โลกเปลี่ยน ไทยต้องปรับ ทางเลือกใหม่ของการเมืองไทย ก้าวข้ามความขัดแย้ง สานพลังประชาราษฎร์ ร่วมสร้างชาติให้ยั่งยืน

วัน: 4 กรกฎาคม 2024

“รมช.อรรถกร” ตอบกระทู้ยัน กระทรวงเกษตรฯมุ่งมั่นแก้ไขปัญหาให้ประมงพื้นบ้าน

,

“รมช.อรรถกร” ตอบกระทู้ยัน กระทรวงเกษตรฯมุ่งมั่นแก้ไขปัญหาให้ประมงพื้นบ้าน เตรียมดันมาตรการสนับสนุนน้ำมันผ่านการเติมเงิน ย้ำพร้อมต่อสู้เพื่อ ปชช.เต็มที่

นายอรรถกร ศิริลัทธยากร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้รับมอบหมายจาก ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ให้มาตอบกระทู้ของนายกฤช ศิลปชัย สส.ระยอง พรรคก้าวไกล ที่สอบถามความคืบหน้าข้อเสนอนโยบายประมงทะเล เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตชาวประมงพื้นบ้านไทย ว่า ร.อ.ธรรมนัส ได้ฝากมาขอโทษที่ท่านไม่ได้มาตอบกระทู้ด้วยตัวเอง เนื่องจากติดภารกิจ แต่ท่านเล็งเห็นถึงความตั้งใจและให้ความสำคัญในการที่จะแก้ไขปัญหาให้กับชาวประมง โดยเฉพาะพี่น้องประมงพื้นบ้าน และได้กำชับให้มาตอบกระทู้ของท่าน สส.

ทั้งนี้ต้องขอบคุณ สส.พรรคก้าวไกลที่มีความห่วงใยให้กับพี่น้องชาวประมงพื้นบ้าน และท่านก็มีความเข้าใจในปัญหาที่เกิดขึ้นกับพี่ประมงพื้นบ้านอย่างแท้จริง ซึ่งปัญหาอุปสรรคในการประกอบอาชีพของชาวประมงขณะนี้มีต้นทุนมากกว่า 50% โดยเฉพาะราคาน้ำมัน ซึ่งกระทรวงเกษตร ได้ตั้งคณะกรรมการเพื่อแก้ไขปัญหาประมงทะเล และได้ทำการแต่งตั้งคณะอนุกรรมการขึ้นมาอีก 1ชุด เพื่อที่จะพิจารณาข้อเสนอตามนโยบายการประมงและพัฒนาคุณภาพชีวิตของประมงพื้นบ้าน ซึ่งทางกรมประมงได้เสนอช่วยเหลือค่าน้ำมันสำหรับพี่น้องที่ประกอบอาชีพประมงพื้นบ้านจำนวน 1,275 บาทต่อเดือน เป็นระยะเวลาทั้งหมด 6 เดือน

อย่างไรก็ตามในที่ประชุม ยังมีข้อกังวลในการสนับสนุนค่าน้ำมันสำหรับการดำเนินโครงการนี้ ที่มีผู้เข้าร่วมประมาณ 45,000 ราย ใช้งบประมาณประมาณ 350 ล้านบาท จะมั่นใจได้อย่างไรว่า การใช้งบประมาณจะเกิดความยั่งยืน ขณะเดียวกัน พี่น้องชาวประมงที่รับเงินอุดหนุนแล้วจะนำไปซื้อน้ำมันจริง หากไม่ได้นำเงินไปซื้อน้ำมันตามวัตถุประสงค์ของการอนุมัติโครงการนี้ ที่ประชุมจึงมีความเห็นว่า ควรจะให้ชาวประมงพื้นบ้านได้รับการสนับสนุนอย่างแท้จริง ดังนั้นทางกรมประมง จึงผลักดันแนวทางในการที่จะสนับสนุนน้ำมันผ่านทางการเติมเงิน ผ่านสมาร์ทโฟนหรือโทรศัพท์มือถือ เราจะสามารถมั่นใจได้ว่าทุกบาททุกสตางค์ที่อุดหนุนช่วยเหลือพี่น้องประมงพื้นบ้าน จะถูกนำไปซื้อน้ำมันตรงตามวัตถุประสงค์มากยิ่งขึ้น

“ในเรื่องนี้ ร.อ.ธรรมนัส ท่านมีความกังวล และห่วงใย เนื่องจากที่ผ่านมา ภาครัฐเรามีการช่วยเหลือน้ำมันเขียว หรือว่าน้ำมันต่างๆที่มีราราคาถูกกว่าโดยเฉพาะให้กับผู้ประกอบการประมงที่เป็นอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ แต่ความช่วยเหลือดัวกล่าว ถ้าเทียบกับพี่น้องประมงพื้นบ้านแล้วความช่วยเหลือต่างๆมีความเหลื่อมล้ำพอสมควร ดังนั้นแนวทางการทำงานของกรมประมง จะเปิดโอกาสให้พี่น้องประมงพื้นบ้านได้รับความช่วยเหลืออย่างแท้จริง โดยกรมประมงจะนำประเด็นนี้ไปหารือกับคณะทำงานเพื่อดำเนิน โครงการจำหน่ายน้ำมันดีเซล สำหรับชาวประมงพื้นบ้านในเขตต่อเนื่องของราชอาณาจักร โดยมีตัวแทน จากกรมประมงเข้าไปเป็นในคณะทำงานนี้ด้วย

นายอรรถกร กล่าวต่อว่า เรื่องนี้ จะนำไปหารือ สมาคม สมาพันธ์ประมงพื้นบ้านแห่งประเทศไทย ในจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เพื่อไปรับฟังความเห็นจาก ถ้ามีความคิดเห็นที่ตรงกัน ก็สามารถเดินหน้าต่อได้เต็มที่ เพื่อการยกระดับคุณภาพชีวิตของพี่น้องประชาชนที่ทำประมงพื้นบ้านด้วย รวมทั้งกระทรวงได้ตั้งงบประมาณที่จะสนับสนุนการทำกิจกรรมอนุรักษ์ทรัพยากรมาอย่างต่อเนื่อง โดยจุดประสงค์เพื่อจะอุดหนุนไปยังองค์กรชุมชนประมงท้องถิ่นที่ขึ้นทะเบียนไว้กับกรมประมง เพื่อสร้างความเข้มแข็งให้กับกลุ่มการผลิตด้านประมง ซึ่งโครงการต่างๆ องค์กรชุมชน จะได้รับอุดหนุนไม่เกิน 100,000 บาท ซึ่งดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2562 ส่วนปี 2568 จะได้รับจัดสรรงบประมาณมาประมาณ 200 กองทุน ดังนั้นองค์กรชุมชนท้องถิ่นจะสามารถนำงบประมาณตรงนี้ไปใช้ในเรื่องของการเพิ่มผลผลิตให้กับสัตว์น้ำ เรื่องของธนาคารสัตว์น้ำ การพัฒนาอาชีพทางด้านการประมง หรือการเปลี่ยนและซ่อมแซมเครื่องมือประมงได้

“ในส่วนความห่วงใยของเพื่อนสมาชิกในส่วนของกองทุนประกันภัยแก่ประมงพื้นบ้าน เพื่อช่วยเหลือในกรณีอุบัติเหตุหรือในกรณีที่เกิดภัยพิบัติทางธรรมชาติ ต้องยอมรับว่า เงื่อนไขในกรมธรรม์อาจจะยังไม่เป็นที่พอใจสำหรับพี่น้องที่เป็นชาวประมงพื้นบ้านมากนัก เพราะว่ามีอุปสรรคหลายอย่าง เช่น การชดเชยความสูญเสียจากธรรมชาติหรือว่าภัยพิบัติ จะต้องดูในเรื่องของระเบียบทางราชการ ซึ่งต้องเป็นการประกาศภัยพิบัติระดับจังหวัดเท่านั้น ถ้าเป็นภัยพิบัติที่เกิดขึ้นในเฉพาะพื้นที่ผมเชื่อว่าทางจังหวัดก็ไม่สามารถประกาศเป็นภัยพิบัติได้ ทำให้ไม่สามารถรับค่าสินไหมทดแทนได้ แต่ขณะนี้กรมประมงอยู่ระหว่างการเจรจาในเรื่องนี้ เพื่อจะเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขให้สามารถครอบคลุม หรือว่าดูแลเฉพาะเจาะจงมากยิ่งขึ้น“

นายอรรถกร กล่าวต่อด้วยว่า กรมประมงกำลังทำร่างใหม่ เพื่อเสนอไปที่กรมบัญชีกลาง เช่น ชดเชยเวลาเกิดความเสียหาย ก็ชดเชยตามความยาวของเรือ แต่ที่เรากำลังจะนำเสนอเป็นการชดเชยตามปริมาตรความจุของเรือ หรือแม้แต่เรื่องของอัตราการช่วยเหลือในกรณีที่เสียหาย จะจ่ายไม่เกิน 20,000 บาท แต่เราจะเพิ่มขึ้นเป็น 30,000 การช่วยเหลือเยียวยาประมาณ 10,000 แล้วก็ปรับขึ้นเป็น 15,000 บาท หรือแม้แต่ในกรณีที่เรือจมนะที่สามารถจ่ายได้ไม่เกิน 66,000 บาท แต่ร่างใหม่สามารถเพิ่มขึ้นมาเป็นจ่ายได้ไม่เกิน 100,000 บาท

ส่วนการจ่ายเงินเยียวยาให้กับชาวประมงพื้นบ้านในพื้นที่จังหวัดระยองนั้น กรมประมงมีนโยบายในการที่จะดำเนินการช่วยเหลือชาวประมงพื้นบ้านมาตลอด โดยมีกิจกรรมต่างๆที่ช่วยเหลือดำเนินการในพื้นที่ ๆ จะร่วมกันส่งเสริมสนับสนุนแล้วก็พัฒนาให้พี่น้องชาวประมงพื้นบ้านมีคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้น เช่น การปรับปรุงซ่อมแซมธนาคารปูม้า สนับสนุนการจัดหาเครื่องมือประมง สนับสนุนอุปกรณ์ซ่อมเรือ หรือแม้แต่กิจกรรมในการผลิตลูกพันธุ์สัตว์น้ำเพื่อปล่อยในแหล่งน้ำธรรมชาติ เราจะต้องลงไปแก้ไขปัญหาต่าง ๆ ร่วมกับหน่วยงานต่างๆในการหาทางออก ที่ทำให้ทุกฝ่ายพึงพอใจ โดยไม่ผิดกฎหมาย

“ร.อ.ธรรมนัส ให้ความสำคัญและลงไปประชุมกับพี่น้องชาวประมงพาณิชย์ที่ต้องการที่จะขายเรืออยู่เรื่อยๆ ตอนนี้ผมเชื่อว่า อยู่ในกระบวนการในการที่จะหาข้อสรุปที่ทุกฝ่ายพึงพอใจ ก็คงจะใช้เวลาสักนิดนึง แต่ผมเรียนด้วยความเคารพว่า พวกผมก็ต้องต่อสู้ในฐานะเป็นนักการเมือง ร.อ.ธรรมนัส ก็เป็นนักการเมือง เราก็ต่อสู้เพื่อที่ประชาชนจะได้รับสิ่งที่เขาสามารถได้รับกลับมาให้เหมาะสม ท่านไม่ต้องกังวลใจ เราในฐานะกระทรวงเกษตรฯ เราจะทำตรงนี้เพื่อให้เกิดความยุติธรรมและรอบคอบที่สุด” นายอรรถกร กล่าว

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 4 กรกฎาคม 2567

”อัครแสนคีรี“ ยื่นขอ สธ. เร่งจัดงบ ขยายรพ.คอนสวรรค์ 60 เตียง พร้อม รพ. อื่นทั่วจังหวัด หลังรองรับคนชัยภูมิไม่เพียงพอ

,

”อัครแสนคีรี“ ยื่นขอ สธ. เร่งจัดงบ ขยายรพ.คอนสวรรค์ 60 เตียง พร้อม รพ. อื่นทั่วจังหวัด หลังรองรับคนชัยภูมิไม่เพียงพอ

นายอัครแสนคีรี โล่ห์วีระ สส.ชัยภูมิ เขต 7 พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) ตั้งกระทู้ถามนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรถึงแผนการก่อสร้างหรือขยายโรงพยาบาลคอนสวรรค์ ก่อนอื่นตนต้องขอขอบพระคุณ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นอย่างสูงที่ได้กรุณาเสียสละเวลามีค่าของท่านมาตอบกระทู้ของตนในวันนี้

นายอัครแสนคีรี กล่าวต่อว่า ปัจจุบันโรงพยาบาลคอนสวรรค์ ซึ่งเป็นโรงพยาบาลประจำอำเภอคอนสวรรค์ จังหวัดชัยภูมิ ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 2529 เปิดให้บริการมา 38 ปีแล้ว มีพื้นที่การให้บริการครอบคลุม 9 ตำบล 103 หมู่บ้าน ดูแลประชากรราว 54,654 รายและปัจจุบันมีเตียงรักษาผู้ป่วยอยู่เพียงแค่ 30 เตียง ที่ผ่านมา ตนได้ลงพื้นที่ไปสำรวจโรงพยาบาลพบว่า มีความแออัดค่อนข้างสูง ในส่วนของห้องฉุกเฉินผู้ป่วยก็ออกมานอนอยู่นอกห้อง จึงจำเป็นที่จะต้องได้รับการแก้ไขโดยด่วน

“ที่ผ่านมา รพ.คอนสวรรค์ ได้พยายามที่จะแก้ไขปัญหาในเรื่องของความแออัดของโรงพยาบาลมาตั้งแต่ ปี 64 งบประมาณ 44 ล้าน เพื่อที่จะก่อสร้างตึกผู้ป่วยจำนวน 60 เตียงตึกใหม่ขึ้นมา แต่ว่ายังไม่ได้รับงบประมาณและผมก็ยังทราบว่าในปี 68 ทางโรงพยาบาลคอนสวรรค์ก็ยังไม่ได้รับงบประมาณในการก่อสร้างโรงพยาบาลประเภท 60 เตียง ผมจึงมีคำถามถึงรัฐมนตรีสมศักดิ์ว่า กระทรวงสาธารณสุขมีแผนที่จะจัดสรรงบประมาณเพื่อก่อสร้างโรงพยาบาลนครสวรรค์เป็น 60 เตียงหรือไม่ และท่านคาดว่าจะสามารถจัดสรรงบประมาณได้ในปีงบประมาณใด“นายอัครแสนคีรี กล่าว

นายอัครแสนคีรี กล่าวต่อว่า ตนได้รับข้อมูลจากทางนายเชิงชาย ชาลีรินทร์ สส.ชัยภูมิ พรรคเพื่อไทย ซึ่งเป็นข้อมูลที่เตรียมโดยสาธารณสุขจังหวัดชัยภูมิ ว่าจังหวัดชัยภูมิมีความต้องการที่จะขอ 5 โครงการดังนี้คือ 1.อาคารไตเทียม,เคมีบำบัด,ผู้ป่วยวิกฤตและผู้ป่วยใน 7 ชั้น ของโรงพยาบาลจัตุรัส 2.อาคารพักเจ้าหน้าที่ 7 ชั้นโรงพยาบาลจัตุรัส 3.อาคารอุบัติเหตุ ผู้ป่วยหนักไตเทียมและผ่าตัดโรงพยาบาลหนองบัวแดง 4.อาคารของโรงพยาบาลคอนสวรรค์ประเภท 60 เตียง และ 5.อาคารส่งเสริมสุขภาพและกายภาพบำบัดโรงพยาบาลหนองบัวระเหว รวมแล้วค่าก่อสร้างใช้เงินประมาณ 469 ล้านบาท

“ผมอยากจะฝากท่านสมศักดิ์ ให้ช่วยพิจารณาจัดสรรวงเงินดังกล่าว เพื่อยกระดับความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชนชาวจังหวัดชัยภูมิให้ดียิ่งขึ้น เพราะว่าเรื่องสุขภาพเป็นเรื่องที่สำคัญมาก”นายอัครแสนคีรี กล่าวทิ้งท้าย

ด้านนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ตอบกระทู้ว่า ตนเห็นด้วยกับข้อมูลที่ สส.อัครแสนคีรีนำมาอภิปราย เนื่องจากโรงพยาบาลคอนสวรรค์เป็น รพ.ชุมชนขนาดกลาง 30 เตียง แต่มีผู้ป่วยใช้บริการถึง 45 เตียง และมีผู้ป่วยสุดท้ายที่ต้องการดูแลแบบประคับประคอง จึงมีความจำเป็นที่จะต้องพัฒนาให้เป็น 60 เตียงตามที่ได้ท่านได้ร้องขอไว้ ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขได้ทำเรื่อง ขอวงเงิน 44 ล้านบาทไปแล้ว แต่ว่าก็น่าเสียดายที่ถูกตัดทอนออกไป

“เรามีความเห็นใจ และก็ไม่ได้รีรอ จึงขอแปรญัตติในที่ประชุม โดยจะเสนอในช่วงของกลางเดือนนี้ โดยจะแบ่งเป็นงบลงทุน ปี 68 ประมาณ 8,800,000 บาท และงบผูกพันปี 69 อีก 35,400,000 บาท แต่อย่างไรก็ตาม ในเรื่องของการแปรญัตติก็ไม่ได้ง่าย ๆ ผมก็เข้าใจความเป็นห่วงพี่น้องประชาชนของท่านสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจากชัยภูมิทุกท่าน ซึ่งถ้าสามารถทำในระบบของการจัดสรรงบประมาณทางตรงได้ก็จะจัดสรรให้ แต่อย่างไรก็ตาม ผมก็มีแนวทางในเรื่องของการดำเนินการอาจจะเป็นรูปแบบอื่นที่หน่วยงานของรัฐ หรือกึ่งของรัฐที่มีทุนรอนในการดำเนินการจะเชิญชวนให้เอกชนมาร่วมลงทุน ในส่วนที่ไม่ขัดกับกฎระเบียบของทาง ตรงนี้ก็คิดอยู่ ซึ่งขณะนี้ได้ให้ผู้บริหารกระทรวงไปศึกษาการดำเนินการอยู่“นายสมศักดิ์ กล่าว

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 4 กรกฎาคม 2567

“สส.กาญจนา”วอน หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ผ่อนปรนให้ผู้สูงอายุ-ผู้พิการ หลังระเบียบใหม่ต้องสแกนหน้าทุกครั้งที่ใช้

,

“สส.กาญจนา”วอน หน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ผ่อนปรนให้ผู้สูงอายุ-ผู้พิการ หลังระเบียบใหม่ต้องสแกนหน้าทุกครั้งที่ใช้

น.ส.กาญจนา จังหวะ สส.ชัยภูมิ เขต 4 พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.)กล่าวหารือในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรถึงปัญหาความเดือดร้อนในการใช้ถนนของพ่อแม่พี่น้องประชาชน อำเภอหนองบัวแดง ถนนสายบ้านหนองไฮพัฒนา หมู่ที่ 8 ตำบลหนองบัวแดง อำเภอหนองบัวแดง ซึ่งเป็นเส้นทาง บ้านนาทุ่งใหญ่ ตำบลกุดชุมแสง อำเภอหนองบัวแดง ซึ่งถนนสายดังกล่าวเป็นเส้นทางที่ชาวตำบลกุดชุมแสงต้องใช้เดินทาง ทำธุรกรรมต่างๆ ที่มายังอำเภอ และส่งบุตรหลานมาโรงเรียนในตัวเมือง

“ดิฉันจึงกราบเรียนท่านประธานไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไม่ว่าจะเป็นองค์การบริหารส่วนจังหวัดชัยภูมิ คณะผู้บริหาร และทางหลวงชนบท ให้มีการผลักดันงบประมาณซ่อมแซมผิวจราจรตรงนี้ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของพ่อแม่พี่น้องที่ต้องเดินทางมาในตัวเมือง”น.ส.กาญจนา กล่าว

น.ส.กาญจนา ยังกล่าวถึงความเดือดร้อนในกลุ่มผู้สูงอายุในการใช้บัตรประชารัฐ แบบระบบใหม่ ซึ่งมีข้อแตกต่างจากระบบเก่าอย่างสิ้นเชิง โดยผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐจะต้องใช้แสดงตนและสแกนใบหน้าทุก ๆ ครั้งในการใช้สิทธิ์เพื่อรับสินค้าตามวงเงินที่ได้รับ อนุมัติในรอบเดือน แต่ระบบเก่าผู้ถือบัตรสวัสดิการ แห่งรัฐสามารถที่จะอนุมัติให้ลูกหลานนำบัตรไปใช้แทนได้ เพียงแค่เสียบบัตรและบอกรหัสของบัตร ก็สามารถ รับสินค้าตามวงเงินได้

“ระบบใหม่เช่นนี้ ทำให้ผู้ถือบัตรที่เป็นผู้สูงอายุ และผู้พิการ ไม่สามารถที่จะเดินทางมาสแกนใบหน้าในทุกๆครั้งตามระเบียบใหม่ได้ จึงเป็นภาระกับการเดินทาง ซึ่งกลุ่มผู้สูงอายุและผู้พิการไม่สามารถหาเลี้ยงชีพได้ ดิฉันจึงขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ผ่อนปรน ช่วยเหลือผู้สูงอายุและผู้พิการกลุ่มนี้” น.ส.กาญจนา กล่าว

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 4 กรกฎาคม 2567

“สส.วรโชติ” ขอ กระทรวงศึกษาฯเร่งจัดสรรงบ แก้ปัญหาน้ำท่วมโรงเรียนอนุบาลวังโป่ง ชี้ ผ่านมาอีกปีก็ยังไม่ได้รับ พร้อมขอบคุณ กระทรวงเกษตรฯที่ดูแลแหล่งน้ำ และฝนหลวงให้ชาวเพชรบูรณ์

,

“สส.วรโชติ” ขอ กระทรวงศึกษาฯเร่งจัดสรรงบ แก้ปัญหาน้ำท่วมโรงเรียนอนุบาลวังโป่ง ชี้ ผ่านมาอีกปีก็ยังไม่ได้รับ พร้อมขอบคุณ กระทรวงเกษตรฯที่ดูแลแหล่งน้ำ และฝนหลวงให้ชาวเพชรบูรณ์

นายวรโชติ สุคนธ์ขจร สส.เพชรบูรณ์ เขต 4 พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.)กล่าวหารือในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรว่า ตนต้องขอขอบพระคุณรัฐบาล ท่านนายกเศรษฐา ทวีสิน พร้อมทั้งคณะรัฐมนตรีทุกท่าน โดยเฉพาะกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ โดย ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และรัฐมนตรีช่วยนายอรรถกร ศิริลัทธยากร ที่ได้ดูแลเรื่องแหล่งน้ำ และฝนหลวง ซึ่งที่ผ่านมามีภาวะแล้งในจังหวัดเพชรบูรณ์ สส.เพชรบูรณ์ทุกท่านก็ได้ขอความอนุเคราะห์จากท่านรัฐมนตรีทั้ง 2 ท่าน ก็ได้รับการดูแลเป็นอย่างดี รวมถึงกระทรวงคมนาคม โดยท่านรัฐมนตรีสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจและรัฐมนตรีมนพร เจริญศรี ที่มา
ดูแลในเรื่องถนนหนทาง ไฟฟ้าแสงสว่าง ในเขตจังหวัดเพชรบูรณ์

นายวรโชติ กล่าวต่อว่า ตนอยากฝากไปยังกระทรวงศึกษาธิการ เนื่องจากในเขตพื้นที่ของตน มีโรงเรียนอนุบาลวังโป่ง ในพื้นที่อำเภอวังโป่ง เป็นอนุบาลประจำอำเภอวังโป่ง ซึ่งถูกน้ำท่วมทุกปี แล้วเราก็ของบประมาณมาทุกปี เข้าหลักเกณฑ์ทุกอย่าง เมื่อครั้งก่อนได้มีการพูดคุยกับตัวแทนของทางกระทรวงศึกษาฯ ซึ่งบอกว่า จะทำให้ แต่ปีนี้ก็ไม่มีอีก

“ผมไม่ทราบว่า เกิดปัญหาอะไร เพราะว่าเด็กลำบาก เยาวชนของชาติลำบาก จึงขอถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดูแลปัญหาความเดือดร้อนของโรงเรียนอนุบาลวังโป่ง จังหวัดเพชรบูรณ์ อำเภอวังโป่ง ให้ช่วยเร่งรัดจัดการด้วย” นายวรโชติ กล่าว

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 4 กรกฎาคม 2567

“สส.ภาคภูมิ”ฝาก กระทรวงดีอี ปรับปรุง แก้ไขเน็ตประชารัฐพื้นที่ชายขอบ แนะกระจายอำนาจให้ท้องถิ่นดูแลเพิ่มช่องทางสร้างประโยชน์ให้ปชช.

“สส.ภาคภูมิ”ฝาก กระทรวงดีอี ปรับปรุง แก้ไขเน็ตประชารัฐพื้นที่ชายขอบ แนะกระจายอำนาจให้ท้องถิ่นดูแลเพิ่มช่องทางสร้างประโยชน์ให้ปชช.

นายภาคภูมิ บูลย์ประมุข สส.จังหวัดตาก เขต 3 พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.)กล่าวหารือในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรถึงกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม หรือ ดีอี ในเรื่องของโครงการเน็ตประชารัฐ ซึ่งโครงการเน็ตประชารัฐ ได้ทำมาแล้วหลายปี ใช้ได้บ้างใช้ไม่ได้บ้าง แล้วแต่สถานที่ ที่สำคัญตลอดระยะเวลาที่ติดตั้งมาไม่มีการดูแลรักษา จากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โครงการนี้มีประโยชน์เป็นอย่างมาก โดยเฉพาะในพื้นที่ๆอยู่ชายขอบ พื้นที่บนภูเขา ไม่มีไฟฟ้าใช้ ไม่มีสาธารณูปโภคใช้ ไม่มีสัญญาณโทรศัพท์ คนที่ใช้คือ ชาวบ้าน และที่สำคัญคือพวกเด็กนักเรียนที่ใช้ในการเรียนการสอน ในสถานศึกษาต่างๆบนดอย

นายภาคภูมิ กล่าวต่อว่า ตนจึงขอเสนอไปยังกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมว่า ในพื้นที่ปกติ ที่โครงการเน็ตพลังประชารัฐได้ไปติดตั้งแล้ว ตอนนี้ หลายๆแห่งมี ไฟฟ้าใช้ มีสัญญาณโทรศัพท์แล้ว ก็อยากจะให้โยกย้ายส่วนนี้ไปติดตั้งในพื้นที่อื่นที่ยังไม่มี โดยเฉพาะในพื้นที่อำเภอท่าสองยาง อำเภอแม่ระมาด อำเภออุ้มผาง ซึ่งอยู่ในป่าเขา ย้ายอินเตอร์เน็ตเข้าไป เอาโครงการนี้เข้าไป พื้นที่ๆอยู่ชายขอบที่ยังไม่หมดสัญญา ก็อยากจะให้ทางหน่วยงานต่างๆ เร่งเข้าไปปรับปรุง แก้ไข ให้มีสัญญาณ ส่วนไหนที่โซลาร์เซลล์ไม่ดี ก็ต้องไปปรับโซล่าเซลล์ ส่วนไหนอุปกรณ์เสียหาย ก็ทำให้มันดีขึ้น

“พื้นที่ ๆ อยู่ในชนบท โดยเฉพาะที่อยู่ในองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น อยากให้ทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องถ่ายโอน ให้ท้องถิ่น ไม่ว่าจะเป็น อบต. เทศบาล เพราะหน่วยงานเหล่านี้อยู่ในพื้นที่ และสามารถมีงบประมาณ มีบุคลากร และเข้าใจในบริบทของพื้นที่ ผมขอให้ทางกระทรวงดิจิทัลฯกำชับไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น กสทช.ทีโอที เร่งแก้ไขให้พี่น้องประชาชนเป็นการด่วน”

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 4 กรกฎาคม 2567

“สันติ”รมช.สธ.คิกออฟวันอนามัยสิ่งแวดล้อมไทย ปี 67 สร้างมาตรฐานร้านอาหารปลอดภัยร่วมพัฒนาสังคมคาร์บอนต่ำ

“สันติ”รมช.สธ.คิกออฟวันอนามัยสิ่งแวดล้อมไทย ปี 67 สร้างมาตรฐานร้านอาหารปลอดภัยร่วมพัฒนาสังคมคาร์บอนต่ำ

เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม 2567 นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข เป็นประธานเปิดงานวันอนามัยสิ่งแวดล้อมไทย ปี 2567 “1 ทศวรรษ วันอนามัยสิ่งแวดล้อมไทย เพื่อคนไทยสุขภาพดี” (1 Decade of Environmental Health Day : Healthy Environment for Healthier Living) เพื่อเทิดพระเกียรติศาสตราจารย์ ดร.สมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ
เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี
กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี ที่ทรงพระราชทานพระอนุญาต ให้วันคล้ายวันประสูติ วันที่ 4กรกฎาคม ของทุกปี เป็น “วันอนามัยสิ่งแวดล้อมไทย” ซึ่งกรมอนามัย ดำเนินการจัดงานต่อเนื่อง ตั้งแต่ปี 2558 เพื่อสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณที่พระองค์ทรงเป็นแบบอย่างในการขับเคลื่อนงานอนามัยสิ่งแวดล้อม นำไปสู่การปกป้องคุ้มครองสิทธิทางสุขภาพของประชาชน และแก้ไขปัญหาด้านอนามัยสิ่งแวดล้อม โดยมีคณะผู้บริหารเข้าร่วม บริเวณโถงอาคาร 1 กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข

นายสันติ กล่าวต่อว่า กรมอนามัยได้ยกระดับและพัฒนางานสุขาภิบาลอาหาร ผ่านสัญลักษณ์ อาหารสะอาด ปลอดภัย ได้มาตรฐาน ป้ายSAN และ SAN Plus เพื่อให้พี่น้องประชาชนได้รับทราบ นอกจากนี้ได้รณรงค์ผู้ประกอบการในธุรกิจอาหารทั่วประเทศ นำน้ำมันปรุงอาหารที่ใช้แล้วไม่เกิน 2 ครั้ง และนำน้ำมันปรุงอาหารที่ใช้แล้วมาขายให้บริษัทในกลุ่มบริษัทบางจาก เพื่อนำไปผลิตเป็นน้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยานยั่งยืน (SAF) ซึ่งขณะนี้โรงกลั่นอยู่ระหว่างการก่อสร้าง คาดว่าจะแล้วเสร็จปลายปี 2568 ขณะที่เศษอาหารต่างๆ ทางกรมอนามัยได้นำไปวิจัยเพื่อผลิตเป็นปุ๋ยชีวภาพให้พืช ซึ่งจะช่วยดูแลสุขภาพของผู้บริโภค ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ ดูแลสิ่งแวดล้อมของประเทศได้อย่างยั่งยืน

สำหรับกิจกรรมสำคัญประกอบด้วย พิธีถวายพระพรศาสตราจารย์ ดร. สมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ
เจ้าฟ้าจุฬาภรณ์วลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี
กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี การประกาศรางวัลสำหรับบุคคลและองค์กรดีเด่น ด้านอนามัยสิ่งแวดล้อม การปาฐกถาพิเศษ ในหัวข้อ “บ้านก้อแชนด์บ๊อก ฝ่าฝุ่น PM/2.5 อย่างยั่งยืน” การเสวนาวิชาการในหัวข้อ “ลดและปรับ รับมือกับ Climate Change” และกิจกรรมรณรงค์ ให้ความรู้เกี่ยวกับอนามัยสิ่งแวดล้อมการจัดการขยะ การทำความสะอาดพื้นที่สาธารณะ การเพิ่มพื้นที่สีเขียว โดยประชาสัมพันธ์ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องตระหนักถึงความสำคัญในการขับเคลื่อนงานด้านอนามัยสิ่งแลดล้อมควบคู่กับการนำองค์ความรู้ด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ทันสมัยมาใช้ เพื่อการยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 4 กรกฎาคม 2567