โลกเปลี่ยน ไทยต้องปรับ ทางเลือกใหม่ของการเมืองไทย ก้าวข้ามความขัดแย้ง สานพลังประชาราษฎร์ ร่วมสร้างชาติให้ยั่งยืน

ผู้เขียน: pprpadmin

“พล.อ.ประวิตร” ควงเลขาฯธรรมนัส ดร.นฤมล ลงพื้นที่ จ.สมุทรสาคร

,

“พล.อ.ประวิตร” ควงเลขาฯธรรมนัส ดร.นฤมล ลงพื้นที่จ.สมุทรสาคร ติดตามสถานการณ์บริหารจัดการน้ำเพิ่มประสิทธิภาพช่วยประชาชน

พลเอกประวิตร นำคณะ”ธรรมนัส-นฤมล”ลงพื้นที่สมุทรสาคร พร้อมพบปะประชาชน และติดตามการบริหารจัดการน้ำลุ่มน้ำท่าจีนตอนล่าง สู่การพัฒนาพัฒนาด้านอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ การทำการเกษตรแบบผสมผสาน และการท่องเที่ยวทางเลือกใหม่ แก้ไขปัญหาน้ำเค็ม ส่งเสริมการเกษตรผสมผสาน การท่องเที่ยวเชิงนิเวศน์ พร้อมแผนปรับปรุงซ่อมเขื่อนกันตลิ่งทรุด

วันที่ 24 ธันวาคม 2564 ที่ห้องประชุมเทศบาลนครอ้อมน้อย อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยการกองอำนวยการน้ำแห่งชาติ (กอนช.) เป็นประธานการประชุมติดตามการบริหารจัดการน้ำและแนวทางการแก้ไขปัญหาคุณภาพน้ำในลุ่มน้ำท่าจีนตอนล่าง ทั้งนี้ ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.)และ ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เหรัญญิกพรรค ลงพื้นที่ด้วย โดยมีนายณรงค์ รักร้อย ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร กและนางจอมขัวญ กลับบ้านเกาะ ส.ส.เขต 3 พปชร.สมุทรสาคร นำคณะส.ส.พื้นที่และตัวแทนส่วนราชการต่างๆคอยให้การต้อนรับ ภายใต้มาตรการป้องกันโควิด-19 เคร่งครัด

การลงพื้นที่ จ.สมุทรสาคร ในวันนี้ เพื่อเร่งรัดติดตามการบริหารจัดการน้ำในลุ่มน้ำท่าจีนตอนล่าง การพัฒนาด้านอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ การทำการเกษตรแบบผสมผสาน และการท่องเที่ยวทางเลือกใหม่ เนื่องจากที่ลุ่มน้ำท่าจีนตอนล่างมักประสบปัญหาการขาดแคลนน้ำจืดสำหรับการเกษตร ปัญหาคุณภาพน้ำและการรุกตัวของน้ำเค็มบริเวณที่ราบชายฝั่งทะเลจากการทำอุตสาหกรรมประมงและโรงงานอุตสาหกรรม ซึ่งรัฐบาลได้เร่งให้ทุกภาคส่วนร่วมบูรณาการแผนงานเพื่อแก้ไขปัญหาด้านน้ำในเชิงพื้นที่อย่างเป็นรูปธรรมและยั่งยืน โดยมอบหมายให้ สทนช.และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดการดำเนินการแก้ไขปัญหาคุณภาพน้ำ เสริมความมั่นคงของคันกั้นน้ำให้ได้ตามมาตรฐาน และให้กรมโยธาธิการและผังเมืองเร่งจัดทำแผนการปรับปรุงซ่อมแซมเขื่อนป้องกันตลิ่งริมคลองอ้อมน้อย อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร ให้แล้วเสร็จโดยเร็ว
รวมทั้งให้กรมชลประทานและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการภายใต้ 9 แผนหลักเจ้าพระยาให้เป็นรูปธรรม ควบคู่ไปกับการสร้างการรับรู้และปลูกจิตสำนึกให้กับประชาชนเพื่อให้เกิดการมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาเรื่องน้ำในระดับท้องถิ่นอย่างเป็นระบบ และนำไปสู่การแก้ไขในระดับประเทศต่อไป

นอกจากนี้ พลเอกประวิตร พร้อมคณะได้เดินทางจากเทศบาลนครอ้อมน้อย ไปยังประตูระบายน้ำคลองอ้อมน้อย เพื่อตรวจสอบแนวเขื่อนป้องกันตลิ่งริมคลองอ้อมน้อยที่ชำรุดเสียหายและเยี่ยมพบปะประชาชน พื้นที่เทศบาลนครอ้อมน้อย อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร รวมทั้งเดินทางไปตรวจระบายน้ำประตูระบายน้ำคลองอ้อมน้อย ไปยัง เพื่อดูความพร้อมของโครงการเพิ่มประสิทธิภาพสถานีสูบน้ำภาษีเจริญ ต.ตลาดกระทุ่มแบน อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร เพื่อเยี่ยมชมและตรวจติดตามความก้าวหน้าโครงการเพิ่มประสิทธิภาพสถานีสูบน้ำภาษีเจริญ ตามลำดับ

ที่มา : facebook.com/PPRPThailand/
เมื่อวันที่ : 24 ธันวาคม 2564

“พล.อ.ประวิตร” มอบตราสัญลักษณ์เมืองอัจฉริยะ 15 แห่ง พัฒนาเมืองแห่งอนาคต

,

“พล.อ.ประวิตร” มอบตราสัญลักษณ์เมืองอัจฉริยะ 15 แห่ง พัฒนาเมืองแห่งอนาคตด้วยเทคโนโลยีเพื่อเพิ่มคุณภาพชีวิต

เมื่อวันที่ 24 ธันวาคม ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะประธานคณะกรรมการขับเคลื่อนการพัฒนาเมืองอัจฉริยะ ให้เกียรติเป็นประธานในพิธีมอบตราสัญลักษณ์เมืองอัจฉริยะประเทศไทยแก่ผู้พัฒนาเมืองที่ได้รับการประกาศรับรองเป็นพื้นที่เมืองอัจฉริยะ (Smart City) จำนวน 15 เมือง โดยมี นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) ในฐานะประธานคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนและบริหารโครงการเมืองอัจฉริยะ พร้อมด้วย ดร.ณัฐพล นิมมานพัชรินทร์ ผู้อำนวยการใหญ่ สำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล หรือ ดีป้า ผู้แทนจากสำนักงานเมืองอัจฉริยะประเทศไทย และผู้เกี่ยวข้องร่วมในพิธีฯ ซึ่งทั้งหมดปฏิบัติตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดและการติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (โควิด-19) อย่างเคร่งครัด

พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ขอแสดงความยินดี และมอบนโยบายการขับเคลื่อนเมืองอัจฉริยะ โดยระบุว่า การขับเคลื่อนให้เกิดการพัฒนาเมืองอัจฉริยะในประเทศไทยจำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือจากหลายภาคส่วน โดยมี ดีป้า เป็นหัวเรือหลักในการบูรณาการการทำงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและเจ้าของพื้นที่ เพื่อยกระดับการบริหารจัดการเมืองในด้านต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อม และการใช้ชีวิตของประชาชน สอดคล้องกับเป้าหมายในยุทธศาสตร์ชาติระยะ 20 ปีที่ต้องการให้เกิดการกระจายศูนย์กลางความเจริญทางเศรษฐกิจและสังคม ลดความเหลื่อมล้ำในทุกมิติ เพื่อให้ประเทศไทยมีความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน

นายชัยวุฒิ กล่าวว่า กระทรวงดิจิทัลฯ โดย ดีป้า ได้ดำเนินการส่งเสริมและสนับสนุนให้เกิดการขับเคลื่อนการพัฒนาเมืองอัจฉริยะในทุกภูมิภาคทั่วประเทศมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้สอดคล้องกับ ทิศทางการพัฒนาประเทศตามแนวทางขับเคลื่อนประเทศไทย 4.0 และยุทธศาสตร์ชาติ ส่งผลให้การพัฒนาเมืองอัจฉริยะบรรลุวัตถุประสงค์ตามเป้าหมายที่กำหนดไว้ ซึ่งการประชุมคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนและบริหารโครงการเมืองอัจฉริยะ ครั้งที่ 1/2564 เมื่อวันที่ 6 พฤษภาคม มีมติเห็นชอบแผนพัฒนาเมืองอัจฉริยะ จำนวน 5 เมือง และเห็นชอบเพิ่มอีก 10 เมืองในการประชุมคณะอนุกรรมการฯ ครั้งที่ 2/2564 เมื่อวันที่ 23 กันยายน ซึ่งทั้งหมดผ่านการพิจารณาการประกาศมอบตราสัญลักษณ์เมืองอัจฉริยะจากที่ประชุมคณะกรรมการขับเคลื่อนการพัฒนาเมืองอัจฉริยะที่มี พลเอก ประวิตร เป็นประธาน

ดร.ณัฐพล กล่าวว่า เมืองอัจฉริยะทั้งหมดจะก่อให้เกิดโอกาสการลงทุนเพื่อการพัฒนาเมืองอัจฉริยะน่าอยู่จากภาคเอกชน มูลค่ารวมกว่า 40,000 ล้านบาท สามารถยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชนไทยได้มากกว่า 16 ล้านคน ซึ่ง ดีป้า พร้อมที่จะดำเนินการร่วมกับเจ้าของพื้นที่ในการให้คำปรึกษา ขับเคลื่อนให้เกิดการพัฒนาเมืองอัจฉริยะทั่วประเทศ ผ่านเกณฑ์การพิจารณา ประกอบด้วย การกำหนดพื้นที่และเป้าหมายที่ชัดเจน มีแนวทางพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานเมือง มีระบบจัดเก็บและบริหารข้อมูลเมืองที่ปลอดภัย มีบริการเมืองอัจฉริยะตามลักษณะ 7 ด้าน คือ Smart Environment, Smart Living, Smart People, Smart Mobility, Smart Governance, Smart Living และ Smart Energy นอกจากนี้ ยังมีการคัดเลือกตัวแทนคนรุ่นใหม่ 30 คนจากทั่วประเทศเป็น ‘นักส่งเสริมดิจิทัลพัฒนาเมืองรุ่นใหม่ (The Smart City Ambassadors)’ เพื่อร่วมพัฒนาเมืองอัจฉริยะในบ้านเกิด อีกทั้งมุ่งให้เกิดการขับเคลื่อนภาคประชาชนอย่างเป็นรูปธรรม

ที่มา : facebook.com/PPRPThailand/
เมื่อวันที่ : 24 ธันวาคม 2564

“สัณหพจน์” เดินหน้าแก้ปัญหาสาธารณูปโภค มอบของขวัญปีใหม่ “คนลุ่มน้ำปากพนัง

,

“สัณหพจน์” เดินหน้าแก้ปัญหาสาธารณูปโภค มอบของขวัญปีใหม่ “คนลุ่มน้ำปากพนัง”

ส.ส.พปชร.เขต 2 จ.นครศรีฯ ตั้งกระทู้ถามแยกเฉพาะ เร่งแก้ปัญหาระบบสาธารณูปโภคพื้นที่ “ลุ่มน้ำปากพนัง 3 อำเภอ ขอบคุณ ก.มหาดไทย อนุมัติงบประมาณซ่อมแซมถนนชำรุด จัดการระบบน้ำประปาเพื่ออุปโภค-บริโภค หวังเป็นของขวัญปีใหม่ 2565 ให้กับพี่น้องประชาชนในพื้นที่

ดร.สัณหพจน์ สุขศรีเมือง ส.ส.เขต2 จ.นครศรีธรรมราช พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เปิดเผยภายหลังการตั้งกระทู้ถามแยกเฉพาะ กระทรวงมหาดไทย โดยมี นายทรงศักดิ์ ทองศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เป็นผู้ตอบกระทู้ ว่า ปัจจบันพี่น้องประชาชนในพื้นที่ลุ่มน้ำปากพนัง 3 อำเภอ ได้แก่ อ.เชียรใหญ่ อ.หัวไทร และอ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช ยังคงประสบความเดือดร้อนเรื่องของระบบสาธารณูปโภค โดยตนได้เร่งติดตามแก้ไขปัญหาดังกล่าวมาอย่างเต็มที่

ล่าสุดระบบสาธารณูโภค บางส่วนที่เป็นปัญหาได้รับการพิจารณาแก้ไขแล้ว ได้แก่ 1.โครงการซ่อมแซมถนน ในพื้นที่บ้านค้อแดง ม.9 ต.เขาพระบาท อ.เชียรใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช ซึ่งเป็นถนนเส้นทางหลักและเส้นทางเดียวของหมู่บ้าน ระยะทางประมาณ 5.6 กม. มีสภาพชำรุดเป็นหลุมเป็นบ่อ ทำให้การสัญจรไปมาไม่สะดวกปลอดภัย และส่งผลต่อปัญหาสุขภาพของประชาชนที่ใช้เส้นทาง

กรณีดังกล่าวกระทรวงมหาดไทย ได้อนุมัติงบประมาณการปรับปรุงถนนในเบื้องต้น 3 กม.จำนวนงบประมาณ 7.9 ล้านบาท โดยจะเริ่มดำเนินการตามกระบวนการจัดซื้อจัดจ้าง และดำเนินการให้แล้วเสร็จในระยะเวลา 180 วัน

2.ปัญหาระบบน้ำประปาเพื่อใช้อุปโภค-บริโภค พื้นที่ม.7 และม.14 ต.คลองน้อย อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช จำนวน 149 ครัวเรือน แม้จะมีการแก้ไขปัญหาโดยการประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) ได้ให้ประชาชนต่อใช้น้ำแล้ว แต่ยังคงประสบปัญหาท่อประปารั่ว หลุด ซึม ทำให้ประชาชนต้องจ่ายค่าน้ำประปาในอัตราก้าวหน้า โดยต้องมีการจ่ายค่าน้ำประปาหารเฉลี่ยกันระหว่างผู้ใช้น้ำเป็นเงินกว่า 2,000-4,000 บาท/เดือน/ครัวเรือน ซึ่งเป็นค่าใช้จ่ายจำนวนมากสำหรับพี่น้องประชาชนซึ่งมีอาชีพหลักทำเกษตรกรรมและประมงพื้นบ้าน

ทั้งนี้ในส่วนของน้ำประปาได้แบ่งการดูแลออกเป็น 2 ส่วน ส่วนที่ 1 อยู่ในความรับผิดชอบดูแลขององค์การปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) และส่วนที่ 2 เป็นความรับผิดชอบของการประปาส่วนภูมิภาค (กปภ.) ซึ่งพื้นที่ต.คลองน้อย เป็นพื้นที่รับผิดชอบของ อปท.ต.คลองน้อย ซึ่งได้รับงบประมาณเป็นที่เรียบร้อยแล้ว 39,065,000 บาท โดยจะเริ่มดำเนินการปรับปรุงระบบประปาในเดือนกุมภาพันธ์ 2565 กำหนดแล้วเสร็จในเดือนกันยายน 2565

ขณะที่ในส่วนของพี่น้องประชาชนพื้นที่ ม.12 ต.คลองน้อย อ.ปากพนัง จ.นครศรีฯ ซึ่งได้รับความเดือดร้อนจากกรณีเดียวกันนั้น เนื่องจากพื้นที่อยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติ ดังนั้นจึงเป็นหน้าที่ความรับผิดชอบของ อปท. ในการดำเนินการขออนุญาตการใช้พื้นที่เพื่อปรับปรุงระบบน้ำประปา โดยตนจะติดตามความคืบหน้าดังกล่าวต่อไป

“ตนขอเป็นตัวแทนพี่น้องประชาชนในพื้นที่ลุ่มน้ำปากพนัง ขอขอบคุณ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย นายทรงศักดิ์ ทองศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ที่ได้ช่วยเหลือแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนดังกล่าว ซึ่งถือเป็นของขวัญปีใหม่ปี 2565 ให้กับพี่น้องประชาชนในพื้นที่ได้เข้าถึงระบบสาธารณูปโภคที่เป็นส่วนสำคัญของชีวิตประจำวัน เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนให้ดีขึ้น” ดร.สัณหพจน์ กล่าว

อย่างไรก็ตามสำหรับกรณีปัญหาความเดือดร้อนอื่นๆ ซึ่งพี่น้องประชาชนพื้นที่ลุ่มน้ำปากพนังได้รับนั้น ขณะนี้ตนได้เร่งดำเนินการแก้ไข และประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องและรับผิดชอบอย่างเต็มที่ เพื่อให้พี่น้องประชาชนได้รับประโยชน์สูงสุด “จะตอบแทนพี่น้องด้วยผลงาน”

#พลังประชารัฐ
#พปชร
#https://pprp.or.th/

ที่มา : facebook.com/PPRPThailand/
เมื่อวันที่ : 24 ธันวาคม 2564

“ส.ส.ศาสตรา” เสนอ ก.พัฒนาสังคม โครงการบ้านมั่นคง ช่วยเหลือยกระดับคุณภาพชีวิต

,

“ส.ส.ศาสตรา” เสนอ ก.พัฒนาสังคม ทำโครงการบ้านมั่นคง เข้าช่วยเหลือยกระดับคุณภาพชีวิตชาวชุมชนสัจจกุล

นายศาสตรา ศรีปาน ส.ส.สงขลา เขต 2 พรรคพลังประชารัฐ หารือในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร กรณีได้รับเรื่องร้องเรียนจากชาวบ้าน ในชุมชนสัจจกุล ต.คลองแห อ.หาดใหญ่ กรณีไม่มีน้ำประปาและไฟฟ้าใช้ เนื่องจากชุมชนแห่งนี้เป็นที่ดินของการรถไฟแห่งประเทศไทย ทำให้ไม่สามารถขอเลขที่บ้านได้บางส่วน จึงต้องซื้อน้ำและไฟฟ้าจากเอกชนในราคาที่แพงเกินจริง จึงขอฝากท่านประธานฯ ไปยังหน่วยงานรัฐที่เกี่ยว ไม่ว่าจะเป็นสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (พอช.) กระทรวงพัฒนาสังคมและความั่นคงของมนุษย์ และการรถไฟแห่งประเทศไทย เข้ามาช่วยเหลือชาวชุมชนแห่งนี้ เพราะพวกเขาเป็นต้นทุนของประเทศ โดยเสนอให้จัดตั้งโครงการบ้านมั่นคง เพื่อให้คนในชุมชนแห่งนี้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น

#ศาสตราศรีปาน
#สสสงขลา
#พลังประชารัฐ
#พปชร
#https://pprp.or.th/

ที่มา : facebook.com/PPRPThailand/
เมื่อวันที่ : 24 ธันวาคม 2564

“ส.ส. พรรณสิริ” ผลักดันโครงการน้ำบาดาลพลังงานสะอาด จ.สุโขทัย

,

“ส.ส. พรรณสิริ” ผลักดันโครงการน้ำบาดาลพลังงานสะอาด จ.สุโขทัย
เสนอ ก.ทรัพย์ฯ-ก.พลังงานร่วมส่งเสริมเกษตรกร เพิ่มผลผลิต

ดร.พรรณสิริ กุลนาถศิริ ส.ส. สุโขทัย เขต 1 พรรคพลังประชารัฐ หารือในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร กรณีสืบเนื่องจากกลุ่มวิสาหกิจชุมชนเกษตรอินทรีย์และพืชสมุนไพร จ.สุโขทัย มีความประสงค์จะพัฒนาศักยภาพเพิ่มผลผลิตและการแปรรูปผลผลิตทางการเกษตร ซึ่งได้เสนอขอรับการสนับสนุนโครงการพัฒนาระบบกระจายน้ำบาดาล เพื่อการเกษตรด้วยพลังงานแสงอาทิตย์ โดยผู้แทนกลุ่มได้เสนอไปยังพลังงาน จ.สุโขทัย พบว่ามีปัญหาเรื่องที่ดิน และได้ทบทวนข้อมูลหลายครั้ง แต่ยังก็ไม่ได้รับการอนุมัติโครงการ จึงได้เสนอไปยังสำนักงานทรัพยากรน้ำบาดาล เขต 7 จ.กำแพงเพชร ซึ่งมีความคืบหน้าพอสมควร และมีการขยายโครงการให้ครอบคลุมพื้นที่ 60 ไร่ รวมระยะเวลา 3 ปี จึงขอขอบคุณมา ณ ที่นี้

ทั้งนี้ จึงขอฝากท่านประธานสภาฯ เพื่อเร่งรัดไปยังกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ให้ดำเนินโครงการดังกล่าวให้กับประชาชนโดยเร็ว เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยขอคำแนะนำและขอความอนุเคราะห์ไปยังกระทรวงพลังงงาน และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม จึงขอให้พลังงานจังหวัด และสำนักทรัพยากรน้ำบาดาล ได้บูรณาการการทำงานในพื้นที่อย่างเป็นระบบ โดยขอให้ทำการสำรวจและจัดสรรโครงการดังกล่าว ให้กับพี่น้องประชาชนอย่างเหมาะสมและทั่วถึง

#ดร.พรรณสิริกุลนาถศิริ
#สสสุโขทัย
#พลังประชารัฐ
#พปชร
#https://pprp.or.th/

ที่มา : facebook.com/PPRPThailand/
เมื่อวันที่ : 24 ธันวาคม 2564

“ส.ส. จองชัย” เสนอหน่วยงานรัฐออกมาตรการคนเข้าเมืองผิด มุ่งสกัดกั้นโควิดรอบใหม่

,

“ส.ส. จองชัย” เสนอหน่วยงานรัฐออกมาตรการคนเข้าเมืองผิด กม.ด่วน มุ่งสกัดกั้นโควิดระลอก
โอมิคอนระบาดรอบใหม่ ควบคู่ช่วยเหลือคนเร่รอน

ร.อ.จองชัย วงศ์ทรายทอง ส.ส.ชลบุรี เขต 2 พรรคพลังประชารัฐ หารือในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร กรณีการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ระลอกใหม่ที่อาจจะกลับมาอีกครั้ง อยากให้หน่วยงานรัฐที่มีหน้าที่รับผิดชอบ เร่งออกมาตรการในการป้องกัน และเข้มงวดการเข้าออกประเทศ โดยเฉพาะการลักลอบเข้าเมืองอย่างผิดกฎหมาย ทั้งจากทางบกและทางน้ำ รวมถึงกระบวนการค้ามนุษย์ จึงอยากฝากท่านประธานสภาฯ ไปยังกระทรวงสาธารณสุข กระทรวงมหาดไทย กระทรวงแรงงงาน สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง เพื่อเร่งดำเนินการวางมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ระลอกใหม่ พร้อมทั้งเฝ้าและสกัดกั้นการลักลอบเข้าประเทศอย่าผิดกฎหมาย และกระบวนการค้ามนุษย์อย่างเข้มงวด เพื่อไม่ให้เกิดการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ระลอกใหม่

ทั้งนี้ ยังได้หารือเรื่องปัญหาคนไร้บ้านและคนเร่ร่อน ที่มีอาการป่วยทางจิต และใช้ชีวิตปะปนอยู่ในสังคม แม้ว่าจะไม่มีผลกระทบต่อประชาชนในวงกว้าง แต่ก็เป็นปัญหาที่ต้องได้รับการแก้ไขอย่างเร่งด่วน โดยเฉพาะใน จ.ชลบุรี ที่ได้รับการร้องเรียนจากประชาชน ให้ดำเนินการช่วยเหลือคนไร้บ้านและคนเร่ร่อนที่ป่วยทางจิต จึงฝากท่านประธานสภาฯ ไปยังกรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงมหาดไทย กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เร่งดำเนินการช่วยเหลือและเยียวยาบุคคลเหล่านี้ โดยคำนึกถึงหลักสิทธิมนุษยชน และศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์

#จองชัยวงศ์ทรายทอง
#สสชลบุรี
#พลังประชารัฐ
#พปชร
#https://pprp.or.th

ที่มา : facebook.com/PPRPThailand/
เมื่อวันที่ : 23 ธันวาคม 2564

‘บิ๊กป้อม’ คุมเข้มค้ามนุษย์ ดันไทยขึ้น เทียร์ 2 ในปี 65 ยกระดับความปลอดภัย

,

‘บิ๊กป้อม’ คุมเข้มค้ามนุษย์ ดันไทยขึ้น เทียร์ 2 ในปี 65 ยกระดับความปลอดภัยหนุนธุรกิจท่องเที่ยวคุ้มครองเด็ก

เมื่อวันที่ 23 ธันวาคม ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ (ปคม.) ครั้งที่ 4/2564 และคณะกรรมการประสานและกำกับการดำเนินงานป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ (ปกค.) ครั้งที่ 6/2564

โดยที่ประชุม ปคม. ได้รับทราบความคืบหน้าและแนวทางจัดตั้งศูนย์คัดแยกผู้เสียหายดอนเมือง เพื่อยกระดับประสิทธิภาพในการคัดแยกผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ ตามข้อเสนอแนะในรายงานสถานการณ์การค้ามนุษย์ของสหรัฐอเมริกา (TIP Report) นำเทคโนโลยีและระบบฐานข้อมูลมาช่วยในกระบวนการคัดกรอง คัดแยกเพิ่มประสิทธิภาพการช่วยเหลือ คุ้มครอง และฟื้นฟูเยียวยาสภาพจิตใจโดยยึดผู้เสียหายเป็นศูนย์กลาง ให้เป็นไปตามหลักมาตรฐานสากล รับทราบแผนการดำเนินงานภายใต้โครงการ ASEAN-ACT ประจำปี 2565 และรายงานสถานะการเงิน การบริหารการติดตามตรวจสอบ และประเมินผลกองทุนเพื่อการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ การประชุมฯ ครั้งนี้ เห็นชอบร่างรายงานผลการดำเนินงานป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ของประเทศไทย ปี 2564 เพื่อเรียนนายกรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบ ก่อนส่งให้สหรัฐฯ ใช้ประเมินจัดระดับประเทศไทยในรายงาน TIP Report ปี 2565 เห็นชอบการแก้ไขเพิ่มเติมกฎหมายว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์เพื่อยึดทรัพย์อันได้มาจากการกระทำผิด เข้ากองทุนเพื่อการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์และให้สามารถนำเงินไปช่วยเหลือ เยียวยา และชดใช้ให้กับผู้เสียหายได้ รวมทั้ง หลักการให้พิจารณาแนวทางปรับปรุงกฎหมายที่เป็นอุปสรรคต่อการปฏิบัติงาน ให้สอดคล้องกับข้อเสนอใน TIP Report และพันธกรณีระหว่างประเทศ

นอกจากนี้ ที่ประชุมเห็นชอบแต่งตั้งคณะอนุกรรมการขับเคลื่อนโครงการส่งเสริมธุรกิจท่องเที่ยวที่ปลอดภัยและเป็นมิตรกับเด็ก (Child Safe Friendly Tourism Project) โดยมี พล.ต.อ.ดร.ธรรมศักดิ์ วิชชารยะ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง เป็นประธาน มีกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา เป็นเจ้าภาพหลัก กรมการท่องเที่ยว และกองบัญชาการตำรวจท่องเที่ยว เป็นเลขานุการร่วม เพื่อบูรณาการภาคีเครือข่ายภาครัฐ เอกชน และ NGOs ที่เกี่ยวข้อง สร้างมาตรการเชิงรุกด้านการท่องเที่ยวที่ปกป้องและคุ้มครองเด็กจากการค้ามนุษย์ และการแสวงหาประโยชน์ทางเพศจากเด็กทุกรูปแบบ กำหนดมาตรการจูงใจด้านภาษีแก่ภาคธุรกิจ และยกระดับจากโครงการนำร่องในภูมิภาคเป็นโครงการระดับประเทศ ลบภาพลักษณ์ SEX Tourism ผลักดันการท่องเที่ยวไทยเชิงคุณภาพสู่มาตรฐานสากล รองรับการฟื้นฟูทางเศรษฐกิจของประเทศ

สำหรับที่ประชุม ปกค.ได้รับทราบรายงานของสำนักคดีค้ามนุษย์ สำนักงานอัยการสูงสุด โครงการนำข้อมูลหรือสถิติคดีค้ามนุษย์มาวิเคราะห์ในการป้องกันและปราบปรามดำเนินคดีค้ามนุษย์ เพื่อใช้ปรับปรุงกระบวนการยุติธรรมให้มีประสิทธิภาพ รับทราบผลงานของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ในการสืบสวนสอบสวนคดีค้ามนุษย์ผ่านช่องทางออนไลน์ของขบวนการอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลอกคนไทยไปบังคับใช้แรงงานและค้าประเวณีในประเทศปลายทางเพื่อย้ำเตือนให้ประชาชนระมัดระวังมิให้ตกเป็นเหยื่อค้ามนุษย์ หรือหลงเชื่อการชักชวนให้เข้าร่วมในการกระทำความผิดซ้ำเติมคนไทยด้วยกันเอง นอกจากนี้ เห็นชอบร่างหลักสูตรการฝึกอบรมพัฒนาศักยภาพผู้ปฏิบัติงานด้านการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ระยะเร่งด่วน โดยมอบกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์เป็นเจ้าภาพจัดอบรม ร่วมกับโครงการ ASEAN-ACT และมูลนิธิ IJM และกำชับให้หน่วยงานส่งเจ้าหน้าที่ที่มีความรู้และประสบการณ์เข้ามาฝึกอบรม เพื่อพัฒนาให้เป็นผู้ชำนาญการ/ เชี่ยวชาญเฉพาะทาง ให้การสนับสนุนการปฏิบัติในพื้นที่ต่อไป

ด้าน พล.ต.อ.ดร.ธรรมศักดิ์ กล่าวด้วยว่า ภาพรวมในการแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ตามข้อเสนอแนะใน TIP Report มีความก้าวหน้าทั้ง 15 ข้อ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การยกระดับมาตรฐานปฏิบัติงาน (SOP) ในการคัดแยก ประเมินความช่วยเหลือ และออกใบรับรองผลกระทบทางจิตใจของผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ ซึ่งได้รับเสียงตอบรับเป็นอย่างดียิ่ง ถือว่าเป็นความก้าวหน้าที่สำคัญในปี 2564 และจะเห็นผลชัดเจนในห้วงเวลาประเมินจัดลำดับเทียร์ค้ามนุษย์ในปี 2565

พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ขอกำชับให้คณะอนุกรรมการ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งรัดดำเนินการต่อต้านการค้ามนุษย์ให้เห็นผลเป็นรูปธรรม และบังคับใช้กฎหมายให้เด็ดขาด รวมทั้งเอาผิดกับเจ้าหน้าที่ที่เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการค้ามนุษย์ เพื่อแสดงความจริงใจต่อการแก้ไขปัญหาการค้ามนุษย์ให้หมดสิ้นไป และผลักดันให้ประเทศไทยขยับขึ้นเทียร์ 2 ตามเป้าหมายในปี 2565

ที่มา : facebook.com/PPRPThailand/
เมื่อวันที่ : 23 ธันวาคม 2564

ส.ส. สัมพันธ์ฯ วอนรัฐบาล เยียวยาช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยน้ำท่วมบ้านมูโนะ

,

ส.ส. สัมพันธ์ฯ วอนรัฐบาลฯ เยียวยาช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยน้ำท่วมบ้านมูโนะ ต.มูโนะ อ.สุไหงโกลก จ.นราธิวาส

วันพฤหัสบดีที่ 23 ธันวาคม 2564 เวลา 10.00 น. นายสัมพันธ์ มะยูโซ๊ะ กรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ และสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดนราธิวาส เขต 2 (ส.ส.บีลา) ได้หารือในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ชุดที่ 25 ปีที่ 3 ครั้งที่ 20 (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่สอง)

ถึงกรณีเหตุอุทกภัยน้ำท่วมบ้านมูโนะ ต.มูโนะ อ.สุไหงโกลก จ.นราธิวาส ทำให้ประชาชนได้รับผลกระทบจากเหตุกำแพงกั้นแม่น้ำสุไหงโก-ลก แตก เนื่องจากฝนตกหนัก ทำให้น้ำทะลักเข้ามาในหมู่บ้านอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้บ้านเรือนและทรัพย์สินเสียหาย เพราะไม่สามารถขนย้ายสิ่งของได้ทัน ดังนั้น จึงขอฝากท่านประธานสภาฯ ไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อดำเนินการเยียวยาให้ความช่วยเหลือให้กับพี่น้องประชาชนในโอกาสต่อไป ด้วยความห่วงใยจาก… ส.ส. สัมพันธ์ มะยูโซ๊ะ (บีลา)

#เราจะผ่านวิกฤติไวรัสโควิด19ไปด้วยกัน
#ขอเพียงรู้จักแล้วจะรักสสบีลา
#กรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ
#สสบีลา #สสสัมพันธ์ #พปชร #พลังประชารัฐ

ที่มา : facebook.com/PPRPThailand/
เมื่อวันที่ : 23 ธันวาคม 2564

“ส.ส.กทม.” พรรคพลังประชารัฐแสดงจุดยืน ดันร่างพ.ร.บ.อากาศสะอาดฯ

,

“ส.ส. กทม.” พรรคพลังประชารัฐแสดงจุดยืน ดันร่างพ.ร.บ.อากาศสะอาดฯแก้ PM2.5 ดูแลปชช.

วันนี้(23 ธ.ค.64) เมื่อเวลา 10.00 น. ณ ห้องแถลงข่าวรัฐสภา นายจักรพันธ์ พรนิมิตร ส.ส. กทม. เขต30 ในฐานะหัวหน้าภาค กทม. พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) พร้อมด้วยนางสาวภาดาท์ วรกานนท์ ส.ส.กรุงเทพฯ เขตราชเทวี-พญาไท-จตุจักร และส.ส. พปชร.ต้องการแสดงจุดยืนในการยื่นร่างแก้ไขพระราชบัญญัติอากาศสะอาดเพื่อประชาชน พ.ศ… เสนอต่อสภาผู้แทนราษฎร

นางสาวภาดาท์ วรกานนท์ ส.ส.กรุงเทพฯ เขตราชเทวี-พญาไท-จตุจักร พปชร. กล่าวว่า การแสดงจุดยืนเพื่อเสนอยื่นร่างพระราชบัญญัติอากาศสะอาดเพื่อประชาชน พ.ศ… เสนอต่อสภาผู้แทนราษฎรครั้งนี้ เพื่อให้ดำเนินการพิจารณาใน 3 ประเด็นได้แก่ 1.เป็นการยืนยันว่าอากาศสะอาดเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชน หากเกิดการละเมิดหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ประชาชนสามารถฟ้องร้องเอาผิดรัฐได้ 2.เป็นการบูรณาการทุกหน่วยงานของรัฐและภาคเอกชนให้ทำงานร่วมกัน จากเดิมกระจัดกระจายหลายหน่วยงาน และขาดการมีส่วนร่วมจากปชช.และ 3.เพิ่มอำนาจให้ท้องถิ่น (จังหวัด,องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น)สามารถจัดการปัญหาของตนเองได้โดยไม่ต้องรอการตัดสินใจจากส่วนกลาง โดยร่างกฎหมายฉบับนี้ไม่มีการจัดตั้งหน่วยงานใหม่ ไม่ได้เป็นการเพิ่มภาระงบประมาณแก่ประเทศ แต่เป็นการรวบรวมทุกหน่วยให้ทำงานร่วมกันภายใต้คณะกรรมการอากาศสะอาด

“โดยในครั้งนี้เราได้หยิบยกเอาร่างเดิมของภาคประชาชนมาแก้ไขปรับปรุงและได้ปรับชื่อ ร่างพรบอากาศสะอาดเป็น “ร่างพรบอากาศสะอาดเพื่อประชาชน” เพราะต้องการมุ่งเน้นแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนจากฝุ่น PM 2.5 ให้กับประชาชนเป็นสำคัญ” น.ส. ภาดาท์กล่าว

นอกจากนี้ ส.ส. ภาดาท์ ยังได้หารือต่อประธานสภา ให้เสนอแนะหน่วยงานรับเรื่องไปพิจารณาเพิ่มเติม ดังต่อไปนี้ 1. ขอให้พิจารณาเรื่อง พ.ร.บ.อากาศสะอาดอย่างเร่งด่วน เพื่อกำหนดมาตรการและบทลงโทษ และประกาศใช้ให้เร็วที่สุด 2. ขอให้ภาคขนส่งของรัฐนำร่อง เปลี่ยนรถยนต์จากเครื่องยนต์สันดาบ เป็นรถยนต์พลังงานไฟฟ้าให้เร็วที่สุด 3. กำหนดบทลงโทษที่หนัก โดยเฉพาะผู้ที่ลักลอบเผาป่า และ 4. สร้างแรงจูงใจอย่างเป็นรูปธรรมสำหรับทุกกลุ่มธุรกิจ เพื่อลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ โดยหน่วยงานที่รับผิดชอบ ได้แก่ กรมควบคุมมลพิษ กรุงเทพมหานคร กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงคมนาคม และกระทรวงอุตสาหกรรม เพื่อพิจารณาและดำเนินการแก้ไขอย่างเป็นรูปธรรม เพื่อให้ประชาชนคนไทยมีอากาศที่สะอาดไว้ใช้หายใจต่อไป

#พปชร
#พลังประชารัฐ
#https://pprp.or.th

ที่มา : facebook.com/PPRPThailand/
เมื่อวันที่ : 23 ธันวาคม 2564

“ส.ส. นัทธี” ร่วมหารือรัฐบาลช่วยผู้ประกอบการห้องพักรายเล็ก จ.ภูเก็ต

,

“ส.ส. นัทธี” ร่วมหารือรัฐบาลช่วยผู้ประกอบการห้องพักรายเล็ก จ.ภูเก็ต หลังขาดสภาพคล่องจากผลกระทบโควิด19 หามาตรการเอกชนเข้าถึงแหล่งทุน

“ส.ส. นัทธี” แก้ปัญหาความเดือดร้อนผู้ประกอบการห้องพักขนาดเล็กในภูเก็ต ที่ยังไม่เข้าระบบในการมีใบอนุญาตประกอบกิจการห้องพัก หลังสถานการณ์โควิด-19 เตรียมส่งผลักดันเข้าสู่รัฐสภาเพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากของภูเก็ต

นายนัทธี ถิ่นสาคู ส.ส. ภูเก็ต เขต 2 พรรคพลังประชารัฐ เปิดเผยว่า ได้ร่วมประชุมผ่านโปรแกรม ZOOM เพื่อหารือพิจารณาแนวทางด้านกฎหมายในการแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนให้แก่ผู้ประกอบการห้องพักขนาดเล็ก ร่วมกับนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี และตัวแทนกลุ่มผู้ประกอบการ ห้องพักขนาดเล็ก หลังสิ้นสุดการผ่อนปรนมาตรการส่งเสริมและพัฒนามาตรฐานการประกอบธุรกิจโรงแรมบางประเภท หรือกฎหมาย ม.44 ในวันที่ 18 สิงหาคม 2564 ที่ผ่านมา และจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ทำให้ผู้ประกอบการต้องปิดกิจการลงเป็นการชั่วคราว ส่งผลให้ขาดสภาพคล่อง ขาดเงินทุนหมุนเวียน และไม่สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนตามเงื่อนไขต่างๆ ของทั้งภาครัฐและเอกชน จึงทำให้ยังไม่สามารถปรับปรุงอาคารที่ใช้ในการประกอบกิจการให้ถูกต้องตามกฎหมาย เพื่อขอใบอนุญาตและเข้าสู่ระบบได้ ประกอบกับการติดปัญหาด้วยข้อจำกัดต่างๆ ของพระราชบัญญัติควบคุมอาคาร พ.ศ.2522, พระราชบัญญัติจัดสรรที่ดิน, พระราชบัญญัติผังเมือง, พระราชบัญญัติว่าด้วยสิ่งแวดล้อม, พระราชบัญญัติโรงแรม, กฎกระทรวงและเทศบัญญัติท้องถิ่น

นายนัทธี กล่าวว่า เมื่อคำสั่งผ่อนปรนดังกล่าวสิ้นสุดลง ทำให้ผู้ประกอบการห้องพักขนาดเล็กที่ต้องการเปิดรับนักท่องเที่ยวหลังจากการเปิดประเทศไม่สามารถรับนักท่องเที่ยวได้ เนื่องจากไม่สามารถเข้าร่วมโครงการตามเกณฑ์เงื่อนไขระบบมาตรฐานความปลอดภัยด้านสุขอนามัยของจังหวัดภูเก็ต หรือ ระบบ SHA Plus ได้ เนื่องจากขาดคุณสมบัติในการข้อใบอนุญาตประกอบกิจการ เมื่อไม่สามารถประกอบกิจการได้จึงยิ่งส่งผลให้ขาดรายได้และเงินทุนในการปรับปรุงอาคารให้ถูกต้องเพื่อขอรับใบอนุญาตประกอบกิจการ ด้วยเหตุนี้ตนเองจึงมีความพยายามอย่างยิ่งในการผลักดันปัญหาดังกล่าวเข้าสู่สภา เพื่อแก้ไขปัญหาอย่างเร่งด่วนโดยเร็วที่สุด ซึ่งนอกจากจะเป็นการแก้ไขปัญหาให้กับผู้ประกอบการห้องพักขนาดเล็กแล้ว ยังเป็นการกระจายรายได้ไปยังผู้ประกอบกิจการอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวได้อีกด้วย

#พลังประชารัฐ
#พปชร
#https://pprp.or.th/

ที่มา : facebook.com/PPRPThailand/
เมื่อวันที่ : 23 ธันวาคม 2564

“ส.ส. พิชชารัตน์” วอนรัฐหาทางออกให้ผู้ประกอบการท่องเที่ยว

,

“ส.ส. พิชชารัตน์” วอนรัฐหาทางออกให้ผู้ประกอบการท่องเที่ยว หลังประกาศยกเลิกมาตรการ
Test & GO เป็นการชั่วคราว

นางสาวพิชชารัตน์ เลาหพงศ์ชนะ ส.ส. บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ หารือในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร จากกรณีรัฐบาลได้ประกาศการระงับมาตรการ Test & Go เป็นการชั่วคราว เพื่อป้องกันการระบาดของเชื้อโอไมครอน ทำให้ผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยว โดยเฉพาะภาคธุรกิจโรงแรมได้รับผลกระทบจากการประกาศดังกล่าว ประกอบกับที่ผ่านมาการประกาศมาตรการต่างๆ ของรัฐบาล ที่ประกาศออกเป็นแบบกระทันหัน ไม่มีการแจ้งเตือนเป็นการล่วงหน้า ทำให้ผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยวปรับตัวไม่ทัน ซึ่งกระทบต่อการดำเนินธุรกิจเป็นอย่างมาก ดังนั้น จึงขอฝากท่านประธานสภาฯ ไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อดำเนินการรับมือ และหาทางออกให้กับผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยว เพื่อใม่ให้เกิดผลกระทบทางธุรกิจตามมา

#พิชชารัตน์เลาหพงศ์ชนะ
#สสบัญชีรายชื่อ
#พลังประชารัฐ
#พปชร
#https://pprp.or.th/

ที่มา : facebook.com/PPRPThailand/
เมื่อวันที่ : 23 ธันวาคม 2564

“พล.อ.ประวิตร”ถกคณะกรรมการผังเมืองแห่งชาติผ่านร่างธรรมนูญผังเมืองฉบับแรก

,

“พล.อ.ประวิตร”ถกคณะกรรมการผังเมืองแห่งชาติผ่านร่างธรรมนูญผังเมืองฉบับแรก กำหนดทิศทางทำผังเมืองสอดรับบริบทผังเมืองประเทศยึดประชาชนได้ประโยชน์

เมื่อวันที่ 22 ธันวาคม ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายการผังเมืองแห่งชาติ ครั้งที่ 1/2564 โดยมีพล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยในฐานะรองประธานกรรมการ นายสุทธิพงษ์ จุลเจริญ ปลัดกระทรวงมหาดไทย ในฐานะกรรมการและเลขานุการ และนายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมโยธาธิการและผังเมืองในฐานะกรรมการและผู้ช่วยเลขานุการ เข้าร่วมประชุม

ทั้งนี้การประชุมคณะกรรมการนโยบายการผังเมืองแห่งชาติ ครั้งนี้ มีความสำคัญต่อการพัฒนาด้านการผังเมืองของประเทศไทยอย่างยิ่ง เนื่องจากคณะกรรมการฯได้เห็นชอบ (ร่าง) ธรรมนูญว่าด้วยการผังเมือง ตามที่คณะกรรมการนโยบายการผังเมืองแห่งชาติได้มอบหมายให้ กระทรวงมหาดไทยโดยกรมโยธาธิการและผังเมืองดำเนินการ ซึ่งกรมฯจัดให้มีกระบวนการมีส่วนร่วมโดยได้รับความคิดเห็นจากทุกภาคส่วนกับงานผังเมืองผ่านการประชุม เชิงปฎิบัติการในพื้นที่จังหวัดต่าง ๆ รายภาคครอบคลุมทุกจังหวัดทั่วประเทศ จากนั้นจึงได้สอบถามความคิดเห็นจากหน่วยงาน/บุคคลที่เกี่ยวข้อง จำนวนกว่า 500 หน่วยงาน/บุคคล และได้นำข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะทั้งหมดมาวิเคราะห์กลั่นกรอง เพื่อให้เป็นธรรมนูญว่าด้วยการผังเมือง ที่สอดคล้องกับบริบทด้านการผังเมืองของประเทศไทยมากที่สุด โดย (ร่าง) ธรรมนูญว่าด้วยการผังเมืองฉบับนี้ ประกอบด้วยหลักการเชิงนโยบาย 7 ข้อ หลักการพื้นฐาน 14 ข้อ และหลักการเชิงพื้นที่ 5 ข้อ รวมทั้งหมด 26 ข้อ เพื่อใช้เป็นหลักการพื้นฐานที่ผู้ที่เกี่ยวข้องกับการผังเมืองพึงปฏิบัติ ซึ่งจะได้เสนอต่อคณะรัฐมนตรีเพื่อพิจารณา และเมื่อคณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบแล้วจะมีผลผูกพันหน่วยงานของรัฐ และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้องที่จะต้องดำเนินการต่อไปตามหน้าที่และอำนาจของตน ทั้งนี้ กรมโยธาธิการและผังเมืองจะได้จัดทำคู่มือประกอบธรรมนูญว่าด้วยการผังเมืองเพื่อใช้เป็นแนวทางในการดำเนินการตามธรรมนูญว่าด้วยการผังเมืองนี้ ต่อไป

นอกจากนี้คณะกรรมการฯ ยังได้พิจารณาให้ความเห็นชอบ ในเรื่องที่มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการผังเมืองอีกสองเรื่อง คือ (ร่าง) ประกาศคณะกรรมการผังเมือง เรื่องหลักเกณฑ์และวิธีการรับฟังความคิดเห็น การปรึกษาหารือและการมีส่วนร่วมของประชาชน ในการวางและจัดทำผังเมืองรวม พ.ศ. … ซึ่งกำหนดหลักเกณฑ์และวิธีการรับฟังความคิดเห็นและการมีส่วนร่วมของประชาชน โดยให้มีการประชาสัมพันธ์ให้ทราบด้วยวิธีการที่หลากหลาย และสนับสนุนให้เกิดการมีส่วนร่วมของประชาชน รวมทั้งได้เห็นชอบ (ร่าง) รายงานประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 เกี่ยวกับการปฏิบัติตามพระราชบัญญัติการผังเมือง พ.ศ. 2562 ที่กรมโยธาธิการและผังเมืองได้จัดทำเพื่อเผยแพร่ให้ประชาชนได้รับทราบถึงสภาวการณ์และผลการดำเนินการด้านการผังเมืองของประเทศที่เกิดขึ้นในรอบปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 อีกด้วย

พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ถึงแม้ว่าในขณะนี้สถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 จะยังไม่คลี่คลายลง แต่ภารกิจด้านอื่น ๆ ของประเทศ ยังคงมีความจำเป็นที่จะต้องดำเนินการ เพื่อให้ประเทศ ได้มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องสำหรับข้อเสนอแนะ และข้อสังเกตต่างๆ ที่กรรมการได้ให้ไว้ในวันนี้ เป็นประโยชน์อย่างยิ่ง ขอให้ฝ่ายเลขาฯ นำข้อเสนอแนะดังกล่าว ไปพิจารณาดำเนินการ และรายงานความคืบหน้าต่อคณะกรรมการฯ ในโอกาสที่เหมาะสม ต่อไป

ที่มา : facebook.com/PPRPThailand/
เมื่อวันที่ : 22 ธันวาคม 2564