตสาหกรรมอีอีซี

นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า กระทรวงแรงงาน มีนโยบายดำเนินงานตามยุทธศาสตร์ชาติ ภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และพล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี โดยมุ่งเน้นการพัฒนาอุตสาหกรรมเป้าหมายที่มีการใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมในการผลิต และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ รวมไปถึงการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม และเร่งฟื้นฟูประเทศหลังจากสถานการณ์โควิด – 19 คลี่คลาย รวมไปถึงตอบโจทย์การเติบโตของเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC เพื่อพัฒนาฐานเศรษฐกิจในประเทศ ได้มอบหมายให้กรมพัฒนาฝีมือแรงงาน เร่งจัดฝึกอบรมพัฒนาบุคลากรในพื้นที่ EEC ให้มีทักษะที่เป็นประโยชน์ในการทำงาน

นายสุชาติ กล่าวว่า ได้รับรายงานจากอธิบดีกรมพัฒนาฝีมือแรงงาน (กพร.) ว่าได้ดำเนินการพัฒนาทักษะฝีมือให้แก่แรงงานในพื้นที่ EEC แล้วกว่า 7,000 คน และส่งเสริมให้สถานประกอบกิจการพัฒนาพนักงานของตนเองอีกกว่า 200,000 คน ในพื้นที่ 3 จังหวัด ได้แก่ ชลบุรี ระยอง และฉะเชิงเทรา ซึ่ง 3 จังหวัดนี้ รับผิดชอบพัฒนาทักษะให้แก่แรงงานในพื้นที่ตามโครงการที่ได้รับงบประมาณ อาทิ โครงการยกระดับผลิตภาพและพัฒนากำลังคนเพื่อสร้างความสามารถในการแข่งขันภาคอุตสาหกรรม กิจกรรมศูนย์ฝึกอบรมความเป็นเลิศด้านเทคโนโลยีชั้นสูง โครงการเสริมสมรรถนะแรงงานด้านเทคโนโลยีรองรับการทำงานในศตวรรษที่ 21 และโครงการพัฒนาปัจจัยพื้นฐานด้านการท่องเที่ยว เป็นต้น นอกจากนี้ ใน จ.ชลบุรี ยังมีสถาบันพัฒนาบุคลากรสาขาเทคโนโลยีการผลิตอัตโนมัติและหุ่นยนต์ (MARA) เป็นหน่วยฝึกสาขาการผลิตอัตโนมัติและหุ่นยนต์ ที่เป็นศูนย์ฝึกอบรมเฉพาะด้านอีกด้วย

นายประทีป ทรงลำยอง อธิบดี กพร. กล่าวว่า หลักสูตรที่ใช้ในการฝึกอบรม จะมีผู้เชี่ยวชาญจากหลายหน่วยงานเข้ามาร่วมจัดทำและพัฒนา เพื่อให้หลักสูตรการฝึกตรงกับความต้องการ อาทิ ผู้แทนจากสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) สมาคมผู้ประกอบการหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติ สมาคมวิชาชีพ องค์กรอาชีพที่มีความเชี่ยวชาญในแต่ละสาขาอาชีพ รวมไปถึงสถานประกอบกิจการในเขตพื้นที่ EEC เป็นต้น รวมกว่า 135 หลักสูตร และหลักสูตรที่ได้รับความสนใจจากผู้ประกอบกิจการในพื้นที่ EEC จัดส่งพนักงานเข้าอบรม เช่น ระบบขับเคลื่อนและ ส่งกำลังยานยนต์ไฟฟ้า ระบบอัตโนมัติในอุตสาหกรรมโลจิสติกส์ การสร้างหุ่นยนต์ลำเลียง ช่างควบคุมหุ่นยนต์ FANUC การใช้เครื่องมือวัดด้านมิติในอุตสาหกรรม การจำลองขบวนการผลิตและวางแผนการผลิตด้วยโปรแกรม TECNOMATIX เทคโนโลยีการเชื่อมด้วยหุ่นยนต์ การประยุกต์ใช้ปัญญาประดิษฐ์เพื่อการผลิต (AI) และระบบจัดเก็บและเบิกจ่ายสินค้าแบบอัตโนมัติ เป็นต้น เพื่อให้การฝึกมีคุณภาพและแรงงานมีทักษะตรงกับความต้องการ ในปี 2565 ได้จัดหาครุภัณฑ์ การฝึกเทคโนโลยีชั้นสูง สอดรับกับความต้องการและการลงทุนของสถานประกอบกิจการในพื้นที่ EEC เพื่อดำเนินการฝึกอบรม EEC Model Type B และระหว่างวันที่ 6 – 10 มิถุนายน 2565 MARA มีการเปิดฝึกอบรมการใช้โปรแกรม Tecnomatix process simulate ให้แก่บุคลากรของกรมพัฒนาฝีมือแรงงานและภาคการศึกษา จำนวน 20 คน เพื่อนำไปขยายผล ถ่ายทอดความรู้ให้แก่ผู้รับการฝึกและแรงงานในแต่ละพื้นที่ต่อไป นอกจากนี้ ยังร่วมกับบริษัทนาชิเทคโนโลยี (ประเทศไทย) จำกัด เปิดฝึกอบรมการควบคุมหุ่นยนต์ NACHI ให้กับบุคคลทั่วไป จำนวน 10 คน พร้อมวางแผนการดำเนินงานในปี 2566 พัฒนาวิทยากรต้นแบบกว่า 200 คน เพื่อรองรับ 10 อุตสาหกรรมเป้าหมายของประเทศ (S-Curve และ New Curve) อีกด้วย ผู้สนใจสามารถสมัครและติดตามข่าวสารได้ที่ www.dsd.go.th หรือสอบถามเพิ่มเติมที่สายด่วน กระทรวงแรงงาน 1506 กด 4

ที่มา : facebook.com/PPRPThailand/
เมื่อวันที่ : 14 มิถุนายน 2565

“อธิรัฐ” เยือน สปป.ลาว หารือเชื่อมต่อทางรถไฟ หนองคาย – เวียงจันทน์

, ,

“อธิรัฐ” เยือน สปป.ลาว หารือความร่วมมือ เชื่อมต่อทางรถไฟ หนองคาย – เวียงจันทน์

นายอธิรัฐ รัตนเศรษฐ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม หัวหน้าคณะผู้แทนไทย ประชุมหารือโครงการเชื่อมต่อทางรถไฟระหว่างไทย – ลาว – จีน (ช่วงหนองคาย-เวียงจันทน์)ร่วมกับ
นายเวียงสะหวัด สีพันดอน รัฐมนตรีโยธาธิการและขนส่ง ผู้แทนสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) ณ กรมโยธาธิการและขนส่ง สาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว

นายอธิรัฐ รัตนเศรษฐ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า โครงการรถไฟ จีน-ลาว ซึ่งเปิดให้บริการเมื่อวันที่ 4 ธันวาคม 2564 ที่ผ่านมา เป็นเส้นทางรถไฟเชื่อมต่อระหว่างนครคุนหมิงกับนครหลวงเวียงจันทน์ ที่จะส่งเสริมการขนส่งสินค้าและผู้โดยสารระหว่างลาวและจีนให้มีความสะดวกและรวดเร็วมากยิ่งขึ้น ซึ่งอยู่ใกล้กับจังหวัดหนองคาย โดยเส้นทางรถไฟดังกล่าวมีความสำคัญในการส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ เมื่อมีการเชื่อมต่อโครงข่ายโดยสมบูรณ์จากจีน ลาว มายังไทย ซึ่งขณะนี้ไทยได้มีแผนเตรียมความพร้อมเพื่อรองรับการเชื่อมต่อระหว่างสถานีรถไฟหนองคายไปยังสถานีรถไฟเวียงจันทน์ ด้วยการพัฒนาสถานีรถไฟหนองคาย ให้สามารถรองรับการขนส่งผ่านสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 1

นายอธิรัฐ กล่าวว่า การประชุมครั้งนี้ ทั้งฝ่ายไทยและฝ่าย สปป.ลาว ได้รายงานความคืบหน้าการดำเนินการเชื่อมโยงทางรถไฟระหว่างไทย – ลาว – จีน ความคืบหน้าการดำเนินงานรถไฟไทย – ลาว การขนส่งสินค้าข้ามแดนทางรถไฟ ช่วงหนองคาย-ท่านาแล้ง พร้อมทั้งได้มีการหารือแนวทางการก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำโขงแห่งใหม่ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของโครงการเชื่อมต่อรถไฟ หนองคาย – เวียงจันทน์ ตั้งอยู่ทางทิศใต้ของสะพานมิตรภาพไทย – ลาว (หนองคาย – เวียงจันทน์) ในปัจจุบัน ห่างจากสะพานเดิมประมาณ 30 เมตร โดยสะพานแห่งใหม่จะมีทางรถไฟขนาดทางมาตรฐานและขนาดทาง 1 เมตร และ 1.435 เมตร อีกทั้งยังสามารถรองรับรถยนต์ได้ด้วย โดยฝ่ายไทยจะเป็นผู้ดำเนินการศึกษาความเหมาะสมและออกแบบรายละเอียดการก่อสร้าง ซึ่งจากการหารือร่วมกัน ผู้แทน สปป.ลาว แจ้งว่าฝ่ายลาวยินดีให้ความร่วมมือกับฝ่ายไทยในการก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำโขงแห่งใหม่ โดยขอให้ฝ่ายไทยออกแบบและจัดทำรายงาน EIA เพื่อนำข้อมูลมาประกอบการประชุมหารือร่วมกันในการประชุมครั้งถัดไป

ในการนี้ คณะผู้แทนไทย ยังได้เดินทางไปศึกษาดูงาน การให้บริการขนส่งสินค้าและผู้โดยสารบนเส้นทางรถไฟจีน – ลาว ณ โครงการท่าบกท่านาแล้ง (Dry port) และเขตโลจิสติกส์ (Logistics Park) นครหลวงเวียงจันทน์ เพื่อเตรียมความพร้อมการขนส่งสินค้าและผู้โดยสารระหว่างระบบรางของไทย และโครงการรถไฟลาว – จีน

ที่มา : facebook.com/PPRPThailand/
เมื่อวันที่ : 13 มิถุนายน 2565

“ตรีนุช”ตรวจงาน กศน.”คงสมรรถนะกาย-จิต-สมองผู้สูงอายุ“

, ,

“ตรีนุช”ตรวจงาน กศน.”คงสมรรถนะกาย-จิต-สมองผู้สูงอายุ“

นางสาวตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมและติดตามผลการดำเนินงานตามนโยบายกระทรวงศึกษาธิการ ของหน่วยงานสังกัดสำนักงานส่งเสริมการศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย (กศน.)โดยตรวจเยี่ยมการจัดกิจกรรมการศึกษาตลอดชีวิตเพื่อคงสมรรถนะทาง กาย จิต และสมองของผู้สูงอายุ กศน.ตำบลหนองแวงกศน.อำเภอวัฒนานคร กศน.อำเภอคลองหาด และดูงานศูนย์ฝึกและพัฒนาอาชีพราษฎรไทยบริเวณชายแดนสระแก้ว (ศฝช.สระแก้ว โครงการพัฒนาอาชีพทับทิมสยาม02)

นางสาวตรีนุช กล่าวว่า ปี 2565 นี้ ประเทศไทยได้เข้าสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างสมบูรณ์ คือ มีประชากรสูงอายุถึง 20 % และ พบว่าผู้สูงอายุ 95 % มีโรคประจำตัว ขณะเดียวกันในด้านเศรษฐกิจ พบว่า ผู้สูงอายุ 34.3 % มีรายได้ต่ำกว่าเส้นความยากจน ต้องรับการเลี้ยงดู ด้านสภาพแวดล้อมและ ด้านสังคม พบว่าผู้สูงอายุต้องอยู่ลำพังเพียงคนเดียวหรืออยู่ลำพังกับคู่สมรสมีแนวโน้มสูงขึ้น รวมถึงคนรุ่นใหม่มีทัศนคติเชิงลบต่อผู้สูงอายุ ซึ่งรัฐบาลภายใต้การนำของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ให้ความสำคัญในการเตรียมและพัฒนาคนในทุกช่วงวัย โดยส่งเสริมให้ทุกภาคส่วนมีส่วนร่วม การจัดการศึกษาตลอดชีวิต ซึ่งในมิติของสำนักงาน กศน. ในปีงบประมาณ 2565 นี้ก็ได้มีโครงการการจัดและส่งเสริมการจัดการศึกษาตลอดชีวิตเพื่อคงสมรรถนะทางกาย จิต และสมองของผู้สูงอายุ ด้วยการออกแบบการจัดกิจกรรมให้มีความเหมาะสมกับองค์ความรู้ในเรื่องนั้น ๆ และเหมาะสมกับผู้สูงอายุ ที่มีการคัดกรองโดยหน่วยงานของกระทรวงสาธารณสุขแล้ว

รมว.ศธ.กล่าวต่อไปว่า จากการตรวจเยี่ยมติดตามผลการดำเนินโครงการฯ พบว่า กิจกรรมที่ กศน.ได้ร่วมกับผู้นำท้องถิ่น และหน่วยงานสาธารณสุขในพื้นที่ ได้จัดให้ผู้สูงอายุ 60-70 ปี เช่นเรื่องการออกกำลังกาย , นันทนาการ บันเทิง เพื่อการดูแลสุขภาพจิตและสมอง , น้ำสมุนไพร เพื่อสุขภาพ , อาหารเพื่อสุขภาพ , การนวดเพื่อสุขภาพ ทำให้ ผู้สูงอายุมีความเข้าใจ ในการรักษาสุขภาพกาย สุขภาพใจ และรู้วิธีการป้องกันตนเองให้ไร้ภาวะซึมเศร้า มีสัมพันธภาพที่ดีกับผู้อื่นและใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์

ที่มา : facebook.com/PPRPThailand/
เมื่อวันที่ : 13 มิถุนายน 2565

‘รมว ตรีนุช’ ชู วิทยาลัยการอาชีพ ปากท่อ ต้นแบบดึงเด็กกลับเข้าระบบการเรียน

,

‘รมว ตรีนุช’ ชู วิทยาลัยการอาชีพ ปากท่อ ต้นแบบดึงเด็กกลับเข้าระบบการเรียน

เสมา1 นำทีมผู้บริหาร ศธ.ลงพื้นที่ราชบุรี ติดตามโครงการ”อาชีวะ อยู่ประจำ เรียนฟรี มีอาชีพ” พบวิทยาลัยการอาชีพปากท่อ 2 ปี เด็กพุ่งเกิน 100% พร้อมเดินสายปลุกสถานศึกษาปลอดภัย ชี้ปัญหาส่วนใหญ่เด็กบูลลี่กัน

วันนี้( 28 ก.พ.) ที่ จังหวัดราชบุรี นางสาวตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) พร้อมด้วย นางสาวอรพินทร์ เพชรทัต เลขานุการ รมว.ศธ. และผู้บริหารกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมการดำเนินงาน โครงการอาชีวะสร้างโอกาสทางการศึกษาให้เยาวชน เพื่อผลิตกำลังคนของประเทศ หรือ “อาชีวะ อยู่ประจำ เรียนฟรี มีอาชีพ” ที่วิทยาลัยการอาชีพ (วก.) ปากท่อ และ เปิดงาน Kick-off สถานศึกษาปลอดภัยจังหวัดราชบุรี ที่โรงเรียนราชโบริกานุเคราะห์ เพื่อกระตุ้นให้สถานศึกษาเป็นสถานที่ปลอดภัยของทุกคน

โดยนางสาวตรีนุช ให้สัมภาษณ์ภายหลังการตรวจเยี่ยม ว่า โครงการอาชีวะอยู่ประจำ เรียนฟรี มีอาชีพ เป็นโครงการที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้ความสำคัญตามนโยบายเราไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง ซึ่งในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) ที่ผ่านมาเราประสบปัญหาเด็กตกหล่น ไม่มีค่าใช้จ่ายในการเรียน-การเดินทาง ดังนั้นรัฐบาลจึงมอบให้สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา (สอศ.) ดำเนินโครงการอาชีวะอยู่ประจำ เรียนฟรี มีอาชีพ เพื่อช่วยเหลือเด็กที่หลุดจากระบบการศึกษามาเรียนฟรี 3 ปี และมีที่พักอาศัยให้

น.ส.ตรีนุช กล่าวต่อไปว่า จากการตรวจเยี่ยมพบว่า วิทยาลัยการอาชีพปากท่อ สามารถนำเพิ่มจำนวนเด็กจาก ปีการศึกษา 2562 ที่มีประมาณ 60 คน เป็น 631 คน ในปีการศึกษา 2564 ซึ่งปริมาณผู้เรียนที่เพิ่มขึ้นมาจากการแนะแนวตามโรงเรียนชายขอบ ในพื้นที่ อ.สวนผึ้ง อ.บ้านคา อ.โป่งกระทิง และ อ.เบิกไพร เป็นอำเภอที่มีระยะทางห่างจากวิทยาลัยประมาณ 50-60 กิโลเมตร โดยวิทยาลัยมีสวัสดิการให้แก่นักเรียน อาทิ บริการรถรับ-ส่งฟรี มีบริการหอพัก ที่เป็นตึกละ 4 ชั้น แยกเป็นชาย -หญิง ที่เป็นมาตรฐานของ สอศ. ฟรีค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าเทอมนอกจากนี้ยังมีงบฯเรียนฟรี 15 ปี นำมาจัดสรรเป็นชุดนักเรียน อุปกรณ์การเรียน หนังสือเรียน ฟรี และมีกองทุนกู้ยืมเพื่อการศึกษาเพื่อช่วยเหลือให้นักเรียน ที่ขาดแคลนทุนทรัพย์ รวมถึงประสานงานเชื่อมโยงกับสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ในการส่งต่อเด็กด้วย

” ต้องขอชื่นชมผู้บริหารที่สามารถคิดนอกกรอบและปรับเม็ดเงินที่มีอยู่มาดำเนินการได้ ซึ่งถือเป็นต้นแบบที่ดี อย่างไรก็ตาม ดิฉันจะนำข้อดี รวมถึงปัญหาอุปสรรคที่พบมาปรับปรุงในแผนรายละเอียดการดำเนินโครงการ ซึ่งก่อนหน้านี้คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้อนุมัติในหลักการของโครงการแล้ว และ สอศ.กำลังอยู่ระหว่างการจัดทำรายละเอียดเพื่อเสนอขอความเห็นชอบการใช้งบประมาณในการดำเนินโครงการต่อไป ” นางสาวตรีนุช กล่าว

ทั้งนี้การดำเนินโครงการจะแบ่งออกเป็น 2 ระยะ คือ ระยะที่ 1 ปีการศึกษา 2565 ซึ่ง สอศ.ได้คัดเลือกสถานศึกษาที่มีความพร้อมในการรับผู้เรียนเข้าร่วมโครงการจำนวน 87 แห่ง ทั่วประเทศ สามารถรับปริมาณนักเรียนเข้าร่วมโครงการได้ 5,200 คน ซึ่งการมาดูความพร้อมของ ส่วนระยะที่ 2 ตั้งแต่ปีการศึกษา 2566 เพิ่มสถานศึกษาที่มีความพร้อมในการรับผู้เรียนเข้าร่วมโครงการให้ได้ 169 แห่งทั่วประเทศ สามารถสร้างโอกาสทางการศึกษาให้เยาวชน ทั้งสิ้น 116,000 คน

รมว.ศธ.กล่าวด้วยว่า สำหรับการเดินสายโรดโชว์สถานศึกษาปลอดภัยจังหวัดราชบุรี เป็นจังหวัดที่ 4 ที่ ศธ.มาการสร้างการรับรู้ ซึ่งพบว่าสถานศึกษามีความตื่นตัวดี และจากการเปิดศูนย์ MOE SAFETY CENTER ได้รับเรื่องร้องเรียนมาประมาณ 100 กว่าเรื่อง ส่วนใหญ่เป็นเรื่องบูลลี่กัน และได้ดำเนินการแก้ไขปัญหาแล้ว เหลือประมาณ 20 เรื่องซึ่งได้เร่งประสานให้แก้ไขปัญหาโดยเร็วแล้ว

ที่มา : facebook.com/PPRPThailand/
เมื่อวันที่ : 28 กุมภาพันธ์ 2565

‘พล.อ.ประวิตร’ ห่วงปชช. ประสบภัยน้ำท่วมภาคใต้ บูรณาการเข้าช่วยเหลือ

,

‘พล.อ.ประวิตร’ ห่วงปชช. ประสบภัยน้ำท่วมภาคใต้ บูรณาการเข้าช่วยเหลือเร่งด่วน

เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยการกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) มีความห่วงใยต่อสถานการณ์ฝนตกหนักในพื้นที่ภาคใต้ โดยเฉพาะพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดน ที่ยังมีสถานการณ์ฝนตกหนักต่อเนื่อง ส่งผลให้เกิดน้ำล้นตลิ่งในพื้นที่และมีระดับน้ำที่เพิ่มขึ้น จึงสั่งการและเน้นย้ำให้บูรณาการหน่วยงานภายใต้กองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) อาทิ กระทรวงมหาดไทยผ่านผู้ว่าราชการจังหวัดในพื้นที่เสี่ยง กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย หน่วยทหาร กรมชลประทาน รวมถึง ศอ.บต.ให้ความช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ภัยพิบัติน้ำท่วมในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้เป็นการเร่งด่วน พร้อมให้ทุกฝ่ายลงพื้นที่ดูแลชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนให้ดี โดยเฉพาะการจัดหาอาหาร ยาและสิ่งจำเป็นอื่น ๆ สำหรับการดำเนินชีวิตประจำวัน ย้ำไม่ต้องการให้ประชาชนเดือดร้อน เป็นการทำงานที่ทุกฝ่ายต้องร่วมกันทำงานเพื่อประชาชนให้ดีที่สุด และให้ความช่วยเหลือไปอย่างทันท่วงที พร้อมถึงการเฝ้าระวังติดตามสถานการณ์ฝนอย่างใกล้ชิดเพื่อแจ้งเตือนภัยในจุดเสี่ยงต่าง ๆ ได้ทันต่อสถานการณ์

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา กองอำนวยการน้ำแห่งชาติได้รายงานผลการลงพื้นที่ของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการแก้ไขปัญหาผลกระทบจากสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ จ.นราธิวาส ได้แก่ ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส ผู้อำนวยการสำนักงานชลประทานที่ 17 ผู้อำนวยการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ ภาค 4 และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อแก้ไขปัญหาจุดน้ำล้นข้ามพนังกั้นน้ำบริเวณหมู่ 1 บ้านมูโนะ ประมาณ 15 เซนติเมตร จากปริมาณน้ำที่ไหลจากแม่น้ำโก-ลก เข้าท่วมพื้นที่ชุมชนมูโนะ มากกว่า 500 ครัวเรือน และเข้าท่วมถนนหมายเลข 42 ทำให้ต้องปิดการจราจรช่องทางขาออกจังหวัดนราธิวาส ซึ่งกรมชลประทานได้เร่งเสริมบิ๊กแบ็ค (Big Bag) บริเวณพนังกั้นน้ำริมแม่น้ำโก-ลก ที่ต.มูโนะ เป็นการเร่งด่วน เพื่อรับมือกับมวลน้ำในแม่น้ำโก-ลก ที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง พร้อมทั้งได้เพิ่มความมั่นคงแข็งแรงให้กับพนังกั้นน้ำดังกล่าวให้มากที่สุด ขณะเดียวกัน หน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้นำเรือท้องแบน เข้าไปเร่งอพยพประชาชนในพื้นที่ลุ่มต่ำบริเวณดังกล่าวประมาณ 10 ครัวเรือนออกจากพื้นที่แล้ว

อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ กอนช.ยังคงเฝ้าระวังพื้นที่เสี่ยง โดยเฉพาะ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ที่ยังมีฝนตกในพื้นที่ต่อเนื่อง ส่งผลให้ระดับน้ำที่จะเพิ่มขึ้นและไหลเข้าท่วมพื้นที่ลุ่มต่ำ ได้แก่ จ.ยะลา บริเวณ อ.บันนังสตา อ.ยะหา และ อ.รามัน พื้นที่ จ.ปัตตานี บริเวณ อ.สายบุรี อ.ยะรัง อ.หนองจิก และ อ.เมืองปัตตานี พื้นที่ จ.นราธิวาส บริเวณ อ.แว้ง อ.สุคิริน อ.ศรีสาคร อ.สุไหงปาดี อ.ตากใบ อ.รือเสาะ อ.จะแนะ และอ.สุไหงโก-ลก ทั้งนี้ กอนช. ได้สั่งการหน่วยงานที่เกี่ยวข้องแจ้งเตือนประชนในพื้นที่เสี่ยงและลงพื้นที่ให้ความช่วยเหลือประชาชนอย่างต่อเนื่องจนกว่าสถานการณ์จะกลับเข้าสู่ภาวะปกติ

ที่มา : facebook.com/PPRPThailand/
เมื่อวันที่ : 28 กุมภาพันธ์ 2565

“รมช.อธิรัฐ”สั่งการเร่งตั้งศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยภาคใต้ตอนล่าง”

,

“รมช.อธิรัฐ”สั่งการเร่งตั้งศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยภาคใต้ตอนล่าง” เด้งรับนโยบายนายกฯแก้ไขปัญหาน้ำท่วม

นายอธิรัฐ รัตนเศรษฐ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ท่านพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี มีความห่วงใยต่อสถานการณ์อุทกภัยพื้นที่ภาคใต้ตอนล่าง จากประกาศศูนย์อุตุนิยมวิทยาภาคใต้ฝั่งตะวันออก ฉบับที่ 5 (6/2565) เรื่อง คลื่นลมแรง และฝนตกหนักถึงหนักมากบริเวณภาคใต้ฝั่งตะวันออก ส่งผลให้ช่วงวันที่ 25 – 28 ก.พ.65 เกิดฝนตกหนักต่อเนื่อง มีน้ำไหลหลากเข้าท่วมบ้านเรือนประชาชนในพื้นที่ 5 จังหวัด ได้แก่ นครศรีธรรมราช พัทลุง ปัตตานี ยะลา และนราธิวาส

ทั้งนี้ ตนได้สั่งการให้กรมเจ้าท่าเร่งตั้งศูนย์ช่วยเหลือผู้ประสบภัยแล้วจำนวน 4 ศูนย์ ได้แก่ ที่สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาสงขลา, สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาปัตตานี, สำนักงานเจ้าท่าภาคสาขานราธิวาส และ สำนักพัฒนาและบำรุงรักษาทางน้ำที่4 พร้อมจัดเจ้าหน้าที่ประจำศูนย์ช่วยเหลือฯ จำนวนรวม 24 นาย ความพร้อมทางรถ จำนวน 11 คัน / เรือ 7 ลำ และเมื่อวันที่ 27 ก.พ.65 ศูนย์ช่วยเหลือฯ ร่วมอำนวยความสะดวกและให้ความช่วยเหลือประชาชนแล้ว ดังนี้
• สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขานราธิวาส นำถุงยังชีพจำนวน 30 ชุด น้ำดื่ม 30 แพ็ค ไปมอบให้ผู้ประสบอุทกภัย ตำบลลูโบะสาวอ อำเภอบาเจาะ จังหวัดนราธิวาส
• สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาปัตตานี นำถุงยังชีพ 30 ชุด น้ำดื่ม 30 แพ็ค มอบผู้ประสบอุทกภัยบริเวณ ตำบลสะเต็ง อำเภอเมือง จังหวัดยะลา
• สำนักงานเจ้าท่าภูมิภาคสาขาสงขลา จัดเตรียมถุงยังชีพ จำนวน 40 ชุด น้ำดื่มจำนวน 50 แพ็ค และประสานหน่วยงานในพื้นที่ติดตามสถานการณ์ใกล้ชิด
• สำนักพัฒนาและบำรุงรักษาทางน้ำที่ 4 จัดเตรียมเรือพระราชทานจำนวน 4 ลำ และรถยนต์ 8 คัน น้ำดื่มจำนวน 1,000 แพ็ค พร้อมออกปฎิบัติช่วยเหลือประชาชน

และนอกจากนี้ ตนได้เน้นย้ำให้ศูนย์ช่วยเหลือฯ ติดตามข้อมูลสภาวะอากาศ และเฝ้าระวังสถานการณ์ฝนตกหนัก ปริมาณฝนสะสมอย่างใกล้ชิด รวมถึงให้ออกประกาศแจ้งเตือนชาวเรือควรเดินเรือด้วยความระมัดระวัง เรือเล็กควรงดออกจากฝั่งในระยะนี้

ที่มา : facebook.com/PPRPThailand/
เมื่อวันที่ : 28 กุมภาพันธ์ 2565