โลกเปลี่ยน ไทยต้องปรับ ทางเลือกใหม่ของการเมืองไทย ก้าวข้ามความขัดแย้ง สานพลังประชาราษฎร์ ร่วมสร้างชาติให้ยั่งยืน

“รมช.สันติ”ลงพื้นที่ตรวจระบบส่งน้ำสนับสนุนภาคตะวันออก เพิ่มประสิทธิภาพการจัดการน้ำรับการเติบโตภาคผลิต-บริโภค

“รมช.สันติ”ลงพื้นที่ตรวจระบบส่งน้ำสนับสนุนภาคตะวันออก
เพิ่มประสิทธิภาพการจัดการน้ำรับการเติบโตภาคผลิต-บริโภค

นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า วันนี้ ( 23 มกราคม 2566) ได้ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมโครงการท่อส่งน้ำภาคตะวันออก หรือท่อส่งน้ำอีอีซี จ.ระยอง และ จ.ชลบุรี ที่อยู่ในความรับผิดชอบ ของกรมธนารักษ์ กระทรวงการคลัง โดยเฉพาะความพร้อม ของระบบจ่ายน้ำโครงการท่อส่งน้ำหนองปลาไหล หนองค้อ และโครงการท่อส่งน้ำ หนองค้อ – แหลมฉบัง ระยะที่ 2 ที่จะต้องมีการส่งมอบทรัพย์สินของกระทรวงการคลัง โดยกรมธนารักษ์ในฐานะคู่สัญญาฝ่ายรัฐ เพื่อให้ผู้รับสัมปทานรายใหม่ เข้ามาดำเนินการ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่มีผลกระทบต่อการจ่ายน้ำให้กับประชาชน และผู้ประกอบการในภาคตะวันออก

นายสันติ กล่าวว่า กรมธนารักษ์ ให้ความสำคัญเรื่องการจ่ายน้ำไปให้กับผู้ใช้น้ำ ทั้งโรงงานอุตสาหกรรม และประชาชนในพื้นที่ภาคตะวันออก ที่มีความสำคัญทางด้านเศรษฐกิจ ละที่ผ่านมากรมธนารักษ์ได้ดำเนินการเกี่ยวกับผู้ที่จะมาบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ธนารักษ์ จึงได้ตรวจในพื้นที่อ่างเก็บน้ำหนองปลาไหล จ.ระยอง เพื่อตรวจสอบรายการทรัพย์สินของกระทรวงการคลัง และดูความมั่นคงหลายๆ ด้าน

“จากการตรวจสอบพบว่า อ่างเก็บน้ำหนองปลาไหล จ.ระยอง ซึ่งเป็นพื้นที่ต้นน้ำในการสูบจ่ายน้ำให้โรงงานอุตสาหกรรมทั้งหมดของภาคตะวันออกและให้ประชาชนในพื้นที่ พบว่าอ่างเก็บน้ำหนองปลาไหลมีความจุในการ เก็บกักน้ำได้เพียงพอต่อความต้องการใช้น้ำในพื้นที่ พร้อมทั้งมีโรงสูบน้ำหลายโรง โรงหลักจำนวน 3 โรง และโรงที่เป็นแพ จำนวน 2-3 โรง ถือว่ามีความมั่นคง และมีความพร้อมเรียบร้อยดี” นายสันติ กล่าว

โดยตลอดอายุสัมปทาน 30 ปี ผู้ใช้น้ำจะต้องใช้น้ำในอัตราที่ไม่เกิน 10.98 บาท/ลบ.ม. และภาครัฐจะได้ผลประโยชน์ที่เอกชนเสนอไม่น้อยกว่าร้อยละ 27 ต่อปี คาดการณ์รายได้เข้ารัฐ 25,900 ล้านบาท ขณะที่ 30 ปี ที่แล้วรัฐได้รับ 600 ล้านบาท

นอกจากนี้ได้ลงพื้นที่ตรวจสอบโครงการสถานีอาคารพักน้ำหุบบอน จ.ชลบุรี โดยอาคารพักน้ำหุบบอนเป็นจุดรับน้ำของท่อหนองปลาไหล-หนองค้อ ซึ่งต้องจ่าย ผลประโยชน์ให้แก่รัฐ 7% และจะส่งไปยังท่อหนองค้อ-แหลมฉบัง (ระยะที่ 1) ค่าเช่า 1% และท่อหนองค้อ-แหลมฉบัง (ระยะที่ 2) ค่าเช่า 7% แต่เนื่องจากน้ำที่ส่งไปมาจากท่อ 7% เมื่อจ่ายผลประโยชน์ให้แก่รัฐ 7%

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 23 มกราคม 2566

" ,