โลกเปลี่ยน ไทยต้องปรับ ทางเลือกใหม่ของการเมืองไทย ก้าวข้ามความขัดแย้ง สานพลังประชาราษฎร์ ร่วมสร้างชาติให้ยั่งยืน

ป้ายกำกับ: พรรคพลังประชารัฐ

‘รมว.สุชาติ’ เตรียมเสนอ ครม. เคาะขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ เร็วๆนี้!!!

,

‘รมว.สุชาติ’ เตรียมเสนอ ครม. เคาะขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ เร็วๆนี้!!!

นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานและ และผู้อำนวยการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เเปิดเผยถึง ความคืบหน้าการพิจารณาขึ้นค่าจ้างขั้นต่ำ ว่าจะต้องมีการปรับตามสถานการณ์ของเงินเฟ้ออยู่แล้ว โดยดูว่าฐานเงินเฟ้อในประเทศไทยเท่าไหร่ แล้วเอามาเป็นตัวหลัก ซึ่งเรื่องนี้มีไตรภาคีจังหวัดที่จะพิจารณาก่อน มีทั้งลูกจ้างนายจ้างและฝ่ายรัฐบาลอยู่ใน ไตรภาคี ที่จะสุ่มตัวเลขมาว่า พอใจที่ตัวเลขเท่าไหร่ ส่วนกลางจะมาพิจารณาอีกทีว่า ที่ไตรภาคีเสนอมานั้นเหมาะสมหรือไม่

อย่างไรก็ตาม ได้ให้นโยบายกระทรวงแรงงานไปว่า การปรับค่าแรงอยากให้กระชับ ให้ช่วงสั้น ยังมีหลายกลุ่ม ส่วนการประกาศใช้ปกติ หลายคนอยากให้พูดในวันที่ 1 มกราคม แต่ในความเป็นจริงเราต้องยอมรับว่าของสินค้าต่างๆขึ้นราคาไปแล้ว ถ้าเราไปประกาศก่อน แล้วไปมีผลบังคับใช้ในเดือนมกราคม อาจจะทำให้มีการขึ้นราคาสินค้าอีกรอบหนึ่ง ซึ่งจะไม่มีผลอะไรในการที่เราได้ปรับค่าแรง

นายสุชาติ กล่าวว่า อย่างไรก็ตาม เท่าที่ได้พูดคุยกับนายจ้างและผู้ประกอบการเขายอมรับในตัวเลขนี้ เพราะที่ผ่านมารัฐบาลได้ช่วยเหลือผู้ประกอบการเหล่านี้ไปจำนวนมากหลายหมื่นล้านบาท ขณะเดียวกันประกันสังคมรถหย่อนไปแล้วถึง 6 รอบ แต่ละรอบเป็นหมื่นล้านบาท ทั้งนายจ้างและลูกจ้าง เพื่อพยุงให้มีการจ้างงาน ลดค่าใช้จ่าย ลดค่าของชีพ ตามนโนบายของพรรค พปชร. ในการบรรเทาความเดือดร้อนของ ประชาชนในทุกกลุ่ม เพื่อให้ประชาชนสามารถดำเนินชีวิตอย่างมั่นคง พปชร. พร้อม ให้ความร่วมมือเป็นกลไกผลักดันผ่าน กระทรวงแรงงานฯในการขับเคลื่อนการยกระดับีมือแรงงานให้สอดคล้องกับาภวะการผลิต และบริการที่เปลี่ยนไป วันนี้จึงต้องขอความร่วมมือนายจ้าง ซึ่งเขาให้ความร่วมมือ จะพยายามกลับให้เร็วกว่า 1มกราคม

ส่วนการปรับค่าจ้างนั้น จะดูพื้นที่โซนอุตสาหกรรมหลักๆ ก่อน เช่น จังหวัดภูเก็ต กรุงเทพมหานคร พื้นที่อีอีซี ซึ่งโซนเหล่านี้ถือเป็นหัวแถวอยู่แล้ว แต่จะปรับกี่เปอร์เซนต์ ต้องพิจารณาให้เหมาะสม เท่าที่ดูตัวเลขคร่าวๆ ประมาณ 5-8% ให้รับได้ทั้งนายจ้างและลูกจ้าง

” เป็นช่วงเวลาที่เหมาะสม ซึ่งตอนนั้นยังใช้มาตรา 75 อยู่ หากปรับในตอนนั้นนายจ้างจะเอาเงินที่ไหนจ่าย และสุดท้ายอาจจะต้องตกงานกัน แต่เมื่อเราประคับประคอง นายจ้างและลูกจ้างจะอยู่ได้ โดยคาดว่าจะสามารถนำเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้ในเดือนกันยายนนี้”นายสุชาติกล่าว

ที่มา : ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
เมื่อวันที่ : 12 สิงหาคม 2565

“รมช.สันติ”กดปุ่มลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐรอบใหม่ ทั่วประเทศเริ่ม 5 ก.ย.นี้

,

“รมช.สันติ”กดปุ่มลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐรอบใหม่ ทั่วประเทศเริ่ม 5 ก.ย.นี้

นายสันติ พร้อมพัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง และเลขาธิการ พรรคพลังประชารัฐ (พปชร. )เปิดเผยภายหลังการประชุมคณะกรรมการกองทุนประชารัฐสวัสดิการ ว่าที่ประชุมได้ข้อสรุปในการเปิดลงทะเบียนบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ “บัตรคนจน” รอบใหม่ โดยจะเปิดให้ลงทะเบียนได้ตั้งแต่วันที่ 5 กันยายน 2565 -19 ตุลาคม 2565 โดยจะเปิดลงทะเบียนผ่านช่องทางต่าง ๆ โดยเฉพาะสาขาของธนาคาร 3 แห่ง ได้แก่ ธนาคารเพื่อการเกษตร และสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) การธนาคารออมสิน และธนาคารกรุงไทย รวมถึง อำเภอ หน่วยงานท้องถิ่น อาทิ องค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) สำนักงานเขต ของกรุงเทพมหานคร (กทม.) และเปิดในลงทะเบียนผ่านช่องทางออนไลน์อีกด้วย

“วันที่ 19 ตุลาคม 2565 จะเป็นวันสุดท้ายของการลงทะเบียนบัตรคนจน จะเข้าสู่ขั้นตอนการตรวจสอบคุณสมบัติโดยระบบเอไอ ที่เชื่อมโยงกับหน่วยงาน กับ 38 หน่วยงาน ของภาครัฐ คาดว่าจะใช้เวลาไม่นาน ซึ่งรวมถึงขั้นตอนการอุทธรณ์สิทธิเร็วที่สุดสิ้นปี 2565 คาดว่าจะพร้อมใช้สิทธิได้เร็วที่สุดในเดือนมกราคม ปี 2566 โดยจะมีการจัดพิธีลงนาม MOU ความร่วมมือโครงการลงทะเบียนเพื่อสวัสดิการแห่งรัฐ ปี 2565 และแถลงข่าว ในวันที่ 16 สิงหาคม นี้ ที่กระทรวงการคลัง ”

สำหรับจุดรับลงทะเบียนได้มีการจ้างนักศึกษาที่จบใหม่ 2-3 ปี และยังไม่มีงานทำ ประจำหน่วยลงทะเบียน ตำบลละ 5 คน ทั่วประเทศ รวมทั้งหมดกว่า 30,000 คน โดยอัตราค่าจ้างในระดับปริญญาตรี จำนวน 15,000 บาทต่อเดือน ระดับปวส. จำนวน 11,500 บาทต่อเดือน และระดับ ปวช. 9,500 บาทต่อเดือน ใช้งบการจ้างงานรวมจำนวน 750 ล้านบาท ระยะเวลาการจ้างงาน 45 วัน และอบรมอีก 6 วัน

ทั้งนี้สิทธิประโยชน์ในบัตรคนจนรอบใหม่จะใช้บัตรประชาชนใบเดียวเพื่อให้เกิดความสะดวก โดยจะเพิ่มจำนวนหรือไม่นั้นต้องดูที่การฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ที่จะส่งผลให้ประชาชนกลุ่มเป้าหมายต้องเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นการเข้าไปดูแลปากท้องประชาชนในทุกกลุ่ม ให้มีความกินดีอยู่ดีในทุกมิติตามแนวทางของพปชร. ซึ่งบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เป็นนโยบายหลักของพรรคพลังประชารัฐ ในการเข้าไปช่วยประชาชนที่มีรายได้น้อย ให้เข้าถึงสวัสดิแห่งรัฐ เพื่อลดความเหลื่อมล้ำ ในสังคมอย่างเป็นรูปธรรม นับเป็นการเข้าไปดูแลระบบเศรษฐกิจฐานากให้มีความเข้มแข็งและยั่งยืน

อย่างไรก็ตาม คาดว่าจะมีประชาชนลงทะเบียนครั้งนี้ จะมี 15-16 ล้านคน จากเดิมที่มี 13 ล้านคน อย่างไรก็ตามตัวเลขของประชาชนที่เพิ่มหรือลด จะไม่ตายตัวเพราะทุกปีจะมีการตรวจคุณสมบัติ


ที่มา : ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
เมื่อวันที่ : 12 สิงหาคม 2565

“รมต.อนุชา”ลงพื้นที่ชลบุรีขับเคลื่อนกองทุนฯ สร้างเศรษฐกิจฐานรากพัฒนาอาชีพ-เพิ่มรายได้

,

“รมต.อนุชา”ลงพื้นที่ชลบุรีขับเคลื่อนกองทุนฯ
สร้างเศรษฐกิจฐานรากพัฒนาอาชีพ-เพิ่มรายได้

นายอนุชา นาคาศัย รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นประธานพิธีเปิดโครงการจัดกิจกรรมส่งเสริมและสร้างโอกาสในการพัฒนาหมู่บ้านและชุมชน ซึ่งจัดขึ้นโดยกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ (กทบ.) โดยมี นายภัครธรณ์ เทียนไชย ผู้ว่าราชการจังหวัดชลบุรี นายเบญจพล นาคประเสริฐ ผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ เครือข่ายหมู่บ้าน องค์กรภาครัฐ ภาคเอกชน ประชาชน และสื่อมวลชนเข้าร่วมงาน

นายอนุชา กล่าวว่า ตามนโยบายของรัฐบาลโดยพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ให้การสนับสนุนการขับเคลื่อนงานกองทุนหมู่บ้านฯ มาโดยตลอด เนื่องจากเป็นโครงการที่มีประโยชน์ต่อส่วนรวม พัฒนาคุณภาพชีวิตให้กับประชาชนในหมู่บ้านและชุมชน รวมถึงการสร้างกิจกรรมในชุมชน การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน พัฒนาการประกอบอาชีพ ส่งเสริมการผลิตสินค้าและบริการในชุมชน ก่อให้เกิดการจ้างงาน การสร้างรายได้ การจัดสวัสดิการ และการแก้ไขปัญหาในหมู่บ้านและชุมชนในรูปแบบต่าง ๆ ซึ่งถือเป็นกลไกสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากซึ่งเป็นกลุ่มคนส่วนใหญ่ของประเทศให้เกิดความเข้มแข็งบนพื้นฐานของความพอประมาณ มีภูมิคุ้มกัน สามารถพึ่งพาตนเองได้ ภายใต้แนวคิด BCG Economy Model เพื่อให้เกิดการพัฒนาเศรษฐกิจที่เติบโตอย่างมีคุณภาพและยั่งยืน

โครงการจัดกิจกรรมส่งเสริมและสร้างโอกาสในการพัฒนาหมู่บ้านและชุมชน จัดขึ้นภายใต้แนวคิด “สร้างเสริม ส่งต่อ สู่อนาคต” โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างการรับรู้ผลการดำเนินงานของกองทุนหมู่บ้านฯ รวมถึงการเปิดโอกาสให้สมาชิกกองทุนหมู่บ้านและชุมชน รวมถึงเครือข่ายได้แลกเปลี่ยนองค์ความรู้ ถ่ายทอดบทเรียนอย่างสร้างสรรค์ นำผลิตภัณฑ์ของกองทุนหมู่บ้านฯ มาต่อยอดทำการตลาดสู่ภาคประชาชนให้แพร่หลายมากขึ้น ผ่านช่องทางออนไลน์ โดยมุ่งเน้นการแสดงอัตลักษณ์ของกองทุนหมู่บ้านและชุมชนแต่ละแห่ง สร้างความภาคภูมิใจจากการร่วมกันคิด ร่วมกันทำ และใช้ศักยภาพในการบริหารจัดการร่วมกัน เสริมสร้างความสามัคคีของชุมชน และทำให้กองทุนหมู่บ้านและชุมชนมีความเข้มแข็งและเติบโตอย่างมั่นคง ยั่งยืน

กองทุนหมู่บ้านฯ ที่เข้าร่วมโครงการ ประกอบด้วย 14 จังหวัดภาคกลางและภาคตะวันออก ได้แก่ ชลบุรี จันทบุรี ฉะเชิงเทรา ตราด นครนายก ปราจีนบุรี ระยอง สมุทรปราการ สระแก้ว ประจวบคีรีขันธ์ เพชรบุรี สมุทรสงคราม สมุทรสาคร และกรุงเทพมหานคร โอกาสนี้ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ได้มอบรางวัลชนะเลิศแก่ผู้แทนกองทุนหมู่บ้านฯ ใน 3 สาขา ประกอบด้วย รางวัลกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองตัวอย่าง รางวัลโครงการตามแนวทางประชารัฐตัวอย่าง และรางวัลเครือข่ายกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองตัวอย่าง พร้อมทั้งเยี่ยมชมนิทรรศการ ‘กองทุนสร้างชุมชน’ สร้างเสริม ส่งต่อ สู่อนาคต ซึ่งเป็นการจัดแสดงผลงานของกองทุนหมู่บ้านและชุมชนที่คัดเลือกมาจากแต่ละจังหวัด และการนำเสนอแนวทางการดำเนินงานของภาคีเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง เพื่อเผยแพร่ผลเป็นบทเรียนแห่งการเรียนรู้ เพิ่มประสิทธิภาพการขับเคลื่อนการดำเนินงานให้กับสมาชิกกองทุนหมู่บ้านฯ

สำหรับกองทุนหมู่บ้านฯ ที่มีการบริหารจัดการและการดำเนินงานที่โดดเด่นในพื้นที่ จ.ชลบุรี ประกอบด้วย กองทุนหมู่บ้านห้วยทวน หมู่ 3 อำเภอเมืองชลบุรี จังหวัดชลบุรี เป็นชุมชนในเมืองขนาดใหญ่ที่สามารถบริหารจัดการกองทุนซึ่งมีสมาชิกจำนวนมากได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีผลลัพธ์การดำเนินงานเป็นรูปธรรมที่ชัดเจนด้วยการเปิดโอกาสและสร้างอาชีพให้กับประชาชนในชุมชน ซึ่งสมาชิกส่วนใหญ่ประกอบอาชีพค้าขาย ประมง และรับจ้าง การสนับสนุนของกองทุนฯ เปิดโอกาสให้สมาชิกสามารถเป็นเจ้าของธุรกิจ เข้าถึงแหล่งเงินทุนได้ง่าย ชีวิตความเป็นอยู่ของคนในชุมชนรวมถึงฐานะทางการเงินของหมู่บ้านดีขึ้น นอกจากนี้ ยังมีกองทุนหมู่บ้านบางพลี หมู่ที่ 9 ตำบลบางพลีใหญ่ อำเภอบางพลี จังหวัดสมุทรปราการ ที่มีความโดดเด่นด้านการบริหารจัดการที่ประสบความสำเร็จ มีชื่อเสียงเป็นที่ยอมรับ และมีผู้สนใจเข้ามาศึกษาดูงานในแต่ละปีจำนวนมาก โดยกองทุนหมู่บ้านบางพลีได้ตั้งโรงผลิตน้ำดื่มประชารัฐ เพื่อผลิตน้ำดื่มที่สะอาดบริสุทธิ์ ได้มาตรฐานให้แก่ประชาชนและชุมชนใกล้เคียงในราคาถูก ทำให้เกิดรายได้หมุนเวียนในชุมชน สร้างงานสร้างอาชีพให้ประชาชน รวมทั้งเป็นแหล่งเรียนรู้ศึกษาดูงานด้านร้านค้าประชารัฐให้แก่ชุมชนอื่น รวมถึงการจัดตั้งกองทุนสวัสดิการสงเคราะห์เพื่อสร้างแรงจูงใจในการออมเงินและดูแลระบบสวัสดิการชุมชนอีกด้วย


ที่มา : ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
เมื่อวันที่ : 11 สิงหาคม 2565

“รมว. ตรีนุช”เปิดตัวคลังข้อมูลดิจิทัลครู-บุคลากรสพฐ. ยกระดับการสอนในระบบการศึกษาไทย

,

“รมว. ตรีนุช”เปิดตัวคลังข้อมูลดิจิทัลครู-บุคลากรสพฐ.
ยกระดับการสอนในระบบการศึกษาไทย

วันนี้ (11 ส.ค.2565) ที่ นางสาวตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) กล่าวตอนหนึ่งในการเป็นประธานเปิดระบบ HRMS.OBEC ของสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ว่า รัฐบาลภายใต้การนำของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ต้องการขับเคลื่อนการปฏิรูประบบราชการ และแนวทางการปฏิบัติงานในภาครัฐให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ด้วยการนำระบบเทคโนโลยีดิจิทัลมาประยุกต์ใช้ในการบริหารจัดการ หรือที่เรียกว่ารัฐบาล 4.0 และตั้งแต่ตนเข้ามารับตำแหน่ง รมว.ศธ.ก็มีนโยบายให้พัฒนาประสิทธิภาพการบริหารและการจัดการศึกษาของประเทศ ด้วยการนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยมาใช้ รวมถึงการพัฒนาการจัดเก็บข้อมูล หรือ Big Data อย่างเป็นระบบ เพื่อให้ได้ข้อมูลภาพรวมการศึกษาของประเทศที่มีความครบถ้วน สมบูรณ์ ถูกต้องเป็นปัจจุบัน และสามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้อย่างแท้จริง โดยกำหนดเป็นหนึ่งใน 7 วาระเร่งด่วนของ ศธ.และวันนี้เป็นเรื่องน่ายินดี ที่สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ได้ยกระดับการบริหารจัดการระบบฐานข้อมูลของครูและบุคลากรในสังกัด สพฐ.ทั่วประเทศ โดยจัดทำระบบ HRMS.OBEC (เอช-อาร์-เอ็ม-เอส-ดอท-โอ-เบค) ได้สำเร็จ ตามที่ ดร.อัมพร พินะสา เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน(สพฐ.) ได้นำเสนอไว้ และนำมาใช้งานอย่างเป็นรูปธรรมแล้วในปีการศึกษานี้

นางสาวตรีนุช กล่าวต่อไปว่า HRMS.OBEC เป็นระบบการจัดเก็บข้อมูลในรูปแบบดิจิทัล ที่ สพฐ.นำมาใช้จัดเก็บฐานข้อมูลครูและบุคลากรทางการศึกษาของ สพฐ. โดยมีเจ้าหน้าที่สำนักเขตพื้นที่การศึกษาเป็นผู้รับผิดชอบในการจัดเก็บรักษาข้อมูล ควบคุมการเข้าถึงข้อมูล สามารถนำข้อมูลไปใช้ประโยชน์ในการคาดการณ์และวิเคราะห์ที่แม่นยำมากขึ้น ทำให้ส่วนราชการมีข้อมูลสารสนเทศเพื่อการบริหารงานบุคคลที่เป็นปัจจุบันแบบ Real Time ประหยัดเวลาในการรายงานและสืบค้นข้อมูล ลดกระบวนการที่ซ้ำซ้อน ช่วยลดภาระการทำงานของครูและบุคลากรทางการศึกษา ทำให้ครูได้มีเวลาในการจัดการเรียนการสอนอย่างเต็มประสิทธิภาพ

“ HRMS.OBEC เป็นผลงานของข้าราชการสำนักพัฒนาระบบบริหารงานบุคคลและนิติการ (สพร.) สพฐ. ที่ได้พัฒนาโปรแกรมขึ้นมาด้วยความรู้ความสามารถของข้าราชการในสังกัด สพฐ.เอง ดิฉันขอชื่นชมผลงานที่เป็นที่ประจักษ์อีกครั้ง ซึ่งระบบฐานข้อมูลนับเป็นหัวใจ และเป็นรากฐานที่สำคัญในการบริหารงานราชการ ไม่เพียงประโยชน์จะเกิดภายใน สพฐ. แต่สามารถนำมาขยายผล และต่อยอดกับหลายส่วนงานใน ศธ.เพื่อสร้างประโยชน์สูงสุดต่อระบบการบริหารการศึกษา โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเชื่อมต่อข้อมูลกับระบบ DPA (Digital Performance Appraisal) ของทางสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) ที่ใช้ในการประเมินวิทยฐานะของครูผ่านระบบดิจิทัล สร้างความโปร่งใส ความเป็นธรรมต่อระบบการประเมินวิทยฐานะ และเป็นการยกระดับวิชาชีพครูให้ได้รับการยอมรับมากขึ้น และจะมีส่วนสำคัญต่อการยกระดับการบริหารจัดการฐานข้อมูลของ ศธ.ให้เป็นหนึ่งเดียว” นางสาวตรีนุช กล่าว

รมว.ศธ. กล่าวด้วยว่า ขณะเดียวกันฐานข้อมูลในระบบ HRMS.OBEC จะเป็นฐานข้อมูลที่สำคัญ ในการส่งต่อให้แก่สถาบันอุดมศึกษา เพื่อการวางแผน และเตรียมการในการผลิตบุคลากรด้านการศึกษาของประเทศ ได้ในปริมาณที่ตรงกับความต้องการ สอดรับกับการแผนอัตรากำลัง รวมถึงการวางแผนพัฒนาข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ทั้งในภาพของ ศธ. และการบริหารจัดการในระดับพื้นที่ได้อย่างถูกต้อง เพื่อให้สามารถได้ครู และบุคลากรทางการศึกษาที่มีประสิทธิภาพ และส่งผลต่อการยกระดับคุณภาพทางการศึกษาให้กับเด็กนักเรียนในทุกพื้นที่ได้ดียิ่งขึ้น จากนี้ไปข้อมูลที่เป็นประโยชน์จากระบบ HRMS.OBEC จะกลายเป็น big data ที่สำคัญของ ศธ.ที่จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ และสามารถบอกกล่าวได้ว่า การบริหารทรัพยากรบุคคลของ ศธ.เป็นการวางแผนเพื่อยกระดับคุณภาพทางการศึกษา และนำไปสู่การพัฒนาประเทศได้อย่างแท้จริง.

ที่มา : ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
เมื่อวันที่ : 11 สิงหาคม 2565

ส.ส.พปชร.นครสวรรค์ ร่วมสืบสานประเพณีทิ้งกระจาด แจกถุงยังชีพบรรเทาความเดือดร้อนปชช.

,

ส.ส.พปชร.นครสวรรค์ ร่วมสืบสานประเพณีทิ้งกระจาด แจกถุงยังชีพบรรเทาความเดือดร้อนปชช.

พรรคพลังประชารัฐ โดย “ส.ส.สัญญา นิลสุพรรณ พปชร. จ.นครสวรรค์” พร้อมด้วย คุณพิมพ์ปวีณ์ นิลสุพรรณ เลขาฯนายก อบจ.นว. ร่วมกันมอบถุงยังชีพในประเพณีทิ้งกระจาด ประกอบด้วยข้าวสาร อาหารแห้ง และเครื่องอุปโภคบริโภคที่จำเป็น เพื่อบรรเทาและแบ่งเบาภาระให้กับชาวบ้านและผู้ยากไร้ ซึ่งจัดประเพณีโดยคณะกรรมการจัดงานประเพณีแห่เจ้าพ่อ-เจ้าแม่บรรพตพิสัยณ ณ ศาลเจ้าส้มเสี่ยว อำเภอบรรพตพิสัย จังหวัดนครสวรรค์

สำหรับประเพณีทิ้งกระจาด ถือเป็นงานบุญที่ยิ่งใหญ่ที่ปฏิบัติสืบทอดมาตั้งแต่สมัยพุทธกาล เพราะถือว่าเป็นประเพณีการทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้แก่เพื่อนมนุษย์ที่ล่วงลับไปแล้ว ทั้งที่เป็นญาติและไม่เป็นญาติพร้อมกับทำทานให้แก่ผู้ยากไร้

พรรคพลังประชารัฐ เดินหน้าในการเข้าถึงดูแลประชาชนเป็นไปตามนโยบาย ที่มุ่งมั่นยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชนให้กินดีอยู่ดี พร้อมการเข้าไปรับฟังปัญหา ความเดือดร้อนนำมาสู่การแก้ไขต่อไป โดยเรามีเป้าหมายชัดเจนในการยกระดับเศรษฐกิจฐานรากให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น และยั่งยืน

ที่มา : ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
เมื่อวันที่ : 11 สิงหาคม 2565

ส.ส.พปชร.นครราชสีมา ดูแลผู้ประสบภัยน้ำท่วม มอบถุงยังชีพบรรเทาทุกเบื้องต้น

,

ส.ส.พปชร.นครราชสีมา ดูแลผู้ประสบภัยน้ำท่วม มอบถุงยังชีพบรรเทาทุกเบื้องต้น

พรรคพลังประชารัฐ โดย “ส.ส.ทัศนียา รัตนเศรษฐ พปชร. จ.นครราชสีมา” พร้อมด้วย นายตติรัฐ รัตนเศรษฐ เลขานุการรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม ลงพื้นที่อำเภอพิมาย จังหวัดนครราชสีมา เพื่อนำถุงยังชีพและข้าวสาร มามอบให้กับผู้ประสบภัยน้ำท่วมในพื้นที่ต่างๆ ในตำบลรังกาใหญ่ ตำบลโบสถ์ ตำบลในเมือง อาทิ วัดพัฒนาราม วัดพุทรา ศาลาบ้านหนองไทร วัดหนองขาม วัดวังหิน วัดดอนแซะ วัดใหม่ประตูชัย วัดเดิม ศาลาบ้านกอก และวัดบ้านขาม

ทั้งนี้ การลงพื้นที่ในครั้งนี้ เพื่อดูแลและบรรเทาทุกข์ความเดือดร้อนให้กับชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมบ้านเรือนและพื้นที่ทำกิน ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายของพรรคพลังประชารัฐ ที่ต้องการแก้ไขและดูแลเรื่องปัญหาปากท้องของคนไทยให้กินดีอยู่ดีและมีความสุขอย่างยั่งยืน

พรรคพลังประชารัฐ เดินหน้าในการเข้าถึงดูแลประชาชนเป็นไปตามนโยบาย ที่มุ่งมั่นยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชนให้กินดีอยู่ดี พร้อมการเข้าไปรับฟังปัญหา ความเดือดร้อนนำมาสู่การแก้ไขต่อไป โดยเรามีเป้าหมายชัดเจนในการยกระดับเศรษฐกิจฐานรากให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น และยั่งยืน

ที่มา : ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
เมื่อวันที่ : 11 สิงหาคม 2565

ส.ส.พปชร. กทม. หารือโครงการปรับปรุง ถ.รามคำแหง-หัวหมาก แก้ไขปัญหาจราจรประชาชน

,

ส.ส.พปชร. กทม. หารือโครงการปรับปรุง ถ.รามคำแหง-หัวหมาก แก้ไขปัญหาจราจรประชาชน

พรรคพลังประชารัฐ โดย “ส.ส.ฐิติภัสร์ โชติเดชาชัยนันต์ พปชร.กทม.เขต 13 ร่วมประชุมพิจารณาศึกษาการมีส่วนร่วมของประชาชน กรณีโครงการก่อสร้างปรับปรุงถนนรามคำแหง 24 และถนนหัวหมาก เพื่อแก้ไขปัญหาจราจรและเชื่อมโยงโครงข่ายถนนรามคำแหง และแก้ไขปัญหาการทรุดตัวของถนนรามคำแหง 24 และหัวหมาก โดยมี นายสามารถ มะลูลีม อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สำนักการโยธา กรุงเทพมหานคร สำนักงานเขตบางกะปิ และประชาชนผู้ได้รับผลกระทบจากโครงการเจ้าร่วมประชุมในครั้งนี้ด้วย

ทั้งนี้ ทางสำนักการโยธา กรุงเทพมหานคร ได้ชี้แจงความคืบหน้าของโครงการว่า เบื้องต้นผู้อำนวยการสำนักการโยธา พร้อมคณะผู้สำนักการโยธา และข้าราชการกรุงเทพมหานคร ได้เข้าหารือกับอธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหง พร้อมคณะผู้บริหารมหาวิทยาลัยรามคำแหง เรื่องขอใช้พื้นที่บางส่วนของมหาวิทยาลัยรามคำแหง เพื่อดำเนินการโครงการก่อสร้าง โดยสำนักการโยธา กรุงเทพมหานคร จะใช้พื้นที่ที่ได้รับความอนุเคราะห์จากมหาวิทยาลัยรามคำแหง ดำเนินการปรับปรุงแก้รูปแบบโครงการ จากเดิมก่อสร้างทางยกระดับขนาด 2 ช่องจราจร มาเป็นการก่อสร้างถนนระดับทางราบขนาด 4 ช่องจราจร (ยกเลิกการก่อสร้างทางยกระดับ) ซึ่งจะทำให้ประชาชนซอยรามคำแหง 24 ได้ใช้ประโยชน์อย่างสูงสุด และประหยัดงบประมาณที่มาจากภาษีของประชาชนด้วย

พรรคพลังประชารัฐ เดินหน้าในการเข้าถึงดูแลประชาชนเป็นไปตามนโยบาย ที่มุ่งมั่นยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชนให้กินดีอยู่ดี พร้อมการเข้าไปรับฟังปัญหา ความเดือดร้อนนำมาสู่การแก้ไขต่อไป โดยเรามีเป้าหมายชัดเจนในการยกระดับเศรษฐกิจฐานรากให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น และยั่งยืน

ที่มา : ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
เมื่อวันที่ : 11 สิงหาคม 2565

ส.ส.พปชร. เพชรบุรี ร่วมอนุรักษ์ประเพณีกินข้าวห่อวัฒนธรรมเมืองเพชร่วมเปิดงานแข่งขันฟุตบอลไอมาเน่ สุขิตะคัพ

,

ส.ส.พปชร. เพชรบุรี ร่วมอนุรักษ์ประเพณีกินข้าวห่อวัฒนธรรมเมืองเพชร่วมเปิดงานแข่งขันฟุตบอลไอมาเน่ สุขิตะคัพ
พรรคพลังประชารัฐ โดย “ส.ส.สุชาติ อุสาหะ พปชร. จ.เพชรบุรี” เป็นประธานเปิดการแข่งขันกีฬาฟุตบอลรายการ “ไอมาเน่ สุขิตะคัพ” ที่จัดให้มีขึ้นเนื่องในประเพณีกินข้าวห่อของหมู่บ้านพุพลู เพื่อร่วมอนุรักษ์ขนบธรรมเนียมประเพณีไทยให้คงอยู่คู่จังหวัดเพชรบุรี และเสริมสร้างความสามัคคีภายในชุมชน ทั้งนี้ การแข่งขันฟุตบอล “ไอมาเน่ สุขิตะคัพ” จัดขึ้นในวันที่ 10-12 สิงหาคม 2565 ชิงถ้วย ส.ส.สุชาติ อุตสาหะ ณ สนามฟุตบอลวัดพุพลู ตำบลยางน้ำกลัดใต้ อำเภอหนองหญ้าปล้อง จังหวัดเพชรบุรี

ทั้งนี้ ส.ส.สุชาติ ยังได้มอบชุดเสื้อกีฬาให้กับนักกีฬา เพื่อนำไปใช้สวมใส่ในการแข่งขันฟุตบอล “ไอมาเน่ สุขิตะคัพ” โดยมีตัวแทนจากชุมชนต่างๆ เป็นผู้รับมอบ ณ สำนักงานพรรคพลังประชารัฐ สาขาเพชรบุรี ตำบลท่าตะคร้อ อำเภอหนองหญ้าปล้อง จังหวัดเพชรบุรี

พรรคพลังประชารัฐ เดินหน้าในการเข้าถึงดูแลประชาชนเป็นไปตามนโยบาย ที่มุ่งมั่นยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชนให้กินดีอยู่ดี พร้อมการเข้าไปรับฟังปัญหา ความเดือดร้อนนำมาสู่การแก้ไขต่อไป โดยเรามีเป้าหมายชัดเจนในการยกระดับเศรษฐกิจฐานรากให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น และยั่งยืน

ที่มา : ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
เมื่อวันที่ : 11 สิงหาคม 2565

ส.ส.พปชร.นครสวรรค์ ร่วมกิจกรรมปลูกป่า เฉลิมพระเกียรติพระบรมราชชนนีพันปีหลวงเนื่องในวันแม่แห่งชาติ

,

ส.ส.พปชร.นครสวรรค์ ร่วมกิจกรรมปลูกป่า เฉลิมพระเกียรติพระบรมราชชนนีพันปีหลวงเนื่องในวันแม่แห่งชาติ

พรรคพลังประชารัฐ โดย “ส.ส.สัญญา นิลสุพรรณ พปชร. จ.นครสวรรค์” เป็นประธานเปิดโครงการอนุรักษ์ทรัพยากรและสิ่งแวดล้อมประจำปีงบประมาณ พศ.2565 ภายใต้ กิจกรรมปลูกป่าเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ๙๐ พรรษา ร่วมใจท้องถิ่น ปลูกต้นไม้เพื่อแผ่นดิน สืบสานสู่ ๙๐ ล้านต้น โดยมีนายหลุย เหรียญทอง นายก อบต.หนองตางู คุณพ่อวงศ์พิสิฐ นิลสุพรรณ คุณพิมพ์ปวีณ์ นิลสุพรรณ เลขาฯนายก อบจ.นว. นายสุวิทย์ มั่นคง ผู้แทนจากกรมป่าไม้จังหวัดนครสวรรค์ นางณิชาพัชร์ มูสิกะวงศ์ เจ้าหน้าที่กรมป่าไม้จังหวัดนครสวรรค์ คณะผู้บริหารประธานสภาฯ สมาชิก อบต. กำนันผู้ใหญ่บ้าน สมาชิกสภา อบต.หนองตางู และชาวบ้าน เข้าร่วมงานในครั้งนี้ ณ วัดจิกลาด ตำบลหนองตางู อำเภอบรรพตพิสัย จังหวัดนครสวรรค์

พรรคพลังประชารัฐ เดินหน้าในการเข้าถึงดูแลประชาชนเป็นไปตามนโยบาย ที่มุ่งมั่นยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชนให้กินดีอยู่ดี พร้อมการเข้าไปรับฟังปัญหา ความเดือดร้อนนำมาสู่การแก้ไขต่อไป โดยเรามีเป้าหมายชัดเจนในการยกระดับเศรษฐกิจฐานรากให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น และยั่งยืน

ที่มา : ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
เมื่อวันที่ : 11 สิงหาคม 2565

ส.ส.พปชร. ตรัง ต้อนรับพลเอกประวิตร ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำ จ.ตรัง

,

ส.ส.พปชร. ตรัง ต้อนรับพลเอกประวิตร ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำ จ.ตรัง

พรรคพลังประชารัฐ โดย “ส.ส.นิพันธ์ ศิริธร พปชร. จ.ตรัง” ร่วมต้อนรับพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังปรชารัฐ (พปชร.) ลงพื้นที่ตรวจราชการเพื่อติดตามความคืบหน้าโครงการระบบระบายน้ำแม่น้ำตรัง โดยมี ดร.กิตติพงศ์ ผลประยูร นายทวี สุระบาล พ.ต.ท.นัทธพงศ์ ใจสมุทร พล.ต.ต.บรรลือ ชูเวทย์ พร้อมด้วยคณะข้าราชการ ผู้นำชุมชน พี่น้องประชาชนให้การต้อนรับ

ทั้งนี้ ยังได้ลงพื้นที่โครงการอ่างเก็บน้ำท่างิ้ว ตำบลท่างิ้ว อำเภอห้วยยอด จ.ตรัง พร้อมมอบหมายให้กรมชลประทาน เร่งรัดการก่อสร้างโครงการระบบระบายน้ำแม่น้ำตรัง ให้แล้วเสร็จภายในเดือนกันยายน 2565 เพื่อเตรียมความพร้อมในการรับมือฤดูฝนภาคใต้ที่กำลังจะมาถึง รวมทั้งปัญหาภัยแล้งในพื้นที่จังหวัดตรังและจังหวัดใกล้เคียง

พรรคพลังประชารัฐ เดินหน้าในการเข้าถึงดูแลประชาชนเป็นไปตามนโยบาย ที่มุ่งมั่นยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชนให้กินดีอยู่ดี พร้อมการเข้าไปรับฟังปัญหา ความเดือดร้อนนำมาสู่การแก้ไขต่อไป โดยเรามีเป้าหมายชัดเจนในการยกระดับเศรษฐกิจฐานรากให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น และยั่งยืน

ที่มา : ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
เมื่อวันที่ : 11 สิงหาคม 2565

ส.ส.พปชร. นราธิวาส หารือร่วมทางการมาเลเซีย สู่การยกระดับด่านไทย-มาเลเซีย จ.นราธิวาส ร่วมส่งเสริมเศรษฐกิจของปชช. 2 ประเทศ

,

ส.ส.พปชร. นราธิวาส หารือร่วมทางการมาเลเซีย สู่การยกระดับด่านไทย-มาเลเซีย จ.นราธิวาส ร่วมส่งเสริมเศรษฐกิจของปชช. 2 ประเทศ

พรรคพลังประชารัฐ โดย “ส.ส.สัมพันธ์ มะยูโซ๊ะ พปชร. จ.นราธิวาส” พร้อมด้วย นายซันตารา นูซันตารา นายกเทศมนตรีเมืองตากใบ และที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ประเทศมาเลเซีย พร้อมคณะฯ เข้าพบ พลเรือตรี สมเกียรติ ผลประยูร เลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) เพื่อร่วมหารือการพัฒนาศักยภาพด่านศุลกากรชายแดนไทย-มาเลเซีย ในพื้นที่จังหวัดนราธิวาส โดยมีเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง ร่วมให้การต้อนรับ ณ ห้องรับรอง ชั้น 3 ศอ.บต.

การหารือในครั้งนี้ทางรัฐบาลไทย โดย ศอ.บต. จะรวบรวมข้อมูลและเตรียมความพร้อมในการรายงานความคืบหน้าพร้อมหารือร่วมกันถึงการขับเคลื่อนโครงการดังกล่าวแก่รัฐมนตรีคมนาคม ประเทศมาเลเซีย ที่คาดว่าจะมีกำหนดเดินทางมาเยือนพื้นที่จังหวัดนราธิวาส ในวันที่ 25 สิงหาคม 2565 และจะรายงานความคืบหน้าให้แก่ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ที่มีกำหนดเดินทางลงพื้นที่จังหวัดนราธิวาส ในห้วงต้นเดือนกันยายน 2565

พรรคพลังประชารัฐ เดินหน้าในการเข้าถึงดูแลประชาชนเป็นไปตามนโยบาย ที่มุ่งมั่นยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชนให้กินดีอยู่ดี พร้อมการเข้าไปรับฟังปัญหา ความเดือดร้อนนำมาสู่การแก้ไขต่อไป โดยเรามีเป้าหมายชัดเจนในการยกระดับเศรษฐกิจฐานรากให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น และยั่งยืน

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 11 สิงหาคม 2565

ส.ส.พปชร.กทม.เปิดบูธจำหน่ายสินค้าราคาถูก แบ่งเบาค่าครองชีพ ปชช.

, ,

ส.ส.พปชร.กทม.เปิดบูธจำหน่ายสินค้าราคาถูก แบ่งเบาค่าครองชีพ ปชช.

พรรคพลังประชารัฐ โดย “ส.ส.ภาดาท์ วรกานนท์ พปชร. กทม. เขต 6” และทีมงาน ลงพื้นที่ตลาดนัดบ้านครัวเหนือ เขตราชเทวี กรุงเทพฯ ตั้งบูธจำหน่ายสินค้าราคาพิเศษ ซึ่งในครั้งนี้ ส.ส.ภาดาท์ ได้นำน้ำมันพืชมาจำหน่ายในราคาพิเศษ เพื่อแบ่งเบาภาระค่าครองชีพให้กับพี่น้องประชาชน สอดคล้องกับนโยบายของพรรคพลังประชารัฐ ที่ต้องการดูแลเรื่องปากท้องของคนไทยให้กินดีอยู่ดีและมีความสุข

ทั้งนี้ ส.ส.ภาดาท์ ยังได้จับจ่ายและอุดหนุนสินค้าจากพ่อค้าแม่ค้าที่นำมาจำหน่ายในตลาดนัดบ้านครัวเหนือ พร้อมทั้งรับฟังปัญหาและข้อเสนอแนะต่างๆ จากชาวบ้านในพื้นที่ เพื่อนำมาปรับปรุงและยกระดับคุณภาพชีวิตความเป็นอยู่ของคนไทยให้ดียิ่งขึ้น

พรรคพลังประชารัฐ เดินหน้าในการเข้าถึงดูแลประชาชนเป็นไปตามนโยบาย ที่มุ่งมั่นยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชนให้กินดีอยู่ดี พร้อมการเข้าไปรับฟังปัญหา ความเดือดร้อนนำมาสู่การแก้ไขต่อไป โดยเรามีเป้าหมายชัดเจนในการยกระดับเศรษฐกิจฐานรากให้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น และยั่งยืน

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 11 สิงหาคม 2565