โลกเปลี่ยน ไทยต้องปรับ ทางเลือกใหม่ของการเมืองไทย ก้าวข้ามความขัดแย้ง สานพลังประชาราษฎร์ ร่วมสร้างชาติให้ยั่งยืน

ป้ายกำกับ: ข่าวกิจกรรม ส.ส. และสมาชิกพรรค

สส. อรรถกร วอนกรมชลแก้ปัญหาผักตบชวาล้นแม่น้ำบางปะกง ลดความเดือดร้อนประกอบอาชีพในลำน้ำของประชาชน

,

สส. อรรถกร วอนกรมชลแก้ปัญหาผักตบชวาล้นแม่น้ำบางปะกง ลดความเดือดร้อนประกอบอาชีพในลำน้ำของประชาชน

นายอรรถกร ศิริลัทธยากร สส.ฉะเชิงเทรา พรรคพลังประชารัฐ กล่าวหารือถึงความเดือดร้อนของพี่น้องจังหวัดฉะเชิงเทราในที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร ว่า ตนได้รับเรื่องร้องเรียนจากพี่น้องประชาชนที่ได้รับความไม่สะดวกในการสัญจรไปมา โดยเฉพาะในช่วงกลางคืน บนทางหลวงหมายเลข 3076 เส้นพนมสารคาม บ้านซ่า โดยเฉพาะในช่วง จากตำบลหนองยาวอำเภอ พนมสารคาม ไปถึงช่วงตำบลดงน้อย อำเภอราชสาน ว่าในช่วงเวลากลางคืนแสงสว่างไม่เพียงพอ จนทำให้เกิดความไม่สะดวก และเกิดอุบัติเหตุขึ้นบ่อยครั้ง จึงขอเรียนผ่านท่านประธานไปยังกระทรวงคมนาคม ขอให้ติดตั้งไฟส่องสว่างเป็นช่วง ๆ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชน

นายอรรถกร ยังกล่าวต่อถึงปัญหาจากประชาชนที่อาศัยอยู่ช่วงถนนสายบางปะอิน หมู่ที่ 6 ตำบลบางกระเจ็ด ว่า ในบางช่วงของการใช้ไฟฟ้ามีเหตุการณ์เกิดไฟตกทำให้การใช้ชีวิตภายในบ้านไม่ปกติ หลายครั้ง เครื่องใช้ไฟฟ้าก็เสียหาย่ จึงขอให้การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค ช่วยขยายเฟสไฟใน ช่วงหมู่ที่6 ตำบลบางกระเจ็ดจาก 2 เฟสเป็น 3 เฟสทั้งหมดด้วย จะสามารถบรรเทาความเดือดร้อนของพี่น้องประชาชนได้เยอะ

“ส่วนเรื่องที่สำคัญและเร่งด่วนอีกเรื่อง เนื่องจากในขณะนี้แม่น้ำบางประกง ในช่วงของตำบลกลางตลาด ช่วงตำบลบางขนาด และในบริเวณอำเภอคลองเขื่อน และที่เขตบางปะกง มีปัญหาผักตบชวาล้น ต้องเรียกว่ามวลมหาผักตบชวาก็เป็นไปได้ สร้างความเดือดร้อนให้พี่น้องประชาชน โดยเฉพาะพี่น้องประชาชนที่มีวิถีชีวิตประมง ในลำน้ำ เพื่อมาเลี้ยงชีพ รวมถึง ปัญหาของการสัญจรไปมาในริมคลองแม่น้ำ ซึ่งเป็นปัญหาทุกปี ซึ่งในอาทิตย์ที่ผ่านมา ผมได้รับความช่วยเหลือจากกรมชลประทาน องค์กรจังหวัดฉะเชิงเทรา รวมไปถึงอำเภอกำนันผู้ใหญ่บ้าน อบต และพี่น้องประชาชนช่วยกันป้องกันปัญหาผักตบชวาที่ต้องจัดการ โดยการต้องเรี่ยไรเงิน ที่จะนำไปแก้ไขปัญหาเบื้องต้น ผมขอให้กรมชลประทานช่วยระดมกำลังเครื่องไม้เครื่องมือ มาแก้ไขอย่างต่อเนื่อง”

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 20 กรกฎาคม 2566

“ชนนพัฒฐ์”พร้อมลงมือแก้ปัญหาพัฒนาอาชีพเสริมชาวสงขลา เพิ่มแหล่งน้ำทำเกษตรทั้งปี พัฒนาตลาดกลางรับซื้อสินค้าเกษตร

,

“ชนนพัฒฐ์”พร้อมลงมือแก้ปัญหาพัฒนาอาชีพเสริมชาวสงขลา
เพิ่มแหล่งน้ำทำเกษตรทั้งปี พัฒนาตลาดกลางรับซื้อสินค้าเกษตร

17 ก.ค. 2566 นายชนนพัฒฐ์ นาคสั้ว ส.ส.สงขลา เขต 4 พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.)เปิดเผยว่า หลังจากที่ได้รับทำหน้าที่ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร สมบูรณ์แล้ว พร้อมจะทำหน้าที่อย่างเต็มกำลังความสามารถ และจะตั้งใจเป็นปากเป็นเสียง ผลักดันการพัฒนา และแก้ไขปัญหาให้กับประชาชนชาวสงขลา เขต 4 อย่างเต็มที่ และขอขอบคุณ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ที่ให้โอกาสและสนับสนุนคนรุ่นใหม่เข้ามาทำงานการเมือง ซึ่งถือเป็นเกียรติครั้งที่ใหญ่ที่สุดครั้งหนึ่งในชีวิต

สิ่งที่ต้องเร่งดำเนินการใน 3 เรื่องหลัก ในพื้นที่เขต 4 ซึ่งเป็นปัญหาของคนในท้องถิ่นอย่างแท้จริง คือ 1.ปัญหาน้ำแล้งและน้ำเค็มที่รุกล้ำ โดยจะมีการเสนอสร้างแก้มลิงขนาดใหญ่ในทะลสาบในพื้นที่ ต.เกาะใหญ่ อ.กระแสสินธุ์ เพื่อใช้ในการกักเก็บน้ำจืด เพื่อการเกษตรในหน้าแล้ง เพื่อให้มีน้ำใช้ตลอดปีในการทำการเกษตรแล้ว ยังเป็นการป้องกันน้ำเค็มไม่ให้เข้ามาในพื้นที่ทำการเกษตรของประชาชน ซึ่งโครงการแก้มลิงอยู่ระหว่างการตั้งงบประมาณเพื่อการศึกษา ซึ่งหากโครงการสำเร็จ เกษตรกรในคาบสมุทรสทิงพระ จะไม่มีปัญหาเรื่องน้ำแล้งและ น้ำท่วมอีกต่อไป 2. ปัญหาประมง ต้องมีการพัฒนารายได้เสริมให้กับชาวประมง ที่ต้องหยุดการทำประมงเวลา 6 เดือน ในช่วงฤดูมรสุม และ 3. แก้ปัญหาราคาสินค้าเกษตรพืชผล โดยการตั้งตลาดกลางรับซื้อผลผลิตทางการเกษตรจากเกษตรกรโดยตรง โดยตลาดกลาง จะคิดราคาที่เป็นธรรม และบริหารจัดการราคาเพื่อไม่แสวงหากำไร เป็นการป้องกันพ่อค้าคนกลางเอาเปรียบเกษตรกร โดยอาศัยจากประสบการณ์ การทำธุรกิจ รู้เส้นทางการค้าขาย ซึ่งใน 3 เรื่องนี้ เป็นปัญหาหลัก ที่ต้องผลักดันอย่างเต็มที่เพื่อประโยชน์ของชาวสงขลา

“แม้ผมจะไม่เคยเล่นการเมือง ไม่ว่าจะระดับไหน แต่ผมมีความรู้ มีความเข้าใจ ในปัญหาของประชาชน และที่สำคัญคือ ผมมีความตั้งใจที่จะเป็นนักการเมือง ที่จะเข้ามารับผิดชอบกับปัญหาที่เกิดขึ้น นอกจากนี้ ผมยังประสบความสำเร็จในเรื่องกีฬา ในฐานะที่เคยเป็นประธานสโมสรฟุตบอลนครศรี ยูไนเต็ด จ.นครศรีธรรมราช ก็จะใช้ประโยชน์ในเรื่องนี้ผลักดันให้เด็ก ๆ และเยาวชนในพื้นที่ใช้เวลาว่างไปกับการออกกำลังกายกับกีฬา ดีกว่าหันหน้าเข้าสู่ยาเสพติด”นายชนนพัฒฐ์ กล่าว

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 17 กรกฎาคม 2566

“อนันต์ ผลอำนวย”พร้อมศิษยานุศิษย์ ร่วมพิธีฉลองสัญญาบัตร พัดยศ”พระครูอุดมวชิรกิตติ์”

,

“อนันต์ ผลอำนวย”พร้อมศิษยานุศิษย์ ร่วมพิธีฉลองสัญญาบัตร พัดยศ “พระครูอุดมวชิรกิตติ์”

นายอนันต์ ผลอำนวย ส.ส.เขต 3 จ.กำแพงเพชร พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.)เปิดเผยว่า ตนได้เข้าร่วมพิธีฉลองสัญญาบัตร – พัดยศ (จอ.ชอ.) และงานทำบุญอายุวัฒนมงคลครบ 73 ปี พระครูอุดมวชิรกิตติ์ (เยี่ยม กิตติภทโท ทิมชล) เจ้าเจ้าคณะอำเภอคลองขลุง เจ้าอาวาส โดยมีพระมหาเถระ พระเถรานุเถระ ร่วมเจริญพระพุทธมนต์ มีคณะสงฆ์ พร้อมด้วยข้าราชการ อุบาสกอุบาสิกาพุทธศาสนิกชน ร่วมพิธี ณ วัดหนองเต่าทอง ตำบลคลองขลุง อำเภอคลองขลุง

โดยมีนายสดุดี พุทธัง นายอำเภอคลองขลุง เป็นประธาน(ฝ่ายฆราวาส) ในพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ(MOU) บทบาทในการเกื้อหนุนระหว่างวัดและชุมชนให้มีความสุขอย่างยั่งยืน ระดับตำบล เพื่อเป็นแนวทางขับเคลื่อนการดำเนินงานโครงการวัด ประชา รัฐ สร้างสุข และเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน”บวร” โดยมีพระครูอุดมวชิรกิตติ์ เจ้าคณะอำเภอคลองขลุง เป็นประธาน(ฝ่ายสงฆ์) เจ้าคณะตำบลทั้ง 10 ตำบล กำนัน ทุกตำบล เข้าร่วมลงนามในพิธีฯ

ทั้งนี้ภายในงานได้มีการเปิดโรงทานมหาเศรษฐีมีสมบัติพันล้าน ถวายภัตตาหารเพล แด่เจ้าคณะพระสังฆาธิการและสามเณร 300 รูป และเลี้ยงสาธุชนที่มาร่วมงานพิธีด้วย

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 16 กรกฎาคม 2566

“สัมพันธ์ มะยูโซ๊ะ”แจ้งข่าวดี ชาวสุไหงโก-ลก ดันสร้างสะพานข้ามแม่น้ำสำเร็จ ช่วยขนส่งสินค้า สร้างรายได้ เปรียบ สตรีคือลมใต้ปีกหนุนวิสาหกิจชุมชน

,

“สัมพันธ์ มะยูโซ๊ะ”แจ้งข่าวดี ชาวสุไหงโก-ลก ดันสร้างสะพานข้ามแม่น้ำสำเร็จ ช่วยขนส่งสินค้า สร้างรายได้ เปรียบ สตรีคือลมใต้ปีกหนุนวิสาหกิจชุมชน

นายสัมพันธ์ มะยูโซ๊ะ ส.ส.นราธิวาส เขต 3 พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.)เปิดเผยว่าพี่น้องประชาชนใน อ.สุไหงโก-ลก นราธิวาส และพี่น้องชาวรันเตาปันยัง ประเทศมาเลเซีย ได้รับข่าวที่ทางรัฐบาลไทยสามารถผลักดันสร้างโครงการก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำโก-ลก แห่งที่ 2 สุไหงโก-ลก – รันเตาปันยัง เพื่ออำนวยความสะดวกต่อการขนส่งสินค้า และบุคคลข้ามพรมแดนซึ่วถือว่าเป็นการเชื่อมโยงด้านเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว โดยมีแผนการดำเนินงานโครงการดังกล่าวนี้ตามแผนระยะเวลา 5 ปี คือ พ.ศ. 2565 – 2569 ทั้งนี้ ตนพร้อมจะสนับสนุน ผลักดันทุกๆ โครงการ และต่อยอดให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อชาวนราธิวาส

นายสัมพันธ์ กล่าวต่อว่า อีกหนี่งโครงการที่จะสร้างรายได้ให้กับคนในพื้นที่ก็คือ วิสาหกิจชุมชน กลุ่มหัตถกรรม หรือเย็บปักถักร้อย ล้วนแล้วแต่สร้างรายได้ ซึ่งผมให้ความสำคัญกับสตรี และเยาวชน เพราะสตรีคือลมใต้ปีกของทุกๆ องค์กรที่สามารถขับเคลื่อนองค์กรนั้นๆไปข้างหน้าได้อย่างมั่นคง โดยตนพร้อมสนับสนุนอย่างเต็มที่ เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีของทุกคนและทุกครัวเรือน

“ทุกข์เสียงจากพี่น้อง ผมเองก็เป็นทุกข์เช่นกัน การพัฒนามนุษย์ที่ยั่งยืน คือการให้เพื่อนมนุษย์ด้วยกันมีคุณภาพชีวิตที่ดี ผมเองพยายามผลักดันทุกๆ โครงการในขณะที่ดำรงตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรเพื่อคลายความทุกข์ร้อนของพี่น้องอยู่เสมอๆ และหลังจากนี้ ผมพร้อมที่จะเป็นปากเป็นเสียงแทนพี่น้องทุกๆ ท่าน เพื่อให้สมกับเจตนารมณ์ในการสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีของชาวนราธิวาสต่อไป”

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 10 กรกฎาคม 2566

“จีรเดช ส.ส.พปชร” เดินหน้าสานฝันเกษตรกร จ.พะเยา ผลักดันสร้างอ่างกักเก็บน้ำให้ครอบคลุมพื้นที่ ช่วยเพิ่มรายได้ให้ลืมตาอ้าปากได้

,

“จีรเดช ส.ส.พปชร” เดินหน้าสานฝันเกษตรกร จ.พะเยา ผลักดันสร้างอ่างกักเก็บน้ำให้ครอบคลุมพื้นที่ ช่วยเพิ่มรายได้ให้ลืมตาอ้าปากได้

นายจีรเดช ศรีวิราช ส.ส.พะเยา พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.)กล่าวว่า ชาวพะเยาส่วนใหญ่ประกอบอาชีพทางด้านเกษตรกรรม ปัญหาหลักในตอนนี้ คือ ปริมาณน้ำฝนในจังหวัดพะเยาถึงจะมีปริมาณค่อนข้างมากในแต่ละปี แต่ก็ติดปัญหาว่าไม่สามารถกักเก็บได้ ทำให้ปริมาณน้ำที่กักเก็บได้น้อยมาก ปริมาณน้ำฝนกว่า 90% ก็ต้องไหลลงคลองลื่นลงสู่ทะเลไป ถือว่าน่าเสียดาย 4 ปีที่ผ่านมา ตนพยายามที่จะผลักดันในการสร้างอ่างเก็บน้ำทั้งขนาดเล็ก กลาง ใหญ่ มาโดยตลอดแต่ยังไม่ได้รับการดูแลแก้ไขจากกรมชลประทาน เพราะติดปัญหาในเรื่องของพื้นที่ป่าไม้ ที่ไม่สามารถที่จะขอใช้พื้นที่ในส่วนป่าไม้ได้ทำให้ไม่สามารถที่จะดำเนินการก่อสร้างเพื่อดูแลให้กับพี่น้องประชาชนได้ ตนจะผลักดันการสร้างอ่างกักเก็บน้ำให้ครอบคลุมพื้นที่ เกษตรกรในจังหวัดจะได้ลืมตาอ้าปากได้

นายจีรเดช กล่าวต่อว่า อีกสิ่งหนึ่งที่สำคัญก็คือการคมนาคม โดยตนจะผลักดันให้เกิดถนนหลาย ๆ เส้นทาง ที่จะเชื่อมโยงไปยังพื้นที่ต่างๆ ให้มีความสะดวกและปลอดภัยขึ้น โดยเฉพาะถนน 4 เลนที่เชื่อมระหว่างจังหวัดพะเยา ตอนนี้มาถึงแค่อำเภอดอกคำใต้ ตนจึงอยากจะผลักดัน เส้นทาง 1251 จากดอกคำใต้ ไปอำเภอจุน ให้เป็นถนน 4 เลน เชื่อมโยงกันไปยัง 1252 นะครับ เพราะว่าจากจุนไปเชียงคำก็เป็น 4 เลน ทางด้านปงก็ได้รับการจัดสรร จากจุนไปปงก็ได้รับการจัดสรรงบประมาณมาอย่างต่อเนื่อง ในขณะนี้ก็กำลังดำเนินการก่อสร้างอยู่

“ถนนในพื้นที่เขต 3 ส่วนใหญ่ยังเป็นดินรุกรังอยู่ ช่วงหน้าฝน ประชาชนก็ประสบความเดือดร้อน เดินทางสัญจร ไปมาไม่สะดวก และการใช้ถนนก็ลำบาก ถือเป็นอีกเรื่องที่สำคัญที่ผมอยากจะผลักดันอย่างเร่งด่วน”นายจีรเดช กล่าว

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 07 กรกฎาคม 2566

“ไผ่ ลิกค์” เผย เร่งแก้ปัญหาน้ำกัดเซาะตลิ่ง ลั่น ต้องเพิ่มประสิทธิภาพป้องกันตลิ่งทรุดตัว ย้ำ ความเดือดร้อนของชาวบ้านเป็นงานสำคัญ

,

“ไผ่ ลิกค์” เผย เร่งแก้ปัญหาน้ำกัดเซาะตลิ่ง ลั่น ต้องเพิ่มประสิทธิภาพป้องกันตลิ่งทรุดตัว ย้ำ ความเดือดร้อนของชาวบ้านเป็นงานสำคัญ

นายไผ่ ลิกค์ ส.ส.กำแพงเพชร เขต1 พรรคพลังประชารัฐ กล่าวภายหลังเข้ารายงานตัว ส.ส.ว่า ก่อนอื่นตนต้องกราบขอบคุณทุกคะแนนเสียงของพ่อแม่พี่น้องประชาชนที่ช่วยกันทำให้ตนได้เป็น ส.ส. อีกสมัย ตนจะทำงานต่ออย่างเต็มความสามารถ ส่วนคนที่ไม่ได้เลือกตนในครั้งนี้ ตนก็จะพยายามทำงานให้ถูกใจมากที่สุดและพร้อมรับทุกคำติชม โดยจะนำมาปรับปรุงการทำงานให้ดียิ่งขึ้น

นายไผ่ กล่าวต่อว่า ในขณะนี้ตนได้ลงพื้นที่ตรวจสอบปัญหาที่ได้รับผลกระทบมาจากปี 64 ที่เกิดฝนตกหนักติดต่อกันหลายวัน จึงทำให้น้ำในลำคลองแม่ระกา จากพื้นที่ลานกระต่ายไหล เข้ามายังพื้นที่ ตำบลลานดอกไม้ จังหวัดกำแพงเพชร ส่งผลให้เกิดน้ำท่วมบ้านเรือนและพื้นที่เกษตร โดยเฉพาะผู้ที่อยู่อาศัยริมฝั่งครองแม่ระกาบางจุด ได้เกิดดินบริเวณตลิ่งทรุดตัวลง ทำให้ชาวบ้านต้องรื้อบ้าน เพื่อหนีน้ำที่ไหล่เอ่อ ตนจึงได้ติดตามเร่งจัดการงานเบื้องต้น ให้มีความคืบหน้ายิ่งขึ้น พร้อมทั้งเพิ่มประสิทธิภาพ เพื่อป้องกันตลิ่งทรุดตัวลง เพราะความเดือดร้อนของชาวบ้านเป็นงานสำคัญ

นอกจากนี้ นายไผ่ ยังเปิดเผยต่อว่า ตนได้รับการร้องเรียนมาเมื่อปี 65 กรณีของฝายวังยาง และเขื่อนเรียงหินป้องกันตลิ่งริมแม่น้ำปิง ได้รับการกระแทกของน้ำ ทำให้เขื่อนแตกและริมตลิ่งถูกน้ำกัดเซาะทำให้ดินทรุด ตนก็ได้ลงพื้นที่ติดตามความเสียหาย ซึ่งในส่วนของฝายยกระดับน้ำชั่วคราวสายวังยางได้รับการซ่อมแซมเรียบร้อยแล้ว ในส่วนของบ้านเรือนประชาชนตอนนี้ เป็นหน้าฝน และน้ำในแม่น้ำมีปริมาณมากขึ้น จึงทำให้ไปกัดเซาะริมฝั่งบ้านเรือนประชาชนได้รับความเสียหาย ตนจึงได้ประสานงานไปยังผู้นำท้องถิ่น เพื่อผลักดันโครงการเขื่อนเรียงหินป้องกันตลิ่งพังริมแม่น้ำปิง โดยจะประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งดำเนินการให้เร็วที่สุด

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 23 มิถุนายน 2566

“พิมพ์พร ว่าที่ ส.ส.เพชรบูรณ์”เชื่อ การสร้างอาชีพในชุมชน คือฐานรากกระตุ้น ศก.พัฒนาท้องถิ่น ยกระดับคุณภาพชีวิต พร้อม สานต่องานเต็มที่

,

“พิมพ์พร ว่าที่ ส.ส.เพชรบูรณ์”เชื่อ การสร้างอาชีพในชุมชน คือฐานรากกระตุ้น ศก.พัฒนาท้องถิ่น ยกระดับคุณภาพชีวิต พร้อม สานต่องานเต็มที่

น.ส.พิมพ์พร พรพฤฒิพันธุ์ ว่าที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เขต 1 จ.เพชรบูรณ์ กล่าวว่า ตนมีความตั้งใจในการเข้ามาช่วยเหลือประชาชนในเรื่องโครงสร้างพื้นฐาน เช่น การบริหารจัดการน้ำ และถนนที่ต้องมีการปรับปรุง รวมถึงสิ่งอำนวยความสะดวกในการสัญจร โดยเฉพาะภาคเกษตรที่ต้องอาศัยเส้นทางขนส่งสินค้า ยิ่งขณะนี้เป็นช่วงหน้าฝนต้องเร่งดำเนินการ เพราะเส้นทางยังชำรุดเป็นจำนวนมาก

น.ส.พิมพ์พร กล่าวต่อว่า ตนมีแผนการสร้างอาชีพในชุมชนต่างๆ ส่งเสริมให้ชุมชนรวมตัว และพัฒนาเป็นวิสาหกิจชุมชน โดยจะมีการประสานงานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการยกระดับอาชีพเข้ามาอบรม พัฒนาผลิตภัณฑ์ในท้องถิ่น และจัดหาตลาด เพื่อการกระจายสินค้า ซึ่งเป็นแนวทางเสริมรายได้ให้กับชุมชน รวมไปถึงแนวทางจัดกิจกรรม เพื่อเปิดโอกาสให้คนในช่วงวัยต่างๆ เข้าร่วมเพื่อแลกเปลี่ยนแนวทางการพัฒนาท้องถิ่น เพื่อร่วมกันยกระดับคุณภาพชีวิต ในชุมชนให้สามารถตอบโจทย์ความต้องการในทุกช่วงวัย โดยเฉพาะเยาวชน และคนรุ่นใหม่ ที่จะเข้ามามีส่วนร่วม

“ทั้งนี้เห็นว่า ในกิจกรรมที่ร่วมกันได้ จะมีมิติการพัฒนา ทั้งทางด้านเศรษฐกิจ สังคม และการพัฒนาพื้นที่ ซึ่งจะนำไปสู่แนวทางการสร้างงาน สร้างอาชีพในพื้นที่มากขึ้น เพราะปัจจุบันเยาวชนและคนรุ่นใหม่ ไม่ต้องการย้ายถิ่นฐานไปทำงานนอกพื้นที่ ดังนั้นสิ่งสำคัญจึงต้องมีการระดมความคิดเห็น เพื่อให้สอดคล้องกับทิศทางจังหวัด เพื่อให้เกิดการพัฒนาอย่างยั่งยืน เพราะที่ผ่านมายังขาดเวทีที่จะดึงคนรุ่นใหม่เข้ามามีส่วนร่วม”น.ส.พิมพ์พร กล่าว

น.ส.พิมพ์พร กล่าวทิ้งท้ายด้วยว่า ตนขอขอบคุณทุกคะแนนเสียงที่ประชาชนมอบให้จากใจจริง ขอขอบคุณที่ให้โอกาสกลับเข้ามาทำงานเพื่อพัฒนาบ้านเกิดเมืองนอน และขอบคุณที่ให้โอกาสเพชรบูรณ์ได้เปลี่ยนแปลงไปสู่สิ่งที่ดีกว่า โดยตนพร้อมจะทำหน้าที่ผู้แทนราษฎรอย่างเต็มกำลังความสามารถ และจะตั้งใจเป็นปากเป็นเสียง ผลักดันการพัฒนาและแก้ไขปัญหาให้กับประชาชนชาวเพชรบูรณ์ เขต 1 อย่างเต็มที่

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 21 มิถุนายน 2566

“พล.อ.ประวิตร” รองนายกฯ ประชุม คกก.สิ่งแวดล้อมแห่งชาติ เห็นชอบ EIA รถไฟรางคู่ สุราษฎร์ฯ – หาดใหญ่ – สงขลา ย้ำคุณภาพน้ำต้องรักษาเตรียมรองรับระบบบำบัดน้ำเสียชุมชนให้พอกับน้ำเสียที่เพิ่มขึ้น

,

“พล.อ.ประวิตร” รองนายกฯ ประชุม คกก.สิ่งแวดล้อมแห่งชาติ เห็นชอบ EIA รถไฟรางคู่ สุราษฎร์ฯ – หาดใหญ่ – สงขลา ย้ำคุณภาพน้ำต้องรักษาเตรียมรองรับระบบบำบัดน้ำเสียชุมชนให้พอกับน้ำเสียที่เพิ่มขึ้น

วันนี้ (19 มิถุนายน 2566) เวลา 10.00 น. พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ผ่านระบบ VTC ณ ห้องประชุมมูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อ 5 จังหวัด โดยที่ประชุมรับทราบเรื่องสำคัญ ประกอบด้วย รายงานสถานการณ์มลพิษฯ ปี 2565 สรุป คุณภาพน้ำ ทั้งแหล่งผิวดิน น้ำทะเลชายและน้ำบาดาล โดยรวมอยู่ในเกณฑ์คุณภาพดี คุณภาพอากาศและเสียงมีแนวโน้มดีขึ้นขยะมูลฝอยชุมชนของเสียและสารอันตรายพบว่าขยะมูลฝอยเพิ่มขึ้นมีการขัดแยกและกำจัดขยะถูกต้องเพิ่มขึ้น ขณะเดียวกันของเสียอันตรายและวัตถุอันตรายมีปริมาณเพิ่มขึ้นกากอุตสาหกรรมที่มีอันตรายมีการแจ้งและนำเข้าสู่ระบบการจัดการเพิ่มขึ้นมูลฝอยติดเชื้อมีปริมาณเพิ่มขึ้นและได้รับการกำจัดอย่างถูกต้องเพิ่มขึ้น

ต่อจากนั้น ที่ประชุมได้ร่วมพิจารณาและให้ความเห็นชอบ รายงานการประเมินผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) โครงการอ่างเก็บน้ำแม่คำ อำเภอแม่ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงราย โครงการก่อสร้างรถไฟรางคู่ ช่วงสุราษฎร์ธานี – ชุมทางหาดใหญ่ – สงขลา นอกจากนั้น ยังให้ความเห็นชอบการปรับปรุงมาตรฐานควบคุมการปล่อยทิ้งอากาศเสียจากโรงไฟฟ้า เพื่อควบคุมและแก้ปัญหามลพิษด้านฝุ่นละออง

โดยรองนายกรัฐมนตรี กล่าวขอบคุณ คณะกรรมการสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ ที่ร่วมกันทำหน้าที่ให้ข้อคิดเห็นและมุมมองต่างๆที่เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม ต่อเนื่องที่ผ่านมา พร้อมย้ำโครงการสาธารณะขนาดใหญ่ ที่เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวม ขอให้ใช้ความรอบคอบทั้งหลักวิชาการและสภาพจริง รวมทั้งต้องยึดประโยชน์ส่วนรวมและรับฟังข้อคิดเห็นของประชาชนในพื้นที่อย่างรอบด้าน

พร้อมกำชับ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมถึงปัญหาสถานการณ์มลพิษ ทั้งคุณภาพน้ำ อากาศและเสียง รวมทั้งขยะมูลฝอยชุมชน ของเสียและวัตถุอันตราย บางพื้นที่ที่อยู่ในเกณฑ์เสื่อมโทรม จำเป็นต้องให้น้ำหนักเข้าไปแก้ปัญหาให้ทั่วถึง สำหรับการขยายตัวของภาคอุตสาหกรรมขนาดกลางและขนาดย่อม รวมทั้งการทำการเกษตรที่เพิ่มขึ้น ส่งผลให้การปล่อยปริมาณน้ำเสียลงผิวดินเพิ่ม ประกอบกับระบบบำบัดน้ำเสียรวมชุมชนที่ไม่เพียงพอและไม่สามารถรองรับ ถือเป็นเรื่องสำคัญ ที่ต้องประสานการทำงานร่วมกันมากขึ้น โดยขอให้มีแผนงาน มาตรการรองรับและมีการกำกับที่เป็นรูปธรรม ทั้งนี้ ขอให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นำผลการประชุมดังกล่าว เสนอคณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบ และดูแลกำกับโครงการต่าง ๆ ให้เป็นไปตามที่กำหนด

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 19 มิถุนายน 2566

‘ผู้กองธรรมนัส-จุ๊บจิ๊บ’ ร่วมทำบุญวัดป่าลานคำ ต.แม่ต๋ำ อ.เมือง จ.พะเยา พร้อมสักการะ พระพุทธรูปองค์หลวงพ่อขาว เพื่อความเป็นสิริมงคล

,

‘ผู้กองธรรมนัส-จุ๊บจิ๊บ’ ร่วมทำบุญวัดป่าลานคำ ต.แม่ต๋ำ อ.เมือง จ.พะเยา พร้อมสักการะ พระพุทธรูปองค์หลวงพ่อขาว เพื่อความเป็นสิริมงคล

เมื่อวันที่ 17 มิถุนายน 2566 ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ว่าที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร(ส.ส.)เขต1 จังหวัดพะเยา พรรคพลังประชารัฐ(พปชร.) พร้อมด้วยนางสาวธนพร ศรีวิราช ภริยา เดินทางลงพื้นที่ไปร่วมพิธีทำบุญฉลองหอฉัน ณ วัดป่าลานคำ ตำบลแม่ต๋ำ อำเภอเมือง จังหวัดพะเยา โดยมีพุทธศาสนิกชน และชาวบ้านในพื้นที่ผู้มีจิตศรัทธาร่วมในพิธีทำบุญเป็นจำนวนมาก

โอกาสนี้ ร้อยเอกธรรมนัส ยังได้สักการะพระพุทธรูปองค์หลวงพ่อขาว ศิลปะพม่า ที่มีอายุเก่าแก่มากกว่า 181 ปี ประดิษฐานภายในพระอุโบสถวัดป่าลานคำ ซึ่งถือเป็นพระพุทธรูปที่ศักดิ์สิทธิ์ เป็นที่เคารพสักการะของชาวชุมชนแม่ต๋ำป่าลาน และพุทธศาสนิกชนทั่วไป จากนั้นร้อยเอกธรรมนัส ยังได้พบปะทักทายประชาชนและร่วมถ่ายภาพกับชาวบ้านในพื้นที่อย่างเป็นกันเอง

สำหรับวัดป่าลานคำ ตำบลแม่ต๋ำ อำเภอเมือง จังหวัดพะเยาถือเป็นวัดเก่าแก่ ที่มีความสวยงาม และมีชื่อเสียงมานาน นอกจากเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปองค์หลวงพ่อขาว ศิลปะพม่า ที่มีอายุเก่าแก่มากกว่า 181 ปีแล้ว ยังเป็นที่ประดิษฐานองค์พระใหญ่ พระพุทธมเหศักดิ์สยามมินทร์กิติบุญยลาภ ที่มีหน้าตักกว้าง 10 เมตร สูงกว่า 18 เมตร ซึ่งภายในวัดเป็นสถานที่ร่มรื่น ถือเป็นสถานที่ที่ชาวพะเยาและนักท่องเที่ยวทั่วไปเดินทางมาทำบุญสักการะ ภายในวัดอย่างต่อเนื่องในปัจจุบัน

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 18 มิถุนายน 2566

“ปริญญา ว่าที่ ส.ส.กำแพงเพชร”เผย ชาวบ้านยังรอการแก้ไขปัญหาน้ำ-ที่ดิน มั่นใจ สานงานต่อในสภาฯเต็มที่ หวังยกระดับคุณภาพชีวิตเกษตรกร

,

“ปริญญา ว่าที่ ส.ส.กำแพงเพชร”เผย ชาวบ้านยังรอการแก้ไขปัญหาน้ำ-ที่ดิน มั่นใจ สานงานต่อในสภาฯเต็มที่ หวังยกระดับคุณภาพชีวิตเกษตรกร

นายปริญญา ฤกษ์หร่าย ว่าที่ ส.ส.เขต 4 จ.กำแพงเพชร พรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงปัญหาของประชาชนในจังหวัดกำแพงเพชรที่ต้องเร่งดำเนินการช่วยเหลือยังคงเป็นเรื่องของน้ำ โดยเฉพาะการช่วยเหลือเกษตร ในการเดินหน้าประสานงานกับกรมชลประทาน และกรมเจ้าท่า เพื่อให้มีการซ่อมบำรุง ฝายกั้นแม่น้ำปิง( ฝายวังบัว) ที่มีอายุการใช้งานมาอย่างยาวนาน เกิดการชำรุด และมีรอยร้าว จึงเป็นห่วง เรื่องของปริมาณน้ำที่อยู่ในช่วงฤดูมรสุม หากมีน้ำมาก และอาจทำให้ฝายกั้นน้ำพังได้ ส่งผลกระทบต่อการกักเก็บน้ำในช่วงฤดูแล้ง ซึ่งเชื่อว่าจะมีความคืบหน้าในการดำเนินโครงการซ่อมบำรุงได้เร็วๆนี้

นายปริญญา กล่าวต่อถึงปัญหาที่ทำกินว่า ต้องผลักดันอย่างต่อเนื่อง ประสานกับหน่วยงาน เพื่อให้สามารถออกโฉนดในการถือครองกรรมสิทธิ์ ที่ดิน เหมือนจังหวัดอื่นๆ เพราะประชากรในพื้นที่ส่วนใหญ่ ยังประกอบอาชีพทางการเกษตร ให้เป็นไปตามนโยบายของพรรค ต้องการให้ชาวบ้านมีสิทธิ์ในที่ดินโดยโฉนดเป็นของตนเอง เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิต

นายปริญญา ยังกล่าวทิ้งท้ายด้วยว่า ตนขอบคุณประชาชนในพื้นที่ทุกคนสำหรับทุกๆ คะแนนเสียง ทุกๆ ความไว้วางใจที่มอบให้ตนได้เข้าไปทำหน้าที่ตัวแทนในสภาอีก 1 สมัย ซึ่งตนจะตั้งใจทำงานอย่างเต็มที่ เพื่อนำการพัฒนามาสู่จังหวัดกำแพงเพชรบ้านของพวกเรา รวมถึงการแก้ไขปัญหาให้กับชาวกำแพงเพชรทุกคนด้วย

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 17 มิถุนายน 2566

“อนันต์ ว่าที่ ส.ส.กำแพงเพชร”ลั่น ต้องใช้งบกรมพัฒนาที่ดิน แก้ปัญหาคุณภาพดินให้เกษตรกรพ้นความยากจน เชื่อ ถ้าฐานไม่แข็งแรง อย่างอื่นก็ไปได้ยาก

,

“อนันต์ ว่าที่ ส.ส.กำแพงเพชร”ลั่น ต้องใช้งบกรมพัฒนาที่ดิน แก้ปัญหาคุณภาพดินให้เกษตรกรพ้นความยากจน เชื่อ ถ้าฐานไม่แข็งแรง อย่างอื่นก็ไปได้ยาก

นายอนันต์ ผลอำนวย ว่าที่ ส.ส.เขต 3 จ.กำแพงเพชร พรรคพลังประชารัฐ กล่าวว่า 4 ปีที่ผ่านมาตนทำงานอย่างต่อเนื่อง ไม่เคยทิ้งพื้นที่ ตั้งใจทำเพื่อพี่น้องประชาชนมาตลอด ทั้งงานในสภา และนอกสภา เช่นเดียวกับในครั้งนี้ที่ประชาชนได้มอบโอกาสให้ตน ซึ่งยังมีแผนงานที่ต้องเข้าไปสานต่อให้กับเกษตรกรในกำแพงเพชรอีกหลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาดิน
เพราะพื้นดินในประเทศไทยถูกใช้งานเกษตรมานาน จึงมีความจำเป็นที่จะต้องทำให้ดินมีความอุดมสมบูรณ์ ให้ดินอยู่ในสภาพที่จะใช้ปลูกพืชได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยการแก้ปัญหานี้จะต้องใช้งบกรมพัฒนาที่ดินในการจัดการ ซึ่งตนก็จะผลักดันในสภาฯเพื่อแก้ปัญหานี้ให้ได้รับการแก้ไข เพราะคุณภาพดินจะต้องดีขึ้นให้ได้ ถ้าฐานไม่แข็งแรง อย่างอื่นก็จะไปได้ยาก

นายอนันต์ กล่าวต่อว่า ประชาชนในประเทศไทยรวมถึงจังหวัดกำแพงเพชร ส่วนใหญ่มีอาชีพเกษตรกร ซึ่งปัญหาที่มีมาอย่างยาวนานก็คือความยากจน ดังนั้นเราต้องแก้ปัญหาที่ต้นน้ำ นั่นก็คือ การบริหารจัดการน้ำ ไม่ว่าจะเป็น การดูแลลำคลอง การทำโครงการแก้มลิง เหล่านี้เป็นหัวใจของ ส.ส.ที่ต้องเร่งทำให้กับประชาชนให้เร็วที่สุด เพราะเป็นเรื่องจำเป็นที่ต้องลดรายได้ เพิ่มรายจ่ายให้เกษตรกร เพราะถ้าผลผลิตที่ได้มีจำนวนต่ำ ทำไปก็ไม่พ้นความยากจน ทั้งนี้ การแก้ปัญหาจะต้องมีการประสานกับหลายหน่วยงาน เช่น กรมทรัพยากรน้ำ,กรมอุทยานแห่งชาติ, สปก.,กรมชลประทาน, กรมทรัพยากรน้ำ เพื่อการแก้ไขแบบบูรณาการ เพราะถ้าไม่เร่งทำ โอกาสทางรอดของเกษตรกรจะยากมาก

ทั้งนี้ นายอนันต์ ยังฝากถึงรัฐบาลชุดใหม่ว่า นโยบายบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ จะต้องทำให้ครบวงจร ไม่ใช่แค่ให้เงินกับประชาชน แต่ต้องมีการฝึกอาชีพให้ และสามารถทำได้จริง เพราะการดำเนินการตามนี้จะสามารถแก้ปัญหาเศรษฐกิจได้อย่างยั่งยืน รวมถึงในอนาคตจะสามารถแก้ปัญหาการเมืองได้ด้วย

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 16 มิถุนายน 2566

“อัคร ว่าที่ ส.ส.เพชรบูรณ์”เตรียมผลักดันผลิตภัณฑ์ชุมชนกระตุ้น ศก.พร้อมนำเทคโนโลยีจัดการเพาะปลูก ช่วยพัฒนาภาคเกษตร ลั่น การเมือง คือ ปชช.พร้อมทุ่มเทให้ชาวเพชรบูรณ์

,

“อัคร ว่าที่ ส.ส.เพชรบูรณ์”เตรียมผลักดันผลิตภัณฑ์ชุมชนกระตุ้น ศก.พร้อมนำเทคโนโลยีจัดการเพาะปลูก ช่วยพัฒนาภาคเกษตร ลั่น การเมือง คือ ปชช.พร้อมทุ่มเทให้ชาวเพชรบูรณ์
นายอัคร ทองใจสด ว่าที่ ส.ส. เขต 6 จ.เพชรบูรณ์ พรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงการทำหน้าที่ในช่วงนี้ว่า ตนยังลงพื้นที่ต่อเนื่อง เพื่อพูดคุยกับพี่น้องประชาชนถึงปัญหาในพื้นที่ ซึ่งพื้นที่ อ.วิเชียรบุรี และศรีเทพ จ.เพชรบูรณ์ ยังมีปัญหาเรื่องโครงสร้างพื้นฐานที่ต้องแก้ไขอีกหลายจุด โดยต้องเร่งสำรวจว่า มีจุดไหนบ้างที่ต้องประสานกับหน่วยงานให้เข้ามาดูแลซ่อมบำรุง โดยเฉพาะเรื่องของถนน ที่ทำให้ประชาชนไม่ได้รับความสะดวกในการสัญจร และไม่มีความปลอดภัย

นายอัคร กล่าวต่อว่า อีกเรื่องหนึ่งที่สำคัญก็คือ การกระตุ้นเศรษฐกิจท้องถิ่น โดยเฉพาะในเรื่องการผลักดันผลิตภัณฑ์ชุมชนที่มีชื่อเสียงของวิเชียรบุรี และศรีเทพ นอกจากขึ้นชื่อเรื่องของไก่ย่างวิเชียรบุรี ที่เป็นที่รู้จักแล้ว ยังมีผลิตภัณฑ์อื่นๆ ชูเป็นสินค้าเด่น ทั้งผ้าไหมทอ ซึ่งจำเป็นต้องสร้างตลาด เชื่อมกับแหล่งท่องเที่ยว เนื่องจากเส้นทางวิเชียรบุรี และศรีเทพ เป็นเส้นทางก่อน เข้าสู่แหล่งท่องเที่ยวเขาค้อ ต้องมีการประสานงานกับหน่วยงานจังหวัด เพื่อดำเนินการจัดสร้างศูนย์จัดจำหน่ายของทีระลึก เพื่อเป็นแหล่งศูนย์ร่วมให้ชาวบ้านมาวางจำหน่ายให้กับนักท่องเที่ยว ทำให้เกิดการสร้างรายได้ ให้กับประชาชนได้อีกทางหนึ่ง และรักษาวัฒนธรรมของท้องถิ่น

นายอัคร ยังกล่าวต่อว่า เรื่องน้ำก็เป็นปัญหาที่สำคัญที่ต้องประสานกับหน่วยงาน จัดสร้างแหล่งน้ำ อ่างเก็บน้ำ หรือฝาย เพื่อกั้นน้ำ ใช้ทางการเกษตร ประชากรส่วนใหญ่กว่า 50% ประกอบอาชีพทางการเกษตร เนื่องจากพื้นที่ของอ.วิเชียรและศรีเทพ เป็นพื้นที่ลาดชัน ทำให้ไม่สามารถกักเก็บน้ำได้ตลอดทั้งปี ซึ่งเรายังมีแนวทางที่จะส่งเสริมให้ภาคเกษตร เป็นเกษตรสมัยใหม่ ไม่ว่าจะเป็นการเพาะปลูกอ้อย ข้าว ข้าวโพด ในการนำเทคโนโลยีมาใช้ประโยชน์การบริหารจัดการเพาะปลูก เพื่อให้สามารถคาดการณ์ปริมาณการเพาะปลูกให้เหมาะสมกับปริมาณน้ำ รวมถึงต้นทุนของการเพาะปลูกทั้งในเรื่อง การใช้ปุ๋ย เพื่อการวางเป้าหมายและผลลัพธ์ทางการเกษตรที่จะเกิดขึ้น ทำให้สามารถควบคุมต้นทุนการผลิตได้อย่างแท้จริง

“ผมพร้อมทุ่มเททั้งแรงกาย และแรงใจเพื่อชาวเพชรบูรณ์อย่างเต็มที่ เพราะที่นี้คือบ้านของผม สำหรับผมการเมืองคือ ประชาชน การสร้างตัวตนหรือภาพลักษณ์คือ เรื่องรอง สิ่งแรกที่ต้องทำคือเข้าถึงให้จริง รู้จักจริงๆ ทำความเข้าใจปัญหา และนำสิ่งนั้นมาศึกษาเพื่อนำไปแก้ไขอย่างตรงจุด”นายอัคร กล่าว

ที่มา: ทีมประชาสัมพันธ์ พรรคพลังประชารัฐ
วันที่: 15 มิถุนายน 2566