โลกเปลี่ยน ไทยต้องปรับ ทางเลือกใหม่ของการเมืองไทย ก้าวข้ามความขัดแย้ง สานพลังประชาราษฎร์ ร่วมสร้างชาติให้ยั่งยืน

หมวดหมู่: ข่าวกิจกรรม

คณะทำงานขับเคลื่อนนโยบายสวัสดิการเด็กเล็กถ้วนหน้า ยื่นข้อเสนอพรรค พปชร.เพิ่มเงินอุดหนุน – สิทธิ พ่อแม่ดูแลบุตร ด้าน “พิมพ์พร”เผย พร้อมเดินหน้าผลักดันใน รบ.คณะใหม่

,

คณะทำงานขับเคลื่อนนโยบายสวัสดิการเด็กเล็กถ้วนหน้า ยื่นข้อเสนอพรรค พปชร.เพิ่มเงินอุดหนุน – สิทธิ พ่อแม่ดูแลบุตร ด้าน “พิมพ์พร”เผย พร้อมเดินหน้าผลักดันใน รบ.คณะใหม่

วันที่ 7 ก.ย. ที่รัฐสภา นางสุนี ไชยรส ประธานคณะทำงานขับเคลื่อนนโยบายสวัสดิการเด็กเล็กถ้วนหน้า เพื่อคุณภาพชีวิตที่ยั่งยืน ยื่นหนังสือถึงพรรคพลังประชารัฐ ผ่าน น.ส.พิมพ์พร พรพฤฒิพันธุ์ จ.เพชรบูรณ์ เขต 1 และ นายอัครแสนคีรี โล่ห์วีระ จ.ชัยภูมิ เขต 7 ตัวแทนถึงข้อเรียกร้องของคณะทำงานขับเคลื่อนนโยบายสวัสดิการเด็กเล็กถ้วนหน้า โดยมีข้อเสนอ คือ 1.ให้เงินอุดหนุนเพื่อการเลี้ยงดูเด็กเล็กถ้วนหน้า รวมทั้งเด็กเล็กทุกคนบนพื้นแผ่นดินไทย ตั้งแต่แม่ตั้งครรภ์จนถึงอายุหกปีคนละ 3,000 บาทต่อเดือน 2.ขยายสิทธิ์ลาคลอดเป็น 180 วัน เพิ่มระยะเวลาให้แม่ และพ่อ ได้เลี้ยงดูลูกอย่างใกล้ชิด และเชื่อมต่อไปศูนย์พัฒนาเด็กเล็กให้รับเด็กเล็กตั้งแต่อายุหกเดือน 3.ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กรับเด็กเล็กตั้งแต่ 6 เดือน รับช่วงต่อจากพ่อแม่ที่ลามาเลี้ยงดูลูกได้หรือ 180 วัน มีความหลากหลายสอดคล้องกับวิถีชีวิตของพ่อแม่ หรือผู้ปกครองที่ทำงานในพื้นที่ 4.ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กมีจำนวนมากพอ กระจายตัวใกล้บ้าน ใกล้ที่ทำงาน หลากหลายรูปแบบ และมีคุณภาพ เพื่อให้เด็กเล็กทุกคนเข้าถึง และได้รับการดูแลพัฒนาในด้านโภชนาการและการเรียนรู้อย่างสมวัย และ5. รัฐบาล และหน่วยงานที่จัดตั้งศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก ให้การสนับสนุนงบประมาณ และบุคลากร โดยเฉพาะศูนย์พัฒนาเด็กเล็กที่ยังไม่สามารถขึ้นทะเบียนให้สามารถดำเนินการได้ตามมาตรฐาน

ด้าน น.ส.พิมพ์พร กล่าวว่า พรรคพลังประชารัฐมีนโยบายในเรื่องสวัสดิการณ์เด็กและสตรีที่ชัดเจน และพยายามผลักดันนโยบายดังกล่าวให้สามารถขับเคลื่อนอย่างเป็นรูปธรรมในรัฐบาลชุดใหม่ โดยข้อเสนอในวันนี้ ตนมองว่าเป็นเรื่องที่ดีที่จะเกิดขึ้นกับเด็ก ๆ ที่เป็นลูกหลานของเรา และจะเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศต่อไปในอนาคต ดังนั้น พรรคจะไม่นิ่งเฉยและจะให้ความสำคัญนโยบายดังกล่าวอย่างแน่นอน

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 7 กันยายน 2566

“จำลอง สส.กาฬสินธุ์” มั่นใจ รมว.เกษตรฯคนใหม่ เข้าใจหัวอกเกษตรกร แก้ปัญหาได้แน่นอน พร้อมฝาก กมธ.สภาฯจริงใจเร่งแก้หลานปัญหาให้ยั่งยืน

,

“จำลอง สส.กาฬสินธุ์” มั่นใจ รมว.เกษตรฯคนใหม่ เข้าใจหัวอกเกษตรกร แก้ปัญหาได้แน่นอน พร้อมฝาก กมธ.สภาฯจริงใจเร่งแก้หลานปัญหาให้ยั่งยืน

นายจำลอง ภูนวนทา สส.กาฬสินธุ์ เขต 3 พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.)กล่าวหารือในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรว่า ประชาชนในพื้นที่ส่วนใหญ่ประกอบอาชีพ ปลูกพืช คือ อ้อย มัน มันสัปปะหลัง ยางพารา และทำการเลี้ยงสัตว์ เช่นไก่ ปลา กุ้ง แต่ตอนนี้ประสบปัญหาเรื่อง ค่าปุ๋ยแพงไม่สมดุลกับราคาพืชผลการเกษตร อย่างเช่น มันสัปปะหลัง ถ้าจะเกษตรกรอยู่ได้ต้อง ปุ๋ยต้องมีราคาต่ำกว่า 1000 บาท ปัจจุบันนี้ปุ๋ย ยูเรีย ราคา 1000 กว่าบาท เละหลายหลายสูตรซึ่ง มัน ไม่สมดุลย์ นอกจากนี้ ระบบชลประทานที่เป็นเรื่องสำคัญในการทำเกษตรให้ได้ผลผลิตอย่างเพียงพอ

นายจำลอง กล่าวต่อว่า วันนี้ตนขอนำความคับแค้นแห่งหัวใจของเกษตรกร โดยปัญหาเรื่องที่สำคัญที่สุดคือเรื่อง กรมปศุสัตว์ผู้เลี้ยงไก่ ในจังหวัดกาฬสินธุ์ โดยเฉพาะที่อำเภอหัดสขัน ที่ผู้เลี้ยงไก่ทำพันธกิจกับเจ้าของบริษัท เรียกว่าเกษตรพันธกิจ ไปทำรายงานกับธนาคาร เพื่อการเกษตร ให้บอกว่ารายได้เลี้ยงได้ถึง7 รุ่นถึง 8 รุ่น ต่อรอบ ในการส่งดอกเบี้ยธนาคาร ปรากฏว่ามันไม่ได้เป็นไปดังที่เจ้าของบริษัทบอกไว้ ทำให้เกษตรกรขาดทุน เมื่อขาดทุนแล้ว อาหารไม่ได้คุณภาพ บริษัทก็บอกว่า บริษัทขัดคล่องทางการเงิน ไม่สามารถส่งอาหารได้ตามระยะเวลาที่ต้องการ ทำให้ไก่มีขนาดตัวเล็กส่งออกไม่ได้ เกษตรกรก็ไม่มีเงินส่งธนาคาร

“วิธีแก้ไขของบริษัททำให้เกษตรกรเป็นทาส เกษตรกรผู้เลี้ยงไก่ ต้องกู้เงินนอกระบบ ทำให้เป็นหนี้ 2 ทาง เป็นหนี้ทั้งธนาคารและบริษัทที่ส่งเสริมการเลี้ยง ฉะนั้นเพื่อเป็นการช่วยเหลือเกษตรกรอย่างจริงจัง ผมจึงฝากไปยังผู้ที่จะเข้ามาเป็นกรรมาธิการสามัญ และขอสนับสนุนให้มีการตั้งกรรมการวิสามัญขึ้นมา เพื่อช่วยเหลือเกษตรกรอย่างจริงจังและจริงใจ ผมเฝ้าติดตามการประชุมสภาผู้แทนราษฎรมาตลอด และครั้งนี้มีโอกาสที่ผมได้เป็น สส. ครั้งแรก และมีโอกาสนำเรื่องคับแค้นของพี่น้องประชาชนเข้ามาสู่สภาแห่งนี้ ทั้งนี้เพื่อให้เกษตรกรอยู่ได้ ผมฝากไปยังรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์คนใหม่ ผมมั่นใจในตัวท่านมากว่าท่านทำได้ เพราะท่านเป็นคนไวต่อหัวอกของเกษตรกร และไวต่อทุกเรื่อง คือส่งเสริมให้มีระบบชลประทาน เพื่อพี่น้องเกษตรกรได้ ปลูกพืชได้ผลผลิตเพิ่มขึ้น”นายจำลอง กล่าว

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 7 กันยายน 2566

“ พล.ต.อ.พัชรวาท” เข้าสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำกระทรวงทรัพย์ฯวันแรก เดินหน้าบูรณาหน่วยงาน รุกดูแล แก้ปัญหาด้าน สิ่งแวดล้อมมุ่งยกระดับคุณภาพชีวิตปชช.

,

“ พล.ต.อ.พัชรวาท” เข้าสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำกระทรวงทรัพย์ฯวันแรก เดินหน้าบูรณาหน่วยงาน รุกดูแล แก้ปัญหาด้าน สิ่งแวดล้อมมุ่งยกระดับคุณภาพชีวิตปชช.

7 ก.ย.66 พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้เข้าสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ประจำกระทรวง ในเวลา 9.45 น. โดยผู้บริหารระดับสูงของกระทรวง และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) ให้การต้อนรับ โดยได้ให้สัมภาษณ์ถึงสถานการณ์น้ำมันดิบรั่วไหลบริเวณทางตอนใต้ของเกาะสีชัง จ.ชลบุรี ว่า ตนได้ มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะการแพร่กระจายของคาบน้ำมัน ที่ต้องเน้นการใช้เทคโนโลยีดาวเทียมเพื่อตรวจสอบการขยายวงกว้างของคาบน้ำมันที่อาจจะเกิดขึ้น เพื่อลดผลกระทบด้านส่ิงแวดล้อม และระบบนิเวศทางทะเลที่อาจก่อให้เกิดผลกระทบประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มอาชีพประมงชายฝั่ง

ขณะเดียวกันให้มีการจัดทำแผนแม่บท โดยการถอดบทเรียน กรณีการรั่วไหลของน้ำมัน ในครั้งนี้ เพื่อไม่ให้เกิดเหตุซ้ำซาก เพราะคาบน้ำมัน จะมีผลต่อส่ิงแวดล้อม และระบบนิเวศ ทางทะเลและชายฝั่ง นอกจากนี้ยังมีความเป็นห่วงปัญหาฝุ่น PM2.5 ที่ประเทศไทย กำลังเผชิญปัญหาและสร้างผลบกระทบต่อสุขภาพของประชาชน ในฤดูหนาวของทุกปี ซึ่งได้ให้มีการเตรียมแผนป้องกันภัยที่จะเกิดขึ้น โดยตั้งเป้าให้มีการแก้ไขสถานการณ์ให้ดีขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา รวมถึงเรื่องการจัดสรรที่ทำกิน นับเป็นเรื่องสำคัญ ที่พรรค พปชร. ผลักดันมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในภาพรวมการทำงาน จะเน้นให้เกิดการบูรณาการของทุกส่วนที่เกี่ยวข้อง เพื่อขับเคลื่อนนโยบายการช่วยเหลือประชาชน และการดูแลส่ิงแวดล้อมควบคู่กันไป เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนให้ดีย่ิงขึ้น และเกิดความยั่งยืน

ในฐานะที่ต้องมารับผิดชอบงานบริหารราชการต่อ จากพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ไม่ได้มีข้อสั่งการเป็นพิเศษกับเรื่องนี้ แต่ให้เป็นความรับผิดชอบในการดูแลตามหน้าที่ให้ดีที่สุด และไม่มีความกังวลในการมาบริหารงานที่นี้ เพราะกระทรวงไม่ได้มีปัญหาอะไร เนื่องจากข้าราชการกระทรวงนี้ มีความรู้ความสามารถในการดูแล รับผิดชอบในหน้าที่ดีอยู่แล้ว พล.ต.อ.พัชรวาท กล่าว

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 7 กันยายน 2566

“ร.อ.ธรรมนัส”รับข้อเรียกร้องแก้ไขปัญหาราคากุ้งตกต่ำ จากสส.ในสภาฯ ร่วมฟังข้อมูลสะท้อนปัญหาของเกษตรกรทุกพื้นที่พร้อมยื่นมือช่วยเหลือปชช.

,

“ร.อ.ธรรมนัส”รับข้อเรียกร้องแก้ไขปัญหาราคากุ้งตกต่ำ จากสส.ในสภาฯ
ร่วมฟังข้อมูลสะท้อนปัญหาของเกษตรกรทุกพื้นที่พร้อมยื่นมือช่วยเหลือปชช.

การประชุมสภาผู้แทนราษฎร ได้มีการพิจารณาญัตติ เรื่อง ขอให้สภาผู้แทนราษฎรตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการแก้ไขปัญหาราคากุ้งตกต่ำของนายอรรถกร ศิริลัทธยากร สส.ฉะเชิงเทรา เขต2 พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) ซึ่งมีญัตติในเรื่องเดียวกันอีก 10 ญัตติของสมาชิกในสภาร่วมพิจารณาด้วย โดย ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า สส.พะเยา และเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.)ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้เข้าร่วมรับฟังปัญหาของเกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งด้วยตนเองในสภาฯ

ทั้งนี้ นายศาสตรา ศรีปาน สส.สงขลา พรรครวมไทยสร้างชาติ หนึ่งในสมาชิกที่ร่วมอภิปรายการแก้ไขปัญหากุ้งราคาตกต่ำ กล่าวในที่ประชุมว่า วันนี้เป็นโอกาสที่ดีที่ ร.อ.ธรรมนัส มาฟังการอภิปรายด้วย ทำให้ได้รับรู้ปัญหาของเกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้ง ซึ่งถือว่าเป็นปัญหาใหญ่ โดยคาดหวังให้ ร.อ.ธรรมนัส รมว.เกษตรฯ เร่งแก้ไขราคากุ้งตกต่ำให้เป็นรูปธรรม อย่างไรก็ตามจากการลงพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราช ของ ร.อ.ธรรมนัส เมื่อเร็วๆนี้เพื่อแก้ปัญหาเรื่องมังคุดราคาตกต่ำ ก็ต้องขอขอบคุณแทนเกษตรกร ชาวจังหวัดนครศรีธรรมราชด้วย เช่นเดียวกับปัญหาราคากุ้ง ที่กำลังรอให้ ร.อ.ธรรมนัส มาช่วยเหลือเช่นกัน ตนจึงขอยื่นหนังสือถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ที่อยู่ในที่ประชุมด้วย

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 6 กันยายน 2566

“อามินทร์”ฝาก ก.ทรัพยากรฯเร่งหาทางออกปัญหาน้ำทะเลกัดเซาะชายฝั่ง บริเวณบ้านปูลาโต๊ะบีซู หลังทำให้เสียดินแดนแนวชายฝั่งปีละ 2 เมตร

,

“อามินทร์”ฝาก ก.ทรัพยากรฯเร่งหาทางออกปัญหาน้ำทะเลกัดเซาะชายฝั่ง บริเวณบ้านปูลาโต๊ะบีซู หลังทำให้เสียดินแดนแนวชายฝั่งปีละ 2 เมตร

นายอามินทร์ มะยูโซ๊ะ สส.นราธิวาส อำเภอตากใบพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) กล่าวหารือถึงความเดือดร้อนของประชาชนในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรว่า ตนได้รับเรื่องร้องเรียนจากนายกองค์การบริหารส่วนตำบล ศาลาใหม่ ถึงปัญหาน้ำทะเลกัดเซาะชายฝั่งบริเวณบ้านปูลาโต๊ะบีซู หมู่ 8 ตำบลศาลาใหม่ ปัจจุบันได้รับความเสียหายตลอดแนวกว่า 2,500 เมตร หมู่บ้านแห่งนี้มีเนื้อที่ประมาณ 700 ไร่ ปัจจุบันเหลือเพียง 500 ไร่ โดยเฉพาะ 3 ปีหลัง ที่เราเสียดินแดนที่เรียกว่า ปลายด้ามขวาน เฉลี่ยปีละ 2 เมตร ชาวบ้านในหมู่บ้านแห่งนี้ ประกอบอาชีพประมงพื้นบ้าน ที่ดินพื้นเดียวที่มีอยู่บนเกาะแห่งนี้

“ผมต้องขอขอบคุณกรมโยธาธิการ และผังเมืองที่ไม่ได้นิ่งนอนใจ เข้าสำรวจและได้ทำประชาคมไปแล้วถึง 4 ครั้ง แต่ปัญหาอยู่ที่กฎหมายที่ต้องใช้เวลาศึกษาผลกระทบ ทำให้เราตกอยู่ในสภาวะที่เสี่ยงจะเสียดินแดนแห่งนี้ต่อไป ปีละ 2 เมตร ตลอดแนวชายฝั่ง อย่างน้อยอีก 5 ปี ผมอยากจะขอฝากกระทรวงทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม กรมโยธาธิการและผังเมือง เร่งหาทางออกให้กับเรื่องนี้”นายอามินทร์ กล่าว

นายอามินทร์ กล่าวต่อถึงปัญหาบ้านเกาะยาว อำเภอตากใบ ต้นตำรับปลากุเลาที่โด่งดัง ที่คนซื้อไม่ได้กินทคนกินไม่ได้ซื้อ ตอนนี้ได้รับความเดือดร้อนอย่างมาก เนื่องจากทางเข้าออกของหมู่บ้านมีอยู่ 2 เส้นทาง ทางที่ 1 เข้าออกทางรถยนต์ต้องใช้การเดินทางกว่า 9 กิโลเมตรหรือใช้เส้นทางกว่า 20 นาที เพราะเส้นทางที่เข้าออกทุรกันดารเป็นอย่างมาก เส้นทางที่ 2 ทางเข้าออกอีกเส้นทางหนึ่งก็คือ สะพานคอย 100 ปี ที่ชื่อสะพานคอย 100 ปีนะครับ เพราะชาวบ้านรอสะพานแห่งนี้กว่าจะสร้างเสร็จใช้เวลา กว่า 100 ปี ได้สะพานมาทั้งทีก็ได้สะพานกว้างแค่ 2 เมตร ขับรถมอเตอร์ไซค์สวนกันก็ยากลำบาก จึงอยากจะขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องสร้างสะพานเข้าออกหมู่บ้าน ที่มีความกว้าง รถยนต์สามารถเข้าออกบ้านเกาะยาวด้วยความสะดวก เพื่อเปิดโอกาสให้จังหวัดนราธิวาสได้มีสถานที่ท่องเที่ยวที่สามารถชูโรง สร้างชื่อเสียงให้กับจังหวัดนราธิวาสได้

นอกจากนี้ ยังมีปัญหาที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงในเรื่องของธรรมชาติ เช่น เรื่องของน้ำขึ้นน้ำลง บวกกับการขุดลอกคลองตากใบ ที่เคยเป็นแหล่งเพาะพันธ์ุสัตว์น้ำหลากหลายชนิด หลายครัวเรือนเลี้ยงปลากระพงในกระชัง ซึ่งเป็นรายได้หลัก แต่ปัจจุบันประสบปัญหาคลองตื้นเขิน เพราะการขุดลอกมานาน ส่งผลให้ชาวบ้านไม่สามารถนำเรือเข้ามาจอดเทียบท่าได้ จึงขอให้กรมเจ้าท่า ดำเนินการขุดลอกคลองตากใบ เพื่อให้พี่น้องชาวประมงพื้นบ้าน สามารถประกอบอาชีพเลี้ยงชีพได้ต่อไป

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 6 กันยายน 2566

“ร.อ.ธรรมนัส” เข้าปฏิบัติหน้าที่ขับเคลื่อนกระทรวงเกษตรฯ รุกนโนยายแก้ปัญหาเร่งด่วนให้พี่น้องเกษตรกร 100 วันเห็นผล

,

“ร.อ.ธรรมนัส” เข้าปฏิบัติหน้าที่ขับเคลื่อนกระทรวงเกษตรฯ รุกนโนยายแก้ปัญหาเร่งด่วนให้พี่น้องเกษตรกร 100 วันเห็นผล

6 ก.ย.2566 ร.อ.ธรรมนัส พรหมณ์เผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เดินทางเข้าสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิประจำกระทรวง ศาลพระภูมิ ศาลท้าวเวสสุวรรณ ศาลตา – ยาย สักการะองค์พระพิรุณทรงนาค (หน้าอาคาร) และองค์พระพิรุณทรงนาค (ห้องพิพิธภัณฑ์) พร้อมด้วย 2 รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวง ในเวลา 8.19 น. และได้ร่วมถ่ายภาพร่วมกับผู้บริหาร ข้าราชการ และเจ้าหน้าที่ บริเวณหน้าอาคารกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ทั้งนี้ยังได้เตรียมมอบหมายนโยบายให้นายประยูร อินสกุล ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และผู้บริหารและหัวหน้าส่วนราชการทั้งหมดในวันนี้ เพื่อหารือมาตรการและการขับเคลื่อนการดำเนินงานของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ที่มีความเร่งด่วน อาทิ การแก้ปัญหาภัยแล้ง ผลจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในภาคเหนือตอนบนและภาคอีสาน การแก้ไขปัญหาการทำประมงที่ผิดกฎหมายตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี การปราบปรามการลักลอบนำเข้าเนื้อสัตว์ผิดกฎหมาย และนโยบายพักหนี้เกษตรกร เป็นต้น

ปัญหาเหล่านี้ ล้วนเป็นปัญหาเร่งด่วนที่นายกรัฐมนตรีให้ความเป็นห่วง และจะมีความชัดเจนหลังจากแถลงนโยบายของรัฐบาลในวันจันทร์ที่ 11 กันยายน 2566 ที่จะถึงนี้ ส่วนการแบ่งงานของรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จะมีการประชุมแบ่งงานภายหลังแถลงนโยบายฯ ทั้งนี้ ภายในสัปดาห์หน้าจะสามารถเดินหน้าทำงานได้ทันที

สำหรับปัญหาราคามังคุดใต้ที่ตกต่ำ ทั้งที่เป็นมังคุดปลายฤดูกาลผลิต ซึ่งได้เร่งระบายผลผลิตจนสถานการณ์คลี่คลายแล้ว นอกจากนี้ ได้มอบหมายปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เดินหน้ามาตรการแก้ปัญหาในระยะกลาง และระยะยาวอย่างยั่งยืนอีกด้วย

“ขอฝากถึงพี่น้องเกษตรกรทั่วประเทศ ว่ากระทรวงเกษตรฯ มีความตั้งใจที่จะช่วยเหลือและยกระดับคุณภาพชีวิตเกษตรกรไทย ให้มีความอยู่ดีกินดีอย่างยั่งยืน ซึ่งนโยบายเร่งด่วนต่าง ๆ ที่กล่าวข้างต้น ต้องมีความชัดเจนและเห็นผลภายใน 100 วันด้วย”รัฐมนตรีเกษตรฯ กล่าว

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 6 กันยายน 2566

“พล.ต.อ. พัชรวาท” เกาะติดน้ำมันดิบรั่ว เกาะสีชัง ห่วงกระทบ ปชช และ สิ่งแวดล้อม

,

“พล.ต.อ. พัชรวาท” เกาะติดน้ำมันดิบรั่ว เกาะสีชัง ห่วงกระทบ ปชช และ สิ่งแวดล้อม

พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) เปิดเผยถึงกรณีเหตุการณ์น้ำมันดิบรั่วไหล บริเวณทางตอนใต้ของเกาะสีชัง จ.ชลบุรี ว่า ได้รับรายงานสถานการณ์จาก นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นระยะ หลังจากที่เกิดเหตุการณ์ เมื่อช่วงกลางดึกวันที่ 3 ก.ย.ที่ผ่านมา

โดยได้กำชับสั่งการท่านปลัดกระทรวงฯ ไปแล้วว่า ขอให้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ทั้งทรัพยากรชายฝั่ง ทรัพยากรทางทะเล โดยเฉพาะบริเวณที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของพื้นที่ และที่สำคัญที่สุดคือ ต้องไม่ส่งผลกระทบถึงชีวิตความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชนในพื้นที่

ซึ่งทางปลัดกระทรวงฯ ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม คือ กรมควบคุมมลพิษ และกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง เฝ้าติดตามสังเกตการณ์สถานการณ์ในพื้นที่อย่างต่อเนื่องใกล้ชิด ทั้งการคาดการณ์การเคลื่อนตัวของคราบน้ำมัน การเก็บตัวอย่างน้ำและน้ำมันเพื่อวิเคราะห์และประเมินผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม การสำรวจผลกระทบต่อแนวปะการัง เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบในวงกว้าง รวมถึงได้กำชับให้มีการประสานงานและให้ความร่วมมือกับหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดและทันท่วงที

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 6 กันยายน 2566

“พล.ต.อ.พัชรวาท” ร่วมสักการะสิ่งศักดิ์ พร้อมทีมนายกฯ ฤกษ์ดีเป็นสิริมงคล พร้อมปฏิบัติภารกิจ มุ่งมั่นทำเพื่อประชาชน

,

“พล.ต.อ.พัชรวาท” ร่วมสักการะสิ่งศักดิ์ พร้อมทีมนายกฯ ฤกษ์ดีเป็นสิริมงคล พร้อมปฏิบัติภารกิจ มุ่งมั่นทำเพื่อประชาชน

วันที่ 6 กันยายน 2566 พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.)ร่วมพิธีสักการะพระพรหม บนตึกไทยคู่ฟ้า จากนั้น เวลา 8.09 น. ถือฤกษ์ดี ได้ทำการสักการะศาลพระภูมิเจ้าที่ ศาลตาศาลยาย สิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำทำเนียบรัฐบาล ก่อนประชุม คณะรัฐมนตรีนัดพิเศษ ที่ตึกบัญชาการ 1 ชั้น 5 ทำเนียบรัฐบาล

โดยพร้อมปฏิบัติภารกิจอย่างเต็มกำลัง ในการทำงานเพื่อประโยชน์ของประชาชน

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 6 กันยายน 2566

“สนธิรัตน์” ลงพื้นที่นครศรีธรรมราช ควง “สส.สุธรรม” สร้างการเมืองมิติใหม่ ลุยทำงานเพื่อ ปชช. พร้อมร่วมถกสมาพันธ์บริษัทประชารัฐฯ 14 จังหวัดภาคใต้ ขับเคลื่อนต่อ “บริษัทประชารัฐรักสามัคคี” สร้างโมเดลความสำเร็จ ตั้งเป้าผลักดันเข้าตลาดหลักทรัพย์

,

“สนธิรัตน์” ลงพื้นที่นครศรีธรรมราช ควง “สส.สุธรรม” สร้างการเมืองมิติใหม่ ลุยทำงานเพื่อ ปชช. พร้อมร่วมถกสมาพันธ์บริษัทประชารัฐฯ 14 จังหวัดภาคใต้ ขับเคลื่อนต่อ “บริษัทประชารัฐรักสามัคคี” สร้างโมเดลความสำเร็จ ตั้งเป้าผลักดันเข้าตลาดหลักทรัพย์

วันที่ 2-3 กันยายน 2566 ที่อำเภอเมือง-ทุ่งสง จังหวัดนครศรีธรรมราช นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ ประธานกรรมการด้านการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์พรรคพลังประชารัฐ พร้อมด้วย นายสุธรรม จริตงาม สส.จังหวัดนครศรีธรรมราช เขต 6 พรรคพลังประชารัฐ นายวัชระ กรรณิการ์ สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ นายทวี สุระบาล สส.จังหวัดตรัง เขต 2 พรรคพลังประชารัฐ และนายคอซีย์ มามุ สส. จังหวัดปัตตานี เขต 2 ลงพื้นที่อำเภอเมือง และอำเภอทุ่งสง จังหวัดนครศรีธรรมราช รับฟังเสียงพี่น้องประชาชน เดินหน้าแก้ปัญหา พัฒนาพื้นที่ สร้างความอยู่ดีกินดีให้กับพี่น้องประชาชน

โดยนายสนธิรัตน์ และนายสุธรรม ได้เปิดเวทีถก “ทิศทางการพัฒนาอำเภอทุ่งสง” ซึ่งมีผู้นำชุมชน 13 ตำบล ในอำเภอทุ่งสง เข้าร่วมกว่า 100 คน นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า การลงพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราชครั้งนี้ ตนตั้งใจมาช่วย สส.สุธรรม จริตงาม ในการลงพื้นที่พบปะประชาชน เพื่อรวบรวมปัญหาและข้อเสนอแนะจากพี่น้องประชาชนในการพัฒนาขับเคลื่อนพื้นที่อำเภอทุ่งสงนำไปสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืน ซึ่งมาวันนี้ก็ได้รับทราบหลายปัญหาในพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็นปัญหาเรื่องน้ำแล้ง น้ำหลาก ปัญหาราคาผลผลิตทางการเกษตรตกต่ำ เช่น ราคามังคุด ยางพารา ปัญหายาเสพติด และปัญหาพื้นที่ทำกิน เป็นต้น ซึ่งตนและ สส.สุธรรม เก็บรวบรวมทุกปัญหา เพื่อนำไปสู่การวางแนวทางการบริหารให้สอดรับกับทุกปัญหาที่ผู้นำชุมชนได้สะท้อนออกมา ซึ่งตนในฐานะประธานกรรมการด้านการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์พรรคพลังประชารัฐ พร้อมจะช่วยคิด ช่วยวางแนวทางแก้ปัญหาให้อย่างแน่นอน

“การลงพื้นที่ในวันนี้ ถือเป็นมิติใหม่ทางการเมืองที่ยึดปัญหาพี่น้องประชาชนและบ้านเมืองเป็นตัวตั้ง ซึ่งที่ผ่านมาจะเห็นว่าผมและ สส. สุธรรม มาพร้อมกับ สส. ทวี จังหวัดตรัง และ สส. คอซีย์ จังหวัดปัตตานี มาลงพื้นที่ร่วมกัน เพราะแนวทางการทำงานของพรรคพลังประชารัฐ เน้นการทำงานทั้งองคาพยพ ผมเชื่อว่าการพัฒนาและการแก้ปัญหา ที่จะช่วยสร้างความเข้มแข็งและความยั่งยืนต้องมาจากความร่วมมือที่จะปิดจุดด้อย ส่งเสริมจุดเด่นร่วมกัน ดังนั้น สส. ภาคใต้ของพรรคพลังประชารัฐหรือแม้แต่ สส. ทุกภาคก็ยึดแนวทางการทำงานแบบนี้ วันนี้ ผมอยากให้พี่น้องประชาชนชาวทุ่งสงมั่นใจในตัว สส.สุธรรม ว่าท่านเลือกคนไม่ผิดแน่นอน” นายสนธิรัตน์ กล่าว

นายสุธรรม กล่าวยืนยันว่า ตนมีความตั้งใจที่จะทำงานเพื่อพี่น้องประชาชน จะเป็นตัวแทนของพี่น้องประชาชนเข้าไปขับเคลื่อนงบประมาณเข้ามาพัฒนาแก้ปัญหา ไม่ใช่แค่ สส. อีเว้น งานศพ งานบวช งานแต่ง แต่ตนจะเป็น สส. ที่ประชาชนเข้าถึง ร่วมทุกข์ร่วมสุขกับพ่อแม่พี่น้องทุกคน ตามนโยบายที่ผู้บริหารพรรคพลังประชารัฐตั้งมั่นไว้เป็นแนวทางให้ สส. ของพรรคทุกคนได้ทำหน้าที่ของตนในพื้นที่อย่างแน่นอน ซึ่งหลังจากนี้ ตนจะเดินหน้าโครงการ สส. สัญจร พบปะพี่น้องประชาชนทุกพื้นที่ต่อไป

จากนั้น นายสนธิรัตน์ และ นายสุธรรม ได้เดินทางไปดูพื้นที่ช่องเขาหินลูกช้าง พร้อมรับหนังสือติดตามความคืบหน้าโครงการก่อสร้างถนนเขตป่าสงวนช่องเขาหินลูกช้าง จากนายเดชพล แก้วคุ้มภัย นายกองค์การบริหารส่วนตำบลนาไม้ไผ่ ซึ่งดำเนินการยื่นเรื่องมาตั้งแต่ปี 63 แต่โครงการไม่คืบหน้า เนื่องจากติดกฎหมายของกรมป่าไม้ โดยโครงการตัดถนนดังกล่าว จะเป็นเส้นทางสัญจร และการขนส่งพืชผลทางการเกษตร ที่เชื่อมต่อพื้นที่อำเภอทุ่งสง เช่น ตำบลเขาขาว และอำเภอทุ่งใหญ่ ไปจนเชื่อมต่อจังหวัดกระบี่และภูเก็ตได้ นอกจากนี้ ยังสามารถพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาตห้กับอำเภอทุ่งส่ง เนื่องจากเขาหินลูกช้าง เป็นจุมชมวิวที่สามารถมองเห็นอำเภอทุ่งสงได้ทั้งเมือง และบางพื้นที่ในจังหวัดตรังและกระบี่ได้อีกด้วย

นอกจากนี้ ที่โรงแรมทวินโลตัส อำเภอเมือง จังหวัดนครศรีธรรมราช นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ ประธานกรรมการด้านการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์พรรคพลังประชารัฐ พบปะตัวแทน บริษัท ประชารัฐรักสามัคคี วิสาหกิจเพื่อสังคม (ประเทศไทย) จำกัด ภาคใต้ 14 จังหวัด ประกอบด้วย กลุ่มจังหวัดอันดามัน กลุ่มจังหวัดอ่าวไทย และกลุ่มจังหวัด 3 ชายแดนใต้ เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในหัวข้อ บริษัทประชารัฐฯ จากอดีต ปัจจุบัน อนาคต จะไปอย่างไร ในระหว่างการประชุมสมาพันธ์บริษัทประชารัฐฯ ภาคใต้ ครั้งที่ 3/2566

นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า บริษัท ประชารัฐรักสามัคคี วิสาหกิจเพื่อสังคม (ประเทศไทย) จำกัด เกิดขึ้นในสมัยที่พรรคพลังประชารัฐเป็นรัฐบาลบริหารประเทศ ภายใต้แนวคิดความร่วมมือแบบบูรณาการระหว่างรัฐ เอกชน และประชาชน เพื่อเป้าหมายสร้างชุมชนทั่วประเทศให้เกิดความเข้มแข็งที่คลอบคลุมทั้งด้านสังคม อาชีพ รายได้ คุณภาพชีวิตของประชาชน และสิ่งแวดล้อม

โดยพรรคพลังประชารัฐยังยืนยันที่จะขับเคลื่อนและพัฒนาบริษัทประชารัฐฯ ทั่วประเทศต่อไป เพื่อสร้างความเข้มแข็งให้กับระบบเศรษฐกิจฐานรากเพราะวันนี้ตนเชื่อว่าบริษัทประชารัฐฯ ยังคงเป็นเครื่องมือสำคัญที่จะขับเคลื่อนชุมชนทั่วประเทศให้อยู่ดีกินดีและพึ่งพาตัวเองได้

“บริษัทประชารัฐรักสามัคคี เป็นเครื่องมือที่ดี และยังเป็นความหวังของชุมชนที่จะสร้างเศรษฐกิจฐานรากให้เข้มแข็งได้ โดยรวมเอาจุดดีของ CSR ระบบสหกรณ์ และ Business model ของภาคเอกชนมาบูรณาการเป็นบริษัทประชารัฐรักสามัคคีซึ่งวันนี้พรรคพลังประชารัฐมีความตั้งใจที่จะสร้างให้เข้มแข็งและเติบโตก้าวไปให้ถึงตลาดหลักทรัพย์ เพื่อเป็นโมเดลความสำเร็จของบริษัทประชารัฐรักสามัคคี และเป็นเครื่องมือแก้จนให้ประชาชนอยู่ดีกินดีได้อย่างยั่งยืน” นายสนธิรัตน์ กล่าว

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 3 กันยายน 2566

“บุญชัย ส.ส.เพชรบูรณ์ “ร่วมมือปชช. เร่งทำฝายน้ำล้น เพื่อเพิ่มปริมาณน้ำแม่น้ำป่าสัก ลดผลกระทบภัยแล้งอิทธิเอลนีโญหวังแก้ปัญหามีน้ำกินน้ำใช้เพื่อการเกษตรในพื้นที่

“บุญชัย ส.ส.เพชรบูรณ์ “ร่วมมือปชช. เร่งทำฝายน้ำล้น เพื่อเพิ่มปริมาณน้ำแม่น้ำป่าสัก
ลดผลกระทบภัยแล้งอิทธิเอลนีโญหวังแก้ปัญหามีน้ำกินน้ำใช้เพื่อการเกษตรในพื้นที่

นายบุญชัย กิตติธาราทรัพย์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.)จ. เพชรบูรณ์ เขต 3 พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) กล่าวว่า ได้ร่วมมือกับผู้นำชุมชน ชาวบ้านและ เกษตรกรในแผนเพิ่มปริมาณกักเก็บน้ำ ในแม่น้ำป่าสัก เพื่ออุปโภคและบริโภค และให้มีเพียงพอเพื่อภาคการเกษตร ซึ่งจะเป็นการบรรเทาปัญหาความแห้งแล้งที่เกิดขึ้นจากอิทธิพลสถานการณ์เอลนีโญในหลายตำบล ของ อ.หล่มสัก จ.เพชรบูรณ์ ที่ขณะนี้กำลังประสบปัญหาอย่ากหนัก พบว่าปริมาณน้ำในแม่น้ำป่าสักแห้งแล้งกว่าปกติ เพราะตลอดกว่า 60-70 ปี ไม่เคยประสบปัญหาเช่นนี้มาก่อน

ดังนั้นได้ร่วมมือกันจากทุกภาคส่วน กว่า 250-300 คน นำกระสอบทรายมากั้นแม่น้ำป่าสัก เพื่อทำเป็นฝายน้ำล้น กักเก็บน้ำไว้ใช้ในช่วงที่ฝนทิ้งช่วง เพื่อป้อนให้กับประชาชนกว่า 3,000 ครัวเรือน ในหลายตำบลได้รับผลกระทบอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็น ต.สักหลง ต.บ้านโสก ต.ห้วยไร่ ต.บ้านหวาย ต.ปากช่องและ ต.ตาลเดี่ยว ซึ่งเป็นตำบลที่มีคลองชลประทานที่มีการรับน้ำจากแม่น้ำป่าสักโดยตรง จากปัญหาดังกล่าวสร้างผลกระทบพื้นที่เพาะปลูกข้าวประมาณ 11,963 ไร่ ยังไม่รวมถึงพื้นที่เพาะปลูกพืชชนิดอื่นอีก

“แม้ว่าขณะนี้ทางจ. เพชรบูรณ์ จะได้รับการทำฝนหลวง ในพื้นที่อำเภอหล่มเก่าและอำเภอหล่มสัก แต่ปริมาณน้ำฝนก็ยังมีไม่มากพอ เพื่อป้อนให้พื้นที่เกษตรกรพี่น้องประชาชน ที่ทำการเพาะปลูกพืชผัก ปลูกข้าวและข้าวโพด ซึ่งถือเป็นอาชีพหลักของคนในพื้นที่”

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 3 กันยายน 2566

“วรโชติสส.พปชร.” ขอบคุณ “สันติ พร้อมพัฒน์” ช่วยเกษตรกร จ.เพชรบูรณ์ ผลักดันครม.เร่งทำฝนหลวงแก้ปัญหาภัยแล้งให้ชาวบ้าน

,

“วรโชติสส.พปชร.” ขอบคุณ “สันติ พร้อมพัฒน์” ช่วยเกษตรกร จ.เพชรบูรณ์ ผลักดันครม.เร่งทำฝนหลวงแก้ปัญหาภัยแล้งให้ชาวบ้าน

นายวรโชติ สุคนธ์ขจร สส.เพชรบูรณ์ เขต 4 พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.)กล่าวว่า ในช่วงที่ฝนทิ้งช่วง จากภัยเอลนีโญ ส่งผลให้พี่น้องเกษตรกรและประชาชนประสบปัญหาขาดแคลนน้ำ ในจ.เพชรบูรณ์ เพื่อการเกษตรและการอุปโภคบริโภค ในพื้นที่อย่างรุนแรงเพราะเป็นพื้นที่สูง

ทั้งนี้จากการได้รับการร้องเรียนจากชาวบ้านในพื้นที่ของจังหวัด ทั้งอำเภอชนแดน,อำเภอวังโป่ง,อำเภอหนองไผ่ และอำเภอภายในเขตจังหวัดเพชรบูรณ์ จึงได้ประสานงานไปยังนายสันติ พร้อมพัฒน์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ในฐานะรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง รวมถึง สส.เพชรบูรณ์ ของพรรคพลังประชารัฐอีกทั้ง 5 เขต ได้แก่ นางสาวพิมพ์พร พรพฤฒิพันธุ์,นายจักรัตน์ พั้วช่วย,นายบุญชัย กิตติธาราทรัพย์,นางวันเพ็ญ พร้อมพัฒน์,นายอัคร ทองใจสด และยังประสานไปยังนายอัครเดช ทองใจสด นายก อบจ.เพชรบูรณ์ และนายกฤษณ์ คงเมือง ผวจ.เพชรบูรณ์ ร่วมกันผลักดันให้เกิดการทำฝนเทียมที่ จ.เพชรบูรณ์

“ล่าสุด จากความร่วมมือกันผลักดัน เพื่อแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนในพื้นที่ ทางคณะรัฐมนตรีจึงได้มีมติ อนุมัติให้ดำเนินการ ทำฝนหลวง โดยกรมฝนหลวงและการบินเกษตร เพื่อเร่งดำเนินการแก้ปัญหาภัยแล้ว และประสบปัญหาการขาดแคลนน้ำให้พี่น้องชาวเพชรบูรณ์เป็นกลุ่มแรกแล้ว เนื่องจากภาวะฝนทิ้งช่วงจากภัยเอลนีโญ ทั้งนี้ภารกิจที่สามารถบรรลุเป้าหมาย ในการช่วยเหลือประชาชนในครั้งนี้ได้ต้องขอขอบพระคุณท่านสันติ พร้อมพัฒน์ และสส.จังหวัดเพชรบูรณ์ทุกเขต รวมไปถึงหน่วยงานราชการที่มีส่วนเกี่ยวข้องด้วย

สำหรับการแก้ไขปัญหาเร่งด่วนได้ลงพื้นที่ประสานกับนายกองค์การบริหารส่วนตำบลห้วยโป่ง (อบต.)และองค์การบริหารส่วนจังหวัดเพชรบูรณ์ อบจ เพื่อนำเครื่องจักร เพื่อดำเนินการวางท่อ เพื่อดำเนินการผันน้ำจากแม่น้ำป่าสักเข้าพื้นที่เกษตรกรเป็นการเร่งด่วน เพื่อให้เกษตรกรมีน้ำใช้ในการประกอบอาชีพเพื่อบรรเทาความเดือดร้อน

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 1 กันยายน 2566

“พล.อ.ประวิตร”ร่วมเปิดงาน” วันน้ำโลก ปี66 ” ห่วงวิกฤตน้ำในอนาคต วอนคนไทย มีส่วนร่วมเห็นคุณค่าฟื้นฟูใช้ประโยชน์ ประหยัดและยั่งยืน

,

“พล.อ.ประวิตร”ร่วมเปิดงาน” วันน้ำโลก ปี66 ” ห่วงวิกฤตน้ำในอนาคต
วอนคนไทย มีส่วนร่วมเห็นคุณค่าฟื้นฟูใช้ประโยชน์ ประหยัดและยั่งยืน

เมื่อ 1 ก.ย.66 09.30 น. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้เดินทางไปเป็นประธานจัดกิจกรรม ” ความร่วมมือ และการมีส่วนร่วมบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ เนื่องใน “วันน้ำโลก ประจำปี 2566” พร้อมชมนิทรรศการพร้อมมอบใบประกาศเกียรติคุณให้แก่หน่วยงานที่รับผิดชอบและสนับสนุนการดำเนินงานการบริหารจัดการน้ำที่ผ่านมา พร้อมรับรายงานวัตถุประสงค์การจัดกิจกรรมดังกล่าว จาก ดร.สุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาฯ สทนช. และได้เป็นประธานพิธีเปิดงาน พร้อมกล่าวเจตนารมย์ของไทยเนื่องใน วันน้ำโลก ประจำปี 2566 โดยมีสาระสำคัญ คือ “น้ำ”ถือเป็นทรัพยากรที่มีความจำเป็นอย่างยิ่ง ต่อการดำรงชีวิต และการพัฒนาในทุกมิติ ซึ่ง UN ได้กำหนดให้วันที่ 22 มีนาคม

ทุกปีเป็นวันน้ำโลก (World Water Day) โดยให้ประชาคมโลกร่วมกันรณรงค์ให้เกิดการฟื้นฟูและใช้ประโยชน์จากทรัพยากรน้ำ อย่างยั่งยืน เร่งการเปลี่ยนแปลงด้วยการลงมือปฏิบัติ เพื่อลดวิกฤติด้านน้ำ และสุขาภิบาล ทั้งนี้ ประเทศไทยได้ให้ความสำคัญกับการบริหารทรัพยากรน้ำในทุกมิติ ที่ผ่านมา โดยมีเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยการขับเคลื่อนการบริหารจัดการ แบบพลวัต ด้วยความร่วมมือของคณะกรรมการลุ่มน้ำ ซึ่งจะเป็นข้อกลางเชื่อมโยงการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน ตั้งแต่ระดับชุมชนพร้อมกับการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม เพื่อให้ประชาชนทุกกลุ่มสามารถเข้าถึง การใช้น้ำที่มีคุณภาพ เพียงพอ และเท่าเทียมกัน

พล.อ.ประวิตร ได้เน้นย้ำถึง เจตนารมย์ของรัฐบาลไทยที่พร้อมเดินหน้าไปกับประเทศสมาชิก เพื่อยืนยันความร่วมมือ ภายใต้กรอบ UN และไทยพร้อมรับข้อเสนอและแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับหน่วยงาน และองค์กรด้านน้ำของประเทศสมาชิก เพื่อเพิ่มอัตราเร่งการพัฒนาการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นด้วย ซึ่ง พล.อ.ประวิตร ยังได้ รณรงค์ขอให้ประชาชน และทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมบริหารจัดการน้ำ และใช้น้ำอย่างประหยัด เห็นคุณค่าในโอกาสนี้ด้วย

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 1 กันยายน 2566