โลกเปลี่ยน ไทยต้องปรับ ทางเลือกใหม่ของการเมืองไทย ก้าวข้ามความขัดแย้ง สานพลังประชาราษฎร์ ร่วมสร้างชาติให้ยั่งยืน

เดือน: พฤษภาคม 2024

ไพบูลย์ ยันจุดยืน พปชร. ปกป้องสถาบัน บิ๊กป้อม ไม่เอาคดี 112 มารวมนิรโทษ

ไพบูลย์ ยันจุดยืน พปชร. ปกป้องสถาบัน บิ๊กป้อม ไม่เอาคดี 112 มารวมนิรโทษ

เมื่อวันที่ 31 พฤษภาคม นายไพบูลย์ นิติตะวัน รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) และรองประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญ พิจารณาศึกษาแนวทางการตรา พ.ร.บ.นิรโทษกรรม สภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงจุดยืนของพรรค พปชร.ในการพิจารณาแนวทางการตรา พ.ร.บ.นิรโทษกรรม จะรวมมาตรา 112 ด้วยหรือไม่ ว่า จุดยืนของพรรค พปชร.ภายใต้การนำของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรค คือไม่เห็นด้วยที่จะแก้ไขมาตรา 112 และไม่สนับสนุนให้มีการนำมาตรา 112 มาอยู่ในการนิรโทษกรรม เพราะหลักการที่สำคัญที่สุดของพรรคและ พล.อ.ประวิตร คือ การปกป้องสถาบัน เป็นสิ่งสำคัญที่สุด

ที่มา: https://liff.line.me/1454988218-NjbXbq18/v2/article/kEMLlYJ?utm_source=lineshare
วันที่: 31 พฤษภาคม 2567

ราคาปาล์มน้ำมันโงหัว เด้งรับ “ธรรมนัส” ลงพื้นที่ สุราษฎร์ฯ

,

ชาวสวนเฮ ลั่น ราคาปาล์มบวกแรง เด้งรับ “ธรรมนัส” ลงพื้นที่สุราษฎร์ โรงสกัดภาคใต้พร้อมใจยกราคาทุกจังหวัด 10 สตางค์- 70 สตางค์ต่อกิโลกรัม ครั้งแรกในรอบ 15 วัน

จากสถานการณ์ราคาปาล์มน้ำมันตกต่ำ มีผลให้ ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้เดินทางลงพื้นที่จังหวัดสุราษฎร์ธานีแหล่งปลูกยางแหล่งใหญ่ของประเทศ เพื่อรับฟังปัญหาจากเกษตรกร และเพื่อขับเคลื่อนนโยบายในการร่วมกันแก้ปัญหาต่อไป จากการลงพื้นที่ในครั้งนี้ มีกระแสตอบรับที่ดี ราคาผลปาล์มน้ำมันในพื้นที่ปลูกทางภาคใต้แทบทุกจังหวัดปรับขึ้นยกแผง

ร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าวภายหลังลงพื้นที่เพื่อรับฟังปัญหาและหาแนวทางแก้ไขราคาปาล์มน้ำมันตกต่ำ ณ ศูนย์เรียนรู้การเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตสินค้าเกษตร (ศพก.) อำเภอเมืองสุราษฎร์ธานี จังหวัดสุราษฎร์ธานี โดยมีผู้บริหารกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ผู้แทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง นายกสมาคมชาวสวนปาล์มน้ำมัน จ.สุราษฎร์ธานี ผู้แทนเกษตรกรชาวสวนปาล์ม 14 จังหวัดภาคใต้ เข้าร่วมว่า

ขณะนี้เกษตรกรชาวสวนปาล์ม ประสบปัญหาความเดือดร้อนราคาปาล์มตกต่ำ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งกระทรวงเกษตรและสหกรณ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงอุตสาหกรรม และกระทรวงพลังงาน ทำงานร่วมกันในการเร่งหามาตรการแก้ไข ซึ่งจากการประชุมคณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจ(ครม.เศรษฐกิจ)เมื่อวันที่ 27 พ.ค.67 ที่มีนายกรัฐมนตรี เป็นประธาน ที่ประชุมได้กำหนด 6 แนวทางการแก้ไขปัญหาราคาปาล์มน้ำมันตกต่ำเพื่อช่วยเหลือชาวสวนปาล์มน้ำมันแล้ว

การลงพื้นที่ในครั้งนี้เพื่อต้องการรับฟังปัญหาและรับข้อเสนอแนะแนวทางแก้ไขจากชาวสวนปาล์มอย่างแท้จริง ซึ่งตนได้สั่งการให้ตั้งคณะกรรมการรักษาเสถียรภาพราคาปาล์มน้ำมัน ประกอบด้วย ตัวแทนจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งภาครัฐ กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงอุตสาหกรรม กระทรวงพลังงาน ภาคเอกชน ภาคประชาชน ผู้แทนเกษตรกร ผู้ประกอบการ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ฝ่ายความมั่นคง เข้ามาร่วมด้วย และจะหารือกับนายกรัฐมนตรี ในการทำหนังสือถึงผู้ว่าราชการจังหวัด แต่งตั้งคณะกรรมการระดับจังหวัด ให้มีการขึ้นทะเบียนลานเท โรงสกัดน้ำมันไบโอดีเซล โรงสกัดน้ำมันปาล์มดิบ

ตลอดจนให้มีหน่วยงานตรวจวัดคุณภาพปาล์ม เปอร์เซ็นต์การสกัด (OER : Oil Extraction Rate) เพื่อให้ความเป็นธรรมกับทั้งเกษตรกร และผู้ประกอบการ ต้องมีความชัดเจน น่าเชื่อถือ เป็นมาตรฐานเดียวกัน โดยจะต้องแก้ปัญหาโครงการสร้างราคาปาล์มน้ำมันนี้ให้เกิดเป็นรูปธรรมทั้งระบบ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาซ้ำทุกปี นอกจากนี้ จะใช้กลไกของสหกรณ์เข้ามาช่วยเหลือ เช่น ชะลอการขายปาล์มน้ำมันโดยเก็บสต๊อก หรือใช้โรงสกัดน้ำมันปาล์มของสหกรณ์เข้ามาช่วย เป็นต้น

แหล่งข่าวจากชาวสวนปาล์ม เผยกับ “ฐานเศรษฐกิจ” ว่า สถานการณ์ราคาปาล์มที่ปรับขึ้น ไม่แน่ใจว่าเกิดจากอะไร บางโรงงาน บางลานเทก็ยังปิดอยู่ ซึ่งการยกราคาพร้อมใจวันนี้ของโรงสกัด โรงกลั่นน้ำมันปาล์ม อาจจะไม่ใช่กลไกธรรมชาติ อาจจะมีแรงส่งเพื่อเอาใจนักการเมืองเวลามาลงพื้นที่ อย่างไรก็ดีอยากให้ตรวจสอบข้อมูลอย่างจริงจังถึงการปรับตัวลดลงของราคาปาล์มในช่วง 2 เดือนที่ผ่านมาตั้งแต่ราคา 6.40 บาท/กิโลกรัม เวลานี้เหลือระดับราคา 3 บาท ใครจะรับผิดชอบ

“ราคาปาล์มทะลายสดของพี่น้องเกษตรกรต้องสอดคล้องสมดุลกับราคาน้ำมันปาล์มที่บรรจุขวดขาย ไม่ใช่มาถูกกดราคา เพื่อให้ต้นทุนต่ำ แล้วนายทุนรวยเอา ๆ แต่ชาวสวนจนลง ๆ ไม่ถูกต้อง และจากราคาที่ประกาศจากสำนักงานพาณิชย์จังหวัดก็ไม่แน่ใจว่าลานปาล์ม และโรงสกัดน้ำมันปาล์มจะรับซื้อตามราคาประกาศหรือไม่ และที่สำคัญอาจจะขึ้นวันเดียว เนื่องจากยังมีลานเท โรงงานปิดกันอยู่ ”

สำหรับราคาผลปาล์ม ณ วันที่ 29 พฤษภาคม 2567 ขยับอยู่ในแดนบวก 10 สตางค์- 70 สตางค์ ครั้งแรกในรอบ 15 วัน

จังหวัดสุราษฎร์ธานี

จังหวัดตรัง

จังหวัดกระบี่

นครศรีธรรมราช

ที่มา: https://www.thansettakij.com/business/trade-agriculture/597321
วันที่: 30 พฤษภาคม 2567

“พัชรวาท” ปลื้มค่าฝุ่น PM 2.5 ลดลง เมื่อเทียบปี 2566 ลุยต่อทันที สั่งถอดบทเรียนเร่งจัดทำแผนแก้มลพิษฉบับ 2 ก่อนชง นายกฯ – ครม. พิจารณาต่อไป

,

“พัชรวาท” ปลื้มค่าฝุ่น PM 2.5 ลดลง เมื่อเทียบปี 2566 ลุยต่อทันที สั่งถอดบทเรียนเร่งจัดทำแผนแก้มลพิษฉบับ 2 ก่อนชง นายกฯ – ครม. พิจารณาต่อไป

เมื่อวันที่ 29 พ.ค. 67 พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการจัดการมลพิษทางอากาศเพื่อความยั่งยืน โดยมี นายกิตติรัตน์ ณ ระนอง ประธานที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี ในฐานะรองประธานคนที่ 1 นายบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ กรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี ตัวแทนรองประธานคนที่ 2 นายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะกรรมการ พร้อมด้วยหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง

โดย พล.ต.อ.พัชรวาท กล่าวว่า ที่ประชุมได้รับทราบผลการดำเนินงาน ภายใต้มาตรการแก้ไขปัญหาฝุ่นพิษ PM 2.5 ปี 2567 ว่า สถานการณ์โดยรวมดีขึ้นตามเป้าหมาย จากการทำงานหนัก ทั้งค่าเฉลี่ยฝุ่น PM 2.5 ที่ลดลง จำนวนวันฝุ่นเกินค่ามาตรฐานลดลง และจำนวนจุดความร้อนลดลง เมื่อเทียบกับปี 2566 ทั้งนี้ หลังจากกรมอุตุนิยมวิทยา ประกาศเข้าฤดูฝน ตั้งแต่วันที่ 20 พ.ค. ที่ผ่านมา สถานการณ์ฝุ่น PM 2.5 และจุดความร้อนคลี่คลาย PM 2.5 ทั่วประเทศอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานทุกภาค แต่หมอกควันภาคใต้จะเข้าสู่ช่วงเฝ้าระวังตั้งแต่ ก.ค.-ก.ย.สาเหตุจากป่าพรุ และหมอกควันข้ามแดน พบจำนวนจุดความร้อนเพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะในพื้นที่เกษตร ดังนั้น ขอให้กรมอุทยานแห่งชาติฯ กรมป่าไม้ เฝ้าระวังการเกิดไฟในป่าพรุ และให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงมหาดไทย ตรวจสอบจุดความร้อนที่สูงขึ้นในพื้นที่เกษตร และกำชับหน่วยงานในสังกัดและผู้ว่าฯ ควบคุมอย่างเข้มงวด

พล.ต.อ.พัชรวาท กล่าวว่า นอกจากนี้ ที่ประชุมยังได้เห็นชอบแนวทางการจัดทำแผนขับเคลื่อนวาระแห่งชาติ “การแก้ไขปัญหามลพิษด้านฝุ่นละออง” ฉบับที่ 2 และแผนเฉพาะกิจประจำปี 2568 โดยได้มอบหมายให้ศูนย์ปฏิบัติการระดับจังหวัดฯ ถอดบทเรียนการแก้ไขปัญหา และส่งรายงานผลส่งให้กรมควบคุมมลพิษ ในเดือน มิ.ย.และให้กรมควบคุมมลพิษ เร่งจัดทำและนำแผนทั้ง 2 ฉบับ ไปรับฟังความคิดเห็น และนำกลับมาเสนอต่อคณะกรรมการพิจารณาภายในเดือนสิงหาคม เพื่อเสนอนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีพิจารณาต่อไป

Line today

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 30 พฤษภาคม 2567

”สส.พิมพ์พร“นำ กมธ.กิจการเด็กฯจัดสัมมนาติวเข้มปฐมพยาบาลเบื้องต้น หวัง ปชช.สามารถนำความรู้ไปใช้ในชีวิตประจำวัน หากเกิดเหตุไม่คาดคิด

,

”สส.พิมพ์พร“นำ กมธ.กิจการเด็กฯจัดสัมมนาติวเข้มปฐมพยาบาลเบื้องต้น หวัง ปชช.สามารถนำความรู้ไปใช้ในชีวิตประจำวัน หากเกิดเหตุไม่คาดคิด

น.ส.พิมพ์พร พรพฤฒิพันธุ์ เพชรบูรณ์ เขต 1 พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.)เปิดเผยว่า ตนได้ร่วมจัดโครงการสัมมนาเรื่อง การช่วยเหลือปฐมพยาบาลผู้ป่วยเบื้องต้น (First Aid) ในนามคณะกรรมธิการกิจการเด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุ ผู้พิการ กลุ่มชาติพันธุ์และผู้มีความหลากหลายทางเพศ สภาผู้แทนราษฏร โดยมีน้องๆจากสภาเด็กและเยาวชน นักเรียนจากโรงเรียนสารพัดช่าง กลุ่มสตรีอำเภอเมือง ตัวแทนจากผู้นำท้องถิ่นท้องที่ และประชาชนทั่วไปให้ความสนใจเข้าอบรมเรียนรู้

น.ส.พิมพ์พร กล่าวต่อว่า กมธ. กิจการเด็กฯตระหนักและเล็งเล็งเห็นถึงความสำคัญของการจัดกิจกรรมในครั้งนี้ให้กับประชาชน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อให้ผู้ที่เข้าอบรมมีความรู้และความเข้าใจ ตระหนักถึงความสำคัญของการช่วยชีวิตขั้นพื้นฐาน รวมถึงทราบขั้นตอนในการปฏิบัติการช่วยชีวิตขั้นพื้นฐานได้อย่างถูกต้อง ซึ่ง
เป็นสิ่งที่น่ายินดีเป็นอย่างยิ่งสำหรับผู้เข้ารับการฝึกอบรมที่ได้มีโอกาสเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของกิจกรรม เพราะจะได้ความรู้ สามารถนำมาใช้ในชีวิตประจำวันได้

“การปฐมพยาบาลเบื้องต้นมี ความจำเป็นที่ต้องได้รับการฝึกอบรมที่ถูกต้อง เพื่อให้พร้อมต่อเหตุการณ์ฉุกเฉิน กิจกรรมที่เกิดขึ้นทำให้เด็กและเยาวชนได้เรียนรู้วิธีการช่วยเหลือและฝึกปฏิบัติจริงกับอุปกรณ์เพื่อให้ฝึกปฏิบัติได้อย่างถูกต้อง เพราะการเจ็บป่วยฉุกเฉินหรืออุบัติสามารถเกิดขึ้นได้ทุกเวลา ทั้งนี้ ตนต้องขอขอบคุณทีมวิทยากรจากโรงพยาบาลเพชรบูรณ์ สาขาคลองศาลา ที่มาช่วยสนับสนุนและให้ความรู้ที่เป็นประโยชน์ด้วย“น.ส.พิมพ์พร กล่าว

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 28 พฤษภาคม 2567

“พปชร.“ประชุม สาขาพรรค จ.นราธิวาส เปิดเวทีรับฟังปัญหา-ข้อเสนอแนะของประชาชน สู่การพัฒนาเป็นนโยบายพรรค ด้าน 2 สส.มั่นใจ รมต.พปชร.หาทางออกแก้ปัญหาให้ชาวบ้านได้

,

“พปชร.“ประชุม สาขาพรรค จ.นราธิวาส เปิดเวทีรับฟังปัญหา-ข้อเสนอแนะของประชาชน สู่การพัฒนาเป็นนโยบายพรรค ด้าน 2 สส.มั่นใจ รมต.พปชร.หาทางออกแก้ปัญหาให้ชาวบ้านได้

วันที่ 25 พ.ค.เมื่อเวลา 11.00 น. ณ ห้องประชุมโรงแรมมารีน่า อ.สุไหงโก-ลก จ.นราธิวาส พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ประชุมใหญ่ สาขาพรรค จ.นราธิวาส“เวทีประชารัฐร่วมใจ เพื่อสร้างชีวิตที่สดใส ให้คนไทยทั้งประเทศ”เพื่อรับฟังปัญหาและข้อเสนอแนะของประชาชน โดยมีกรรมการยุทธศาสตร์พรรคเข้าร่วม อาทิ นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีต รมว.คลัง พล.ต.อ.ธรรมศักดิ์ วิชชารยะ และ 2 สส.นราธิวาสของพรรค นายอามินทร์ มะยูโซ๊ะ สส.นราธิวาส เขต 2 และนายสัมพันธ์ มะยูโซ๊ะ นราธิวาส เขต 3 เข้าร่วมการประชุมดังกล่าว

พล.ต.อ.ธรรมศักดิ์ กล่าวกับสมาชิกที่มาร่วมประชุมว่า ช่วงเวลา 1 ปี ที่ผ่านมา พรรคพลังประชารัฐได้ขับเคลื่อนการทำงานให้เป็นไปตามอุดมการณ์และ
ของพรรคฯ ทุกประการ อย่างไรก็ตาม เพื่อให้เป็นที่ศรัทธาของพี่น้องประชาชนเพิ่มมากขึ้นพรรคฯ จึงได้เตรียมปรับตัวเองให้สอดรับกับสถานการณ์และเตรียมพร้อมสำหรับการเป็นพรรคการเมืองที่เข้มแข็งและเป็นที่ยอมรับของพี่น้องประชาชน ทุกเพศ ทุกวัย ทุกกลุ่มอาชีพ ให้มากยิ่งขึ้น

“พรรคพลังประชารัฐขอประกาศเป็นพรรคที่จะดำเนินการยึดมั่นและปกป้องสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ อนุรักษ์และสร้างเสริมวัฒนธรรม จารีตประเพณี และค่านิยมของไทย พร้อมเปลี่ยนแปลงการดำเนินแนวทางตามเศรษฐกิจ สังคม วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี สิ่งแวดล้อม และการบริหารภาครัฐที่หันสมัย เพื่อประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนที่ดีขึ้น”พล.ต.อ.ธรรมศักดิ์ กล่าว

พล.ต.อ.ธรรมศักดิ์ กล่าวต่อว่า พันธกิจพรรคพลังประชารัฐเป็นศูนย์รวมผู้ที่มีความคิดสร้างและทันสมัย ทุกรุ่นทุกวัยด้วย”5 อนุรักษ์ 5 ทันสมัย ได้แก่ อนุรักษ์สถาบัน,อนุรักษ์ผลประโยชน์ของชาติ,อนุรักษ์ทรัพยากรของชาติ,อนุรักษ์วัฒนธรรม และอนุรักษ์ระเบียบทางสังคม ในส่วนของ 5 ทันสมัย ได้แก่ เศรษฐกิจทันสมัย,วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีทันสมัย,สิ่งแวดล้อมทันสมัย,สังคมทันสมัย และภาครัฐทันสมัย

ด้านนายธีระชัย กล่าวว่า ตนได้รับมอบหมายจาก พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ให้คิดร่วมกับทีมเศรษฐกิจและวิชาการ เพื่อจัดทำนโยบายของพรรค แต่ท่านกำชับให้จัดทำนโยบายที่ยึดโยงกับประชาชน การได้เราจะทำได้คือ เราต้องเดินทางมารับฟังปัญหา ความเห็นข้อเสนอแนะต่างๆ ในพื้นที่ต่างๆให้มากที่สุด เท่าที่เราจะทำได้ แล้วในวันนี้ถือว่าเป็นเกียรติที่ได้มีโอกาสมาที่จังหวัดนราธิวาส อำเภอสุไหงโกลก เป็นครั้งแรก ได้เห็นสภาพของเศรษฐกิจการเชื่อมโยงกับประเทศเพื่อนบ้านเห็นได้ชัดเจนว่าอำเภอนี้เป็นอำเภอที่มีศักยภาพสูง ซึ่งในวันนี้มีหลานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในพื้นที่มาร่วมรับฟังและร่วมแก้ไขปัญหา ตนมั่นใจว่าเราจะได้ข้อมูลความเห็นที่หลากหลาย และก็จะเป็นประโยชน์อย่างแท้จริง

โดยช่วงหนึ่งในที่ประชุมได้มีการหารือถึงปัญหาด้านการท่องเที่ยวในพื้นที่จังหวัดนราธิวาส ซึ่งนายสัมพันธ์ กล่าวถึงปัญหานี้ว่า ตั้งแต่สังคมมีการพัฒนาด้านโซเชียลมากขึ้นทำให้ อ.สุไหงโก-ลก เป็นแค่ทางผ่านระหว่างการซื้อขายของประเทศมาเลเซียกับหาดใหญ่ รวมถึงการสื่อสารที่สะดวกทำให้เมื่อต้องการสินค้าเขาก็ไปหาที่กรุงเทพเอง นราธิวาสจึงเป็นแค่ทางผ่านให้กับผู้ประกอบการชาวมาเลเซีย อีกทัังนราธิวาสยังไม่มีแหล่งท่องเที่ยวที่จะรองรับเลย ตนจึงขอฝากให้ทางผู้ประสานงานของพรรคนำปัญหานี้มาเป็นนโยบายของพรรคด้วย

ด้านนายอามินทร์ กล่าวว่า การเดินทางเข้าออกที่มีหลายขั้นตอนของด่านตรวจ ทำให้เกิดความยุ่งยาก แต่ปัจจุบันก็เริ่มได้รับการแก้ไขแล้ว สำหรับมิติการท่องเที่ยว ตนมองว่า เราต้องศึกษาพฤติกรรมผู้บริโภค เมื่อก่อนสุไหงโกลกเป็นที่เที่ยวของนักท่องเที่ยวยามราตรีแต่ปัจจุบันพฤติกรรมผู้บริโภคเปลี่ยนไป นักท่องเที่ยวชาวมาเลเซียมาในลักษณะของครอบครัวมากขึ้นสุไหงโกลกเองก็ไม่มีอะไรรองรับบุคคลเหล่านี้ ไม่ว่าจะเป็นสถานที่ท่องเที่ยว หรือสวนน้ำที่เป็นการท่องเที่ยวในลักษณะเชิงครอบครัว ซึ่งตอนนี้ก็เป็นโอกาสดีเนื่องจากรัฐมนตรีของเราก็คือ พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รัฐมนตรีกระทรวงทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม ก็ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ และรับปากกับตนว่า จะมีการพัฒนาต่อยอดในอนาคต เพื่อรองรับการท่องเที่ยวในพื้นที่

นอกจากนี้อีกปัญหาสำคัญที่ถูกนำมาพูดคุยก็คือ ปัญหาที่ดินทำกินในพื้นที่ทับซ้อน ซึ่งนายอามินทร์ กล่าวว่าปัญหาเรื่องที่ดินทับซ้อน เป็นปัญหาเรื้อรังของประเทศไทย ที่เกิดขึ้นทั่วทุกพื้นที่ รวมถึงพื้นที่การเกษตรของพี่น้องเกษตรกรมีการเช่าเพื่อทำการเกษตร และบางส่วนก็ทำการเพาะปลูกในพื้นที่ประกาศเขตอุทยานหรือเขตอนุรักษ์ ส่งผลให้เวลาที่เกิดเหตุภัยพิบัติส่งผลจึงไม่สามารถรับเงินเยี่ยวยาจากทางรัฐได้ เนื่องจากติดกฎระเบียบทางราชการ จึงขอเสนอพรรคนำปัญหาดังกล่าวต่อรัฐมนตรีทั้ง 2 กระทรวงที่พปชร.กำกับดูแล เพื่อหาทางออกในการช่วยเหลือพี่น้องเกษตรกรอย่างเป็นรูปธรรม

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 28 พฤษภาคม 2567

“สส.นเรศ” ต้อนรับ “รมช.อรรถกร”ติดตามโครงการอ่างเก็บน้ำห้วยมะนาว จ.เชียงใหม่ แผนเพิ่มแหล่งน้ำต้นทุน แก้ไขปัญหาน้ำท่วม น้ำแล้งให้ประชาชน

,

“สส.นเรศ” ต้อนรับ “รมช.อรรถกร”ติดตามโครงการอ่างเก็บน้ำห้วยมะนาว จ.เชียงใหม่ แผนเพิ่มแหล่งน้ำต้นทุน แก้ไขปัญหาน้ำท่วม น้ำแล้งให้ประชาชน

นายนเรศ ธำรงค์ทิพยคุณ สส.เชียงใหม่ เขต 9 พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวว่า ตนได้ให้การต้อนรับนายอรรถกร ศิริลัทธยากร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมด้วยผู้บริหารและเจ้าหน้าที่สังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ที่ได้ลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้าในการพัฒนาโครงการอ่างเก็บน้ำห้วยมะนาว เพื่อแก้ไขปัญหาน้ำท่วม น้ำแล้งให้กับประชาชนและพี่น้องเกษตรกร ซึ่งประกอบอาชีพเกษตรกรรมเป็นหลัก และมีความจำเป็นในการอาศัยน้ำจากลำน้ำแม่วาง

นายนเรศ กล่าวต่อว่า ที่ผ่านมาประชาชนในภาคการเกษตรและอุปโภคบริโภค ประสบปัญหาขาดแคลนน้ำในช่วงฤดูแล้งซึ่งมีปริมานน้ำน้อย ส่งผลให้น้ำไม่เพียงพอต่อความต้องการ ในขณะที่ช่วงมรสุมลำน้ำแม่วาง จะมีปริมาณน้ำมากและไหลบ่าเข้าท่วมพื้นที่ทางการเกษตรทั้งสองฝั่งลำน้ำสร้างความเสียหายอย่างต่อเนื่อง

นายนเรศ ยังกล่าวต่อว่า กรมชลประทาน จึงได้จัดแผนเพื่อการพัฒนาโครงการอ่างเก็บน้ำห้วยมะนาว เป็นเขื่อนดินแบบ Zone Type มีความยาว 700 เมตร ความสูง 80 เมตร ความกว้าง 9 เมตร มีขีดความสามารถในการกักเก็บถึง 25.42 ล้านลูกบาศก์เมตร พร้อมทั้งมีอาคารระบายน้ำล้น(Spillway) สามารถระบายน้ำได้สูงสุด 465.26 ลูกบาศก์เมตรต่อวินาที สามารถส่งน้ำไปยังพื้นที่การเกษตร ในช่วงฤดูฝนประมาณ 38,030 ไร่ และในฤดูแล้งประมาณ 20,000 ไร่“

”โครงการดังกล่าวเมื่อเสร็จสิ้นจะส่งผลให้สามารถเพิ่มแหล่งน้ำต้นทุน เพื่อการอุปโภคและบริโภคได้อย่างมีประสิทธิภาพแล้ว ยังสามารถส่งเสริมอาชีพประมงน้ำจืดให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มอีกทางหนึ่ง รวมทั้งยังสามารถลดผลกระทบจากภัยธรรมชาติได้อย่างยั่งยืน“นายนเรศ กล่าว

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 28 พฤษภาคม 2567

“สส.อนันต์” เข้าพบทูตสหรัฐอเมริกา ประจำประเทศไทย แลกเปลี่ยนเรียนรู้แนวทางการพัฒนา จ.กำแพงเพชร ร่วมกัน

,

“สส.อนันต์” เข้าพบทูตสหรัฐอเมริกา ประจำประเทศไทย แลกเปลี่ยนเรียนรู้แนวทางการพัฒนา จ.กำแพงเพชร ร่วมกัน

นายอนันต์ ผลอำนวย สส.กำแพงเพชร เขต 3 พรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า ตนได้ให้การต้อนรับพร้อมเข้าพบเป็นการส่วนตัวกับนาย โรเบิร์ต เอฟ โกเดค เอกอัครราชทูตสหรัฐอเมริกา ประจำประเทศไทย พร้อมคณะ ในโอกาสเดินทางมาปฏิบัติภารกิจใน จ.กำแพงเพชร เยี่ยมหน่วยวิจัยไวรัสวิทยา รพ.กำแพงเพชร และเยี่ยมชมอุทยานประวัติศาสตร์กำแพงเพชร พร้อมสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆ

“โดยได้พูดคุยแลกเปลี่ยนแนวทางการพัฒนาในด้านต่างๆ พร้อมทั้งรับทราบข้อมูล เอกลักษณ์ วัฒนธรรม ประเพณี ของ จ.กำแพงเพชร ที่น่าสนใจ ซึ่งนายโรเบิร์ต เอฟ โกเดค ระบุว่า ยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้มีโอกาสพบปะพูดคุย เยี่ยมเยือน แลกเปลี่ยนการทำงานร่วมกัน และสัญญาว่าจะเดินทางกลับมา จ.กำแพงเพชร ในโอกาสต่อไป“

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 28 พฤษภาคม 2567

“สันติ” รมช.สธ. ดัน 2 นโยบายยกระดับสุขภาพประชาชน แก้วิกฤตบุคลากรทางการแพทย์ขาดแคลน-เด็กเกิดน้อย

,

“สันติ” รมช.สธ. ดัน 2 นโยบายยกระดับสุขภาพประชาชน
แก้วิกฤตบุคลากรทางการแพทย์ขาดแคลน-เด็กเกิดน้อย

เมื่อวันที่ 27 พฤษภาคม 2567 ที่ห้องประชุม 1 ชั้น 9 อาคารกรมสนับสนุนบริการสุขภาพ กระทรวงสาธารณสุข นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข เข้าร่วมประชุมกำหนดทิศทางการดำเนินงานกระทรวงสาธารณสุข ปี 2567-68 ได้มอบนโยบายแก่ผู้บริหารระดับสูงกระทรวงสาธารณสุข สาธารณสุขจังหวัด และเขตสุขภาพ 13 เขตทั่วประเทศ ว่า ในฐานะรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข พร้อมสนับสนุนและให้ความร่วมมือในการดำเนินงานตามนโยบายของกระทรวงเพื่อยกระดับการบริการและหน่วยบริการสุขภาพทุกระดับ ให้ก้าวทันโลกอนาคตเพื่อขยายบทบาทการดูแลระบบสุขภาพคนไทยไปสู่การสร้างเศรษฐกิจ ด้วยนวัตกรรมทางการแพทย์และสาธารณสุข ที่ทำให้คนทั้งโลกได้เห็นว่าประเทศไทยมีศักยภาพในการก้าวขึ้นสู่ศูนย์กลางสุขภาพนานาชาติ

“การพัฒนาระบบสุขภาพที่ดีที่สุดให้กับพี่น้องประชาชนชาวไทยเป็นภารกิจที่ยิ่งใหญ่ แต่การดูแล และเสริมสร้างขวัญกำลังใจให้แก่บุคลากรสาธารณสุขก็สำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน จากประสบการณ์ที่ผมลงพื้นที่ในจังหวัดต่าง ๆ โดยเฉพาะในเขตชนบทได้ทราบถึงปัญหาด้านบุคลากรทางการแพทย์ที่ขาดแคลน ขณะที่ภาระงานล้นมือ ส่งผลในการสร้างเสริมสุขภาพในอนาคตจะเกิดประสิทธิภาพน้อยลง โดยเฉพาะการนำเทคโนโลยีใหม่ๆ มาดูแลรักษาพี่น้องประชาชนให้เกิดความแม่นยำ จึงขอฝากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขผลักดันเป็นนโยบายของกระทรวง” นายสันติ กล่าว

ทั้งนี้ประเทศไทยกำลังเข้าสู่ภาวะวิกฤตของประชากร เนื่องจากมีประชากร 67 ล้านคน ต้องมีอัตราการเกิดปีละกว่า 8 แสนคน แต่จากเลขพบว่าที่ผ่านมามีการเกิดกว่า 480,000-510,000 คน ซึ่งต่ำกว่ามาตรฐาน ส่งผลให้ในอนาคตจะขาดบุคลากรในทุกด้าน หากกระทรวงได้ใช้นโยบายในการสร้างขวัญและกำลังใจในครอบครัวใหม่ๆ หรือสุภาพสตรีที่อยู่ในวัยเจริญพันธุ์ เพื่อให้ความมั่นใจในการมีบุตรทางรัฐบาลโดยกระทรวงสาธารณสุขก็จะช่วยดูแลเพื่อให้เกิดความมั่นคงในการคลอดบุตรและเลี้ยงบุตรได้อย่างมีประสิทธิภาพ

อย่างไรก็ตา ขอให้ความมั่นใจกับทุกท่านว่า ไม่ได้นิ่งนอนใจ และเร่งแก้ปัญหาดังกล่าวอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการพัฒนาและผลิตบุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขให้เพียงพอต่อการบริการสุขภาพแก่ประชาชนอย่างมีคุณภาพและการเพิ่มจำนวนประชากร วันนี้ถือเป็นโอกาสดีในการผนึกกำลังเพื่อร่วมกันขับเคลื่อน และผลักดันการพัฒนาการสาธารณสุขไทยทั้งระบบให้ประชาชนทุกคนมีสุขภาพที่ดี สามารถอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข และเป็นทรัพยากรที่มีคุณค่าของประเทศต่อไป

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 28 พฤษภาคม 2567

“สส.อามินทร์” ชี้ถึงเวลาจับมือร่วม รีแบรนด์ตากใบ สร้างภาพลักษณ์ใหม่เชิงบวก ลบภาพจำความรุนแรง เน้นกิจกรรมกระตุ้นเศรษฐสามจังหวัดชายแดนใต้เพิ่มรายได้ ปชช.

“สส.อามินทร์” ชี้ถึงเวลาจับมือร่วม รีแบรนด์ตากใบ สร้างภาพลักษณ์ใหม่เชิงบวก ลบภาพจำความรุนแรง เน้นกิจกรรมกระตุ้นเศรษฐสามจังหวัดชายแดนใต้เพิ่มรายได้ ปชช.

นายอามินทร์ มะยูโซ๊ะ สส.นราธิวาส เขต 2 พลังประชารัฐ (พปชร.)กล่าวว่า ตนมองว่าขณะนี้ถึงเวลาที่ทุกภาคส่วนจะต้องร่วมมือกันเพื่อส่งเสริมให้เกิดการสร้างภาพลักษณ์ใหม่ หรือรีแบรนด์สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อลดภาพจำการใช้ความรุนแรงที่เกิดขึ้นในอดีต สู่การสร้างภาพลักษณ์ในเชิงบวกที่จะนำไปสู่การก้าวข้ามความขัดแย้งให้เกิดขึ้นได้จริง ไม่ว่าจะเป็นการส่งเสริมภาพลักษณ์ทางด้านกิจกรรมการท่องเที่ยว การค้าการลงทุน รวมถึงการส่งออกสินค้าไปยังประเทศเพื่อนบ้าน การส่งเสริมผลิตภัณฑ์พรีเมียม ขึ้นชื่อของจังหวัดมากขึ้น เพื่อยกระดับรายได้ของประชาชนในท้องถิ่น

“ผมได้มีข้อเสนอในที่ประชุมแสวงหาข้อมูลพรรคพลังประชารัฐ เพื่อกำหนดนโยบายที่ยึดโยงกับท้องถิ่น จึงได้ชี้ให้เห็นว่า การค้นข้อมูลใน Google พิมพ์คำว่าตากใบ แล้วกดที่ images จะพบแต่ภาพความรุนแรงที่เกิดขึ้นในอดีตมานับยี่สิบปีแล้ว ทั้งที่ในวันนี้ สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ มีกิจกรรมที่เหมาะสมแก่การท่องเที่ยว การลงทุนภาคเอกชน และการเชื่อมโยงไปยังประเทศเพื่อนบ้านหลายอย่าง แต่ภาพกิจกรรมในเชิงบวกเหล่านี้ไม่ได้ปรากฏในสื่อโซเชี่ยลเลย” นายอามินทร์ กล่าว

นายอามินทร์ กล่าวต่อว่า วิธีการเดียวที่จะทำให้ภาพกิจกรรมเชิงบวกเข้าไปปรากฏในโลกโซเชี่ยลก็คือ ต้องมีภาพกิจกรรมเชิงบวกที่นำเสนอให้เกิดขึ้นเป็นจำนวนมาก และมีคนเข้าไปดูมากกว่าภาพเชิงลบให้ได้ ซึ่งตนได้นำนายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ในฐานะประธานกรรมการด้านวิชาการ พปชร.ไปดูกิจกรรมเชิงบวกอย่างหนึ่งคือ โรงงานทำปลากุเลาเค็มแห่งหนึ่ง เรียกว่า แม่แป้น

นายอามินทร์ ยังกล่าวต่อว่า การตากปลาให้แห้งนั้น ใช้วิธีตากแดดในกระโจมที่โปร่งแสงระดับหนึ่ง กระทรวงพลังงานช่วยเหลือค่าสร้างกระโจม 70% หลังจากนั้นจะผ่านกรรมวิธีแขวนให้ความชื้นค่อยๆ งวดลงไป พร้อมกับการนวดเพื่อให้เนื้อปลาแน่น กระบวนการผลิตพิถีพิถันและใช้เวลาขั้นต่ำตามที่กำหนดอย่างเคร่งครัด ไม่ต่างจากขั้นตอนการผลิตชีส หรือหมูแฮม สินค้าซึ่งมีราคาแพงในยุโรป ซึ่งปลากุเลาเค็ม ถือว่าเป็นสินค้าที่มีชื่อเสียง นักท่องเที่ยวต้องการซื้อเป็นของฝากจำนวนมาก

ทั้งนี้ ปลากุเลาเค็ม ยังมีการพัฒนาแพคเกจจิ้งสำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการซื้อเป็นของฝากราคาแพง โดยสามารถกำหนดให้ใส่กล่องไม้ ที่ทำให้ดูมีคุณค่าสมกับความอร่อย ซึ่งในวันที่เราไปเยี่ยมชมโรงงาน ปรากฏว่าเขากำลังจัดทำกล่องไม้ผูกโบว์จำนวน 30 กล่อง ที่นายกรัฐมนตรีเศรษฐา ทวีสิน ได้สั่งซื้อเพื่อเอาไปแจกเป็นของขวัญในวันที่ไปเยี่ยมชมโรงงาน ตนจึงอยากให้คนไทยช่วยกันโปรโมทรีแบรนด์ตากใบ รีแบรนด์สามจังหวัดชายแดนภายใต้ เปลี่ยนสนามรบเป็นสนามการค้าดีกว่า

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 28 พฤษภาคม 2567

การกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เชิญเข้าร่วมพร้อมรับชม “พิธีเปิดงาน 24 พฤษภาคม วันป่าชุมชนแห่งชาติ” จ.กาฬสินธุ์ ประจำปี2567

,

การกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เชิญเข้าร่วมพร้อมรับชม “พิธีเปิดงาน 24 พฤษภาคม วันป่าชุมชนแห่งชาติ” จ.กาฬสินธุ์ ประจำปี2567

วันที่ 24 พฤษภาคม ของทุกปีถือเป็นวันป่าชุมชนแห่งชาติ ตามพระราชบัญญัติป่าชุมชน พ.ศ. 2562 ซึ่งเป็นกฎหมายที่ส่งเสริมให้ชุมชนร่วมกับทางภาครัฐในการอนุรักษ์ ฟื้นฟู จัดการ ในการฟื้นฟูรักษาและใช้ประโยชน์จากทรัพยากรทางธรรมชาติอย่างยั่งยืน เพื่อให้ชุมชนได้ใช้ประโยชน์จากป่าชุมชนและให้ชุมชนดูแลรักษาทรัพยากรทางธรรมชาติและความหลากหลายทางชีวภาพของประเทศอย่างสมบูรณ์ยั่งยืน กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมโดยกรมป่าไม้ได้จัดงาน วันป่าชุมชนแห่งชาติประจำปี 2567 โดยมีวัตถุประสงค์รณรงค์การจัดกิจกรรมการมีส่วนร่วมในการดูแลรักษาป่าชุมชน ตลอดจนทุกภาคส่วนได้น้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของสถาบันพระมหากษัตริย์ไทยในด้านการส่งเสริมและพัฒนาทรัพยากรป่าไม้เพื่อให้คนอยู่ร่วมกับป่า และใช้ประโยชน์จากป่าตามทางปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียง

ซึ่งในวันนี้ (24 พฤษภาคม 2567) ถือเป็นวันป่าชุมชนแห่งชาติประจำปี 2567 ได้มีการจัดงาน “พิธีเปิดงาน 24 พฤษภาคม วันป่าชุมชนแห่งชาติ” โดยได้รับเกียรติจาก พล.ต.อ. พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เป็นประธานในพิธี ณ โรงแรมริมปาว จังหวัดกาฬสินธุ์ เวลา 13.00 น. โดยประชาชนที่สนใจสามารถเข้าร่วมงานได้ตามปกติ หรือ รับชมผ่าน Live ได้ที่ เฟสบุ๊ค ป่าชุมชนออนไลน์

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 24 พฤษภาคม 2567

“สส. องอาจ” ปธ. กมธ.กฎหมายฯ เปิดเวทีระดม 40 องค์กร ร่วมศึกษาความเห็นข้อบังคับใช้กฎหมายคนเข้าเมืองรับมาตรฐานสากล

,

“สส. องอาจ” ปธ. กมธ.กฎหมายฯ เปิดเวทีระดม 40 องค์กร
ร่วมศึกษาความเห็นข้อบังคับใช้กฎหมายคนเข้าเมืองรับมาตรฐานสากล

นายองอาจ วงษ์ประยูร สส.สระบุรี เขต 4 พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.ในฐานะรองประธานกรรมาธิการการกฎหมาย การยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร เปิดเผยว่า คณะ กมธ.ได้จัดงานสัมมนา เรื่องการบังคับใช้กฎหมายคนเข้าเมือง ผลกระทบจากการบังคับใช้กฎหมายคนเข้าเมือง และแนวทางในการแก้ไขกฎหมายคนเข้าเมือง โดยมีผู้เข้าร่วมสัมมนาประกอบด้วย สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร คณะกรรมาธิการฯ คณะทูตานุทูต ส่วนราชการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับการบังคับใช้กฎหมายคนเข้าเมือง องค์กรระหว่างประเทศ ภาคประชาชน รวมทั้งผู้แทนองค์กรด้านสิทธิมนุษยชน รวม 40 หน่วยงาน ตลอดจนผู้แทนกระทรวงมหาดไทย ผู้แทนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ผู้แทนจากภาควิชาการ ภาคเอกชน องค์ระหว่างประเทศ และผู้แทนจากกลุ่มผู้อพยพโยกย้ายถิ่นฐานแบบไม่ปกติ เพื่อร่วมกันพิจารณาศึกษาปัญหา และทางออก เพื่อมิให้ขัดต่อระเบียบ และข้อกฎหมาย เป็นไปตามมาตรฐานสากล

นายองอาจ กล่าวต่อว่า คณะ กมธ.เห็นความสำคัญของเรื่องดังกล่าว จึงมีการตั้งคณะอนุกรรมาธิการพิจารณาศึกษาหาแนวทางการแก้ไขปัญหาแบบยั่งยืนต่อการโยกย้ายถิ่นฐานแบบไม่ปกติ เพื่อพิจารณาศึกษาปัญหานี้อย่างจริงจัง ซึ่งประเทศไทยนับว่าเป็นประเทศทางผ่าน ที่พักพิงชั่วคราว และเป็นที่แสวงหาโอกาสในการทำงานของคนที่ไม่มีสัญชาติไทยหลายกลุ่ม รวมถึงคนที่ยังไม่มีสัญชาติ แม้จะอยู่ในประเทศไทยมานาน ซึ่งทั้งหมดนี้อยู่ภายใต้การควบคุมจัดการของประเทศไทยผ่านกฎหมายฉบับเดียว คือ พระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ. 2522 ที่บังคับใช้มานานเป็นเวลา 45 ปีแล้ว ไม่เท่าทันกับสถานการณ์ปัจจุบัน

นอกจากนี้ โจทย์ท้าทายสำคัญที่ประเทศไทยจะต้องเผชิญต่อไป คือ การขาดกำลังแรงงานจากการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ทำให้ต้องพึ่งพาแรงงานข้ามชาติ ดังนั้น ข้อเสนอในเรื่องการโยกย้ายถิ่นเพื่อทดแทนประชากรที่ลดลง จึงเป็นข้อเสนอที่ควรถูกหยิบยกมาทบทวน และถึงเวลาที่จะต้องมีการแก้ไขกฎหมายให้ทันสถานการณ์และการยอมรับในต่างประเทศ 

สำหรับการสัมมนาในครั้งนี้ มีการนำเสนอรายงานเรื่องปัญหาและแนวทางการแก้ไขแบบยั่งยืนเกี่ยวกับการโยกย้ายถิ่นฐานแบบไม่ปกติ โดยมีข้อสังเกตต่อการบังคับใช้กฎหมายคนเข้าเมือง การอภิปรายกลุ่มเรื่องพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ. 2522 และการบังคับใช้ ผลกระทบ ข้อท้าทาย และการประเมินผลสัมฤทธิ์ทางกฎหมาย สำหรับการบริหารจัดการผู้อพยพโยกย้ายถิ่นฐาน และเรื่องการปฏิรูปกฎหมายคนเข้าเมืองเพื่อตอบโจทย์ประเทศไทยภายใต้บริบทสังคมสูงอายุ ข้อเสนอจากภาคส่วนต่าง ๆ ต่อการแก้ไขกฎหมายคนเข้าเมือง และการแก้ไขปัญหาการขาดแคลนประชากร

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 22 พฤษภาคม 2567

“บุณณดา” โฆษกกระทรวงทรัพย์ฯ เผย “พัชรวาท” ห่วงใย ลูกจ้างพิทักษ์ป่า ชี้!เดือน ต.ค.นี้ ได้ปรับขึ้นเงินเดือน พร้อมกันทั่วประเทศ

,

“บุณณดา” โฆษกกระทรวงทรัพย์ฯ เผย “พัชรวาท” ห่วงใย ลูกจ้างพิทักษ์ป่า ชี้!เดือน ต.ค.นี้ ได้ปรับขึ้นเงินเดือน พร้อมกันทั่วประเทศ

น.ส.บุณณดา สุปิยพันธุ์ โฆษกกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ฝ่ายการเมือง) เปิดเผยว่า สำนักงบประมาณ ได้จัดสรรงบประมาณเพื่อปรับขึ้นเงินเดือนของบุคคลภายนอกที่ปฏิบัติงานให้กับกรมอุทยานฯ ตำแหน่งพิทักษ์ป่า จำนวน 13,419 อัตรา จาก 9,000 บาท เป็น 11,000 บาท ทุกอัตราพร้อมกันทั่วประเทศ เนื่องจาก พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ท่านมีความห่วงใยต่อเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่า เพราะภารกิจในการลาดตระเวนคุ้มครองดูแลรักษาพื้นที่ป่า เป็นภารกิจที่ยากลำบากอีกทั้งยังเสี่ยงต่ออันตราย ดังนั้นการปรับขึ้นเงินเดือนถือว่าเป็นการสร้างขวัญกำลังใจทางหนึ่ง

น.ส.บุณณดา กล่าวต่อว่า การปรับขึ้นอัตราเงินเดือนครั้งนี้ได้สร้างความปิติยินดีให้กับเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าทุกคน และเป็นขวัญกำลังใจอย่างดียิ่ง ในการปกป้องทรัพยากรป่าไม้ของชาติ เพราะนอกเหนือจากการปรับขึ้นอัตราเงินเดือนในครั้งนี้แล้ว ที่ผ่านมากรมอุทยานแห่งชาติฯ ได้มีการเพิ่มสวัสดิภาพสวัสดิการให้กับเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่า โดยการอนุมัติเงินอุทยานแห่งชาติ และเงินเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ในกรณีที่เจ้าหน้าที่บาดเจ็บหรือเสียชีวิต ซึ่งเป็นผลมาจากการพัฒนาปรับปรุงแก้ไข พ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติ พ.ศ. 2562 และ พ.ร.บ.สงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2562 เพื่อให้สามารถนำเงินในส่วนนี้มาใช้จ่ายให้กับเจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย ซึ่งได้มีการช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ไปแล้วเป็นจำนวนมากด้วย

“พล.ต.อ.พัชรวาท ได้ติดตามและใส่ใจการทำหน้าที่
ในการป้องกันรักษาป่า โดยท่านมองว่า เจ้าหน้าที่พิทักษ์ป่าคือ ผู้ที่ทำหน้าที่ทั้งอนุรักษ์ คุ้มครองดูแลรักษาทรัพยากรป่าไม้และสัตว์ป่าให้คงอยู่ โดยการสร้างความสมดุลตามธรรมชาติด้วยการฟื้นฟู หยุดความเสื่อมโทรมของทรัพยากรธรรมชาติ การสร้างระบบนิเวศในพื้นที่อนุรักษ์ให้ดีขึ้นตลอดเวลา เป็นภารกิจที่ยาก เพราะต้องปฏิบัติงานเชิงรับและเชิงรุก จึงขอให้เจ้าหน้าที่ทุกคนทำงานด้วยความถูกต้อง ลดข้อขัดแย้ง และความไม่สบายใจในการทำงาน“ น.ส.บุณณดา กล่าว

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 22 พฤษภาคม 2567