“พล.อ.ประวิตร“ นำรมว.-สส.พปชร.ประชุมคึกคัก กำชับลูกพรรคทำหน้าที่ในสภา-กมธ.ให้เต็มที่ ด้าน ร.อ.ธรรมนัส แจงนโยบาย พปชร. “ปุ๋ยคนละครึ่ง” เตรียมส่งถึงมือเกษตรกร ไม่ล็อคสเปก ย้ำ คนละส่วนกับชดเชยไร่ละ 1,000 บาท ส่วนปมประเด็น“ทับลาน” ยึดหลักกฎหมาย สร้างความเป็นธรรมทุกฝ่าย
เวลา 15.30 (9 กรกฎาคม 2567 )พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เป็นประธานประชุมสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) โดยมีร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรและสหกรณ์ ในฐานะเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุขและรองหัวหน้าพรรค , ,นายอรรถกร ศิริลัทธยากร รมช.เกษตรฯ และนายไพบูลย์ นิติตะวัน รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) และรองประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญ ,พล.อ.กฤษณ์โยธิน ศศิพัฒนวงษ์ เหรัญญิกพรรค และนายทะเบียนพรรค นายอุตตม สาวนายน ประธานกรรมการนโยบายพรรคพลังประชารัฐ นายวราเทพ รัตนากร ผู้อำนวยการพรรคพลังประชารัฐ ในฐานะกรรมาธิการวิสามัญ และนายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล ประธานยุทธศาสตร์ด้านวิชาการ พรรคพลังประชารัฐ โดยกำชับให้ สส.ของพรรค ทำหน้าที่ในสภาฯ ใน 3 ประเด็นหลัก ประกอบด้วย 1. ใช้สิทธิในการอภิปรายหารือ ตั้งกระทู้ถามเสนอหรืออภิปราย ในญัตติต่างๆตามความเหมาะสมเพื่อที่จะได้ นำปัญหา ของประชาชนมาแจ้งต่อฝ่ายบริหารให้แก้ไข หรือร่วมแสดงความเห็นต่อเรื่องที่สำคัญ ในญัตติต่างๆ 2. ในส่วนของ คณะกรรมาธิการ ชุดต่างๆควรจะ เร่งประชุมหารือกันในเรื่องที่ กำลังพิจารณากันอยู่ เพื่อสรุปผลการดำเนินการ ให้แล้วเสร็จและส่งให้หน่วยงานรัฐ ที่รับผิดชอบรับไปพิจารณา ดำเนินการ ต่อไป 3. รวบรวม เรื่องความต้องการ และปัญหาต่างๆของพี่น้องประชาชน ในเขตพื้นที่มาหารือกันในคณะกรรมการภาค เพื่อสรุปปัญหาที่สำคัญๆเพื่อส่งให้รัฐมนตรีรวมทั้ง ฝ่ายวิชาการ และฝ่าย นโยบาย ของพรรคนำไปพิจารณา หาทางดำเนินการแก้ไขหรือกำหนดเป็น นโยบายของพรรคในโอกาส ต่อไป
ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เลขาธิการพปชร. ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้รายงานถึงความคืบหน้าโครงการปุ๋ยคนละครึ่ง ซึ่งเป็นนโยบายที่สำคัญของพรรค ในการช่วยเหลือเกษตรกรได้อย่างแท้จริง ในการลดภาระต้นทุน และเพิ่มมูลค่าสินค้าเกษตรให้แข่งขันได้ ซึ่งเกษตรกรให้ความสนใจในโครงการนี้ โดยเรื่องนี้ได้มีการหยิบยกหารือในการประชุมครม.ที่ผ่านมา เพื่อการขับเคลื่อนให้เป็นรูปธรรม ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีจากทุกพรรค ซึ่งมั่นใจว่าระบบการบริหารจัดการ จะสามารถส่งถึงมือได้อย่างโปร่งใส ไม่สามารถเปิดโอกาสให้เกิดการคอรัปชั่นได้ เพราะเป็นการบูรณาการความร่วมมือจากหน่วยงานต่างๆ ของกระทรวงเกษตรฯ โดยกรมการข้าว กรมส่งเสริมการเกษตร กระทรวงการคลัง กระทรวงพาณิชย์ โดยเปิดให้เอกชนทุกรายสามารถเข้ามาร่วมโครงการได้ ภายใต้เงื่อนไขที่กำหนดไว้ ผ่านกลไกของธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์(ธกส.)
โครงการดังกล่าว สามารถช่วยเหลือเกษตรกรโดยตรง ถึง 16 ล้านราย เกษตรกรสามารถเลือกใช้ ปุ๋ย 15 สูตร ทั้งปุ๋ยเคมี ชีวภาพ และอินทรีย์ ซึ่งในแต่ละพื้นที่การเพาะปลูกข้าว ในฤดูกาลผลิต 67/68 จะเร่ิมระยะเวลาเพาะปลูกไม่เหมือนกันในแต่ละภาค และแต่ละจังหวัด ซึ่งการเพาะปลูกจะเร่ิมตั้งแต่เดือนนี้ จนถึงธันวาคมปี 2567 ดังนั้น หากเกษตรกรรายใดที่ได้ผ่านการลงทะเบียน ผ่านกรมส่งเสริมการเกษตร สามารถขอรับการสนับสนุนในโครงการได้ทันที โดยที่เกษตรกร ต้องมีการไถ หว่าน หรือดำนา ไปแล้ว 15 วัน
“โครงการปุ๋ยคนละครึ่ง เป็นหนึ่งใน 2 เรื่องที่พรรคหาเสียงไว้ โดยเรื่องแรก เรื่องเปลี่ยน “ส.ป.ก.4-01” เป็นโฉนดเพื่อการเกษตร ซึ่งได้ดำเนินการเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และนโยบายปุ๋ย เป็นอีกนโยบาย ที่พรรคได้ดำเนินการเพื่อเป้าหมายช่วยเหลือเกษตรในการลดต้นทุน และเพิ่มมูลค่าผลผลิต ซึ่งเรื่องนี้อยากให้ประชาชนเข้าใจว่าเกษตรกรผู้ปลูกข้าวประมาณ 4.68 ล้านครัวเรือน สามารถลดต้นทุนการผลิตข้าวได้ 10 `%ส่งผลให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มขึ้นร้อยละ 10 %และที่สำคัญ เกษตรกรผู้ปลูกข้าวสามารถเข้าถึงปุ๋ยคุณภาพในราคาถูก สำหรับเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตข้าว และยกระดับคุณภาพข้าวเพื่อตอนบสนองความต้องการของตลาด
ร.อ. ธรรมนัส กล่าวในที่ประชุมว่า โครงการปุ๋ยคนละครึ่ง กับ โครงการชดเชยเยียวยาไร่ละ 1,000 บาท เป็นคนละโครงการกัน ซึ่งโครงการชดเชยเยียวยา 1,000 บาท มีมาสมัยรัฐบาลที่แล้ว ที่เติมให้ไร่ละ 1,000 บาทไม่เกิน 20 ไร่ เป็นโครงการช่วยเหลือในเหตุการณ์วิกฤติ ปีที่ผ่านมาที่ราคาข้าวอยู่ประมาณ 7,000-8,000 บาทต่อตัน แต่ปัจจุบันราคาข้าวดีขึ้นแล้ว จึงทำให้เกิดโครงการปุ๋ยคนละครึ่ง เพื่อลดต้นทุนของเกษตรกรชาวนา และเพิ่มจำนวนผลผลิตต่อไร่ของข้าว ซึ่งเป็นโครงการที่มีความยั่งยืน และใช้งบประมาณอย่างคุ้มค่า เป็นสิ่งที่พูดคุยกับหลายภาคส่วนที่เกี่ยวข้องให้เกิดประโยชน์กับพี่น้องเกษตรกรอย่างแท้จริง
นายนภดล พลเสน เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติ และสิ่งแวดล้อมได้รายงานต่อที่ประชุมถึงกรณี ที่ประชาชน ออกมาเรียกร้องถึงกรณีการแก้ปัญหาพื้นที่ทับซ้อนใน อ.ทับลาน จ.นครราชสีมา ว่า โดยพล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและส่ิงแวดล้อม ได้ให้นโยบายให้กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ดำเนินการเร่งด่วน คือ
1.ให้พิจารณาสิทธิชาวบ้านในการถือครองที่ดิน ส.ป.ก.ที่ทำกิน ต้องไม่มีนายทุนนักการเมืองถือครองเด็ดขาด พิสูจน์สิทธิให้ชัดเจน2.ให้ความเป็นธรรมชาวบ้าน ที่อยู่มาดั้งเดิมกว่า 20 ปี เพื่อให้ได้รับสิทธิที่ดินอย่างถูกต้องเป็นธรรม ไม่ให้ประชาชนได้รับความเดือดร้อน คาดว่ามีประมาณ 5 หมื่นไร่3.การจัดสรรพื้นที่ให้ชาวบ้านทำกิน ต้องไม่ตัดผืนป่าอุดมสมบูรณ์ ห้ามตัดพื้นที่ต้นน้ำ หรือที่มีสัตว์ป่าอาศัยอยู่ ไม่อนุญาตให้แบ่งแยกออกไปเพราะต้องรักษาผืนป่าไว้อาจพิจารณาตัดแบ่งเฉพาะที่ประชาชนอาศัยและทำกินอยู่ก่อนแล้วเท่านั้น
ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 10 กรกฎาคม 2567