โลกเปลี่ยน ไทยต้องปรับ ทางเลือกใหม่ของการเมืองไทย ก้าวข้ามความขัดแย้ง สานพลังประชาราษฎร์ ร่วมสร้างชาติให้ยั่งยืน

หมวดหมู่: กิจกรรมพรรค

‘บิ๊กป้อม’ คุมเข้มค้ามนุษย์ ดันไทยขึ้น เทียร์ 2 ในปี 65 ยกระดับความปลอดภัย

,

‘บิ๊กป้อม’ คุมเข้มค้ามนุษย์ ดันไทยขึ้น เทียร์ 2 ในปี 65 ยกระดับความปลอดภัยหนุนธุรกิจท่องเที่ยวคุ้มครองเด็ก

เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ (ปคม.) ครั้งที่ 4/2564 และคณะกรรมการประสานและกำกับการดำเนินงานป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ (ปกค.) ครั้งที่ 6/2564

โดยที่ประชุม ปคม. ได้รับทราบความคืบหน้าและแนวทางจัดตั้งศูนย์คัดแยกผู้เสียหายดอนเมือง เพื่อยกระดับประสิทธิภาพในการคัดแยกผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ ตามข้อเสนอแนะในรายงานสถานการณ์การค้ามนุษย์ของสหรัฐอเมริกา (TIP Report) นำเทคโนโลยีและระบบฐานข้อมูลมาช่วยในกระบวนการคัดกรอง คัดแยกเพิ่มประสิทธิภาพการช่วยเหลือ คุ้มครอง และฟื้นฟูเยียวยาสภาพจิตใจโดยยึดผู้เสียหายเป็นศูนย์กลาง ให้เป็นไปตามหลักมาตรฐานสากล รับทราบแผนการดำเนินงานภายใต้โครงการ ASEAN-ACT ประจำปี 2565 และรายงานสถานะการเงิน การบริหารการติดตามตรวจสอบ และประเมินผลกองทุนเพื่อการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ การประชุมฯ ครั้งนี้ เห็นชอบร่างรายงานผลการดำเนินงานป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ของประเทศไทย ปี 2564 เพื่อเรียนนายกรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบ ก่อนส่งให้สหรัฐฯ ใช้ประเมินจัดระดับประเทศไทยในรายงาน TIP Report ปี 2565 เห็นชอบการแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์เพื่อยึดทรัพย์อันได้มาจากการกระทำผิด เข้ากองทุนเพื่อการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์และให้สามารถนำเงินไปช่วยเหลือ เยียวยา และชดใช้ให้กับผู้เสียหายได้ รวมทั้ง หลักการให้พิจารณาแนวทางปรับปรุงกฎหมายที่เป็นอุปสรรคต่อการปฏิบัติงาน ให้สอดคล้องกับข้อเสนอใน TIP Report และพันธกรณีระหว่างประเทศ

นอกจากนี้ ที่ประชุมเห็นชอบแต่งตั้งคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนโครงการส่งเสริมธุรกิจท่องเที่ยวที่ปลอดภัยและเป็นมิตรกับเด็ก (Child Safe Friendly Tourism Project) โดยมี พล.ต.อ.ดร.ธรรมศักดิ์ วิชชารยะ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง เป็นประธาน มีกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นเจ้าภาพหลัก กรมการท่องเที่ยว และกองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว เป็นเลขานุการร่วม เพื่อบูรณาการภาคีเครือข่ายภาครัฐ เอกชน และ NGOs ที่เกี่ยวข้อง สร้างมาตรการเชิงรุกด้านการท่องเที่ยวที่ปกป้องและคุ้มครองเด็กจากการค้ามนุษย์ และการแสวงหาประโยชน์ทางเพศจากเด็กทุกรูปแบบ กำหนดมาตรการจูงใจด้านภาษีแก่ภาคธุรกิจ และยกระดับจากโครงการนำร่องในภูมิภาคเป็นโครงการระดับประเทศ ลบภาพลักษณ์ SEX Tourism ผลักดันการท่องเที่ยวไทยเชิงคุณภาพสู่มาตรฐานสากล รองรับการฟื้นฟูทางเศรษฐกิจของประเทศ

สำหรับที่ประชุม ปกค.ได้รับทราบรายงานของสำนักคดีค้ามนุษย์ สำนักงานอัยการสูงสุด โครงการนำข้อมูลหรือสถิติคดีค้ามนุษย์มาวิเคราะห์ในการป้องกันและปราบปรามดำเนินคดีค้ามนุษย์ เพื่อใช้ปรับปรุงกระบวนการยุติธรรมให้มีประสิทธิภาพ รับทราบผลงานของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในการสืบสวนสอบสวนคดีค้ามนุษย์ผ่านช่องทางออนไลน์ของขบวนการอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลอกคนไทยไปบังคับใช้แรงงานและค้าประเวณีในประเทศปลายทางเพื่อย้ำเตือนให้ประชาชนระมัดระวังมิให้ตกเป็นเหยื่อค้ามนุษย์ หรือหลงเชื่อการชักชวนให้เข้าร่วมในการกระทำความผิดซ้ำเติมคนไทยด้วยกันเอง นอกจากนี้ เห็นชอบร่างหลักสูตรการฝึกอบรมพัฒนาศักยภาพผู้ปฏิบัติงานด้านการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ระยะเร่งด่วน โดยมอบกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เป็นเจ้าภาพจัดอบรม ร่วมกับโครงการ ASEAN-ACT และมูลนิธิ IJM และกำชับให้หน่วยงานส่งเจ้าหน้าที่ที่มีความรู้และประสบการณ์เข้ามาฝึกอบรม เพื่อพัฒนาให้เป็นผู้ชำนาญการ/ เชี่ยวชาญเฉพาะทาง ให้การสนับสนุนการปฏิบัติในพื้นที่ต่อไป

ด้าน พล.ต.อ.ดร.ธรรมศักดิ์ กล่าวด้วยว่า ภาพรวมในการแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ตามข้อเสนอแนะใน TIP Report มีความก้าวหน้าทั้ง 15 ข้อ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การยกระดับมาตรฐานปฏิบัติงาน (SOP) ในการคัดแยก ประเมินความช่วยเหลือ และออกใบรับรองผลกระทบทางจิตใจของผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ ซึ่งได้รับเสียงตอบรับเป็นอย่างดียิ่ง ถือว่าเป็นความก้าวหน้าที่สำคัญในปี 2564 และจะเห็นผลชัดเจนในห้วงเวลาประเมินจัดลำดับเทียร์ค้ามนุษย์ในปี 2565

พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ขอกำชับให้คณะอนุกรรมการ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งรัดดำเนินการต่อต้านการค้ามนุษย์ให้เห็นผลเป็นรูปธรรม และบังคับใช้กฎหมายให้เด็ดขาด รวมทั้งเอาผิดกับเจ้าหน้าที่ที่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการค้ามนุษย์ เพื่อแสดงความจริงใจต่อการแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ให้หมดสิ้นไป และผลักดันให้ประเทศไทยขยับขึ้นเทียร์ 2 ตามเป้าหมายในปี 2565

ที่มา : facebook.com/PPRPThailand/
เมื่อวันที่ : 23 ธันวาคม 2564

“พล.อ.ประวิตร”ถกคณะกรรมการผังเมืองแห่งชาติผ่านร่างธรรมนูญผังเมืองฉบับแรก

,

“พล.อ.ประวิตร”ถกคณะกรรมการผังเมืองแห่งชาติผ่านร่างธรรมนูญผังเมืองฉบับแรก กำหนดทิศทางทำผังเมืองสอดรับบริบทผังเมืองประเทศยึดประชาชนได้ประโยชน์

เมื่อวันที่ 22 ธันวาคม ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายการผังเมืองแห่งชาติ ครั้งที่ 1/2564 โดยมีพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยในฐานะรองประธานกรรมการ นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ในฐานะกรรมการและเลขานุการ และนายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมืองในฐานะกรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ เข้าร่วมประชุม

ทั้งนี้การประชุมคณะกรรมการนโยบายการผังเมืองแห่งชาติ ครั้งนี้ มีความสำคัญต่อการพัฒนาด้านการผังเมืองของประเทศไทยอย่างยิ่ง เนื่องจากคณะกรรมการฯได้เห็นชอบ (ร่าง) ธรรมนูญว่าด้วยการผังเมือง ตามที่คณะกรรมการนโยบายการผังเมืองแห่งชาติได้มอบหมายให้ กระทรวงมหาดไทยโดยกรมโยธาธิการและผังเมืองดำเนินการ ซึ่งกรมฯจัดให้มีกระบวนการมีส่วนร่วมโดยได้รับความคิดเห็นจากทุกภาคส่วนกับงานผังเมืองผ่านการประชุม เชิงปฎิบัติการในพื้นที่จังหวัดต่าง ๆ รายภาคครอบคลุมทุกจังหวัดทั่วประเทศ จากนั้นจึงได้สอบถามความคิดเห็นจากหน่วยงาน/บุคคลที่เกี่ยวข้อง จำนวนกว่า 500 หน่วยงาน/บุคคล และได้นำข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะทั้งหมดมาวิเคราะห์กลั่นกรอง เพื่อให้เป็นธรรมนูญว่าด้วยการผังเมือง ที่สอดคล้องกับบริบทด้านการผังเมืองของประเทศไทยมากที่สุด โดย (ร่าง) ธรรมนูญว่าด้วยการผังเมืองฉบับนี้ ประกอบด้วยหลักการเชิงนโยบาย 7 ข้อ หลักการพื้นฐาน 14 ข้อ และหลักการเชิงพื้นที่ 5 ข้อ รวมทั้งหมด 26 ข้อ เพื่อใช้เป็นหลักการพื้นฐานที่ผู้ที่เกี่ยวข้องกับการผังเมืองพึงปฏิบัติ ซึ่งจะได้เสนอต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณา และเมื่อคณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบแล้วจะมีผลผูกพันหน่วยงานของรัฐ และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องที่จะต้องดำเนินการต่อไปตามหน้าที่และอำนาจของตน ทั้งนี้ กรมโยธาธิการและผังเมืองจะได้จัดทำคู่มือประกอบธรรมนูญว่าด้วยการผังเมืองเพื่อใช้เป็นแนวทางในการดำเนินการตามธรรมนูญว่าด้วยการผังเมืองนี้ ต่อไป

นอกจากนี้คณะกรรมการฯ ยังได้พิจารณาให้ความเห็นชอบ ในเรื่องที่มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการผังเมืองอีกสองเรื่อง คือ (ร่าง) ประกาศคณะกรรมการผังเมือง เรื่องหลักเกณฑ์และวิธีการรับฟังความคิดเห็น การปรึกษาหารือและการมีส่วนร่วมของประชาชน ในการวางและจัดทำผังเมืองรวม พ.ศ. … ซึ่งกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการรับฟังความคิดเห็นและการมีส่วนร่วมของประชาชน โดยให้มีการประชาสัมพันธ์ให้ทราบด้วยวิธีการที่หลากหลาย และสนับสนุนให้เกิดการมีส่วนร่วมของประชาชน รวมทั้งได้เห็นชอบ (ร่าง) รายงานประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 เกี่ยวกับการปฏิบัติตามพระราชบัญญัติการผังเมือง พ.ศ. 2562 ที่กรมโยธาธิการและผังเมืองได้จัดทำเพื่อเผยแพร่ให้ประชาชนได้รับทราบถึงสภาวการณ์และผลการดำเนินการด้านการผังเมืองของประเทศที่เกิดขึ้นในรอบปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 อีกด้วย

พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ถึงแม้ว่าในขณะนี้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 จะยังไม่คลี่คลายลง แต่ภารกิจด้านอื่น ๆ ของประเทศ ยังคงมีความจำเป็นที่จะต้องดำเนินการ เพื่อให้ประเทศ ได้มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องสำหรับข้อเสนอแนะ และข้อสังเกตต่างๆ ที่กรรมการได้ให้ไว้ในวันนี้ เป็นประโยชน์อย่างยิ่ง ขอให้ฝ่ายเลขาฯ นำข้อเสนอแนะดังกล่าว ไปพิจารณาดำเนินการ และรายงานความคืบหน้าต่อคณะกรรมการฯ ในโอกาสที่เหมาะสม ต่อไป

ที่มา : facebook.com/PPRPThailand/
เมื่อวันที่ : 22 ธันวาคม 2564

“พล.อ.ประวิตร” เร่งแก้กฏหมายสารกระตุ้น เร่งปลดล็อกวาด้าแบนเชิญธงชาติไทย

,

“พล.อ.ประวิตร” เร่งแก้กฏหมายสารกระตุ้น เร่งปลดล็อกวาด้าแบนเชิญธงชาติไทยขึ้นเสา

เมื่อวันที่ 21 ธันวาคม ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการโอลิมปิกแห่งประเทศไทยในพระบรมชูปถัมภ์ ให้สัมภาษณ์ก่อนประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ถึงเสียงวิจารณ์การแก้ปัญหากรณีที่องค์กรต่อต้านสารต้องห้ามโลกหรือ (วาด้า) ลงโทษไทย ให้ระงับใช้ธงชาติไทย ในเวทีแข่งขันนานาชาติ โดยให้มีการแก้ไขร่างพ.ร.บ.ควบคุมการใช้สารต้องห้ามทางการกีฬาให้เรียบร้อยก่อน ว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการแก้ไขกฎหมาย ซึ่งทำเสร็จแล้ว และอยู่ระหว่างขั้นตอนการตรวจสอบ คาดว่าจะเรียบร้อยในเร็วๆ นี้ โดยจะแก้ไขเพื่อให้เป็นไปตามที่วาดาต้องการ เชื่อว่าคงไม่มีอะไร ซึ่งกรอบเวลาก็ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของสภาฯว่าจะออกเป็นพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.)หรือออกเป็นพระราชกำหนด (พ.ร.ก.)ซึ่งขณะนี้กำลังพิจารณาอยู่

“กรณีที่ระบุว่าเกิดกระแสวิจารณ์ถึงการแก้ปัญหาเพราะเมื่อนักกีฬาแข่งขันชนะในระดับนานาชาติ แต่กลับไม่ได้ชักธงชาติไทยขึ้นสู่ยอดเสา อาจส่งผลกระทบต่อความรู้สึกคนไทย เรื่องนี้เคยบอกไปแล้วว่าเป็นกติกาของวาด้าซึ่งเป็นเรื่องกฎหมาย” พล.อ.ประวิตรกล่าว

ที่มา : facebook.com/PPRPThailand/
เมื่อวันที่ : 21 ธันวาคม 2564

“พล.อ.ประวิตร” มอบหมายผู้ว่าฯทั่วประเทศแก้ปัญหาเร่งด่วนของประชาชนอยู่ดี กินดี

,

“พล.อ.ประวิตร” มอบหมายผู้ว่าฯทั่วประเทศแก้ปัญหาเร่งด่วนของประชาชนอยู่ดี กินดี บูรณาการแผนหน่วยงานรับมือผลกระทบจากภัยพิบัตทางธรรมชาติ-การแพร่ระบาดโควิด 19

เมื่อวันที่ 20 ธันวาคม ที่สำนักงานปลัดกระทรวงกลาโหม (ศรีสมาน) พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมมอบนโยบายการกำกับและติดตามการปฏิบัติราชการในภูมิภาค ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 สำหรับเขตตรวจราชการที่ 1, 7, 13 และ 16 โดยมี พล.อ.ณัฐ อินทรเจริญ หัวหน้าคณะทำงานส่วนอำนวยการกำกับและติดตามการปฏิบัติราชการในภูมิภาค นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย(มท.) และเจ้าหน้าที่หน่ายงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุม

พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า ทั้งนี้ที่ประชุมมีเรื่องเพื่อทราบ ผลการอนุมัติจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2564 งบกลาง รายการเงินสำรองจ่ายเพื่อกรณีฉุกเฉินหรือจำเป็นของรองนายกรัฐมนตรี (พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ) ซึ่งสำนักงบประมาณได้อนุมัติจัดสรรงบประมาณแล้ว และที่ประชุมรับทราบนโยบาย มาตรการและแนวทางการกำกับและติดตามการปฏิบัติราชการในภูมิภาค ในปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 ได้แก่ 1) มาตรการฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคมที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID – 19) 2) ปัญหาสำคัญในแต่ละพื้นที่ตามที่รองนายกรัฐมนตรีเห็นสมควร เช่น การแก้ไขปัญหาความยากจน (TPMAP) การบุกรุกที่สาธารณะการเตรียมการรับภัยแล้งหรือการเตรียมการป้องกันและแก้ไขปัญหาอุทกภัยราคาสินค้าเกษตรตกต่ำการแก้ไขปัญหาการทำประมงผิดกฎหมายการแก้ไขหาแรงงาน การจัดการทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม การจัดการขยะ ปัญหาหมอกควันชายแดนภาคใต้ เป็นต้น

พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ขอให้จังหวัดหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการ ให้จังหวัดร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง บูรณาการ และประสานงานเพื่อช่วยเหลือแก้ไขปัญหาเร่งด่วน ให้กับประชาชนในพื้นที่โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผู้ที่ได้รับผลกระทบจากสาธารณภัยต่างๆ และจากปัญหาการแพร่ระบาด ของโควิด19 สร้างความรับรู้ให้ประชาสัมพันธ์ สร้างการรับรู้และการมีส่วนร่วมของประชาชน รวมทั้งรับฟังปัญหาข้อขัดข้องและข้อเสนอแนะของประชาชนในพื้นที่ เพื่อกำหนดแนวทาง การแก้ไขปัญหาให้กับประชาชนได้ตรงตามความต้องการต่อไป แนวทางการสนับสนุนงบประมาณในปีนี้ ขอให้เน้นย้ำการแก้ไขปัญหาเร่งด่วนให้กับประชาชนโดยน้อมนำแนวทาง ตามพระราชปณิธานของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมาดำเนินการให้เกิดเป็นรูปธรรม ให้หัวหน้าคณะทำงานกำกับและติดตามการปฏิบัติราชการในภูมิภาค รวมทั้งผู้ตรวจราชการสำนักนายกรัฐมนตรี และสำนักงานคณะกรรมการกำกับและติดตามการปฏิบัติราชการในภูมิภาคตรวจติดตามผลการดำเนินโครงการที่ได้รับการจัดสรรงบประมาณ พร้อมทั้งให้ทุกจังหวัดรายงานผลความก้าวหน้าและการเบิกจ่ายงบประมาณ ที่ได้รับการสนับสนุน อย่างต่อเนื่อง ใกล้ชิด และจริงจัง ให้สำนักงานคณะกรรมการกำกับและติดตามการปฏิบัติราชการในภูมิภาคในฐานะฝ่ายเลขานุการฯ ศึกษารูปแบบการกำกับและติดตามการปฏิบัติราชการสำหรับผู้บริหารเพื่อออกแบบและพัฒนาระบบฐานข้อมูลดิจิทัลในการกำกับและติดตามการปฏิบัติราชการ ให้เข้าถึงข้อมูลได้อย่างรวดเร็ว สามารถติดตามข้อสั่งการและการรายงานผลข้อมูลได้อย่างถูกต้องและมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

“การมอบนโยบายในครั้งนี้ จะทำให้เข้าใจถึงความห่วงใยของรัฐบาลที่มีต่อประชาชน และทำให้การกำกับและติดตามการปฏิบัติราชการในภูมิภาค เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้ประชาชนอยู่ดี กินดีมีความเป็นอยู่ ที่ดีขึ้นต่อไป”พล.อ.ประวิตรกล่าว

ที่มา : facebook.com/PPRPThailand/
เมื่อวันที่ : 20 ธันวาคม 2564

พปชร. เตรียมยื่นร่างพ.ร.บ.อากาศสะอาดเข้าสู่สภา พร้อมเปิดตัวผู้สมัคร ต้นปี’65

,

พปชร.”เตรียมยื่นร่างพ.ร.บ.อากาศสะอาดเข้าสู่สภา พร้อมเปิดตัวผู้สมัคร ส.ก.ครบ50เขตต้นปี’65

พปชร. ภาคกทม. ประชุมว่าที่ผู้สมัครสภากรุงเทพมหานคร(ส.ก.) วันนี้ เผยคืบหน้าคัดเลือกผู้สมัคร”ส.ก.”แล้ว 90% เตรียมเปิดตัวครบทั้ง 50 เขตต้นปี 2565 ด้านส.ส. กทม. เตรียมยื่นร่างพ.ร.บ.อากาศสะอาดเพื่อประชาชน พ.ศ……ยกระดับสิ่งแวดล้อมเพื่อคนกรุงฯและประชาชนทั้งประเทศ

20 ธ.ค.64 ที่ทำการใหญ่พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) นายจักรพันธ์ พรนิมิตร ส.ส.กทม.เขต30 ในฐานะหัวหน้าภาคกทม. พรรคพลังประชารัฐ เปิดเผยว่า วันนี้ในการประชุมว่าที่ผู้สมัครสภากรุงเทพมหานคร(ส.ก.) จะแจ้งมติคณะกรรมการบริหารพรรคเมื่อ 14 ธ.ค.ที่ผ่านมาในการที่พรรคจะส่งว่าที่ผู้สมัครส.ก. ในนามพรรคพลังประชารัฐทั้ง 50 เขต โดยขณะนี้การคัดเลือกบุคคลเพื่อลงสมัครได้ดำเนินการไปแล้วกว่า 90% คาดว่าจะมีรายชื่อครบทั้งหมดและสามารถแถลงเปิดตัวอย่างเป็นทางการได้ในช่วงต้นปี2565

นอกจากนี้ คณะทำงานภาค กทม.ยังได้ให้ส.ส.กทม.ของพรรคเตรียมยื่นร่างพ.ร.บ.อากาศสะอาดเพื่อประชาชนพ.ศ…… เข้าสู่การพิจารณาของสภา ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการทำงานด้านนโยบายเพื่อคนกทม.และคนไทยทั้งประเทศ ในการดูแลด้านสิ่งแวดล้อมและคุณภาพชีวิตที่ดีให้กับประชาชนโดยเฉพาะการแก้ไขปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็กไม่เกิน 2.5 ไมครอนหรือ PM 2.5 ซึ่งหัวใจของร่างกฎหมายดังกล่าวถือว่าอากาศสะอาดเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานที่ประชาชนทุกคนต้องเข้าถึงได้ และจะให้อำนาจจังหวัดรวมถึง กทม.ในการแก้ปัญหาอากาศพิษที่เกิดจากแหล่งก่อมลพิษทั้งหลาย และมีบทลงโทษที่ชัดเจนกับผู้ที่เป็นสาเหตุของปัญหา

“ผมได้ย้ำกับว่าที่ผู้สมัคร ส.ก.ทุกท่าน ว่าการทำงานของภาคกทม.จะเน้นการผลิตนโยบายสำคัญเพื่อคนกรุงเทพฯ และว่าที่ส.ก.ทุกคนต้องลงพื้นที่ทำความเข้าใจกับประชาชนกทม.อย่างต่อเนื่อง และเชื่อว่าหากถึงเวลาคัดสรรผู้สมัครผู้ว่าราชการกทม. จะหาคนที่มีแนวคิดและนโยบายที่ใกล้เคียงกับนโบบายที่ภาคกทม.ได้จัดเตรียมไว้” นายจักรพันธ์กล่าว

ที่มา : facebook.com/PPRPThailand/
เมื่อวันที่ : 20 ธันวาคม 2564

รมว.ตรีนุช ย้ำโรงเรียนคุณภาพสร้างเครือข่ายพัฒนานักเรียน สานต่อโรงเรียนคุณภาพ

,

รมว.ตรีนุช ย้ำโรงเรียนคุณภาพสร้างเครือข่ายพัฒนานักเรียน

“ตรีนุช”เดินหน้าสานต่อโรงเรียนคุณภาพ ย้ำการจัดการศึกษามีผู้เรียนเป็นเป้าหมายแห่งการพัฒนา ต้องสร้างเครือข่ายให้ทุกภาคส่วน ร่วมจัดกระบวนการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพ ให้ผู้เรียนได้เรียนรู้อย่างต่อเนื่อง ภายใต้หลักความปลอดภัย

วันนี้(18 ธ.ค.) นางสาวตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 17 ธ.ค.ที่ผ่านมาตนได้ไปเป็นประธานเปิดงาน “ TUB-UBON : มิติใหม่โรงเรียนคุณภาพมัธยมศึกษา ” ที่โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ อุบลราชธานี ได้ชมการแสดงโปงลางของนักเรียน และ นิทรรศการหลักสูตรที่หลากหลาย อาทิ ห้องเรียนพิเศษ ห้องเรียน E-Sport, ห้องเรียนภาษาต่างประเทศ, ห้องเรียนฟุตบอล, ห้องเรียนศิลปะ ทำให้เห็นถึงความสามารถที่หลากหลายของนักเรียน รวมถึงห้องเรียนทวิศึกษา ที่จัดการเรียนการสอบหลักสูตรประกาศนียบัตรวิชาชีพ (ปวช.) บวกกับ หลักสูตรมัธยมศึกษาตอนปลาย ซึ่งทำให้นักเรียนสายสามัญศึกษา ได้มีโอกาสเข้ามาสัมผัสการเรียนในสายอาชีพ ซึ่งเป็นการช่วยเสริมจุดแข็งให้ผู้เรียน ได้มีทั้งองค์ความรู้และทักษะที่จำเป็นสำหรับการทำงานและการดำรงชีวิตในศตวรรษที่ 21

“ดิฉันขอชื่นชมผู้มีส่วนเกี่ยวข้องที่ได้ผลักดันเรื่องการสร้างความเชื่อมั่น ไว้วางใจให้กับสังคม หรือ TRUST ซึ่งเป็นหนึ่งในนโยบายของกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) คือ เรื่อง “โรงเรียนคุณภาพ” โรงเรียนเตรียมอุดมศึกษาพัฒนาการ อุบลราชธานี หรือ TUP-UBON เป็นตัวอย่างของโรงเรียนมัธยมคุณภาพประจำจังหวัดที่มีความน่าเชื่อถือ โดยเห็นได้จากการออกแบบหลักสูตรที่มีความหลากหลาย เพื่อรองรับศักยภาพและความต้องการของผู้เรียนที่แตกต่างกัน อย่างไรก็ตามดิฉันฝากให้เน้นย้ำถึงหลักใหญ่ ของการพัฒนาโรงเรียนมัธยมคุณภาพประจำจังหวัด คือ ทำอย่างไรให้โรงเรียนมีคุณภาพ และได้มาตรฐานตามบริบทของตนเอง ลดความเหลื่อมล้ำให้เกิดความเท่าเทียม มีความพร้อมในการจัดการเรียนการสอน มีอุปกรณ์และสิ่งอำนวยความสะดวกที่เอื้อต่อการเรียนรู้ เน้นผู้บริหารและครูที่มีประสิทธิภาพ รวมถึงส่งเสริมให้ทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมในการจัดกระบวนการเรียนรู้ที่มีประสิทธิภาพให้แก่ผู้เรียน ซึ่งการสร้างเครือข่ายของโรงเรียนเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่สำคัญ ” รมว.ศธ.กล่าว

นางสาวตรีนุช กล่าวต่อไปว่า นอกจากนี้ตนยังได้เป็นประธานเปิดงาน “การเปิดตลาดน้ำซับ@UBN4 เวทีคนอวดดี อวดเก่ง อวดรู้ สู่อาชีพ”ที่สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา (สพป.) อุบลราชธานี เขต 4 ด้วย ซึ่งพบว่า สพป.4 ได้นำนโยบายของ ศธ. และที่สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ได้มอบไว้มาปฏิบัติเป็นรูปธรรม ทั้งรูปแบบการทำงาน TRUST 12 นโยบายการจัดการศึกษา 7 วาระเร่งด่วน รวมถึง สพฐ.วิถีใหม่ วิถีคุณภาพ การใช้พื้นที่เป็นฐาน ใช้นวัตกรรมในการขับเคลื่อน โดยทาง สพป.เขต 4 ได้นำแนวนโยบายดังกล่าวมาพัฒนารูปแบบการจัดการเรียนรู้แบบ PARA MODEL หรือ การเรียนรู้แบบคู่ขนาน เพื่อใช้เป็นแนวทางในการขับเคลื่อนคุณภาพการศึกษา ทั้ง 5 ON โดยเน้นความปลอดภัยของผู้เรียนเป็นสำคัญ ซึ่งช่วยพลิกวิกฤตในการจัดการศึกษา ท่ามกลางสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ให้ผู้เรียนไม่พลาดโอกาสที่จะเรียนรู้ และยังได้สร้างผลงานเป็นที่ประจักษ์

ทั้งนี้ การจัดการศึกษามีผู้เรียนเป็นเป้าหมายแห่งการพัฒนา เป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด และเป็นโจทย์สำหรับทุกเขตพื้นที่ฯ ที่จะต้องแสวงหาวิธีการ ที่จะทำให้ผู้เรียนของเรามีการเรียนรู้อย่างต่อเนื่อง ภายใต้หลักความปลอดภัย วันนี้นอกเหนือไปจากการเรียนรู้แล้วจะต้องคิดถึงการต่อยอดองค์ความรู้ ออกมาเป็นทักษะ ออกมาเป็นผลงาน ที่สามารถนำไปใช้ประโยชน์ หรือสร้างรายได้ให้กับผู้เรียน เพื่อให้การพัฒนาทักษะอาชีพ เป็นการศึกษาเพื่อสร้างอาชีพอย่างแท้จริง

นางสาวตรีนุช กล่าวด้วยว่า วันนี้เรากำลังอยู่ระหว่างการจัดการเรียนการสอนในภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2564 ซึ่งเป็นการจัดการเรียนการสอนท่ามกลางสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา (โควิด-19) ซึ่งตนได้ติดตามข้อมูลการแพร่ระบาดในสถานศึกษาของแต่ละจังหวัดมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นข้อมูลในการประเมินความพร้อม รวมถึงกำหนดมาตรการที่จำเป็น เพื่อช่วยเหลืออย่างทันท่วงที ซึ่งทราบว่า จังหวัดอุบลราชธานี มีจำนวนโรงเรียนที่เปิดเรียนเแบบ On-site ถึง 238 โรงเรียน มากเป็นอันดับ 6 ของประเทศ แต่หากมองเป็นเปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับจำนวนโรงเรียนทั้งจังหวัดที่มีอยู่ทั้งหมด 1,268 โรงเรียนแล้ว ก็คิดเป็น 19% เท่านั้น ซึ่งนับว่ายังต้องช่วยกันสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้ปกครอง และประชาชนให้มากขึ้น ซึ่งการเข้ารับวัคซีน ก็เป็นทางหนึ่งที่จะช่วยให้ทุกคนผ่านพ้นสถานการณ์ในครั้งนี้ไปด้วยกัน

ที่มา : facebook.com/PPRPThailand/
เมื่อวันที่ : 18 ธันวาคม 2564

“พล.อ.ประวิตร”ลงพื้นที่จ.สุราษฎร์ธานี-ชุมพร เร่งเยียวยาผู้ประสบภัยน้ำท่วม

,

“พล.อ.ประวิตร”ลงพื้นที่จ.สุราษฎร์ธานี-ชุมพร เร่งบูรณาการหน่วยงานเยียวยาผู้ประสบภัยน้ำท่วม

เมื่อวันที่ 13 ธันวาคม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำท่วมภาคใต้ จ.สุราษฎร์ธานี และจ.ชุมพร ที่ศูนย์บริหารจัดการน้ำส่วนหน้าในพื้นที่ภาคใต้ ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต 11 สุราษฎร์ธานี โดยมี ผู้ว่าราชการจังหวัดสุราษฎร์ธานีกล่าวต้อนรับ ดร.สุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติรายงานสถานการณ์ในพื้นที่ภาคใต้ ผู้แทนสถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (องค์การมหาชน) รายงานการคาดการณ์สภาพอากาศในพื้นที่ภาคใต้ ผู้แทนกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย รายงานสรุปการช่วยเหลือผู้ประสบภัย ก่อนเดินทางไปตรวจเยี่ยมพบปะให้กำลังใจประชาชนที่รับผลกระทบจากน้ำท่วมพร้อมมอบถุงยังชีพ ในพื้นที่ตลาดท่าชนะ ต.สมอทอง อ.ท่าชนะ จ.สุราษฎร์ธานี จากนั้นรองนายกรัฐมนตรีพร้อมคณะได้เดินทางต่อไปยังศูนย์บัญชาการเหตุการณ์จังหวัดชุมพร (ส่วนหน้า) ต.วังตะกอ อ.หลังสวน จ.ชุมพร โดย ผวจ.ชุมพร กล่าวต้อนรับและรายงานสถานการณ์อุทกภัยในพื้นที่ สถาบันสารสนเทศทรัพยากรน้ำ (องค์การมหาชน) รายงานการปฏิบัติหน้าที่เพื่อสนับสนุนการปฏิบัติงานของจังหวัดชุมพร พร้อมเยี่ยมประชาชนผู้ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมและมอบถุงยังชีพ ณ ที่ว่าการอำเภอทุ่งตะโก ต.ทุ่งตะไคร อ.ทุ่งตะโก จ.ชุมพร ตามลำดับ

พล.อ.ประวิตร กล่าวมอบนโยบายแก่หน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องและเน้นย้ำในโอกาสตรวจเยี่ยมให้กำลังใจประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมในพื้นที่ จ.สุราษฎร์ธานี และ จ.ชุมพร ว่า ขณะนี้ภาคใต้ของประเทศไทยยังได้รับอิทธิพลของมรสุมตะวันออกเฉียงเหนืออย่างต่อเนื่อง ทำให้มีฝนตกหนัก ส่งผลให้เกิดอุทกภัยในพื้นที่หลายจังหวัด โดยเฉพาะจังหวัดชุมพร สุราษฎร์ธานี และนครศรีธรรมราช ซึ่งรัฐบาลมีความห่วงใยและตระหนักถึงความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนผู้ประสบภัย จึงได้ตั้งศูนย์บริหารจัดการน้ำส่วนหน้าในพื้นที่ที่จังหวัดสุราษฎร์ธานี และที่ ศอ.บต. จังหวัดยะลา เพื่อคาดการณ์และแก้ไขปัญหาสถานการณ์น้ำได้อย่างทันท่วงที และรัฐบาลจะเร่งขับเคลื่อนแผนแม่บทน้ำฯ 20 ปี เพื่อให้แก้ไขปัญหาน้ำในทุกพื้นที่ได้อย่างยั่งยืน

จึงได้มอบหมายให้หน่วยงานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องบูรณาการความร่วมมือดำเนินการ 3 ส่วนหลัก คือ 1.เร่งรัดบูรณาการให้ความช่วยเหลือ ซ่อมแซมบ้านเรือนที่อยู่อาศัยของผู้ประสบภัย รวมทั้งเร่งสำรวจความเสียหาย ฟื้นฟูเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบ 2.ให้ทุกหน่วยงานเฝ้าระวังพื้นที่เสี่ยงน้ำหลาก ดำเนินการตามแผนเผชิญเหตุ วางแผนการระบายน้ำพื้นที่ชุมชน ควบคู่กับการวางแผนเก็บน้ำสำรองไว้รองรับในช่วงฤดูแล้งด้วย และ 3. เร่งรัดโครงการต่าง ๆ ที่ได้รับงบประมาณให้เสร็จโดยเร็ว โดยเฉพาะโครงการที่ได้รับงบกลางจากรัฐบาลไปให้สามารถช่วยเหลือ และลดผลกระทบให้กับประชาชนให้ได้มากที่สุดและเร็วที่สุด

ทั้งนี้สถานการณ์น้ำท่วมและพื้นที่ประสบภัยพื้นที่ภาคใต้ ปัจจุบันพบว่า ยังคงมีสถานการณ์น้ำท่วมขังในพื้นที่ 1 จังหวัด ได้แก่ จ.สุราษฎร์ธานี รวม 2 อำเภอ ได้แก่ อ.พุนพิน และ อ.บ้านนาเดิม ซึ่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้เร่งให้การให้ความช่วยเหลืออย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะการเร่งระบายน้ำเพื่อลดผลกระทบโดยเร็ว รวมถึงการมอบถุงยังชีพ รถผลิตน้ำดื่มเพื่อบรรเทาสาธารณภัย เป็นต้น อย่างไรก็ตาม กอนช.ยังคงติดตามสถานการณ์ คาดการณ์พื้นที่เสี่ยง เพื่อประสาน กำกับติดตาม หน่วยงานเกี่ยวข้องเตรียมพร้อมรับสถานการณ์

ที่มา : facebook.com/PPRPThailand/
เมื่อวันที่ : 14 ธันวาคม 2564

รมช. อธิรัฐ ร่วมเปิด ระบบ EMV Contactless แตะ-จ่ายค่าทางด่วน แบบ New Normal

,

“รมช. อธิรัฐ ร่วมเปิด ระบบ EMV Contactless แตะ-จ่ายค่าทางด่วน แบบ New Normal”

วันที่ 13 ธันวาคม 2564 เวลา 14.00 น. ณ ด่านเก็บค่าผ่านทางพิเศษสะพานพระราม 7 ทางพิเศษศรีรัช-วงแหวนรอบนอกกรุงเทพฯ ดร. อธิรัฐ รัตนเศรษฐ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ร่วมเป็นเกียรติในพิธีเปิดโครงการระบบชำระค่าผ่านทางด้วยเทคโนโลยี EMV Contactless (Europay Mastercard and Visa) โดยมีนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ประธานฯ และผู้บริหารกระทรวงคมนาคมร่วมในพิธี

EMV ทำให้ผู้ใช้ทางด่วน ชำระค่าผ่านทางด้วยบัตรใบเดียว จ่ายได้ทั้งบัตรเดบิตและบัตรเครดิตทุกธนาคาร เลี่ยงการใช้เงินสดที่เสี่ยงต่อการติดเชื้อไวรัส COVID-19 โดยการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) ร่วมกับธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) และ บริษัท ทางด่วนและรถไฟฟ้ากรุงเทพ จำกัด (มหาชน) (BEM) ร่วมพัฒนาระบบฯ โดย ->ขับรถเข้าช่องเงินสด->ลดกระจก ->แตะบัตร ตรงสัญลักษณ์ “Contactless” ระบบได้ติดตั้งเครื่องอ่านข้อมูล EDC มีความแม่นยำสูง อนาคตจะพัฒนาเป็นระบบไม่มีไม้กั้น (M –Flow) และระบบตั๋วร่วม ต่อไป

ปัจจุบันได้เปิดให้บริการ 5 สายทางพิเศษแล้ว ได้แก่ เฉลิมมหานคร(ด่วนขั้น 1) ศรีรัช(ด่วนขั้น 2) ศรีรัช-วงแหวนรอบนอกฯ อุดรรัถยา(บางปะอิน – ปากเกร็ด) และกาญจนาภิเษก (วงแหวนใต้) ได้รับผลตอบรับจากผู้ใช้บริการฯ เป็นอย่างดี

ความร่วมมือ 3 องค์กร ได้รองรับสถานการณ์แบบ New Normal ตามนโยบายของท่านนายกรัฐมนตรี ให้มีความพร้อมทางเทคโนโลยีและนวัตกรรม ที่สำคัญอย่างยิ่ง เพื่อให้ประชาชนมีการเดินทางที่สะดวกสบาย และปลอดภัยคมนาคมเชื่อมโยง ประชาชนเชื่อมใจ เชื่อมต่อทั่วไทย ใกล้ไกลถึงกัน

ที่มา : facebook.com/PPRPThailand/
เมื่อวันที่ : 13 ธันวาคม 2564

รมช.อธิรัฐ ร่วมผลักดันประเทศไทยได้รับเลือกคณะมนตรี IMO สมัยที่ 9

,

“รมช.อธิรัฐ ร่วมผลักดันประเทศไทยได้รับเลือกคณะมนตรี IMO สมัยที่ 9”เดินหน้าปฎิบัติการความปลอดภัยการเดินเรือ คุ้มครองสิ่งแวดล้อมทางทะเล

นายอธิรัฐ รัตนเศรษฐ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เปิดเผยว่าเมื่อวันที่ 10 ธันวาคม 2564 ที่ประชุมสมัชชา สมัยสามัญ ครั้งที่ 32 ขององค์การทางทะเลระหว่างประเทศ (International Maritime Organization : IMO) ได้เลือกตั้งคณะมนตรี IMO วาระปี พ.ศ.2565-2566 ที่สำนักงานใหญ่ IMO ณ กรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร ซึ่งประเทศไทยได้รับเลือกจากประเทศสมาชิกให้ดำรงตำแหน่งคณะมนตรี IMO กลุ่ม C ด้วยคะแนนเสียง 107 เสียง เป็นอันดับที่ 19 ของประเทศที่ได้รับเลือกตั้งทั้งหมด 20 ประเทศ จากรัฐสมาชิกที่มีสิทธิ์ลงคะแนนเสียงทั้งหมด 160 ประเทศ ส่งผลให้ไทยได้ดำรงตำแหน่งต่อเนื่องเป็นวาระที่ 9 สำหรับประโยชน์ที่ประเทศไทยจะได้รับ นอกจากเข้าไปทำหน้าที่ตรวจสอบ กำกับดูแล และติดตามงานของ IMO แล้วยังมีส่วนในการกำหนดมาตรฐานและแนวปฏิบัติเพื่อความปลอดภัยในการเดินเรือ คนประจำเรือ และการคุ้มครองสิ่งแวดล้อมทางทะเล รวมถึงการสร้างความร่วมมือทางวิชาการระหว่างประเทศสมาชิก และในโอกาสนี้ผมต้องขอขอบคุณทุกๆฝ่าย ได้ร่วมมือกันผลักดันจนประเทศสมาชิกให้ความเชื่อมั่นและไว้วางใจเลือกประเทศไทยเป็นสมาชิกคณะมนตรี IMO อีกสมัย

ที่มา : facebook.com/PPRPThailand/
เมื่อวันที่ : 11 ธันวาคม 2564

ตัวแทนพรรคพลัง ประชารัฐร่วมพิธี “วันรัฐธรรมนูญ” ประจำปี 64

,

ตัวแทนพรรคพลัง ประชารัฐร่วมพิธี “วันรัฐธรรมนูญ” ประจำปี 64
วางพานพุ่มพระบรมรูป ร.7 น้อมรำลึกพระมหากรุณาธิคุณต่อปวงชนชาวไทย

วันที่ 10 ธันวาคม 2564 ดร.พัชรินทร์ ซำศิริพงษ์ ส.ส. กรุงเทพฯ เขต 2 และโฆษกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) พร้อมด้วย ดร.จักรพันธ์ พรนิมิตร ส.ส. กรุงเทพฯ เขต 30 บางพลัด-บางกอกน้อย ในฐานะตัวแทนพรรคพลังประชารัฐ เข้าร่วมพิธีฉลองวันพระราชทานรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย วางพานประดับพุ่มดอกไม้ถวายบังคมฯ ในนามพรรคฯ เบื้องหน้าพระรูปต้นแบบพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 7) เพื่อน้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณที่ทรงมีต่อปวงชนชาวไทย เนื่องในวันรัฐธรรมนูญ ซึ่งตรงกับวันที่ 10 ธันวาคม ของทุกปี ณ อาคารรัฐสภา (เกียกกาย) กรุงเทพฯ

ทั้งนี้ ในช่วงเช้าได้เข้าร่วมพิธีบำเพ็ญกุศลทักษิณานุประทานถวายพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว และร่วมพิธีเจริญพระพุทธมนต์ฉลองวันพระราชทานรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย โดยมีประธานสภาผู้แทนราษฎร พร้อมด้วยสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร, ประธานวุฒิสภา, เลขาธิการผู้แทนราษฎร, เลขาธิการวุฒิสภา, ข้าราชการ และตัวแทนจากพรรคการเมืองต่างๆ ร่วมวางพานประดับพุ่มดอกไม้ถวายบังคมฯ เบื้องหน้าพระรูปต้นแบบฯ

วันรัฐธรรมนูญ ถือเป็นวันสำคัญที่รัชกาลที่ 7 โปรดเกล้าฯ ได้ทรงลงพระปรมาภิไธยในรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พระราชทานเป็นกฎหมายสูงสุดของประเทศไทย และเป็นเครื่องกำหนดระเบียบแบบแผนของสังคมไทยมาจนถึงปัจจุบัน โดยกฎหมายอื่นใดจะขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญไม่ได้ โดยในปีนี้ครบรอบ 89 ปี ตั้งแต่วันที่ 10 ธันวาคม พ.ศ.2475

ที่มา : facebook.com/PPRPThailand/
เมื่อวันที่ : 10 ธันวาคม 2564

‘พล.อ.ประวิตร’ สั่ง กนช. เดินหน้า 9 มาตรการแก้ภัยแล้ง เพิ่มแหล่งน้ำต้นทุนท้องถิ่น

,

‘พล.อ.ประวิตร’ สั่ง กนช. เดินหน้า 9 มาตรการแก้ภัยแล้ง เพิ่มแหล่งน้ำต้นทุนท้องถิ่น บริหารจัดการน้ำหนุนเกษตร

เมื่อวันที่ 9 ธันวาคม ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (กนช.) ครั้งที่ 4/2564 โดยมีดร.สุรสีห์ กิตติมณฑล เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) พร้อมด้วยผู้แทนหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุมโดยผ่านระบบวีดิโอคอนเฟอเรนท์ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า การประชุมกนช. ในวันนี้ มีการพิจารณาให้ความเห็นชอบมาตรการรองรับสถานการณ์ขาดแคลนน้ำ ฤดูแล้ง ปี 2564/2565 จำนวน 9 มาตรการ ได้แก่ 1.เร่งกักเก็บน้ำ 2.จัดหาแหล่งน้ำสำรองในพื้นที่เสี่ยงขาดแคลนน้ำ 3. ปฏิบัติการเติมน้ำ 4.กำหนดการจัดสรรน้ำฤดูแล้ง 5.วางแผนเพาะปลูกพืชฤดูแล้ง 6.เตรียมน้ำสำรองสำหรับพื้นที่ลุ่มต่ำ 7.เฝ้าระวังคุณภาพน้ำ 8.ติดตามและประเมินผล เพื่อให้ผลการดำเนินงานเป็นไปตามแผน และ 9.สร้างการรับรู้สถานการณ์และแผนบริหารจัดการน้ำ รวมทั้งโครงการเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำเพื่อรองรับสถานการณ์ภัยแล้งและฝนทิ้งช่วง ปี 2565 เพื่อเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) และให้หน่วยงานดำเนินการตามมาตรการดังกล่าวต่อไป

พล.อ.ประวิตรกล่าวว่า นอกจากนี้ ยังเห็นชอบให้สำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) เร่งพัฒนาโครงการพัฒนาแหล่งน้ำเพื่อการเกษตรในพื้นที่ ส.ป.ก.จังหวัดกระบี่ เพื่อสนับสนุนพื้นที่เกษตรกรรม 3,321 ไร่ ให้มีน้ำใช้อย่างเพียงพอ โดยให้ ส.ป.ก. และกรมพัฒนาที่ดิน เร่งพัฒนาระบบสาธารณูปโภคในพื้นที่ และเร่งวางแผนการดำเนินการได้ทันที เมื่อได้รับงบประมาณ เนื่องจากมีประชาชนเข้าใช้ประโยชน์แล้ว รวมทั้งยังเห็นชอบ

ทั้งนี้ที่ประชุมยังได้ติดตามความก้าวหน้าการได้มาซึ่งคณะกรรมการลุ่มน้ำฯ จากผู้แทนภาคส่วนต่างๆ เพื่อให้การคัดเลือกมีความโปร่งใสและเป็นธรรม โดยเริ่มดำเนินการคัดเลือกกรรมการลุ่มน้ำผู้แทนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นทุกลุ่มน้ำในเดือนมกราคม 65 และประกาศรายชื่อผู้ได้รับการคัดเลือกในเดือนมีนาคม 65 ซึ่งเป็นระยะเวลาเดียวกันหรือใกล้เคียงกันกับการประกาศแต่งตั้งคณะกรรมการลุ่มน้ำผู้ทรงคุณวุฒิ ส่วนกรรมการลุ่มน้ำผู้แทนองค์กรผู้ใช้น้ำได้ดำเนินการคัดเลือกครบถ้วนทุกลุ่มน้ำแล้ว นอกจากนี้ ที่ประชุมยังได้พิจารณาเห็นชอบร่างแผนปฏิบัติการด้านทรัพยากรน้ำ 5 ปี (พ.ศ. 2566 – 2570) และร่างแผนปฏิบัติการด้านทรัพยากรน้ำ ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2566 โดยมอบหมายให้หน่วยงานของรัฐและ อปท.พิจารณาจัดทำแผนปฏิบัติการฯ ให้สอดคล้องแผนแม่บทฯน้ำ 20 ปี ก่อนเสนอกนช. และครม. พิจารณาเห็นชอบต่อไป

การขับเคลื่อนการถ่ายโอนโครงการขนาดเล็กให้กับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น(อปท.) โดยหน่วยงานราชการสามารถถ่ายโอนแหล่งน้ำขนาดเล็กที่ซ่อมแซมแซมแล้วให้แก่ อปท. นำไปบริหารจัดการเองได้ เพื่อให้ประชาชนสามารถนำน้ำจากแหล่งน้ำที่ซ่อมแซมแล้วไปใช้ประโยชน์ในการดำรงชีพและประกอบอาชีพต่อไป

ทั้งนี้ ยังได้เน้นย้ำให้ทุกหน่วยงานร่วมมือในการแก้ไขปัญหาน้ำท่วม น้ำแล้ง และคุณภาพน้ำ โดยเฉพาะการดำเนินการตามมาตรการฤดูแล้งที่ต้องวางแผนบริหารจัดการน้ำไว้ล่วงหน้า ในส่วนแผนงาน/โครงการใดที่ยังติดขัดปัญหาและอุปสรรค ขอให้หน่วยงานเร่งดำเนินการตามระเบียบที่ถูกต้อง พร้อมจัดลำดับความสำคัญของแผนงานตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดเพื่อให้การแก้ไขปัญหาด้านน้ำบรรลุผลอย่างเป็นรูปธรรมและยั่งยืน ประชาชนจะได้รับประโยชน์อย่างเท่าเทียม ที่สำคัญยังได้สั่งการหน่วยงานเกี่ยวข้องวางแผนเตรียมความพร้อมก่อนเข้าฤดูฝนปี 2565 ให้แล้วเสร็จภายในเดือนกุมภาพันธ์เพื่อเสนอ กนช. พิจารณาต่อไปด้วย

ที่มา : facebook.com/PPRPThailand/
เมื่อวันที่ : 9 ธันวาคม 2564

พิธีวางพานพุ่มดอกไม้ เนื่องในวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพ ร.9

,

“น้อมรำลึกในพระมหากรุณาธิคุณ เนื่องในโอกาสวันคล้ายวันพระบรมราชสมภพ ในหลวง รัชกาลที่ 9 วันชาติ และวันพ่อแห่งชาติ 5 ธันวาคม 2564”

วันที่ 5 ธันวาคม 2564 เวลา 07.30 น. ณ ท้องสนามหลวง ประธานองคมนตรี คณะองคมนตรี ประธานรัฐสภา ประธานศาลฎีกา ประธานองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ รองนายกรัฐมนตรี หน่วยราชการในพระองค์ ผู้บัญชาการเหล่าทัพและตำรวจ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครพร้อมภริยา ร่วมในพิธีทำบุญตักบาตรถวายพระราชกุศล

โดยมี พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ประธานในพิธีฯ คณะรัฐมนตรี พร้อมด้วย ดร.อธิรัฐ รัตนเศรษฐ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ผู้บริหารหน่วยงานภาครัฐ เอกชน และประชาชนร่วมพิธีทำบุญตักบาตรพระสงฆ์

จากนั้น เวลา 08.30 น. ร่วมพิธีวางพานพุ่มดอกไม้และพิธีถวายบังคม พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร

ที่มา : facebook.com/PPRPThailand/
เมื่อวันที่ : 5 ธันวาคม 2564