โลกเปลี่ยน ไทยต้องปรับ ทางเลือกใหม่ของการเมืองไทย ก้าวข้ามความขัดแย้ง สานพลังประชาราษฎร์ ร่วมสร้างชาติให้ยั่งยืน

วัน: 13 พฤษภาคม 2025

“เลขา พปชร.” แจง “อุตตม-สนธิรัตน์” ลาจากกันด้วยดี  ไปทำธุรกิจส่วนตัว

,

“เลขา พปชร.” แจง “อุตตม-สนธิรัตน์” ลาจากกันด้วยดี  ไปทำธุรกิจส่วนตัว

เมื่อเวลา 14.05 น. วันที่ 13 พ.ค. ที่ทำการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) นายไพบูลย์ นิติตะวัน เลขาธิการพรรค พปชร.กล่าวถึงกรณีนายอุตตม สาวนายน และนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ ลาออกจากสมาชิกพรรค ว่า นายอุตตมและนายสนธิรัตน์ ได้ไปกราบลาพล.อ.ประวิตร เพื่อที่จะไปทำธุระเกี่ยวกับส่วนตัว ซึ่งส่วนงานของท่านก็ทำเรียบร้อยแล้ว และไปดำเนินการยื่นเรื่องที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ตั้งแต่เวลา 10.00 น. ทั้งนี้ ยืนยันว่า ที่ผ่านมาร่วมงานกันด้วยดีและก็จากกันด้วยดี

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 13 พฤษภาคม 2568

“โฆษก พปชร.” ทวงแรงถาม รัฐบาลกลัวอะไร กับ“กัมพูชา” ร้องเพลงชาติบนปราสาทตาเมืองธม   พร้อมแจงมติพรรค ตั้งทีมเศรษฐกิจ ธีระชัย นำทีม พร้อมเดินหน้าตรวจสอบด้านเศรษฐกิจรัฐ ชูนโยบาย พปชร. แก้ปัญหาปากท้องลงมือทำจริง  ซัด รบ. แก้ปัญหา ศก.ประเทศติดอันดับรั้งท้ายภูมิภาค ซ้ำเติมขึ้น“ภาษีน้ำมัน” ปชช. ต้องจ่ายแพงกว่าความเป็นจริง

,

“โฆษก พปชร.” ทวงแรงถาม รัฐบาลกลัวอะไร กับ“กัมพูชา” ร้องเพลงชาติบนปราสาทตาเมืองธม   พร้อมแจงมติพรรค ตั้งทีมเศรษฐกิจ ธีระชัย นำทีม พร้อมเดินหน้าตรวจสอบด้านเศรษฐกิจรัฐ ชูนโยบาย พปชร. แก้ปัญหาปากท้องลงมือทำจริง  ซัด รบ. แก้ปัญหา ศก.ประเทศติดอันดับรั้งท้ายภูมิภาค ซ้ำเติมขึ้น“ภาษีน้ำมัน” ปชช. ต้องจ่ายแพงกว่าความเป็นจริง

เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม เวลา 14.00 น.ที่พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.)พล.ต.ท.ปิยะ ต๊ะวิชัย  โฆษกพรรคพลังประชารัฐ   กล่าวว่า ในการประชุมกรรมการบริหารพรรค  โดยมี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค เป็นประธาน ได้พิจารณา ออกคำสั่ง แต่งตั้งทีมเศรษฐกิจพรรคพลังประชารัฐ  โดยให้นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐฝ่ายเศรษฐกิจ เป็นหัวหน้าทีม หม่อมหลวงกรกสิวัฒน์ เกษมศรี  เป็นรองหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ  พร้อมด้วย นายอัคร ทองใจสด นางสาวพิมพ์พร พรพฤฒิพันธุ์  นางสาวบุณณดา สุปิยะพันธุ์  และนายมนูญ พรหมลักษณ์ ร่วมคณะทีมเศรษฐกิจ  ซึ่งนับ เป็นทีมเศรษฐกิจคนรุ่นใหม่  และเป็นนักเศรษฐศาสตร์ที่มีความรู้ ความเชี่ยวชาญด้านการเงินการธนาคาร เศรษฐกิจระดับมหภาคและจุลภาค รวมถึงการแก้หนี้ครัวเรือน อย่างเชี่ยวชาญและชัดเจน

 ทั้งนี้ ทีมเศรษฐกิจทำหน้าที่ติดตามสถานการณ์การบริหารราชการ ด้านเศรษฐกิจ ของรัฐบาล ในการดูแล ความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชน ที่จะนำไปสู่การเสนอแนะ ที่เป็นประโยชน์ แก่สังคม รวมถึงการนำเสนอนโยบายสำคัญ ในการแก้ปัญหาต่างๆ ของประเทศ เพื่อแสดงศักยภาพ และความพร้อมของพรรค โดยการขับเคลื่อนของ ทีมเศรษฐกิจ ที่พร้อม ลงมือทำงานได้ทันที อาศัยอำนาจตามข้อบังคับพรรดพลังประชารัฐ พ.ศ.2561 ดังนี้ โดย
1.การติดตามวิเคราะห์สถานการณ์เศรษฐกิจทั้งในรัฐสภาและภายนอกและทั้งในประเทศและในต่างประเทศ เพื่อวางแนวทางที่จะแถลงแนวทางในแต่ละเรื่องให้แก่ประชาชนได้รับทราบ โดยบางเรื่องที่เกิดขึ้นในสมัยประชุมรัฐสภาก็จะพิจารณาทำการแถลงข่าวจุดยืนร่วมกับ สส. ของพรรค
2. ประสานให้ฝ่ายที่เกี่ยวข้องช่วยรวบรวมข่าวและคำวิจารณ์ในสื่อต่างๆ ในแต่ละวัน เพื่อทีมเศรษฐกิจ จะได้พิจารณาแถลงข่าวเพื่อตอบโต้หรือเสนอแนะได้ทันท่วงที
3. ปฏิบัติงานอื่นตามที่ได้รับมอบหมายจากหัวหน้าพรรค

ทั้งนี้ที่ประชุมยังได้มีการหารือถึงปัญหาเศรษฐกิจของพี่น้องประชาชนที่มีรายได้น้อย ที่ขณะนี้ได้รับความเดือดร้อนค่อนข้างมาก ซึ่งรัฐบาลขับเคลื่อนในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจไปอย่างเชื่องช้าและไม่ถูกทิศทาง ก่อให้เกิดผลเสียต่อภาพรวมของเศรษฐกิจ เห็นได้ชัดเจนจากสภาผู้ว่าการธนาคารโลก (World Bank) และกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ปรับลดระดับทางเศรษฐกิจของประเทศไทย และเป็นที่น่าตกใจก็คือ ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ลำดับทางเศรษฐกิจของประเทศไทยต่ำกว่าประเทศกัมพูชาและลาว โดยเราอยู่ในลำดับเกือบรั้งท้ายในแถบประเทศอาเซียน

“วันนี้พี่น้องประชาชนกำลังจะอดตาย แต่นายกรัฐมนตรียังปล่อยให้เพิ่มภาษีน้ำมัน สิ่งที่เป็นปัจจัยพื้นฐานในการแข่งขันทางด้านธุรกิจและการขนส่ง ในขณะที่ราคาน้ำมันลดลง แต่รัฐบาลกลับตัดแขนตัดขาประชาชนด้วยการเพิ่มภาษีน้ำมัน ทำให้ราคาแพงกว่าที่ประเทศเวียดนาม แล้วเราจะแข่งขันกับเขาได้อย่างไร“ พล.ต.ท.ปิยะ กล่าว

“นอกจากนี้ที่ประชุมยังได้พิจารณาถึงความคืบหน้าของกรณีที่นายทหารชั้นนายพล ได้นำชาวกัมพูชาจำนวนหนึ่ง ขึ้นมาร้องเพลงชาติกัมพูชา บริเวณปราสาทตาเมือนธม อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ม และมีการบันทึกภาพและเสียง ซึ่งถือว่าเป็นการกระทำที่ล่วงละเมิดอธิปไตยของไทยในดินแดนของไทย แต่รัฐบาลไม่ดำเนินการประท้วงผ่านกระทรวงการต่างประเทศ หรือดำเนินคดี หรือดำเนินการใดๆ แต่อย่างใด เป็นลายลักษณ์อักษร หรือให้เป็นพยานหลักฐานในการต่อสู้คดีที่อาจเกิดขึ้นในภายภาคหน้าหากทางประเทศกัมพูชาจะเรียกร้องพื้นที่นี้เป็นอาณาเขตของประเทศตนเอง  พร้อมทั้งกล่าวว่า ไม่รูัว่ากลัวอะไรทางกัมพูชา อีกทั้ง รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมยังมีคำสั่งให้ทหารไทยถอยออกจากพื้นที่ที่เป็นอธิปไตยของประเทศ  ซึ่งในเรื่องนี้  ทางพรรคพลังประชารัฐ ได้เคยเรียกร้องให้ทางรัฐบาลดำเนินการประท้วง หรือท้วงติงเป็นลายลักษณ์อักษรไปยังรัฐบาลกัมพูชา  ในการแถลงข่าว เมื่อวันที่ 18 มีนาคม 2568 จนถึงวันนี้ เป็นเวลาหลายเดือนแล้วยังไม่ได้รับคำตอบจากรัฐบาลแต่อย่างใด“

“ถ้าทหารและครอบครัวกลุ่มนั้นมาร้องเพลงชาติในห้องนอนของนายกฯ หรือในห้องนอนของท่าน รองนายกฯ ท่านจะยังนิ่งเฉย และสั่งให้คนในบ้านของท่านออกจากห้องนอน หรือออกจากบ้าน ไปอยู่ที่สนามหญ้าหน้าบ้านหรือไม่ ผมอยากรู้ว่า ท่านจะทำอย่างเดียวกับที่ท่านทำกับประเทศไทยหรือแผ่นดินไทยอันเป็นที่รักของเราหรือไม่ พรรคพลังประชารัฐต้องขอบคุณพี่น้องทหารหาญทุกท่านและพี่น้องประชาชนคนไทยที่รักชาติและแผ่นดิน วันนี้ประเทศไทยเป็นสุขได้เพราะบรรพบุรุษของไทยทุกคนช่วยกันรักและพิทักษ์ไว้ซึ่งแผ่นดินไทย เราจะไม่ยอมให้ประเทศเพื่อนบ้านเอาแผ่นดินของประเทศไทยไปแม้แต่นิ้วเดียว   รัฐบาลไทยกลัวอะไรถึงขนาดนี้  กลัวว่า จะมีการเพิกถอนสัญชาติของญาติท่านบางคน  หรือจะเอาญาติของท่านที่ไปแต่งงานกับคนใกล้ชิดท่านนายกฮุนเซน  เอามาคืนหรือ   พรรคพลังประชารัฐจะไม่ยอมให้ ผู้หนึ่งผู้ใดนำผืนแผ่นดินไทยไปแลกผลประโยชน์ ส่วนตนและเครือญาติโดยเด็ดขาด”พล.ต.ท.ปิยะ กล่าว

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 13 พฤษภาคม 2568

“ม.ล.กรกสิวัฒน์”ชี้ รบ.ขึ้นภาษีน้ำมัน ซ้ำเติมปากท้อง ประชาชน ไร้ความจริงใจ เอื้อประโยชน์กลุ่มทุนมากกว่า ปชช.   แนะ รบ.ตั้งรับให้ดี หลัง ‘เวิลด์แบงก์-IMF’ กดจีดีพีไทยต่ำสุดในอาเซียน สูงกว่าแค่เมียนมา

,

“ม.ล.กรกสิวัฒน์”ชี้ รบ.ขึ้นภาษีน้ำมัน ซ้ำเติมปากท้อง ประชาชน ไร้ความจริงใจ เอื้อประโยชน์กลุ่มทุนมากกว่า ปชช.   แนะ รบ.ตั้งรับให้ดี หลัง ‘เวิลด์แบงก์-IMF’ กดจีดีพีไทยต่ำสุดในอาเซียน สูงกว่าแค่เมียนมา

เมื่อวันที่ 13 พ.ค.เวลา 14.45 น.ที่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ม.ล.กรกสิวัฒน์ เกษมศรี รองหัวหน้าทีมเศรษฐกิจ พรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงการขึ้นภาษีน้ำมัน ที่เรียกว่า ประกาศกฎกระทรวง ที่มีการวางแผนกันล่วงหน้าว่า จะล้วงเงินจากกระเป๋าประชาชน เพราะมีการประกาศในราชกิจจาทันทีในวันที่ประชุม ค.ร.ม. ซึ่งต้นทุนราคาน้ำมันดิบเพียง 13 บาทต่อลิตร แต่ราคาหน้าปั๊มเมื่อบวกภาษีแล้วจึงไม่ควรเกิน 26 บาท แต่กลับอยู่ที่ 30-40 บาท

แสดงว่ารัฐบาลไม่ได้เห็นว่าจะต้องแก้ปัญหาให้พี่น้องประชาชนจริงจัง ขณะที่ ประเทศไทยส่งออกน้ำมันสำเร็จรูปไปขายที่เวียดนาม โดยเวียตนามมีราคาเบนซิน 95 อยู่ที่ 24 บาท น้ำมันดีเซลเราขายส่งไปให้เขาขายหน้าปั๊ม 21 บาท แต่เราขาย 30 กว่าบาท ทั้งที่ วันนี่ราคาน้ำมันดิบถูกมากๆ เพราะค่าเงินบาทแข็ง ที่รัฐบาลหาเสียงกันมาจึงเป็นการให้ความหวังประชาชน อย่างเลื่อนลอย

“ตัวเลขเหล่านี้สะท้อนให้เห็นว่า รัฐบาลไม่มีความจริงใจที่จะแก้ปัญหาให้ประชาชนจริงๆ เราไม่สามารถไว้วางใจรัฐบาลได้เลยในการจัดการเศรษฐกิจ ต้องบอกว่า ท่านไม่มีความสามารถที่จะแก้ปัญหา ถ้าตั้งข้อสังเกตอีกอย่างหนึ่ง หรือเพราะท่านมีความใกล้ชิดสนิทสนมกับกลุ่มทุนพลังงาน รักกลุ่มทุนพลังงานมากกว่ารักประชาชนหรือไม่ อันนี้ต้องให้ประชาชนตั้งคำถาม วันนี้เศรษฐกิจแย่ ต้องช่วยกันลดราคาน้ำมัน ช่วยกันลดราคาไฟฟ้า ถามว่ามันลดได้จริงไหม ลดได้จริง เพราะต้นทุนพลังงานต่ำแล้ว จึงขอให้ติดตามดูพฤติกรรมของรัฐบาลว่า จะทำจะสร้างประโยชน์ให้กับประชาชนเมื่อไร แต่วันนี้กลับขึ้นภาษี ก็ต้องแสดงความเสียใจกับประชาชนด้วย“ม.ล.กรกสิวัฒน์ กล่าว

ม.ล.กรกสิวัฒน์ กล่าวต่อว่า ขณะนี้ ธนาคารโลก (World Bank) และกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) จัดอันดับให้ประเทศไทยมีจีดีพีต่ำที่สุดในอาเซียน ชนะประเทศเดียวคือ พม่า เนื่องจากว่าการจัดการเศรษฐกิจที่ผิดพลาด จะมีการกู้เงินมากขึ้น โดยไม่เห็นว่า จะหารายได้จากไหน ขอฝากรัฐบาลว่าประเทศไทยไม่ได้อยู่โดดเดียว เรามีเพื่อนบ้านในแถบอาเซียนที่ทำได้ดีกว่าเรา หากไม่แก้ปัญหาและซ้ำเติมด้วยการไม่ลดราคาน้ำมันทั้งที่ทำได้ง่ายๆ เราคงแพ้แน่นอน

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 13 พฤษภาคม 2568