โลกเปลี่ยน ไทยต้องปรับ ทางเลือกใหม่ของการเมืองไทย ก้าวข้ามความขัดแย้ง สานพลังประชาราษฎร์ ร่วมสร้างชาติให้ยั่งยืน

ป้ายกำกับ: ข่าวกิจกรรมพรรค

“ศ.ดร.นฤมล”ย้ำนโยบายต้องทำได้จริง ลดพึ่งงบประมาณ ดึงเอกชน-ปชช.มีส่วนร่วมพัฒนาธุรกิจเพื่อสังคมสร้างศก.ไทยเข้มแข็ง

,

“ศ.ดร.นฤมล”ย้ำนโยบายต้องทำได้จริง ลดพึ่งงบประมาณ
ดึงเอกชน-ปชช.มีส่วนร่วมพัฒนาธุรกิจเพื่อสังคมสร้างศก.ไทยเข้มแข็ง

ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ กรรมการบริหารพรรค-เหรัญญิกพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) เปิดเผยว่า นโยบายของพปชร.มุ่งเน้นการทำได้จริงไม่ใช่เป็นแค่การหาเสียงเพื่อให้ได้คะแนนและเมื่อทำแล้วจะมีคำตอบว่าใช้งบประมาณของประเทศหรือไม่ อย่างไร รวมไปถึงแหล่งรายได้ที่จะเกิดขึ้น และที่สำคัญนโยบายต่างๆ ของพปชร.จะมองแบบครบวงจรเพื่อให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุดทั้งการดำเนินงานและการใช้งบประมาณ

“ คำว่านโยบาย ถ้าแปลกันจริงๆ ต้องเป็นเรื่องที่มองระยะยาว ประเภททำเป็นปีแล้วเลิก หรือแค่มาเขียนบนป้ายหาเสียงไว้เฉยๆ เพื่อให้ได้คะแนน แบบนี้สำหรับพปชร.เราไม่เรียกว่านโยบาย เปรียบเสมือนองค์กรเราจะเลือกผู้นำหรือทีมบริหารเราก็ต้องดูทีมดังกล่าวมีศักยภาพ มีวิสัยทัศน์อย่างไร ไม่ใช่แข่งกันว่าใครใช้เงินเก่งกว่ากัน แต่ไม่พูดเลยว่าหาเงิน รายได้จากไหนพูดแต่จะจ่ายอย่างเดียว ”ศ.ดร.นฤมลกล่าวย้ำ

สำหรับนโยบายพปชร.จะมีการสื่อสาร 2 ระดับคือชุดนโยบายจริงๆ ที่จะมีเรื่องของการหารายได้และรายได้ที่จะได้มาในการนำไปช่วยเหลือกลุ่มเปราะบาง ผู้สูงอายุ ผู้มีรายได้น้อย ซึ่งในป้ายหาเสียงอาจเห็นเพียงบางส่วนต้องมองภาพรวมทั้งก้อน ต้องคิดครบวงจรและอยากให้ทุกพรรคการเมืองคิดแบบครบวงจรจริงๆ โดยแหล่งรายได้ที่จะนำมาทำนโยบายที่พรรคหาเสียงไว้ ซึ่งไทยมีรายได้แต่ละปีมาจากการจัดเก็บภาษีต่างๆอยู่ 2.4-2.5 ล้านล้านบาทที่ไม่เพียงพอรายจ่ายที่มีกันอยู่ราว 3.2-3.3 ล้านล้านบาทต่อปีจะสามารถเพิ่มส่วนนี้อย่างไร โดยปัจจุบันมีการกู้อยู่ประมาณ 7 แสนล้านบาทซึ่งเงินกู้นี้ทำได้อย่างเดียวตามพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี ฯ บัญญัติไว้ว่า งบประมาณรายจ่ายเพื่อการลงทุนเพื่อพัฒนาประเทศต้องมีไม่ต่ำกว่า 20 เปอร์เซ็นต์ ของวงเงินทั้งหมดในร่างพรบ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีในแต่ละปี

ด้วยข้อจำกัดในการเพิ่มรายได้จากการเก็บภาษีที่เพิ่มขึ้นคงยากและการกู้คงมากไปกว่านี้ไม่ได้เพราะติดเพดานหนี้สาธารณะ จึงมองการหาแหล่งรายได้จากทางอื่นคือการร่วมทุนระหว่างภาครัฐและเอกชน หมายถึง การให้เอกชนร่วมลงทุนในกิจการของรัฐ (Public. Private Partnership หรือ PPP)เพื่อลดภาระรายได้ที่จะได้มาจากการเก็บภาษี และอีกส่วนหนึ่งคือการใช้ศักยภาพของตลาดทุนโดยการตั้งกองทุนเพื่อระดมทุนจากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ที่จะเป็นเม็ดเงินลงทุนทั้งจากนักลงทุนในไทยและต่างประเทศ แล้วก็นำเม็ดเงินดังกล่าวมาสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจ ฟื้นฟูเศรษฐกิจในประเทศ เช่นการสนับสนุนธุรกิจสตาร์ทอัพ หรือธุรกิจเพื่อสังคมหรือ Social Enterprise (SE) ก็จะทำให้เกิดธุรกิจเหล่านี้ขึ้นมากมายในประเทศ และจะทำให้ออกจากกลไกการใช้หน่วยงานราชการไปขับเคลื่อน

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 9 เมษายน 2566

“พล.อ.ประวิตร” วิดีโอคอลบนเวทีปราศรัยส่งใจถึงสมุทรสาคร ปักธงขอคะแนนผู้สมัครเบอร์ 1 ทั้ง3เขต พร้อมกาเลข 37 พปชร.

,

“พล.อ.ประวิตร” วิดีโอคอลบนเวทีปราศรัยส่งใจถึงสมุทรสาคร ปักธงขอคะแนนผู้สมัครเบอร์ 1 ทั้ง3เขต พร้อมกาเลข 37 พปชร.

วันที่ 8 เมษายน 2566 พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เปิดเวทีปราศรัย ที่ วัดยกกระบัตร จังหวัดสมุทรสาคร โดย พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ได้โทรศัพท์ผ่านระบบวีดีโอคอลมายังเวทีปราศรัยเพื่อทักทายพี่น้องประชาชนกว่า 10,000 คน พร้อมด้วย นายวิรัช รัตนเศรษฐ รองหัวหน้าพรรค, ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า, ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เหรัญญิกพรรค ร่วมขึ้นปราศรัยนโยบายพรรค โดยมี นายภัฎ สุริวงษ์ ผู้สมัคร ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อ พร้อมด้วยผู้สมัคร ส.ส.จังหวัดสมุทรสาคร ทั้ง 3 เขต ได้แก่ นายวัฒนา แตงมณี เขต 1 เบอร์ 1, น.ส.ปัณฑารีย์ มั่งมี เขต 2 เบอร์ 1 และ น.ส.จอมขวัญ กลับบ้านเกาะ เขต 3 เบอร์ 1 ร่วมปราศรัยและแนะนำตัว

พล.อ.ประวิตร กล่าวสวัสดีชาวสมุทรสาคร และขอบคุณพี่น้องประชาชนมาร่วมเวทีปราศรัยที่รักทุกคน ตนเข้าใจดีว่าชาวสมุทรสาครมีความสำคัญต่อประเทศชาติอย่างมาก โดยพรรค ให้ความสำคัญกับพื้นที่นี้ เพราะเป็นจังหวัดที่สร้างรายได้ ให้กับประเทศไทยเป็นจำนวนมาก ที่เกิดจากความร่วมมือของพี่น้องทุกคน ขอฝากผู้สมัครทั้ง 3 เขตเข้าไปทำหน้าที่ในสภาฯ เพื่อผลักดันให้ประชาชนมีรายได้ และความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น และในโอกาสเทศกาลปีใหม่ไทย ขออวยพรให้พี่น้องชาวสมุทรสาคร คิดสิ่งใด ขอให้สมความปรารถนา และมีความเจริญรุ่งเรือง

ศ.ดร.นฤมล กล่าวว่า พื้นที่สมุทรสาคร เป็นเป้าหมายสำคัญของพรรค ที่จะผลักดันการพัฒนาให้มีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง เพื่อการฟื้นฟูเศรษฐกิจ ภายหลังการแพร่ระบาดโควิด 19 เพราะเป็นจังหวัดที่มีศักยภาพทางเศรษฐกิจในการสร้างรายได้เข้ากับประเทศ สะท้อนจากผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศ ที่สร้างรายได้สูงถึง 400,000 ล้านบาท คิดเป็น 2.5% จัดเป็นจังหวัดลำดับ 6 ของประเทศ และเมื่อรวมอีก 5 จังหวัดมีพื้นที่ติดสมุทรสาคร ทั้ง ราชบุรี สมุทรสงคราม นครปฐม กรุงเทพฯ มีมูลค่าจีดีพี ถึง 7 ล้านล้านบาท คิดเป็น 50% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมประเทศ ซึ่งเป็นผลงานของชาวสมุทรสาคร ซึ่งที่ผ่านมาเราได้รับข้อมูลจาก ส.ส.จอมขวัญมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อนำข้อมูลมารายงาน ทีมนโยบายและผู้บริหารมาโดยตลอด ทั้งการแก้ไขปัญหาราคาสินค้าเกษตร เพราะพื้นที่จังหวัดมีความหลากหลายทางอาชีพ และรายได้ มาจากอาชีพต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการทำนาข้าว ทำสวน ประมง ทำโรงงานอุตสาหกรรม ฟาร์มกุ้ง ฟาร์มปลา เป็นต้น

ทำให้วันนี้ พรรค พปชร.ต้องให้ความสนใจและสานต่อ เพราะการฟื้นฟูเศรษฐกิจเป็นสิ่งสำคัญ เพราะเรามีส.ส.ทั้ง 3 เขตที่เข้าใจในพื้นที่อย่างแท้จริง ถือเป็นคนสมุทรสาครทั้งสามคน ไม่ใช่คนหน้าใหม่ของพี่น้องประชาชน เป็นผู้สมัครที่ได้เบอร์ 1 ล้วนแล้วเป็นคนคุณภาพ ไม่ทิ้งพื้นที่ ตั้งแต่การแพร่ระบาด ก็ได้เข้ามาสนับสนุนช่วยเหลือประชาชน ตั้งโรงพยาบาลสนาม ตั้งโรงทานเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนให้พี่น้องประชาชน

“เรามีผู้สมัครของพรรคพลังประชารัฐทั้ง 3 เขต ที่เข้าใจพื้นที่และปัญหาในแต่ละเขตเป็นอย่างดี เพราะเป็นคนพื้นที่ ที่มีความใกล้ชิดกับประชาชน ไม่เคยทอดทิ้งกัน แม้ในช่วงสถานการณ์โควิดที่ยากลำบาก เราก็จับมือฝ่าฟันวิกฤตมาด้วยกัน อย่าง ส.ส.จอมขวัญ ตลอด 4 ปีที่ผ่านมา ประชาชนและมุ่งแก้ปัญหาให้กับทุกคนอย่างเต็มที่ “ศ.ดร.นฤมล กล่าว

ดังนั้น พรรค ต้องกลับมาปักธงอีกครั้ง ขอให้พี่น้องประชาชน เลือกทั้งสามคนเพื่อเป็นปากเสียง ในการแก้ไขปัญหาให้กับพี่น้องประชาชนในสภาฯ นอกจากเบอร์ 1 เพื่อเลือกผู้สมัครแล้ว ยังมีเบอร์ 37 ซึ่งเป็นเบอร์ ของพรรค ซึ่งจำได้ง่าย 3700 มาจาก 3000 คือเบี้ยผู้สูงอายุ และ 700 คือลุงป้อม 700 ดังนั้น ต้องเลือกทั้งเขต และพรรค เพื่อนำนโยบายให้ถึงมือพี่น้องประชาชน ขอให้วันที่ 14 พ.ค.นี้ เข้าคูหากาเบอร์ 1 และพรรค เบอร์ 37

ด้าน ร.อ.ธรรมนัส กล่าวปราศรัยว่า ผมในฐานะตัวแทนของพรรคพลังประชารัฐ ขอยืนยันกับประชาชนว่า การเลือกตั้งปี 66 นี้ เราจะได้ชัยชนะที่จังหวัดสมุทรสาคร ยกจังหวัด ในอดีตที่ผ่านมาประเทศไทยมัวแต่เล่นกีฬาสี ทำให้ประเทศไม่เดินหน้าไปไหน พรรรพลังประชารัฐจึงเล็งเห็นว่า ประเทศไทยของเราต้องก้าวข้ามความขัดแย้ง เพื่อไปสู่การพัฒนาของประเทศไทย สุดท้ายนี้ บ้านเมืองเราจะเดินไปข้างหน้าไม่ได้ ถ้าขาดเจ้าของประเทศอย่างพวกเรา ดังนั้นในวันที่ 14 พ.ค. อย่าลืมเข้าคูหากาหมายเลข 1 เลือก ส.ส.สมุทรสาคร และหมายเลข 37 ของพรรคพลังประชารัฐ

ด้านนายสนธิรัตน์ ได้กล่าวปราศรัยว่า ประเทศไทยประสบกับปัญหาด้านเศรษฐกิจและเรื่องปากท้องของประชาชนมายาวนานต่อเนื่อง แต่วันนี้พรรคพลังประชารัฐเรามีทีมเศรษฐกิจระดับประเทศ ถูกยกย่องถือว่าเป็นขุนพลทีมที่ดีที่สุด ที่จะเข้ามาใช้ประสบการณ์ที่มี แก้ปัญหาให้กับพี่น้องประชาชนและคนที่รวบรวมพวกเราให้มารวมกันได้ก็คือ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ วันนี้เราขอโอกาสจากพี่น้องที่นี่ให้ไว้วางใจเราอีกครั้งหนึ่ง เหมือนในปี 62 ที่ผ่านมา

จากนั้นผู้สมัครของพรรคพลังประชารัฐสลับกันขึ้นปราศรัยนำโดย น.ส.จอมขวัญ กลับบ้านเกาะ อดีต ส.ส.สมุทรสาคร และผู้สมัครเขต 3 เบอร์ 1 กล่าวปราศรัยว่า การทำหน้าที่ ส.ส.ในสี่ปีที่ผ่านมา ตนได้ทำหน้าที่ผู้แทน โดยนำความเดือดร้อนของประชาชนเข้าไปหารือและแก้ไขในที่ประชุมสภาฯ ไม่ว่าจะเป็น การสร้างประตูระบายน้ำ แก้ปัญหาน้ำท่วมตรงทางเข้าบ้านแพ้ว แต่ก็ยังมีสิ่งที่ตนอยากจะทำต่อเพื่อให้พี่น้องชาวสมุทรสาครมีความเป็นอยู่และคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นขอให้พี่น้องประชาชนพิจารณาจอมขวัญคนทำงานจริง เบอร์ 1 ด้วย

นายวัฒนา แตงมณี ผู้สมัครเขต 1 เบอร์ 1 กล่าวว่า ตนมีประสบการณ์ในการเมืองมานาน ทำงานแบบ ซื่อสัตย์ ไม่ทุจริต ไม่คอร์รัปชั่น ไม่โกหก จังหวัดสมุทรสาคร คือบ้านเกิดของตน เราต้องการเข้ามาเพื่อสร้างและไม่ทำร้ายใคร ตนเป็นนักบริหารและนักธุรกิจก็ต้องก้าวข้ามความขัดแย้ง ในช่วงแรกก็ไม่เคยคิดจะมาเล่นการเมืองระดับชาติ แต่ได้รับการเชื้อเชิญจาก ร.อ.ธรรมนัส จึงตกลงเข้าร่วมงานกับพรรคพลังประชารัฐ ตนอาจจะเป็นคนตรง ๆ แต่พูดทุกอย่างออกมาจากใจและความรู้สึกจริง ๆ จากนี้ไปตนจะทำงานเพื่อชาวสมุทรสาครอย่างเต็มที่

ด้าน น.ส.ปัณฑารีย์ มั่งมี ผู้สมัคร เขต 2 เบอร์ 1 หลายคนคิดว่าเป็นนักการเมืองหน้าใหม่ ไม่มีประสบการณ์ แต่ตนเกิดที่นี่ โตที่นี่ ต้องการเห็นอำเภอกระทุ่มแบนพัฒนาอย่างยั่งยืน ถึงแม้ตนจะหน้าใหม่ แต่ก็ทำงานให้กับชาวบ้านอำเภอกระทุ่มแบนมากว่า 10 ปี ในฐานะลูกของกำนันกุ้ง การเลือกตั้งครั้งนี้ขอโอกาสให้กับผู้สมัครหน้าใหม่อย่างน้ำ ให้เข้าไปดูแลและแก้ปัญหาปากท้องให้กับประชาชน

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 8 เมษายน 2566

“ชัยวุฒิ” ชู”พล.อ.ประวิตร” พร้อมทำหน้าที่ผู้นำประเทศดูแลปชช. ชี้ ศก.ไทยดีกว่าหลายประเทศ วอนคนไทยหยุดขัดแย้งเชื่อมั่นกลับมา

,

“ชัยวุฒิ” ชู”พล.อ.ประวิตร” พร้อมทำหน้าที่ผู้นำประเทศดูแลปชช. ชี้ ศก.ไทยดีกว่าหลายประเทศ วอนคนไทยหยุดขัดแย้งเชื่อมั่นกลับมา

วันนี้ (7 เม.ย.) ที่อุทยานเบญจศิริ เขตคลองเตย พรรคพลังประชารัฐ จัดเวทีปราศรัยย่อยโซนกรุงเทพฯ ใต้ “พลังใหม่ พลังกรุงเทพ พลังประชารัฐ” นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รองหัวหน้าพรรค กล่าวบนเวทีปราศรัยว่า พปชร.พร้อมที่เข้าไปดูแลประชาชนในทุกกลุ่ม ภายใต้การนำของพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรค ถือเป็นเสาหลัก ในการจัดตั้งรัฐบาล ที่ทำงานหนักมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อสร้างความกินดีอยู่ดี ให้กับประชาชน พร้อมประสานทุกหน่วยทั้ง 10 ทิศ แก้ปัญหาให้กับทุกคน ประสานงานกับทุกคน ทำให้วันนี้รัฐบาลอยู่ครบ 4 ปี แล้วเราจะทำต่อไป เด็กเยาวชนทุกวันนี้สามารถจับเงิน 1,000,000 ได้ ก็เกิดขึ้นในรัฐบาลนี้ที่ส่งเสริมให้เกิดการขายของออนไลน์ในระบบดิจิตอล

ประเทศไทยเป็นเมืองที่มีความสุขอันดับ 6 ของโลก มีแต่ชาวต่างชาติชื่นชมในการมาอยู่เมืองไทย แต่มีพรรคการเมืองไปสร้างเรื่องว่า ประเทศไทยมีปัญหา อยากไปอยู่เมืองนอก ประเทศในแถบยุโรป วันนี้ฝรั่งเศสประท้วงกันเป็นแสนเป็นล้านคน ประเทศเยอรมันที่เจริญที่สุดในยุโรปตอนนี้ก็ประท้วงกัน การขนส่งมวลชนหยุดหมด เดือดร้อนกันทั้งประเทศ ประเทศไทยเราสงบสุขดีที่สุดแล้ว เพียงแค่อย่าทะเลาะ อยากให้ทุกคน มาช่วยกันดูแลประเทศไทยให้สงบสุข

นายชัยวุฒิ ยังกล่าวต่อว่า จะเห็นว่ารัฐบาลภายใต้การบริหารของพรรคพลังประชารัฐ ประเทศมีเศรษฐกิจที่ดีขึ้น ยอดขายรถยนต์ปี 65 849,000 คันเพิ่มขึ้น 12 % การส่งออกก็เพิ่มขึ้น 7.29% ตัวเลขเหล่านี้ชี้ชัดว่า เศรษฐกิจของประเทศไปได้

นายชัยวุฒิ กล่าวต่อว่า ประเทศไทยเราดีที่สุดแล้ว เราเป็นพี่ใหญ่ ในเซาท์อีสต์เอเชีย ตนไปประชุมกับรัฐมนตรีที่สิงคโปร์ และฟิลิปปินส์ ทุกคนเชื่อมั่นประเทศไทยว่า เป็นพี่ใหญ่ มีเศรษฐกิจเข้มแข็ง เรามีความมั่นคง และเรามีกองทัพ มีอํานาจและเข้มแข็ง วันนี้เราต้องจับมือกันเพื่อเดินหน้าพัฒนาประเทศภายใต้การบริหารประเทศของ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ที่ทำงานเพื่อประชาชนประชุมหนักเพื่อหาทางแก้ปัญหาบ้านเมือง ทำทุกอย่างพัฒนาทุกพื้นที่แก้ปัญหาให้กับประชาชน เราเป็นรัฐบาลมาได้4 ปี ถ้าไม่มีลุงป้อม รัฐบาลไม่มีทางอยู่ได้

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 8 เมษายน 2566

“ศ.ดร.นฤมล” ชูนโยบายพลังประชารัฐ 3700 สร้างการจดจำ เตรียมเปิด 10 เวทีปราศรัยใหญ่ก่อนปิดเวทีที่กรุงเทพ 12 พ.ค.นี้

,

“ศ.ดร.นฤมล” ชูนโยบายพลังประชารัฐ 3700 สร้างการจดจำ
เตรียมเปิด 10 เวทีปราศรัยใหญ่ก่อนปิดเวทีที่กรุงเทพ 12 พ.ค.นี้

ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เหรัญญิกพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) เปิดเผยว่า จากการที่ พรรคพลังประชารัฐ ได้รับหมายเลข 37 เพื่อใช้หาเสียงในสนามการเลือกตั้งครั้งนี้ ผู้สมัคร ส.ส. ของพรรคบอกจดจำง่าย เป็นการสื่อสารให้กับประชาชนได้เลือกพรรคพลังประชารัฐ ได้อย่างน้อย 3700 โดยเลข 3 มาจาก 3,000 เป็นสวัสดิการเบี้ยผู้สูงอายุ ส่วนเลข 7 มาจาก 700 บัตรสวัสดิการของรัฐ ดังนั้นทำให้จำง่ายๆ เลือกลุงป้อม 3700 แต่จะใช้เป็นแคมเปญใหม่หรือไม่ ตอนนี้กำลังหารือกับผู้สมัคร เพื่อจะบอกกับประชาชน พลังประชารัฐ 3700 ตอนนี้ทุกอย่างจะผูกให้เป็นหมายเลข 37 คือ 3 นโยบายเร่งด่วน 7 นโยบายเร่งรัด

ศ.ดร. นฤมล กล่าวว่า พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ พอใจกับเลข 37 หลายคนก็บอกเป็นเลขมงคล 3 + 7 เป็น 10 เป็นเลขที่ถูกโฉลกกับพรรคและหัวหน้าพรรค และส่วนตัวก็เชื่อว่า เป็นเลขที่ดี อีกทั้งจะเป็นการสร้างการรับรู้ว่าพรรคพลังประชารัฐ 3700 รวมทั้ง หมอดูต่างๆ กล่าวว่า เลข 37 เป็นเลขมงคลที่ถูกโฉลก จะทำให้ได้รับชัยชนะ โดยต้องชี้แจงให้ประชาชนเข้าใจ หลังจากเห็นเลข 37 ว่าจะต้องเลือกพรรคพลังประชารัฐ นอกจากต้องช่วยกันจำ เวลาไปคูหากาบัตรเลือกตั้ง ต้องมองหาโลโก้และชื่อพรรค เป็นการจดจำง่ายขึ้น

ในส่วนของผู้สมัครมีหมายเลขของตัวเองเช่นกัน ก็ขึ้นอยู่กับวิธีการสื่อสาร ของผู้สมัคร ซึ่งตอนนี้หลายคนได้เริ่มทำคลิป ส่งมาให้ดู เป็นภาพของหัวหน้าพรรค และเลข 37 ส่วนผู้สมัครก็จะขึ้นตัวเลขของเขา เป็นการประชาสัมพันธ์คู่กัน ส่วนตัวเชื่อว่าจะไม่สร้างความสับสนแน่นอน เพราะประชาชนได้รับการชี้แจงแล้วว่าจะต้องเลือกตั้งบัตรสองใบ คนละเบอร์

สำหรับการปราศรัยของพรรคมีอย่างต่อเนื่องหลังจากนี้ ที่จะมีการจัด10 เวทีใหญ่ตามจังหวัดต่างๆ รวมถึงเวทีย่อยอีกเป็น100 และจะปิดการปราศรัยเวทีสุดท้ายที่กรุงเทพฯ หลังจากที่ประชุมวางไว้ วันที่ 12 พฤษภาคม อาจจะเป็นสนามกีฬาไทย-ญี่ปุ่น ดินแดง โดยวันศุกร์ 7 เม.ย.นี้ จะมีจัดปราศรัยในพื้นที่กรุงเทพฯ จะที่ สวนเบญจกิติ จากนั้นวันเสาร์ ที่8 เม.ย. 2566 เป็นเวทีใหญ่ จ.สมุทรสาคร พรรคพลังประชารัฐได้เบอร์หนึ่งทั้งสามเขต สำหรับพื้นที่ภาคใต้ ตนจะลงไปช่วยในพื้นที่ อำเภอทุ่งสง จ.นครศรีธรรมราช ไปพูดเรื่องนโยบายให้ชาวภาคใต้ได้รับรู้กับนโยบาย 3700

อย่างไรก็ตาม สำหรับการแข่งขันของผู้สมัคร ส.ส.แบบแบ่งเขต กรุงเทพฯ จากการเราประเมินอย่างน้อย 12 ถึง 14 เขต ที่มีโอกาสชนะสูง เพราะ กกต. แบ่งเขตใหม่หมด คู่แข่งเองก็ถูกโยกเขตไม่เคยทำพื้นที่ เรามีโอกาสสู้ และมีความได้เปรียบแม้จะเป็นพื้นที่ใหม่ทั้งหมด

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 5 เมษายน 2566

“เลขาพปชร.”ชี้ 37 เลขมงคลมั่นใจประชาชนจำง่าย ย้ำสอดรับ 3 นโยบายหลัก 7 นโยบายย่อยเพื่อแก้ไขปัญหาปากท้อง

,

“เลขาพปชร.”ชี้ 37 เลขมงคลมั่นใจประชาชนจำง่าย
ย้ำสอดรับ 3 นโยบายหลัก 7 นโยบายย่อยเพื่อแก้ไขปัญหาปากท้อง

นายสันติ พร้อมพัฒน์ เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวการที่พรรคได้จับหมายเลข 37 ว่า หมายเลข 37 นั้นเป็นหมายเลขที่จำได้ง่าย แม้หลานชายยังจำได้เลย นับเป็นเลขที่ติดหู เพราะเลขจำนวนน้อยอยู่หน้าและจำนวนมากอยู่หลัง และยังรวมแล้วได้ 10 ซึ่งตนมองว่าเป็นเลขมงคล เพราะเลขาธิการคณะกรรมการเลือกตั้ง จับลำดับให้พรรคขึ้นจับหมายเลขในลำดับที่ 37 และพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคพปชร. ขึ้นจับหมายเลขก็ได้ 37 ถึง 2 ครั้งซึ่งไม่มีพรรคไหนได้แบบเรา

“ผมดีใจที่ได้ 37 นโยบายของเราก็มี 3 นโยบายหลัก และมี 7 นโยบายย่อย นวมทั่งเรายังมี บัตรประชารัฐ 700 อีกที่พี่น้องประชาชนชอบ ผมถือว่าเป็นเลขมงคลอยู่แล้ว หากพี่น้องประชาชนพร้อมใจกันเลือกให้ท่านหัวหน้าไปเป็นนายกและมีนโยบายออกมามันใจว่าจะได้เป็นสองสมัยด้วยซ้ำเป็นเรื่องจริงนโยบายแบบนี้หาที่ไหนประเทศไทย” นายสันติกล่าว

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 5 เมษายน 2566

“ไพบูลย์”ยันพล.อ.ประวิตร แก้ไขปัญหาประชาชนต่อเนื่อง พร้อมรับข้อเสนอพีมูฟสู่การช่วยเหลือประชาชนกินดีอยู่ดี

,

“ไพบูลย์”ยันพล.อ.ประวิตร แก้ไขปัญหาประชาชนต่อเนื่อง
พร้อมรับข้อเสนอพีมูฟสู่การช่วยเหลือประชาชนกินดีอยู่ดี

5 เมษายน2566 นายไพบูลย์ นิติตะวัน รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เปิดเผยว่า วันนี้ขบวนการประชาชนเพื่อสังคมที่เป็นธรรม (ขปส.) หรือ พีมูฟได้ยื่นหนังสือข้อเรียกร้อง ใน 5 ข้อเสนอ 1.แก้ไขปัญหาที่ดิน ทรัพยากร และที่อยู่อาศัย 2. สร้างเสรีภาพ และกระบวนการยุติธรรม 3. คุ้มครองชาติพันธุ์และผลักดันสิทธิสถานะ 4. สร้างรัฐสวัสดิการและการกระจายอำนาจ 5. แก้ไขปัญหาโครงการพัฒนาของรัฐ และพัฒนาสาธารณูปโภคให้เป็นสิทธิพื้นฐาน เพื่อนำไปบรรจุเป็นนโยบายหาเสียงของพรรค

ทั้งนี้พรรคพลังประชารัฐพร้อมรับข้อเสนอของประชาชนมาเพื่อดำเนินการแก้ไขปัญหา เพราะเรายึดหลักก้าวข้ามความขัดแย้ง โดย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีอและหัวหน้าพรรคพปชร.ได้ดำเนินการแก้ไขปัญหามาอย่างต่อเนื่อง แม้ว่าบางประเด็นยังอยู่ระหว่างดำเนินการ และพร้อมนำข้อเสนอทั้งหมดนำไปสู่การพิจารณาอย่างเร่งรัด โดยจะนำไปปรับให้มีความสมบูรณ์และเป็นประโยชน์กับประชาชนอย่างแท้จริง

“ในวันที่ 6 เมษายน ผมรับไปเป็นตัวแทนของพรรคไปร่วมเสวนากับกลุ่มพีมูฟ เพื่อหาแนวคิดร่วมกันที่จะตกผลึกวิธีการทำงานร่วมกันนำไปสู่กระบวนการหาทางออก และแก้ไขปัญหาในแบบของพรรคพลังประชารัฐคือประชากับรัฐ คือร่วมกันแก้ไขปัญหาถือเป็นแนวทางการทำงานของพรรค และยังรับหนังสือข้อเรียกร้องของกลุ่ม”ทำทาง”ได้ยื่นข้อเสนอด้านการทำแท้งที่ปลอดภัยและไร้ศักดิ์ศรีเป็นกลุ่มทางสังคมที่จะให้ให้หลายเรื่องเป็นกลุ่มที่จะต้องได้รับการสนใจและดูแลให้ครอบคลุมในทุกมิติเป็นภารกิจของพรรคพลังประชารัฐเป็นนโยบายที่จะต้องดำเนินการ” นายไพบูลย์กล่าว

นายไพบูลย์ ยังกล่าวย้ำว่า ตนในฐานะรองหัวหน้าพรรค จะไม่ใช่แค่รับหนังสือหรือข้อเสนอและผ่านไป หากมีประชาชนมีปัญหามีข้อเสนอมีนโยบายอะไรต่างๆให้มาที่พรรค หรือนัดหมายล่วงหน้าและสามรถพบตน จะได้หารือร่วมกันแลกเปลี่ยนข้อมูล ข้อเท็จจริง อย่างเป็นระบบ ซึ่งสอดรับกับแนวทางการทำงานของพรรคที่ยึดหลักประชาธิปไตย สู่การแก้ไขปัญหา และข้อเสนอใดที่สามารถทำได้ ก็จะทำให้ทันที แต่ข้อเสนอใดติดปัญหาและทำไม่ได้ก็จะบอกอย่างตรงไปตรงมาไม่ปิดบัง

ส่วนกรณีกลุ่มเคลื่อนไหวอิสระอย่างกลุ่มแบม และตะวัน นายไพบูลย์ กล่าวว่า หากเป็นไปได้และมีเวลาร่วมกัน ก็สามารถแลกเปลี่ยนข้อเท็จจริง เพื่อหารือกันได้ สิ่งใดที่ทำได้ทันที หรือต้องรอเวลาจะมีกระบวนการที่จะพูดคุยอย่างเป็นระบบ ซึ่งสามารถนัดหมายล่วงหน้า และมาพบกันได้ที่ทำการพรรค ตนขออยากไปถึงทั้ง 2 คน ผ่านสื่อมวลชนว่า ถ้ามีประเด็นหรือความทุกข์ร้อนอย่างไรขอให้มาพบกัน เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นระหว่างกันตามแนวทางประชาธิปไตย

ส่วนกรณีที่พรรคพลังประชารัฐ ได้รับหมายเลข 37 ในการเลือกตั้งครั้งนี้ นายไพบูลย์ กล่าวว่า เบอร์ 37 รวมกันได้ 10 ถือว่าเป็นมงคล และเป็นทางเลือกของประชาชน หากเห็นว่านโยบายของพรรคพลังประชารัฐสามารถตอบโจทย์ก้าวข้ามความขัดแย้ง แก้ปัญหาสังคม ทำให้คนไทยกินดีอยู่ดี และแก้ปัญหาให้เศรษฐกิจได้ เพื่อให้สังคมประเทศจะมีความเจริญก้าวหน้า พร้อมดูแลประชาชนให้เกิดความเท่าเทียม ไ้รับความยุติธรรมทุกฝ่าย

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 5 เมษายน 2566

“พล.อ.ประวิตร” คว้าเบอร์ 37 พปชร.ก้าวข้ามความขัดแย้ง เสนอตัว พร้อมสร้างโอกาสเพื่อปชช.

,

“พล.อ.ประวิตร” คว้าเบอร์ 37 พปชร.ก้าวข้ามความขัดแย้ง เสนอตัว พร้อมสร้างโอกาสเพื่อปชช.

วันที่ 4 เมษายน 2566 10.45 น. พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) ได้เข้าสมัครรับเลือกตั้งและจับฉลากเบอร์ประจำพรรค และบัญชีรายชื่อ (ปาร์ตี้ลิสต์) ด้วยตนเอง โดยได้เบอร์37 เพื่อใช้ในการเลือกหาเสียงเลือกตั้งครั้งนี้

พรรคพร้อมเดินสู้ศึกเลือกตั้ง เสนอนโยบายทุกด้าน เพื่อช่วยเหลือประชาชนทุกพื้นที่เดินหน้ายกระดับคุณภาพชีวิต ภายใต้แคมเปญ ก้าวข้ามความขัดแย้ง ขจัดทุกปัญหา พัฒนาทุกพื้นที่ ฟื้นฟูเศรษฐกิจ ด้วยนโยบายด้านเศรษฐกิจ “3 เร่งด่วน” …แก้ไขปัญหาครบทุกมิติ “8 เร่งรัด” เพื่อวางรากฐานเศรษฐกิจให้โตอย่างยั่งยืน…..ภายใต้ “แนวคิดพลิกฟื้นเศรษฐกิจพลิกโฉมประเทศไทยให้ก้าวหน้าไปอย่างยั่งยืน”

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 4 เมษายน 2566

“พล.อ.ประวิตร”นำทัพ พปชร.”จับเบอร์ปาร์ตี้ลิสต์ ตั้งเป้าขอ ส.ส.20 ที่นั่งเดินหน้าหน้าพัฒนาประเทศ

,

“พล.อ.ประวิตร”นำทัพ พปชร.”จับเบอร์ปาร์ตี้ลิสต์ ตั้งเป้าขอ ส.ส.20 ที่นั่งเดินหน้าหน้าพัฒนาประเทศ

เมื่อเวลา 07.50 น.พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) พร้อมด้วยกรรมการบริหารพรรค และผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ อาทิ นายสันติ พร้อมพัฒน์ เลขาธิการพรรค นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รองหัวหน้าพรรค,นายอธิรัฐ รัตนเศรษฐ กรรมการบริหารพรรค,นายอุตตม สาวนายน ประธานคณะกรรมการจัดทำนโยบายพรรค ,นายไพบูลย์ นิติตะวัน รองหัวหน้าพรรค , นายมิ่งขวัญ แสงสุวรรณ์ คณะทำงานด้านเศรษฐกิจ ,นายวิรัช รัตนเศรษฐ รองหัวหน้าพรรค ,นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ ประธานคณะกรรมการยุทธศาสตร์การเมืองพรรค และนายสกลธี ภัททิยกุล หัวหน้าทีมกทม. เดินทางมาถึง อาคารไอราวัตพัฒนา ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร เขตดินแดง เพื่อสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ

พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า การเป็นนักการเมืองต้องเข้มแข็ง เราต้องทำตามหน้าที่ โดยสำหรับการเลือกตั้งครั้งนี้ พรรคพลังประชารัฐตั้งเป้าหมายเอาไว้ประมาณ 20 ที่นั่ง ของสส.บัญชีรายชื่อ และมั่นใจว่าได้รับการสนับสนุนจากประชาชน และได้ชูมือสองข้างทักทายกองเชียร์และสื่อมวลชน มารอต้อนรับและสัมภาษณ์อย่างคับคั่ง พร้อมชูมือ กำหมัดข้างขวาขึ้น เพื่อแสดงสัญลักษณ์ว่าสู้ๆ ด้วยใบหน้ายิ้มแย้มแจ่มใจ เพื่อเดินเข้าไปยังตึกไอรวัฒพัฒนา อย่างมั่นใจ พร้อมด้วยทีมงานคณะบริหารของพรรค

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 4 เมษายน 2566

“ศ.ดร.นฤมล-สกลธี”นำ 33 ผู้สมัคร ส.ส.กทม.สักการะศาลหลักเมืองเอาฤกษ์เอาชัย ประกาศ ขอ ส.ส.กทม.มากกว่า 12 ที่นั่ง พร้อมเดินหน้ารณรงค์หาเสียงเต็มสูบ

,

“ศ.ดร.นฤมล-สกลธี”นำ 33 ผู้สมัคร ส.ส.กทม.สักการะศาลหลักเมืองเอาฤกษ์เอาชัย
ประกาศ ขอ ส.ส.กทม.มากกว่า 12 ที่นั่ง พร้อมเดินหน้ารณรงค์หาเสียงเต็มสูบ

3 เมษายน 2566 เวลา 12.00 น. ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เหรัญญิกพรรคพลังประชารัฐ ในฐานะผู้ดูแลกำกับการเลือกตั้งพื้นที่ กทม.และนายสกลธี ภัททิยกุล หัวหน้าทีมว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม.นํากลุ่มผู้สมัคร ส.ส.กทม.ของพรรค พปชร. ทั้ง 33 เขต ได้แก่ เดินทางออกจากอาคารกีฬาเวสน์ 2 ศูนย์เยาวชนกรุงเทพมหานคร (ไทย-ญี่ปุ่น) เขตดินแดง เพื่อมาสักการะศาลหลักเมืองกรุงเทพมหานคร ซึ่งเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองหลวง เพื่อเอาฤกษ์เอาชัย ภายหลังไปสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.มาในช่วงเช้า

ศ.ดร.นฤมล กล่าวว่า พรรคพลังประชารัฐขอจำนวน ส.ส.ในพื้นที่ กทม.ให้ได้มากกว่า 12 เขต ซึ่งมองว่าทุกพรรคการเมืองก็คงมาขอพรที่นี่เช่นกัน แต่สำหรับพรรคพลังประชารัฐ เราจะเอาความตั้งใจที่จะทำงานให้พี่น้องประชาชนมาสู้ในการเลือกตั้งครั้งนี้

โดยนายสกลธี กล่าวว่า เหมือนเป็นธรรมเนียมว่าพอสมัครเสร็จก็จะพาผู้สมัครมาสักการะศาลหลักเมือง เพื่อให้มาเอาฤกษ์เอาชัย จริงๆก็มีหลายที่ แต่วันนี้ขอมาเป็นที่เดียวก่อน สำหรับบรรยากาศการจับเบอร์วันนี้ ภาพรวมก็พอใจ มีพรรคการเมืองค่อนข้างเยอะ อาจจะล่าช้าไปบ้าง เพราะมีพรรคการเมืองจำนวนมาก

สำหรับ เบอร์ของผู้สมัคร พปชร. ภายหลังจากเข้าสู่กระบวนการเข้ารับสมัครและจับหมายเลขผู้สมัครทั้ง 33 เขตเสร็จสิ้นแล้ว ผลปรากฎดังนี้

เขต 1 พระนคร สัมพันธวงศ์ ดุสิต บางรัก นายสฤษดิ์ ไพรทอง ได้หมายเลข 11
เขต 2 สาทร ราชเทวี ปทุมวัน นายพณิชย์ วิทยาภัทร์ ได้หมายเลข 11
เขต 3 บางคอแหลม ยานนาวา น.ส.ชญาภา ธารดำรงค์ ได้หมายเลข 15
เขต 4 คลองเตย วัฒนา นายภูวกร ปรางภรพิทักษ์ ได้หมายเลข 8
เขต 5 ห้วยขวาง วังทองหลาง นายกานต์ กิตติอำพน ได้หมายเลข 4
เขต 6 ดินแดง พญาไท ร.อ.รชฏ พิสิษฐบรรณกร ได้หมายเลข 10
เขต 7 บางซื่อ ดุสิต ร.ต.อ.วัฒนรักษ์ อำนรรฆสรเดช ได้หมายเลข 12
• เขต 8 จตุจักร หลักสี่ นายรังสรรค์ กียปัจจ์ ได้หมายเลข 7
เขต 9 บางเขน จตุจักร หลักสี่ นายปราโมทย์ เพ็ชรฤทธิ์ ได้หมายเลข 8
เขต 10 ดอนเมือง ภญ.สุชาดา เวสารัชตระกูล ได้หมายเลข 3
เขต 11 สายไหม น.อ. บัญชาพล อรัณยะนาค ได้หมายเลข 7
เขต 12 บางเขน สายไหม ลาดพร้าว ภญ.นพวรรณ หัวใจมั่น ได้หมายเลข 12
เขต 13 ลาดพร้าว วังทองหลาง นายภักดีหาญส์ หิมะทองคำ ได้หมายเลข 8
เขต 14 บางกะปิ วังทองหลาง น.ส. นฤมล รัตนาภูบาล ได้หมายเลข 5
เขต 15 คันนายาว บึงกุ่ม น.ส.ณิรินทร์ เงินยวง ได้หมายเลข 8
เขต 16 คลองสามวา นายกิติภูมิ นีละไพจิตร์ ได้หมายเลข 12
เขต 17 หนองจอก คลองสามวา นายศิริพงษ์ รัสมี ได้หมายเลข 10
เขต 18 หนองจอก มีนบุรี ลาดกระบัง นายพีระพงษ์ รัสมี ได้หมายเลข 4
เขต 19 มีนบุรี สะพานสูง นางนาถยา แดงบุหงา ได้หมายเลข 10
เขต 20 ลาดกระบัง นายบุญรุ่ง เต๋งจงดี ได้หมายเลข 1
เขต 21 ประเวศ สะพานสูง น.ส.แพรว กิจสุวรรณ ได้หมายเลข 2
เขต 22 สวนหลวง ประเวศ นายรัฐภูมิ โตคงทรัพย์ ได้หมายเลข 1
เขต 23 พระโขนง บางนา นายตรีสิทธิ์ ศิริวรรณ ได้หมายเลข 5
เขต 24 คลองสาน ธนบุรี ราษฎรบูรณะ นายศันสนะ สุริยะโยธิน ได้หมายเลข 1
เขต 25 ทุ่งครุ ราษฎร์บูรณะ นายระพีพัฒน์ สุเมธโชติเมธา ได้หมายเลข 2
เขต 26 จอมทอง บางขุนเทียน นายอนุชาญ กวางทอง ได้หมายเลข 3
เขต 27 บางบอน บางขุนเทียน นายสาโรจน์ ซึ้งไพศาลกุล ได้หมายเลข 12
เขต 28 หนองแขม บางบอน จอมทอง นายมานพ มารุ่งเรือง ได้หมายเลข 1
เขต 29 บางแค หนองแขม นายเอกชัย ผ่องจิตร์ ได้หมายเลข 7
เขต 30 บางแค ภาษีเจริญ นายสิทธิโชค คล้อยแสงอาทิตย์ ได้หมายเลข 11
เขต 31 ทวีวัฒนา ตลิ่งชัน น.ต.นิธิ บุญยรัตกลิน ได้หมายเลข 1
เขต 32 บางกอกน้อย บางกอกใหญ่ ภาษีเจริญ ตลิ่งชัน ธนบุรี น.ส.บุณณดา สุปิยพันธุ์ ได้หมายเลข 6
เขต 33 เขตบางพลัด บางกอกน้อย นายคมสัน พันธุ์วิชาติกุล ได้หมายเลข 15

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 3 เมษายน 2566

“พล.อ.ประวิตร” นำทัพผู้สมัคร ส.ส.กทม.พปชร.ยื่นใบสมัคร ส.ส.เขต ลั่นผลสรุปจำนวนที่นั่งอยู่ที่ ปชช.เลือก ย้ำ เยาวชนถามจุดยืน 112 เป็นเรื่องความคิดต่าง

,

“พล.อ.ประวิตร”นำทัพผู้สมัคร ส.ส.กทม.พปชร.ยื่นใบสมัคร ส.ส.เขต
ลั่นผลสรุปจำนวนที่นั่งอยู่ที่ ปชช.เลือก ย้ำ เยาวชนถามจุดยืน 112 เป็นเรื่องความคิดต่าง

วันที่ 3 เมษายน 2566 พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) นำโดย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ พร้อมด้วย นายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชา,นายไพบูลย์ นิติตะวัน รองหัวหน้าพรรค,ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เหรัญญิกพรรค ในฐานะผู้ดูแลกำกับการเลือกตั้งพื้นที่ กทม.และ นายสกลธี ภัททิยกุล หัวหน้าทีมว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม.นํากลุ่มว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.กทม. ของพรรค พปชร. ทั้ง 33 เขต เดินทางมาสมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.

โดย พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า บรรยากาศในวันนี้คึกคัก เพราะมีหลายพรรคมาสมัคร โดยพรรคพลังประชารัฐตั้งเป้าหมายเท่าเดิม 12 ที่นั่ง ส่วนการจับเบอร์พรรคในวันพรุ่งนี้ตนก็อยากจะได้เป็นเลขตัวเดียว โดยพรรคพลังประชารัฐเราตั้งใจทำเพื่อประชาชน ยังไม่ได้คิดเรื่องอื่น วันนี้ก็รู้สึกกระฉับกระเฉง มีใจบันดาลแรงไม่ได้ตั้งเป้าว่าจะได้เท่าไหร่ แล้วแต่ประชาชนจะเลือก

ส่วนเรื่องการขึ้นเวทีดีเบต พล.อ.ประวิตร ระบุว่า ตนเองก็ยังไม่ขึ้น เพราะไม่ใช่นักโต้วาที ส่วนในอนาคตจะเปลี่ยนใจหรือไม่ยังไม่ทราบ

ส่วนกรณีที่มีกลุ่มเยาวชนเคลื่อนไหวทางการเมืองและปะทะกับกลุ่มการ์ดของพรรคพลังประชารัฐ ย้ำว่า เราไม่ให้มีความรุนแรงอยู่แล้ว ได้บอกกับทางพรรคแล้ว คนคิดต่างทางการเมืองคิดได้ แต่คนไทยจะต้องเป็นหนึ่งเดียว รักกันสามัคคีกัน มีความปรองดอง ซึ่งเป็นนโยบายก้าวข้ามความขัดแย้ง เราไม่ได้โกรธกัน

ด้านนายสกลธี ให้สัมภาษณ์ว่า การตั้งเป้า ส.ส.กทม.ในการเลือกตั้งครั้งนี้ ขอบวกลบให้ได้อย่างน้อยเท่าเดิม
ครั้งที่แล้วในสนาม กทม. ส.ส.ทั้ง 12 คนของ พปชร.เป็นคนใหม่ทั้งหมด ซึ่งในการเลือกตั้งแต่ละครั้ง คน กทม.จะกาผู้สมัครหน้าใหม่เยอะ จึงไม่กังวลว่าจะเป็น ส.ส.เก่ากี่คน อยู่ที่ว่าพรรคเราจะทำตามแผนหาเสียงที่วางไว้ได้หรือไม่มากกว่า ซึ่งวันนี้เสียงตอบรับประชาชนที่มีต่อพรรคพลังประชารัฐถือว่าดี โดยเมื่อวันที่ 2 เม.ย.ที่ตนไปลงพื้นที่บางคอแหลม กระแสดีมาก

ทั้งนี้ พรรคพลังประชารัฐได้ส่งผู้สมัคร ส.ส.กทม.ทั้ง 33 เขต ประกอบด้วย เขต 1 พระนคร สัมพันธวงศ์ ดุสิต บางรัก นายสฤษดิ์ ไพรทอง เขต 2 สาทร ราชเทวี ปทุมวัน นายพณิชย์ วิทยาภัทร์ เขต 3 บางคอแหลม ยานนาวา น.ส.ชญาภา ธารดำรงค์ เขต 4 คลองเตย วัฒนา นายภูวกร ปรางภรพิทักษ์

เขต 5 ห้วยขวาง วังทองหลาง นายกานต์ กิตติอำพนเขต 6 ดินแดง พญาไท ร.อ.รชฏ พิสิษฐบรรณกร เขต 7 บางซื่อ ดุสิต ร.ต.อ.วัฒนรักษ์ อำนรรฆสรเดช เขต 8 จตุจักร หลักสี่ นายรังสรรค์ กีบปัจจุบัน เขต 9 บางเขน จตุจักร หลักสี่ นายปราโมทย์ เพ็ชรฤทธิ์ เขต 10 ดอนเมือง ภญ.สุชาดา เวสารัชตระกูล

เขต 11 สายไหม น.อ. บัญชาพล อรัณยะนาค เขต 12 บางเขน สายไหม ลาดพร้าว ภญ.นพวรรณ หัวใจมั่นเขต 13 ลาดพร้าว วังทองหลาง นายภักดีหาญส์ หิมะทองคำเขต 14 บางกะปิ วังทองหลาง น.ส. นฤมล รัตนาภูบาลเขต 15 คันนายาว บึงกุ่ม น.ส.ณิรินทร์ เงินยวง เขต 16 คลองสามวา นายกิติภูมิ นีละไพจิตร เขต 17 หนองจอก คลองสามวา นายศิริพงษ์ รัสมี

เขต 18 หนองจอก มีนบุรี ลาดกระบัง นายพีระพงษ์ รัสมีเขต 19 มีนบุรี สะพานสูง นางนาถยา แดงบุหงา เขต 20 ลาดกระบัง นายบุญรุ่ง เต๋งจงดี เขต 21 ประเวศ สะพานสูง น.ส.แพรว กิจสุวรรณ เขต 22 สวนหลวง ประเวศ นายรัฐภูมิ โตคงทรัพย์ เขต 23 พระโขนง บางนา นายตรีสิทธิ์ ศิริวรรณ

เขต 24 คลองสาน ธนบุรี ราษฎรบูรณะ นายศันสนะ สุริยะโยธิน เขต 25 ทุ่งครุ ราษฎร์บูรณะ นายระพีพัฒน์ สุเมธโชติเมธาเขต 26 จอมทอง บางขุนเทียน นายอนุชาญ กวางทอง เขต 27 บางบอน บางขุนเทียน นายสาโรจน์ ซึ้งไพศาลกุล เขต 28 หนองแขม บางบอน จอมทอง นายมานพ มารุ่งเรือง เขต 29 บางแค หนองแขม นายเอกชัย ผ่องจิตร์ เขต 30 บางแค ภาษีเจริญ นายสิทธิโชค คล้อยแสงอาทิตย์ เขต 31 ทวีวัฒนา ตลิ่งชัน น.ต.นิธิ บุญยรัตกลิน เขต 32 บางกอกน้อย บางกอกใหญ่ ภาษีเจริญ ตลิ่งชัน ธนบุรี น.ส.บุณณดา สุปิยพันธุ์ และเขต 33 เขตบางพลัด บางกอกน้อย นายคมสัน พันธุ์วิชาติกุล

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 3 เมษายน 2566

“ศ.ดร.นฤมล”เปิดติวเข้มผู้สมัครทุกเขตเข้าใจค่าใช้จ่ายในการหาเสียง ลงบันทึกแม่นยำอย่างถูกต้องตามประกาศกกต.ลดช่องว่างถูกร้องเรียน

,

“ศ.ดร.นฤมล”เปิดติวเข้มผู้สมัครทุกเขตเข้าใจค่าใช้จ่ายในการหาเสียง ลงบันทึกแม่นยำอย่างถูกต้องตามประกาศกกต.ลดช่องว่างถูกร้องเรียน

1 เมษายน 2566 ศ.ดร.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เหรัญญิกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เป็นประธานในการเปิดกิจกรรมฝึกอบรม ว่าที่ผู้สมัครและตัวแทนว่าที่ผู้สมัคร สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ.2566 ที่พรรคพลังประชารัฐ เพื่อให้ดำเนินการจัดทำบัญชีรายรับและรายจ่ายในการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ประจำปี 2566 ให้เป็นไปตามประกาศคณะกรรมการเลือกตั้ง(กกต.) ในเรื่อง กำหนดจำนวนเงินค่าใช้จ่ายในการเลือกตั้ง โดยมีนายวรวงศ์ ระฆังทอง นายกสมาคมผู้สอบบัญชีภาษีอากรแห่งประเทศไทย เป็นวิทยากรให้ความรู้ ความเข้าใจในกิจกรรมอบรมครั้งนี้

ศ.ดร.นฤมล กล่าวว่า พรรคมีความเป็นห่วงใยในว่าที่ผู้สมัครของพรรคทุกคน ในเรื่องข้อปฎิบัติ และระเบียบกกต. เนื่องจาก การจัดการเลือกตั้งแต่ละปีมีความแตกต่างกันอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่ปี 2554 ปี2562 และปี 2566 แต่ละปีมีระเบียบ การแสดงบัญชีรายจ่าย ในการหาเสียงเลือกตั้งที่เปลี่ยนแปลงไป รวมไปถึงกฎระเบียบ ไม่เฉพาะเรื่องการเงิน รวมถึงวิธีการรณรงค์หาเสียงที่เปลี่ยนไป ดังนั้นสำคัญอย่างยิ่ง ว่าที่ผู้สมัคร 400 เขต ต้องมีความเข้าใจในระเบียบ และวิธีปฏิบัติและการลงบัญชีให้ถูกต้อง เพื่อลดช่องว่างการถูกร้องเรียนจากการเลือกตั้ง เพราะว่าที่ผู้สมัครส่วนใหญ่กว่า300 คนเป็นว่าที่ผู้สมัครหน้าใหม่ ไม่เคยลงรับเลือกตั้งในสนามใหญ่ จำเป็นต้องให้ความรู้และความช่วยเหลือ เพื่อการเตรียมความพร้อมการเข้าไปทำหน้าที่ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร(ส.ส.) ในสภาฯได้อย่างสมบูรณ์

“ พรรค พร้อมให้การสนับสนุนทุกเรื่องอย่างเต็มที่ หากมีข้อข้องใจ พร้อมให้คำปรึกษาในการจัดทำบัญชี และการแสดงหลักฐานค่าใช้จ่ายต่างๆ ให้เป็นไปตามระเบียบทุกประการ ซึ่งเป็นไปตามเจตนารมณ์ ของพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ที่ต้องการให้สมาชิกของพรรค ทุกคนมีแผน และความพร้อมทุกด้านในการลงพื้นที่ให้เป็นไปอย่างถูกต้อง ไม่มีปัญหา อุปสรรคใดๆในระหว่างการหาเสียง เพื่อให้ทุกคนสามารถมีโอกาสเป็นตัวแทนของพรรค โดยไม่ถูกโต้แย้งหรือร้องเรียน จากทุกฝ่าย”

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 1 เมษายน 2566

สันติ-ชัยวุฒิ เยือนกรุงเก่าพบปชช.ต่อเนื่องย้ำนโยบายพปชร.เข้าถึงทุกกลุ่ม เลือก”พล.อ.ประวิตร”เป็นนายกฯผลักดันพัฒนาเศรษฐกิจทุกระดับเข้มแข็ง

,

สันติ-ชัยวุฒิ เยือนกรุงเก่าพบปชช.ต่อเนื่องย้ำนโยบายพปชร.เข้าถึงทุกกลุ่ม เลือก”พล.อ.ประวิตร”เป็นนายกฯผลักดันพัฒนาเศรษฐกิจทุกระดับเข้มแข็ง

วันที่ 31 มีนาคม 2566 เวลา 17.30 น.นายสันติ พร้อมพัฒน์ เลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ พร้อม ด้วยนายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ร่วมเวทีปราศรัย วัดลาดทราย อ.วังน้อย จ.พระนครอยุธยา โดยมีนายพิตติพรรธน์ พรรณธนะ เขต 4 นายภูมินทร์ มงคลกาย เขต 5 นายชณทัต ปัทะมะภูวดล เขต 3 แนะนำตัวให้กับประชาชนในพื้นที่ โดยเสนอนโยบายที่มุ่งช่วยปากท้องชาวอยุธยา

นายสันติ กล่าวว่า ว่าที่ผู้สมัครทั้ง 3 เขต มีความตั้งใจที่จะเสนอตัวในการรับใช้พี่น้องประชาชนอย่างจริงใจและจริงจัง และขอให้มั่นใจได้ว่า ทุกคนเป็นพลังของพรรคพลังประชารัฐ เป็นพื้นที่ความหวัง และความตั้งใจของพรรค ที่ทุกคนจะสามารถได้รับการตอบรับจากประชาชน เลือกมาเป็นตัวแทนที่สามารถผลักดันนโยบายต่างๆ เพื่อแก้ปัญหาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน พร้อมกับนำความเจริญและเดินหน้าพัฒนาจังหวัด ทั้งในด้านการส่งเสริมอาชีพ สร้างความก้าวหน้าในด้านต่างๆ อย่างต่อเนื่องผ่านกลไกของพรรค และรัฐบาล

นายสันติ กล่าวต่อว่า นอกจากนโบายบัตรสวัสดิการประชารัฐ ที่จะเพิ่มเงินเป็น 700 บาทต่อเดือน เรายังมีนโยบายบุตร ธิดา ประชารัฐ เพื่อส่งเสริมด้านสุขอนามัย และลดภาระการเลี้ยงดูบุตร ให้กับสตรีผู้เป็นเพศแม่ ซึ่งถือเป็นผู้สร้างคุณประโยชน์ให้กับประเทศชาติ ในการเพิ่มจำนวนประชากร เพราะมีส่วนสำคัญในการสร้างบุคลากรเพื่อการพัฒนาประเทศต่อไป แต่ต้องยอมรับประเทศประสบปัญหา ผู้สูงอายุเพิ่มมากขึ้น ทำให้พรรค ออกนโยบายดูแลผู้สูงอายุ เพิ่มเงินเบี้ยสวัสดิการประชารัฐ 345 678 ที่พร้อมดูแลผู้สูงอายุ 60 ปี ขึ้นไปได้ 3,000 บาท 70 ปี 4,000 บาท และ 80 ปีขึ้นไป 5,000 บาท

“ส่วนเป้าหมายที่จะสร้างแหล่งเงินให้เข้าถึงประชาชนได้มากยิ่งขึ้น ผ่านนโยบายการเงินการคลัง ซึ่งจะดำเนินการให้เป็นจริง แต่ต้องอาศัยเสียงพี่น้องประชาชน มอบความไว้วางใจให้กับ พล.อ.ประวิตร เป็นนายกรัฐมนตรีและว่าที่ผู้สมัครพปชร.เป็นรัฐบาล เพื่อนำนโยบายต่าง ๆ ออกมาช่วยเหลือ รวมถึงการแก้ไขระเบียบการปล่อยกู้ของสถาบันการเงิน โดยให้นำเงินฝากที่อยู่ในระบบ 19-20 ล้านล้านบาท ต้องกำหนดให้แบ่งสัดส่วนการปล่อยกู้อย่างทั่วถึง แบ่งเป็นการจัดสรรเงินฝากในสัดส่วน 50% เพื่อนำมาปล่อยกู้ให้กับประชาชนทั้งคนชั้นกลาง ผู้มีรายได้น้อย โดยให้พี่น้องประชาชน ที่มีความต้องการวงเงินไม่เกิน ระดับ 100,000-500,000 บาท นำไปพัฒนาอาชีพ ไม่ใช่กระจุกไว้ปล่อยสินเชื่อเพียงระดับบนเพียงอย่างเดียว เพื่อให้ประชาชนทุกคนสามารถลืมตาอ้าปากได้”

ด้านนายชัยวุฒิ กล่าวว่า ตนดีใจที่เห็นพี่น้องชาวอยุธยามารับฟังข้อมูลที่เป็นประโยชน์จาก พปชร. เนื่องจากพรรคมี นโยบายเพื่อประชาชนออกมาจำนวนมาก ซึ่งขณะนี้ได้สื่อสารผ่านช่องทางต่างๆ โดยเชื่อว่าประชาชนเข้าใจ และรับรู้นโยบายดีๆ ทั้งนโยบายบัตรสวัสดิการประชารัฐ เพิ่มเป็น 700 บาท นโยบายดูแลผู้สูงอายุ และนโยบายมารดาประชารัฐ ซึ่งพรรคดูแลได้ทุกกลุ่ม และทำได้ทันที

“ที่ผ่านมา พปชร.ได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล โดยมีพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรค ซึ่งเป็นผู้ประสานทุกฝ่าย และมีส่วนสำคัญทำให้รัฐบาลมีเสถียรภาพ บริหารประเทศได้ 4 ปีเต็ม ซึ่งพื้นที่ จ.พระนครศรีอยุธยา ถือว่ามีเศรษฐกิจที่ดี ค้าขายขยายตัวเจริญรุ่งเรือง ลูกหลานมีอาชีพ และเพื่อให้เกิดความมั่นคงในอาชีพ สำคัญอย่างยิ่ง คือความสงบสุข ที่จะนำมาซึ่งความเชื่อมั่น ให้กับทั้งคนไทยและต่างชาติเข้ามาลงทุน ในอยุธยาเพิ่มขึ้น นำไปสู่การพัฒนาเศรษฐกิจท้องถิ่นต่อไป เกิดการสร้างงาน สร้างรายได้ให้กับประชาชน”

นายชัยวุฒิ กล่าวต่อว่า ประชาชนบางส่วนยังประสบปัญหาความยากจน พปชร. ไม่เคยมองข้าม โดยที่ผ่านมาได้ร่วมผลักดันโครงสร้างพื้นฐาน การแก้ไขปัญหาน้ำท่วม โดยเฉพาะพื้นที่อ. บางบาน ที่มีปัญหามาก ซึ่งพล.อ.ประวิตร ได้ผลักดันให้มีการขุดคลองระบายน้ำเพิ่มขึ้นอีก 1 สายเพื่อเร่งระบายน้ำไม่ให้เกิดการท่วมขัง
การที่พรรคฝ่ายตรงข้ามพูดสิ่งไม่ดี บอกว่า 8 ปี ไม่มีอะไรเลยนั้น ผมยอมรับว่า หลายคนยังมีความลำบาก แต่วันนี้โลกเปลี่ยนไป ในฐานะเป็นรัฐมนตรีกระทรวงดีอี ได้มีการส่งเสริมให้ประชาชนเข้าถึงระบบอินเตอร์เน็ต และสามารถทำการค้าผ่าน ระบบสร้างรายได้เพิ่มขึ้น ด้วยการขายสินค้าผ่านระบบออนไลน์ การนำระบบอินเตอร์เนตเพื่อสนับสนุนการค้าระบบใหม่ เพราะวันนี้เมืองไทยพัฒนาไปไกลมากแล้ว เพียงแค่ทุกคนสามารถใช้เครื่องมือสื่อสารผ่านระบบสมาร์ทโฟน ก็เข้าไปขายสินค้าสร้างรายได้รูปแบบใหม่ได้ และยังมีอีกหลายโครงการที่จะทำให้ พี่น้องประชาชนได้รับประโยชน์สูงสุด

“หากพล.อ.ประวิตรได้เป็นนายก เพิ่มเงินเป็น 700 บาทแน่นอน ต้องบอกว่า วันนี้มีสีเสื้อไม่มีอีกแล้ว หาก บ้านเมืองยังมีปัญหา ทำให้ประชาชนเดือดร้อน นักการเมือง ประชาชน ทะเลาะกัน หากเลือกเรา พปชร. ก็จะได้พรรคการเมืองที่เข้มแข็ง ที่ได้เข้าไปจัดตั้งรัฐบาล พร้อมทำงานให้ประชาชน เพราะเราก้าวข้ามความขัดแย้ง เราทำทุกนโยบายได้ทันที การจัดตั้งรัฐบาลได้ ความขัดแย้งไม่เกิด เราต้องจับมือ เลือกตั้งพรรคที่ดี ไม่ได้เลือกตั้งเพราะเปลี่ยนประเทศไทย เพราะประเทศไทยเป็นราชอาณาจักร เรายึดมั่นในสถาบันพระมหากษัตริย์ ต้องปกป้องรักษา ดังนั้นวันที่ 14 พ.ค.นี้ ขอให้พี่น้อง ประชาชน เลือกทั้งคนและพรรค เพื่อให้ พปชร.ได้เป็นรัฐบาล พร้อมดูแลพี่น้องประชาชน”

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 31 มีนาคม 2566