โลกเปลี่ยน ไทยต้องปรับ ทางเลือกใหม่ของการเมืองไทย ก้าวข้ามความขัดแย้ง สานพลังประชาราษฎร์ ร่วมสร้างชาติให้ยั่งยืน

วัน: 18 กันยายน 2024

จัดหนักรัฐบาลใหม่! ทีม ศก.​ พรรคพลังประชารัฐ ‘’อุตตม-สนธิรัตน์-ธีระชัย“ แพ็คทีมวิพากษ์ นโยบาย ศก. รัฐบาลใหม่ ยก ดิจิตัลวอลเล็ต มีจุดบกพร่องเยอะมาก ไม่ต่าง บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ มอง เปลี่ยนตลอด ทั้งวิธีการ-กลุ่มเป้าหมาย-เกิดพายุหมุนลำบาก ไม่สมเป็นนโยบายเรือธง  

,

จัดหนักรัฐบาลใหม่! ทีม ศก.​ พรรคพลังประชารัฐ ‘’อุตตม-สนธิรัตน์-ธีระชัย“ แพ็คทีมวิพากษ์ นโยบาย ศก. รัฐบาลใหม่ ยก ดิจิตัลวอลเล็ต มีจุดบกพร่องเยอะมาก ไม่ต่าง บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ มอง เปลี่ยนตลอด ทั้งวิธีการ-กลุ่มเป้าหมาย-เกิดพายุหมุนลำบาก ไม่สมเป็นนโยบายเรือธง  

วันที่ 17 กันยายน 2567 ทีมเศรษฐกิจพรรคพลังประชารัฐ​ ประกอบด้วย ดร.อุตตม สาวนายน อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และ พล.ต.ท.ปิยะ ต๊ะวิชัย โฆษกพรรคพลังประชารัฐ ร่วมกันแถลงข่าวตรวจสอบนโยบายรัฐบาลนายกแพทองธารที่แถลงต่อรัฐสภา โดยมุ่งตรงไปยังนโยบาย ศก. ทั้งการแก้หนี้ ดิจิตอลวอลเล็ต และกองทุนวายุภักษ์

ด้านนายอุตตม อดีตรัฐมนตรีคลัง กล่าวว่า ตนเห็นด้วยกับรัฐบาลที่กำหนดการแก้หนี้เป็นนโยบายเร่งด่วนลำดับแรกของคณะรัฐมนตรี แต่อย่างไรก็ตาม มีข้อเสนอแนะว่า การแก้หนี้ให้บรรลุผลนั้น ต้องทำครบวงจร เช่น รัฐบาลต้องผนึกธนาคารแห่งประเทศไทย สถาบันการเงินเอกชน/รัฐ เพื่อแก้ปัญหาได้อย่างยืนในทุกมิติที่เกี่ยวข้อง เพื่อบรรเทาความเดือนร้อน เติมกำลังให้ประชาชนและเศรษฐกิจ สร้างอนาคตประเทศ ทั้งนี้ โครงการที่ทำต้องเข้าถึงประชาชนฐานรากทั่วทั้งประเทศ บริการเสมอภาคเป็นธรรม พร้อมทั้งมีการนำเทคโนโลยีมาร่วมขับเคลื่อน

ดร. อุตตม กล่าวถึงมาตรการที่ใช้ขับเคลื่อนว่า “รัฐมนตรีการคลังควรหารือกับ ธปท. ถึงแนวทางการลดเงินที่เก็บเข้ากองทุนฟื้นฟูฯ (FIDF) เหลือ 0.23% ต่อ 6 เดือน ชั่วคราว 5 ปี เพื่อนำเงินที่ประหยัดได้ไปลด  ยอดหนี้ (haircut) สำหรับลูกหนี้ที่มีรายได้ไม่เกิน 30,000 บาท/เดือน และต้องเจรจาให้ธนาคารต้องนำกำไรสะสมมาร่วมด้วยไม่น้อยกว่า 25% ของหนี้ที่ลดให้แก่ลูกหนี้ อันเป็นการร่วมมือกันแก้ปัญหาระหว่างรัฐกับเอกชน” นายอุตตม  กล่าวทิ้งท้าย

นายสนธิรัตน์ อดีตรัฐมนตรีพลังงาน ตั้งข้อสังเกตว่า นโยบายดิจิตอลวอลเล็ตเป็นนโยบายที่เปลี่ยนมาโดยตลอด ตั้งแต่รูปแบบที่เดิมทีจะแจกเป็นเงินดิจิตอล ทั้งที่มีหลายฝ่ายท้วงติง มาเป็นเงินสด มีการเปลี่ยนกลุ่มเป้าหมายที่จะได้รับการแจกเงิน กระทั่งการเปลี่ยนแปลงของประเภทสินค้าที่จะใช้จ่าย เรียกได้ว่า ทั้งทามไลน์และวิธีการดำเนินโครงการที่รัฐบาลประกาศว่าเป็นนโยบายเรือธงมีการขยับตลอดเวลา  

“ขณะนี้ การดำเนินโครงการมาถึงจุดที่ประกาศว่า จะแจกเป็นเงินสดให้กับประชาชนกลุ่มเปาะปราง 14.5 ล้านคน  เพียงเพิ่มกลุ่มคนพิการเข้ามา ถ้าเป็นแบบนี้ก็มีแนวโน้มที่จะไม่ต่างอะไรจากโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ที่พวกตนได้ทำกันมา รูปแบบการแจกเงิน ก็ใช้ตามแนวทางเดิม ทำให้เห็นว่า บัตรสวัสดิการแห่งรัฐเป็นโครงการที่สำเร็จ กระตุ้นกลุ่มเป้าหมายได้ดี ช่วยเหลือประชาชนได้จริง”

นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า ตัวโครงการยังประเมินผลลัพธ์ไว้สูงมากว่าจะมีพายุหมุนทาง ศก.​หลายรอบ แต่ท่ามกลาง ศก.​แบบนี้ ต้องถามว่า เงินจากโครงการดิจิตอลวอลเล็ตจะสร้างพายุหมุนได้จริงกี่รอบสมเป็นโครงการเรือธงที่รัฐบาลคาดหวัง นอกจากนั้นที่มาของงบประมาณในการดำเนินโครงการ ก็ได้มีการดึงงบจากหลายส่วนมาทำโครงการนี้ ซึ่งมีแนวโน้มจะไปกระทบกับการจัดบริการสาธารณะหรือโครงการใหญ่อื่นๆ ที่ต้องใช้งบประมาณ ในประเด็นสุดท้ายคือมีประชาชนไปลงทะเบียนโครงการนี้ 36 ล้านคน แต่จะแจกจริงผ่านบัตรสวัสดิการแห่งรัฐแค่ 14.5 ล้านคน ทั้งยังไม่มีความชัดเจนของทามไลน์ที่จะแจกรุ่นต่อไป รัฐบาลจะเยียวยา จะดูแล หรือจะรับผิดชอบต่อพี่น้องประชาชนกลุ่มนี้อย่างไร นี่เป็นคำถามใหญ่ที่อยากฝากไว้

ด้านนายธีระชัย อดีตรัฐมนตรีคลัง กล่าวว่า การขับเคลื่อนนโยบายของรัฐที่นำเอากองทุนวายุภักษ์ เพื่อระดมทุนนั้น เป็นการใช้นโยบายอุ้มคนมีเงิน สร้างความไม่เป็นธรรมในสังคมและมีความเสี่ยงผิดกฎหมาย ตนขอเตือนว่าการระดมเงินแล้วไปเก็งกำไร ทั้งในตลาดหลักทรัพย์(ตลท.) และนอกตลาดหลักทรัพย์ ทั้งทองคำ น้ำมันดิบ สินค้าโภคภัณฑ์ หุ้นกู้เครดิตต่ำ (junk bond) ฯลฯ ที่ไม่ใช่กิจหน้าที่ของกระทรวงการคลัง เป็นเรื่องไม่เหมาะสมและเสี่ยงผิดกฎหมาย

“ตนเองได้มีหนังสือ 4 ฉบับเสนอแนะให้นายกฯ แพทองธาร ชินวัตรทบทวน เพราะมีปัญหา 2 ด้าน คือก่อปัญหาความไม่เป็นธรรมในสังคม เป็นการรอนสิทธิของประชาชนทั้งประเทศ สิทธิของข้าราชการ และสิทธิของผู้ใช้แรงงานไปให้แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนประเภท ก. ซึ่งเป็นคนกลุ่มน้อย  และยังอาจมีปัญหาคนต่างชาติใช้ชื่อคนไทยเป็นนอมินีเพื่อแสวงหาประโยชน์อีกด้วย นอกจากนี้ มีความเสี่ยงผิดกฎหมาย  กรณีหากมีผู้ใดฟ้องศาลให้ระงับเงื่อนไข ซึ่งทำให้ผู้ลงทุนรายใหม่ได้รับความเสียหาย รัฐมนตรีคลังอาจเข้าข่ายประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง“ นายธีรชัยกล่าว

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 18 กันยายน 2567

“พล.อ.ประวิตร“เตรียมนำ พปชร.ลงพื้นที่ซับน้ำตาชาวหนองคาย 19 ก.ย.นี้ พร้อมกำชับ สส.ของพรรคทุกจังหวัด ดูแลและช่วยเหลือประชาชนให้ดีที่สุด

,

“พล.อ.ประวิตร“เตรียมนำ พปชร.ลงพื้นที่ซับน้ำตาชาวหนองคาย 19 ก.ย.นี้ พร้อมกำชับ สส.ของพรรคทุกจังหวัด ดูแลและช่วยเหลือประชาชนให้ดีที่สุด

พล.ต.ท.ปิยะ ต๊ะวิชัย โฆษกพรรคพลังประชารัฐ แถลงผลการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรค และ สส.พรรคพลังประชารัฐ นำโดย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ โดยที่ประชุมได้หารือถึงสถานการณ์น้ำท่วมในหลาย ๆ พื้นที่ ซึ่งต้องยอมรับว่า เป็นปีที่น้ำมาจำนวนมหาศาล และสร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชนเป็นวงกว้าง โดย พล.อ.ประวิตร เป็นห่วงสถานการณ์น้ำท่วมเป็นอย่างมาก เพราะประชาชนจะต้องเสียทรัยพ์สิน ทั้งบ้านเรือนและพื้นที่ทางการเกษตร จึงได้มอบหมายให้ สส.ของพรรคดูแลและช่วยเหลือประชาชน อย่างดีที่สุด

พล.ต.ท.ปิยะ กล่าวต่อว่า พล.อ.ประวิตร ได้ส่งผู้สมัคร สส.ของพรรคพลังประชารัฐ รวมถึงทีมงาน ลงพื้นที่ไปช่วยเหลือประชาชนจากปัญหาอุทกภัยในเบื้องต้น ในหลาย ๆ จังหวัด เช่น เชียงใหม่,เชียงใหม่,แพร่,น่านลำปาง ให้นำถุงยังชีพไปแจกจ่ายพี่น้องประชาชน เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนในเบื้องต้น และได้กำชับว่า ในส่วนพื้นที่ที่สถานการณ์น้ำเริ่มคลี่คลายแล้ว ให้ สส.ทุกคนร่วมมือกับชาวบ้านฟื้นฟูพื้นที่ประสบภัยให้กลับสู่ภาวะปกติ เพื่อให้ประชาชนสามารถกลับมาดำเนินชีวิตได้ตามปกติโดยเร็วที่สุดด้วย

“ในวันพฤหัสที่ 19 ก.ย.นี้ พล.อ.ประวิตร พร้อมด้วยคณะกรรมการบริหารพรรค และ สส.จะลงซับน้ำตาที่จังหวัดหนองคายและจังหวัดใกล้เคียง 3 – 5 จุด ที่ความช่วยเหลือจากภาครัฐยังเข้าไปไม่ถึงประมาณ 3-5 จุด เพื่อนำถุงยังชีพไปแจกจ่ายให้กับประชาชนที่กำลังเดือดร้อนในขณะนี้“พล.ต.ท.ปิยะ กล่าว

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 18 กันยายน 2567

“พปชร.”ประกาศตั้ง“ศูนย์นโยบายและวิชาการ”เปิดกว้างรับฟังทุกข้อเสนอแนะ ก่อนส่งต่อให้ สส.ทำหน้าที่ทั้งในและนอกสภาฯ ลั่น พร้อมทำหน้าที่เป็นฝ่ายค้านเชิงรุก เข้าใจความหวังของ ปชช.

,

“พปชร.”ประกาศตั้ง“ศูนย์นโยบายและวิชาการ”เปิดกว้างรับฟังทุกข้อเสนอแนะ ก่อนส่งต่อให้ สส.ทำหน้าที่ทั้งในและนอกสภาฯ ลั่น พร้อมทำหน้าที่เป็นฝ่ายค้านเชิงรุก เข้าใจความหวังของ ปชช.

พล.ต.ท.ปิยะ ต๊ะวิชัย โฆษกพรรคพลังประชารัฐ แถลงผลการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคนำโดย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐโดยที่ประชุมได้เห็นควรให้มีการจัดตั้งศูนย์นโยบายและวิชาการของพรรคพลังประชารัฐ เพื่อจัดเป็นศูนย์ในการทำงานให้กับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และทีมสมาชิกของพรรคพลังประชารัฐ ในการนำข้อมูลข่าวสารไปดำเนินการ เพื่อตอบสนองความต้องการของพี่น้องประชาชน โดยศูนย์นโยบายและวิชาการดังกล่าวจะมีนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เป็นหัวหน้าทีม และมีนายอุตตม สาวนายน อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง รวมถึงนายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นทีมงานสำคัญ

ด้านนายอุตตม กล่าวถึงศูนย์นโยบายและวิชาการของพรรคพลังประชารัฐว่า วันนี้เรามีบทบาทเป็นพรรคฝ่าย ในสภาผู้แทนราษฎร เพราะฉะนั้นศูนย์ที่เราตั้งขึ้น จะมีหน้าที่หลักในการสนับสนุนข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อการทำงานของพรรค เพื่อที่จะตอบโจทย์ให้กับประชาชน ไม่ว่าจะเป็นเชิงนโยบายหรือมาตรการที่สอดคล้องกับสถานการณ์ และยังมีหน้าที่สนับสนุน สส.และทีมงานในพื้นที่ด้วย โดยเราหวังว่า ศูนย์ของเราจะเป็นศูนย์รวมของการพัฒนาบุคลากรของพรรคพลังประชารัฐให้มีคุณภาพ เพื่อให้ประชาชนได้ข้อมูล ข่าวสารที่ถูกต้อง และจากนี้ พรรคพลังประชารัฐจะทำหน้าที่ติดตามและตรวจสอบการทำงานของรัฐบาลอย่างเข้มแข็ง

ด้านนายสนธิรัตน์ กล่าวว่า ทุกคนที่อยู่ตรงนี้จะเป็นผู้บริหารศูนย์นโยบายและวิชาการร่วมกัน โดยเราจะไม่ได้ทำงานเฉพาะในกลุ่มของพรรคพลังประชารัฐเท่านั้น แต่จะเป็นการรวบรวมความคิดเห็นของทุกฝ่ายที่อยากจะร่วมเสนอแนะ หรือต้องการให้พรรคพลังประชารัฐดำเนินการ เราเปิดกว้างที่จะรับข้อมูลจากทุกด้าน และจะใช้ข้อมูลจากเหล่านี้ในการปฎิบัติหน้าที่ทั้งในและนอกสภาฯ ในบทบาทของพรรคฝ่ายค้าน ที่จะทำหน้าที่อย่างเข้มแข็งต่อไป นี่คือความเปลี่ยนแปลงของพรรคพลังประชารัฐ เพราะเรารู้ว่า วันนี้ประชาชนต้องการความหวังจากพรรคฝ่ายค้านที่จะทำหน้าที่แทนประชาชนคนไทย

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 18 กันยายน 2567