โลกเปลี่ยน ไทยต้องปรับ ทางเลือกใหม่ของการเมืองไทย ก้าวข้ามความขัดแย้ง สานพลังประชาราษฎร์ ร่วมสร้างชาติให้ยั่งยืน

ป้ายกำกับ: ข่าวประชาสัมพันธ์

“รมว.ชัยวุฒิ”ดันปรับกม.เปลี่ยนส่วยเป็นภาษีแก้ทุนสีเทา หนุนธุรกิจผับ บาร์เปิดหลังเที่ยงคืนเพิ่มรายได้เข้าประเทศ

,

“รมว.ชัยวุฒิ”ดันปรับกม.เปลี่ยนส่วยเป็นภาษีแก้ทุนสีเทา
หนุนธุรกิจผับ บาร์เปิดหลังเที่ยงคืนเพิ่มรายได้เข้าประเทศ

19 กุมภาพันธ์ 2566 นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม(ดีอีเอส)และรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เปิดเผยถึง ปัญหาทุนสีเทา ที่มีการอภิปรายไปเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า เป็นเรื่องสําคัญที่รัฐบาลเอาจริงเอาจังและจะดําเนินการเรื่องนี้ให้ถึงที่สุด ซึ่งควรเร่งดําเนินการ เพื่อแก้ปัญหาให้กับพี่น้องประชาชน โดย จะมีการนำมาสู่การทำนโยบายพรรคพลังประชารัฐ ที่จะเสนอเข้าที่ประชุมพรรค เรื่องการแก้กฎหมายที่ล้าสมัย หรือที่ขัดกับวิถีชีวิตของประชาชน ต้องปรับให้ทันสมัย ให้ตรงกับหลักสากล เพื่อให้ธุรกิจไปได้ เปลี่ยนส่วยเป็นภาษี ซึ่งจะทำให้ได้เงินเข้ามาพัฒนาประเทศ ธุรกิจไม่ต้องมีการจ่ายส่วย ไม่มีการคอรัปชั่น
อย่างไรก็ตาม ปัญหาเรื่องทุนสีเทาเป็นปัญหาที่มีมานานแล้วหลายสิบปีและเป็นที่รู้ผิดกฎหมาย และกลุ่มนี้มันจะเข้าหาผู้มีอำนาจเพื่อติดสินบน เพื่อให้มีการคุ้มครอง ซึ่งเรื่องนี้รัฐบาลยืนยันว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอย่างแน่นอน ซึ่งพปชร.มองว่าแนวทางการแก้ไขปัญหานอกจากการปราบปรามอย่างจริงจังแล้ว บางเรื่องอาจจะต้องมีการแก้ไขกฎหมายเพื่อเปลี่ยนส่วยให้เป็นภาษีเพื่อสกัดกั้นช่องทางเรียกรับส่วยจากผู้มีอำนาจและเจ้าหน้าที่ของรัฐ เช่นธุรกิจบริการบางประเภท ไม่ว่าจะเป็น ผับ บาร์ เป็นต้น ซึ่งควรเปิดขายได้มากกว่าเที่ยงคืน เช่นเดียวกับต่างประเทศ เพราะไทยไม่สามารถเปิดให้บริการได้ ทำให้เกิดการลักลอบจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยการจ่ายเงินให้กับเจ้าหน้าที่ของรัฐ เพราะผิดกฎหมาย ทำให้ผู้ประกอบการต้องไปจ่ายส่วย เพื่อจะได้เปิดบริการเกินเวลาได้ เพื่อรองรับท่องเที่ยวต่างชาติ จึงเกิดทุนสีเทา เกิดธุรกิจผิดกฎหมายขึ้นมา

ดังนั้นบางเรื่องจึงจำเป็นต้องแก้ไขกฎหมายเปลี่ยนทุนสีเทาเป็นภาษี โดยต้องพิจารณาเปิดให้เฉพาะเรื่องที่ประชาชนรับได้ เพื่อที่จะแก้ไขปัญหาทุนสีเทาแล้ว ยังสามารถนำเงินที่ได้จากธุรกิจมาใช้เพื่อพัฒนาประเทศ และการดูแลสวัสดิการของประชาชน ส่วนบางเรื่องเช่นยาเสพติด การค้ามนุษย์ ยังต้องจริงจังในการปราบปราม อาจต้องแก้ไขกฎหมายให้มีโทษที่หนักขึ้นอีกด้วย ซึ่งจะเป็นการแก้ปัญหาทุจริตคอรัปชั่นได้อีกทางหนึ่ง

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 19 กุมภาพันธ์ 2566

“สันติ”ควง”ชัยวุฒิ”นำทัพเรียกคะแนนชาวกรุงเก่าเลือกผู้สมัคร 3 เขต พปชร ชูพัฒนาเศรษฐกิจ เพิ่มสวัสดิการยกระดับการศึกษาเท่าเทียมแก้ปัญหาน้ำยั่งยืน

,

“สันติ”ควง”ชัยวุฒิ”นำทัพเรียกคะแนนชาวกรุงเก่าเลือกผู้สมัคร 3 เขต พปชร
ชูพัฒนาเศรษฐกิจ เพิ่มสวัสดิการยกระดับการศึกษาเท่าเทียมแก้ปัญหาน้ำยั่งยืน

วันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2566เวลา18.30น. นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง และ เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ พร้อมด้วยนายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม(ดีอีเอส) รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ) ขึ้นเวทีปราศรัยเวทีย่อย พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ณ อำเภอท่าเรือ จ.พระนครศรีอยุธยา โดยมีนายรัฐภูมิ โตคงทรัพย์ ทีมโฆษกพรรค
,ภญ.นพวรรณ หัวใจมั่น พร้อมเปิดตัวว่าที่ผู้สมัครส.ส.จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ทั้ง 3 เขตประกอบด้วย นายบุญเชิด ศิริยศ ว่าที่ผู้สมัคร เขต 1 จ.พระนครศรีอยุธยา,นายชณทัต ปัทะมะภูวดล ว่าที่ผู้สมัคร เขต 3 จ.พระนครศรีอยุธยา และ นายธนพล บุญเจริญกิจ ว่าที่ผู้สมัคร ว่าที่ผู้สมัครเขต2 จ.พระนครศรีอยุธยา เป็นการนำเสนอนโยบายหลักสู่ พี่น้องประชาชนชาวอยุธยา ทั้งในเรื่อง การแก้ปัญหาที่ทำกิน ในแคมเปญ“มีเรา มีที่ทำกิน มีที่ดินไม่มีจน” การแก้ปัญหาน้ำ “มีเรา ไม่มีแล้ง มีน้ำ ไม่มีจน และ เพิ่มเงินสวัสดิการเป็น 700 บาท หรือ”ลุงป้อม 700” ซึ่งเป็นแคมเปญหลักในการหาเสียงเบื้องต้นในขณะนี้

โดยก่อนถึงกำหนดการปราศรัย คณะผู้บริหารจากพรรคพลังประชารัฐ พร้อมผู้สมัคร จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ทั้ง 3 เขต ได้ลงพื้นที่ขึ้นรถแห่รอบเมืองท่าเรือ ตั้งแต่บริเวณวัดสะตือ จนถึงตลาดท่าเรือ ตลอดระยะทาง 5.2 กิโลเมตร โดยมีประชาชนในพื้นที่ต่างยิ้มแย้ม โบกมือ ตะโกน พร้อมให้กำลังใจ มอบดอกกุหลาบแก่ว่าที่ผู้สมัคร พรรคพลังประชารัฐตลอดทั้งสองข้างทาง

นายสันติ กล่าวว่า พรรคพลังประชารัฐได้ส่งว่าที่ผู้สมัครมารับใช้ชาวพระนครศรีอยุธยา 3 คน ก็ต้องของฝากให้พิจารณาผู้สมัครของเราด้วย เพื่อที่จะไปยกมือผลักดันให้มีการแต่งตั้ง พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30

นายสันติ กล่าวต่อถึงนโยบายของพรรคพลังประชารัฐที่จะมีการประกาศต่อไปก็คือ การเพิ่มศักยภาพความสามารถ ให้กับลูกหลานคนไทย เพราะขณะนี้นวัตกรรมโลกมันไปไกลมากแล้ว ถ้าเราจะทำการศึกษาเดิม ๆ เหมือน 200 ปีที่ผ่านมา เราก็จะตามไม่ทันโลก ปัญหาที่เกิดขึ้นคือเยาวชนของเราที่เพิ่งจะจบการศึกษามา แทบจะไม่มีงานทำ หรือไม่สามารถที่จะทำเงินได้ สิ่งเหล่านี้เป็นเรื่องที่น่าเจ็บปวด และน่าเป็นห่วงของประเทศชาติ ดังนั้น พรรคพลังประชารัญจึงมีนโยบายให้ทุกโรงเรียนสอนภาษาที่สอง ไม่ว่าจะเป็นภาษาอังกฤษ จีน หรือญี่ปุ่น ตั้งแต่ชั้นอนุบาล เพื่อที่จะยกระดับคุณภาพชีวิตของเยาวชน

“พล.อ.ประวิตรได้เน้นย้ำถึงเรื่องการดูแลพี่น้องประชาชนมาโดยตลอด โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง และผู้มีรายได้น้อย ซึ่งเป็นที่ทราบกันอยู่แล้วว่ากระทรวงการคลังได้เป็นผู้ดำเนินการโครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ หรือบัตรประชารัฐ ซึ่งพรรคพลังประชารัฐก็เป็นพรรคที่ได้คิด ดำริ ในเรื่องนี้ขึ้นมา ซึ่งหัวหน้าพรรคของเราก็ได้ให้ความสำคัญในเรื่องของเงินในบัตรที่จะช่วยเหลือประชาชนได้ จึงได้ออกมาเป็นนโยบาย 700 บาท สำหรับบัตรสวัสดิการประชารัฐ มุ่งทำมาเพื่อดูแล ผู้มีรายได้น้อย คนชรา กลุ่มเปราะบาง โดยนโยบายทั้งหมด พล.อ.ประวิตร ยืนยันว่าจะทำทันที แต่ก็ขึ้นอยู่กับพี่น้องประชาชนที่จะต้องเลือกว่าที่ผู้สมัครของเราเข้าไปนั่งสภาฯ เพื่อสนับสนุนให้ ให้เป็นนายกฯคนที่ 30 และ หากได้จัดตั้งรัฐบาล พร้อมผลักดันนโยบายตามที่ประกาศไว้ในทุกด้าน ทั้งดูแลสุขอนามัย การศึกษา โดยเน้นดูแลสตรีที่มีครรภ์ ให้มีเงินสวัสดิการดูแลตั้งแต่เดือนที่ 5 และดูแลเด็กแรกเกิดไปจนถึง 6. ขวบ รวมถึง ในโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล(รพ.สต.)ส่งเสริมให้มีแพทย์ 2 คน เพื่อดูแลสุขภาพของชุมชน เพื่อลดภาระค่าใช้จ่ายเดินทางไปโรงพยาบาล เป็นต้น ”

ด้านนายชัยวุฒิ กล่าวว่า วันนี้พรรคพลังประชารัฐมาขอแนะนำว่าที่ตัวผู้สมัครจังหวัดอยุธยา ซึ่งเป็นคนรุ่นใหม่ไฟแรง ที่มีความรู้ ความสามารถ เป็นคนพื้นที่ พร้อมทํางานแก้ปัญหาที่คั่งค้างให้กับพี่น้องประชาชน ในพื้นที่จังหวัดอยุธยา มีทั้งพื้นที่เกษตรกรรม และพื้นที่อุตสาหกรรม มีความหลากหลายทางเศรษฐกิจ เป็นสังคมที่มีหลายกลุ่มอาชีพ ซึ่งพรรคพร้อมเข้ามาดูแลทุกกลุ่ม และที่สำคัญต้องกำจัดการคอรัปชั่น ขจัดวงจรการทุจริต อะไรที่อยู่ใต้ดินก็ให้ขึ้นมาอยู่บนดินทำให้ถูกกฎหมาย เพื่อดูแลพี่น้องประชาชน

“พรรคพลังประชารัฐจะเข้ามาดูแลเพื่อให้จังหวัดอยุธยา พัฒนา และที่สําคัญคือ พรรคของเราจะเน้นสร้างการลงทุนในจังหวัดอยุธยามากขึ้น ควบคู่กับการบริหารจัดการน้ำ ส่งเสริมการท่องเที่ยวมากขึ้น ก็จะทำให้การค้าขายรวมถึงเศรษฐกิจต่าง ๆ ดีขึ้น ผมเชื่อว่า คนรุ่นใหม่ที่เราคัดสรรมามีความมุ่งมั่นที่จะมาช่วยกันทํางานให้ชาวพระนครศรีอยุธยาอยู่ดีกินดีขึ้นอย่างแน่นอน”

ทั้งนี้บรรยากาศเวทีปราศรัยเพื่อแนะนำตัวว่าที่ผู้สมัคร ณ ตลาดสุวรรณเกลียวทอง เป็นไปด้วยบรรยากาศผู้สนับสนุนและกองเชียร์ ที่รอต้อนรับ เพื่อฟังการปราศรัย ในนโยบาย ของ พปชร. ที่จะเข้ามาดูแลทุกข์สุข ของพี่น้องประชาชน โดยเฉพาะการแก้ปัญหาเรื่องน้ำ ที่พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรค ให้ความสำคัญการแก้ปัญหาเรื่องน้ำในพื้นที่อยุธยา ซึ่งเป็นพื้นที่ที่ประชาชนชาวอยุธยา ต้องเสียสละ ให้เป็นพื้นที่รับน้ำมาอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น พปชร. ขออาสาเข้ามาเพื่อสานต่อการช่วยเหลือและ ผลักดันโครงการต่างๆ เพื่อบริการจัดการน้ำแบบยั่งยืน เพื่อให้พี่น้องมีน้ำกิน น้ำใจ ป้องกันน้ำท่วมอย่างเป็นรูปธรรม

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 18 กุมภาพันธ์ 2566

“รอง หน.พปชร.” นำทีมเปิดรับสมาชิก “สร้างอนาคตไทย” อบอุ่น ผนึกความแข็งแกร่งร่วมหนุน พล.อ.ประวิตร นายกฯคนที่ 30

,

“รอง หน.พปชร.” นำทีมเปิดรับสมาชิก “สร้างอนาคตไทย” อบอุ่น ผนึกความแข็งแกร่งร่วมหนุน พล.อ.ประวิตร นายกฯคนที่ 30

วันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2566 นายวิรัช รัตนเศรษฐ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ นายไพบูลย์ นิติตะวัน รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ร่วมกันแถลงข่าว “พรรคสร้างอนาคตไทย กลับบ้านพลังประชารัฐ” โดยมี ดร.อุตตม สาวนายน อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง คณะกรรมการบริหารพรรค และนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงงาน โดยนายวิรัช กล่าวว่า เป็นการร่วมงานแถลงข่าวการคืนสู่เหย้า พรรคพลังประชารัฐ ของพรรคสร้างอนาคตไทย พร้อมเปิดตัวสมาชิกพรรค จำนวน 8 คน ที่จะเข้ามาร่วมกันทำงานของพรรค เพื่อเสริมสร้างให้พรรคมีความแข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น และเมื่ออยู่บ้านหลังเดียวก็จะทำให้บ้านเข้มแข็งพร้อมเป็นแกนหลักในการจัดตั้งรัฐบาลที่จะส่งให้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรค เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ต่อไป

สำหรับรายชื่อสมาชิกที่กลับเข้ามาร่วมงานกับพรรค จำนวน 8 คน ประกอบด้วย
1. นายประจวบเหมาะ ภักดีชน จ.นครศรีธรรมราช
2. พ.ต.อ.ภคพล ทวิชศรี จ.ชุมพร
3. นายกานต์ เพชรบูรณ์ จ.พังงา
4. นางปวีณา นิลแย้ม จ.ลพบุรี
5. นางศรัณยา สุวรรณพรหม จ.หนองบัวลำภู
6. นายมนตรี พึ่มชัย จ.อุดรธานี
7. นายประวัติ กองเมืองปัก จ.มหาสารคราม และ
8. นายทวีศักดิ์ ประทุมลี จ.มุกดาหาร

นายไพบูลย์ กล่าวว่า วันนี้ถือเป็นนิมิตรหมายที่ดีในการต้อนรับอดีตสมาชิกพรรค ที่เคยอยู่ร่วมกับพลังประชารัฐมาก่อน และออกไปหาประสบการณ์ข้างนอก และทุกคนได้ระลึกถึงความอบอุ่นที่ทางหัวหน้าพรรคเป็นผู้ใหญ่ใจดีที่เป็นเสาหลักและเป็นที่ศรัทธาของทุกคนในพรรค และมีความแน่วแน่ที่จะกลับมาร่วมงานกับพรรคอีกคครั้งภายใต้การนำของ พล.อ.ประวิตร นับเป็นการสร้างความเข้มแข็งให้กับพรรค และที่มาในวันนี้ทุกคนล้วนมีความสำคัญและมีความสามารถ

ดร.อุตตม กล่าวว่า ก่อนหน้านี้เราอยู่กันมาสองพรรคการเมือง แต่วันนี้กลับมารวมกันเป็นหนึ่งเดียว คือพรรคพลังประชารัฐ ภายใต้เจตนารมณ์เดียวกันที่อยากเห็นบ้านเมืองมีความก้าวหน้าและเดินหน้าไปได้อีกครั้ง ซึ่งทุกคนจะเข้ามาช่วยกันใช้ทั้งกำลังสมอง กำลังกาย และใจ เพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่จะทำงานเพื่อประเทศและเพื่อคนไทยต่อไป

ด้านนายสนธิรัตน์ กล่าวว่า การกลับมาในวันนี้ เป็นบรรยากาศเก่าๆ ที่คุ้นเคย และขอขอบคุณหัวหน้าพรรค และกรรมการบริหารพรรคทุกท่านที่ให้การต้องรับสมาชิกพรรคสร้างอนาคตไทยที่มาร่วมงานกับพรรคพลังประชารัฐ และในวันนี้เรามีบุคลากรที่มีคุณภาพของพรรค ที่ทำงานร่วมกันและในอนาคตจะมีสมาชิกทยอยเข้ามาร่วมทำงานอีกหลายท่าน ที่จะเข้ามาทำหน้าที่ต่างๆ ของพรรค ทั้งทีมเศรษฐกิจ ทีมนโยบาย และงานด้านอื่นๆ ที่เป็นประโยชน์กับพรรคเพื่อสร้างความเข้มแข็งในทุกนโยบายที่จะเกิดขึ้นของพรรค

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 15 กุมภาพันธ์ 2566

“พล.อ.ประวิตร” ปลุกกระแส 3 นโยบายมัดใจคนเมืองกาญจน์ ย้ำ ก้าวข้ามทุกปัญหา ทุกความขัดแย้ง ส่ง 5 ว่าที่ผู้สมัคร พปชร.กวาดยกจังหวัดแก้ปัญหาน้ำ ที่ดินทำกิน ตรงจุด

,

“พล.อ.ประวิตร” ปลุกกระแส 3 นโยบายมัดใจคนเมืองกาญจน์
ย้ำ ก้าวข้ามทุกปัญหา ทุกความขัดแย้ง ส่ง 5 ว่าที่ผู้สมัคร พปชร.กวาดยกจังหวัดแก้ปัญหาน้ำ ที่ดินทำกิน ตรงจุด

วันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2566 เวลา19.00 น พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ( พปชร.) นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ในฐานะเลขาธิการพรรค นายวิรัช รัตนเศรษฐ รองหัวหน้าพรรค และนายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ลงพื้นที่พบปะพี่น้องประชาชน จ. กาญจนบุรี เป็นการเปิดเวทีปราศรัยใหญ่ ครั้งแรกของพื้นที่ภาคกลาง บริเวณเกาะรัตนกาญจน์ ต.บ้านเหนือ อ.เมือง จ.กาญจนบุรี ซึ่งมีประชาชนมารอต้อนรับอย่างเนืองแน่น และชูป้ายให้กำลังใจ ขึ้นเป็นนายกคนที่ 30 พร้อมกับการชูแคมเปญของพื้นที่จังหวัดที่มุ่งมั่น “เปลี่ยนคน เปลี่ยนเมือง เพื่อคนเมืองกาญจน์ของเรา ผ่านการขับเคลื่อนของว่าที่ผู้สมัคร ทั้ง5 เขต และ 1 สส บัญชีรายชื่อ

พร้อมกับการเปิดนโยบายแก้จนภายใต้แคมเปญ “มีเรา ไม่มีแล้ง มีน้ำไม่มีจน” “มีเรา มีที่ทำกิน มีที่ดินไม่มีจน” และ”ลุงป้อม 700” พร้อมไปกับการเปิดตัวว่าที่ผู้สมัครของพรรคพลังประชารัฐ ทั้ง 5 เขต และสส.บัญชีรายชื่อ ต่อพี่น้องประชาชน ประกอบด้วยเขต 1 นายจีระเกียรติ ภูมิสวัสดิ์ เขต 2 นายชูเกียรติ จีนาภัคดิ์ เขต 3 พล.ต.ต.กมลสันติ กลั่นบุศย์ เขต 4 นางสาวลำยอง ยิ้มใหญ่หลวง เขต 5 นายประเทศ บุญยงค์ และนางศรีสมร รัศมีฤกษ์เศรษฐ์ ระบบบัญชีรายชื่อ

ทั้งนี้พล.อ.ประวิตร ได้กล่าวทักทายกับชาว เมืองกาญจน์ กว่า 20,000คนที่มาร่วมรับฟังคำปราศรัย โดยขึ้นเวที ด้วยระบบไฮดรอลิก ผมรู้สึกอบอุ่นใจทุกครั้งที่ได้มาเยือนจังหวัดกาญจนบุรี โดยเราตั้งมั่นว่า จะนำความรุ่งเรือง ความยิ่งใหญ่มาให้กับชาวจังหวัดเมืองกาญจน์ และจะเป็นส่วนหนึ่งของความรุ่งเรืองในประเทศไทยบ้านของเราทุกคน วันนี้ตนมายืนอยู่ตรงนี้พร้อมกับพี่น้องพรรคพลังประชารัฐ มาเพื่อให้คนกาญจน์มั่นใจว่า แนวความคิด แนวทาง และหัวใจของพวกเราทุกคนได้คัดสรรคนเกรดเอเข้ามารับใช้ทุกท่าน

“ที่ผ่านมาผมได้เรียนรู้ว่า ถ้าจะเลือกผู้สมัคร ส.ส.มาให้กับชาวเมืองกาญจน์ อย่าเลือกคนที่แค่อยากจะเป็น ส.ส.แต่ไม่มีอุดมการณ์ แต่ต้องเลือกคนที่อยากทำงานอยากแก้ปัญหา มาเพิ่มโอกาสให้กับคนเมืองกาญจน์พรรคพลังประชารัฐจึงต้องพิจารณาอย่างหนัก เพื่อสรรหาคนที่ดีที่สุด และเอาใจใส่ มีความมุ่งมั่น ทุ่มเทและรู้ถึงปัญหาของคนเมืองกาญจน์อย่างแท้จริง ที่สำคัญคือ ต้องแก้ปัญหาให้กับชาวจังหวัดกาญจนบุรีให้ได้ ผู้สมัครของพรรคในครั้งนี้เรานำคนเกรดเอ เพื่อมาช่วยพัฒนากาญจนบุรีเป็นจังหวัดเกรดเอให้ได้ และวันนี้ผู้สมัครทั้ง 6 คน ของพรรคพลังประชารัฐ พร้อมแล้วที่จะทำงานให้กับพี่น้องชาวจังหวัดกาญจนบุรี ขอให้ชาวเมืองกาญจน์ลงคะแนนให้กับคนทำงานได้เข้าไปแก้ปัญหาอย่างรู้จริง”

พล.อ.ประวิตร กล่าวต่อว่า ในประเทศไทยไม่ว่าจะเป็นเมืองกาญจน์หรืองพื้นที่อื่น ๆ พรรคพลังประชารัฐขอยืนยันว่า จะแก้ปัญหาให้กับประชาชนให้ได้ในทุกๆเรื่องไม่ว่าจะเป็นเรื่องน้ำ เรื่องการพัฒนาแหล่งน้ำ รวมไปถึงแหล่งกักเก็บน้ำ ท่อส่งน้ำไปให้กับพี่น้องประชาชนได้มีน้ำบริสุทธิ์ใช้บริโภคอุปโภค พรรคพลังประชารัฐยังเร่งแก้ไขปัญหาให้กับประชาชนที่ยังมีความเดือดร้อนอยู่ รวมถึงปัญหาเรื่องที่ดินทำกินก็เป็นปัญหาเรื้อรังมานานในหลายจังหวัด พรรคพลังประชารัฐของเราก็พยายามที่จะแก้ปัญหาให้กับทุกคน ที่ได้รับความเดือดร้อน ไม่ว่าจะเป็นการโดนไล่ที่ดิน หรือการถูกรื้อถอนที่อยู่อาศัย นโยบายของพรรคของเราจะช่วยกันขับเคลื่อนกับทุกภาคส่วน เพื่อแก้ปัญหาให้กับชาวจังหวัดกาญจนบุรีและคนไทยทั้งประเทศให้ได้

นอกจากนี้ปัญหาไม่ได้มีแค่เรื่องน้ำ หรือที่ดิน แต่ยังมีปัญหาในเรื่องของการท่องเที่ยว ยาเสพติด การค้าขายตามแนวชายแดน รวมถึงปัญหามลพิษต่างๆ และราคาปุ๋ย ราคาสินค้าเกษตรตกต่ำ เราต้องมาช่วยกันแก้ไขความยากจนให้กับคนจน พลังประชารัฐจะสร้างงาน สร้างอาชีพ สร้างรายได้ และพัฒนาคน เราต้องเตรียมคน เตรียมเมืองให้พร้อม เราจะต้องต่อสู้เพื่ออนาคตของลูกหลาน เพราะเขาจะต้องมาดูแลบ้านเมืองต่อจากพวกเรา

พล.อ.ประวิตร ยังได้กล่าวขอให้ทุกท่านได้โปรดลงคะแนนให้กับ ส.ส.ของพรรคพลังประชารัฐเพื่อมาทำหน้าที่คอยสื่อสารความต้องการของท่าน และนำไปสู่การแก้ไขปัญหาให้เป็นรูปธรรม ส.ส.ของพรรคเราจะต้องทำให้ได้จริง เมื่อเป็น ส.ส.แล้วก็ต้องทำงานให้คุ้มกับที่ประชาชนเลือกมา จะทำให้ประชาชนหรือจังหวัดเสียโอกาสไม่ได้

“พรรคพลังประชารัฐไม่ต้องการขัดแย้งกับฝ่ายใดเพราะถ้าหากมัวแต่ทะเลาะกัน บ้านเมืองก็จะไม่ไปไหนทุกคนจะต้องมีเป้าหมายสร้างความสมานฉันท์และทำงานร่วมกันเพื่อให้ประเทศเดินหน้า และให้ประชาชนอยู่ดีกินดี พรุ่งนี้เป็นวันแห่งความรัก ผมขอถือโอกาสนี้มอบความรัก และความปรารถนาดีให้กับพี่น้องชาวจังหวัดกาญจนบุรี และพี่น้องคนไทยทั่วประเทศ ขอให้เชื่อมั่นในความรัก ความสามัคคี ขอให้บ้านเมืองของเราสงบสุข และขอให้ประเทศชาติมั่นคง ประชาชนมีความสุข พรรคพลังประชารัฐจะก้าวข้ามความขัดแย้งขจัดทุกปัญหา พัฒนาทุกพื้นที่” พล.อ.ประวิตร กล่าว

ด้านนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ กรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า ได้มายืนในที่กาญจนบุรี ทำให้คิดถึงเมื่อสี่ปีที่แล้ว และครั้งนี้ก็ยังได้รับการต้อนรับที่อบอุ่นเหมือนเคยต้องขอขอบคุณชาวจังหวัดกาญจนบุรีทุกคน พลเอกประวิตรตัดสินใจเลือกจังหวัดกาญจนบุรีเป็นจังหวัดที่จะนำชัยชนะมาให้ จึงเปิดการปราศรัยใหญ่ที่นี่เป็นจังหวัดแรก การเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมาชาวจังหวัดกาญจนบุรีได้ให้โอกาส ส.ส.ของพรรคพลังประชารัฐถึง 4 จาก 5 คนและครั้งนี้พรรคพลังประชารัฐก็ยังมีคนคุณภาพมาให้พี่น้องเลือกเช่นเคย

กาญจนบุรี เป็นพื้นที่แรก หลังจากที่ พรรค ได้ออกนโยบายเพิ่มเติมเพื่อนำเสนอต่อประชาชน โดยเน้นการแก้ไขปัญหาน้ำท่วม น้ำแล้ง และ ปัญหา ที่ทำกิน เพื่อสร้างรายได้ที่มั่นคงให้กับประชาชนทั่วประเทศ พร้อมฝากและเลือกว่าที่ผู้สมัครทุกเขตทั้งจังหวัด เพื่อเป็นตัวแทนของพี่น้องประชาชน ที่จะเข้าไปทำหน้าที่ไปผลักดันนโยบายแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนและยกระดับความเป็นอยู่ให้ดีขึ้น พรรคไม่มีความขัดแย้งกับใคร เพราะเราจะมุ่งก้าวข้ามความขัดแย้ง ขจัดความยากจน ทุกพื้นที่ของประเทศ

ในขณะที่นโยบายเพิ่มเงินสวัสดิการประชารัฐ เป็น 700 บาท หรือที่เรียกกันว่า “ลุงป้อม 700” ได้รับกระแสการตอบรับที่ดีจากพี่น้องประชาชนในการลดภาระค่าครองชีพที่สูงขึ้นในปัจจุบัน

ทั้งนี้ ว่าที่ผู้สมัครทั้ง 5 คน และ สส. บัญชีรายชื่อ อีก 1 คน ได้ขึ้นปราศรัย เพื่อปลุกพลังคนพลังประชารัฐ แสดงจุดยืน การันตีผลงาน และประสบการณ์ที่ผ่านมา พร้อมดูแลประชาชน อย่างต่อเนื่อง และเข้าใจปัญหาทุกด้านของคนเมืองกาญจน์ที่จะถูกนำไปแก้ไขทันที หากได้รับความไว้วางใจแบบยกทีมจากพี่น้องประชาชน เพื่อร่วมกัน หนุน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ หัวหน้าพรรค เป็นนายกคนที่30


ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 14 กุมภาพันธ์ 2566

“พล.อ.ประวิตร” ลุยพื้นที่เมืองกาญจน์แก้ไขปัญหาน้ำ-ที่ทำกินให้ประชาชน ชูเป้าหมายให้พี่น้องทุกพื้นที่”มีน้ำ มีที่ดิน ไม่มีจน” สร้างความมั่นคงในชีวิต

,

“พล.อ.ประวิตร” ลุยพื้นที่เมืองกาญจน์แก้ไขปัญหาน้ำ-ที่ทำกินให้ประชาชน ชูเป้าหมายให้พี่น้องทุกพื้นที่”มีน้ำ มีที่ดิน ไม่มีจน” สร้างความมั่นคงในชีวิต

พล.อ.ประวิตร ลงพื้นที่ จ.กาญจนบุรี ขับเคลื่อนแผนพัฒนาแหล่งน้ำ-มอบที่ทำกิน แก้ความยากจน ก้าวข้ามความเหลื่อมล้ำให้ชาวบ้าน/เกษตรกร ทั้งจังหวัด

เมื่อ 13 ก.พ.66 ,14.00 น.
พล.ท.พัชร์ชศักดิ์ ปฏิรูปานนท์ ผช.โฆษก รอง นรม. เปิดเผยว่า พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รอง นรม. พร้อมด้วย รมว.ดีอีเอส ,รมว.ศธ. ,รมช.คลัง ,รมช.กห. และคณะ ได้เดินทางไปปฏิบัติราชการ เพื่อติดตามการพัฒนาทรัพยากรน้ำ และแก้ปัญหาที่ดินทำกิน ให้กับพี่น้องประชาชนในพื้นที่ จ.กาญจนบุรี

พล.ท.พัชร์ชศักดิ์ ปฏิรูปานนท์ ผช.โฆษก รอง นายกรัฐมนตรีร กล่าวว่า ได้ติดตามความคืบหน้าโครงการจัดหาน้ำบาดาลขนาดใหญ่ อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ต.หนองฝ้าย อ.เลาขวัญ จ.กาญจนบุรี และได้ร่วมประชุมหารือและรับฟังการบรรยายสรุป จาก ร.ท.ทศพล ไชยโกมินทร์ ผวจ., รองเลขาฯสทนช., อธิบดีกรมทรัพยากรน้ำบาดาล, กรมชลประทาน ,ผอ.สคทช. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง สรุปภาพรวม จ.กาญจนบุรี อยู่ในพื้นที่ ลุ่มน้ำแม่กลอง และลุ่มน้ำท่าจีน ปัญหาน้ำหลากจากเทือกเขาต้นน้ำเข้าท่วมบ้านเรือนและพื้นที่การเกษตร สาเหตุจากลำน้ำระบายได้ช้าจากมีสิ่งกีดขวาง และลำน้ำตื้นเขิน รวมทั้งปัญหาภัยแล้งเกิดจากภาวะฝนน้อย และฝนทิ้งช่วง ทำให้ขาดแคลนน้ำเพื่อการเกษตร และความต้องการจากการเป็นพื้นที่ท่องเที่ยว ซึ่งรัฐบาลได้ให้ความสำคัญและสนับสนุนโครงการต่างๆ ทั้งงบปี61-65 ,งบกลางปี65 และงบบูรณาการปี66 รวมทั้งอีก 3โครงการสำคัญ วงเงิน 16,669 ล้านบาท ซึ่งประชาชนจะได้รับประโยชน์ 75,469 ครัวเรือน ได้แก่ โครงการขยายความจุอ่างเก็บน้ำลำอีซู และโครงการผันน้ำเขื่อนศรีนครินทร์ ระยะที่1 และโครงการผันน้ำจากเขื่อนศรีนครินทร์ รวมทั้งดำเนินการขุดเจาะบ่อบาดาล และขยายระบบส่งน้ำให้ครอบคลุมพื้นที่ขาดแคลนน้ำ โดยเฉพาะ อ.เลาขวัญ และอ.ห้วยกระเจา ซึ่งประสบภัยแล้ง อย่างต่อเนื่อง ถึงขนาดเรียกว่าเป็น “อีสาน จ.กาญจนบุรี”

ทั้งนี้ พล.อ.ประวิตร ได้กำชับให้ สทนช. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งรัดตาม 10 มาตรการฤดูแล้ง อย่างเคร่งครัด รวมทั้งเร่งรัดการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำลำอีซู และโครงการอื่นๆ เพื่อทำให้หลุดพ้นจาก คำว่า อีสาน จ.กาญจนบุรี ให้ได้ และบรรเทาความเดือดร้อน ให้กับพี่น้องประชาชน โดยเร็ว

จากนั้น พล.อ.ประวิตร ได้เป็นประธานพิธีมอบสมุดประจำตัว และหนังสืออนุญาตให้เข้าทำประโยชน์ที่ดินทำกิน(ส.ป.ก.4-01) จำนวน 10 อำเภอ รวม 2,978 ไร่ (คทช.ในเขตป่าสงวน 8,030 ไร่ ได้มอบไปแล้ว) โดย พล.อ.ประวิตร ได้กล่าวแสดงความยินดีกับผู้ที่ได้รับหนังสืออนุญาตดังกล่าว ซึ่งอยู่ในเขตปฏิรูปที่ดิน ส.ป.ก.4-01 เพื่อแก้ไขปัญหาที่ดิน และความยากจน ด้วยการกระจายสิทธิ์ การถือครองและนำไปสู่ความมั่นคงในที่ดินทำกิน ป้องกันการบุกรุก และจะส่งผลให้ชาวบ้าน/เกษตรกร มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ต่อไป

พล.อ.ประวิตร ยังได้พบปะพี่น้องประชาชน ที่มาให้การต้อนรับ อย่างอบอุ่น เป็นกันเอง โดยได้รับฟังข้อคิดเห็นต่างๆ อย่างใกล้ชิด พร้อมยืนยันว่ารัฐบาลมีความจริงใจ ที่จะแก้ไขปัญหาทุกความเดือดร้อน ของประชาชน เพื่อให้มีความอยู่ดีกินดี ทุกครัวเรือน ทุกพื้นที่ ให้ได้ ซึ่งก็มีชาวบ้านจำนวนมาก มาขอบคุณ พล.อ.ประวิตร ที่มีความห่วงใยและสามารถแก้ไขปัญหาทั้งในเรื่องน้ำ ที่ดินทำกินและอื่นๆได้เป็นผลสำเร็จ โดยกล่าวสะท้อนความรู้สึกออกมาว่า ท่านเป็นคนใจดี มีเมตตา กับประชาชนทุกคน มีภาวะผู้นำโดดเด่น เป็นศูนย์รวมความสามัคคี และประสานงานได้ทุกกลุ่ม โดนใจคนเมืองกาญจน์ เหมาะเป็นนายกฯ คนต่อไป


ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 13 กุมภาพันธ์ 2566

เกณิกา มั่นใจ “มีลุงป้อม ไม่มีแล้ง” แก้ปัญหาความยากจนตรงจุด//ประชาชนตอบรับนโยบายแก้ปัญหาภัยแล้ง เชื่อมั่นลุงป้อมทำได้จริง-เลือกเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30

,

เกณิกา มั่นใจ “มีลุงป้อม ไม่มีแล้ง” แก้ปัญหาความยากจนตรงจุด//ประชาชนตอบรับนโยบายแก้ปัญหาภัยแล้ง เชื่อมั่นลุงป้อมทำได้จริง-เลือกเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30

ประชาชนตอบรับนโยบายแก้ปัญหาภัยแล้ง เชื่อลุงป้อมทำได้จริงจากผลงานที่ผ่านมา

13 กุมภาพันธ์ 2566 น.ส.เกณิกา อุ่นจิตร์ ทีมโฆษกพรรคพลังประชารัฐและว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.จังหวัดสระบุรีเขต 3 เผยว่า หลังจากที่พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐเพิ่งเปิดนโยบายไปเมื่อวันที่ 10 กุมภาพันธ์ ที่ผ่านมาวัน ตนเองเร่งลงพื้นที่สำรวจปัญหาภัยแล้งที่ อ.วิหารแดง จ.สระบุรี และรับฟังปัญหาของประชาชน พร้อมทั้งชูนโยบาย “มีเรา ไม่มีแล้ง มีน้ำไม่มีจน”

นโยบาย “มีเรา ไม่มีแล้ง มีน้ำไม่มีจน” เป็นการสานต่อนโยบายการบริหารจัดการน้ำ เติมน้ำในเขื่อนขนาดใหญ่ เพิ่มแหล่งกักเก็บน้ำ เพิ่มแหล่งน้ำสำรอง และแหล่งน้ำทางเลือก แก้ปัญหา น้ำแล้งน้ำท่วม การจัดทำผังน้ำชุมชน จัดระเบียบทางน้ำทั่วประเทศ ยกระดับการบริหารจัดการน้ำทั้งระบบ เพื่อสร้างความมั่นคงด้านน้ำ พร้อมเผชิญภัยพิบัติจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของโลก ซึ่งจะเป็นการลดความสูญเสียทั่งชีวิตและทรัพย์สินของพี่น้องประชาชนได้อย่างมีประสิทธิภาพ

ซึ่งหลังจากการลงพื้นที่พูดคุยกับประชาชน ที่เป็นกลุ่มเกษตรกร ซึ่งมีปัญหาเรื่องน้ำ ไม่มีน้ำทำไร่ทำนา บางจุดมีฝายแล้วแต่ยังตื้นอยู่ทำให้น้ำแห้งประชาชนเคยเสนอขุดรอกให้ลึก ได้มีน้ำริมคลองใช้
ตนจึงได้ชูนโยบายแก้ปัญหาน้ำแล้ง เพื่อให้ทราบถึงนโยบายของพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งพี่น้องเกษตรกร ต่างตอบรับและบอกว่าน่าจะแก้ปัญหาความยากจนได้ตรงจุด และเชื่อว่าทำได้จริง
เพราะเห็นผลงานในการจัดการน้ำ และแก้ปัญหามาแล้วในหลายพื้นที่

หากแก้ปัญหาเรื่องนี้ได้ เกษตรกรจะทำเกษตรได้ทั้งปี มีน้ำไว้ปลูกผัก ทำสวน เลี้ยงสัตว์
ประชาชนในหลายหมู่บ้านจะมีเศรษฐกิจและความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น
น.ส.เกณิกา กล่าว

นอกจากนโยบาย ที่ 1 “ป้อม 700”
นโยบายที่ 2 “มีเรา ไม่มีแล้ง มีน้ำไม่มีจน” และ
นโยบายที่ 3 “มีเรา มีที่ทำกิน มีที่ดินไม่มีจน”
พรรคจะทยอยนโยบายอื่นอีก โดยมั่นใจว่าทำได้จริงทุกข้อพรรคประชารัฐพร้อมที่จะเป็นรัฐบาล และลุงป้อมพร้อมเป็นนายกฯ

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 13 กุมภาพันธ์ 2566

“พล.อ.ประวิตร”ยกพลพรรคพปชร.สานสายใยชาวเมืองกาญฯ ชูนโยบายแก้จนเวทีแรกพร้อมเปิดตัวว่าที่ผู้สมัครเสนอรับใช้ปชช.

,

“พล.อ.ประวิตร”ยกพลพรรคพปชร.สานสายใยชาวเมืองกาญฯ
ชูนโยบายแก้จนเวทีแรกพร้อมเปิดตัวว่าที่ผู้สมัครเสนอรับใช้ปชช.

วันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2566 พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ในฐานะเลขาธิการพรรค นายวิรัช รัตนเศรษฐ รองหัวหน้าพรรค และนายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เตรียมลงพื้นที่เพื่อเปิดเวทีปราศรัยใหญ่ และเปิดตัวว่าที่ผู้สมัครของพรรคพลังประชารัฐ ทั้ง 5 เขตต่อพี่น้องประชาชน จ. กาญจนบุรี วันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2566 เวลา 18.00 น. บริเวรเกาะรัตนกาญจน์ ต.บ้านเหนือ อ.เมือง จ.กาญจนบุรี

การเปิดปราศรัยในจ.กาญจนบุรี จะเป็นเวทีแรกที่หัวหน้าพรรคจะนำเสนอนโยบายเพิ่มเติมของพรรค ทั้งนโยบายแก้ไขปัญหาน้ำท่วมน้ำแล้ง และนโยบายแก้ไขปัญหาที่ทำกิน เพื่อสร้างความมั่นคงให้กับประชาชน ภายใต้แคมเปญ “มีเรา ไม่มีแล้ง มีน้ำไม่มีจน” “มีเรา มีที่ทำกิน มีที่ดินไม่มีจน” หลังจากที่พรรคได้นำเสนอนโยบายเพิ่มเงินสวัสดิการประชารัฐ เป็น 700 บาท หรือที่เรียกกันว่า “ลุงป้อม 700” ที่ประชาชนให้การสนับสนุนและให้การตอบรับเป็นอย่าง เป็นการลดภาระค่าครองชีพให้กับประชาชนได้

ทั้งนี้ในการเปิดตัวว่าที่ผู้สมัครทั้ง 5 เขต ประกอบด้วยเขต 1 นายจีระเกียรติ ภูมิสวัสดิ์ เขต 2 นายชูเกียรติ จีนาภัคดิ์ เขต 3 พล.ต.ต.กมลสันติ กลั่นบุศย์ เขต 4 นางสาวลำยอง ยิ้มใหญ่หลวง เขต 5 นายประเทศ บุญยงค์ และนางศรีสมร รัศมีฤกษ์เศรษฐ์ ระบบบัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ

อย่างไรก็ตาม พรรคจะยังคงยึดมั่น ที่จะก้าวข้ามความขัดแย้ง พร้อมทั้งเดินหน้ามีนโยบายด้านอื่นที่จะช่วยเหลือให้ประชาชนมีความมั่นคงในชีวิต มั่งทางด้านการประกอบอาชีพ ความปลอดภัยในชีวิตและทนัพย์สิน มีคุณภาพชีวิตที่ดีและมั่นคง ที่จะนำไปสู่การขับเคลื่อนประเทศไปข้างหน้า

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 12 กุมภาพันธ์ 2566

ลุงป้อม ใจดี ยิ้มแย้ม ร้องเพลง มอบความรักให้ เด็กๆ ก่อนวันวาเลนไทน์ ณ สถานสงเคราะห์เด็กชายบ้านปากเกร็ด

,

ลุงป้อม ใจดี ยิ้มแย้ม ร้องเพลง มอบความรักให้ เด็กๆ ก่อนวันวาเลนไทน์ ณ สถานสงเคราะห์เด็กชายบ้านปากเกร็ด

วันอาทิตย์ 12 กุมภาพันธ์ 2566 เวลา ประมาณ 10.30 น.พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ลุงป้อมได้เดินทางไปพร้อมกับหลานๆ โดยไปทำกิจกรรมมอบความสุขความรักให้กับเด็กๆ ที่สถานสงเคราะห์เด็กชาย บ้านปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี โดยพลเอกประวิตร ได้ร่วมร้องเพลงและทำกิจกรรมมอบความรักความอบอุ่นให้กับเด็กๆ และได้ร่วมตักไอศครีมแจกเด็กๆ เป็นการมอบความสุข ความรักก่อนวันวาเลนไทน์ที่จะมาถึงในวันอังคาร ที่ 14 กุมภาพันธ์นี้ นอกจากนี้ รองนายกรัฐมนตรียังร่วมร้องเพลง
”ทรงอย่างแบด” กับเด็กๆอย่างสนุกสนานพร้อมทั้งร่วมถ่ายรูปและโอบกอดเด็กๆ เพื่อเป็นขวัญกำลังใจและมอบความรักให้แก่เด็กเด็กในโอกาสวันแห่งความรัก Valentine Day ที่ใกล้จะมาถึง สร้างความสนุกสนาน ครื้นเครง ให้กับเด็กๆ เป็นอย่างมาก โดยเด็กๆ ได้ขอถ่ายรูปร่วมกับลุงป้อมไว้เป็นที่ระลึก ก่อนจบกิจกรรมอย่างมีความสุข

วันอาทิตย์ 12 กุมภาพันธ์ 2566 เวลา ประมาณ 10.30 น.พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ลุงป้อมได้เดินทางไปพร้อมกับหลานๆ โดยไปทำกิจกรรมมอบความสุขความรักให้กับเด็กๆ ที่สถานสงเคราะห์เด็กชาย บ้านปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี โดยพลเอกประวิตร ได้ร่วมร้องเพลงและทำกิจกรรมมอบความรักความอบอุ่นให้กับเด็กๆ และได้ร่วมตักไอศครีมแจกเด็กๆ เป็นการมอบความสุข ความรักก่อนวันวาเลนไทน์ที่จะมาถึงในวันอังคาร ที่ 14 กุมภาพันธ์นี้ นอกจากนี้ รองนายกรัฐมนตรียังร่วมร้องเพลง
”ทรงอย่างแบด” กับเด็กๆอย่างสนุกสนานพร้อมทั้งร่วมถ่ายรูปและโอบกอดเด็กๆ เพื่อเป็นขวัญกำลังใจและมอบความรักให้แก่เด็กเด็กในโอกาสวันแห่งความรัก Valentine Day ที่ใกล้จะมาถึง สร้างความสนุกสนาน ครื้นเครง ให้กับเด็กๆ เป็นอย่างมาก โดยเด็กๆ ได้ขอถ่ายรูปร่วมกับลุงป้อมไว้เป็นที่ระลึก ก่อนจบกิจกรรมอย่างมีความสุข

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 12 กุมภาพันธ์ 2566

“พล.อ.ประวิตร” เปิดนโยบายบริหารจัดการที่ดินทำกิน-น้ำ ลั่น “มีลุง ไม่มีแล้ง” ยกเป็นวาระแห่งชาติเพื่อปชช.กินดีอยู่ดี

,

“พล.อ.ประวิตร” เปิดนโยบายบริหารจัดการที่ดินทำกิน-น้ำ ลั่น “มีลุง ไม่มีแล้ง” ยกเป็นวาระแห่งชาติเพื่อปชช.กินดีอยู่ดี

วันนี้(10 ก.พ.) พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ แถลงข่าวเปิดนโยบายพรรคเพิ่มเติม โดยมีนายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง และเลขาธิการพรรค นายวิรัช รัตนเศรษฐ รองหัวหน้าพรรค ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เหรัญญิกพรรค คณะกรรมการบริหาร และคณะทำงานขับเคลื่อนนโยบายพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งเป็นการเปิดนโยบายที่สำคัญของพรรคอีก 2 เรื่อง ก็คือ เรื่องน้ำ และเรื่องที่ดิน จากการทำงานในพื้นที่มาโดยตลอดของผม และทีมงาน สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) เข้าไปติดตาม รับฟัง และ แก้ปัญหาน้ำ และที่ดินทั่วประเทศ โดยเฉพาะเรื่องน้ำ ที่ได้นำมาสู่การทำแผนแม่บท บูรณาการ 38 หน่วยงาน ทำผังน้ำ พัฒนาแหล่งน้ำผิวดิน น้ำบาดาล น้ำประปา น้ำเพื่อการเกษตร ออกมาตรการฤดูแล้ง มาตรการฤดูฝน ผลงานชัด ๆ ก็คือ 3 ปีนี้ ไม่มีการประกาศพื้นที่ภัยแล้งเลย เรายืนยันว่า “มีลุง ไม่มีแล้ง”

ดังนั้น เรื่องน้ำและที่ดิน เป็นนโยบายต่อเนื่องจากนโยบายแรก ซึ่งภายหลังจากพรรคได้เปิดนโยบายในการเพิ่มเงินสวัสดิการในบัตรประชารัฐเป็น 700 บาทต่อเดือน ได้รับกระแสตอบรับจากประชาชนเป็นอย่างดี แต่นโยบายของพรรค ยังมีอีกหลายด้านที่มุ่งเน้นให้ประชาชนมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น “อยู่ดีกินดี” เพราะทุกวันนี้ ปัญหาความยากจน ยังคงมีอยู่ พรรคพลังประชารัฐ พร้อม ! ขจัดปัญหาความยากจน โดยประกาศเป็นวาระแห่งชาติ เพื่อแก้ปัญหาที่สำคัญ เช่น ปัญหาหนี้สิน ปัญหาราคาพืชผลตกต่ำ ปัญหาการบริหารจัดการน้ำ และ ปัญหาที่ดินทำกิน เป็นต้น

สำหรับนโยบายที่พรรคประกาศเพิ่มเติมในวันนี้ นโยบายที่ 1 เราพร้อม ! สานต่อนโยบายการบริหารจัดการน้ำ เติมน้ำในเขื่อนขนาดใหญ่ เพิ่มแหล่งกักเก็บน้ำ เพิ่มแหล่งน้ำสำรอง และแหล่งน้ำทางเลือก แก้ปัญหา น้ำแล้งน้ำท่วมซ้ำซาก จัดทำผังน้ำชุมชน จัดระเบียบทางน้ำทั่วประเทศ ยกระดับการบริหารจัดการน้ำทั้งระบบ เพื่อสร้างความมั่นคงด้านน้ำ พร้อมเผชิญภัยพิบัติจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของโลก ซึ่งจะเป็นการลดความสูญเสียทั่งชีวิตและทรัพย์สินของพี่น้องประชาชนได้อย่างยั่งยืน

นโยบายที่ 2 เราพร้อม ! สานต่อนโยบายบริหารจัดการที่ดิน “มีเรา มีที่ทำกิน มีที่ดินไม่มีจน” เพื่อให้คนไทยมีที่อยู่อาศัย และที่ทำกิน ด้วยการ “ปฏิรูประบบที่ดิน คืนที่ทำกินให้ประชาชน” โดย เร่งรัดออกเอกสารสิทธิ์ที่ดินทุกประเภท เปลี่ยน ส.ป.ก. เป็นโฉนด จัดที่ดินของรัฐที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์ให้คนไร้ที่ทำกินกว่า 2 ล้านราย ยกระดับธนาคารที่ดิน ตั้งศูนย์พิสูจน์และคุ้มครองสิทธิประชาชน ชะลอการดำเนินคดีและนิรโทษกรรมความผิดเกี่ยวกับที่ดิน และสังคายนากฎหมายที่ดินทั้งระบบ เพื่อใช้ประโยชน์ที่ดินอย่างคุ้มค่าสูงสุดรองรับการพัฒนาประเทศ และคืนความยุติธรรมให้กับประชาชนอย่างเท่าเทียม

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 10 กุมภาพันธ์ 2566

“วิรัช”เปิดครอสส่งพลังใจว่าที่ผู้สมัครรุ่น 7 ย้ำ”ป้อม700”ปชช.ได้ประโยชน์ ชี้แลนด์สไลด์ไม่ใช่จุดเปลี่ยนตัดสินใจลงคะแนน พร้อมหนุนขึ้นค่าตอบแทนนายกอบต.ควบกำนัน-ผู้ใหญ่บ้านเพื่อความเท่าเทียม

,

“วิรัช”เปิดครอสส่งพลังใจว่าที่ผู้สมัครรุ่น 7 ย้ำ”ป้อม700”ปชช.ได้ประโยชน์ ชี้แลนด์สไลด์ไม่ใช่จุดเปลี่ยนตัดสินใจลงคะแนน พร้อมหนุนขึ้นค่าตอบแทนนายกอบต.ควบกำนัน-ผู้ใหญ่บ้านเพื่อความเท่าเทียม

นายวิรัช รัตนเศรษฐ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เปิดเผยว่า ในวันนี้พรรคได้เปิดอบรมว่าที่ผู้สมัครรุ่น ที่ 7 โดยครั้งนี้ เน้นในเรื่องการสื่อสารและการลงพื้นที่พบปะประชาชน โดยเฉพาะการนำนโยบายหลักของพรรค เพื่อทำความเข้าใจกับประชาชน ในสิ่งที่พรรคต้องการช่วยเหลือ เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตในทุกด้าน ซึ่งขณะนี้ ว่าที่ผู้สมัครสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พปชร.ได้ลงพื้นที่อย่างต่อเนื่อง และได้รับความสนใจจากพี่น้องประชาชนเป็นอย่างดี โดยเฉพาะในเรื่องการเพิ่มเงินสวัสดิการประชารัฐเป็น 700 บาท หรือที่ใช้แคมเปญว่า “ป้อม 700” ซึ่งเป็นนโยบายที่พรรค ดำเนินการมาอย่างต่อเนื่อง และยังมีนโยบายด้านอื่นๆ เพื่อเสริมสร้างรายได้ สร้างอาชีพที่มั่นคง ให้กับประชาชนในทุกมิติ

นายวิรัช กล่าวต่อว่า พรรคยังได้แนะแนวทางเพื่อสร้างกำลังใจให้กับว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. ถึงสถานการณ์การแข่งขันการเลือกตั้งที่จะมาถึง ในประเด็นต่างๆ โดยเฉพาะประเด็นเรื่องแลนด์สไลด์ ที่ไม่อยากให้เกิดความกังวลใจในการลงพื้นที่ของผู้สมัคร เพราะการเกิดแลนด์สไลด์ ขึ้นอยู่กับเสียงประชาชน ไม่ได้เป็นข้อสรุปที่จะตัดสินใจให้กับประชาชน สำคัญที่สุดคือการทำนโยบายเข้าถึงประชาชน และได้ประโยชน์จริงหรือไม่ ซึ่งเรามั่นใจว่า พรรคมีนโยบายที่ดี และเป็นที่ยอมรับของประชาชนอย่างแน่นอน

“สิ่งที่สำคัญที่สุด คือการหาเสียงต้องระมัดระวังในเรื่องของข้อกฎหมาย เพื่อไม่ให้ผิดกติกาในการหาเสียง ขณะเดียวกันต้องมีความระมัดระวังใช้คำปราศรัย ที่อาจจะนำไปสู่ความขัดแย้งได้ และเป็นข้อฟ้องร้องตามมา อาจทำให้เกิดผลกระทบในแง่ของการตัดสิทธิ์ ซึ่งพรรคเราเน้นการก้าวข้ามความข้ดแย้ง ตามนโยบายของพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ที่ให้ความสำคัญ เพราะการบริหารบ้านเมือง ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกฝ่าย เพื่อให้ประเทศเดินหน้าต่อไป

“วิรัช”หนุนขึ้นค่าตอบแทนนายกอบต.ควบกำนัน-ผญ.บ้านเพื่อความเท่าเทียม
นายวิรัช ยังกล่าวถึงกรณีข่าวที่ระบุถึงกรณีพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) เดินหน้าผลักดันค่าตอบแทนนายกองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ว่า ตนเห็นด้วยกับแนวทางที่จะปรับขึ้นดังกล่าวแต่ควรจะพิจารณาปรับขึ้นไปพร้อมกับค่าตอบแทนของกำนัน-ผู้ใหญ่บ้านเพื่อความเท่าเทียมและทั่วถึง

“ผมยืนยันว่าไม่ได้ไม่เห็นด้วยแต่ ควรจะขึ้นให้ให้เท่าเทียมกันเพราะกำนัน-ผู้ใหญ่บ้าน เป็นคนที่อยู่ในหมู่บ้าน ดูแลประชาชนภายในหมู่บ้าน ภายในตำบล คนเหล่านี้เงินเดือนน้อย เงินเดือนผู้ใหญ่บ้าน 8,000 บาท กำนัน 10,000 บาท ดังนั้นหากจะขึ้นอบต.ก็ควรจะให้เกิดความเท่าเทียมกัน เพราะเวลามีงานราชการ ทางราชการขอความร่วมมือก็บอกกำนัน*ผู้ใหญ่บ้าน ให้ไปบอกประชาชนให้มาร่วมงาน และเป็นคนออกค่าใช้จ่ายในการดูแลประชาชนที่ร่วมงานทั้งสิ้น ”นายวิรัชกล่าว

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 10 กุมภาพันธ์ 2566

“อุตตม” โชว์นโยบาย “พปชร.” ชูแนวคิด “ประชารัฐ” ลั่นไม่ใช่ประชานิยม แต่เป็นความร่วมมือ “รัฐ-เอกชน-ประชาชน” ชู แนวทางบริหาร 3 ส่วน “ทำเรื่องเร่งด่วน- เร่งรัดวางรากฐานการพัฒนา-ปฏิรูประบบราชการ”

,

“อุตตม” โชว์นโยบาย “พปชร.” ชูแนวคิด “ประชารัฐ” ลั่นไม่ใช่ประชานิยม แต่เป็นความร่วมมือ “รัฐ-เอกชน-ประชาชน” ชู แนวทางบริหาร 3 ส่วน “ทำเรื่องเร่งด่วน- เร่งรัดวางรากฐานการพัฒนา-ปฏิรูประบบราชการ”

วันที่ 9 ม.ค. 2566 ที่โรงแรมแกรนด์ ไฮแอท เอราวัณ กรุงเทพฯ ดร.อุตตม สาวนายน ที่ปรึกษาคณะกรรมการนโยบาย พรรคพลังประชารัฐ เป็นตัวแทนพรรคพลังประชารัฐ ร่วมแสดงวิสัยทัศน์ในหัวข้อ “Policy Push – Market Drives กำหนดนโยบายให้ตรงใจตลาดโลก” ในงาน “อนาคตประเทศไทย ECONOMIC DRIVES” ที่จัดขึ้นโดยโพสต์ทูเดย์ และบริษัท เนชั่น กรุ๊ป (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน)

โดยนายอุตตม แสดงวิสัยทัศน์ตอนหนึ่งว่า วันนี้ประเทศไทยอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อที่สำคัญจากสถานการณ์ทั้งในประเทศและจากนอกประเทศ ซึ่งถือเป็นทั้งความท้าทายและเป็นโอกาสได้เช่นเดียวกัน หากสามารถปรับตัวและมีความพร้อมต่อการรับมือกับสถานการณ์ที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะเรื่องของเศรษฐกิจโลกที่ปีนี้มีโอกาสถดถอย และชะงักงัน รวมถึงเรื่องที่สำคัญอย่างเรื่องภูมิรัฐศาสตร์ของโลก อย่างความตึงเครียดที่มีความไม่แน่นนอนของสถานการณ์โลก ที่ส่งผลให้เกิดความกังวล ทั้งประเทศมหาอำนาจ และประเทศไทย ที่อาจจะเกิดความแปลงที่คาดไม่ถึงได้ตลอดเวลา นอกจากนี้ยังมีเรื่องความเปลี่ยนแปลงทางเทคโนโลยี รวมถึงเรื่องการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

ทั้งนี้ต่อสถานการณ์ดังกล่าว พรรคพลังประชารัฐวางแนวทางในการบริหารจัดการเป็น 3 ส่วนสำคัญ คือ 1. การทำเรื่องเร่งด่วน การแก้ปัญหาเฉพาะหน้าที่ประเทศต้องเผชิญ และ 2. การเร่งรัดการวางรากฐานการพัฒนาที่ยั่งยืนให้คนไทยทั้งประเทศ และ 3. การปฏิรูประบบราชการ

โดยเรื่องเร่งด่วนแรก นานอุตตม ยกเป็นตัวอย่างคือ เรื่องบาดแผลของประเทศจากสถานการณ์โควิด ที่วันนี้ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี คนตัวเล็ก ยังคงเป็นแผลที่สาหัสอยู่ ปัญหาหนี้สินทั้งในและนอกระบบตรงนี้จะแก้อย่างไร

ซึ่งแนวทางของพรรคคือต้องแก้ปัญหาอย่างบูรณาการ คือ แก้หนี้ เติมทุน และสร้างทักษะอาชีพ ถึงจะตอบโจทย์การแก้ปัญหาที่ยั่งยืน

ส่วนเรื่องที่ 2 ต้องเร่งรัดการพัฒนาในมิติต่าง ๆ ตั้งแต่การปรับโครงสร้างเศรษฐกิจ โดยเริ่มจากเศรษฐกิจฐานรากคู่ขนานกับเศรษฐกิจมหภาค เนื่องจากพิสูจน์แล้วว่าหากเศรษฐกิจฐานรากไม่เข้มแข็ง เมื่อเกิดวิกฤตจะกระทบระบบเศรษฐกิจทั้งระบบ โดยการพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก จะต้องผสมผสานอย่างครบวงจรทั้งเรื่องของการเกษตร การท่องเที่ยว และเศรษฐกิจชุมชน เพื่อสร้างให้เกิดงานใหม่ ผลักดันชุมชนให้เข้มแข็งดูแลตัวเองได้มากที่สุด นอกจากนี้ ดร.อุตตม ยังมองว่าประเทศไทยต้องมีเครื่องยนต์เศรษฐกิจใหม่ ๆ เพราะเครื่องยนต์เศรษฐกิจประเทศไทยวันนี้เริ่มอ่อนแรง บางเครื่องล้าสมัยแล้ว อย่างเรื่องการส่งออกแม้จะเดินหน้าต่อไปได้ แต่ยังไม่สามารถขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้มีความแข็งแรงได้

และเรื่องที่ 3. ซึ่งเป็นสิ่งสุดท้ายที่ขาดไม่ได้คือการปฏิรูปรัฐราชการ ไม่ให้เป็นคอขวด เพื่อให้การบริหารงานราชการเป็นไปอย่างมีระบบ และตอบโจทย์การพัฒนาประเทศในสถานการณ์ปัจจุบันอย่างมีประสิทธิภาพ

“ที่สำคัญไม่แพ้กันคือเรื่องการพัฒนาคน เพราะสิ่งที่ผมพูดมาทั้งหมดจะเกิดขึ้นไม่ได้หากไม่มีการพัฒนาคน วันนี้การศึกษาต้องครบทุกวัย ผมมองว่าการลงทุนในเด็กช่วงปฐมวัย เป็นการลงทุนที่คุ้มค่าที่สุดที่เราจะทำเพื่อวางรากฐานการพัฒนาประเทศได้ ที่สำคัญที่ต้องเป็นรัฐสวัสดิการที่เข้าถึงถ้วนหน้าและมีคุณภาพ” ดร.อุตตม กล่าว

ดร.อุตตม กล่าวต่อว่า ภาพรวมการขับเคลื่อนนโยบายจากที่กล่าวมาทั้งหมด พรรคพลังประชารัฐจะขับเคลื่อนภายใต้แนวความคิดประชารัฐ ซึ่งตนขอย้ำว่า ประชารัฐไม่ใช่ประชานิยม เพราะแนวคิดประชารัฐ คือความร่วมมือระหว่างภาครัฐ เอกชน และประชาชน ที่ร่วมขับเคลื่อนเพื่อสร้างอนาคตที่ยั่งยืน สร้างการพัฒนาที่คุ้มค่า มั่งคั่ง ยั่งยืน สามารถแก้ปัญหาเรื่องความเหลื่อมล้ำ และความยากจนด้วยเครื่องมือที่เหมาะสมในทุกมิติ ซึ่งแนวทางดังกล่าวตนได้ร่วมขับเคลื่อนมาแล้วทั้งสิ้น ตั้งแต่การทำโครงสร้างพื้นฐานดิจิตัล โครงการเน็ตประชารัฐ การต่อยอดโครงการพร้อมเพย์ แอพพลิเคชั่นเป๋าตังค์ เป็นต้น

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 9 กุมภาพันธ์ 2566

“อาดิลัน” ขอบคุณ “พลเอกประวิตร” หลังจัดสรรงบ อุดหนุนอาหารกลางวันแก่เด็ก ตั้งแต่ปี 66-70

,

“อาดิลัน” ขอบคุณ “พลเอกประวิตร” หลังจัดสรรงบ อุดหนุนอาหารกลางวันแก่เด็ก ตั้งแต่ปี 66-70

นายอาดิลัน อาลีอิสเฮาะ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดยะลา พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวหารือในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรถึงฝ่ายบริหารของศูนย์การศึกษาอิสลามประจำจังหวัดว่า ต้องขอขอบพระคุณท่านพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ ในฐานะประธานคณะ กรรมการยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ ที่เห็นชอบเป็นหลักการจัดสรรงบอุดหนุนสำหรับอาหารกลางวันแก่เด็ก ตั้งแต่ปี 2566-2570 รวมเป็นเงินประมาณ 2,000 ล้านบาท และคณะรัฐมนตรีได้เห็นชอบอนุมัติในหลักการดังกล่าวแล้วเมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ 2561

“ผมยังหวังผู้ที่จะได้เข้าเป็นรัฐบาลในครั้งต่อไป จะจัดสรรงบประมาณสำหรับนมเด็กแรกเกิด และอาหารแก่เด็กทุกคนก่อนเข้าไปเรียน เพื่อเพิ่มคุณภาพชีวิตเป็นให้เด็กไทยทุกคน”

นายอาดิลัน ยังกล่าวถึง คณะกรรมการยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยพลเอกประวิตร เป็นประธาน ได้มีมติเห็นชอบเป็นหลักการให้เยียวยาแก่ครูและบุคลากรทางการศึกษาที่ได้รับผลบาดเจ็บ ทุกกลภาพ และพิการ จากสถานการณ์ความไม่สะดวกเป็นจังหวัดชายแดนภาคใต้จำนวนทั้งสิ้น 11 รายรวมเป็นเงินประมาณ 3 พัน 3 ล้านบาทแล้ว จึงขอให้รัฐมนตรีกระทรวงศึกษาธิการจัดสรรงบกลางเพื่อจ่ายเยียวยาแก่ผู้มีสิทธิ์ได้รับ เพราะตกค้างมาตั้งแต่ปี 2547-2556 หรือ10-19 ปีแล้ว

#พรรคพลังประชารัฐ #พลังประชารัฐ #พปชร #PPRP #อาดิลันอาลีอิสเฮาะ
Twitter : https://twitter.com/PPRPofficial

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 9 กุมภาพันธ์ 2566