โลกเปลี่ยน ไทยต้องปรับ ทางเลือกใหม่ของการเมืองไทย ก้าวข้ามความขัดแย้ง สานพลังประชาราษฎร์ ร่วมสร้างชาติให้ยั่งยืน

ผู้เขียน: pprpadmin

ส.ส.พปชร.กทม.ร่วมงาน SMART SAFETY ZONE 4.0 ยกระดับความปลอดภัยปชช.

,

ส.ส.พปชร.กทม.ร่วมงาน SMART SAFETY ZONE 4.0 ยกระดับความปลอดภัยปชช.

พรรคพลังประชารัฐ โดย “ส.ส.ดร.พัชรินทร์ ซำศิริพงศ์ พปชร. กทม.เขต 2” พร้อมด้วย “ส.ส.กานต์กนิษฐ์ แห้วสันตติ พปชร. กทม.เขต 1” ร่วมงานประกาศความสำเร็จ และพิธีมอบรางวัลสถานีชนะเลิศตามโครงการ SMART SAFETY ZONE 4.0 ประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2565 โดยมี พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เป็นประธานในงานประกาศฯ พร้อมด้วย พล.ต.ท.สุรเชฐ หักพาล ผู้ช่วยผบ.ตร. ณ สถานีตำรวจนครบาลลุมพินี

ทั้งนี้ รางวัลดังกล่าวเป็นหนึ่งในนโยบายการนำนวัตกรรมและเทคโนโลยีเข้ามาประยุกต์ในการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ พร้อมกับบูรณาการการทำงานร่วมกันระหว่างภาคประชาชน ภาคประชาสังคม และระบบราชการส่วนท้องถิ่น เพื่อยกระดับการป้องกันอาชญากรรมในพื้นที่สาธารณะ และสร้างพื้นที่ปลอดภัยให้แก่ประชาชน ซี่งสอดคล้องกับนโยบายของภาครัฐในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้สอดรับกับบริบททางสังคมที่เปลี่ยนแปลง และเพื่อยกระดับการให้บริการตอบสนองความต้องการของประชาชน

พรรคพลังประชารัฐ เดินหน้าในการเข้าถึงดูแลประชาชนเป็นไปตามนโยบาย ที่มุ่งมั่นยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชนให้กินดีอยู่ดี พร้อมการเข้าไปรับฟังปัญหา ความเดือดร้อนนำมาสู่การแก้ไขต่อไป โดยเรามีเป้าหมายชัดเจนในการยกระดับเศรษฐกิจฐานรากให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น และยั่งยืน

ที่มา : ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
เมื่อวันที่ : 8 สิงหาคม 2565

ส.ส.พปชร.นครสวรรค์ ร่วมจัดประชาคมชุมชน 2 ตำบล รับฟังปัญหาไปสู่การแก้ไขปัญหาลดความเดือดร้อน

,

ส.ส.พปชร.นครสวรรค์ ร่วมจัดประชาคมชุมชน 2 ตำบล รับฟังปัญหาไปสู่การแก้ไขปัญหาลดความเดือดร้อน

พรรคพลังประชารัฐ โดย “ส.ส.สัญญา นิลสุพรรณ พปชร. จ.นครสวรรค์” เข้าร่วมประชุมประชาคมเพื่อพูดคุยและหารือถึงปัญหาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนในพื้นที่ตำบลบางเคียน และตำบลโคกหม้อ จ.นครสวรรค์ โดยมีนายจักรพงษ์ เพ่งผล นายก อบต.บางเคียน นายสิริชัย ศรีสิทธิการ นายก อบต.โคกหม้อ สจ.อรรณพ ท้าเอื้อ สจ.บรรพตพิสัย สจ.กัลย์ชพร รอดบำรุง สจ.ชุมแสง พร้อมด้วยกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และพี่น้องประชาชนตำบลบางเคียน ร่วมประชาคมเสนอปัญหาความเดือดร้อน ณ วัดบ้านลาด ต.บางเคียน อ.ชุมแสง จ.นครสวรรค์

ทั้งนี้ ส.ส.สัญญา ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบสะพานไม้ที่ชำรุดเสียหายจากอายุการใช้งาน โดยประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้เข้ามาดูแลและดำเนินการแก้ไขปัญหาต่างๆ ให้กับชาวบ้านเป็นการด่วน เพื่ออำนวยความสะดวกและสร้างความปลอดภัยในการสัญจรให้กับชาวบ้าน เพราะหากปล่อยทิ้งไว้อาจจะเกิดอันตรายขึ้นได้

พรรคพลังประชารัฐ เดินหน้าในการเข้าถึงดูแลประชาชนเป็นไปตามนโยบาย ที่มุ่งมั่นยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชนให้กินดีอยู่ดี พร้อมการเข้าไปรับฟังปัญหา ความเดือดร้อนนำมาสู่การแก้ไขต่อไป โดยเรามีเป้าหมายชัดเจนในการยกระดับเศรษฐกิจฐานรากให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น และยั่งยืน

ที่มา : ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
เมื่อวันที่ : 8 สิงหาคม 2565

"พล.อ.ประวิตร" ปลื้มผลปราบค้ามนุษย์ ปี’65ถูกจัดอันดับดีขึ้นเดินหน้าคุมเข้มต่อ

“พล.อ.ประวิตร” ปลื้มผลปราบค้ามนุษย์ ปี’65ถูกจัดอันดับดีขึ้นเดินหน้าคุมเข้มต่อ

,

“พล.อ.ประวิตร” ปลื้มผลปราบค้ามนุษย์ ปี’65ถูกจัดอันดับดีขึ้นเดินหน้าคุมเข้มต่อ

“พล.อ.ประวิตร”ปลื้มไทยขึ้นกลุ่มเทียร์ 2 สำเร็จ หลังเร่งดำเนินการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ ต่อเนื่อง!!! พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ในฐานะประธานกรรมการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ (ปคม.) เปิดเผยว่า นโยบายการต่อต้านการค้ามนุษย์ของไทยที่มุ่งยกระดับสู่มาตรฐานสากล อันเป็นการปกป้องมิให้มีการละเมิดศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ รัฐบาลมีผลงานก้าวหน้าตลอด 8 ปีที่ผ่านมา จนในปี 2565 ได้รับการจัดระดับสูงขึ้นเลื่อนจากกลุ่มเทียร์ 2 Watchlist มาอยู่ในกลุ่มเทียร์ 2 ในปีนี้ พร้อมกำชับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำมาตรการในการปราบปรามค้ามนุษย์ ที่กำหนดไปสู่การปฏิบัติอย่างจริงจัง โดยเร่งรัดให้ดำเนินการตามแผนปฏิบัติการว่าด้วยกลไกการส่งต่อระดับชาติฯ ปี 2565

นอกจากนี้ พล.อ.ประวิตรยังได้มอบหมาย พล.ต.อ.ธรรมศักดิ์ วิชชารยะ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ร่วมกับกระทรวงมหาดไทย โดยกรมการปกครองได้เชิญผู้ว่าราชการจังหวัด เตรียมการและวางแผนการปฏิบัติเพื่อรองรับภารกิจ ในเบื้องต้นได้รับรายงานว่า ทุกจังหวัดได้จัดเตรียมความพร้อมด้านสถานที่คัดกรองและคัดแยกบุคคลและกลุ่มเสี่ยงที่อาจตกเป็นเหยื่อของขบวนการค้ามนุษย์ ทีมสหวิชาชีพระดับจังหวัดในขั้นตอนภาวะปกติได้ครบทุกจังหวัด

สำหรับการดำเนินงานในพื้นที่ 22 จังหวัดชายทะเล และพื้นที่ชายแดนติดต่อประเทศเพื่อนบ้าน ถือเป็นพื้นที่เสี่ยงเฉพาะ ทั้งกระทรวงแรงงาน กระทรวงมหาดไทย สำนักงานตำรวจแห่งชาติ กรมประมง กองกำลังชายแดน กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายใน ได้ร่วมกันพิจารณาคัดเลือกสถานที่เพื่อยกระดับความพร้อมในการปฏิบัติเต็มรูปแบบในพื้นที่ 10 จังหวัดเป้าหมาย

พล.ต.อ.ธรรมศักดิ์ เปิดเผยว่า ได้รับมอบหมายจาก พล.อ.ประวิตร ให้เร่งผลักดันความร่วมมือกับองค์การระหว่างประเทศ โดยได้นำผู้บริหารโครงการต่อต้านการค้ามนุษย์ในประเทศไทย (USAID Thailand CTIP) และ Winrock International ของรัฐบาลสหรัฐอเมริกา ร่วมหารือกับคณะทำงานของกระทรวงแรงงาน เพื่อพัฒนาระบบและแนวทางป้องกันช่วยเหลือและแก้ไขปัญหาการใช้แรงงานเด็ก แรงงานบังคับและการค้ามนุษย์ และได้นำคณะผู้แทนและภาคเอกชนที่เข้าร่วมโครงการ (อาทิ Mars Petcare Thailand, Nauticomm, Etneca, Stella Maris, ITF, EJF) เข้าศึกษาดูงานศูนย์ปฏิบัติการเฝ้าระวังการทำการประมง (FMC) ณ กรมประมง เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีสมัยใหม่สำหรับแรงงานต่างด้าวในภาคประมง ทั้งนี้ อยู่ระหว่างจัดทำร่าง MOU เพื่อกำหนดวัตถุประสงค์และขอบเขตการทำงานร่วมกันต่อไป สำหรับรูปแบบการทำงานของรัฐบาลไทยเชิงรุกโดยองค์การระหว่างประเทศและภาคเอกชนเข้ามาเป็นหุ้นส่วนในการขจัดปัญหาการค้ามนุษย์อย่างใกล้ชิดในช่วงหลายปีที่ผ่านมา จึงได้รับการชื่นชมจากต่างประเทศ โดยมีความก้าวหน้าและความมุ่งมั่นเป็นที่ประจักษ์ในการดำเนินความพยายามของรัฐบาลไทยอย่างต่อเนื่องภายใต้การกำกับดูแลของพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี

สำหรับความก้าวหน้าในการจัดตั้งศูนย์ความเป็นเลิศเพื่อต่อต้านการค้ามนุษย์ (Counter Trafficking in Persons Center of Excellence) เมื่อวันที่ 4 ส.ค. ทางการออสเตรเลีย โครงการ ASEAN-ACT โดยคณะผู้เชี่ยวชาญจาก RCG ได้นำเสนอผลวิจัยกรอบดำเนินงานและแนวทางการพัฒนาศักยภาพในการต่อต้านการค้ามนุษย์ของประเทศไทย เพื่อใช้ในการจัดตั้งศูนย์ความเป็นเลิศที่ทันสมัยในภูมิภาคนี้ ทั้งนี้ กระทรวงยุติธรรมและสถานเอกอัครราชทูตออสเตรเลีย ได้ตรวจร่างบันทึกข้อตกลงว่าด้วยความร่วมมือระหว่างรัฐบาลไทยกับรัฐบาลออสเตรเลียเสร็จสิ้นแล้ว พร้อมนำเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการ ปคม. คราวหน้าได้ในปี 2565 มีรายงานสถิติการจับกุมคดีค้ามนุษย์ได้แล้ว 151 คดี โดย พล.อ.ประวิตร รองนายกรัฐมนตรี ได้กำชับทุกหน่วยงานยกระดับความเข้มข้นในการสืบสวนปราบปรามและดำเนินคดีเพิ่มมากขึ้น และดำเนินการตามแผนปฏิบัติการฯ ของรัฐบาล รวมทั้งทุกมาตรการที่กำหนด เพื่อยกระดับประเทศไทยให้ดีขึ้นอย่างต่อเนื่องต่อไป

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 7 สิงหาคม 2565

“พล.อ.ประวิตร”ดึงอัตลักษณ์”ผ้าขาวม้า”ดันนโยบายพัฒนาอีสาน พลิกฟื้นดินแดงสู่แหล่งการค้า-ลงทุน-ท่องเที่ยวสร้างรายได้ยั่งยืน

“พล.อ.ประวิตร”ดึงอัตลักษณ์”ผ้าขาวม้า”ดันนโยบายพัฒนาอีสาน พลิกฟื้นดินแดงสู่แหล่งการค้า-ลงทุน-ท่องเที่ยวสร้างรายได้ยั่งยืน

,

เส้นทางผ้าขาวม้าเชื่อมโลก เปิดภาคอีสานแหล่งท่องเที่ยว-ลงทุน บูมเศรษฐกิจอีสาน !!! พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ได้กล่าวย้ำว่า ผ่านเวทีปราศรัยในจ.หนองคายและพื้นที่ใกล้เคียงว่า พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) ได้จัดกิจกรรมโรดโชว์ (ครั้งที่ 2) ภายใต้แนวคิด”พลังประชารัฐ พลังเพื่อชาติไทย” พร้อมกล่าวชื่นชมความอุดมสมบูรณ์ของวัฒนธรรมอันดีงามของคนอีสานในการต้อนรับที่มาเยือนทุกครั้ง สะท้อนจากการผูกผ้าขาวม้ารอบเอว ทำให้ผู้มาเยือนรู้สึกอบอุ่น และเห็นคุณค่าของผ้าขาวม้าที่ถ่ายทอดถึง ความรู้สึกถึง”การเชื่อมโยง”ต่างๆ ทั้งความเจริญทางวัฒนธรรม เศรษฐกิจ การค้า และการท่องเที่ยว ที่รัฐบาลให้ความสำคัญและผลักดันให้เกิดขึ้น

ดังนั้นผ้าขาวม้า เป็นเสมือนการสร้างเส้นทางนำความเจริญมาสู่ท้องถิ่น ดินแดนภาคอีสาน ด้วยการพัฒนาโครงการต่างๆ ที่ได้ดำเนินการแล้ว และกำลังจะเกิดขึ้นในไม่ช้า ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาโครงการรถไฟความเร็วสูง ที่สามารถเชื่อมจีนเข้า สปป.ลาว ผ่านหนองคาย สู่ภาคอีสาน มาสู่กรุงเทพ และยังเชื่อมต่อลงใต้ไปประเทศมาเลเซีย และพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านถนนเชื่อมโยงมหาสมุทรแปซิฟิกกับอันดามัน ด้วยเส้นทาง east-west corridor รวมถึงการเชื่อมโลก ผ่านเส้นทางอากาศ ด้วยสนามบินนานาชาติ อุดรธานี ขอนแก่นและอุบลราชธานี เป็นต้น

“รัฐบาลได้ดำเนินการวางแผนเรื่องเส้นทางผ้าขาวม้าไว้แล้วและทำให้สมบูรณ์มากยิ่งขึ้น เพื่อให้คนอีสาน เดินทางไปยังทั่วโลกได้อย่างปลอดภัย และต้อนรับผู้คนทั่วโลกเข้าสู่ภาคอีสาน ด้วยเส้นทางคมนาคม บก ราง อากาศ ขอให้เชื่อมั่นในพรรคพลังประชารัฐ เพราะเราใจถึงพึ่งได้ จะช่วยให้คนอีสาน กินดีอยู่ดี”

นอกจากนี้ ยังได้ชื่นชมพี่น้องชาวอีสานที่มีส่วนร่วมแก้ปัญหาเรื่องน้ำ ทั้งบนดิน และใต้ดิน อย่างได้ผล ซึ่งใน 3 ปีที่ผ่านมา ไม่มีพื้นที่ใดเลย ประสบภัยแล้ง นับเป็นความสำเร็จและความภาคภูมิใจที่รัฐบาล โดยมีพรรค พปชร.เป็นแกนนำได้มอบให้กับคนอีสานด้วยความจริงใจ เพราะรู้ว่า “น้ำ คือชีวิต ของทุกคน” พร้อมยืนยัน มีพรรค พปชร. จะไม่มีภัยแล้งอีกต่อไป“พล.อ.ประวิตร”ดึงอัตลักษณ์”ผ้าขาวม้า”ดันนโยบายพัฒนาอีสาน พลิกฟื้นดินแดงสู่แหล่งการค้า-ลงทุน-ท่องเที่ยวสร้างรายได้ยั่งยืน

“พล.อ.ประวิตร”ดึงอัตลักษณ์”ผ้าขาวม้า”ดันนโยบายพัฒนาอีสาน พลิกฟื้นดินแดงสู่แหล่งการค้า-ลงทุน-ท่องเที่ยวสร้างรายได้ยั่งยืน

“พล.อ.ประวิตร”ดึงอัตลักษณ์”ผ้าขาวม้า”ดันนโยบายพัฒนาอีสาน พลิกฟื้นดินแดงสู่แหล่งการค้า-ลงทุน-ท่องเที่ยวสร้างรายได้ยั่งยืน

“พล.อ.ประวิตร”ดึงอัตลักษณ์”ผ้าขาวม้า”ดันนโยบายพัฒนาอีสาน พลิกฟื้นดินแดงสู่แหล่งการค้า-ลงทุน-ท่องเที่ยวสร้างรายได้ยั่งยืน

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 7 สิงหาคม 2565

“พล.อ.ประวิตร” ชูนโยบายดันอีสานพื้นที่เศรษฐกิจใหม่เชื่อมโลก เร่งสร้างที่ทำกิน พัฒนาแหล่งน้ำทุกระบบ หนุนปชช.กินดีอยู่ดี

“พล.อ.ประวิตร” ชูนโยบายดันอีสานพื้นที่เศรษฐกิจใหม่เชื่อมโลกเร่งสร้างที่ทำกิน พัฒนาแหล่งน้ำทุกระบบ หนุนปชช.กินดีอยู่ดี

,

6 สิงหาคม 2565 ณ ลานอเนกประสงค์ฝั่งตรงข้ามชิค ชิค มาร์เก็ต จังหวัดหนองคาย พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) นำทัพ 2 รัฐมนตรี ประกอบด้วยนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรมและรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) และรองหัวหน้าพรรคพปชร. พร้อมด้วย ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เหรัญญิกพรรคพลังประชารัฐ คณะส.ส. พรรคฯ เยือนถิ่นอิสานเปิดเวทีปราศรัย “พลังประชารัฐ พลังเพื่อชาติไทย” ครั้งที่ 2 ซึ่งเป็นการลงพื้นที่พบปะประชาชนต่อเนื่อง ที่ได้เตรียมการใน 10 ภาคทั่วประเทศ โดยมุ่งสานต่อนโยบาย เพื่อสร้างความกินดีอยู่ดี ไม่หยุดที่จะดูแลประชาชนโดยเฉพาะในพื้นที่แห่งนี้ต้องเร่งแก้ปัญหาภัยแล้งอย่างทั่วถึง โดยจะผลักดันหน่วยงานที่เป็นกลไกของรัฐดำเนินการจัดหาแหล่งน้ำให้เพียงพอต่อความต้องการใช้ของพี่น้องกลุ่มเกษตรกรและเพื่อการอุปโภคและบริโภค รวมถึงส่งเสริมอาชีพที่มั่นคงให้กับประชาชน ซึ่งเป็นการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากให้เกิดความยั่งยืน ทั้งนี้บรรยากาศภายในงานมีประชาชนในพื้นที่และจังหวัดข้างเคียงมาเข้าร่วมรับฟังการปราศรัยกว่า 10,000 คน

พล.อ. ประวิตร กล่าวว่า วันนี้รู้สึกยินดี และดีใจอย่างมากที่ได้มาพบปะประชาชนจังหวัดหนองคาย สิ่งสำคัญที่สุดของพื้นที่นี้คือเรื่องน้ำ เพราะน้ำคือชีวิต เรามีการนำน้ำใต้ดินมาช่วยเหลือประชาชนได้แล้วมากกว่า 9 ล้านครัวเรือน ซึ่งมีเราไม่มีแล้ง เราหมายถึงพลังประชารัฐ ตลอดระยะเวลา 3 ปีที่ผ่านมา ไม่มีการประกาศว่ามีพื้นที่ภัยแล้งเลย ตลอดระยะเวลาที่ทำงานมา ต่อไปนี้ พปชร.จะทำให้คนอีสานไม่มีแล้ง ไม่มีจน สร้างคนสร้างงาน สิ่งที่รัฐบาลจะทำและพรรคพลังประชารัฐจะทำด้วย

“ทุกครั้งที่ผมเดินทางมาภาคอิสานพี่น้องชาวอีสานมีวัฒนธรรมในการต้อนรับที่อบอุ่นด้วยการผูกผ้าขาวม้ารอบเอวอยากบอกพี่น้องด้วยคำพูดที่มีความจริงใจว่าผ้าขาวม้าเชื่อมโลก ต่อจากนี้อีสานจะเชื่อมโลก เป็นภาพที่รุ่งโรจน์ เป็นภาพที่มีการผลิตสินค้าและการกระจายสินค้า และส่งเสริมการท่องเที่ยวทางวัฒนธรรม ทุกจังหวัดโดยเฉพาะจังหวัดหนองคาย เนื่องจากรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา พัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ให้มากที่สุด เชื่อมทั้งโลกด้วยภาคอีสานและเชื่อมทางลางรถไฟความเร็วสูงจากจีนเข้าสู่ สปป.ลาว ทะลุหนองคาย อุดรธานี ขอนแก่น โคราช สู่กรุงเทพ ลงใต้ไปมาเลเซีย”

การเชื่อมภาคอีสาน ยังมีเรื่องของการเชื่อมทางบกของ 2 มหาสมุทรแปซิฟิคและอันดามันเข้าและการเชื่อมโยง ด้วยเส้นทาง east-west corridor รวมถึงการสร้างทางยกระดับโคราชผ่านลำตะคลองทำถนน 4 เลนเชื่อมต่อจังหวัดต่างๆ ในภาคอีสานได้มากที่สุดในประวัติการณ์ นี่เป็นสิ่งที่รัฐบาลทำดำเนินการทำเรื่องโครงสร้างพื้นฐานให้กับประชาชนทั้งประเทศ โดยเฉพาะในภาคอีสานเชื่อมโลก ทั้งทางบก ทางราง และทางอากาศ อุดรธานี ขอนแก่น อุบลราชธานี ที่เป็นสนามบินนานาชาติสามารถบินไปทั่วโลกได้ ขอให้ประชาชนเชื่อใจในพรรคพลังประชารัฐเราใจถึงพึ่งได้ เราทำให้พี่น้องชาวอีสานและทุกคนกินดี อยู่ดี

นายสุริยะ กล่าวว่า ในฐานะที่รับผิดชอบบริหารกระทรวงอุตสาหกรรม ได้เข้าไปขับเคลื่อนการพัฒนาพื้นที่ภาค อีสาน เพื่อนำความเจริญมาสู่พี่น้อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการพัฒนาพื้นที่เศรษฐกิจพิเศษหนองคาย ซึ่งปัจจุบันได้รับการส่งเสริมการลงทุนมากถึง 4 โครงการ รวมมูลค่ากว่า 1,900 ล้านบาท เป็นกิจการประเภท อาทิ ยางแท่ง พลังงานแสงอาทิตย์ และมีกิจการที่ตั้งขึ้นใหม่รวมกว่า 951 ราย วงเงินกว่า 1,600 ล้านบาท ปัจจุบันมีโรงงานตั้งอยู่ใน จ.หนองคายกว่า 200 โรงงาน มูลค่า 7,300 ล้านบาท มีการจ้างงานกว่า 4,400 คน ซึ่งเป็นการเติบโตทางด้านเศรษฐกิจในทุกมิติ และยังมีโครงการที่รัฐบาลผลักดันให้เกิดขึ้นในพื้นที่ภาคอีสาน อาทิ โครงการเชื่อมโยงโครงข่ายรถไฟไทย ลาว จีน การก่อสร้างทางเลียงเมืองหนองคาย คาดว่าแล้วเสร็จในปี 2566 รวมถึงการส่งเสริมการลงทุนในเขตเศรษฐกิจพิเศษหนองคาย ซึ่งจะช่วยผลักดันการลงทุนให้เกิดขึ้นในจ.หนองคายได้มากกว่า 3 แสนล้านบาท เชื่อว่ามั่นว่า จ.หนองคาย มีศักยภาพรองรับการค้าที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ทำให้เกิดการจ้างงาน ไม่มีการย้ายแรงงานเข้าสู่กรุงเทพ และภาคตะวันออก เพราะพื้นที่ภาคอีสาน จะเป็นพื้นที่เจริญเติบโตของการสร้างรายได้ที่มั่นคงให้กับประชาชน

นายชัยวุฒิ กล่าวว่า ในด้านการดูแลปัญหาอาชญากรรมด้านเทคโนโลยี ที่ประชาชนได้รับผลกระทบและตกเป็นเหยื่อการหลอกลวง ของมิจฉาชีพออนไลน์โดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ที่ผ่านมาพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ได้กำชับให้เร่งปราบปรามอย่างเร่งด่วน เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหา และยังเดินหน้าพัฒนาการสร้างอาชีพใหม่ด้วยดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นำองค์ความรู้ใหม่ๆไปช่วยบริการชุมชน เพื่อเพิ่มรายได้หมุนเวียนให้กับประชาชน ถือว่าเป็นการสร้างรากฐานที่สำคัญในการพัฒนาประเทศ

“พล.อ.ประวิตร” ชูนโยบายดันอีสานพื้นที่เศรษฐกิจใหม่เชื่อมโลก เร่งสร้างที่ทำกิน พัฒนาแหล่งน้ำทุกระบบ หนุนปชช.กินดีอยู่ดี ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 6 สิงหาคม 2565

พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) นำทัพ 2 รัฐมนตรี และ ส.ส. พรรคพลังประชารัฐ เยือนถิ่นอิสาน

พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) นำทัพ 2 รัฐมนตรี และ ส.ส. พรรคพลังประชารัฐ เยือนถิ่นอิสาน

,

พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) นำทัพ 2 รัฐมนตรี และ ส.ส. พรรคพลังประชารัฐ เยือนถิ่นอิสาน

เปิดเวทีปราศรัย “พลังประชารัฐ พลังเพื่อชาติไทย” พบปะประชาชน สานต่อนโยบาย เพื่อความกินดีอยู่ดี ดูแลชาวอิสาน ไม่หยุดที่จะดูแลประชาชน

แล้วพบกันวันนี้ (06.08.65) เวลา 18.00 น ณ ลานอเนกประสงค์ฝั่งตรงข้ามชิค ชิค มาร์เก็ต จังหวัดหนองคาย

พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) นำทัพ 2 รัฐมนตรี และ ส.ส. พรรคพลังประชารัฐ เยือนถิ่นอิสาน พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) นำทัพ 2 รัฐมนตรี และ ส.ส. พรรคพลังประชารัฐ เยือนถิ่นอิสาน พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) นำทัพ 2 รัฐมนตรี และ ส.ส. พรรคพลังประชารัฐ เยือนถิ่นอิสาน พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) นำทัพ 2 รัฐมนตรี และ ส.ส. พรรคพลังประชารัฐ เยือนถิ่นอิสาน พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) นำทัพ 2 รัฐมนตรี และ ส.ส. พรรคพลังประชารัฐ เยือนถิ่นอิสาน พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) นำทัพ 2 รัฐมนตรี และ ส.ส. พรรคพลังประชารัฐ เยือนถิ่นอิสาน พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) นำทัพ 2 รัฐมนตรี และ ส.ส. พรรคพลังประชารัฐ เยือนถิ่นอิสาน พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) นำทัพ 2 รัฐมนตรี และ ส.ส. พรรคพลังประชารัฐ เยือนถิ่นอิสาน พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) นำทัพ 2 รัฐมนตรี และ ส.ส. พรรคพลังประชารัฐ เยือนถิ่นอิสาน พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) นำทัพ 2 รัฐมนตรี และ ส.ส. พรรคพลังประชารัฐ เยือนถิ่นอิสาน พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) นำทัพ 2 รัฐมนตรี และ ส.ส. พรรคพลังประชารัฐ เยือนถิ่นอิสาน พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) นำทัพ 2 รัฐมนตรี และ ส.ส. พรรคพลังประชารัฐ เยือนถิ่นอิสาน พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) นำทัพ 2 รัฐมนตรี และ ส.ส. พรรคพลังประชารัฐ เยือนถิ่นอิสาน พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) นำทัพ 2 รัฐมนตรี และ ส.ส. พรรคพลังประชารัฐ เยือนถิ่นอิสาน พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) นำทัพ 2 รัฐมนตรี และ ส.ส. พรรคพลังประชารัฐ เยือนถิ่นอิสาน พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) นำทัพ 2 รัฐมนตรี และ ส.ส. พรรคพลังประชารัฐ เยือนถิ่นอิสาน พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) นำทัพ 2 รัฐมนตรี และ ส.ส. พรรคพลังประชารัฐ เยือนถิ่นอิสาน พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) นำทัพ 2 รัฐมนตรี และ ส.ส. พรรคพลังประชารัฐ เยือนถิ่นอิสาน พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) นำทัพ 2 รัฐมนตรี และ ส.ส. พรรคพลังประชารัฐ เยือนถิ่นอิสาน พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) นำทัพ 2 รัฐมนตรี และ ส.ส. พรรคพลังประชารัฐ เยือนถิ่นอิสาน

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 6 สิงหาคม 2565

“พล.อ.ประวิตร”กดปุ่มพัฒนา2เส้นทางเพิ่มคุณภาพชีวิต ปชช. หนุนปลูกป่าชายเลนลดโลกร้อนสร้างความมั่นคงอาชีพ ประมง

“พล.อ.ประวิตร”กดปุ่มพัฒนา2เส้นทางเพิ่มคุณภาพชีวิต ปชช.หนุนปลูกป่าชายเลนลดโลกร้อนสร้างความมั่นคงอาชีพ ประมง

,

“พล.อ.ประวิตร” ลุยขับเคลื่อนโปรเจ็กต์เพิ่มคุณภาพชีวิตประชาชนให้เป็นรูปธรรม ผ่านการอนุมัติโครงสร้างพื้นฐาน 2 โครงการ ในพื้นที่กรุงเทพ และจ.สงขลา พร้อมยกระดับแผนปฏิบัติขยายพื้นที่ป่าชายเลน 3 แสนไร่ในระยะ 10 ปี แก้ปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งทะเล เพิ่มความสมบูรณ์ของทรัพยากรทางทะเล สร้างแหล่งเกษตรประมง เพื่อความกินดีอยู่ดี อย่างมั่นคง และยั่งยืน

(6 สิงหาคม 2565 )พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) เปิดเผยว่า พรรคพลังประชารัฐ ได้ให้ความสำคัญในมิติการขับเคลื่อนนโยบายอย่างเร่งด่วนเพื่อเพิ่มคุณภาพชีวิตให้กับประชาชน ควบคู่ไปกับการดูแลด้านสิ่งแวดล้อมที่ดียิ่งขึ้นในระยะยาว โดยได้มีการผลักดันให้เกิดการพัฒนาโครงการ ที่เป็นโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญเกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม ในฐานะคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ (กก.วล.) ล่าสุดได้อนุมัติ 2 โครงการ โครงสร้างการเชื่อมต่อถนนพรานนก-พุทธมณฑลสาย 4 กับสะพานพระราม 8 ของสำนักการโยธา กทม. เพื่อแก้ปัญหาการจราจรติดขัด รวมระยะทาง 3.5 ก.ม. และโครงการก่อสร้างสะพานข้ามทะเลสาบสงขลา ต.เกาะใหญ่ อ.กระแสสินธุ์ จ.สงขลา-ต.จองถนน อ.เขาชัยสน จ.พัทลุง ของกรมทางหลวงชนบท ที่ถือเป็นโครงสร้างพื้นฐานที่สำคัญ นำมาสู่การแก้ปัญหาจราจรให้กับประชาชนในพื้นที่ และยังเป็นขับเคลื่อนระบบเศรษฐกิจให้กับคนในท้องถิ่น ซึ่งจะเป็นกลไกให้เกิดการขยายตัวด้านการท่องเที่ยว ที่มีส่วนสำคัญของการสร้างรายได้ในช่วงที่เศรษฐกิจกำลังฟื้นตัว

สำหรับการดูแลและฟื้นฟูในด้านสิ่งแวดล้อม โดยพปชร. ให้ความสำคัญมาอย่างต่อเนื่อง และกระตุ้นให้ทุกฝ่าย เข้ามามีส่วนร่วมในการดูแลสิ่งแวดล้อมอย่างจริงจัง เพราะสภาวะอากาศที่เปลี่ยนแปลงที่มีแนวโน้มความรุนแรงมากยิ่งขึ้น และสร้างผลกระทบต่อการดำรงชีวิต และยังรวมไปถึงการประกอบอาชีพของประชาชน ที่เป็นความเชื่อมโยงกันในเรื่องของฤดูกาล ก่อให้เกิดภัยพิบัติ ทั้งภัยแล้งและอุทกภัย ที่สร้างความเสียหายในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน ดังนั้นได้ดำเนินนโยบายเพื่อการยกระดับการแก้ปัญหาป่าชายเลน ด้วยการรณรงค์ให้ทุกภาคส่วนร่วมปลูกป่าชายเลน 3 แสนไร่ ในระยะเวลา 10 ปี ( ปี 66-74 ) เพื่อเพิ่มพื้นที่ ป่าอนุรักษ์ แก้ปัญหาการกัดเซาะชายฝั่ง ตามกฎกระทรวงที่กำหนด มุ่งเป้า 6 พื้นที่ ใน 23 จังหวัดชายฝั่ง มีเป้าหมายเพื่อลดการกัดเซาะชายฝั่งทะเล อีกทั้งยังสร้างแหล่งเพาะพันธ์สัตว์น้ำ เป็นการสร้างความมั่นคงอาชีพประมง และยกระดับให้เป็นแหล่งอาหารที่สำคัญของประเทศ

ขณะเดียวกันได้วางแผนเพิ่มพื้นที่สีเขียว เพื่อประโยชน์การดูดซับคาร์บอน สู่ประเด็น การแบ่งปันผลประโยชน์จากคาร์บอนเครดิต ระหว่าง ผู้พัฒนาโครงการ และ ทช. ในสัดส่วน 90 : 10 โดยเรื่องดังกล่าว ได้มอบหมายให้ กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง (ทช.) ศึกษาแผนการแบ่ง ให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ครึ่งหนึ่ง เพื่อนำไปให้ชุมชนใช้ในกิจกรรมการบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งในพื้นที่ โดยมีระยะเวลา 10 ปี เป็นการสร้างความมั่นคงด้านทรัพยากรให้เกิดขึ้นได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ไม่มีการทำลายด้านสิ่งแวดล้อมเป็นการกระตุ้นให้เกิดการขยายผลให้อย่างเป็นรูปธรรม เพื่อการพัฒนาความเป็นอยู่ทั้งในด้านอาชีพ การสร้างรายได้ที่มั่นคงและยั่งยืนต่อไป

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 5 สิงหาคม 2565

“ดร.นฤมล”มองศก.ไทยไม่เสี่ยงเกิดต้มยำกุ้ง หนุนมาตการพลิกฟื้นเศรษฐกิจรับวิกฤติโลก

“ดร.นฤมล”มองศก.ไทยไม่เสี่ยงเกิดต้มยำกุ้ง หนุนมาตการพลิกฟื้นเศรษฐกิจรับวิกฤติโลก

ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เหรัญญิกพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) ได้โพสต์ Facebook ส่วนตัวแสดงความถึงกรณีเมื่อวาน(5ส.ค.) ธนาคารกลางอังกฤษ(BoE) ประกาศขึ้นดอกเบี้ย 0.5% ไปอยู่ที่ 1.75% เป็นการเพิ่มสูงสุดในรอบ 27 ปี เพื่อจัดการกับอัตราเงินเฟ้อที่สูงถึง 9.4% และคาดว่าเดือนตุลาคมนี้ อัตราเงินเฟ้อของอังกฤษจะไปแตะระดับสูงสุดที่ 13.3% แล้วจะค่อยๆลดลงสู่กรอบเงินเฟ้อ 2% ในเวลาอีก 3 ปีข้างหน้า

เมื่อหันกลับมาพิจารณาของไทยคงหนีไม่พ้นที่ต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยแน่ แต่จะขึ้นเท่าไร คงต้องรอผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการผลิต( กนง.) ในสัปดาห์หน้า เพราะล่าสุดวันนี้(5ส.ค.) กระทรวงพาณิชย์ได้ประกาศอัตราเงินเฟ้อลดลงจากเดือนที่แล้วเล็กน้อยมาอยู่ที่ 7.61% ต่ำกว่าเดิมที่คาดการณ์ไว้ที่ 8.0%

เมื่อดูตัวเลขแล้ว หลายคนถามมาว่า เศรษฐกิจโลกถดถอย เงินเฟ้อสูง ดอกเบี้ยขาขึ้น หลายประเทศสถานะทางการคลังย่ำแย่ ของไทยเราจะเกิดวิกฤติเหมือนปี 2540 อีกหรือไม่ ซึ่งในการบริหารความเสี่ยง เราต้องมองทั้งด้านบวกและด้านลบ

ด้านลบที่เป็นจุดเปราะบาง คือ หนี้ครัวเรือน ดอกเบี้ยขาขึ้น นำไปสู่ภาระหนี้ที่เพิ่มขึ้นที่ฉุดรั้งกำลังซื้อในตลาด และเสี่ยงต่อการเกิดหนี้เสีย(NPL) ก็ได้เห็นความพยายามของหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าไปช่วยเหลือให้ความรู้และแนะนำแนวทางป้องกันหนี้เสียให้ภาคครัวเรือนในระดับหนึ่งแล้ว
หันมาดูความแตกต่างที่เป็นด้านบวก ในสถานการณ์ปัจจุบันของไทยมีปัจจัยบวกสองจุดสำคัญ ที่จะไม่ทำให้ไทยเกิดวิกฤตแบบปี 2540 คือ

1. เงินบาทตอนช่วงวิกฤตต้มยำกุ้งยังใช้ระบบ peg คือ ผูกกับค่าเงินดอลลาร์สหรัฐแบบตายตัว แต่วันนี้ ค่าเงินบาทลอยตัวแบบมีการจัดการ (managed float) และค่าเงินดอลลาร์สหรัฐตอนนั้นอ่อนค่ามาก แต่ปัจจุบันเงินดอลลาร์กลับแข็งค่า

2. สถาบันการเงินของไทยยังมีผลการดำเนินงานและสถานะการเงินที่เข้มแข็ง อัตราส่วนที่วัดค่าความเสี่ยงด้านต่างๆของธนาคารยังอยู่ในระดับที่ดีมาก ไม่ได้มีอาการที่จะเสี่ยงล้มเหมือนเช่นในอดีต

แต่ในครั้งนี้ สองจุดต่างที่ว่า หากรัฐบาล และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าใจ และพิจารณา นำมากำหนดนโยบายการเงินการคลังที่เหมาะสม พร้อมกับวางนโยบายเศรษฐกิจเพื่อการฟื้นตัวในระยะยาวมากกว่าการแก้ปัญหาเฉพาะหน้า เราจะผ่านสถานการณ์นี้ไปได้อย่างแน่นอน ดังนั้นจึงพอสรุปได้ว่า เศรษฐกิจไทยคงไม่มีต้มยำกุ้ง แต่อาจจะเป็นต้มข่าไก่ ที่เศษฐกิจไทยอาจได้รับผลกระทบ

“ดร.นฤมล”มองศก.ไทยไม่เสี่ยงเกิดต้มยำกุ้ง หนุนมาตการพลิกฟื้นเศรษฐกิจรับวิกฤติโลก

ที่มา: ทีมข่าว พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 5 สิงหาคม 2565

ส.ส.พปชร.นครศรีฯ มอบข้าวสารสร้างกำลังใจอสม ทำหน้าที่ดูแลชุมชน ผู้ป่วยติดเตียง

,

ส.ส.พปชร.นครศรีฯ มอบข้าวสารสร้างกำลังใจอสม.ทำหน้าที่ดูแลชุมชน -ผู้ป่วยติดเตียง ลดภาระค่าครองชีพ

พรรคพลังประชารัฐ โดย “ส.ส.รงค์ บุญสวยขวัญ พปชร. จ.นครศรีธรรมราช” และทีมงาน ลงพื้นที่มอบข้าวสารให้กับตัวแทนอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) จาก 2 โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพสต.) ในพื้นตำบลบางจาก จำนวน 80 คน เพื่อนำไปมอบให้ผู้ป่วยติดเตียงในพื้นที่ตำบลบางจาก เพื่อเป็นขวัญกำลังใจในช่วงปัญหาเศรษฐกิจเงินเฟ้อ โดยมีนายก อบต. บางจาก กำนันเล็ก และนายกเทศบาลตำบลบางจาก อาจารย์สุธัม นายก อบต. สวนหลวง พร้อมด้วยผู้ใหญ่บ้าน ผู้นำในพื้นที่ เข้าร่วมกิจกรรมและรับประทานอาหารร่วมกัน

โอกาสนี้ ส.ส.รงค์ ได้เดินทางไปยังสำนักสงฆ์วิสุทธิธรรม ศาลามีชัย เพื่อมอบข้าวสารให้แก่อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) และผู้ป่วยติดเตียงในพื้นที่หมู่ที่ 10 ตำบลท่าเรือ อ.เมืองนครศรีธรรมราช เพื่อเป็นขวัญและกำลังในการรักษาตัว

พรรคพลังประชารัฐ เดินหน้าในการเข้าถึงดูแลประชาชนเป็นไปตามนโยบาย ที่มุ่งมั่นยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชนให้กินดีอยู่ดี พร้อมการเข้าไปรับฟังปัญหา ความเดือดร้อนนำมาสู่การแก้ไขต่อไป โดยเรามีเป้าหมายชัดเจนในการยกระดับเศรษฐกิจฐานรากให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น และยั่งยืน


ที่มา : ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
เมื่อวันที่ : 5 สิงหาคม 2565

ส.ส.พปชร. ขึ้นหารือสภาฯ สู่แนวทางแก้ปัญหาน้ำแล้งพื้นที่การเกษตร 1.5 พันไร่ จ.ร้อยเอ็ด

,

ส.ส.พปชร. ขึ้นหารือสภาฯ สู่แนวทางแก้ปัญหาน้ำแล้งพื้นที่การเกษตร 1.5 พันไร่ จ.ร้อยเอ็ด

พรรคพลังประชารัฐ โดย “ส.ส.สุรพร ดนัยตั้งตระกูล พปชร. บัญชีรายชื่อ” อภิปรายถึงความเดือดร้อนของชาวบ้านกุดก่วง ตำบลวังสามัคคี อำเภอโพนทอง จังหวัดร้อยเอ็ด กรณีสถานีสูบน้ำคลองส่งน้ำชำรุดใช้การไม่ได้มา15ปี ขณะนี้ทางสำนักงานชลประทานที่ 6 ได้เริ่มปรับแนวท่อสูบจากลำน้ำยังไปยังสถานีสูบน้ำ ที่จะได้เร่งบูรณะพร้อมคลองส่งน้ำและสร้างฝายกักเก็บน้ำแบบซอยซีเมนต์ ภายใต้งบประมาณ 40 ล้านบาท เสร็จแล้วจะก่อสร้างเขื่อนคอนกรีตลำน้ำยัง มูลค่า 400 ล้านบาทต่อไป เพื่อให้พื้นที่ 1,500 ไร่ ของเกษตรกรมีความสมบูรณ์ตลอดปี

พรรคพลังประชารัฐ เดินหน้าในการเข้าถึงดูแลประชาชน ด้วยความมุ่งมั่นเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตให้กินดีอยู่ดี ควบคู่กับรับฟังปัญหา นำความเดือดร้อนไปแก้ไข ยังเดินหน้าสู่เป้าหมายในการยกระดับเศรษฐกิจฐานรากให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น และยั่งยืน

พรรคพลังประชารัฐ เดินหน้าในการเข้าถึงดูแลประชาชนเป็นไปตามนโยบาย ที่มุ่งมั่นยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชนให้กินดีอยู่ดี พร้อมการเข้าไปรับฟังปัญหา ความเดือดร้อนนำมาสู่การแก้ไขต่อไป โดยเรามีเป้าหมายชัดเจนในการยกระดับเศรษฐกิจฐานรากให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น และยั่งยืน

ที่มา : ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
เมื่อวันที่ : 5 สิงหาคม 2565

ส.ส.พปชร. กทม. รับฟังปัญหาความเป็นอยู่ปชช.ในพื้นที่ มอบสิ่งเครื่องอุปโภคบริโภคของแบ่งเบาภาระกลุ่มเปราะบาง

,

ส.ส.พปชร. กทม. รับฟังปัญหาความเป็นอยู่ปชช.ในพื้นที่ มอบสิ่งเครื่องอุปโภคบริโภคของแบ่งเบาภาระกลุ่มเปราะบาง

พรรคพลังประชารัฐ โดย “ส.ส.ชาญวิทย์ วิภูศิริ พปชร. กทม.” และทีมงานกลุ่มเพื่อชาญวิทย์ ลงพื้นชุมชนคลองโตนด และหมู่บ้านมีนบุรีการ์เด้นโฮม เพื่อเยี่ยมเยียนและดูแลความเป็นอยู่พี่น้องประชาชนและกลุ่มผู้ป่วยติดเตียง พร้อมมอบเครื่องอุปโภค-บริโภค ข้าวสาร อาหารแห้ง ไข่แก่ และผ้าอ้อมผู้ใหญ่ เพื่อเป็นขวัญและกำลังใจในการแบ่งเบาภาระค่าครองชีพให้กับกลุ่มดังกล่าว

ทั้งนี้ ส.ส.ชาญวิทย์ ยังได้ร่วมพูดคคุยรับฟังปัญหาสาระทุกข์สุขดิบและความเป็นอยู่ พร้อมรับข้อเสนอแนะจากชาวบ้านในพื้นที่ เพื่อนำมาปรับปรุงและแก้ไขให้ดียิ่งขึ้น โดยเฉพาะในเรื่องของปัญหาปากท้องและความเป็นอยู่ สอดรับกับนโยบายของพรรคพลังประชารัฐที่ต้องการให้คนไทยทุกคนกินดีอยู่ดี

พรรคพลังประชารัฐ เดินหน้าในการเข้าถึงดูแลประชาชน ด้วยความมุ่งมั่นเพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตให้กินดีอยู่ดี ควบคู่กับรับฟังปัญหา นำความเดือดร้อนไปแก้ไข ยังเดินหน้าสู่เป้าหมายในการยกระดับเศรษฐกิจฐานรากให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น และยั่งยืน

ที่มา : ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
เมื่อวันที่ : 5 สิงหาคม 2565

“พล.อ.ประวิตร” แจ้งข่าวดี!!! ชาวบ้านป่าแดด เดินหน้าสร้างอ่างเก็บน้ำแม่ตาช้างเสร็จปี 69

,

“พล.อ.ประวิตร” แจ้งข่าวดี!!! ชาวบ้านป่าแดด เดินหน้าสร้างอ่างเก็บน้ำแม่ตาช้างเสร็จปี 69

วันที่ 4 สิงหาคม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ได้วิดีโอคอนเฟอเรนซ์ ถึงผู้นำชุมชนและประชาชนต.ป่าแดด จ.เชียงราย กว่า 300 คน ที่จะได้รับอ่างเก็บน้ำแม่ตาช้าง เพื่อการอุปโภคบริโภค และประกอบอาชีพทางการเกษตร ซึ่งส่งผลต่อการยกระดับคุณภาพชีวิต

ทั้งนี้รัฐบาลและพรรคพลังประชารัฐ ให้ความสําคัญในการพัฒนาแหล่งน้ำ เพื่อแก้ไขปัญหาภัยแล้ง ภัยน้ำท่วม และเพื่อสร้างอาชีพ สร้างคุณภาพชีวิตที่ดีให้ประชาชนมาโดยตลอด และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง อ่างเก็บน้ำแม่ตาช้างที่ประชาชนรอคอยมายาวนานถึง 30 ปีนั้น จึงได้มอบหมายให้คณะทำงานมีการติดตาม และประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ในรูปแบบบูรณาการเพื่อให้เกิดร่วมมือกันขับเคลื่อนโครงการให้เกิดผลสำเร็จโดยเร็ว

“วันนี้ ผมยินดีที่จะแจ้งให้ทุกคนได้ทราบว่า โครงการอ่างเก็บน้ำแม่ตาช้างแห่งนี้ผ่านความเห็นชอบจากทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเรียบร้อยแล้ว ทั้งจากสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม, กรมป่าไม้ และกรมอุทธยาน ขั้นตอนต่อไป ภายในปี 65 นี้ กรมชลประทานจะเร่งดำเนินการขออนุมัติเปิดโครงการ เร่งทำการสำรวจพื้นที่เพื่อจ่ายค่าชดเชย และในปี 66 จะสามารถเริ่มทำการก่อสร้างได้ โดยใช้เวลาก่อสร้าง 3 ปี ในปี 69 ประชาชน จะมี “อ่างเก็บน้ำแม่ตาช้าง” เป็นแหล่งน้ำต้นทุนในพื้นที่จังหวัดเชียงราย ที่ทุกคนจะได้ใช้ประโยชน์ร่วมกัน”

ทั้งนี้มั่นว่า อ่างเก็บน้ำแม่ตาช้าง จะช่วยให้คนตําบลป่าแดด และพื้นที่ใกล้เคียง มีน้ำเพียงพอเพื่อการอุปโภคบริโภค และเพื่อประกอบอาชีพ สร้างคุณภาพชีวิตที่ดี ที่มั่นคงยั่งยืนให้กับคนลุ่มน้ำลาวตอนกลาง-ตอนล่าง และคนตำบลป่าแดดอย่างแน่นอน ผมขอยืนยันว่าหากพี่น้องประชาชนยังมีปัญหา อุปสรรคอื่นๆ ที่ต้องการความช่วยเหลือ ผมยินดีให้การช่วยเหลือและแก้ไขบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชนอย่างเต็มที่ รัฐบาลและต้วผมเอง มุ่งหวังให้ พี่น้องประชาชนอยู่ดีกินดี มีความสุข ดังนั้น หากทุกข์ร้อนอะไรขอให้บอกทีมงานของผมได้ทุกคนครับ” พล.อ.ประวิตร กล่าว

ที่มา : ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
เมื่อวันที่ : 5 สิงหาคม 2565