ชาวสวนเฮ ลั่น ราคาปาล์มบวกแรง เด้งรับ “ธรรมนัส” ลงพื้นที่สุราษฎร์ โรงสกัดภาคใต้พร้อมใจยกราคาทุกจังหวัด 10 สตางค์- 70 สตางค์ต่อกิโลกรัม ครั้งแรกในรอบ 15 วัน
จากสถานการณ์ราคาปาล์มน้ำมันตกต่ำ มีผลให้ ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้เดินทางลงพื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานีแหล่งปลูกยางแหล่งใหญ่ของประเทศ เพื่อรับฟังปัญหาจากเกษตรกร และเพื่อขับเคลื่อนนโยบายในการร่วมกันแก้ปัญหาต่อไป จากการลงพื้นที่ในครั้งนี้ มีกระแสตอบรับที่ดี ราคาผลปาล์มน้ำมันในพื้นที่ปลูกทางภาคใต้แทบทุกจังหวัดปรับขึ้นยกแผง
ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวภายหลังลงพื้นที่เพื่อรับฟังปัญหาและหาแนวทางแก้ไขราคาปาล์มน้ำมันตกต่ำ ณ ศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร (ศพก.) อำเภอเมืองสุราษฎร์ธานี จังหวัดสุราษฎร์ธานี โดยมีผู้บริหารกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง นายกสมาคมชาวสวนปาล์มน้ำมัน จ.สุราษฎร์ธานี ผู้แทนเกษตรกรชาวสวนปาล์ม 14 จังหวัดภาคใต้ เข้าร่วมว่า
ขณะนี้เกษตรกรชาวสวนปาล์ม ประสบปัญหาความเดือดร้อนราคาปาล์มตกต่ำ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งกระทรวงเกษตรและสหกรณ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงอุตสาหกรรม และกระทรวงพลังงาน ทำงานร่วมกันในการเร่งหามาตรการแก้ไข ซึ่งจากการประชุมคณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจ(ครม.เศรษฐกิจ)เมื่อวันที่ 27 พ.ค.67 ที่มีนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ที่ประชุมได้กำหนด 6 แนวทางการแก้ไขปัญหาราคาปาล์มน้ำมันตกต่ำเพื่อช่วยเหลือชาวสวนปาล์มน้ำมันแล้ว
การลงพื้นที่ในครั้งนี้เพื่อต้องการรับฟังปัญหาและรับข้อเสนอแนะแนวทางแก้ไขจากชาวสวนปาล์มอย่างแท้จริง ซึ่งตนได้สั่งการให้ตั้งคณะกรรมการรักษาเสถียรภาพราคาปาล์มน้ำมัน ประกอบด้วย ตัวแทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งภาครัฐ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงพลังงาน ภาคเอกชน ภาคประชาชน ผู้แทนเกษตรกร ผู้ประกอบการ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ฝ่ายความมั่นคง เข้ามาร่วมด้วย และจะหารือกับนายกรัฐมนตรี ในการทำหนังสือถึงผู้ว่าราชการจังหวัด แต่งตั้งคณะกรรมการระดับจังหวัด ให้มีการขึ้นทะเบียนลานเท โรงสกัดน้ำมันไบโอดีเซล โรงสกัดน้ำมันปาล์มดิบ
ตลอดจนให้มีหน่วยงานตรวจวัดคุณภาพปาล์ม เปอร์เซ็นต์การสกัด (OER : Oil Extraction Rate) เพื่อให้ความเป็นธรรมกับทั้งเกษตรกร และผู้ประกอบการ ต้องมีความชัดเจน น่าเชื่อถือ เป็นมาตรฐานเดียวกัน โดยจะต้องแก้ปัญหาโครงการสร้างราคาปาล์มน้ำมันนี้ให้เกิดเป็นรูปธรรมทั้งระบบ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาซ้ำทุกปี นอกจากนี้ จะใช้กลไกของสหกรณ์เข้ามาช่วยเหลือ เช่น ชะลอการขายปาล์มน้ำมันโดยเก็บสต๊อก หรือใช้โรงสกัดน้ำมันปาล์มของสหกรณ์เข้ามาช่วย เป็นต้น
แหล่งข่าวจากชาวสวนปาล์ม เผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า สถานการณ์ราคาปาล์มที่ปรับขึ้น ไม่แน่ใจว่าเกิดจากอะไร บางโรงงาน บางลานเทก็ยังปิดอยู่ ซึ่งการยกราคาพร้อมใจวันนี้ของโรงสกัด โรงกลั่นน้ำมันปาล์ม อาจจะไม่ใช่กลไกธรรมชาติ อาจจะมีแรงส่งเพื่อเอาใจนักการเมืองเวลามาลงพื้นที่ อย่างไรก็ดีอยากให้ตรวจสอบข้อมูลอย่างจริงจังถึงการปรับตัวลดลงของราคาปาล์มในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมาตั้งแต่ราคา 6.40 บาท/กิโลกรัม เวลานี้เหลือระดับราคา 3 บาท ใครจะรับผิดชอบ
“ราคาปาล์มทะลายสดของพี่น้องเกษตรกรต้องสอดคล้องสมดุลกับราคาน้ำมันปาล์มที่บรรจุขวดขาย ไม่ใช่มาถูกกดราคา เพื่อให้ต้นทุนต่ำ แล้วนายทุนรวยเอา ๆ แต่ชาวสวนจนลง ๆ ไม่ถูกต้อง และจากราคาที่ประกาศจากสำนักงานพาณิชย์จังหวัดก็ไม่แน่ใจว่าลานปาล์ม และโรงสกัดน้ำมันปาล์มจะรับซื้อตามราคาประกาศหรือไม่ และที่สำคัญอาจจะขึ้นวันเดียว เนื่องจากยังมีลานเท โรงงานปิดกันอยู่ ”
สำหรับราคาผลปาล์ม ณ วันที่ 29 พฤษภาคม 2567 ขยับอยู่ในแดนบวก 10 สตางค์- 70 สตางค์ ครั้งแรกในรอบ 15 วัน
จังหวัดสุราษฎร์ธานี
จังหวัดตรัง
จังหวัดกระบี่
นครศรีธรรมราช
ที่มา: https://www.thansettakij.com/business/trade-agriculture/597321
วันที่: 30 พฤษภาคม 2567