โลกเปลี่ยน ไทยต้องปรับ ทางเลือกใหม่ของการเมืองไทย ก้าวข้ามความขัดแย้ง สานพลังประชาราษฎร์ ร่วมสร้างชาติให้ยั่งยืน

หมวดหมู่: กิจกรรมพรรค

“สันติ รมช.สธ.” ร่วมพิธีสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำกระทรวง พร้อมเดินหน้าภารกิจ ยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชน

,

“สันติ รมช.สธ.” ร่วมพิธีสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำกระทรวง พร้อมเดินหน้าภารกิจ ยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชน

วันที่ 11 กันยายน 2566 นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่ากระทรวงสาธารณสุข เข้าร่วมพิธีสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำกระทรวงสาธารณสุข ณ สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข กับ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข โดยมีคณะผู้บริหารกระทรวงสาธารณสุข และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร์(สส.)พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.)ให้การต้อนรับ ในเวลา 7.09 น.ได้ทำพิธีบูชาพระพุทธนิรามัย พระพรหม พระราชานุสาวรีย์ สมเด็จพระมหิตลาธิเบศร อดุลยเดชวิกรม พระบรมราชชนมและสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี พระอนุสาวรีย์ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอกรมพระยาชัยนาทนเรนทรพระอนุสาวรีย์ สมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์และพระพุทธมหานวนาคปฏิมากร เพื่อความเป็นสิริมงคล

โดยนายสันติ กล่าวว่า ตนพร้อมเข้าปฏิบัติภารกิจ ทำหน้าที่อย่างเต็มที่ โดยมีเป้าหมายเพื่อยกระดับคุณชีวิต และระบบสาธารณสุขที่มีคุณภาพให้บริการประชาชนอย่างทั่วถึง

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 11 กันยายน 2566

ร่วมระดมแก้ปัญหาน้ำ 3 จังหวัด !!! “รมว.ธรรมนัส”ลงพื้นที่กาฬสินธุ์ เชียงใหม่ เยี่ยมปชช.รับฟังปัญหา เร่งหน่วยงานแก้ไขผลกระทบจากอุทกภัย หลังลงพื้นที่จ.ขอนแก่นร่วมกับนายกรัฐมนตรี

,

ร่วมระดมแก้ปัญหาน้ำ 3 จังหวัด !!! “รมว.ธรรมนัส”ลงพื้นที่กาฬสินธุ์ เชียงใหม่ เยี่ยมปชช.รับฟังปัญหา เร่งหน่วยงานแก้ไขผลกระทบจากอุทกภัย หลังลงพื้นที่จ.ขอนแก่นร่วมกับนายกรัฐมนตรี

ร.อ. ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ลงพื้นที่ด่วนเพื่อตรวจติดตามสถานการณ์อุทกภัยในเขตพื้นที่จังหวัดกาฬสินธ์โดยลงพื้นที่อ.ห้วยผึ้ง และอ.กุชินารายณ์ และ ต.เชียงใหม่

รมว.เกษตรฯกล่าวว่า นายกรัฐมนตรี มีความเป็นห่วงประชาชนและพี่น้องเกษตรกรที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์น้ำท่วม จึงได้กำชับให้ทางกระทรวงเกษตรฯ สั่งหน่วยงานในสังกัดช่วยเหลือบรรเทาความเดือดูร้อนประชาชนอย่างเต็มที่

ในส่วนจ.กาฬสินธ์ ได้สั่งการให้หน่วยงานในสังกัดโดยเฉพาะสำนักงานชูลประทานที่ 6 จัดเตรียมเครื่องจักร และเครื่องสูบน้ำเพื่อช่วยเหลือระบายน้ำอย่างเร่งด่วน และเพื่อให้สามารถรองรับน้ำหลากที่อาจจะลงมาอีกหากมีปริมาณฝนตกหนักเพิ่มขึ้น พร้อมทั้งให้มีการรายงานสถานการณ์ทุกระยะ และขอเป็นกำลังใจให้กับพี่น้องผู้ประสบอุทกภัยทุกท่าน กระทรวงเกษตรฯ จะ
เร่งให้ความช่วยเหลืออย่างเรงด่วน ต่อไป

ต่อจากนั้นได้เดินทางไปจ.เชียงใหม่ เข้าร่วม โดยพบปะ รับฟังปัญหาของกลุ่มสภาอาชีพเกษตรกร (สอก.) จำนวนกว่า 400 ราย และรับฟังปัญหาของเกษตรกรกลุ่มผู้ใช้น้ำอำเภอดอยหล่อ และกลุ่มผู้ใช้น้ำโครงการอ่างเก็บน้ำแม่วาง โอกาสนี้ กลุ่มเกษตรกรได้ยื่นหนังสือเพื่อติดตามความก้าวหน้าของโครงการอ่างเก็บน้ำแม่ปอน อันเนื่องมาจากพระราชดำริ อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวว่า ปัญหาภัยแล้ง และอุทกภัยเป็นเรื่องสำคัญที่นายกรัฐมนตรี (นายเศรษฐา ทวีสิน) แสดงความเป็นห่วงอย่างยิ่ง โดยปี 2563 ตนในฐานะประธานคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการบริหารจัดการลุ่มน้ำทั้งระบบ ซึ่งเคยได้ศึกษาการแก้ปัญหาภัยแล้งและอุทกภัยแล้ว โดยจะมอบหมายให้กรมชลประทานศึกษาภาพใหญ่และถอดแบบเพื่อแก้ปัญหาภัยแล้งและอุทกภัยทั้งระบบ ภายหลังจากที่แถลงนโยบายรัฐบาล ในวันจันทร์ที่ 11 ก.ย. 66 จากนั้น จะเรียกประชุมผู้บริหารกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อมอบหมายงานและวางแผนแบบบูรณาการอย่างยั่งยืน

“ในวันนี้ได้ลงพื้นที่ตรวจติดตามสถานการณ์น้ำใน 3 จังหวัด ได้แก่ จ.ขอนแก่น ติดตามการบริหารจัดการน้ำและป้องกันภัยแล้งที่เขื่อนอุบลรัตน์ จากนั้น ลงพื้นที่ จ.กาฬสินธุ์ ให้กำลังใจ มอบถุงยังชีพให้กับเกษตรกรที่ประสบอุทกภัย และ จ.เชียงใหม่ เพื่อรับฟังปัญหาจากเครือข่ายภาคเกษตรกร ขอฝากถึงพี่น้องเกษตรกรทั่วประเทศ นายกฯ ได้เน้นย้ำและให้ความสำคัญกับภาคเกษตรซึ่งเป็นภาคการผลิต เป็นเรื่องที่ผมมุ่งมั่นตั้งใจที่จะเข้ามารับผิดชอบ ทั้งด้าน ราคาพืชผล ต้นทุนการผลิต รวมถึงการตลาด และจะเร่งขับเคลื่อนการทำงานในมิติใหม่ ลงพื้นที่เข้าถึงเกษตรกร นำปัญหาจากรากหญ้า สู่การแก้ไขให้มากที่สุด สำหรับข้อเสนอของพี่ร้องเกษตรกรใรวันนี้ จะรับเรื่องไว้และมอบหมายให้หน่อยงานที่เกี่ยวข้องไปดำเนินการทันที หลังวันที่ 11 ก.ย. นี้” รมว.ธรรมนัส กล่าว

จากนั้น รมว.เกษตรฯ ลงพื้นที่ตรวจติดตามผลการดำเนินงานการปรับปรุงระบบผันน้ำฝายแม่ตื่น ต.สันติสุข อ.ดอยหล่อ ก่อนจะลงพื้นที่ติดตามรับฟังผลการดำเนินงานขุดลอกอ่างเก็บน้ำโป่งจ้อ และพบปะกลุ่มผู้ใช้น้ำอ่างเก็บน้ำบ้านโป่งจ้อ / สถานีสูบด้วยไฟฟ้าในเขต อ.ดอยหล่อ เพื่อรับทราบปัญหาความต้องการ
ณ อ่างเก็บน้ำห้วยโป่งจ้อ อันเนื่องมาจากพระราชดำริ หมู่บ้านโป่งจ้อ ต.สันติสุข อ.ดอยหล่อ จ.เชียงใหม่

ทั้งนี้ กรมชลประทานได้มีการวางแผนการดำเนินงานโครงการพัฒนาแหล่งน้ำในพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่เพื่อแก้ไขปัญหาอุทกภัยและภัยแล้งในพื้นที่ อาทิ 1. โครงการอ่างเก็บน้ำแม่ปอนอันเนื่องมาจากพระราชดำริ ตำบลบ้านหลวง อำเภอจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่ ความจุอ่างฯ 2.029 ล้านลูกบาศก์เมตร หากดำเนินการแล้วเสร็จจะเป็นแหล่งกักเก็บน้ำ เพื่อใช้ในการอุปโภคบริโภค และการเกษตรในพื้นที่ตำบลบ้านหลวง อำเภอจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่ ประมาณ 1,226 ครัวเรือน ช่วยเหลือพื้นที่เพาะปลูกฤดูฝน 4,268 ไร่ 2. โครงการอ่างเก็บน้ำแม่วาง ตำบลบ้านกาด อำเภอแม่วาง จังหวัดเชียงใหม่ ความจุอ่างฯ 25.415 ล้าน ลบ.ม. หากดำเนินการแล้วเสร็จจะเป็นแหล่งกักเก็บน้ำ ช่วยเหลือพื้นที่การเกษตร 38,209 ไร่ ในฤดูฝนและ 20,488 ไร่ในฤดูแล้ง 3. โครงการประตูระบายน้ำวังหิน พร้อมระบบส่งน้ำ ตำบลสบเตี๊ยะ อำเภอจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่ หากดำเนินการแล้วเสร็จจะสามารถส่งน้ำช่วยเหลือในพื้นที่ บ้านหาดนาค หมู่ที่ 7 บ้านหนองอาบช้าง หมู่ที่ 9 บ้านดงหาคนาคหมู่ที่ 17 และ บ้านพุทธมิตร หมู่ที่ 18 ใช้เพื่ออุปโภคบริโภค จำนวน 1,028 ครัวเรือน ช่วยเหลือพื้นที่การเกษตรในช่วงฤดูฝนได้ประมาณ 4,180 ไร่ และในฤดูแล้ง 1,980 ไร่ และ 4. โครงการปรับปรุงระบบผันน้ำฝายแม่ตื่น – อ่างเก็บน้ำห้วยโป่งจ้อ อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ตำบลสันติสุข อำเภอดอยหล่อ จังหวัดเชียงใหม่ ปัจจุบันมีความคืบหน้าแล้วกว่าร้อยละ 96 หากดำเนินการแล้วเสร็จจะช่วยบรรเทาปัญหาภัยแล้งและพื้นที่การเกษตรกว่า 5,000 ไร่ ซึ่งจะช่วยเพิ่มผลผลิตทางการเกษตรได้มากขึ้น นอกจากนั้นยังสามารถเพิ่มปริมาณน้ำให้แก่อ่างเก็บน้ำห้วยโป่งจ้อ 1.6 ล้าน ลบ.ม./ปี ในช่วงฤดูน้ำหลาก

ทั้งนี้ กรมชลประทาน จะเร่งดำเนินโครงการต่าง ๆ ให้เป็นไปตามแผนที่กำหนด เพื่อให้สามารถใช้เก็บกักน้ำ เป็นแหล่งน้ำต้นทุน สำหรับใช้ในการอุปโภคบริโภคและการเกษตร ช่วยบรรเทาปัญหาภัยแล้ง และยังช่วยหน่วงชะลอน้ำในช่วงอุทกภัยได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 9 กันยายน 2566

คณะทำงานขับเคลื่อนนโยบายสวัสดิการเด็กเล็กถ้วนหน้า ยื่นข้อเสนอพรรค พปชร.เพิ่มเงินอุดหนุน – สิทธิ พ่อแม่ดูแลบุตร ด้าน “พิมพ์พร”เผย พร้อมเดินหน้าผลักดันใน รบ.คณะใหม่

,

คณะทำงานขับเคลื่อนนโยบายสวัสดิการเด็กเล็กถ้วนหน้า ยื่นข้อเสนอพรรค พปชร.เพิ่มเงินอุดหนุน – สิทธิ พ่อแม่ดูแลบุตร ด้าน “พิมพ์พร”เผย พร้อมเดินหน้าผลักดันใน รบ.คณะใหม่

วันที่ 7 ก.ย. ที่รัฐสภา นางสุนี ไชยรส ประธานคณะทำงานขับเคลื่อนนโยบายสวัสดิการเด็กเล็กถ้วนหน้า เพื่อคุณภาพชีวิตที่ยั่งยืน ยื่นหนังสือถึงพรรคพลังประชารัฐ ผ่าน น.ส.พิมพ์พร พรพฤฒิพันธุ์ จ.เพชรบูรณ์ เขต 1 และ นายอัครแสนคีรี โล่ห์วีระ จ.ชัยภูมิ เขต 7 ตัวแทนถึงข้อเรียกร้องของคณะทำงานขับเคลื่อนนโยบายสวัสดิการเด็กเล็กถ้วนหน้า โดยมีข้อเสนอ คือ 1.ให้เงินอุดหนุนเพื่อการเลี้ยงดูเด็กเล็กถ้วนหน้า รวมทั้งเด็กเล็กทุกคนบนพื้นแผ่นดินไทย ตั้งแต่แม่ตั้งครรภ์จนถึงอายุหกปีคนละ 3,000 บาทต่อเดือน 2.ขยายสิทธิ์ลาคลอดเป็น 180 วัน เพิ่มระยะเวลาให้แม่ และพ่อ ได้เลี้ยงดูลูกอย่างใกล้ชิด และเชื่อมต่อไปศูนย์พัฒนาเด็กเล็กให้รับเด็กเล็กตั้งแต่อายุหกเดือน 3.ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กรับเด็กเล็กตั้งแต่ 6 เดือน รับช่วงต่อจากพ่อแม่ที่ลามาเลี้ยงดูลูกได้หรือ 180 วัน มีความหลากหลายสอดคล้องกับวิถีชีวิตของพ่อแม่ หรือผู้ปกครองที่ทำงานในพื้นที่ 4.ศูนย์พัฒนาเด็กเล็กมีจำนวนมากพอ กระจายตัวใกล้บ้าน ใกล้ที่ทำงาน หลากหลายรูปแบบ และมีคุณภาพ เพื่อให้เด็กเล็กทุกคนเข้าถึง และได้รับการดูแลพัฒนาในด้านโภชนาการและการเรียนรู้อย่างสมวัย และ5. รัฐบาล และหน่วยงานที่จัดตั้งศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก ให้การสนับสนุนงบประมาณ และบุคลากร โดยเฉพาะศูนย์พัฒนาเด็กเล็กที่ยังไม่สามารถขึ้นทะเบียนให้สามารถดำเนินการได้ตามมาตรฐาน

ด้าน น.ส.พิมพ์พร กล่าวว่า พรรคพลังประชารัฐมีนโยบายในเรื่องสวัสดิการณ์เด็กและสตรีที่ชัดเจน และพยายามผลักดันนโยบายดังกล่าวให้สามารถขับเคลื่อนอย่างเป็นรูปธรรมในรัฐบาลชุดใหม่ โดยข้อเสนอในวันนี้ ตนมองว่าเป็นเรื่องที่ดีที่จะเกิดขึ้นกับเด็ก ๆ ที่เป็นลูกหลานของเรา และจะเป็นกำลังสำคัญในการพัฒนาประเทศต่อไปในอนาคต ดังนั้น พรรคจะไม่นิ่งเฉยและจะให้ความสำคัญนโยบายดังกล่าวอย่างแน่นอน

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 7 กันยายน 2566

“ พล.ต.อ.พัชรวาท” เข้าสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำกระทรวงทรัพย์ฯวันแรก เดินหน้าบูรณาหน่วยงาน รุกดูแล แก้ปัญหาด้าน สิ่งแวดล้อมมุ่งยกระดับคุณภาพชีวิตปชช.

,

“ พล.ต.อ.พัชรวาท” เข้าสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำกระทรวงทรัพย์ฯวันแรก เดินหน้าบูรณาหน่วยงาน รุกดูแล แก้ปัญหาด้าน สิ่งแวดล้อมมุ่งยกระดับคุณภาพชีวิตปชช.

7 ก.ย.66 พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ได้เข้าสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ประจำกระทรวง ในเวลา 9.45 น. โดยผู้บริหารระดับสูงของกระทรวง และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) ให้การต้อนรับ โดยได้ให้สัมภาษณ์ถึงสถานการณ์น้ำมันดิบรั่วไหลบริเวณทางตอนใต้ของเกาะสีชัง จ.ชลบุรี ว่า ตนได้ มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะการแพร่กระจายของคาบน้ำมัน ที่ต้องเน้นการใช้เทคโนโลยีดาวเทียมเพื่อตรวจสอบการขยายวงกว้างของคาบน้ำมันที่อาจจะเกิดขึ้น เพื่อลดผลกระทบด้านส่ิงแวดล้อม และระบบนิเวศทางทะเลที่อาจก่อให้เกิดผลกระทบประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มอาชีพประมงชายฝั่ง

ขณะเดียวกันให้มีการจัดทำแผนแม่บท โดยการถอดบทเรียน กรณีการรั่วไหลของน้ำมัน ในครั้งนี้ เพื่อไม่ให้เกิดเหตุซ้ำซาก เพราะคาบน้ำมัน จะมีผลต่อส่ิงแวดล้อม และระบบนิเวศ ทางทะเลและชายฝั่ง นอกจากนี้ยังมีความเป็นห่วงปัญหาฝุ่น PM2.5 ที่ประเทศไทย กำลังเผชิญปัญหาและสร้างผลบกระทบต่อสุขภาพของประชาชน ในฤดูหนาวของทุกปี ซึ่งได้ให้มีการเตรียมแผนป้องกันภัยที่จะเกิดขึ้น โดยตั้งเป้าให้มีการแก้ไขสถานการณ์ให้ดีขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา รวมถึงเรื่องการจัดสรรที่ทำกิน นับเป็นเรื่องสำคัญ ที่พรรค พปชร. ผลักดันมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในภาพรวมการทำงาน จะเน้นให้เกิดการบูรณาการของทุกส่วนที่เกี่ยวข้อง เพื่อขับเคลื่อนนโยบายการช่วยเหลือประชาชน และการดูแลส่ิงแวดล้อมควบคู่กันไป เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนให้ดีย่ิงขึ้น และเกิดความยั่งยืน

ในฐานะที่ต้องมารับผิดชอบงานบริหารราชการต่อ จากพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ อดีตรองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ไม่ได้มีข้อสั่งการเป็นพิเศษกับเรื่องนี้ แต่ให้เป็นความรับผิดชอบในการดูแลตามหน้าที่ให้ดีที่สุด และไม่มีความกังวลในการมาบริหารงานที่นี้ เพราะกระทรวงไม่ได้มีปัญหาอะไร เนื่องจากข้าราชการกระทรวงนี้ มีความรู้ความสามารถในการดูแล รับผิดชอบในหน้าที่ดีอยู่แล้ว พล.ต.อ.พัชรวาท กล่าว

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 7 กันยายน 2566

“ร.อ.ธรรมนัส”รับข้อเรียกร้องแก้ไขปัญหาราคากุ้งตกต่ำ จากสส.ในสภาฯ ร่วมฟังข้อมูลสะท้อนปัญหาของเกษตรกรทุกพื้นที่พร้อมยื่นมือช่วยเหลือปชช.

,

“ร.อ.ธรรมนัส”รับข้อเรียกร้องแก้ไขปัญหาราคากุ้งตกต่ำ จากสส.ในสภาฯ
ร่วมฟังข้อมูลสะท้อนปัญหาของเกษตรกรทุกพื้นที่พร้อมยื่นมือช่วยเหลือปชช.

การประชุมสภาผู้แทนราษฎร ได้มีการพิจารณาญัตติ เรื่อง ขอให้สภาผู้แทนราษฎรตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาแนวทางการแก้ไขปัญหาราคากุ้งตกต่ำของนายอรรถกร ศิริลัทธยากร สส.ฉะเชิงเทรา เขต2 พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) ซึ่งมีญัตติในเรื่องเดียวกันอีก 10 ญัตติของสมาชิกในสภาร่วมพิจารณาด้วย โดย ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า สส.พะเยา และเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.)ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้เข้าร่วมรับฟังปัญหาของเกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งด้วยตนเองในสภาฯ

ทั้งนี้ นายศาสตรา ศรีปาน สส.สงขลา พรรครวมไทยสร้างชาติ หนึ่งในสมาชิกที่ร่วมอภิปรายการแก้ไขปัญหากุ้งราคาตกต่ำ กล่าวในที่ประชุมว่า วันนี้เป็นโอกาสที่ดีที่ ร.อ.ธรรมนัส มาฟังการอภิปรายด้วย ทำให้ได้รับรู้ปัญหาของเกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้ง ซึ่งถือว่าเป็นปัญหาใหญ่ โดยคาดหวังให้ ร.อ.ธรรมนัส รมว.เกษตรฯ เร่งแก้ไขราคากุ้งตกต่ำให้เป็นรูปธรรม อย่างไรก็ตามจากการลงพื้นที่จังหวัดนครศรีธรรมราช ของ ร.อ.ธรรมนัส เมื่อเร็วๆนี้เพื่อแก้ปัญหาเรื่องมังคุดราคาตกต่ำ ก็ต้องขอขอบคุณแทนเกษตรกร ชาวจังหวัดนครศรีธรรมราชด้วย เช่นเดียวกับปัญหาราคากุ้ง ที่กำลังรอให้ ร.อ.ธรรมนัส มาช่วยเหลือเช่นกัน ตนจึงขอยื่นหนังสือถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ที่อยู่ในที่ประชุมด้วย

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 6 กันยายน 2566

“ร.อ.ธรรมนัส” เข้าปฏิบัติหน้าที่ขับเคลื่อนกระทรวงเกษตรฯ รุกนโนยายแก้ปัญหาเร่งด่วนให้พี่น้องเกษตรกร 100 วันเห็นผล

,

“ร.อ.ธรรมนัส” เข้าปฏิบัติหน้าที่ขับเคลื่อนกระทรวงเกษตรฯ รุกนโนยายแก้ปัญหาเร่งด่วนให้พี่น้องเกษตรกร 100 วันเห็นผล

6 ก.ย.2566 ร.อ.ธรรมนัส พรหมณ์เผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เดินทางเข้าสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิประจำกระทรวง ศาลพระภูมิ ศาลท้าวเวสสุวรรณ ศาลตา – ยาย สักการะองค์พระพิรุณทรงนาค (หน้าอาคาร) และองค์พระพิรุณทรงนาค (ห้องพิพิธภัณฑ์) พร้อมด้วย 2 รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวง ในเวลา 8.19 น. และได้ร่วมถ่ายภาพร่วมกับผู้บริหาร ข้าราชการ และเจ้าหน้าที่ บริเวณหน้าอาคารกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ทั้งนี้ยังได้เตรียมมอบหมายนโยบายให้นายประยูร อินสกุล ปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และผู้บริหารและหัวหน้าส่วนราชการทั้งหมดในวันนี้ เพื่อหารือมาตรการและการขับเคลื่อนการดำเนินงานของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ที่มีความเร่งด่วน อาทิ การแก้ปัญหาภัยแล้ง ผลจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศในภาคเหนือตอนบนและภาคอีสาน การแก้ไขปัญหาการทำประมงที่ผิดกฎหมายตามข้อสั่งการของนายกรัฐมนตรี การปราบปรามการลักลอบนำเข้าเนื้อสัตว์ผิดกฎหมาย และนโยบายพักหนี้เกษตรกร เป็นต้น

ปัญหาเหล่านี้ ล้วนเป็นปัญหาเร่งด่วนที่นายกรัฐมนตรีให้ความเป็นห่วง และจะมีความชัดเจนหลังจากแถลงนโยบายของรัฐบาลในวันจันทร์ที่ 11 กันยายน 2566 ที่จะถึงนี้ ส่วนการแบ่งงานของรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จะมีการประชุมแบ่งงานภายหลังแถลงนโยบายฯ ทั้งนี้ ภายในสัปดาห์หน้าจะสามารถเดินหน้าทำงานได้ทันที

สำหรับปัญหาราคามังคุดใต้ที่ตกต่ำ ทั้งที่เป็นมังคุดปลายฤดูกาลผลิต ซึ่งได้เร่งระบายผลผลิตจนสถานการณ์คลี่คลายแล้ว นอกจากนี้ ได้มอบหมายปลัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เดินหน้ามาตรการแก้ปัญหาในระยะกลาง และระยะยาวอย่างยั่งยืนอีกด้วย

“ขอฝากถึงพี่น้องเกษตรกรทั่วประเทศ ว่ากระทรวงเกษตรฯ มีความตั้งใจที่จะช่วยเหลือและยกระดับคุณภาพชีวิตเกษตรกรไทย ให้มีความอยู่ดีกินดีอย่างยั่งยืน ซึ่งนโยบายเร่งด่วนต่าง ๆ ที่กล่าวข้างต้น ต้องมีความชัดเจนและเห็นผลภายใน 100 วันด้วย”รัฐมนตรีเกษตรฯ กล่าว

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 6 กันยายน 2566

“พล.ต.อ. พัชรวาท” เกาะติดน้ำมันดิบรั่ว เกาะสีชัง ห่วงกระทบ ปชช และ สิ่งแวดล้อม

,

“พล.ต.อ. พัชรวาท” เกาะติดน้ำมันดิบรั่ว เกาะสีชัง ห่วงกระทบ ปชช และ สิ่งแวดล้อม

พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) เปิดเผยถึงกรณีเหตุการณ์น้ำมันดิบรั่วไหล บริเวณทางตอนใต้ของเกาะสีชัง จ.ชลบุรี ว่า ได้รับรายงานสถานการณ์จาก นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นระยะ หลังจากที่เกิดเหตุการณ์ เมื่อช่วงกลางดึกวันที่ 3 ก.ย.ที่ผ่านมา

โดยได้กำชับสั่งการท่านปลัดกระทรวงฯ ไปแล้วว่า ขอให้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ทั้งทรัพยากรชายฝั่ง ทรัพยากรทางทะเล โดยเฉพาะบริเวณที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของพื้นที่ และที่สำคัญที่สุดคือ ต้องไม่ส่งผลกระทบถึงชีวิตความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชนในพื้นที่

ซึ่งทางปลัดกระทรวงฯ ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม คือ กรมควบคุมมลพิษ และกรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง เฝ้าติดตามสังเกตการณ์สถานการณ์ในพื้นที่อย่างต่อเนื่องใกล้ชิด ทั้งการคาดการณ์การเคลื่อนตัวของคราบน้ำมัน การเก็บตัวอย่างน้ำและน้ำมันเพื่อวิเคราะห์และประเมินผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม การสำรวจผลกระทบต่อแนวปะการัง เพื่อไม่ให้เกิดผลกระทบในวงกว้าง รวมถึงได้กำชับให้มีการประสานงานและให้ความร่วมมือกับหน่วยงานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิดและทันท่วงที

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 6 กันยายน 2566

“พล.ต.อ.พัชรวาท” ร่วมสักการะสิ่งศักดิ์ พร้อมทีมนายกฯ ฤกษ์ดีเป็นสิริมงคล พร้อมปฏิบัติภารกิจ มุ่งมั่นทำเพื่อประชาชน

,

“พล.ต.อ.พัชรวาท” ร่วมสักการะสิ่งศักดิ์ พร้อมทีมนายกฯ ฤกษ์ดีเป็นสิริมงคล พร้อมปฏิบัติภารกิจ มุ่งมั่นทำเพื่อประชาชน

วันที่ 6 กันยายน 2566 พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.)ร่วมพิธีสักการะพระพรหม บนตึกไทยคู่ฟ้า จากนั้น เวลา 8.09 น. ถือฤกษ์ดี ได้ทำการสักการะศาลพระภูมิเจ้าที่ ศาลตาศาลยาย สิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำทำเนียบรัฐบาล ก่อนประชุม คณะรัฐมนตรีนัดพิเศษ ที่ตึกบัญชาการ 1 ชั้น 5 ทำเนียบรัฐบาล

โดยพร้อมปฏิบัติภารกิจอย่างเต็มกำลัง ในการทำงานเพื่อประโยชน์ของประชาชน

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 6 กันยายน 2566

“พล.อ.ประวิตร”ร่วมเปิดงาน” วันน้ำโลก ปี66 ” ห่วงวิกฤตน้ำในอนาคต วอนคนไทย มีส่วนร่วมเห็นคุณค่าฟื้นฟูใช้ประโยชน์ ประหยัดและยั่งยืน

,

“พล.อ.ประวิตร”ร่วมเปิดงาน” วันน้ำโลก ปี66 ” ห่วงวิกฤตน้ำในอนาคต
วอนคนไทย มีส่วนร่วมเห็นคุณค่าฟื้นฟูใช้ประโยชน์ ประหยัดและยั่งยืน

เมื่อ 1 ก.ย.66 09.30 น. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ได้เดินทางไปเป็นประธานจัดกิจกรรม ” ความร่วมมือ และการมีส่วนร่วมบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ เนื่องใน “วันน้ำโลก ประจำปี 2566” พร้อมชมนิทรรศการพร้อมมอบใบประกาศเกียรติคุณให้แก่หน่วยงานที่รับผิดชอบและสนับสนุนการดำเนินงานการบริหารจัดการน้ำที่ผ่านมา พร้อมรับรายงานวัตถุประสงค์การจัดกิจกรรมดังกล่าว จาก ดร.สุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาฯ สทนช. และได้เป็นประธานพิธีเปิดงาน พร้อมกล่าวเจตนารมย์ของไทยเนื่องใน วันน้ำโลก ประจำปี 2566 โดยมีสาระสำคัญ คือ “น้ำ”ถือเป็นทรัพยากรที่มีความจำเป็นอย่างยิ่ง ต่อการดำรงชีวิต และการพัฒนาในทุกมิติ ซึ่ง UN ได้กำหนดให้วันที่ 22 มีนาคม

ทุกปีเป็นวันน้ำโลก (World Water Day) โดยให้ประชาคมโลกร่วมกันรณรงค์ให้เกิดการฟื้นฟูและใช้ประโยชน์จากทรัพยากรน้ำ อย่างยั่งยืน เร่งการเปลี่ยนแปลงด้วยการลงมือปฏิบัติ เพื่อลดวิกฤติด้านน้ำ และสุขาภิบาล ทั้งนี้ ประเทศไทยได้ให้ความสำคัญกับการบริหารทรัพยากรน้ำในทุกมิติ ที่ผ่านมา โดยมีเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยการขับเคลื่อนการบริหารจัดการ แบบพลวัต ด้วยความร่วมมือของคณะกรรมการลุ่มน้ำ ซึ่งจะเป็นข้อกลางเชื่อมโยงการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน ตั้งแต่ระดับชุมชนพร้อมกับการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม เพื่อให้ประชาชนทุกกลุ่มสามารถเข้าถึง การใช้น้ำที่มีคุณภาพ เพียงพอ และเท่าเทียมกัน

พล.อ.ประวิตร ได้เน้นย้ำถึง เจตนารมย์ของรัฐบาลไทยที่พร้อมเดินหน้าไปกับประเทศสมาชิก เพื่อยืนยันความร่วมมือ ภายใต้กรอบ UN และไทยพร้อมรับข้อเสนอและแลกเปลี่ยนเรียนรู้กับหน่วยงาน และองค์กรด้านน้ำของประเทศสมาชิก เพื่อเพิ่มอัตราเร่งการพัฒนาการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ ให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นด้วย ซึ่ง พล.อ.ประวิตร ยังได้ รณรงค์ขอให้ประชาชน และทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมบริหารจัดการน้ำ และใช้น้ำอย่างประหยัด เห็นคุณค่าในโอกาสนี้ด้วย

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 1 กันยายน 2566

“พล.อ.ประวิตร” ร่วมหารือรองประธาน อลป.จีน ยกระดับด้านกีฬา กระชับความสัมพันธ์ ไทย-จีน เพิ่มศักยภาพนักกีฬาไทย

,

“พล.อ.ประวิตร” ร่วมหารือรองประธาน อลป.จีน ยกระดับด้านกีฬา
กระชับความสัมพันธ์ ไทย-จีน เพิ่มศักยภาพนักกีฬาไทย

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ประธานคณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทยฯ ได้ให้การต้อนรับ นายหวัง รุ่ยเหลียน (Mr.Wang Ruilian) รองประธานคณะกรรมการโอลิมปิกแห่งสาธารณรัฐ ประชาชนจีน และคณะ ณ บ้านอัมพวัน คณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทย ในโอกาสที่เดินทางมาเข้าร่วมประชุม รัฐมนตรีอาเซียน – สาธารณรัฐประชาชนจีน ในด้านกีฬา

พล.อ.ประวิตร ได้ให้การต้อนรับพร้อมกล่าวขอบคุณ นายหวัง รุ่ยเหลียน และคณะทุกท่าน ที่ให้เกียรติมาเข้าพบในวันนี้ ซึ่งประเทศไทยกับจีนมีความสัมพันธ์อันดีต่อกัน มาอย่างยาวนาน ในทุกระดับ รวมทั้งประชาชนของทั้ง 2 ประเทศ ที่มีความรักความผูกพันกันอย่างแน่นแฟ้น ทั้งด้านการค้า วัฒนธรรม ประเพณี และอื่นๆรวมถึงด้านการกีฬาด้วย ซึ่งในโอกาสที่จีนจะเป็นเจ้าภาพจัดการแข่งขันกีฬาเอเชียนเกมส์ ครั้งที่ 19 ณ นครหางโจว สาธารณรัฐประชาชนจีน ระหว่าง 23 ก.ย.- 8 ต.ค.66 โดยมีนักกีฬาของไทยหลายประเภท เข้าร่วมการแข่งขันด้วย ทั้งนี้ พล.อ.ประวิตร ได้กล่าวอวยพรขอให้จีนประสบความสำเร็จ ในการจัดการแข่งขันด้วยดี

นายหวัง รุ่ยเหลียน ได้กล่าวขอบคุณ พล.อ.ประวิตร ที่ให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น ในวันนี้ และยืนยันความสัมพันธ์อันดีที่มีมาอย่างมั่นคงของทั้ง 2 ประเทศ ที่ผ่านมา พร้อมทั้งได้กล่าวเรียนเชิญ พล.อ.ประวิตร และคณะ เพื่อเป็นเกียรติเข้าร่วมพิธีเปิดการแข่งขันกีฬาเอเชียนเกมส์ ครั้งที่ 19 ณ นครหางโจว สาธารณรัฐประชาชนจีนด้วย ต่อจากนั้นทั้งสองฝ่าย ยังได้หารือความร่วมมือทางด้านกีฬา เพื่อส่งเสริมการกีฬาของทั้ง 2 ประเทศ ให้มีการพัฒนาร่วมกัน และนำไปสู่ความสัมพันธ์อันดีระหว่างประเทศให้มากยิ่งขึ้นต่อไปด้วย พร้อมกล่าวยินดีต้อนรับ และสนับสนุนนักกีฬา และเจ้าหน้าที่ของไทยอย่างเต็มที่ ในการเข้าร่วมแข่งขันครั้งนี้ ภายหลังเสร็จสิ้นการหารือ ทั้ง2ฝ่ายได้มอบของที่ระลึกระหว่างกัน ก่อน รองประธาน คณะกรรมการโอลิมปิกฯของจีน พร้อมคณะจะเดินทางกลับ สำหรับ พล.อ.ประวิตร ได้เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการโอลิมปิคฯของไทย ต่อเนื่องทันที

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 31 สิงหาคม 2566

“พล.อ.ประวิตร” นั่งประธาน กบฉ. ขยายต่อ 3เดือน มุ่งสร้างสันติสุขในพื้นที่ชายแดนใต้ พร้อมคุมเข้มโรงงานสารประกอบระเบิดเพื่อความปลอดภัยปชช.

,

“พล.อ.ประวิตร” นั่งประธาน กบฉ. ขยายต่อ 3เดือน มุ่งสร้างสันติสุขในพื้นที่ชายแดนใต้ พร้อมคุมเข้มโรงงานสารประกอบระเบิดเพื่อความปลอดภัยปชช.

เมื่อ 28 ส.ค.66 พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ประธานการประชุม คณะกรรมการบริหารสถานการณ์ฉุกเฉิน (กบฉ.) โดยมี รมว.มท และ รมช.กห. ที่ประชุมรับทราบผลการปฎิบัติงานตาม พ.ร.ก.ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 ห้วง 20 มิ.ย.66 ถึง 20 ส.ค.66 ซึ่งมีแนวโน้มของสถานการณ์ ที่มีความสงบเรียบร้อยมากขึ้นตามลำดับ และมีสถิติการก่อเหตุความรุนแรงลดลง สามารถพัฒนาไปสู่การปรับลดพื้นที่ออกจากการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินได้มากขึ้น

ทั้งนี้ พล.อ.ประวิตร ได้มอบหมายหน่วยงานความมั่นคงในพื้นที่ เพิ่มความเข้มงวดตรวจสอบโรงงานที่เกี่ยวข้องกับสารประกอบระเบิด พร้อมเร่งรัดการช่วยเหลือ ฟื้นฟูประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์โรงงานพลุดอกไม้เพลิงระเบิด ที่ผ่านมาโดยเร็วด้วย

นอกจากนี้ที่ประชุม กบฉ.ได้เห็นชอบข้อเสนอของ กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า ปรับลดพื้นที่ อ.กะพ้อ จ.ปัตตานี ออกจากพื้นที่ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินฯ เพื่อนำ พ.ร.บ.การรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักรฯมาใช้แทน พร้อมทั้งขยายเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงในพื้นที่ จังหวัดจชต. ยกเว้น อ.ศรีสาคร ,อ.สุไหงโก-ลก ,อ.แว้งและ อ.สุคิริน จ.นราธิวาส อ.ยะหริ่ง ,อ.มายอ ,อ.ไม้แก่น และ อ.แม่ลาน จ.ปัตตานี อ.เบตง และ อ.กาบัง จ.ยะลา ออกไปอีกเป็นระยะเวลา 3 เดือน ตั้งแต่ 20 ก.ย.66 ถึง 19 ธ.ค.66 โดยเป็นการขยายระยะเวลา ครั้งที่ 73 เพื่อให้เกิดความต่อเนื่องในการปฏิบัติงาน ป้องกัน ระงับ ยับยั้งเหตุการณ์ในพื้นที่ให้ได้อย่างทันท่วงที รวมทั้งจะเป็นประโยชน์ต่อการดูแลรักษาความสงบ และความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนในพื้นที่ด้วย โดยให้ สมช.เสนอเรื่องไปยัง ครม.เพื่อพิจารณาเห็นชอบ ต่อไป

พล.อ.ประวิตร ได้กล่าวขอบคุณ คณะกรรมการฯ หน่วยงานความมั่นคง ฝ่ายปกครอง และกำลังพลทุกนายที่ได้ปฏิบัติหน้าที่ ด้วยความเสียสละ ทุ่มเท และกล้าหาญ อย่างน่าภาคภูมิใจ สามารถแก้ปัญหา จชต.เป็นไปด้วยความเรียบร้อยที่ผ่านมา และมีสถิติการก่อเหตุฯลดลง ตามลำดับ พร้อมทั้งได้ขอบคุณประชาชนในพื้นที่ ที่ให้ความร่วมมือเป็นอย่างดี รวมทั้งได้กำชับ สมช.ซึ่งถือเป็นกลไกหลักในการเตรียมความพร้อมแก้ปัญหา จชต.ในระดับนโยบาย ที่ต้องขับเคลื่อนให้ต่อเนื่อง ไม่ขาดตอน มีความเป็นมืออาชีพ ด้วยความซื่อสัตย์ สุจริต และเตรียมรับนโยบายจาก ครม.ชุดใหม่ ที่จะเข้าปฏิบัติหน้าที่ในระยะเวลาอันใกล้นี้ด้วย ต่อไป

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 29 สิงหาคม 2566

กลุ่มตัวแทนเกษตรกร เข้าให้กำลังใจ และยื่นหนังสือ ความเดือดร้อนให้รัฐบาลแก้ไขปัญหา ส่งถึงมือ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า นำไปสู่การแก้ไขปัญหา ให้เกษตรกินดีอยู่ดี

,

กลุ่มตัวแทนเกษตรกร เข้าให้กำลังใจ และยื่นหนังสือ ความเดือดร้อนให้รัฐบาลแก้ไขปัญหา ส่งถึงมือ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า นำไปสู่การแก้ไขปัญหา ให้เกษตรกินดีอยู่ดี

28 ส.ค.2566 ที่พรรคพลังประชารัฐ สหพันธ์เกษตรกรแห่งประเทศไทย (สกท.) สภาอาชีพของเกษตรกรผู้ปลูกลำไยภาคเหนือ 8 จังหวัด ,เครือข่ายเกษตร 4 ภาคกลุ่มเกษตรกรทั่วประเทศ อาทิ จังหวัด ร้อยเอ็ด จ.มหาสารคาม จ.ขอนแก่น อ. สุไกลโก-ลก จ.นราธิวาส จ.เชียงใหม่ อ.บางเลน จ.นครปฐม ตลอดจนกลุ่มเกษตรกร ผู้ปลูกข้าว ลำไย กลุ่มผู้ใช้น้ำ คูคลอง จังหวัดพะเยา เดินทางมายื่นหนังสือเกี่ยวกับความเดือดร้อน และข้อเสนอแนะสำหรับรัฐบาลชุดใหม่ โดยมีนายไผ่ ลิกค์ สส.กำแพงเพชร และนายอรรถกร ศิริลัทธยากร กรรมการบริหารพรรค เป็นตัวแทนเชิญเกษตรกรกลุ่มดังกล่าวเข้ามาในห้องประชุม เพื่อรับฟังปัญหาที่เกิดขึ้น

นายอรรถกร กล่าวว่า เราเข้าใจว่าพี่น้องทุกท่าน เดินทางมาที่นี่ เพื่อที่จะมายื่นหนังสือและแสดงเจตจำนงว่าอยากให้ผู้ใหญ่ของเราทำอะไรบ้าง ซึ่งพวกเราจะเป็นพรรคการเมืองที่ร่วมรัฐบาล ที่ทำงานแก้ไขให้กับพี่น้องประชาชน พร้อมฟังเสียงสะท้อนพี่น้องประชาชนอย่างต่อเนื่อง รู้ดีว่าประชาชนต้องการอะไร พวกเราก็เลยขอเปลี่ยนใจ เปิดห้องประชุมใหญ่พรรคพลังประชารัฐ และเชิญพี่ๆมาพูดคุยกัน แลกเปลี่ยนความคิดเห็นจากพี่น้องภาคเกษตรกรโดยตรง ให้เสียงของพวกเราส่งผ่านไปยังพี่ๆสื่อมวลชน ให้เสียงของพี่ๆดังขึ้นเพื่อจะร่วมกันหาทางแก้ไขปัญหาต่อไป

จากนั้นนายยศวัจน์ ชัยวัฒนศิริกุล ที่ปรึกษาสมาพันธ์ฯ ลุกขึ้นกล่าวว่า หลังจากที่พรรคพลังประชารัฐได้เข้าร่วมรัฐบาล พวกเราดีใจว่าวันนี้คงจะมีใครสักคนที่เป็นผู้หลักผู้ใหญ่ ที่ได้เข้ามาร่วมกำหนดนโยบายกับทางพรรคเพื่อไทย หลังจากนั้นก็ได้ติดตามตลอด พบว่าพวกเราก็ได้ส่งคนถูกแล้ว ที่เป็นลูกชาวนาจากจังหวัดพะเยา เราจึงมาให้กำลังใจท่าน ซึ่งพวกตนก็ดีใจ และมีความคาดหวังอย่างสูง

“เราได้เคยสัมผัสแล้ว พวกเราก็เคยได้รับติดตามผลงานของท่านธรรมนัส เช่นการคืนโฉนด การเอารัดเอาเปรียบจากนายทุน ได้รับความอนุเคราะห์จาก พล.อ.ประวิตร โดยส่วนตัว พวกเราในฐานะที่เป็นเครือข่ายใหญ่ที่สุดในประเทศไทยของภาคการเกษตร ที่ชื่อว่าสหพันธ์เกษตรกรแห่งประเทศไทย พวกเรามีความเดือดร้อนในการทำมาหากิน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องแหล่งน้ำ เรื่องที่ดินทำกิน พร้อมทั้งเรื่องหนี้สิน และที่ผ่านมาสมัยที่ ร.อ.ธรรมนัสได้เป็นรัฐมนตรีช่วยฯ พวกเราได้เคยรับการสงเคราะห์ แนะนำ ติดต่อ ประสานงาน ให้ไปช่องทางที่จะต้องติดต่อกับหน่วยงานรัฐจนพวกเราได้รับการแก้ปัญหา” นายยศวัจน์ กล่าว

นายยศวัจน์ กล่าวต่อว่า วันนี้ ร.อ.ธรรมนัส จะได้ดำรงตำแหน่งเสนาบดีใหญ่ พวกเรามีความคาดหวังว่าตลอดระยะเวลา 4 ปีหลังจากนี้ พวกตนคงจะได้มีโอกาสยืนบนขาตัวเองได้ ภายใต้นโยบายของพรรคพลังประชารัฐที่ได้ติดตาม เรามีความเชื่อมั่น วันนี้อยากให้มีความสามัคคีกันในพรรคที่จะร่วมการจัดตั้งรัฐบาล ไม่อยากให้ทำลายความหวังของพี่น้องประชาชน โดยเฉพาะเกษตรกร โดยพวกตนขอให้กำลังใจ และมีความเชื่อมั่นในหน่วยงานที่ผ่านมา แม้จะทำได้อย่างไม่เต็มที่มากนักเนื่องจากเป็นพรรคร่วม แต่ครั้งนี้เราต้องขอแสดงความดีใจ ขอแสดงจุดยืนว่ารัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ จะเปลี่ยนไปเป็นพรรคอื่นไม่ได้

นายยศวัจน์ ย้ำว่า ทุกวันนี้มีคนบอกว่าเราเป็นกลุ่มจัดตั้ง เราเดินทางมาเอง ข้าวยังไม่ได้กินเลย มาจากภาคใต้ มาจากจังหวัดพะเยา จากจังหวัดกำแพงเพชร นครสวรรค์ และอีกหลายจังหวัด รวมถึงจังหวัดในภาคอีสาน เราจะรอฟังว่ารัฐมนตรีของพวกเรา ที่เรามีความคาดหวัง ภายใต้การกำกับของ พล.อ.ประวิตร เรามีความเชื่อมั่น และตำแหน่งไม่ควรจะเปลี่ยนจากตรงนี้ไปอีกแล้ว

จากนั้น นายไผ่ กล่าวว่า ตนมาในนาม ร.อ.ธรรมนัส ตอนขับรถเข้ามา ตนเห็นถึงความลำบาก เห็นนั่งอยู่ริมถนน เราเป็นพรรคของประชาชน เราก็เลยคุยกันว่าให้เข้ามานั่งคุยในพรรคพลังประชารัฐ เนื่องจากอยากรู้เหตุผล อยากรับฟัง ตนก็เป็นคนส่วนหนึ่งที่ได้อยู่ในคณะเจรจาในการจัดตั้งรัฐบาลมาโดยตลอด

“ผมอยากจะบอกว่าผมเชื่อมั่นว่าคงไม่มีอะไรที่จะต้องกังวลในส่วนที่คิด และเรื่องนโยบายการเกษตร จะบอกว่าเป็นสิ่งที่เราพูดคุยกันในทุกพรรค เราบอกเรื่องนโยบายดีๆของทุกภาคส่วน เรื่องเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ เรื่องบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ รวมถึงเรื่องอะไรต่างๆ ก็ขอให้พี่น้องเกษตรกรสบายใจได้ ในส่วนที่หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐเคยทำเอาไว้ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องน้ำ เรื่องโฉนดที่ดินทำกิน ที่ดิน ส.ป.ก. ซึ่งเป็นนโยบายหาเสียงของเรา ทุกอย่างเพื่อที่จะให้พ่อแม่พี่น้องลืมตาอ้าปากได้

นายไผ่ กล่าวว่า เป็นเรื่องที่ดีที่ ร.อ.ธรรมนัส จะได้นั่งอยู่ในตำแหน่งนี้ ตนก็มั่นใจว่าทุกๆคนที่มีการจัดตั้งคณะรัฐมนตรีครั้งนี้ อาจจะถูกหั่นนิดหน่อย แต่เชื่อว่าทุกอย่างจะจบลงได้ด้วยดี อยากให้ทุกคนสบายใจ วันนี้ที่มานั่งคุยกัน ท่านใดอยากจะฝากนโยบายอะไรไว้ ขอให้ฟังได้เลย ตนจะเอาไปนำเสนอ หลังจากนี้ที่เราเคยทำไว้เชื่อว่าถ้าเรามีโอกาส เรามีตำแหน่งที่ได้ขับเคลื่อนก็จะทำงานเต็มที่ ให้ดียิ่งขึ้น

มีรายงานว่า วันนี้ยังมีความเคลื่อนไหวของกลุ่มเกษตรกรแต่ละจังหวัดรวมถึงประชาชนในพื้นที่ได้ส่งตัวแทนไปร่วมยื่นหนังสือแลัให้กำลังใจพรรคพลังประชารัฐในฐานะพรรคร่วมรัฐบาล และให้กำลังใจร.อ.ธรรมนัส พรพมเผ่า ในฐานะเลขาธิการพรรค เช่นสภาอาชีพเกษตรกร ไปยื่นหนังสือที่สำนักงานสาขาพรรคจังหวัดเชียงใหม่ และที่ศูนย์ประสานงานร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า จังหวัดพะเยา เป็นต้น

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 28 สิงหาคม 2566