โลกเปลี่ยน ไทยต้องปรับ ทางเลือกใหม่ของการเมืองไทย ก้าวข้ามความขัดแย้ง สานพลังประชาราษฎร์ ร่วมสร้างชาติให้ยั่งยืน

ป้ายกำกับ: สื่อออนไลน์

“สถานการณ์ตามแนวชายแดน ไทยกัมพูชา เป็นเรื่องที่ผมให้ความสำคัญและติดตามมาโดยตลอด ผมขอแสดงความห่วงใยอย่างยิ่งต่อพี่น้องประชาชนในพื้นที่และขอให้มั่นใจว่าภาครัฐไม่ได้นิ่งนอนใจ”

, ,

“สถานการณ์ตามแนวชายแดน ไทยกัมพูชา เป็นเรื่องที่ผมให้ความสำคัญและติดตามมาโดยตลอด ผมขอแสดงความห่วงใยอย่างยิ่งต่อพี่น้องประชาชนในพื้นที่และขอให้มั่นใจว่าภาครัฐไม่ได้นิ่งนอนใจ”

“เจ้าหน้าที่ทุกคนได้ทำงานอย่างเต็มกำลังความสามารถเพื่อรักษาความสงบและอธิปไตยของชาติ ผมขอขอบคุณและเป็นกำลังใจให้เจ้าหน้าที่ทุกท่านครับ ขอให้พวกเราทุกคนร่วมกันเป็นหนึ่งเดียว เพื่อปกป้องบ้านเมืองและรักษาความสงบสุขของประเทศไทยไว้ให้ได้ครับ”

พล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ อดีตผู้บัญชาการทหารบก และหัวหน้าพรรค พลังประชารัฐ กล่าวในงานวันคล้ายวันเกิดครบ80ปี

โดยภายในงาน มีส.ส. สมาชิก และคนในวงการการเมืองเข้าร่วมงานจำนวนมาก

พปชร.เร่งรัฐรับมือปัญหาจากแรงงานต่างชาติ

, ,

พปชร.เร่งรัฐรับมือปัญหาจากแรงงานต่างชาติ

วันนี้ 31 ก.ค.68 นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล รองหัวหน้าพรรคฝ่ายเศรษฐกิจพรรคพลังประชารัฐ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง แถลงข่าวเตือนให้รัฐบาลเตรียมเร่งรับมือปัญหาเศรษฐกิจที่เกิดจากความขัดแย้งไทย-กัมพูชา

นายธีระชัยกล่าวว่าสถานการณ์มีความไม่แน่นอนว่าความสัมพันธ์ด้านเศรษฐกิจจะกลับสู่ปกติเมื่อใด รัฐบาลจึงควรประกาศแผนรองรับสำหรับภาคธุรกิจได้แล้ว โดยเน้นหาทางออกให้แก่ผู้ประกอบการรายย่อย ดังที่ตนเคยแถลงข่าวว่ารัฐบาลควรทบทวนการใช้งบประมาณ 157,000 ล้านบาท แทนที่จะทุ่มไปในการกระตุ้นเศรษฐกิจแบบทั่วไป ควรกันส่วนหนึ่งมาเพื่อรองรับสถานการณ์นี้

”ภาคอุตสาหกรรมที่ถูกกระทบจากแรงงานกัมพูชากลับประเทศไปนั้น ส่วนใหญ่น่าจะมีความสามารถยืดหยุ่นโดยปรับขบวนการผลิต แต่ภาคเกษตรโดยเฉพาะธุรกิจที่อาศัยแรงงานจากประเทศเพื่อนบ้านในการเก็บผลไม้เป็นหลัก จะมีความเสี่ยงเกิดความเสียหายได้ง่าย รัฐบาลจึงต้องประกาศแผนรองรับแต่เนิ่นๆ“ นายธีระชัยกล่าว

พปชร. จี้รัฐบาลอย่าอ้ำอึ้ง เร่งฟ้องโลก “กัมพูชา” ละเมิดข้อตกลงหยุดยิง ซัดฝ่ายตรงข้ามปั่นข้อมูลใส่ร้ายไทย

, ,

พปชร. จี้รัฐบาลอย่าอ้ำอึ้ง เร่งฟ้องโลก “กัมพูชา” ละเมิดข้อตกลงหยุดยิง ซัดฝ่ายตรงข้ามปั่นข้อมูลใส่ร้ายไทย

วันนี้ 30 ก.ค. 68 นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เรียกร้องรัฐบาลโดยกระทรวงการต่างประเทศ เร่งดำเนินการตอบโต้เชิงหลักการต่อกรณี “กัมพูชา” ละเมิดข้อตกลงหยุดยิงในหลายพื้นที่ชายแดน พร้อมส่งหลักฐานแจ้งต่อเวทีโลก ไม่ว่าจะเป็น มาเลเซีย สหรัฐอเมริกา จีน และประชาคมนานาชาติ

นายชัยวุฒิระบุว่า ขณะนี้รัฐบาลไทยที่นำโดยนายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการนายกรัฐมนตรี ยังขาดความชัดเจนและล่าช้าในการสื่อสารกับประชาคมโลก ขณะที่ฝ่ายกัมพูชาเร่งเผยแพร่ข้อมูลฝ่ายเดียวเพื่อบิดเบือนข้อเท็จจริง เช่น กรณีประธานรัฐสภากัมพูชา ควน โซะดารี ที่ถึงขั้นสะอื้นกลางเวทีการประชุมรัฐสภาสตรีนานาชาติในเจนีวา กล่าวหาว่าไทยใช้อาวุธเคมีและรุกรานกัมพูชา ทั้งที่ไม่เป็นความจริง

“เราจะปล่อยให้ประเทศอื่นเข้าใจผิด และทหารไทยที่เสียสละปกป้องแผ่นดินไม่มีความหมายไม่ได้ รัฐบาลต้องตอบโต้อย่างเด็ดขาด อย่าปล่อยให้กัมพูชาปั้นภาพฝ่ายเดียวบนเวทีโลก” นายชัยวุฒิกล่าว

นอกจากนี้ พรรคยังตั้งข้อสังเกตถึงการเคลื่อนไหวล่าสุดของกัมพูชา ที่เชิญผู้ช่วยทูตทหารจาก 13 ประเทศอาเซียนและชาติมหาอำนาจ ลงพื้นที่ช่องอานม้า อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี เพื่อสร้างภาพว่ากัมพูชาเคารพข้อตกลงหยุดยิง ทั้งที่ความจริงยังคงมีการกระทำที่ละเมิดสิทธิเหล่านี้อยู่ตลอดเวลา
“รัฐบาลไทยต้องเร่งตั้งโต๊ะแถลงชี้แจงข้อเท็จจริงให้ชัดเจน และดำเนินการฟ้องร้องในเวทีโลกทันที อย่าให้ประเทศไทยต้องตกเป็นฝ่ายเสียเปรียบอีกต่อไป” พรรคพลังประชารัฐย้ำจุดยืน

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เสนอ 4 แนวทางเร่งด่วนให้รัฐบาลรับมือวิกฤตชายแดนไทย–กัมพูชา

, ,

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เสนอ 4 แนวทางเร่งด่วนให้รัฐบาลรับมือวิกฤตชายแดนไทย–กัมพูชาอย่างเฉียบขาด

พร้อมเรียกร้องความชัดเจนจากรัฐบาลต่อประชาชน และผลักดันมาตรการถาวรป้องกันการรุกล้ำ ดังนี้

1.ยืนยันอธิปไตยไทยทุกตารางนิ้ว พร้อมตอบโต้เชิงการทูตและความมั่นคงทันที

2.เรียกร้องให้นายกฯ และรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง แถลงต่อรัฐสภาและประชาชนโดยตรง เพื่อสร้างความเชื่อมั่น

3.จัดตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญ ตรวจสอบสถานการณ์ชายแดน และบทบาทนักการเมืองที่อาจขัดขวางการทำงานของฝ่ายความมั่นคง

4.เร่งสร้าง “กำแพงคอนกรีตถาวร” ในจุดเสี่ยง เพื่อป้องกันการรุกล้ำในระยะยาวอย่างเป็นรูปธรรม

พล.อ.ประวิตร ย้ำ แผ่นดินไทยไม่ใช่พื้นที่ให้ใครรุกล้ำแล้วจากไปโดยไม่มีความรับผิดชอบ ชีวิตของทหารไทย และศักดิ์ศรีของชาติ ต้องได้รับการปกป้อง ไม่ใช่ถูกมองข้ามโดยฝ่ายการเมือง

พปชร.เรียกร้องทีมเจรจาใช้แผนที่ 1/50,000 เพื่อรักษาดินแดนไทยทุกตารางนิ้ว อย่าลืม “อธิปไตยต้องมาก่อนทุกแรงกดดัน”

, ,

พปชร.เรียกร้องทีมเจรจาใช้แผนที่ 1/50,000 เพื่อรักษาดินแดนไทยทุกตารางนิ้ว อย่าลืม “อธิปไตยต้องมาก่อนทุกแรงกดดัน”

วันที่ 28 ก.ค.68 นายสุรเดช ยะสวัสดิ์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ แสดงจุดยืนชัดเจนต่อสถานการณ์ชายแดนไทย–กัมพูชา เรียกร้องให้รัฐบาลปกป้องผลประโยชน์ของชาติอย่างถึงที่สุด โดยย้ำว่าควร ยึดแผนที่มาตราส่วน 1/50,000 ซึ่งมีความชัดเจนกว่าแผนที่ที่กัมพูชาใช้ พร้อมเสนอให้ ยกเลิก MOU ฉบับที่ 43 และ 44 ซึ่งไม่เอื้อต่อไทย

นายสุรเดชระบุว่า พื้นที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ เช่น ปราสาทเขาพระวิหาร ปราสาทตาเมือนธม และแนวชายแดนเสียมราฐ–พระตะบอง มีหลักฐานทางภูมิศาสตร์ที่ชัดเจนว่าเคยอยู่ในเขตแดนไทย จึงต้องปกป้องด้วยจุดยืนที่หนักแน่น ไม่ประนีประนอมในเรื่องอธิปไตย

รอง หน.พรรคพลังประชารัฐ กล่าวต่อว่า ตนกังวลต่อท่าทีของรัฐบาลในการเจรจาการค้ากับสหรัฐฯ โดยเฉพาะกรณีลดภาษีนำเข้า ซึ่งไม่ควรถูกใช้เป็นเงื่อนไขในช่วงที่ประเทศเผชิญแรงกดดันด้านเขตแดน นายสุรเดชเสนอให้ เลื่อนเส้นตายการเจรจาทางการค้าออกไป จนกว่าสถานการณ์จะคลี่คลาย เพื่อแสดงให้เห็นว่าไทยให้ความสำคัญกับอธิปไตยเหนือผลประโยชน์ระยะสั้น

สำหรับภารกิจของทีมเจรจาที่เดินทางไปมาเลเซีย พรรคพลังประชารัฐสนับสนุนแนวทางสันติวิธี แต่ขอเน้นว่า ทุกกระบวนการต้องตั้งอยู่บนหลักอธิปไตยของไทยเป็นหลัก

“พรรคพลังประชารัฐขอยืนเคียงข้างประชาชนในการปกป้องแผ่นดินไทย และพร้อมสนับสนุนทุกแนวทางที่ยึดมั่นใน ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ อย่างไม่ประนีประนอม” นายสุรเดชกล่าว

พล.อ.ประวิตร” พลิกฟื้นถิ่นอีสาน แก้ภัยแล้งสำเร็จ ลุย 3 จว. เร่งรัดโครงการสำคัญ มีน้ำใช้ยั่งยืน

,

พล.อ.ประวิตร” พลิกฟื้นถิ่นอีสาน แก้ภัยแล้งสำเร็จ
ลุย 3 จว. เร่งรัดโครงการสำคัญ มีน้ำใช้ยั่งยืน

พล.อ.ประวิตร ลงพื้นที่ อุดร-หนองคาย-เลย เร่งรัดแผนจัดการน้ำ พบปะชาวบ้านใกล้ชิด เป็นกันเอง รับฟังข้อคิดเห็น ยืนยัน รัฐบาลช่วยเต็มที่ ย้ำ อีสานต้องไม่มีพื้นที่แล้ง อีกต่อไป

24 ก.พ.66 , พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ในฐานะ ผอ.กอนช. พร้อมด้วย รมช.คลัง และคณะ ได้เดินทางไปตรวจราชการในพื้นที่ จ.อุดรราชธานี, จ.หนองคาย และจ.เลย เพื่อติดตามสถานการณ์น้ำและการดำเนินงานพัฒนาแหล่งน้ำ เพื่อแก้ไขปัญหาภัยแล้งและน้ำท่วม ในพื้นที่ทั้ง 3จังหวัดพล.ท.พัชร์ชศักดิ์ ปฏิรูปานนท์ ผช.โฆษก รอง นรม. โดยในช่วงเช้า เดินทางไปยัง โรงเรียนภูพานวิทยา ต.ขอนยูง อ.กุดจับ จ.อุดรฯ มีนาย วันชัย คงเกษม ผวจ. ให้การต้อนรับและรับฟังการบรรยายสรุปภาพรวมการบริหารจัดการน้ำ ในพื้นที่ จ.อุดรฯ จากเลขาฯ สทนช. ซึ่ง จ.อุดรฯ มีพื้นที่ส่วนใหญ่อยู่ในลุ่มน้ำโขงตะวันออกเฉียงเหนือ และลุ่มน้ำชี รัฐบาลได้ให้การสนับสนุนโครงการแก้ไขปัญหาภัยแล้ง และน้ำท่วม อย่างต่อเนื่อง ได้แก่ โครงการปี61-65 ประชาชนได้รับประโยชน์ 55,586 ครัวเรือน จากงบกลางปี65 ได้รับประโยชน์ 1,045 ครัวเรือน งบบูรณาการฯ ปี66 จะได้รับประโยชน์ 6,955 ครัวเรือน งบตามแผนปฏิบัติการปี67 ประชาชนจะได้รับประโยชน์ 53,175 ครัวเรือน และโครงการสำคัญอีก 6แห่ง ประชาชนจะได้รับประโยชน์ 43,500 ครัวเรือน

จากนั้น พล.อ.ประวิตร ได้มอบนโยบายให้ สทนช.,กรมชลประทาน และจังหวัด เร่งบูรณาการบริหารจัดการน้ำให้ไปในทิศทางเดียวกัน โดยเฉพาะ 10 มาตรการฤดูแล้ง ให้เข้มงวดตามนโยบาย พร้อมเร่งรัดโครงการอ่างเก็บน้ำห้วยเชียง (ตอนบน) เพื่อช่วยยกระดับความมั่นคงด้านน้ำ ให้ชาวบ้านและเกษตรกรให้มีน้ำใช้อย่างเพียงพอ ตลอดปี ยั่งยืน

พล.อ.ประวิตร ยังได้เดินพบปะ และรับฟังข้อคิดเห็นจาก พี่น้องประชาชนที่มาให้การต้อนรับจำนวนมาก อย่างใกล้ชิด ด้วยบรรยากาศที่เป็นกันเอง พร้อมขอถ่ายรูปเซลฟี่กับ พล.อ.ประวิตร เป็นที่ระลึก สร้างความประทับใจให้กับชาวบ้าน ที่มาร่วมกิจกรรมในโอกาสนี้ นอกจากนั้น พล.อ.ประวิตร ยังได้ยืนยันกับชาวบ้าน ว่าจะไม่ให้มีพื้นที่ประสบภัยแล้งในอีสาน อีกต่อไป ซึ่งได้มีกลุ่มชาวบ้านถือป้ายชูให้กำลังใจลุงป้อม และ อยากหนุนให้เป็นนายกฯของคนอีสาน ด้วยคุณอยากให้ใครเป็นนายกรัฐมนตรีคนต่อไปของไทย

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 24 กุมภาพันธ์ 2566

“รมว.ตรีนุช” ร่วมเปิดมหกรรมไกล่เกียหนี้ครูครั้งแรกที่อีสาน เข้าเจรจาหนี้กว่า 784 ล้านบาทเดินหน้าแก้ไขปัญหาหนี้ครูทั้งระบบ

,

“รมว.ตรีนุช” ร่วมเปิดมหกรรมไกล่เกียหนี้ครูครั้งแรกที่อีสาน
เข้าเจรจาหนี้กว่า 784 ล้านบาทเดินหน้าแก้ไขปัญหาหนี้ครูทั้งระบบ

วันนี้ (23 ก.พ. 66) นางสาวตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) เปิดเผยถึงผลการจัดงานมหกรรมการเงินเพื่อครูไทย 4 ภูมิภาค ครั้งที่ 1 จัดขึ้นที่โรงเรียนกมลาไสย จังหวัดกาฬสินธุ์ เมื่อวันที่ 18 – 19 กุมภาพันธ์ 2566 ที่ผ่านมา ว่า การจัดมหกรรมเพื่อครูไทย 4 ภูมิภาค เพื่อให้ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาในภูมิภาคทุกกลุ่มที่ประสบปัญหาหนี้สินได้รับการช่วยเหลือ โดยเน้นกลุ่มเป้าหมายครูที่อยู่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยเฉพาะในพื้นที่จังหวัดกาฬสินธุ์ , ขอนแก่น , มหาสารคาม และ ร้อยเอ็ด ซึ่งเปิดให้บริการไกล่เกลี่ยกรณีถูกฟ้องร้องดำเนินคดี ,ปรับโครงสร้างหนี้ ,วางแผนและให้คำปรึกษาทางการเงิน รวมถึงอบรมให้ความรู้ด้านการวางแผนทางการเงินและการบริหารจัดการหนี้สิน จากพันธมิตรสถาบันการเงินและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง 19 แห่ง

“ผลการดำเนินงานมหกรรมการเงินเพื่อครูไทย ที่จังหวัดกาฬสินธุ์ ในช่วง 2 วันได้รับผลตอบรับจากครูเป็นอย่างดี โดยมีครูที่ได้รับการเจรจาการแก้ไขหนี้สิน จำนวน 673 ราย ได้ข้อตกลงในการเจรจาภาระหนี้สำเร็จรวมเป็นเงินประมาณ 784,661,570.43 บาท แบ่งเป็นการเจรจาแก้ไขหนี้กับธนาคารออมสิน จำนวน 596,800,668.43 บาท ธนาคารกรุงไทย จำนวน 140,596,058 บาท ธนาคารอาคารสงเคราะห์ จำนวน 39,355,944 บาท กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) จำนวน 4,908,900 บาท และสหกรณ์ออมทรัพย์ครูกาฬสินธุ์ จำกัด จำนวน 3,000,000 บาท รวมถึงการให้คำปรึกษาด้านสินเชื่อ การจองสิทธิกู้ใหม่ การเลือกแผนการลงทุนจากกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ (กบข.) และ กองทุนการออมแห่งชาติ(กอช.) การบริการตรวจสอบเครดิตบูโร นอกจากนี้ยังมีการอบรมให้ความรู้ด้านการวางแผนทางการเงินและการบริหารจัดการหนี้สำหรับข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา เพื่อให้การแก้ไขปัญหาหนี้สินได้รับการจัดการแบบครบวงจร ซึ่งกระทรวงศึกษาธิการจะเดินหน้าแก้ไขปัญหาหนี้สินให้แก่ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาอย่างเต็มที่” นางสาวตรีนุช กล่าว.

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 23 กุมภาพันธ์ 2566

“พล.อ.ประวิตรฯ” พอใจผลการอนุรักษ์นิเวศน์ทางทะเล-ชายฝั่งฟื้นตัว พร้อมเดินหน้าแก้ปัญหาทะเลกัดเซาะลดผลกระทบสิ่งแวดล้อมยั่งยืน

,

“พล.อ.ประวิตรฯ” พอใจผลการอนุรักษ์นิเวศน์ทางทะเล-ชายฝั่งฟื้นตัว
พร้อมเดินหน้าแก้ปัญหาทะเลกัดเซาะลดผลกระทบสิ่งแวดล้อมยั่งยืน

วันนี้ (23 กุมภาพันธ์ 2566) พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายและแผนการบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งแห่งชาติ ครั้ง 1/2566 ผ่านระบบ VTC โดยมี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และคณะกรรมการ ผู้ทรงคุณวุฒิภาครัฐและภาคประชาชน และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุมโดยมีการรายงานคามคืบหน้าของสถานการณ์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งของไทย ที่มีแนวโน้มดีขึ้น ซึ่งเป็นผลสำรวจ พบแนวปะการัง 1.5 แสนไร่ สมบูรณ์มากถึงร้อยละ 52.3 และมีกว่า 280 ชนิด ด้านป่าชายเลน พบเป็นป่าสมบูรณ์จำนวน 1.74 ล้านไร่ เพิ่มขึ้นจาก 9 ปีก่อน 2 แสนไร่ ด้านสัตว์ทะเลหายาก พบการวางไข่ของเต่าทะเลจำนวนมากถึง 502 รัง พะยูน 261 ตัว โลมาและวาฬ 3,025 ตัว ถือเป็นตัวชี้วัดความสำเร็จของการอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ที่สะท้อนความอุดมสมบูรณ์ของทะเลไทย ระบบนิเวศที่สมบูรณ์ ซึ่งจะเกื้อหนุนต่อการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง ส่งผลให้ชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชนดีขึ้น ทั้งในแง่เศรษฐกิจ การท่องเที่ยว สร้างรายได้และอาชีพให้ชุมชน ตลอดจนเป็นแหล่งอาหาร แหล่งทำการประมงของไทย

พร้อมรับทราบ การแก้ไขปัญหาการกัดเซาะชายฝั่ง ได้ดำเนินการแล้วระยะทาง 733.62 กม. จากพื้นที่ชายฝั่งที่ประสบปัญหาการกัดเซาะจำนวน 822.81 กม. เหลือเพียงระยะทาง 89.19 กม. ที่ยังไม่ได้รับการแก้ไข แบ่งเป็นพื้นที่กัดเซาะรุนแรง ระยะทาง 11.11 กม. พื้นที่กัดเซาะปานกลาง ระยะทาง 45.03 กิโลเมตร พื้นที่กัดเซาะน้อย ระยะทาง 33.05 กม.

นอกจากนี้ยังได้เห็นชอบ ร่าง แผนดำเนินงานลดผลกระทบการระบาดของโรคปะการังสีเหลือง หมู่เกาะสัตหีบ – แสมสาร จว.ชลบุรี และเกาะเต่า จว.สุราษฎร์ธานี ระยะเร่งด่วนและระยะ 5 ปี พร้อมทั้งให้เร่งจัดทำแผนอนุรักษ์พะยูนฯ ระยะที่ 2 ต่อเนื่องจากระยะที่ 1 ที่ได้ผลดียิ่ง สามารถประกาศให้แหล่งอาศัยของพะยูนใน อ.ปะเหลียน จว.ตรัง เป็นพื้นที่คุ้มครองและได้จัดตั้งเครือข่ายอนุรักษ์พะยูนฯ ออกลาดตระเวนครบ ทั้ง 13 พื้นที่ โดยสามารถช่วยชีวิตพะยูนที่เกยตื้นได้ 5 ตัว โดยขอให้นำปัญหาของแผนระยะ 1 ไปพัฒนาปรับแผนให้เกิดประสิทธิภาพ

พลเอก ประวิตร กล่าวขอบคุณ คณะกรรมการฯ และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ที่ขับเคลื่อนการบริหารจัดการทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งให้เป็นระบบ เชื่อมโยงแก้ไขปัญหาในมิติต่าง ๆ อย่างมีพัฒนาการ โดยสามารถแก้ปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนและสร้างความสมบูรณ์ด้านทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งมากขึ้น โดยกำชับ ทส.ขอให้เร่งจัดทำแผนแก้ปัญหาการกัดเซาะชายฝั่งที่ยังคงเหลือ เพื่อรักษาพื้นที่ชายฝั่งและระบบนิเวศน์ชายฝั่งทะเลอย่างเป็นระบบ พร้อมทั้งหนุนให้สร้างความเข้าใจและมีส่วนร่วมของประชาชนมากขึ้นไปพร้อมกัน โดยขอให้มุ่งการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งอย่างสมดุล รู้คุณค่าและยั่งยืน พร้อมย้ำจะต้องให้ความสำคัญ เร่งรัดดำเนินการประกาศพื้นที่คุ้มครองทางทะเลและชายฝั่งเพิ่มเติม การแก้ไขปัญหาขยะทะเลและการขับเคลื่อนการดำเนินงานภายใต้ทศวรรษแห่งมหาสมุทร ที่ประเทศไทยที่ได้รับคัดเลือก เป็นที่ตั้งสำนักงานประสานทศวรรษแห่งมหาสมุทร ให้บรรลุผลสำเร็จและเป็นรูปธรรม

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 23 กุมภาพันธ์ 2566

ตรังพร้อมลุย!! ส.ส.พปชร.ควงว่าที่ผู้สมัครเขต 1 ลงพท.เคาะทุกบ้านเข้าถึงประชาชน

,

ตรังพร้อมลุย!! ส.ส.พปชร.ควงว่าที่ผู้สมัครเขต 1 ลงพท.เคาะทุกบ้านเข้าถึงประชาชน

นายนิพันธ์ ศิริธร ส.ส.เขต 1 พรรคพลังประชารัฐ พร้อมด้วย นายกิตติพงศ์ ผลประยูร ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เขต1 พรรคพลังประชารัฐ ลงพื้นที่พบปะแม่ค้า ประชาชน ในตลาดสดเทศบาลนครตรัง รวมทั้งลงเคาะประตูบ้านในเขตเทศบาลนครตรัง และพื้นที่รอยต่อตำบลนาตาล่วง เพื่อแนะนำตัวอย่างเป็นทางการเต็มรูปแบบเป็นทีมแรก แม้ยังไม่ได้มีการยุบสภาและประกาศให้มีการเลือกตั้งก็ตาม แต่เร่งทำคะแนนนำหน้าคู่แข่งเต็มรูปแบบ

โดยนายนิพันธ์จะลงสมัครในระบบบัญชีรายชื่อ ส่วนนายกิตติพงศ์ ลงสมัครระบบเขต เลือกตั้งที่ 1 แทน ชูต่อยอดนโยบายประชารัฐ จาก 300 เป็น 700 บาท และนโยบายส่วนตัวในแก้ปัญหาที่ดินให้แก่ประชาชน ซึ่งนายนิพันธ์ฯ มั่นใจตรังได้จำนวน ส.ส.พปชร. เพิ่มแน่นอน และจะเชิญ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐลงพื้นที่ก่อนยุบสภา

#พรรคพลังประชารัฐ #พลังประชารัฐ #พปชร #PPRP #นิพันธ์ศิริธร
Twitter : https://twitter.com/PPRPofficial

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 23 กุมภาพันธ์ 2566

บรรยากาศชื่นมื่น “วิรัช”ควง”สันติ” จับคู่แด๊นซ์ ประกอบนโยบายสวัสดิการผู้สูงอายุ “3 4 5 และ 6 7 8”

,

บรรยากาศชื่นมื่น “วิรัช”ควง”สันติ” จับคู่แด๊นซ์ ประกอบนโยบายสวัสดิการผู้สูงอายุ “3 4 5 และ 6 7 8”

นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ในฐานะเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) และนายวิรัช รัตนเศรษฐ รองหัวหน้าพรรค ได้มีการเต้นประกอบนโยบายที่ทางพรรคได้ประกาศออกไปวานนี้ คือนโยบายเพิ่มเบี้ยผู้สูงอายุเพื่อสานต่อนโยบายสวัสดิการประชารัฐ โดยกำหนดเสนอแนวทางการเพิ่มเบี้ยยังชีพสำหรับผู้สูงอายุแบบขั้นบันได ตั้งแต่อายุ 60 ปี เพิ่มเป็น จำนวน 3,000 บาทต่อเดือน อายุ 70 ปี ขึ้นไปเพิ่มเป็น จำนวน 4,000 บาทต่อเดือน และอายุ 80 ปี ขึ้นไปเพิ่มเป็น จำนวน 5,000 บาท ต่อเดือน ซึ่งพรรคใช้แคมเปญ “เพิ่มเบี้ยผู้สูงอายุ 3 4 5 และ 6 7 8”

ซึ่งทางพรรคพลังประชารัฐ ระบุว่า ได้เห็นความสำคัญและมีความจำเป็นที่จะต้องผลักดันนโยบายเพิ่มเติมเพื่อดูแลสวัสดิการผู้สูงอายุ ที่เป็นบุคคลที่มีคุณค่า และเป็นผู้ที่ทำประโยชน์ต่อบ้านเมืองมาอย่างยาวนาน ซึ่งจะเป็นอีกนโยบายหลักที่ใช้ในการหาเสียงที่นอกเหนือจากพรรคได้ออกนโยบายการเพิ่มเงินสวัสดิการบัตรประชารัฐเป็น 700 บาท หรือ”ลุงป้อม 700” รวมทั้งนโยบายการแก้ปัญหาที่ทำกินในแคมเปญ “มีเรา มีที่ทำกิน มีที่ดินไม่มีจน” การแก้ปัญหาน้ำ “มีเรา ไม่มีแล้ง มีน้ำ ไม่มีจน”

ทั้งนี้บรรยากาศภายในพรรคพลังประชารัฐเป็นไปอย่างชื่นมื่น สนุกสนาน มีการพูดคุยระหว่างแกนนำบริหารพรรคอย่างมีความสุข


ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 22 กุมภาพันธ์ 2566

“พล.อ.ประวิตร” หนุนบทบาทสตรีขับเคลื่อนประเทศ ประกาศอัดงบกองทุนฯ อีก 2 เท่าขยายโอกาสเพิ่มขึ้น

,

“พล.อ.ประวิตร” หนุนบทบาทสตรีขับเคลื่อนประเทศ ประกาศอัดงบกองทุนฯ อีก 2 เท่าขยายโอกาสเพิ่มขึ้น

เมื่อ 21 ธ.ค.65 , 13.30น. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รอง นรม. ได้เป็นประธานพิธีเปิดโครงการสัมมนา คณะทำงานเครือข่ายขับเคลื่อนกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี ระดับประเทศ ระหว่างวันที่ 21-22 ธ.ค.65 ณ ห้องจูปิเตอร์ 4-6 อาคารชาเลนเจอร์ ศูนย์แสดงสินค้าและการประชุม อิมแพ็ค เมืองทองธานี จ.นนทบุรี โดยกระทรวงมหาดไทย (กรมการพัฒนาชุมชน) ได้จัดโครงการสัมมนาคณะทำงานเครือข่าย ขับเคลื่อนกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี ระดับประเทศขึ้น เพื่อส่งเสริมทักษะ ความรู้ ความเข้าใจในการดำเนินงานเครือข่ายกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี ให้สามารถนำไปประยุกต์ใช้ในการดำเนินงาน ขับเคลื่อนกองทุนพัฒนาบทบาทสตรี ให้บรรลุวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้ อย่างมีประสิทธิภาพ โดยมีกลุ่มเป้าหมายจาก 76 จังหวัด ทั่วประเทศ เข้าร่วมกิจกรรม

ทั้งนี้ พล.อ.ประวิตร ได้กล่าวแสดงความชื่นชม บทบาทสตรีในปัจจุบัน ที่ได้ร่วมกันคิด ร่วมกันทำ เพื่อพัฒนาศักยภาพด้านต่างๆ เสริมสร้างความเข้มแข็งให้กับชุมชน ซึ่งเป็นส่วนสำคัญในการพัฒนาประเทศ ซึ่งรัฐบาลได้ให้ความสำคัญกับบทบาทสตรีมาอย่างต่อเนื่อง โดยเปิดโอกาส ให้สตรีมีบทบาทผ่านทางกองทุนพัฒนาฯ ซึ่งมีผลความคืบหน้าด้วยดี ที่ผ่านมา และพล.อ.ประวิตร ยังได้ประกาศที่จะเพิ่มงบประมาณให้แก่กองทุนพัฒนาบทบาทสตรี มากขึ้นอีกอย่างน้อย 2 เท่า เพื่อขยายโอกาสให้สตรีไทย สามารถประกอบอาชีพได้มากยิ่งขึ้น ต่อไป

พล.อ.ประวิตร ยังได้กล่าวเสริมว่า สตรีควรได้รับการพัฒนาศักยภาพให้มีความเข้มแข็งมากขึ้น ในทุกๆด้านเพื่อให้มีความรู้เท่าทัน การเปลี่ยนแปลงในโลกยุคปัจจุบัน และเป็นกำลังสำคัญไม่แพ้เพศชาย ในการพัฒนาชุมชนและประเทศชาติได้เช่นกันต่อไป ในอนาคต

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 21 ธันวาคม 2565

“ส.ส.อาดิลัน” เสนอมหาดไทยจัดงบสนับสนุนเพิ่มอุปกรณ์เครื่องมือช่วยชาวใต้ประสบภัยน้ำท่วม

,

“ส.ส.อาดิลัน” เสนอมหาดไทยจัดงบสนับสนุนเพิ่มอุปกรณ์เครื่องมือช่วยชาวใต้ประสบภัยน้ำท่วม

นายอาดิลัน อาลีอิสเฮาะ ส.ส.ยะลา เขต 1 พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวหารือผ่านไปยังประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อเสนอเรื่องไปยังกระทรวงมหาดไทย เนื่องจากตั้งแต่วันที่ 17 ธันวาคม 2565 มีเหตุฝนตกหนักในเขตพื้นที่ภาคใต้ สร้างความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินทั้งในเขตเทศบาล เขตเมืองเทศบาลตำบล อบต.แม้ว่าทางจังหวัดจะมีงบประมาณจัดสรรไว้ สำหรับแก้ปัญหาฉุกเฉิน จำเป็นเร่งด่วน เช่น ถุงยังชีพ แจกพี่น้องประชาชน แต่ก็ยังไม่เพียงพอ

โดยเมื่อวันที่ 19 ธันวาคม ที่ผ่านมา พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ได้ลงพื้นที่จังหวัดปัตตานี ตนได้นำเรียนเพื่อนำเสนอให้มีการจัดสรรให้ความช่วยเหลือประชาชน และ พล.อ.ประวิตร ได้สั่งการกับหน่วยงานที่รับผิดชอบเร่งด่วน

ทั้งนี้ สิ่งที่ท้องถิ่นจะต้องรับผิดชอบ คือการจัดสรรอุปกรณ์เครื่องมือ ในการที่จะบรรเทาสาธารณภัยให้กัประชาชน โดยกระทรวงมหาดไทย ควรที่จะต้องมีการจัดสรรดูแล สำรวจความต้องการของท้องถิ่นที่ติดแม่น้ำ จะต้องมีความพร้อมของเครื่องมือที่จะต้องดูแลประชาชน รวมไปถึงเครื่องมือกู้ชีพ เครื่องมือดำน้ำที่เอาไว้สำหรับช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับภัยพิบัติจากน้ำท่วม เพราะหลายครั้งที่น้ำท่วมแล้วจะมีผู้เสียชีวิตจากน้ำท่วม เนื่องจากเครื่องมือไม่พร้อม ต้องร้องขอจากจังหวัดหรือพื้นที่ข้างเคียง เหล่านี้เป็นปัญหา อุปสรรคที่ตนเชื่อว่าท้องถิ่นสามารถจะได้รับการสนับสนุนจากทางกระทรวงมหาดไทยได้

#พรรคพลังประชารัฐ #พลังประชารัฐ #พปชร #PPRP #อาดิลันอาลีอิสเฮา
Twitter : https://twitter.com/PPRPofficial

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 21 ธันวาคม 2565