โลกเปลี่ยน ไทยต้องปรับ ทางเลือกใหม่ของการเมืองไทย ก้าวข้ามความขัดแย้ง สานพลังประชาราษฎร์ ร่วมสร้างชาติให้ยั่งยืน

ผู้เขียน: pprpadmin

“อาญาสิทธิ์”วอน ขอกำลังช่วย “ผู้ใหญ่บ้าน-กำนัน”รักษาความสงบ เรียบร้อยในพื้นที่

นายกองตรี อาญาสิทธิ์ ศรีสุวรรณ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวหารือในที่ประชุมสภาฯ ถึงปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน ในเรื่องปัญหาอุปสรรคการปฎิบัติหน้าที่ของผู้ใหญ่บ้าน และกำนันในการรักษาความสงบ เรียบร้อยในพื้นที่ เนื่องจากขาดกำลังผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านฝ่ายรักษาความสงบความเรียบร้อย ปัญหาก็คือในหมู่บ้านหนึ่ง มีผู้ใหญ่บ้าน ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านฝ่ายปกครอง และฝ่ายรักษาความสงบความเรียบร้อย แบ่ง เป็น2 ประเภท ในการรักษาความเรียบร้อย มีหน้าที่เข้าไปดูแลการเกิดความเดือดร้อนเกี่ยวกับการอุทกอภัย เรื่องการป้องกันการลักทรัพย์ จะเห็นได้ว่า พื้นที่บางแห่งพืชผลทางการเกษตร ถูกลักขโมยทำให้เกิดการเสียหาย ดังนั้นกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ต้องเข้าไปดูแล แต่ตอนนี้ขาดกำลังทำงาน

#พรรคพลังประชารัฐ #พลังประชารัฐ #พปชร #PPRP #อาญาสิทธิ์ศรีสุวรรณ
Twitter : https://twitter.com/PPRPofficial

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 23 พฤศจิกายน 2565

“พปชร.ระยอง” เร่งติดตาม-เปิดศูนย์บริการชำระค่าน้ำประปา อ.บ้านฉาง อำนวยความสะดวกประชาชน

“พปชร.ระยอง” เร่งติดตาม-เปิดศูนย์บริการชำระค่าน้ำประปา อ.บ้านฉาง อำนวยความสะดวกประชาชน

นายสมพงษ์ โสภณ ส.ส.ระยอง เขต 4 พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) และ สจ.เผ่าพัน โสภณ เร่งติดตามความคืบหน้าหลังได้รับเรื่องร้องเรียนจากชาวบ้านในพื้นที่ ว่าไม่ได้รับความสะดวกในการเข้าถึงการใช้บริการชำระค่าน้ำของประปาส่วนภูมิภาค สาขาบ้านฉาง จ.ระยอง เนื่องจากศูนย์ชำระค่าบริการน้ำประปาดังกล่าว ตั้งอยู่ห่างไกลจากพื้นที่ชุมชน ทำให้ต้องใช้เวลาระยะเวลาในการเดินทาง โดยมีนายสกล ถุงทรัพย์ ผู้จัดการการประปาส่วนภูมิภาคสาขาบ้านฉาง นายศิวทัศน์ เจริญวงศ์ หัวหน้างานบริหารและควบคุมน้ำสูญเสีย และนายสายชล มัติโก หัวหน้างานผลิต ร่วมลงพื้นที่ปรับปรุง ทาสี และเปิดศูนย์บริการชำระค่าน้ำประปาในครั้งนี้

ทั้งนี้ ส.ส.สมพงษ์ ได้ประสานไปยังการประปาส่วนภูมิภาค สาขาบ้านฉาง จ.ระยอง เพื่อให้เร่งพิจารณาและดำเนินการเปิดศูนย์ให้บริการประชาชน โดยจะใช้สถานีสูบน้ำ (ตรงข้ามศูนย์ราชการระยอง) เป็นศูนย์ให้บริการประชาชน เพื่ออำนวยความสะดวกในการชำระค่าน้ำประปา ซึ่งจะเปิดให้บริการประชาชนได้ช่วงต้นเดือนมกราคม 2566

#พรรคพลังประชารัฐ #พลังประชารัฐ #พปชร #PPRP #สมพงษ์โสภณ
Twitter : https://twitter.com/PPRPofficial


ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 23 พฤศจิกายน 2565

‘พล.อ.ประวิตร’ สั่งเร่งปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ลุยกวาดล้างขบวนการต้มตุ๋นออนไลน์ทั้งระบบ

‘พล.อ.ประวิตร’ สั่งเร่งปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์
ลุยกวาดล้างขบวนการต้มตุ๋นออนไลน์ทั้งระบบ

เมื่อวันที่ 22 พฤศจิกายน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี มอบหมายให้ พล.ต.อ.ธรรมศักดิ์ วิชชารยะ เป็นประธานการประชุมการแก้ไขปัญหาการฉ้อโกงประชาชนผ่านทางสื่อสังคมออนไลน์ (แก๊งคอลเซ็นเตอร์) โดยมีผู้แทนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ผู้แทนกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม(ดีอีเอส) ผู้แทนธนาคารแห่งประเทศไทย และหน่วยงานเกี่ยวข้องเข้าร่วมการประชุม

พล.ต.อ.ธรรมศักดิ์ กล่าวว่า พล.อ.ประวิตร มีความห่วงใยพี่น้องประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อน จากการหลอกลวงของ แก๊งคอลเซนเตอร์ การประชุมในครั้งนี้ ที่ประชุมได้กำหนดแนวทางการดำเนินการเร่งด่วน โดยกำหนดให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการการให้แล้วเสร็จภายใน 3 เดือน อาทิ การให้ธนาคารแห่งประเทศไทยออกประกาศ หรือข้อบังคับให้ธนาคารพาณิชย์ระงับช่องทางการทำธุรกรรมออนไลน์กับบัญชีต้องสงสัย การกำหนดให้การโอนเงิน Mobile Banking ตั้งแต่ 50,000 บาทขึ้นไป ต้องใช้ซิมโทรศัพท์ที่ลงทะเบียนเท่านั้น การให้ กสทช. ออกมาตรการในการลงทะเบียนซิม การพัฒนาต่อยอด application เป๋าตัง การให้ ปปง. แก้ไขกฎกระทรวง เรื่องการกำหนดจำนวนเงินสดในการทำธุรกรรมที่สถาบันการเงินต้องรายงานต่อ ปปง. และการให้ ปปง.กำหนดหลักเกณฑ์ให้สถาบันการเงินต้องดำเนินการเมื่อตรวจพบบัญชีม้า นอกจากนี้ยังกำหนดให้มีการดำเนินการในระยะถัดไป ได้แก่ การจัดให้มีการระบุตัวตน biometrics ของผู้เปิดและใช้บัญชีตั้งแต่เริ่มแรกและต่อมาเป็นระยะเพื่อให้มั่นใจว่าข้อมูลถูกต้องแท้จริงและเป็นปัจจุบัน การเสนอแก้ไขกฎหมายเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี อาทิ การออก พรก. แก้ไขปัญหาบัญชีม้า และการผลักดันให้ผู้บริการอินเตอร์เน็ตในประเทศไทยให้ใช้ ip version 6 เป็นมาตรฐานเดียวกันเพื่อประโยชน์ในการยืนยันตัวบุคคลและสถานที่

โดยในปี 2565 สำนักงานตำรวจแห่งชาติได้รับแจ้งความคดีออนไลน์ จำนวน 127,995 เรื่อง แบ่งเป็นคดีออนไลน์จำนวน 22 ประเภท โดยเป็นกรณีหลอกลวงซื้อขายสินค้าสูงสุดเป็นอันดับ 1 จำนวน 47,111 คดี การโอนเงินเพื่อหารายได้จากกิจกรรม จำนวน 17,364 คดี และการหลอกให้กู้เงินแต่ไม่ได้รับเงิน จำนวน 15,301 คดี

พล.ต.อ.ธรรมศักดิ์ กล่าวอีกว่า รัฐบาลให้ความสำคัญที่จะปกป้องประชาชนจากมิจฉาชีพเพื่อป้องกันความเสียหายที่จะเกิดขึ้น รวมถึงการปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีและเร่งบังคับใช้กฎหมายที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด ทั้งนี้ ขอให้ประชาชนอย่าหลงเชื่อการข่มขู่หรือเชิญชวนลงทุนต่างๆ และอย่าให้ข้อมูลส่วนตัวกับผู้อื่นโดยง่าย และหากตกเป็นผู้เสียหายให้รีบแจ้งความที่สายด่วน 1441 กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยีตลอด 24 ชั่วโมง

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 22 พฤศจิกายน 2565

“พปชร.ภูเก็ต” วอนหน่วยงานท้องถิ่นเร่งแก้ปัญหาน้ำท่วมหมู่บ้าน อ.ถลาง จ.ภูเก็ต

“พปชร.ภูเก็ต” วอนหน่วยงานท้องถิ่นเร่งแก้ปัญหาน้ำท่วมหมู่บ้าน อ.ถลาง จ.ภูเก็ต

นายนัทธี ถิ่นสาคู ส.ส.ภูเก็ต เขต 2 พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) พร้อมทีมงานผู้ช่วย ส.ส. ลงพื้นที่หมู่บ้านเดอะเพ้นท์ หมู่ 8 บ้านพรุสมภาร และหมู่ 3 ชุมชนบ้านเหรียง ต.เทพกระษัตรี อ.ถลาง จ.ภูเก็ต เพื่อร่วมประชุมปรึกษาหารือกับคณะกรรมการหมู่บ้านและตัวแทนชาวบ้าน ในการวางแผนแก้ไขปัญหาน้ำท่วมหมู่บ้าน จากเหตุการณ์ลำคลองหน้าหมู่บ้านตื้นเขิน ประตูระบายน้ำแคบ ไม่สามารถระบายน้ำได้ทันจนล้นท่วมหมู่บ้าน ที่เกิดขึ้นซ้ำซากเป็นประจำเกือบทุกปี

ทั้งนี้ ได้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งระดับท้องถิ่นและจังหวัด เพื่อดำเนินการแก้ไขปัญหาโดยเร่งด่วน หลังจากก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม ที่ผ่านมา ช่วงน้ำท่วมที่ผ่านมา ส.ส.นัทธี และทีมงานผู้ช่วย ส.ส. ลงพื้นที่เยี่ยมเป็นกำลังใจครอบครัวผู้ประสบภัยจากน้ำท่วมมาครั้งหนึ่งแล้ว

นอกจากนี้ ยังได้ลงพื้นที่ดูแลและบรรเทาทุกข์ให้กับชาวบบ้าน หลังได้รับเรื่องร้องเรียนจากชาวบ้านหมู่ 3 ประมาณ 7 ครัวเรือน เนื่องจากโครงการก่อสร้างบ้านจัดสรรที่กำลังดำเนินการ จะดำเนินการปิดทางเข้า-ออก ทำให้ประชาชน ได้รับผลกระทบและความเดือดร้อน จึงได้ฝาก ส.ส.นัทธี ช่วยดำเนินการประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อเร่งดำเนินการแก้ไขปัญหาที่คาดว่าอาจจะเกิดขึ้นด้วย

#พรรคพลังประชารัฐ #พลังประชารัฐ #พปชร #PPRP #นัทธีถิ่นสาคู
Twitter : https://twitter.com/PPRPofficial


ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 22 พฤศจิกายน 2565

“พปชร.สงขลา” ร่วมหารือชุมชนแก้ปัญหาน้ำประปาขาดแคลน อ.นาหม่อม เร่งพัฒนาระบบส่งน้ำ ป้อนน้ำให้เพียงพอกับภาคครัวเรือน ยกระดับคุณภาพชีวิต

“พปชร.สงขลา” ร่วมหารือชุมชนแก้ปัญหาน้ำประปาขาดแคลน อ.นาหม่อม
เร่งพัฒนาระบบส่งน้ำ ป้อนน้ำให้เพียงพอกับภาคครัวเรือน ยกระดับคุณภาพชีวิต

นายพยม พรหมเพชร ส.ส.สงขลา เขต 3 พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ร่วมประชุมแก้ไขปัญหาความเดือนร้อนเรื่องประชาชนในพื้นที่ ต.พิจิตร อ.นาหม่อม จ.สงขลา ที่ประสบปัญหาขาดแคลนน้ำประปา หลังจากชาวบ้านในพื้นที่ประสบปัญหาขาดแคลนน้ำใช้อุปโภคบริโภค ส่งผลให้บางหมู่บ้านขาดแคลนน้ำที่มีคุณภาพ กระทบต่อคุณภาพชีวิตของชาวบ้านกว่า 1,879 ครัวเรือน ในพื้นที่ดังกล่าว ได้รับความเดือนร้อนอย่างมาก

การประชุมครั้งนี้มีหน่วยราชการที่เกี่ยวข้อง ทั้งนายกอบต.พิจิตร การประปาส่วนภูมิภาค สาขาหาดใหญ่ เข้าร่วมชี้แจงถึงแนวทางและรายละเอียดในการแก้ปัญหาระบบส่งน้ำประปา เพื่อป้อนน้ำให้กับภาคครัวเรือน โดยในที่ประชุมมีผู้นำและตัวแทนประชาชนเข้าร่วมประชุมแสดงความคิดเห็นและแนวทางการดำเนินการ พร้อมให้สนับสนุนเพื่อสร้างความมั่นคงในระบบการผลิตน้ำประปาของพื้นที่ตำบลพิจิตร เพื่อนำไปสู่การเร่งช่วยเหลือปัญหาเรื่องน้ำให้เพียงพอในการอุปโภคบริโภค และทำการเกษตรให้กับพี่น้องประชาชน

ทั้งนี้ ในที่ประชุมจะมีการวางแผนเพื่อเร่งแก้ไขในระยะเร่งด่วน เพื่อแก้ปัญหาความเดือดร้อนในเรื่องน้ำกินน้ำใช้ ส่วนในระยะยาวอยู่ระหว่างดำเนินโครงการขยายเขตท่อส่งน้ำประปา ซึ่งได้รับการสนับสนุนงบประมาณประจำปี 2565 โดยได้รับการอนุมัติให้ดำเนินการโครงการก่อสร้างระบบส่งน้ำประปาหมู่บ้านในพื้นที่ ต.พิจิตร ภายใต้งบประมาณรวม 14,000,000 บาท โดยจะเริ่มดำเนินการทันที และสามารถช่วยชาวบ้านในพื้นที่หมู่ 1 มีน้ำประปาเพียงพอต่อการอุปโภคบริโภค และมีคุณภาพชีวิตดีขึ้น

#พรรคพลังประชารัฐ #พลังประชารัฐ #พปชร #PPRP #พยมพรหมเพชร
Twitter : https://twitter.com/PPRPofficial


ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 22 พฤศจิกายน 2565

พล.อ.ประวิตร’ มอบใบอนุญาตเข้าทำกินให้ประชาชน จ.กำแพงเพชร เดินหน้าคุมเข้มเร่งกวาดล้างขบวนการค้ายาเสพติดทุกพื้นที่

,

พล.อ.ประวิตร’ มอบใบอนุญาตเข้าทำกินให้ประชาชน จ.กำแพงเพชร
เดินหน้าคุมเข้มเร่งกวาดล้างขบวนการค้ายาเสพติดทุกพื้นที่

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี . พร้อม รัฐมนตรีว่าการกระทรวง.ดีอีเอส รัฐมนตรีช่วยว่าการะทรวงการคลังและคณะ เดินทางลงตรวจราชการพื้นที่ จ.กำแพงเพชร เพื่อติดตามการแก้ปัญหายาเสพติด ที่ดินทำกินและการบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ภาคเหนือตอนล่าง ได้รับรายงานสถานการณ์ด้านการป้องกันและแก้ปัญหายาเสพติด และการจัดการที่ดินทำกินตามนโยบายของรัฐบาล ณ โรงเรียนปางศิลาทองศึกษา โดยมี ผู้ว่าราชการจ.กำแพงเพชร กองทัพภาค 3 ผู้บัญชาการตำรวจภาค 6 ผู้อำนวยการสำนักงานคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (สคทช.) เลขา สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ.และหัวหน้าส่วนราชการในพื้นที่ให้การต้อนรับ

พล.อ.คงชีพ ตันตระวาณิชย์ โฆษกประจำรองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า โดย พล.อ.ประวิตรได้มอบหนังสืออนุญาตให้เข้าทำประโยชน์ หรืออยู่อาศัยในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ป่าเขาเขียว-ป่าเขาสว่าง และป่าคลองห้วยทราย เนื้อที่กว่า 12,951 ไร่ มีประชาชนเข้าอยู่อาศัย 1,077 ราย ให้กับ ผวจ.กำแพงเพชร พร้อมทั้งมอบหนังสืออนุญาตสมุดประจำตัวผู้ได้รับการคัดที่ดินทำกินในพื้นที่ อ.ปางศิลาทอง และ อ.ขาณุวรลักษณ์บุรี เนื้อที่รวมกว่า 4,233 ไร่ ให้กับประชาชนจำนวน 334 ราย ทั้งนี้ คทช.อยู่ระหว่างเร่งจัดสรรพื้นที่ จว.กำแพงเพชร ตามเป้าหมาย 12 พื้นที่ ทั้งในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติและเขตปฏิรูปที่ดิน รวม 188,000 ไร่ ให้ประชาชนเข้าอยู่อาศัยและทำประโยชน์ พร้อมทั้งส่งเสริมพัฒนาอาชีพ พัฒนาระบบสาธารณูปโภคที่จำเป็นในพื้นที่เป้าหมายต่อเนื่องกันไป

พล.อ.ประวิตร’ กล่าว่าขอบคุณ คทช. ที่เดินหน้าแก้ปัญหาที่ดินทำกินมีความก้าวหน้า ต่อเนื่องมา โดยสามารถกระจายที่ดินให้ประชาชนที่ไม่มีที่ดินทำกินได้ใช้ประโยชน์แล้วในหลายพื้นที่ ซึ่งถือเป็นการแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำสังคมในการถือครองที่ดินระดับพื้นที่ โดยย้ำขอให้ยึดหลักความเป็นหนึ่งเดียวและอาศัยความร่วมมือกับทุกภาคส่วน เพื่อแก้ปัญหาความเดือดร้อนเรื่องที่ดินทำกินและยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน ทั้งนี้ ขอให้ฝ่ายปกครองในพื้นที่และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งเข้าไปพัฒนาระบบสาธารณูปโภค น้ำและไฟ การส่งเสริมอาชีพในรูปการรวมกลุ่มของสหกรณ์ เพื่อให้ประชาชนสามารถพึ่งพาตนเองได้อย่างแท้จริง

นอกจากนี้’กล่าวย้ำถึงการดำเนินนโยบายแก้ปัญหายาเสพติด โดยให้ฝ่ายปกครอง และตำรวจเปิดปฏิบัติการกวาดล้างใหญ่ ร่วมป้องกันและปราบปรามยาเสพติดในทุกพื้นที่อย่างจริงจังต่อเนื่องกันไป โดยให้ลงลึกเชื่อมโยงถึงตัวการสำคัญ ไม่มียกเว้น โดยขอให้กลไกหลักระดับพื้นที่ทั้ง องค์การบริหารส่วงนจังหวัดและ อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) และตำรวจในท้องที่ รวมถึงกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ต้องให้ความสำคัญจริงจัง ดึงภาคประชาชนเข้ามีส่วนร่วม เฝ้าระวังแก้ปัญหายาเสพติด ให้ครอบคลุใทุกมิมติ ทั้งการสกัดกั้น การป้องกันและปราบปราม และการบำบัดรักษาให้เป็นผล โดยให้สังคมมีส่วนร่วมประเมินผล เพื่อสร้างความเข้มแข็งของชุมชนร่วมกัน


ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 20 พฤศจิกายน 2565

“พล.อ.ประวิตร” ขอบคุณทุกหน่วยดูแลงานเอเปกมีประสิทธิภาพ ดูแลความปลอดภัย อำนวยความสะดวกผู้นำ สร้างชื่อเสียงประเทศ

,

“พล.อ.ประวิตร” ขอบคุณทุกหน่วยดูแลงานเอเปกมีประสิทธิภาพ ดูแลความปลอดภัย อำนวยความสะดวกผู้นำ สร้างชื่อเสียงประเทศ

19 พ.ย.65 พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมกองอำนวยการร่วมรักษาความปลอดภัยและการจราจร ครั้งที่ 6/65 (กอร.รปภ.จร.) โดยมี พล.ต.อ.ดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผบ.ตร./รองประธาน ผบ.ทก.สน.ปฏิบัติการภายใต้ กอร.รปภ.จร. ประจำสถานที่ประชุมกลุ่มความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเซียแปซิฟิก( APEC )ประจำโรงแรมที่พัก และ ทก.สน.ปฏิบัติการเฉพาะด้าน เข้าร่วมประชุม ณ มูลนิธิป่ารอยต่อ 5 จังหวัด และ กอร.รปภ.จร. สำนักงานตำรวจแห่งชาติ โดยผ่านระบบการประชุมทางไกล ไปยัง ศูนย์ปฏิบัติการส่วนหน้า (ศปก.สน.) และ ที่ทำการส่วนหน้าที่ (ทก.สน.) ปฏิบัติการประจำสถานที่ที่เกี่ยวข้องกับการประชุม

พลเอกประวิตร กล่าวว่าการประชุมวันนี้ เป็นการติดตามสถานการณ์ และการปฏิบัติของหน่วยได้แก่ การประชุม ของผู้นำเขตเศรษฐกิจ และการเดินทางกลับ ของผู้นำ และคู่สมรส 12 เขตเศรษฐกิจ จึงต้องให้ความสำคัญ ในเรื่องการรักษาความปลอดภัย และการจราจร ให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย

รองนายกรัฐมนตรีเน้นย้ำทุกหน่วยให้ความสำคัญกับการรักษาความปลอดภัย ในช่วงสุดท้ายของการประชุม ให้มีประสิทธิภาพสูงสุด และ อำนวยความสะดวกด้านการจราจร ให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย เพื่อสร้างความเชื่อมั่น และ ความประทับใจให้กับผู้นำ และ คู่สมรสที่จะเดินทางกลับประเทศตลอดห้วง ระยะเวลาที่เราได้ปฏิบัติภารกิจร่วมกันมา ขอขอบคุณรัฐมนตรีช่วยว่าการ กระทรวงกลาโหม ปลัดกระทรวงกลาโหมผู้บัญชาการทหารสูงสุด ผู้บัญชาการเหล่าทัพ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ หัวหน้าหน่วย ผู้แทนหน่วยทุกท่าน ตลอดจนฝากขอบคุณไปยังกำลังพล และเจ้าหน้าที่ทุกคนที่ได้ร่วมแรงร่วมใจกันปฏิบัติหน้าที่อันมีเกียรติ และมีความสำคัญต่อประเทศชาติ และประชาชนชาวไทยเป็นอย่างยิ่งในครั้งนี้ ขอให้มีความภาคภูมิใจร่วมกัน และขอให้เดินทางกลับที่ตั้งหน่วยโดยสวัสดิภาพทุกคน

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 19 พฤศจิกายน 2565

“อธิรัฐ”ตรวจติดตามแผนการซ่อมบำรุงรักษาทุ่นรับน้ำมันดิบกลางทะเล บมจ.สตาร์ปิโตรเลียม จ.ระยอง ป้องกันเหตุเกิดซ้ำ

“อธิรัฐ”ตรวจติดตามแผนการซ่อมบำรุงรักษาทุ่นรับน้ำมันดิบกลางทะเล บมจ.สตาร์ปิโตรเลียม จ.ระยอง ป้องกันเหตุเกิดซ้ำ

เมื่อวันศุกร์ที่ 18 พ.ย. 2565 นายอธิรัฐ รัตนเศรษฐ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ลงพื้นที่ จ.ระยอง ตรวจติดตามและรับฟังแผนการจัดการซ่อมบำรุงรักษา ทุ่นรับน้ำมันดิบกลางทะเล SPM ของบริษัท สตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง จำกัด (มหาชน) (SPRC) ณ ห้อง 501 อาคารศูนย์ประสานงานและอำนวยความสะดวกในการเดินเรือ สำนักงานท่าเรืออุตสาหกรรมมาบตาพุด ต.มาบตาพุด อ.เมือง จ.ระยอง

นายอธิรัฐ เปิดเผยว่า จากเหตุการณ์น้ำมันดิบรั่วไหลจากท่อใต้ทะเลของทุ่นรับน้ำมันดิบกลางทะเลของบริษัท สตาร์ ปิโตรเลียม รีไฟน์นิ่ง จำกัด (มหาชน) (SPRC) ในบริเวณมาบตาพุด จ.ระยอง เมื่อวันที่ 25 ม.ค.65 ที่ผ่านมา กรมเจ้าท่า ได้มีการออกคำสั่งระงับใช้งานทุ่นเทียบเรือ Single Point Mooring (SPM) ของบริษัท SPRC จนกว่าจะมีการแก้ไข ตรวจสอบความแข็งแรงมั่นคง และความพร้อมของท่อขนส่งน้ำมันใต้น้ำให้อยู่ในสภาพที่สมบูรณ์ 100%

นายอธิรัฐ กล่าวว่า ตนได้ติดตามสถานการณ์และการแก้ไขปัญหาน้ำมันรั่วไหลอย่างต่อเนื่อง การลงพื้นที่ในวันนี้เพื่อติดตามความคืบหน้าการดำเนินการของบริษัท SPRC ในการช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบ (กลุ่มประมง/โรงแรม/ร้านอาหาร/เรือข้ามฟาก และอาชีพอื่นๆ) ซึ่งขณะนี้บริษัทได้ดำเนินการจ่ายเงินช่วยเหลือฯ จำนวน 11,738 ราย เป็นเงิน 321,757,845 บาท และรับฟังแผนการจัดการซ่อมบำรุงรักษาทุ่นรับน้ำมันดิบกลางทะเล SPM แผนการผลักดันน้ำมันดิบค้างท่อขึ้นฝั่ง รวมถึงแผนการปรับปรุงอุปกรณ์ต่างๆ และมาตรการเฝ้าระวังระหว่างการปฏิบัติงาน

นายอธิรัฐ กล่าวต่อว่า ได้กำชับให้บริษัทฯ ปฏิบัติตามข้อเสนอแนะและข้อสังเกตต่างๆ จากผู้เชี่ยวชาญ และดำเนินการตามแผนที่เสนอไว้อย่างเคร่งครัด ในทุกขั้นตอนการปฏิบัติงานจะต้องมีหลักฐานยืนยันว่าไม่มีน้ำมันค้างอยู่ในท่อ และต้องแจ้งให้ สนง.เจ้าท่าระยอง ทราบก่อนดำเนินการทุกครั้ง เพื่อให้เกิดความรอบคอบและสร้างความเชื่อมั่นต่อการดำเนินการตามแผนการบำรุงรักษาว่าจะไม่เกิดการรั่วไหลของน้ำมันดิบหรือสารเคมีขึ้นมาอีก ทั้งนี้ ได้สั่งการให้กรมเจ้าท่าร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการ ติดตามและประเมินผลการปฏิบัติการตามที่บริษัทฯ ได้เสนอแผนงานบำรุงรักษาทุ่นรับน้ำมันดิบกลางทะเลตลอดระยะเวลาการปฏิบัติงาน


ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 19 พฤศจิกายน 2565

“พล.อ.ประวิตร” เผยผลการศึกษา”กระทรวงทรัพยากรน้ำ”คืบหน้า เตรียมพิจารณาลงลึกรายละเอียดสู่แผนบริหารจัดการน้ำยั่งยืน

“พล.อ.ประวิตร” เผยผลการศึกษา”กระทรวงทรัพยากรน้ำ”คืบหน้า
เตรียมพิจารณาลงลึกรายละเอียดสู่แผนบริหารจัดการน้ำยั่งยืน

(18 พฤศจิกายน 2565 )พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เปิดเผยว่า ได้รับรายงานเบื้องต้น ถึงผลการศึกษาการจัดตั้ง”กระทรวงทรัพยากรน้ำ” เป็นที่เรียบร้อย หลังจากที่ได้มอบหมาย ให้ สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ร่วมกับกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (อว.) , สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (TDRI) และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ยกร่างพิมพ์เขียวการปรับปรุงกลไกการบริหารจัดการน้ำของประเทศ และยกร่างกฎหมายการจัดตั้งกระทรวงทรัพยากรน้ำ และเตรียมเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการกำหนดนโยบายขับเคลื่อนการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำของประเทศ (กนช.) เพื่อจะได้พิจารณาในรายละเอียดถึงแนวทางการจัดตั้งที่จะสามารถสร้างประโยชน์ให้กับประชาชน สามารถแก้ไขปัญหาได้ในระยะยาว เพื่อการบริหารจัดการน้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ เกิดความมั่นคงในระบบโครงสร้างพื้นฐานของทรัพยากรน้ำ ของประเทศ

“ ในเป้าหมาย การบริหารจัดการน้ำเพื่อให้เพียงพอ และสมารถป้องกันภัยพิบัติ ที่เกิดขึ้นจากน้ำ ซึ่งมีความสำคัญ กับโครงสร้างเศรษฐกิจ และการดำรงชีวิตของเกษตรกร เพราะในแต่ละปี ประชาชนในหลายพื้นที่ต้องเผชิญปัญหากับภัยพิบัติ ทั้งน้ำท่วมและน้ำแล้ง รัฐบาลต้องเร่งวางแผน และช่วยเหลือเฉพาะหน้ามาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งไม่เป็นผลดีต่อประชาชน จึงได้ให้ความสำคัญในการแก้ไขปัญหาทั้งระบบให้เกิดความยั่งยืน โดยบูรณาความร่วมมือของหน่วยงานที่ปัจจุบันมีหน่วยเกี่ยวข้องถึง 38 หน่วยงาน ที่สังกัดในกระทรวงต่างๆ ทำให้ประสิทธิภาพในการบริหารไม่สมบูรณ์ และไม่เป็นเอกภาพ จึงเห็นว่า กระทรวงน้ำ จะเป็นศูนย์รวมการบริหารจัดการน้ำได้อย่างสัมฤทธิ์ผลในระยะยาว”

ทั้งนี้ ผลการศึกษาดังกล่าว ได้สรุปภาพรวม แนวโน้มบริบทของน้ำในอนาคตว่ามีความต้องการน้ำสูงขึ้น ในขณะที่ปริมาณน้ำ ต้องเผชิญกับสภาวะการเปลี่ยนของสภาวะภูมิอากาศที่มีความแปรปรวนสูง ในขณะที่แหล่งน้ำต้นทุนต้องมีการจัดหาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เพียงพอกับความต้องการของทุกภาคส่วน และเป็นไปอย่างล่าช้า โครงสร้างของหน่วยงาน มีความซ้ำซ้อน ทำให้ปัญหาการบริหารจัดการน้ำยังขาดเอกภาพและการบูรณาการที่เชื่อมโยงอย่างเป็นระบบ

อย่างไรก็ตาม ในการดำเนินการ ต้องเน้นความสำคัญของประชาชนเป็นที่ตั้ง และต้องสอบถามความต้องการที่แท้จริง ในด้านการวางระบบน้ำทั่วประเทศ รวมถึงการแก้ไขปัญหาน้ำเสียอย่างเป็นระบบ เพื่อให้มีแหล่งน้ำที่มาใช้ประโยชน์ เป็นแหล่งน้ำต้นทุนที่เพิ่มขึ้นได้ ต้องดูแลในทุกมิติอย่างรอบคอบ ดังนั้นความเป็นไปได้ ในการจัดตั้งกระทรวงทรัพยากรน้ำ จึงเป็นแนวทางที่สำคัญ ที่จะเพิ่มประสิทธิภาพ ของการใช้ทรัพยากรน้ำ ให้เกิดความคุ้มค่า และเกิดความยั่งยืนในระยะยาวต่อไป

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 18 พฤศจิกายน 2565

โฆษกพปชร. ขอบคุณ “ลุงป้อม” มือประสาน ทำคนไทย ได้ดูฟุตบอลโลก

โฆษกพปชร. ขอบคุณ “ลุงป้อม” มือประสาน ทำคนไทย ได้ดูฟุตบอลโลก

ดร.พัชรินทร์ ซำศิริพงษ์ ส.ส. กทม. เขต 2 และโฆษกพรรคพลังประชารัฐ เปิดเผยว่าขณะนี้ กระบวนการซื้อลิขสิทธิ์ถ่ายทอดสดฟุตบอลโลก 2022 ได้สำเร็จเสร็จสิ้นแล้ว ภายใต้การประสานงานของพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ที่ได้กำชับกับการกีฬาแห่งประเทศไทย หรือ กกท. ให้เร่งดำเนินการ ให้คนไทยต้องได้ดูฟุตบอลโลก ครั้งนี้ รวมทั้งประสานงานกับภาคเอกชน ทำให้คนไทย สามารถดูถ่ายทอดสดฟุตบอลโลก มหกรรมกีฬาฟุตบอลที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในครั้งนี้

ทั้งนี้ขอให้ประชาชนคนไทย รับชมฟุตบอลโลก อย่างมีความสุข ด้วยความบันเทิงจากเกมกีฬา หลีกเลี่ยงการพนัน ในทุกรูปแบบ

“ต้องขอขอบคุณ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ ที่ได้เห็นความสำคัญของการถ่ายทอดฟุตบอลโลกให้กับคนไทย และประสานงานจนสำเร็จลุล่วง ซึ่งมีแฟนบอล ที่รอติดตามชมกันอย่างล้นหลาม” ดร.พัชรินทร์ กล่าว


ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 17 พฤศจิกายน 2565

“พล.อ.ประวิตร” แจงความคืบหน้าพัฒนา”เมืองอัจฉริยะ” ยกไทยสู่”ผู้นำด้านดิจิทัลของภูมิภาค”สร้างบิ๊กดาต้าระดับ ชาติ

“พล.อ.ประวิตร” แจงความคืบหน้าพัฒนา”เมืองอัจฉริยะ”
ยกไทยสู่”ผู้นำด้านดิจิทัลของภูมิภาค”สร้างบิ๊กดาต้าระดับ ชาติ

วันนี้(15 พ.ย.65) พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ได้มีการรายงานต่อที่ประชุม คณะรัฐมนตรี(ครม.) ถึงมติของคณะกรรมการขับเคลื่อนการพัฒนาเมืองอัจฉริยะ ให้ทราบถึงผลการประกาศเมืองอัจฉริยะ เพิ่มเติม จำนวน 15 เมือง รวมเป็นเมืองอัจฉริยะแล้ว 30 เมือง รวมถึงกิจกรรมส่งเสริมพัฒนา ยุวทูตเมืองอัจฉริยะ จำนวน 150 คน สำหรับการดำเนินงานเพื่อสร้างกลไกการขับเคลื่อนการพัฒนาเมืองอัจฉริยะ ต้องกำหนดระบบของแผนนโยบายและงบประมาณที่เชื่อมโยงในระดับต่าง ๆ ให้เกิดขึ้น โดยประสานความร่วมมือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น สภาพัฒน์ฯ , สำนักงาน EEC ,สำนักงาน BOI และสำนักงบประมาณ รวมไปถึงการสร้างความเชื่อมโยงกับระบบแหล่งเงินนอกงบประมาณ เพื่อสนับสนุนให้เกิดการปฏิบัติงานในพื้นที่ อย่างต่อเนื่อง

นอกจากนั้น ให้จัดทำบัญชีดิจิทัลที่เชื่อมโยงกับการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัล เพื่อเป็นแหล่งอ้างอิง ราคากลาง และแนวทางของการประยุกต์ใช้ดิจิทัลเทคโนโลยีที่เหมาะสม เช่น การมีแพลตฟอร์มบริหารข้อมูลเมืองในทุกระดับ ตั้งแต่ระดับท้องถิ่น จังหวัด ภูมิภาค จนถึง ระดับประเทศ เพื่อให้เกิดระบบจัดการข้อมูลระดับชาติ สามารถบูรณาการเชื่อมโยงข้อมูลระหว่างกันได้ และให้นำชื่อเมืองเข้าร่วมเป็นสมาชิกเครือข่ายเมืองอัจฉริยะอาเซียน หรือ ASCN เพิ่มเติม ตามเกณฑ์ที่ทาง ASCN ได้กำหนด โดยจากเดิม มี 3 เมือง ได้แก่กรุงเทพมหานคร ภูเก็ต และชลบุรี เพิ่มเติมอีก 3 เมือง คือ เชียงใหม่ ขอนแก่น และระยอง

พร้อมร่วมดำเนินการตามวัตถุประสงค์ของเครือข่ายในการทำให้เกิดการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ และความรู้ ระหว่างกันของเมืองสมาชิก อีกทั้ง ยังเป็นการแสดงสถานะและความพร้อมของไทยในการเป็นหนึ่งในผู้นำด้านดิจิทัลของภูมิภาคด้วย

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 15 พฤศจิกายน 2565

ก.คลัง ผนึก ก.ยุติธรรม เปิดบริการวันสต๊อปเซอร์วิส ดันส่งออกพืชกระท่อมส่งออก ลดเวลา-ค่าใช้จ่าย

ก.คลัง ผนึก ก.ยุติธรรม เปิดบริการวันสต๊อปเซอร์วิส
ดันส่งออกพืชกระท่อมส่งออก ลดเวลา-ค่าใช้จ่าย

นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง พร้อมด้วย นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ร่วมเป็นสักขีพยานในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงว่าด้วยการเชื่อมโยงข้อมูลอิเล็กทรอนิกส์ ระหว่างกรมศุลกากรกับสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) เพื่ออำนวยความสะดวกในการขออนุญาตส่งออกพืชกระท่อม ดำเนินการผ่านอิเล็กทรอนิกส์เพียงจุดเดียว ซึ่งจะช่วยลดเวลาและค่าใช้จ่าย และ เตรียมพร้อมการส่งออกผลิตภัณฑ์พืชกระท่อม ณ ห้องประชุมชิดชัย วรรณสถิต อาคาร 2 ชั้น 3 สำนักงาน ป.ป.ส. กรุงเทพฯ


ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 14 พฤศจิกายน 2565