โลกเปลี่ยน ไทยต้องปรับ ทางเลือกใหม่ของการเมืองไทย ก้าวข้ามความขัดแย้ง สานพลังประชาราษฎร์ ร่วมสร้างชาติให้ยั่งยืน

วัน: 13 กันยายน 2024

“สส.วรโชติ”จี้ ถามรัฐบาลถึงมาตรการแก้ปัญหาข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ เผย เกษตรกรเพชรบูรณ์ จ่อบุกศาลากลางฯเรียกร้องให้รัฐแก้ปัญหาด่วน

,

“สส.วรโชติ”จี้ ถามรัฐบาลถึงมาตรการแก้ปัญหาข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ เผย เกษตรกรเพชรบูรณ์ จ่อบุกศาลากลางฯเรียกร้องให้รัฐแก้ปัญหาด่วน

นายวรโชติ สุคนธ์ขจร สส.เพชรบูรณ์ เขต 4 พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.)กล่าวหารือในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรถึงปัญหาข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ที่จังหวัดเพชรบูรณ์ พ่อค้าหยุดรับซื้อข้าวโพด เกษตรกรจะทำอย่างไร เพราะวันนี้ถึงฤดูเก็บเกี่ยวมาถึงแล้ว แต่พ่อค้าไม่รับซื้อ เพราะโรงงานอาหารสัตว์แต่ละแห่งจำกัดการซื้อ และก็ปรับลดราคาลงเรื่อย ๆ ตนไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น และทางรัฐบาลมีมาตรการอย่างไรเกี่ยวกับปัญหาที่เกิดขึ้น

นายวรโชติ กล่าวต่อว่า วันนี้ราคาข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ลดลงอย่างต่อเนื่อง และรุนแรง ไม่รู้ว่าเกิดจากกลไกการตลาด หรือ เป็นกลไกของพ่อค้า รวมทัังมีการจำกัดการรับซื้อของกลุ่มผู้ประกอบการข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ และผู้ประกอบการ SME ที่เป็นผู้รับซื้อจากเกษตรกรโดยตรงก็ไม่สามารถรับซื้อได้เนื่องจากโรงงานอาหารสัตว์ไม่รับซื้อ ความลำบากไปตกที่พี่น้องเกษตรกร โดยในวันพรุ่งนี้(12 ก.ย.)พี่น้องเกษตรกรจังหวัดเพชรบูรณ์ก็จะไปหน้าศาลากลางจังหวัด เพื่อไปเรียกร้องเรื่องดังกล่าวด้วย

“ผมอยากฝากเรื่องนี้ไปยังกรมการค้าภายใน กระทรวงกระทรวงพาณิชย์ และกระทรวงการคลัง ให้ช่วยดูแลแก้ไขปัญหาข้าวโพดเลี้ยงสัตว์เลี้ยงสัตว์ด้วย ซึ่งเมื่อสักครู่ผมต้องขอบคุณนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง และผมได้สอบถามว่า เรื่องข้าวโพดเลี้ยงสัตว์รัฐบาลมีนโยบายอย่างไรบ้าง ซึ่ง
ท่านแจ้งว่า มีการหารือกันวานนี้และจะรีบดำเนินการ“นายวรโชติ กล่าว

นายวรโชติ กล่าวต่อว่า สถานการณ์น้ำท่วมเกือบทั่วประเทศในตอนนี้ แต่ราคาข้าวกลับลดลง ซึ่งจริง ๆ แล้วข้าวต้องราคาแพงขึ้น แล้วทำไมลดลงทุกวัน ตนอยากทราบว่า วันนี้กระทรวงพาณิชย์ได้มีการจัดการดูแลเรื่องนี้หรือไม่ โดยการนำเข้าต่างๆ ตนขอฝากนายกรัฐมนตรีคนใหม่ และคณะรัฐมนตรีทุกท่าน ให้ใส่ใจพี่แม่พี่น้องประชาชนเรื่องนี้อย่างจริงจัง

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 13 กันยายน 2567

 “สส.ชัยมงคล”เปรียบ ครม. เหมือน ”เหล้าเก่าในขวดใหม่ “เขียนฉลากเพิ่มเติม ซัดภาพจำรัฐบาลตระบัดสัตย์ เปรย ไม่อยากเห็นภาพ รบ.ชนชั้นสูง“

,

“สส.ชัยมงคล”เปรียบ ครม. เหมือน ”เหล้าเก่าในขวดใหม่ “เขียนฉลากเพิ่มเติม ซัดภาพจำรัฐบาลตระบัดสัตย์ เปรย ไม่อยากเห็นภาพ รบ.ชนชั้นสูง“

นายชัยมงคล ไชยรบ สส.สกลนคร เขต 5 พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.)กล่าวอภิปรายนโยบายของคณะรัฐมนตรี ว่า ประโยคที่น.ส. แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และประโยคที่บอกว่า“คนไทยมีกินมีใช้ มีเกียรติมีศักดิ์ศรี ความหวังของคนไทยเริ่มเรืองรอง” แต่เมื่อเห็นรายชื่อคณะรัฐมนตรีทำให้ความหวังเหล่านั้นเริ่มลางเลือน เพราะประกอบไปด้วยคนเก่า 70-80% เพิ่มเติมคนใหม่มาบ้าง เปรียบเสมือนเหล้าเก่าในขวดใหม่ เขียนฉลากเพิ่มเติม มีทั้งพ่อแทนลูก หรือลูกแทนพ่อ น้องแทนพี่ ซึ่งคนที่เข้ามาแทนกันไม่ใช่ว่าไม่ใช่คนดี เขาอาจเป็นคนดี แต่จะสามารถบริหารราชการแผ่นดิน ที่มีเดิมพันด้วยประชาชนคนไทย 70 กว่าล้านคนได้หรือไม่

องค์ประกอบคณะรัฐมนตรีชุดนี้มาจากหลายสัดส่วน ไม่ว่าจะเป็นสิ่งชำรุดทางประวัติศาสตร์ที่มาจากผลพวงพรรคคอมมิวนิสต์แห่งประเทศไทย ที่มีจุดยืนว่าอำนาจรัฐต้องมาจากปลายกระบอกปืนกระบอกปืน มาจากรัฐมนตรีอาชีพ ที่เลือกจะเป็นรัฐมนตรีมา 17-18 สมัย ส่วนคนใหม่นั้นก็สืบทอดโดยสายเลือด  สื่อมวลชนจึงขนานนามคณะรัฐมนตรีชุดนี้ว่า ญาติกาบ้าง ผู้สืบสันดานบ้าง ทำให้เห็นทางของนโยบายรัฐบาลชุดนี้ ซึ่งไม่ได้เห็นว่าจะสามารถหวังผลประการใด และหากได้ทำตามที่อ่านคำการแถลงนโยบายในรัฐสภาแห่งนี้ ประเทศชาติจะเจริญรุ่งเรืองในวันพรุ่งนี้เลยแต่ตนไม่แปลกใจเพราะนโยบายของรัฐบาลชุดนี้ไม่ต่างจากชุดที่แล้ว และมีต้นทางมาจากพรรคเพื่อไทยเหมือนกัน เช่นเรื่องยาเสพติดก็เขียนเหมือนกันว่าจะต้องจัดการรวมถึงพูดคุยกับประเทศเพื่อนบ้าน มีการยึดทรัพย์บำบัดผู้เสพ ซึ่งผลดำเนินการของรัฐบาลชุดที่แล้ว ไตรมาสที่สอง มีคดีเกี่ยวกับยาเสพติดเพิ่มขึ้น 29.9% ซึ่งหมายความว่าเป็นการบริหารงานรัฐที่ล้มเหลวในการปราบปรามยาเสพติด

นอกจากนี้นโยบายเรือธงและเอ็นเตอร์เทนเม้นท์คอมเพล็กซ์ ที่บอกจะสร้างเศรษฐกิจให้ดีขึ้น คนไทยจะมีรายได้เพิ่มสามารถเก็บภาษีเพิ่มขึ้น ซึ่งตนเชื่อว่าจะมีการจ้างงานซึ่งคนไทยจะไปเป็นคนแจกไพ่ เป็นแรงงาน เป็นคนต้อนรับ แต่คนรวยมีไม่เกิน 10 ตระกูล แต่คนจนจะมีนับ 10 ล้านคน ซึ่งนโยบายเช่นนี้เปรียบเสมือนทำให้เห็นว่าเป็นนโยบายจากกลุ่มชนชั้นนำ เพื่อชนชั้นนำและเพื่อทุนขนาดใหญ่ ดังนั้นจึงไร้ความหวังจากพฤติกรรมที่ทำ แต่หากอ่านตามนโยบายที่เขียนไว้ตนขอชื่นชม

ขณะที่เรื่องของพลังงานที่ต้องการให้ลดราคาทั้งค่าไฟค่าน้ำ ฝากถึงนายกรัฐมนตรี ว่ากรุณาดูเอ็มโอยู ปี 44 ซึ่งบอกว่าเป็นพื้นที่ทับซ้อนกับประเทศเพื่อนบ้าน และข้อเท็จจริงทางประวัติศาสตร์และหลักฐานต่างๆได้บ่งชี้ว่าไม่ใช่พื้นที่ทับซ้อนแต่เป็นแผ่นดินไทย ซึ่งเราไปทำเอ็มโอยูและสุ่มเสี่ยงต่อการเสียดินแดน และดินแดนที่จะเสียเต็มไปด้วยทรัพยากรทางธรรมชาติ มีปิโตรเลียม ก๊าซธรรมชาติ ซึ่งใครไปเซ็นกับใครไว้ตามไปแก้ไขไปยกเลิกด้วย ทั้งนี้ขอให้จำคำพูดของตนไว้ให้ดีในแผ่นดินรัชกาลนี้ คนไทยจะไม่ยอมเสียดินแดนไม่ว่าจะทางพื้นดินทางพื้นน้ำแม้แต่ตารางนิ้วเดียว หากทำให้เสียดินแดนเขาจะตราหน้าว่าเป็นคนขายชาติคนทรยศต่อแผ่นดิน

“นโยบายเรือธงที่พูดกันมาตั้งแต่รัฐบาลที่แล้วการแจกเงิน 10,000 บาท จะเป็นเงินสดหรือไม่แต่มีการวางแผนไว้ดีอย่างไร เพื่อที่จะไม่ไปส่งเสริมสินค้าจากต่างชาติที่มีราคาถูกที่หลั่งไหลเข้ามาในประเทศไทย จนกระทั่งทำลาย sme ซึ่งทำให้ผู้ประกอบการในประเทศไทยเจ๊งระเนระนาด เรื่องเหล่านี้ไม่ได้ทำโดยการอ่านตามตัวอักษร แต่อยากเห็นการกระทำที่เป็นจริง เมื่อมองที่ของรัฐบาลวันนี้ภาพที่ประชาชนรับรู้คือ “การตระบัดสัตย์” มีที่ไหนพรรคที่ยกมือให้ 39 เสียง ให้ไปเป็นฝ่ายค้านเปรียบเสมือนไปหุงข้าวด้วยกันแต่เมื่อเวลาข้าวสุกข้าพเจ้าขอกินคนเดียว แต่พรรคที่งดออกเสียงเชิญมาเป็นรัฐบาล

นายชัยมงคล ได้กล่าวอภิปรายเพิ่มเติมว่า ตนทำหน้าที่ฝ่ายค้านในการตรวจสอบรัฐบาลนักการเมืองไม่สนใจว่าเป็นฝ่ายค้านหรือฝ่ายรัฐบาล ขอแต่ทำประโยชน์ให้กับประชาชนได้อย่างน้อยข้อเสนอแนะแนวทางที่ตนพูดไปเป็นประโยชน์เพื่อประชาชนไม่ใช่เป็นประโยชน์ส่วนตัว

”ผมไม่อยากเห็นรัฐบาลชุดนี้เป็นรัฐบาลที่มาจากชนชั้นสูงเพื่อคนชั้นสูงและอาศัยมือของประชาชนในคาบประชาธิปไตย  แล้วอ้างประชาชนมากอบโกยผลประโยชน์อย่างตะกละตะกราม และมุมมาม “

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 13 กันยายน 2567

“สส.วรโชติ”ติง นโยบายเกษตรของรัฐบาลยังไม่โดนใจเกษตรกร ชี้ ปัญหาราคาข้าวโพดเลี้ยงสัตว์-ข้าว ยังตกต่ำกระทบผู้ปลูก ฝาก“นายกฯเร่งแก้ปัญหาให้ครอบคลุมทุกมิติ

,

“สส.วรโชติ”ติง นโยบายเกษตรของรัฐบาลยังไม่โดนใจเกษตรกร ชี้ ปัญหาราคาข้าวโพดเลี้ยงสัตว์-ข้าว ยังตกต่ำกระทบผู้ปลูก ฝาก“นายกฯเร่งแก้ปัญหาให้ครอบคลุมทุกมิติ

นายวรโชติ สุคนธ์ขจร สส.เพชรบูรณ์ เขต 4 พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.)กล่าวอภิปรายนโยบายรัฐบาลในที่ประชุมรัฐสภาตามมาตรา 162 ว่า นโยบายข้อที่ 6 ที่เกี่ยวข้องกับพี่น้องเกษตรกร แต่ยังไม่ครอบคลุมพี่น้องเกษตรกร และยังไม่โดนใจพี่น้องเกษตรกร วันนี้ท่านจะเห็นจากหน้าข่าวต่างๆ ว่า พี่น้องเกษตรกรโดยเฉพาะผู้ปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ โดนพ่อค้าหยุดรับซื้อข้าวโพดในฤดูกาลเก็บเกี่ยว มันเกิดอะไรขึ้น ทำให้พี่น้องเกษตรกรเดือดร้อนหนัก ไม่รู้จะนำข้าวโพดไปขายที่ไหน ปัญหาเกิดจากโรงงานอาหารสัตว์ที่หยุดรับซื้อและลดราคาก็ลงทุกวัน

นายวรโชติ กล่าวต่อว่า ตนไม่ทราบว่า การกำหนดราคาในบ้านนี้เมืองนี้ มันเกิดจากพ่อค้าหรือว่ากระทรวงพาณิชย์ หรือว่ารัฐบาลเป็นผู้กำหนด ราคาถึงลดลงทุกวัน ทำให้ผู้ประกอบการไม่สามารถซื้อข้าวโพดจากพี่น้องเกษตรกรได้ ต้องหยุดรับซื้อ ทั้งที่เป็นฤดูเก็บเกี่ยว
อย่างเรื่องการนำเข้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์และอาหารสัตว์ก็เหมือนกัน จริงๆ แล้วบ้านเราผลิตได้ประมาณ 5 ล้านตันต่อปี การนำเข้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์จากต่างประเทศ หรือประเทศเพื่อนบ้าน ต้องไม่เกินประมาณ 1.5 ล้านตันต่อปี
แต่วันนี้มันทะลุไป 2 ล้าน ความต้องการใช้ข้าวโพดภายในประเทศ 8 ล้านตัน ผลิตได้ 5 ล้านตัน ราคาต้องดี แต่ในขณะนี้ราคากลับลดลงทุกวัน

“ผมได้รับข่าวจากพี่น้องเกษตรกรชาวเพชรบูรณ์ว่า วันนี้ได้เปิดรับซื้อข้าวโพดเลี้ยงสัตว์แล้ว โดยราคาต่างๆ เป็นไปตามที่เกษตรกรออกมาเรียกร้องให้รัฐบาลช่วยประกันหลักการในความชื้น 30% ซึ่งเกษตรกรขอราคามา 7.50 สตางค์ ไม่ต่ำกว่านี้แล้ว และที่ความชื้น 14.5% ขอเป็น 11 บาท ซึ่งวันนี้มีการเปิดรับซื้อความชื้นที่ 14.5% จะอยู่ที่โดยเฉลี่ย 9. 90 สตางค์ และความชื้น 30% ก็จะอยู่ที่ประมาณ 6.80 สตางค์ ผมขอบพระคุณจริงๆที่ท่านแก้ปัญหาให้พี่น้องเกษตรกรด้วยความฉับไว”นายวรโชติ กล่าว

นายวรโชติ กล่าวต่อว่า ตนมีข้อสงสัยว่า ราคาข้าวโพดบ้านเรา พอถึงฤดูเก็บเกี่ยว ราคาจะลดลงทุกปี ซึ่งจริงๆ แล้วปีนี้มีปัญหาอุทกภัยหลายพื้นที่ เหตุใดราคาถึงลดลง เพราะในความจริงแล้ว ราคาจะต้องปรับขึ้น ในส่วนของโควต้าในการนำเข้าข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ที่กำหนดไว้ว่า ภายในประเทศ 3 ส่วน นำเข้า 1 ส่วน เกษตรกรจึงเป็นห่วงว่าโควต้าแบบนี้จะลดลงหรือไม่ ปัญหาต่างๆ เหล่านี้ ตนอยากฝากรัฐบาลชุดใหม่แก้ปัญหาให้พี่น้องประชาชนเกษตรกรผูัข้าวโพด ที่เป็นความหวังของพี่น้อง เป็นรายได้หลัก เป็นกระดูกสันหลังของชาติ

นายวรโชติ ยังกล่าวต่อถึง ปัญหาราคาข้าวที่วันนี้น้ำท่วมทั่วประเทศ แต่ข้าวราคาถูกลงทุกวัน ราคาเกิดจากพ่อค้าคนกลางกำหนดเองหรืออย่างไร รัฐบาลมีส่วนเข้าไปกำหนดให้ได้หรือไม่ ให้ราคาเป็นธรรมกับพี่น้องเกษตรกร เหมือนกับคำที่ท่านนายกรัฐมนตรีบอกว่าต่อไปพี่น้องประชาชนคนไทยจะมีกิน มีใช้ มีเกียรติ มีศักดิ์ศรี มีโอกาส เท่าเทียม เท่ากัน ทุกคน

สุดท้าย พรรคพลังประชารัฐ นำโดยพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ ขอแสดงความห่วงใยและเสียใจต่อพี่น้องที่ประสบอุทกภัยทางภาคเหนือของประเทศ  ขอให้ทุกท่านปลอดภัยโดยเร็ว และตนในนาม สส.เพชรบูรณ์ทั้ง 6 คน ขอฝากให้นายกฯและคณะรัฐมนตรีดูแลประชาชนด้วย

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 13 กันยายน 2567